วางความปลิโพธกังวล : องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย Nana nora, 23 เมษายน 2023.

  1. Nana nora

    Nana nora สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    5
    ค่าพลัง:
    +68
    #วางความปลิโพธกังวล

    “…ความปลิโพธกังวลถ้าวางไม่ได้การตรัสรู้ไม่เกิด ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ ต้องวางความปลิโพธกังวลทั้งหมด ปลิโพธกังวลสิบวางให้ได้ วางทั้งหมดถ้าวางไม่ได้ผู้นั้นไม่บรรลุมรรคผลนิพพาน ขั้นต้นก็ไม่บรรลุขั้นกลางก็ไม่บรรลุขั้นสูงสุดก็ไม่บรรลุ เนี่ยพูดเฉพาะผู้ที่เข้าภาคปฏิบัตินะลูกนะภาคปริยัติฟังไม่รู้เรื่องเพราะยังนึกตรึกตรองหลงและมีความกังวลในภาคปริยัติ เอ...พระพุทธเจ้าไม่ตรัสอย่างนี้นี่นา ในตำราไม่เขียนไว้เลยนี่ ไม่มี ไม่เคยได้ยินได้ฟังแสดงว่าครูบาอาจารย์รูปนั้นรูปนี้คิดผิด นี่ความปลิโพธกังวลในตำรานี่ยากมากนะลูกวางไม่ได้ อย่างงั้นพระอานนท์จึงวางตำรา กังวลสิ อ้าว...พระสูตรนี้ก็ดีพระสูตรนั้นก็ดี...กังวล พระสูตรนั้นก็ดี เอ้านี่ดีหมดเอาไปเอามาเบื่อหน่ายวาง วางมันจะมีผู้รู้ผู้เห็นตัวที่ทำงานมันจึงเหนือตัวนั้นไป
    นี่มหัศจรรย์นะลูกนะอย่างงั้นพระพุทธเจ้าจึงพูดถึงความมหัศจรรย์ของธรรม ไม่มหัศจรรย์ได้ยังไง มันเหนือวิสัยของสัตว์โลกที่อยู่ในกามรูป รูปโลก และอรูปโลก โลกธาตุที่เป็นร่างกายนี้กระเทือนเลื่อนลั่น แตกกระจัดกระจายไม่เหลือแม้แต่จุดต่อม แต่เมื่อร่างกายยังมีชีวิตอยู่มันหากรวมกันเข้ามาใหม่เป็นปกติจึงเป็นธรรมชาติแห่งหยาบและละเอียด คือละเอียดก็รู้แล้วหยาบก็รู้เข้าประสานกันอยู่ต่างอันต่างจริงต่างอันต่างอยู่เนี่ยความอัศจรรย์ที่มันเกิดมันเป็นอย่างงั้น เวลาที่โลกธาตุหวั่นไหวนี่ โลกธาตุทั้งกามรูป รูปโลก และอรูปโลก กระเทือนเลื่อนลั่นมันจะแตกไปหมดนะลูก ไม่มีชิ้นดีไม่มีชิ้นไม่มีจุดไม่มีต่อมเลยทั้งกามรูป รูปโลก และอรูปโลก โลกกายนี้ด้วยแล้วมันจะปรับสภาพใหม่คอยหยาบขึ้น หยาบขึ้น หยาบขึ้น เมื่อร่างกายนี้ยังไม่แตกสลาย อย่างงั้นจึงต่างอันต่างจริงต่างอันต่างอยู่ตอนนี้ นั่นแหละผู้ที่สามารถบรรลุมรรคผลพระนิพพานในขั้นนั้นได้จึงจะทราบได้ ขันธ์ยังอยู่นี่ นี่เรียกว่าอะไรนิพพาน นิพพานธาตุสองอย่าง

    จะรู้นักปฏิบัติ ถ้าไม่ใช่นักปฏิบัติไม่รู้ไม่เห็นว่าที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติที่ว่าอันนี้เป็นนิพพานธาตุสองอย่าง อันนี้เวลาที่มันดับไปแล้วอะไรเป็นตัวดับอะไรเป็นตัวอยู่ ร่างกายมันยังอยู่อะไรเป็นตัวดับอะไรเป็นนิพพานที่ในตำราก็ว่าอีกอย่าง แต่การปฏิบัติไปก็ว่าอีกอย่างกิเลสนิพพาน ในตำราว่ากิเลสนิพพาน คำว่านิพพานคืออะไร อ่านไปศึกษาไปความกังวลมันเกิด ความปลิโพธกังวลสงสัยมันไม่ลงนะลูกนะ ถ้าวางความปลิโพธกังวลก็ไม่ได้สงสัยอีกเนี่ยถ้าว่ายากมันก็ยาก ถ้าว่าง่ายมันก็ง่าย เพียงพูดให้ฟังเพื่อเสริมสติกำลังปัญญาของนักปฏิบัติ ถ้าพวกเราเป็นนักปฏิบัติก็จะฟังอย่างเดียววางความปลิโพธกังวล

    หลวงปู่เทศน์ให้ฟังอย่างเดียวนะ เทศน์ให้ลูกหลานฟังอย่างเดียวอย่าให้มีความกังวลเข้าไปยุ่ง เทศน์ให้ได้ยินได้ฟังถึงความมหัศจรรย์ของธรรมแค่นั้นว่านี่มันมหัศจรรย์อย่างงี้เลิศอย่างงี้ ห้ามเอาความกังวลเข้าไปยุ่งไม่งั้นลูกจะเป็นทุกข์ ฮู้...เราทำไม่ได้ เราทำไมถึง ฮุย...ฟังแล้วปวดหัว ฟังแล้วยุ่งมันเหมือนกับสับสนแต่มันก็ไม่ใช่ อย่าไปคิดอย่างงั้น ให้คิดแต่ว่าฟังอย่างเดียวรู้อย่างเดียวฟังแล้ววางปั๊บ ถ้ากัณฑ์เทศน์กัณฑ์ไหนที่หลวงปู่เทศน์ถึงความละเอียดของจิตความละเอียดของธรรมให้ลูกฟังอย่างเดียว ฟังถึงบั้นปลายสุดท้ายให้วางปั๊ปมันจะสถิตในจิตดวงนั้นปั๊บถึงวันเวลาที่ลูกปฏิบัติไป ปฏิบัติไป สิ่งนี้มันจะเข้าหากัน ที่ฟังแล้วว่างปั๊ปความปลิโพธกังวลไม่มีเพราะตัวนั้นมันละเอียด มันก็จะวางและสถิตในจิตดวงนั้น ปฏิบัติไป ปฏิบัติไป ปฏิบัติไปเรื่อยๆตัวนั้นก็จะส่งผลบั้นปลายสุดท้าย

    นี่เทศน์ให้ลูกหลานฟังไม่ใช่ว่าฟังแล้วปวดหัวนึกตรึกตรองดูตามนั้นมันละเอียดแท้เราจะทำได้หรืออย่าคิดนึกตรึกตรองอย่างงั้น เพราะนี่คือคือความปลิโพธกังวล ให้ฟังอย่างเดียว ฟังตั้งใจฟังมันจะเป็นสมาธิมันจะอยู่อย่างงั้น ฟังแล้วว่างปั๊ปอย่าไปคิดอีก อย่าให้มีความกังวลในกัณฑ์เทศน์ขั้นละเอียดขั้นตะลุมบอนขั้นที่ตัดสินปัญหาที่ถอนรากถอนโคนกิเลสเปรตผีในหัวใจ ฟังอย่างเดียววางปั๊บสิ่งที่ดีจึงจะเคลือบในจิตของลูกได้ อย่ามานึกมาตรึกมาตรองอีก ยกเว้นที่เป็นของหยาบที่เราพอนึกตรึกตรองได้ ตัวนี้นึกตรึกตรองได้ การฟังธรรมเนี่ยให้มันเป็นสมาธิโดยถ่ายเดียวถ้าขั้นปฏิบัติขั้นตะลุมบอนคือหลวงปู่ต้องการเทศน์เพื่อฝึกจิตของลูกให้ลูกมีจิตนิ่งในขณะฟังธรรมอานิสงส์จึงจะเกิด ไม่ให้นึกไม่ให้ตรึกไม่ให้ตรองไปตาม ถ้ากัณฑ์ไหนเป็นกัณฑ์ที่สุดโต่งฮึกเหิมตัดสินปัญหาภพชาติให้ฟังอย่างเดียว บุญจะเคลือบในจิตปั๊บตัวนั้น ฟังแล้วก็ว่างปั๊ปตอนนี้ลูกก็เป็นปกติอย่าไปนึกไปตรึกไปตรองอีกว่าหลวงปู่เทศน์เรื่องอะไรให้ตั้งใจฟังโดยถ่ายเดียวตัวนี้จะมีบุญมากกว่า งั้นเวลาที่ลูกปฏิบัติไป ปฏิบัติไป เข้าหากันปั๊บตัวที่มันฝังลึกด้วยการฟังธรรมที่ขั้นโสสุดโสเป็นโสตายมานั้นปั๊บมันจะสว่างโล่ในบั้นปลายสุดท้ายที่เป็นภาวนามยปัญญาของลูกเอง...”

    พระธรรมเทศนา : องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร
    วัดป่าห้วยริน ต.หัวนาคำ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น
    ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๕

    12.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...