วัดเป็นสถานที่ภาวนาเพื่อความสงบใจ ไม่มีกิจจำเป็น ไม่ควรมาเที่ยวเพ่นพ่าน

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 3 มีนาคม 2014.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    พระอาจารย์ กล่าวว่า "ที่นี่เป็นวัด เป็นสถานที่ภาวนาเพื่อความสงบใจ ไม่มีกิจจำเป็น ไม่ควรมาเที่ยวเพ่นพ่าน เพื่อนพระท่านไปถึงวัด ถามว่าวัดนี้มีพระกี่รูป อาตมาบอกว่า ๓๐ กว่ารูป เขาตกใจ เพราะไม่เห็นมีพระออกมาเดินเลย อาตมาบอกว่า เจ้าอาวาสดุ มาเดินเกะกะเดี๋ยวก็เจอดี..!

    ช่วงปฏิบัติธรรม มี พระมหาสมคิด ยสพโล เปรียญธรรม ๙ ประโยค ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปฐมเจดีย์ ท่านไปอยู่ปฏิบัติด้วยจนครบ ๕ วัน จากนั้นขอไปอยู่ต่อที่วัดพุทธบริษัท อาจจะแวะไปเกาะฤๅษีกับถ้ำทะลุด้วย ท่านบอกว่ามาดูว่าที่นี่ปฏิบัติกันอย่างไร พอวันรุ่งขึ้น พระมหาอนุวัชร์ อภิชาโต เปรียญธรรม ๙ ประโยค วัดสองพี่น้องไปอีกท่าน อาตมาว่าพวกนี้ชักจะติดใจกันใหญ่แล้ว ...(หัวเราะ)... ตกลงที่โดนเฉ่งกันไป ๑๐ กว่าวันตอนปฏิบัติธรรมประจำปีนี่ยังไม่เข็ดใช่ไหม ? อาตมาได้เปรียบตรงที่ว่าถ้าดักทางถูก ท่านทั้งหลายจะให้ความเชื่อถือ คราวนี้ท่านจะไปซอกไหนมุมไหนโดนต้อนไว้หมด ท่านก็เลยต้องยอมรับ

    ส่วนใหญ่ท่านเป็นเจ้าคณะปกครองกัน มีพวกเจ้าคุณ พวกเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล อย่างน้อยก็เจ้าอาวาส ก็แปลว่าตอนนี้ในเขตคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ก็คือนครปฐม กาญจนบุรี สุพรรณบุรี สมุทรสาคร บวกกับกรุงเทพฯ นนทบุรี และปทุมธานีบางส่วน ที่ไปเรียนด้วยกัน ต่อไปท่านคงจะยึดแนวปฏิบัติตามแบบที่อาตมาสอน คืออาตมาไม่ให้ท่านไป พองหนอ..ยุบหนอ ตลอด

    เริ่มต้นเช้ามืดขึ้นมา ก็ปฏิบัติแบบที่สอนตอนพวกเราเจริญกรรมฐานเลย พอใจสงบแล้วก็ไม่ดิ้นรนไปไหน พออาตมาให้เขา ๒ - ๓ วันเท่านั้นแหละเงียบกริบ จนกระทั่ง ผอ.บุญเลิศ ท่านมา ถามว่า “นิ่งได้ขนาดนี้เลยหรือ?”

    เพียงแต่พวกเราส่วนใหญ่เข้าใจผิด มีหลายส่วนที่อาตมาอยากจะพูดมากเหลือเกิน แต่ถ้าพูดไปเท่ากับไปตีเขาว่าคนอื่นเขาทำผิด อย่างเช่นใน มหาสติปัฏฐานสูตร ที่ว่า เอกายะโน อะยัง ภิกขะเว มัคโค สัตตานัง วิสุทธิยา เขาแปลกันว่า เป็นทางสายเดียวที่ทำให้คนล่วงพ้นจากความทุกข์ ทำให้สัตว์ก้าวไปสู่ความบริสุทธิ์ แปลอย่างนั้นก็บ้าชัดๆ..!

    เอกะ คือ หนึ่ง อยนะ คือ หนทาง หนทางนี้เป็นทางหนึ่งที่นำสัตว์ไปสู่ความบริสุทธิ์ ไม่ใช่ทางเดียว ถ้าเป็นทางเดียวพระพุทธเจ้าท่านจะเทศน์ทำไมตั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ? แล้วครูบาอาจารย์ก็มาตีความว่า ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา พระพุทธเจ้าว่าต้องเสมอกัน กรรมฐานถึงจะเจริญ การปฏิบัติถึงจะเจริญ ในปัจจุบันก็คือ เขาให้ใช้สมาธิแค่อุปจารสมาธิ หรือขณิกสมาธิ ซึ่งไม่พอป้องกันตัวเองจากกิเลส โดนกิเลสตีตลอดเวลา เพราะฉะนั้นอาตมาเห็นว่า ถ้าสายนี้ใครประสบความสำเร็จผมถือว่าเป็น ทุกขาปฏิปทา ทันธาภิญญา ปฎิบัติก็ลำบาก บรรลุก็ยาก

    ลองอ่านประวัติของเขาผู้ปฏิบัติสายพองยุบดูสิ ครูบาอาจารย์แต่ละท่านบวชตั้งแต่อายุ ๒๐ ปี พอปฏิบัติไปจนอายุ ๘๐ ปีแล้วบรรลุมรรคผล ตลอดเวลา ๖๐ ปี แม้แต่เงยมองฟ้ายังไม่เคยเงยเลย แล้วถ้าอายุไม่ยืนขนาดนั้นจะมีโอกาสได้บรรลุไหม ? เขาบอกว่าศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ต้องเสมอกัน อาตมาไม่เถียง ในเมื่อพวกเรามีสมาธิอยู่ตั้งมากมายมหาศาลขนาดนั้น ทำไมไม่ยกศรัทธา วิริยะ สติ ปัญญา ขึ้นมาให้เท่ากับสมาธิ ? ทำไมคุณต้องลดสมาธิของคุณลงไปด้วย ? ”

    สายนี้อาตมาเขียนวิจารณ์ไว้เป็นเล่มหนังสือเลย แต่ออกมาไม่ได้ ออกมาเมื่อไรก็โยนระเบิดใส่เขา..!"



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2014
  2. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    .
    ถาม : ในสายตาของโยมที่เป็นฆราวาสก็จะเข้าใจว่าต้องปฏิบัติอย่างนี้ ?

    ตอบ : ต้องดู หลวงปู่กินรี สิ หลวงปู่กินรีสอน หลวงปู่ชา ว่า "คุณต้องพิจารณาช้าๆ เดินช้าๆ ต้องฉันช้าๆ" แต่หลวงปู่กินรีเองทำอะไรรวดเร็วเสร็จหมด หลวงปู่ชาทนไม่ได้ "สอนผมอย่างหนึ่งแล้วทำไมตัวเองทำอีกอย่างหนึ่ง" หลวงปู่กินรีบอกว่า “คนขับรถเร็วแล้วเขาปลอดภัยก็มี แต่คุณยังมือใหม่ ต้องหัดขับช้าๆ ไปก่อน”

    นอกจากนี้สายพองยุบเขาบอกว่า พระอัสสชิเถระ เดินแบบสติปัฏฐานนี่แหละ ทำให้ พระสารีบุตร เห็นแล้วเกิดความเลื่อมใส จึงตามไปฝากตัวเป็นศิษย์ อาตมาบอกว่า ถ้าท่านเดินแบบสติปัฏฐาน รับรองว่าอดเพล มัวแต่ยกย่างเหยียบอยู่ ๓๐ เมตรกว่าจะเดินถึง ใช้เวลา ๒ ชั่วโมงกระมัง ? บุคคลที่ปฏิบัติไปแล้ว สภาพจิตมีความแหลมคมว่องไวมากขึ้นๆ ตามลำดับ มีแต่จะทำอะไรเร็วขึ้น แต่ว่าเร็วโดยไม่ผิดพลาด

    ก่อนปฏิบัติอาตมาก็จะอธิบายให้พระฟัง แล้วอธิบายแบบไม่กลัวกระทบใคร เพราะตรงนั้นอาตมาใหญ่สุด เป็นประธานของพระวิปัสสนาจารย์ทั้ง ๑๑ รูป คราวนี้พูดแล้วไปตรงกับกำลังใจส่วนใหญ่ของเขา เขาก็ชอบใจ แล้วอีกอย่างก็ต้องบอกว่า เป็นความดีของ หลวงพ่อวัดท่าซุง ที่ท่านสอนกรรมฐานให้พวกเราครบทุกเรื่อง ไม่ว่าเขาจะติดขัดตรงไหน หรือว่ามาแง่ไหนมุมไหน อาตมาก็แก้ไขให้เขาได้หมด ผู้ที่จะเป็นวิปัสสนาจารย์ต้องได้อย่างนั้น ต้องไม่ไปลบล้างความดีเก่าของเขา เราดูโบราณาจารย์เริ่มจากไสยศาสตร์ทั้งนั้น แต่ว่าท่านสามารถพาเลี้ยวไปพุทธศาสตร์ได้ จนกระทั่งจบกิจไปตามๆ กัน ไม่ใช่ไปบอกว่า เฮ้ย..ของเขาไม่ดี ใช้ไม่ได้ คุณต้องเปลี่ยนใหม่อย่างเดียว..แบบนั้นตาย คนเขาขุดบ่อไปตั้ง ๗ - ๘ วาจะถึงน้ำอยู่แล้ว ดันไปบอกให้เขาเริ่มต้นขุดใหม่

    ที่สำคัญที่สุดคือการปฏิบัติช่วงเช้า ถ้านำให้ท่านเต็มที่ ใจทรงตัวแล้วจะเย็นทั้งวัน ท่านก็ไม่หนีกันหรอก แล้วอีกอย่างหนึ่งสิ่งที่อาตมาบอกไปเป็นประโยชน์ทั้งนั้น ท่านจึงอยากปฏิบัติกัน

    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    ณ บ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๗


    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3967&page=5



    .
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...