วัดสิงห์สุทธาวาสวัด...แห่งประวัติศาสตร์เมืองสิงห์

ในห้อง 'วัดและศาสนสถาน' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 10 สิงหาคม 2007.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>วัดสิงห์สุทธาวาสวัด...แห่งประวัติศาสตร์เมืองสิงห์</TD></TR><TR><TD vAlign=top>9 สิงหาคม 2550 17:30 น.</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG][/IMG] [​IMG] วัดในจ.สิงห์บุรี อันมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนไทยทั้งประเทศมีอยู่ ๔ วัด คือ ๑.วัดอัมพวัน(วัดหลวงพ่อจรัญ) ๒.วัดพิกุลทอง(วัดหลวงพ่อแพ) ๓.วัดพระนอนจักรศรีวัดที่มีพระนอนใหญ่ที่สุดในประเทศและ ๔.วัดสาละโคดมวัดที่พระชนนีในสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ สร้างขึ้น มีหลวงพ่อเศียรที่ชาวบ้านเคารพนับถือ
    นอกจากนี้ ยังมีอีกวัดหนึ่งแม้ว่าจะไม่เป็นที่รู้จักของคนไทยเท่าไรนัก แต่วัดนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เกี่ยวข้องกับการตั้ง จ.สิงห์บุรี คือ วัดสิงห์สุทธาวาสต.โพสังโฆอ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี
    ในหนังสือประวัติวัดทั่วราชอาณาจักรในประเทศไทย กล่าวถึงประวัติวัดสิงห์สุทธาวาส ไว้ว่า
    วัดสิงห์สุทธาวาสเดิมชื่อว่าวัดตะเคียนเพราะมีต้นตะเคียนอยู่เป็นสัญลักษณ์เริ่มก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.๒๓๙๑ ต่อมาทางราชการย้ายเมืองสิงห์ จากแม่น้ำจักรสีห์มาตั้งอยู่ริมแม่น้ำน้อย ทางด้านใต้ของวัดตะเคียน และคงจะเปลี่ยนชื่อช่วงต่อมา เรียกกันตามชื่อเมืองว่า "วัดสิงห์" ครั้นถึงสมัยของพระมหาเนี่ยมเกิดเมฆ เป็นเจ้าอาวาสจึงต่อคำท้ายเป็น "วัดสิงห์สุทธาวาส"
    ปัจจุบันวัดสิงห์สุทธาวาสมี พระครูวิสุทธาภิรักษ์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่วันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๔๑ เป็นต้นมา หลังจากนั้นท่านได้ปรับปรุงบริเวณวัดอย่างเป็นสัดส่วนชัดเจน โดยแบ่งเป็นเขตพุทธาวาส สังฆาวาส ภายในวัด และรอบๆ บริเวณวัด จัดบรรยากาศร่มรื่น สวยงาม โดยจัดสวนหย่อมปลูกไม้ดอก ไม้ประดับ รอบบริเวณวัด ตามต้นไม้จะมีสุภาษิต คติธรรม (ต้นไม้พูดได้) เพื่อไว้เป็นคติสอนใจ
    พระครูวิสุทธาภิรักษ์บอกว่าปูชนียวัตถุมีพระพุทธฉาย อยู่ในมณฑปพระพุทธรูปปางนาคปรก สร้างด้วยศิลา ชาวบ้านเรียก "หลวงพ่อนาค" องค์พระเป็นหินสกัดมีพญานาค ๗ เศียร แผ่รัศมีรอบเกศพระ ด้านหลังองค์พระมีเสมาธรรมจักร
    นอกจากนี้ยังพบ สิงห์ปั้นด้วยดินเผาอยู่๒ ตัว สันนิษฐานว่า สิงห์ที่พบนี้เป็นที่มาของชื่อ "วัดสิงห์" ต่อมาขุนสิงขรภุมมา ได้ขอไปไว้ที่อ.บางระจัน (ซึ่งสมัยนั้นชื่อ อ.สิงห์) ๑ ตัว ปัจจุบันยังมีอยู่ที่ หน้าที่ว่าการอำเภอบางระจัน
    หลวงพ่อนาคเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวบ้านวัดสิงห์สุทธาวาส มีความเลื่อมใสศรัทธาเป็นอันมาก
    ในระหว่างที่พระครูสุนทรปุญญากรเป็นเจ้าอาวาสวัดสิงห์สุทธาวาสนั้น มีเจ้าหน้าที่จาก อ.บางระจัน มาเตือนท่านว่า ให้รีบย้ายหลวงพ่อนาคไปไว้ที่อุโบสถ เพราะว่ามีคนคอยจะขโมย ซึ่งได้พยายามอยู่หลายครั้งแล้ว แต่ทำไม่สำเร็จ เนื่องจากเกิดปาฏิหาริย์ต่างๆ นานา เช่น บางครั้งทำให้เห็นเป็นเงามืดบดบังมองไม่เห็นองค์พระ จึงไม่สามารถขโมยไปได้
    สมัยที่พระอธิการบุญธรรมเป็นเจ้าอาวาสจึงได้ย้ายหลวงพ่อนาคไปประดิษฐานในอุโบสถต่อมาสมัย พระอธิการอวบเป็นเจ้าวาสถูกขโมยไปอีก จนสำเร็จ และไม่สามารถติดตามกลับคืนมาได้ แต่ทราบภายหลังว่า พวกที่ขโมยไปประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตหมด หลวงพ่อนาคที่เห็นอยู่นี้เป็นองค์จำลองที่ทำจากปูนปั้น
    เจ้าอาวาสวัดสิงห์สุทธาวาสยังเล่าด้วยว่า ในช่วงที่ พระมหาเนี่ยมเป็นเจ้าอาวาสได้เริ่มพัฒนาวัด โดยคิดสร้างกุฏิ เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์สามเณรได้อยู่จำพรรษา จึงได้ปรึกษาหารือกับชาวบ้านว่า วัดเรามีต้นตะเคียนเป็นจำนวนมาก ท่านคิดว่าจะโค่นต้นตะเคียนเพื่อเอาไม้มาทำกุฏิ
    ชาวบ้านเห็นด้วยจึงเริ่มโค่นต้นตะเคียน แต่เนื่องจากไม้ตะเคียนเป็นไม้ที่แรง (นางไม้) เมื่อใครลงมือโค่นก็ทำให้เจ็บป่วย และล้มตายไปหลายคน พระมหาเนี่ยมจึงยุติการโค่นต้นตะเคียน
    คืนหนึ่งพระมหาเนี่ยม ฝันว่า มีนางไม้มาหาท่าน และบอกท่านว่า ถ้าท่านสามารถกินเหล็กได้ก็จะโค่นต้นตะเคียนได้ด้วยความฉลาดของท่านมหาเนี่ยม ท่านจึงเอาตะไบมาตะไบเหล็ก แล้วเอาเศษเหล็กผงตะไบที่ได้ไปคลุกข้าวฉัน เพื่อเป็นการแก้เคล็ด ตามที่ฝัน จากนั้นได้ดำเนินการโค่นต้นตะเคียนต่อ จึงสามารถทำได้สำเร็จ สามารถสร้างกุฏิได้ ๙ หลัง พร้อมกับสร้างศาลาการเปรียญชั้นเดียว ยกใต้ถุนสูงประมาณ ๑ เมตร อีก ๑ หลัง เพื่อให้พระเณรได้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และใช้เป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนของนักเรียนในสมัยนั้น
    "เพื่อเป็นการส่งเสริมภูมิปัญญาของท้องถิ่น ทางวัดจึงได้จัดทำสวนสมุนไพร เพื่อการศึกษาอีกด้วย จนเมื่อปี ๒๕๔๕ กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ จัดให้เป็นวัดอุทยานการศึกษา ด้วยเหตุที่วัดนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ ทุกๆ ปีวัดจะสร้างเขื่อนคอนกรีต ซึ่งมีความยาวกว่า ๓๐๐ เมตร เพื่อป้องกันน้ำท่วม ทั้งนี้วัดจึงจัดสร้างจตุคามรามเทพ รุ่น 'บารมีหลวงพ่อแพ-สิงห์มหาเศรษฐี' เพื่อเป็นที่ระลึกสำหรับผู้ร่วมบุญในครั้งนี้" พระครูวิสุทธาภิรักษ์ กล่าว
    สำหรับพุทธศาสนิชนที่จะเดินทางไปกราบไหว้ขอพรหลวงพ่อนาค ชมสิงห์ปั้นด้วยดินเผา ที่มีอายุกว่า ๑๐๐ ปี รวมทั้งร่วมบุญสร้างเขื่อนริมแม่น้ำ ติดต่อสอบถามรายเอียดได้ที่พระครูวิสุทธาภิรักษ์ โทร.๐-๓๖๕๔-๓๑๒๔, ๐๘-๔๙๗๑-๒๑๖๙

    เรื่อง จีรแมน ขำฉา - สิงห์บุรี

    -->[​IMG]
    วัดในจ.สิงห์บุรี อันมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนไทยทั้งประเทศมีอยู่ ๔ วัด คือ ๑.วัดอัมพวัน(วัดหลวงพ่อจรัญ) ๒.วัดพิกุลทอง(วัดหลวงพ่อแพ) ๓.วัดพระนอนจักรศรีวัดที่มีพระนอนใหญ่ที่สุดในประเทศและ ๔.วัดสาละโคดมวัดที่พระชนนีในสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ สร้างขึ้น มีหลวงพ่อเศียรที่ชาวบ้านเคารพนับถือ
    นอกจากนี้ ยังมีอีกวัดหนึ่งแม้ว่าจะไม่เป็นที่รู้จักของคนไทยเท่าไรนัก แต่วัดนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เกี่ยวข้องกับการตั้ง จ.สิงห์บุรี คือ วัดสิงห์สุทธาวาสต.โพสังโฆอ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี ในหนังสือประวัติวัดทั่วราชอาณาจักรในประเทศไทย กล่าวถึงประวัติวัดสิงห์สุทธาวาส ไว้ว่า
    วัดสิงห์สุทธาวาสเดิมชื่อว่าวัดตะเคียนเพราะมีต้นตะเคียนอยู่เป็นสัญลักษณ์เริ่มก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.๒๓๙๑ ต่อมาทางราชการย้ายเมืองสิงห์ จากแม่น้ำจักรสีห์มาตั้งอยู่ริมแม่น้ำน้อย ทางด้านใต้ของวัดตะเคียน และคงจะเปลี่ยนชื่อช่วงต่อมา เรียกกันตามชื่อเมืองว่า "วัดสิงห์" ครั้นถึงสมัยของพระมหาเนี่ยมเกิดเมฆ เป็นเจ้าอาวาสจึงต่อคำท้ายเป็น "วัดสิงห์สุทธาวาส"
    [​IMG]
    ปัจจุบันวัดสิงห์สุทธาวาสมี พระครูวิสุทธาภิรักษ์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่วันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๔๑ เป็นต้นมา หลังจากนั้นท่านได้ปรับปรุงบริเวณวัดอย่างเป็นสัดส่วนชัดเจน โดยแบ่งเป็นเขตพุทธาวาส สังฆาวาส ภายในวัด และรอบๆ บริเวณวัด จัดบรรยากาศร่มรื่น สวยงาม โดยจัดสวนหย่อมปลูกไม้ดอก ไม้ประดับ รอบบริเวณวัด ตามต้นไม้จะมีสุภาษิต คติธรรม (ต้นไม้พูดได้) เพื่อไว้เป็นคติสอนใจ
    พระครูวิสุทธาภิรักษ์บอกว่าปูชนียวัตถุมีพระพุทธฉาย อยู่ในมณฑปพระพุทธรูปปางนาคปรก สร้างด้วยศิลา ชาวบ้านเรียก "หลวงพ่อนาค" องค์พระเป็นหินสกัดมีพญานาค ๗ เศียร แผ่รัศมีรอบเกศพระ ด้านหลังองค์พระมีเสมาธรรมจักร
    นอกจากนี้ยังพบ สิงห์ปั้นด้วยดินเผาอยู่๒ ตัว สันนิษฐานว่า สิงห์ที่พบนี้เป็นที่มาของชื่อ "วัดสิงห์" ต่อมาขุนสิงขรภุมมา ได้ขอไปไว้ที่อ.บางระจัน (ซึ่งสมัยนั้นชื่อ อ.สิงห์) ๑ ตัว ปัจจุบันยังมีอยู่ที่ หน้าที่ว่าการอำเภอบางระจัน [​IMG]
    หลวงพ่อนาคเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวบ้านวัดสิงห์สุทธาวาส มีความเลื่อมใสศรัทธาเป็นอันมาก
    ในระหว่างที่พระครูสุนทรปุญญากรเป็นเจ้าอาวาสวัดสิงห์สุทธาวาสนั้น มีเจ้าหน้าที่จาก อ.บางระจัน มาเตือนท่านว่า ให้รีบย้ายหลวงพ่อนาคไปไว้ที่อุโบสถ เพราะว่ามีคนคอยจะขโมย ซึ่งได้พยายามอยู่หลายครั้งแล้ว แต่ทำไม่สำเร็จ เนื่องจากเกิดปาฏิหาริย์ต่างๆ นานา เช่น บางครั้งทำให้เห็นเป็นเงามืดบดบังมองไม่เห็นองค์พระ จึงไม่สามารถขโมยไปได้
    สมัยที่พระอธิการบุญธรรมเป็นเจ้าอาวาสจึงได้ย้ายหลวงพ่อนาคไปประดิษฐานในอุโบสถต่อมาสมัย พระอธิการอวบเป็นเจ้าวาสถูกขโมยไปอีก จนสำเร็จ และไม่สามารถติดตามกลับคืนมาได้ แต่ทราบภายหลังว่า พวกที่ขโมยไปประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตหมด หลวงพ่อนาคที่เห็นอยู่นี้เป็นองค์จำลองที่ทำจากปูนปั้น
    [​IMG]
    เจ้าอาวาสวัดสิงห์สุทธาวาสยังเล่าด้วยว่า ในช่วงที่ พระมหาเนี่ยมเป็นเจ้าอาวาสได้เริ่มพัฒนาวัด โดยคิดสร้างกุฏิ เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์สามเณรได้อยู่จำพรรษา จึงได้ปรึกษาหารือกับชาวบ้านว่า วัดเรามีต้นตะเคียนเป็นจำนวนมาก ท่านคิดว่าจะโค่นต้นตะเคียนเพื่อเอาไม้มาทำกุฏิ
    ชาวบ้านเห็นด้วยจึงเริ่มโค่นต้นตะเคียน แต่เนื่องจากไม้ตะเคียนเป็นไม้ที่แรง (นางไม้) เมื่อใครลงมือโค่นก็ทำให้เจ็บป่วย และล้มตายไปหลายคน พระมหาเนี่ยมจึงยุติการโค่นต้นตะเคียน
    คืนหนึ่งพระมหาเนี่ยม ฝันว่า มีนางไม้มาหาท่าน และบอกท่านว่า ถ้าท่านสามารถกินเหล็กได้ก็จะโค่นต้นตะเคียนได้ด้วยความฉลาดของท่านมหาเนี่ยม ท่านจึงเอาตะไบมาตะไบเหล็ก แล้วเอาเศษเหล็กผงตะไบที่ได้ไปคลุกข้าวฉัน เพื่อเป็นการแก้เคล็ด ตามที่ฝัน จากนั้นได้ดำเนินการโค่นต้นตะเคียนต่อ จึงสามารถทำได้สำเร็จ สามารถสร้างกุฏิได้ ๙ หลัง พร้อมกับสร้างศาลาการเปรียญชั้นเดียว ยกใต้ถุนสูงประมาณ ๑ เมตร อีก ๑ หลัง เพื่อให้พระเณรได้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และใช้เป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนของนักเรียนในสมัยนั้น

    [​IMG]
    "เพื่อเป็นการส่งเสริมภูมิปัญญาของท้องถิ่น ทางวัดจึงได้จัดทำสวนสมุนไพร เพื่อการศึกษาอีกด้วย จนเมื่อปี ๒๕๔๕ กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ จัดให้เป็นวัดอุทยานการศึกษา ด้วยเหตุที่วัดนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ ทุกๆ ปีวัดจะสร้างเขื่อนคอนกรีต ซึ่งมีความยาวกว่า ๓๐๐ เมตร เพื่อป้องกันน้ำท่วม ทั้งนี้วัดจึงจัดสร้างจตุคามรามเทพ รุ่น 'บารมีหลวงพ่อแพ-สิงห์มหาเศรษฐี' เพื่อเป็นที่ระลึกสำหรับผู้ร่วมบุญในครั้งนี้" พระครูวิสุทธาภิรักษ์ กล่าว
    สำหรับพุทธศาสนิชนที่จะเดินทางไปกราบไหว้ขอพรหลวงพ่อนาค ชมสิงห์ปั้นด้วยดินเผา ที่มีอายุกว่า ๑๐๐ ปี รวมทั้งร่วมบุญสร้างเขื่อนริมแม่น้ำ ติดต่อสอบถามรายเอียดได้ที่พระครูวิสุทธาภิรักษ์ โทร.๐-๓๖๕๔-๓๑๒๔, ๐๘-๔๙๗๑-๒๑๖๙
    เรื่อง จีรแมน ขำฉา - สิงห์บุรี

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    --------------------
    ที่มา:คมชัดลึก
    http://www.komchadluek.net/2007/08/10/j001_130526.php?news_id=130526
     

แชร์หน้านี้

Loading...