วางนั้นก็คือทน : องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย Nana nora, 25 เมษายน 2023.

  1. Nana nora

    Nana nora สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    5
    ค่าพลัง:
    +68
    "วางนั้นก็คือทน"

    342623750_755092146345720_8683917305586815120_n.jpg

    "วางนั้นก็คือทน"

    “...ถ้ามันเป็นของปลอมมันจะออกจากธรรมจากวินัยนะ ถ้ามันเป็นของจริงนี่มันจะไม่ได้ออกจากธรรมจากวินัยเลยมันเป็นอย่างงั้น ถ้าออกจากธรรมจากวินัยไม่มีทาง เป็นของปลอมล้วนๆ ของปลอมล้วนๆ ของปลอมทั้งสิ้นเลย เพราะผู้นั้นจะต้องเคารพพระพุทธเจ้าเมื่อถึงที่สุดแห่งธรรมแล้ว เมื่อปิดสวิตช์ภพชาติได้แล้วก็ต้องเอาธรรมวินัยเป็นใหญ่ หากแม้นจะเอาสิ่งที่ตัวเองรู้เห็นออกมาแสดง ที่บอกว่ามหัศจรรย์ที่สุด มันก็ไม่ทิ้งธรรมทิ้งวินัยนะลูก มันอยู่อย่างงั้นไม่ใช่ว่าของข้าเป็นอย่างงี้ ของข้าเป็นอย่างงี้ มันเป็นอย่างงี้ไปเลยมันไม่ได้ ก็ถือว่าพวกเธอออกมาเพื่อทำลายศาสนานั่นเป็นอย่างงั้น ถ้าของจริงต้องเอาธรรมเอาวินัยเป็นใหญ่เหมือนหลวงตามหาบัวเรางั้นของจริงไหมล่ะ ของพ่อแม่ครูอาจารย์แต่ละรูป แต่ละรูป ท่านก็ละขันธ์ไป ละขันธ์ไป เข้าสู่ปรินิพพานแล้วเหลือกี่รูปล่ะ ถ้าเราเพียงพอแล้วก็ออกมาสิเอาไว้ทำไมใช่ไหมล่ะ ตอนนี้เยอะแล้วนี่พ่อแม่ครูอาจารย์ที่สมัยเป็นศิษย์สายหลวงปู่มั่นก็เอาออกมาแล้วนั่น เห็นไหมล่ะตอนแรกมีใครกล้าไหมล่ะมีแต่เรานี่แหละแหย่ไปแหย่มา แหย่ไปแหย่มา เต็มแล้วตอนนี้พ่อแม่ครูอาจารย์ออกมาแสดงแล้ว หมู่คณะก็ออกมาแสดงแล้วนั่นเห็นไหมล่ะมันก็เจริญรุ่งเรืองด้วยมรรคด้วยผลด้วยธรรมด้วยวินัยสิใช่ไหมล่ะ แล้วจะบอกว่าเป็นประเพณีกันมาบอกว่าผู้รู้เขาไม่พูดหรอกเขาว่านะเห็นไหมล่ะ โอ...ก็ ๘๔,๐๐๐ กัณฑ์ออกจากผู้รู้ เป็นบ้ากันสิพวกเรา เห็นไหมล่ะเราว่างั้น จริงไหมล่ะ ถ้ามันเป็นของแท้เป็นของจริงมันจะไม่มีความกล้าความกลัวเข้าไปในนั้น

    มันเป็นความบริสุทธิ์ของมันอยู่อย่างงั้นที่ออกมาแสดงเบื้องต้นท่ามกลางบั้นปลายที่สุดนั่นจะมหัศจรรย์พลิกสัญญาแบบชนิดที่บอกว่าโลกธาตุหวั่นไหวหรือเป็นการพลิกสัญญาโลกธาตุใจหวั่นไหวโดยถ่ายเดียวก็มี รู้ได้เฉพาะตนเท่านั้น แต่อีกอย่างนี่โลกธาตุหวั่นไหวกระเทือนเลื่อนลั่นเหมือนหลวงปู่งั้น มันคนละอย่าง แต่อย่างรู้เฉพาะตนไม่มีใครทราบ รู้เฉพาะตนรู้เองก็วางภาระมันก็จบมันไม่มีอะไรมาก วางได้หรือเปล่าก็แค่นั้นเอง วางความโกรธได้ไหม วางความโลภได้ไหม วางความหลงได้ไหม วางทิฐิมานะได้ไหม ส่วนมากมันไม่ยอมวางนี่เห็นไหมล่ะ มันจะมีอะไรก็เพียงวางแค่นั้นเองความโกรธมาก็อย่าไปทำตามมันสิก็วางมันสิ ความรักมาก็จะไปทำตามมันสิก็วางมันสิ ความชังมาก็วางมันสิไปทำตามมันทำไม ถ้ามันแรงเกินไปก็เดินหนีสิ ทนไว้ก่อนเอาใหม่จนที่มันเบาบางไปแล้วก็อันตรธานสิ้นจากหัวใจดวงนี้ไปมันก็เหลือแต่ความชุ่มเย็นของหัวใจดวงนี้นั่น

    มันก็วางไปเรื่อยๆ วางไปเรื่อยๆ มันก็ถึงที่สุดก็วางไป บางคนก็วางได้ช่วงบั้นปลายสุดท้ายช่วงที่จะตาย มันก็ค่อยทำไปเรื่อยๆทำไปเรื่อยๆฝึกฝนอบรมบ่มนิสัยไปเรื่อยๆมันก็ไม่ได้ยากยุ่งยากอะไร ยุ่งยากเรื่องอะไร ยุ่งยากก็เพราะว่าเรามันทำตามใจของตัวเองแค่นั้น ถ้ามันฝืนใจตัวเองได้มันก็ไม่ยุ่งยาก ฝืนปั๊บมันก็วางปั๊ปได้นี่ มันก็ทรงมรรคทรงผลได้ก็แค่นั้นเองมันจะไปยุ่งยากกับเรื่องอะไรหรือพวกเราไม่ยอมวางสิ ทิฐิมานะเกิดขึ้นกัดฟันกรอดๆแยกเขี้ยวใส่กันเหมือนหมามันจะวางกันได้ยังไงนั่น บวชมาก็ยิ่งเป็นพวกเหลืองห่มหมาอยู่นั่น อายมันไม่ใช่อะไรหรอกมันละอายพ่อเราคือพระพุทธเจ้า พ่อเราบอกพ่อเราสอนด้วยพระเมตตาทั้งนั้น พวกเราไม่ยอมสิ ออกมาก็กฐินผ้าป่าร้อยล้านพันล้านหมื่นล้านแสนล้าน เครื่องรางของขลังรุ่นนั้นรุ่นนี้นั่นอะไรมันจะขลังเท่ากับธรรมกับวินัยในการฆ่าเปรตฆ่าผีในหัวใจของตัวเอง ทรงมรรคทรงผลขึ้นมา ทรงมรรคทรงผลขึ้นมา

    ก็ความตายมันจ้องอยู่นี่ เราก็ทราบแต่ว่าเรายังไม่ตายอยู่ปัจจุบัน แล้วตายเมื่อไหร่เราไม่ทราบนี่ใช่ไหมล่ะนั่น อาจจะตายขณะนี้เดี๋ยวนี้ใครจะทราบได้ แล้วพวกเราเนี่ยมันประมาทถ้ามันไม่ประมาทมันอยู่ตลอดเวลานะ เออ..มันไม่ได้ว่าเสียสติขาดสติไปไหน ดูอะไรเห็นอะไรก็เป็นธรรมล้วนๆ เป็นธรรมล้วนๆ ไม่ได้ว่าเป็นเปรตเป็นผีเป็นอธรรรมนี่มันเป็นธรรมล้วนๆ นี่ น้อมเข้ามา น้อมเข้ามา มีอะไรเป็นของเที่ยงบ้าง ก็วางสิความโกรธมันก็ไม่ได้เที่ยง ความชังมันก็ไม่ได้เที่ยง ความรักมันก็ไม่ได้เที่ยง พิจารณาไตร่ตรองดูมันก็วางไปเรื่อยๆ วางไปเรื่อยๆ วางได้มีสติรู้ตัวอยู่ตลอดมันโกรธขึ้นมาแล้วก็ว่างปั๊ป คำว่าวางปั๊บตัวนี้คือไม่แสดงออกมานั่น ทนอยู่กับอากัปกิริยาของมัน มันจะอยู่กี่วันก็ชั่งมันสินั่น รับรองมันไม่ได้อยู่อย่างเดียวหรอก ความชังเกิดขึ้นความรักมันก็เกิดขึ้น มันวางความชังความรักมันก็เกิดขึ้น ความรักเกิดขึ้นมันก็วางความรักและมันก็เหลือความชัง มันก็ไม่เห็นว่ามันมีตลอดไปว่ารักอย่างเดียวหรือชังอย่างเดียวนั่น มันก็คิดเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปปรุงแต่งของมันไปอย่างงั้น ก็รู้ตามสภาพของมันก็จบแค่นั้นเอง ทนไปเรื่อยๆทนไปเรื่อยๆก็วางๆ

    วางนั้นก็คือทน ไม่เอา จะเอาไปยึดมั่นถือมั่นกับมันเราก็เป็นทุกข์ทันที แล้วใครจะทำได้ ทำได้หมดนั่นแหละถ้าอยากจะทำนะ ส่วนมากมันไม่ทำสิ มันขี้เกียจขี้คร้านไม่คิดที่จะทำลายเปรตผีในหัวใจของตัวเอง...

    พระธรรมเทศนา : องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร
    วัดป่าห้วยริน ต.หัวนาคำ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น
    ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
    เปิดดูไฟล์ 6167983
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2023

แชร์หน้านี้

Loading...