วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ด้วยรัก30, 14 กุมภาพันธ์ 2016.

  1. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,985
    ค่าพลัง:
    +1,223
    จากหนังสือ วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน นำโดย พระอรหันต์จี้กง
    จุดมุ่งหมายเพื่อ
    1.ผลบุญกุศลบุญญาบารมีวาสนาที่ดีต่างๆทุกอย่างทุกประการที่ได้รับจากการนำมาลงเพื่อบอกให้ทุกท่านทราบ ขอผลบุญกุศลบารมีทุกอย่างช่วยให้หมดกรรมไม่ดีที่ผ่านมาทั้งหมดในอดีต ปัจจุบัน อนาคต ของข้าพเจ้านายวิชา ทองเต็มและขอให้หมดไปมีผลต่อพ่อแม่ญาติพี่น้อง ครอบครัว เพื่อน และผู้เกี่ยวเนื่องทุกจิต ทุกวิญญาน ทุกรูปทุกนาม ทุกภพทุกชาติ ตลอดจนส่วนเจ้ากรรมนายเวรก็ขอให้อโหสิกรรมก่อกันด้วย สาธุมีส่วนในบุญกุศลด้วยเถิด และมีผลกับท่านผู้ที่ได้มาอ่านด้วยเพราะมีส่วนเกี่ยวเนื่องกัน
    2.เพื่อให้หนังสือนี้คงอยู่ไปนานๆ
    3.ขอให้ทุกท่านประสบแต่ความดีปราศจากความทุกข์
    4.ทุกอย่างที่ดีๆๆๆที่ได้รับฯลฯ สร้างกรรมขาวกรรมดีติดตัวไปจนพ้นทุกข์เข้าพระนิพานเร็ว ตามพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ท่านเมตตา
    เรื่องนี้น่าสนใจ
    วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน
    เป็นการยืนยันว่าการเวียนไหว้ตายเกิดมีจริง คนทำไม่ดีมีโอกาสไปเกิดเป็นสัตว์ได้หมุดเวียนไปเป็นสัตว์นานเลยกว่าจะเป็นคนใหม่
    ตลอดจนเป็นการยืนยันคำสอนของศาสนาพุทธด้วย วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน เรื่องนี้ถึงมาจากต่างประเทศจากแหล่งความรู้อื่นๆแท้ก็ยังพูดตรงกับศาสนาพุทธพูดเรื่องสัตว์ สัตว์ก็มาจากคนทำไม่ดี เป็นยืนยันอีกช่องทางหนึ่ง

    น่าเสียดายนิดหนึ่งที่ยังไม่มีฝีมือแต่ง จัดระเบียบหรือแต่งให้น่าอ่านยิ่งขึ้น
    วงเวียนกรรม สัตว์เดรัจฉาน
    นำโดย พระอรหันต์จี้กง
    คำนำ
    เน้นให้เห็นหลักธรรมสัญๆใหญ่ๆ 2 ประการคือ
    1 หลัก ”กฎแห่งกรรม” ซึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงยืนยันในธรรมะข้อนี้ วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน ชี้ให้เห็นถึงเหตุและผล การสนองตอบต่อการกระทำ ความเป็นเหตุเป็นผลในตัวของมันเอง ไม่มีผู้ใดบังคับให้กระทำ กรรมที่ได้รับก็เป็นกรรมที่ตนเองก่อไว้ หนังสือนี้ชี้ให้เห็นว่าสัตว์นั้นมีกรรมอะไรเป็นเหตุให้ ต้องเกิดเป็นสัตว์ชนิดต่างๆ มนุษย์กระทำผิดแบบใดบ้าง จึงต้องไปเกิดเป็นสัตว์นั้นๆ เป็นแนวทางให้เราๆ ท่าน ได้รู้ได้คิเพื่อกลับมาพินิจ พิจารณาตัวของตัวเอง และเป็นการป้องกันตนเองไม่ต้องให้ตกไปเป็นสัตว์เดรัจฉานในอนาคต
    2 ศีลข้อหนึ่ง “การละเว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต” สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบัญญัติไว้เป็นศีลข้อแรก จะต้องมีความสำคัญมากเป็นอันดับหนึ่ง ถ้าทำได้ลดละได้ ประเทศนี้จะกลายเป็น “แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง”
    จากผู้นำมา แปลจากภาษาจีน คือ คุณ ท.พ.บัญชา ศิริไกร
    ข้าพเจ้านายวิชา ทองเต็มผู้พิมพ์ ขออนุญาตขอย่อนำมาพิมพ์ให้นะครับ ท่านต้องการอ่านให้ครบขอให้ไปหาจากหนังสืออ่านเอาเองนะครับ
    สารบาญ
    1 คำนำ
    ประกาศของสมเด็จพระแม่เจ้าแดนสุขาวดี
    เทวโองการท่านเง็กเซียนฮ่องเต้
    คำอนุโมทนาของสำเด็จพระแม่เจ้าแห่งสุขาวดี
    คำอนุโมทนาของพระโพธิสัตว์อวโรกิเตศวร
    คำอนุโมทนาของพระโพธิสัตว์อวโรกิเตศวร
    คำอนุโมทนาของท่านลือซุนเอี้ยงโจวซือ
    ประกาศจากสำนักเลขาสวรรค์
    เทวดาเซียนท้งประทับทรง
    ครั้งที่1สรรพสัตว์ถือกำเนิดจากจิตเดิมแหล่งเดียวกัน ชาติก่อนๆก่อกรรมทำเข็ญต่างๆกัน จึงเกิดเป็นสัตว์ต่างๆกัน
    ครั้งที่2 สนัขดำครวญครางถึงเวรกรรมที่ตนก่อไว้ สัตว์เลี้ยงทุกข์ทรมานเพราะชาติก่อนได้ทำชั่ว
    ครั้งที่3นกแก้วพูดได้เพราะปากคอเราะราน นกห่านป่า นกนางแอ่นสนทนาล้ำลึกถึงจิตคน
    ครั้งที่4ไก่โต้งร้องขึ้นเพราะปากถือศีล ล้อม้าแบกของหนักเพราะกรรมชาติก่อน
    ครั้งที่5มั่วกามเคล้าโลกีย์เกิดเป็นกวางอยู่ในป่าดงพงพีห่างผู้คน
    ครั้งที่6ลิงป่ากระโดดโลดเต้นมือไวเยี่ยงขโมยไต่ไม้คว้าลมเหน็บหนาวร้องลาภหาย
    ครั้งที่7หลอกทรัพย์ล้มหนี้หนีทางไกลกลับชาติเกิดเป็นวัวควายใช้กรรมหนัก
    ครั้งที่8เอาแต่กินงานไม่ทำเกิดเป็นหมูหลอกลวงคนไม่รู้ เนื้อต้องให้เขากิน
    ครั้งที่9เต่าทรงศีลแสดงธรรมะอันล้ำลึกปลาไหลบำเพ็ญธรรมชำระบาป
    ครั้งที่10หนทางชีวิตมนุษย์นั้นขรุขระหนูประพฤติตัวเสื่อมทรามตกลงสู่สัตว์
    ครั้งที่11เกิดโคนมโคเนื้อแตกต่างกันต่างก็สละร่างเพื่อชดใช้กรรม
    ครั้งที่12สัตว์เดรัจฉานมีจิตวิญญาณดุจเดียวกับมนุษย์ขนแกะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นควรนึกถึงบุญคุณมัน
    ครั้งที่13สัตว์รู้จักเจ็บปวดรักตัวกลัวตายเสือช้างยึดป่าเป็นบ้านสำนึกผิด
    ครั้งที่14อรหันต์จี้กงชี้บาปเพื่อเตือนสติให้ประพฤติธรรมผู้บรรลุณาณพูดสัจธรรมกับนกบนต้นไม้
    ครั้งที่15บนแผงเนื้อ(สุนัข)หอมหมาเคืองแค้นสุนัขขาวสนองบ้านตระกูลตั้ง
    ครั้งที16จิตเดิมจรัสแสงแปลงร่างเป็นนกกระเรียนเดรัจฉานห้าชนิดเพียรถือศีลฝึกธรรมะ
    ครั้งที่17ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเพื่องานมงคล เป็นการเพิ่มบรรยากาศเศร้าสลด เจ้าที่โลภลาภปากสักการะมักหลีกไม่พ้นโดนเหล้าพิษ
    ครั้งที่18ท่านพระครูกล่าวเสียดสีธรรมะต้องตกไปเป็นสัตว์เจ้าแม่จิตโพธิสัตว์เตือนไหว้เจ้าต้องใช้มังสวิรัติ
    ครั้งที่19เจ้าแม่กวนอิมสร้างดอกบัวหินช่วยปลดทุกข์ประชามีเมตตางดฆ่าสัตว์ปล่อยชีวิต
    ครั้งที่20เยี่ยมยมบาลชมหอมหมุนเวียนดูวิญญาณบาปเลือกทางเกิด
    ครั้งที่21ยมบาลอธิบายหนทางหมุนเวียนสัตว์เกิดสี่ช่องทางมาจากข้างประตู
    ครั้งที่22วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉานสำเร็จลงพระแม่แดนสุขาวดีจัดพิธีเฉลิมฉลอง
    พระองหันต์จี้กง
    พระนามเดิมของท่านคือ ซิวอ้วง แซ่ลี้ เป็นชาวเมืองเทียนไถเกิดในสมัยราชวงศ์ซ้อง ท่านได้เข้าบวชในวัดเหล้งอุ้ง เมืองหางโจวและใช้นามทางศาสนาว่า เต้าจี เมือสำเร็จเป็นอรหันต์แล้วท่านได้โปรดสัตว์โดยวิธีแปลกๆ จนชาวโลกตั้งขนานนามว่า จี้เตียง(ดูเหมือนพระสติเฟื่อง)ภายหลังชาวบ้านเรียกท่านว่า จี้กงอัวะฮุก อรหันต์จี้กง)
    สมเด็จพระแม่เจ้าแดนสุขาวดีมีประกาศ ความว่า
    มีความเป็นห่วงทุกชีวิต แต่เดิมทีนั้นวิญญาณมาจากแดนเดียวกันซึ่งมาจากสวรรค์ชั้นอรูปพรหมทั้งสิ้น จิตของแม่ไม่อาจจะตัดทิ้งโดยไม่ช่วยเหลือด้วยเหตุฉะนี้ จึงมีเทวโองการบัญชาลงมายังสำนัก “เซีนเต๋อถัง”แห่งเมืองไถจงมณฑลไต้หวันประเทศจีนโดยการนำของท่านพระอรหันต์จี้กง และคนทรง “นายหยางเซิง” ให้ไปเที่ยวทั่วแดนพิภพ เพื่อเยี่ยมเยือนสัตว์เดรัจฉาน สอบถามวิญญาณเดิมของสัตว์เดรัจฉาน เพื่อรู้อดีตก่อนที่จะมาเกิดเป็นสัตว์นั้นๆ ว่าได้ก่อกรรมอันใด เพื่อเป็นแบบอย่าง ช่วยเตือนสติชาวโลก อย่าได้หลงก่ออกุศกรรม จะได้ไม่ต้องเกิดมาเป็นสัตว์เดรัจฉาน และอาศัยโอกาสนี้โอกาสเลื่อนฐานะจากสัตว์ไปเป็นมนุษย์ นายหยางเชิงได้เที่ยวทั่วนรก-สวรรค์มาแล้ว จะได้แต่งคัมภีร์ที่มีค่าล้ำเพื่อเผยแพร่สู่ชาวโลกอีกครั้งหนึ่ง บัดนี้มีคำสั่งมายังนายหยางเชิงให้ติดตามท่านอรหันต์จี้กงไปประกอบการงานอันสำคัญนี้อีก เพื่อโปรดสรรพสัตว์ ให้คุณธรรมแผ่ไปยังสรรพสัตว์ ด้วยความเมตตาและโอบอ้อมอารีอันยิ่งใหญ่ ถูกรวบรวมมาอยู่ในครั้งนี้หมด จึงขอตั้งชื่อหนังสือเล่มนี้ว่า “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” จากวันนี้เป็นต้นไป เมื่อถึงวันนัดทรงก็ให้เริ่มดำเนินงานจนกว่าจะแล้วเสร็จ หวังว่าสานุศิษย์แห่ง “เซินเต๋อถัง”จะมีจิตศรัทธาดำเนินงานให้ลุล่วง มหากุศลครั้งนี้ข้าจะมีรางวัลให้ในงาน “มังกรรุ่งโรจน์” ข้าได้จัดที่นั่ง”ปทุมทิพย์ให้แล้ว”
    ทรงวันที่ 3 มีนาคม 2524
    เทวโองการท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ ความว่า
    ข้าสถิตอยู่บนสวรรค์ จิตก็ยังเป็นห่วงมวลมนุษย์ปัจจุบันวิทยาการก้าวหน้า ความโลภมีมากทำให้ต้องประพฤติชั่ว อาชญากรก็เพิ่มพูน จิตต่ำทรามดังสัตว์เดรัจฉานแฝงอยู่ในร่างมนุษย์ ประกอบอกุศลกรรมมากมาย เป็นที่สะเทือนใจต่อฟ้าดิน ผู้พบเห็นก็อนาถใจเหมือนหาทางเข้าห้วงเหวนรก ตกอยู่ในห่วงบาปซึ่งจะได้รับโทษตามกฏแห่งกรรม
    ข้าไม่อาจทนดูมนุษย์ที่ฉลาดรอบรู้ ต้องสูญเสียคุณธรรมและศักดิ์ศรี หลงเข้าไปทางอกุศลจึงรับเทวโองการ มีบัญชามายังสำนักเซีนเต๋อถังแห่งเมืองไถจง ได้แต่งหนังสือชื่อว่า “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” โดยท่านพระอรหันต์จี้กง จะนำวิญญาณคนทรงนายหยางเซิง ไปตรวจเยี่ยมสอบถามสัตว์เดรัจฉานต่างๆ เพื่อรู้ว่าเหตุใดจึงเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เพื่อเตือนสติชาวโลกให้ละเว้นการทำบาป นายหยางเซิงก็ได้ขึ้นสวรรค์ ลงนรก เที่ยวทั่วทั้ง 2 แดนมาแล้ว ยังคุณค่ามหาศาลมาสู่มวลมนุษย์ ท่านพระแม่มีรับสั่งบัญชาให้นายหยางเชิงติดตามอรหันต์อีกครั้ง อาศัยความชำนาญที่มีมาแล้ว เขียนหนังสือที่ดีมีคุณค่า เพื่อเตือนสติชาวโลก ระมัดระวังให้อยู่ในศีลธรรม จะได้ไม่ต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานและเป็นการโปรดวิญญาณสัตว์เดรัจฉานเพื่อจะได้กลับสู่ร่างเดิมในภพหน้า และกลับคืนสุ่สวรรค์อยู่รวมกันอีก เพื่อบรรลุจุดประสงค์ของพระท่านพระแม่ เมื่อรับเทวโองการแล้วให้เริ่มปฏิบัติงานได้ ทุกๆ นัดที่มีการเข้างทรงจนกว่าจะแล้วเสร็จ หวังว่าสานุศิษย์จะมีความพากเพียร เพื่อให้หนังสืออันทรงคุณค่านี้เสร็จลงในเร็ววันแล้วท่านจะได้รับบุญบารมีเป็นสิ่งตอบแทน
    คำอนุโมทนา
    เมื่อมนุษย์จุติลงสู่โลก ถึงแม้จะมีร่างกายกำยำสูง 7 ฟุต ถ้าเปรียบประดุจดังเมล็ดข้าวหนึ่งเม็ดที่อยูในมหาสมุทร ก็เล็กเหมือนมดตัวหนึ่ง ยังยกย่องตนเองว่าเป็นสัตว์ประเสริฐเหนือสรรพสัตว์เพราะมีค่าสูงส่งของ “จิตมนุษย์” ที่สวรรค์ประทานให้ยึดมั่นคุณธรรมปฏิบัติตนอยู่ในทำนองคลองธรรม หากแต่มาถึงปัจจุบันได้รับอิทธิพลจากแฟชั่นตะวันตก ละทิ้งประเพณีอันดีงามเก่าๆ ทำให้หลงมั่วเมา มีการฆ่ากัน ข่มขืนกัน ปล้นขโมยกันมากมาย จิตใจแปรเปลี่ยน ปฏิบัติตนเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน แม้กฏหมายจะรุนแรงแต่ก็หาสะพึงกลัวไมตัณหากิเลสบดบังจิตเดิมของมนุษย์ จนคิดว่าในโลกนี้หรือจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์และปฏิเสธต่อกฎ แห่งกรรม จึงกล้าประกอบกรรมทำชั่ว ไม่เกรงกลัวต่อเทพเทวดา
    แม่นี้เป็นต้นกำเนิดของสรรพสัตว์ ผ่านเคราะห์กรรมมานับหมื่นแสน จึงได้ก่อกำเนิดวิญญาณดังเดิมมีคำกล่าวๆว่า”ใจพ่อแม่นี้น่าสงสารยิ่งนัก”ใครเลยไม่รักลูกอยากให้ลูกประพฤติตนให้ถูกทางใครเลยจะยอมให้ตกต่ำเพราะประพฤติชั่ว เขาถือพ่อแม่เปรียบประดุจฟ้าดินที่รักและเมตตาลูกเสมอ จิตใจถ้าซื่อตรงนั้นก็เป็นคน ผิดเพี้ยนชั่วร้ายก็เป็นสัตว์อันนี้เป็นกฎยุติธรรมของฟ้าดิน เป็นกฎแห่งกรรมเมื่อแลดูมนุษย์ปัจจุบันคนส่วนมากจิตใจต่ำทราม สร้างบาปก่อเวรบนถนนแม้มีคนเดินอยู่มาก ไม่ต่างจากคนร่างสัตว์ปราศจากความเป็นคน ผ่านชีวิตไปจนกระทั่งตายลงไปเกิดเป็นร่างสัตว์ สวมเขาห่มขนน่าอนาถเวทนายิ่งนัก
    เนื่องจากเหตุฉะนี้ แม่ทนดูต่อการตกนรกไม่ไหว จึงได้มีคำสั่งไปยังสำนักเซียเต๋อถังเมืองไถจง โดยการนำของท่านพระอรหันต์จี้กง ไปดูสภาพความเป็นอยู่ของสัตว์ เขียนบันทึกเป็นหนังสือ ให้ชื่อว่า “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” จะเห็นว่าในบันทึกนั้น แม้คนจะมีความทุกข์ต่างๆ มากมาย ก็ยังเปรียบไม่ได้กลับความทุกข์ยากของสัตว์เดรัจฉาน ผู้ใดที่มีธาตุจิตของมนุษย์ เมื่ออ่านหนังสือแล้วจะต้องใจหาย ขวัญผวาเมื่อสำนึกบาปครั้งก่อนๆ ไม่กระทำบาปต่อไปจะได้ไม่ต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ต้องคิดเสมอว่าหนทางนี้เดินไม่ได้ มิฉะนั้นจะสายเกินแก้
    เวลาผ่านไปขวบปี จากการสอบถามเยี่ยมเยือน ไม่ผิดหวังที่พระอรหันต์จี้กงและนายหยางเชิงได้ทำงานสำเร็จ แต่งหนังสือสำเร็จลง จนสามารถพิมพ์เผยแพร่สู่ชาวโลก เป็นประโยชน์ไพศาลและยังพิมพ์ภาพเขียนเกี่ยวกับเมตตาสัตว์ลงด้วย ทำให้ใจแม่แสนจะปรีดายิ่งนัก จึงได้เสด็จทรงทีสำนักเซินเต๋อถัง อยากให้มนุษย์ทั้งหลายจงหลีกเลี่ยง ถนนบาป มาเดินอยู่บนถนนที่สร้างบุญกุศลเหมือนเกิดอยู่ในแดนทีปราศจากทุกข์โศก เป็นหนทางกลับสู่สวรรค์ไม่เสียแรงที่แม่ได้ตั้งใจรอคอย
    สมเด็จพระแม่เจ้าแดนสุขาวดี ทรงวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ.2525
    คำอนุโมทนาของพระโพธิสัตว์อวโรกิเตศวร(พระแม่กวนอิม)
    วัวควายไถนา สุนัขเฝ้าบ้าน ไก่ขันรับอรุณ แพะคุกเข่ากินนม อีกาสนองคุณ เหล่านี้คือธรรมะของสัตว์เดรัจฉาน ถ้าหากไม่ไถนา ไม่เฝ้าเรือน ไม่เที่ยงตรง อกตัญญู ไม่มีเมตตา อกุศลธรรมเหล่านี้หากแพร่หลายไม่ยังโลก มนุษย์ขาดคุณธรรมมานานแล้ว สรรพสัตว์ก็โปรดยาก ต้องนับคนเป็นลำดับหนึ่ง แต่การตกต่ำของสัตว์เดรัจฉานทำให้ฉันเศร้าใจนัก นอกจากสวมเขาใส่ขนแล้ว ยังถูกผู้คนฆ่าแก่งจำนวนไม่น้อย ท่านที่มีกุศลจิต ก็จะเกิดเวทนาบังเกิดความเมตตาสนับสนุนให้รับประทานมังสาวิรัติ งดเว้นการฆ่าสัตว์สนับสนุนการปล่อยสัตว์ สังสรรค์ให้มีการปลดทุกข์ปลดยาก จะช่วยดลบันดาลให้ฟ้าดินปลื้มปิติต่อวิญญาณสัตว์ทั้งปวง
    ณ บัดนี้ สำนักเซิ่นเต๋อถัง แห่งเมืองไถจง ได้รับเทวโองการพุทธพจน์ของเราได้อาศัยโอกาสทองในการโปรดสัตว์ครั้งนี้ ด้วยพุทธบารมีและอิทธิฤทธิ์ สรรพวิญญาณได้รับแสงธรรมโดยทั่วถึง ขณะนี้ได้รับเกียรติจากสวรรค์ โดยท่านพระอรหันต์จี้กงและคนทรงนายหยางเซิงออกเยี่ยมสัตว์เดรัจฉาน เพื่อแต่งหนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” โดยใช้เวลานานหนึ่งปี ด้วยความสามารถ แผ่มหาเมตตา อาศัยร่างคนกับอิทธิฤทธิ์ของอรหันต์เสียสละเป็นที่ยิ่ง จึงสำเร็จสมประสงค์เนื้อหาสาระของหนังสือคือคำสารภาพบาปของสัตว์เดรัจฉานหวังว่าชาวโลกอ่านแล้วจะมีความสำนึกว่า จะทำบุญหรือทำบาปแล้วแต่จะเลือกเดินจะเป็นคนหรือเป็นสัตว์ ขึ้นอยู่ที่ใจอันเดียว สัตว์เดรัจฉานโชดดีที่ได้พบการโปรดครั้งนี้ ได้รับประโยชน์เหลือคณานับได้โอกาสปลดทุกข์เข็ญ เพื่อความเสมอภาคของจิต เพียงแต่ยังหลงผิดอยู่เท่านั้น วันนี้ฉันได้ร้องขอแทนสัตว์ทั้งหลาย หวังว่าชาวโลกจะวางมีดลง ละทิ้งความโหดร้าย โลภโมโทสันออกไป เปลี่ยนจิตเป็นจิตสงบดังจิตพุทธ ต่อไปเลิกการกระทำเยี่ยงสัตว์ จงปฏิบัติต่อคนด้วยใจเอื่ออารี ประกอบการงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่คิดฆ่าปล้นจี้เพื่อปากป้อง อยู่ร่วมกันอย่างผาสุก จิตก็จะสบายไม่มีการแก่งแย่งโลกก็จะมีแต่สันติสุข กลายเป็นพุทธศาสนาจักรปทุมทิพย์ เมื่อเป็นเช่นนี้ มนุษย์ก็จะอยู่อย่างสะอาดสะอ้านและสงบ ทุกอย่างก็ได้ตามธรรมชาติของฟ้าดิน กลายเป็นสวรรค์ในโลกมนุษย์จะไม่น่าชื่นชมหรอกหรือ
    หนังสือวงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน แต่งเสร็จก็ได้รับการแซ่ซ้องจากทั้ง 3 โลก ต่างส่งช่าวกันทั่ววงจรของสัตว์ถูกตัดขาดกล่าวขานกันต่อไป จำนวนสัตว์มหาศาล มีวันที่จะถูกปลดปล่อย เนื่องจากมหากุศลครั้งนี้เหนือคณานับ การอธิษฐานของฉันค่อยได้เห็นผลขึ้นมาบ้าง หวังว่าผู้คนจะได้พิมพ์เผยแพร่ออกไป เพื่อได้โปรดสัตว์เป็นประโยชน์ต่อชีวิตทั้งหลาย กุศลกว้างใหญ่ไพศาลอันจะได้จากการตีพิมพ์ออกไป จึงขอแสดงความยินดีไว้ ณ ที่นี้ เสร็จทรงวันที่ 13 มีนาคม 2525
    คำอนุโมทนานำของท่านเทพลือซุนเอี้ยงโจวซือ
    มนุษย์ถูกขนานนามว่า เป็นชนชั้นสัตว์ประเสริฐ พวกชนชั้นสูงสุดอยู่เหนือชนชั้น ถ้ามองมนุษย์ปัจจุบันได้สูญเสียกิตติมศักดิ์ส่วนนี้ไปแล้ว ทุกผู้ ทุกนามต่างแข่งขันกันประกอบธุรกิจที่ต่ำทรามอย่างนี้(แหล่งอบายมุข) กลายเป็นแหล่งที่มีความเจริญมาก แต่ทว่ามีสภาพที่เหมือนกันอย่างหนึ่ง การตบแต่งไม่เหมือนล้าเป็ดเล้าไก่หรอก หากแต่ว่าทำธุรกิจโสมมละอายใจ แม้แต่บนท้องถนนที่กว้างใหญ่ก็เต็มไปด้วยการจี้ปล้น มั่วสุมกามราคะ หรือไม่ก็มีกิจการค้าที่คอยหลอกต้มตุ๋นอยู่ทั่วไป ทำให้สะเทือนจิตสวรรค์ สูญสิ้นจิตมนุษย์ ด้วยเหตุฉะนั้นคนนั้นเองจึงเป็นผู้สร้างวงเวียนกรรมของสัตว์เดรัจฉาน
    ด้วยเหตุฉะนี้ สัตว์เดรัจฉานจึงมีลักษณะสี่เท้าเดินดินสันหลังหันสู้ฟ้า ถ้าเกิดอยู่ในป่าเปลี่ยว ต้องรับทุกข์จากลมโกรกฝนสาด ถ้าเกิดในบ้านคนก็มีกรงขังอยู่ใกล้กับหม้อต้มน้ำสักวันหนึ่งก็จะถูกเชือดเฉือน ถูกคนต้มแกงกินเนื้อ แทะกระดูกอย่างอร่อยเหมือนกับมีความแค้นที่ลึกซึ้ง ต้องชำระ ทรมานแสนสาหัสจนเหลือที่จะกล่าว รัองขอซีวิตก็ไม่ได้ ต้องตายภายใต้คมคาบ น่าสงสารยิ่งนักถ้าได้ศึกษาลึกลงไปจะพบว่าวิญญาณของสัตว์ก็ไม่ต่างไปกับวิญญาณของคน ล้วนเกิดจากบาปที่เวียนมาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานใช้หนี้กรรม เมื่อเป็นเช่นนี้มนุษย์ทำไมยังยอมลดตัวไปทำบาปโดยไม่ระงับ แล้วประพฤติธรรม มนุษย์สามารถที่จะเกิดจะดับได้เอง สัตว์เดรัจฉานไม่สามารถที่จะทำได้ น่าเจ็บใจยิ่งนัก
    ในประเทศจีนสมัยราชวงศ์หมิง มีนักกวีผู้หนึ่งซื่อว่า “เถาหวั้งลิน” เขียนไว้ว่า สัตว์กับฉันเดิมเป็นจิตเดียวกัน ผิดแยกก็เพียงร่างหาใช่จิต เหตุใดเล่าจึงต่างกัน เนื้อจากแม่เดียวกัน ธรณีกรรแสงเวทนาคนยิ่งนัก จากบทกวีจะเห็นว่า คน สัตว์ ต่างถือกำเนิดจากจิตวิญญาณแหล่งเดียวกัน เหตุจากบุญบารมีจึงเกิดเป็นคน ทำบาปจึงเกิดเป็นสัตว์ จากการแตกต่างของร่างกายก็ทำให้การเป็นอยู่ก็แตกต่างกันแต่ทว่าใจมีเมตตากรุณา แม้ต่อสัตว์ก็ตามเราไม่ควรฆ่าแกง เพื่อบำเรอปากท้อง จะได้งดบาปจากจากกิน ยิ่งท่านที่ปฏิบัติธรรมด้วยแล้ว ควรจะรับประทานมังสาวิรัติ เพื่อความสดชื่นของกายและใจเพื่อการหลุดพ้นจากวิญญาณอกุศล
    สำนักเซินเต๋อถัง ได้รับราชโองการจากสวรรค์ให้เรียบเรียงหนังสือวงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน เพื่อเตือนสติชาวโลก ข่าวแพร่สะเทือนไปถึงสามโลก เพื่อระงับบาป ชี้แจงบาปบุญคุณโทษ ในโลกของวิญญาณนี้ วิญญาณตกไปสู่อบายภูมิได้ ประทับทรงวันที่ 13 มีนาคม 2525
    ประกาศจากสำนักเลขาสวรรค์
    1 หนังสือเล่มนี้ ได้รับเทวโองการจากสมเด็จพระแม่เจ้าแห่งสวรรค์และเง็กเซียนฮ่องเต้ให้จัดแต่งหนังสือขึ้นมา สมเป็นหนังสือดีเลิศช่วยกระตุ้นเตือนผู้คนให้มาฝึกฝนธรรมะ
    2อักษรในหนังสือหากมีผิดตกหล่น ก็มาจากความจริงมีผิดพลาดบ้าง ขอท่านผู้อ่านอย่าดูแคลน
    3หนังสือนี้มาจากแรงใจของพระอรหันต์และมนุษย์ ใช้เวลาแรมปีจึงสำเร็จลุล่วง สาระทั้งเล่มได้บันทึกความเป็นอยู่ของจิตวิญญาณของสัตว์เดรัจฉาน โดยมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ “สรรพสัตว์กับมนุษย์มีจิตอย่างเดียวกัน” กับ “ความเมตตากรุณา” เพื่อลดความโหดร้ายทารุณของมนุษย์ เพื่อรักษาธรรมชาติดังเดิม เพื่อประโยชน์ของสรรพสัตว์ เกิดใจกรุณาขึ้นมา จึงไม่ควรดูหมิ่นละเลยไป
    4หากต้องการต่ออายุ เลื่อนตำแหน่งหน้าที่การงานในทางที่ถูกที่ควรลดความเจ็บปวดของโรคร้าย ลบล้างบาปเวร สลายความแค้นเคืองปางก่อน สร้างบุญกุศลช่วยปัดเป่าเคราะห์ร้ายของบรรพบุรุษ ผู้ขอต้องตั้งจิตอธิษฐานจุดธูป ต่อหน้าพระพุทธรูป หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือฟ้าดิน ขอจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้เพื่อแจกจ่าย เพื่อสร้างกุศลบารมี
    5หนังสือเล่มนี้อยู่ที่ไหน จะมีเทวดาดูแล อ่านเสร็จความเก็บไว้บนหิ้งพระหรือทิ้งหนังสือ หรือให้เพื่อนอ่านต่อ กุศลจะเพิ่มพูน ถ้าหากทำในทางตรงข้ามสวรรค์ก็ช่วยไม่ได้
    เทวดาเซียนท้งประทับทรง คำอนุโมทนา สังคมทันสมัย พูดถึงความเป็นอยู่ที่ดีๆ โดยมารยาทสัตว์ก็ได้รับการยกย่องให้สูงขึ้นด้วย แต่ว่ามีไม่น้อยทีเดียวที่แต่งตัวโดยสูทสากลใส่รองเท้าหนังอย่างดี ได้ร่วมกันกินสัตว์เป็นๆ เพื่อความอร่อยของความสดใหม่ๆ บำรุงพุงให้ใหญ่ขึ้น โดยน่าจะตั้งชื่อการเลี้ยงอย่างโกหรูนั้นว่า “อาหารป่าเถื่อน” จะเหมาะสมกว่า โปรดวางช้อนลงและถามวิญญาณในจานนั้นว่า “ตอนนี้พวกเธอรู้สึกอย่างไร” พวกมันจะตอบว่า คุณพี่ครับ เชิญทานเถอะ ถึงอย่างไรก็เอามาตั้งโต๊ะแล้ว ยังจะอะไรพูดอีก พวกฉันยอมสละชีวิตอันน้อยนิดของฉันเพื่อชีวิตอันใหญ่โตของท่าน เพียงแต่เมื่อท่านทานอิ่มแล้ว สามารถทำธุรกิจที่เที่ยงตรง สละเพื่อส่วนรวม ประเทศชาติ แม้แต่เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี แต่ถ้ากินเพื่อความอร่อยของปาก เพื่อบำเรอกามราคะ เสร็จแล้วก็ไปเบียดเบียนชาวบ้านเขาอีก ถ้างั้นอาหารมื้อนี้ก็จะสูญเปล่าเสียแล้ว
    พวกสัตว์ต้องพลีชีพเพื่อบำรุงธรรม เลี้ยงชีวิตมนุษย์ บุญกุศลมากหนัก หนังสือเล่มนี้เป็นโอกาสให้พวกสัตว์ได้ระบายความในใจของมัน ขอให้ท่านจงสงบใจฟังความทรมานของพวกเขา เกิดจิตเมตตาจากวันนี้ไปจงวางมีดลง แม้นสัตว์จะยอมให้ท่านได้เชือดเฉือนแต่จิตใจก็เต็มไปด้วยความแค้น ได้แต่ยอมจำนงต่อชีวิต เพียงหวังมนุษย์เกื้อกูลมนุษย์ด้วยกันให้ดีๆ อย่าเคลือบแฝงไว้ในใจ เพื่อหลอกลวงตีชิง วิ่งราว ข่มขืน ต่ำกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็มิใช่เป็นการลดความหมายของการเป็นคนหรอกหรือ
    สำนักเซินเต๋อถัง ใช้เวลา 1 ปีได้รับโองการสวรรค์ โดยการนำของท่านอรหันต์จี้กงกับร่างทรงนายหยางเซิง นั่งปทุมทิพย์อาสน์เพียงเยี่ยมวิญญาณสัตว์ เรียบเรียงหนังสือ วงเวียนกรรมของสัตว์เดรัจฉาน ออกสู่สายตาชาวโลกเพื่อเปลี่ยนแปลงการเป็นอยู่ของชาวโลก เพื่อให้ เสือ สิงห์ กระทิง แรด และงูสารพิษ ต่างสำนึกบาปเปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตามาเป็นมนุษย์ที่ดีๆ
    เพื่อโลกจะได้สงบลง บนถนนหนทางที่เดินอยู่ ล้วนแล้วแต่เป็นคนดีแท้เสมอกันหมด ต่างมีความสุขสราญหรรษา ฟ้าดินนิมิตทุกสิ่งร่มเย็น ภาพความสุขนี้ได้แขวนอยู่ทุกบ้านช่อง ความสุขชั่วนิรันดร์ข้าขออนุโมทนากับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของหนังสือเล่มนี้ ประทับทรงวันที่ 13 มีนาคม 2525
    ครั้งที่1 สรรพสัตว์ถือกำเนิดจากจิตเดิมแหล่งเดียวกัน ชาติก่อนๆ ก่อกรรมทำเข็ญต่างๆกัน จึงเกิดเป็นสัตว์ต่างๆกัน
    อรหัต์จี้กง เสด็จประทับทรง
    ท่านบอกว่า ก็ยังมีชีวิตอยู่เป็นเพื่อนของมนุษย์ เช่น สุนัขมีความซื่อสัตว์ แพะมีความกตัญญู วัวที่มีบุญคุณและไก่ที่รักษาความเที่ยงตรง เป็นต้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2016
  2. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,985
    ค่าพลัง:
    +1,223
    ครั้งที่2 สุนัขดำคราญครางถึงเวรกรรมที่ตนก่อไว้ สัตว์เลี้ยงทุกข์ทรมานเพราะชาติก่อนได้ทำชั่ว
    อรหันต์จี้กงเสด็จประทับทรง วันที่ 16 มีนาคม 2525
    อรหันต์จี้กง สัตว์แม้ไม่ไช่ร่างคน แต่วิญญาณของมันก็เหมือนของคน ต่างก็มีชีวิตร่วมโลกเดียวกัน เป็นเพราะก่อนเกิดมีกรรมชั่วมาก ขาดความเป็นคน ชาตินี้จึงสูญสิ้นความเป็นคน กลายเป็นสัตว์ ถ้าหากใครมีตาทิพย์แล้ว หรือใจเมตตาแล้วก็จะไม่ใจร้ายไปทำร้ายสัตว์ พระสูตรในพุทธศาสนากล่าวว่า “สิ่งที่เคลื่อนไหวได้ย่อมมีวิญญาณ”
    หยางเซิง ขึ้นสวรรค์ ลงนรก ก็ขึ้นนั่งแต่ปทุมทิพย์ไม่ทราบว่าคราวนี้จะนั่งอะไร
    หวินเซิง(หมา) จริงๆหรือ ผมก็จะบอกถึงเรื่องราวที่ทำห้ผมต้องมาเกิดเป็นหมา ให้ชาวโลกได้รู้ ขออย่าได้เอาอย่างผมเลย ชาติก่อนผมเป็นคนไม่ชอบทำกิจการงานที่สุจริต ชอบเที่ยวเตร่ในสถานที่รื่นรมย์โลกีย์รีดไถค่าคุ้มครองชาวบ้าน อยู่ในสถานที่เหล่านี้ ทำตามอำเภอใจ เหล้ายาปลาปิ้ง กามารมณ์ไม่มีใครห้ามได้ บางครั้งก็หลอกลูกสาวชาวบ้านเอาไปขายซ่องโสเภณี หาเงินในทางทุจริตในบรรดาสาวทั้งหลาย มีอยู่นางหนึ่งชื่อ “ซิ้วเหลียน” ถูกผมข่มขืนแล้วก็บังคับค้าประเวณี แต่เธอก็มีความรักผมอย่างจริงใจ แต่ผมก็ดูเธอเป็นเครื่องเล่น ทำเป็นรักเธอจริง 5-6 ปี พาเธอขายตัวมาเลี้ยงผม ผมหลอกเอาเงินมาเล่นการพนัน เอาไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย เงินที่ได้จากการขายกามถูกผมหลอกใช้จนหมดตัว ในที่สุดเมื่อเธอไม่มีค่างวดแล้วก็ทิ้งเธอไปจากนั้นก็หลอกหญิงโลกีย์คนใหม่ต่อไป ใช้แผนเก่าหลอกต้มได้เงินทองมาไม่น้อย ทำให้นาง “ซิ่วเหลียน” ต้องฆ่าตัวตาย ต่อมาภายหลังผมก็ติดกามโรค รักษาไม่หายตายลงในที่สุด หลังตายลงถูกยมทูตหน้าขาวดำลากตัวไปลงนรกถูกยมบาลเปิดบัญชีดูความผิดต้องรับโทษในนรกจนครบถ้วน ภายหลังจึงถูกส่งมายังนรกขุมที่10 ถูกให้มาเกิดเป็นหมาในโลกมนุษย์ เพราะเป็นโลกที่ผมได้ทำชั่วไว้ ต้องมารับโทษในโลกมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง เกิดแล้วเกิดอีกเพื่อรับทุกข์ ผมเกิดเป็นหมา 2 ครั้งแล้ว ชาตินี้เป็นหมาที่เมืองเกาโซง บ้านตระกูลเฉิน เพราะเป็นบ้านที่นางชีวเหลียนฆ่าตัวตายเพราะผม เพราะว่าบ้านนี้ไม่ร่ำรวยร่างฉันก็เหม็นสาบมาก ถูกเด็กๆ ขว้างปา ไล่ตี หนีเข้าบ้านใครๆก็ไล่ตี แต่ผมก็จำยอมเผ้าบ้านให้เขา และช่วยเขาเก็บกวาด(กินไป)อจจาระทีเด็กๆถ่ายทิ้งไว้ รสชาติขยะแขยงนัก แต่ไม่กินก็ไม่ได้เพราะมีอำนาจลึกลับคอยบังคับอยู่ ถ้าไม่กินก็รู้สึกเจ็บปวด นึกถึงการเกิดเป็นหมาครั้งแรกได้ถูกคนแก่คนหนึ่งฆ่าตาย รู้สึกตื่นกลัวมาก ถูกกระบอกตีหัวเอาน้ำร้อนราดตัว เอามีดมาถลกหนังหั่นเนื้อเชือดกระดูก เอาไปต้มแกง ตั้งชื่อไว้ไพเราะว่า “เนื้อหอม”ผมนะเจ็บในเพลียใจ แต่เพราะตนเองมีบาปหนักทำอย่างไรได้ ขอให้ท่านชาวโลกลอย่าเอาอย่างผมเลย อย่าทำสิ่งผิดทำนองครองธรรมเสวยกรรมไม่รู้จบสิ้น ทุกข์ทรมานเหลือจะกล่าว ไม่รู้ว่าวันใดจะได้เกิดเป็นคนอีก ถ้าได้เกิดเป็นคนอีก ผมจะประพฤติตนให้เป็นคนดีเป็นคนซื่อตรงไม่กล้าทำผิดศีลธรรมอีก ชาติก่อนคิดผิดเฉือนเลือดเฉือนเนื้อของเพศหญิง ทุกวันนี้ผมก็ต้องก้มหน้าให้คนอื่นเขาเชือดเฉีอนบ้าง ชาวโลกชอบรับประทาน “เนื้อหอม” พูดว่าเป็นยาบำรุงอย่างดี ผมเองชาติก่อนจะคิดว่าเป็นยาบำรุงอย่างดี ชาตินี้ก็ต้องให้คนอื่นเขาบำรุงบ้างชดเชยกันไป ผมพูดหมดแล้วครับ สุนัขดำครวญครางถึงเวรกรรมที่ตนก่อไว้

    ครั้งที่3 นกแก้วพูดได้เพราะปากคอเราะราน นกห่านป่า นกนางแอ่นสนทนาล้ำลึกถึงจิตคน
    อรหันต์จี้กง ชาวโลกได้รับร่างมนุษย์ ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ ที่จริงก็มักได้รับยกย่องเช่นนั้น สามารถตัดเสื้อผ้าได้ สร้างบ้านเรือน รถยนต์ เรือยนต์ โทรทัศน์ เครื่องเสียง สิ่งอยากพร้อมมูลยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกวี่วัน ดูอย่างสัตว์ซิ เกิดมาก็มีอยู่ชุดเดียวจนตาย กายของมันก็เต็มไปด้วยขน จะเห็นว่าการเกิดเป็นคนนั้นโชคดีมหาศาล ถ้าหากว่ายังไม่ประพฤติตนให้เป็นคนดีทำผิดศีลธรรม ทำร้ายคนอื่น กระทำเยี่ยงสัตว์ประพฤติตนให้ต่ำลง สักวันหนึ่งก็ต้องเปลี่ยนหน้าห่มขน ลดตัวลงไปสู่สัตว์เดรัจฉาน วันนี้ฉันจะพาหยางเซิงไปเยี่ยมเยือนสัตว์ พูดขึ้นมาก็แปลกใหม่ทั้งคนและเทพสามารถพูดคุยกันสัตว์ พูดขึ้นมาก็แปลกใหม่ทั้งคนและเทพสามารถพูดคุยกับสัตว์ได้ ชาวโลกจำนวนมากไม่เชื่อถือ เห็นว่าเป็นสิ่งโกหกไร้สาระ คิดเช่นนี้เป็นการคิดผิด ลองดูในสวนสัตว์ที่ครูผู้ฝึกสัตว์ซิ มิใช่เป็นการปรับความเข้าใจกันหรอก หรือละครสัตว์และสัตว์ทะเลเวลาแสดงมันสามารถเข้าใจคำพูดของคนได้ ปลาสามารถเข้าใจคำพูดรู้จักเครื่องหมายของมือ ที่แสดงออก พวกมันกระฉับกระเฉงมากด้วยการสอนที่พิเศษ คนยังไม่สามารถทำได้เลย มันกับคนก็เหมือนกัน ต่างก็มีวิญญาณ ชาวโลกไม่ควรดูถูกพวกมัน หนังสือเล่มนี้กำลังจะบอกท่านว่า ต้องนับถือเพื่อนที่ดีของมนษย์ เพื่อส่งเสริมตนเองจะบอกท่านว่า ต้องนับถือเพื่อนที่ดีของมนุษย์ เพื่อส่งเสริมตนเองให้เจริญก้าวหน้า อย่าให้ละอายพวกมัน โดยเฉพาะอย่าไปทำชั่วเป็นอย่างยิ่ง ทำความเดือดร้อนต่อสังคม ก่อกรรมทำเข็ญ ถ้าคิดแต่จะให้ร้ายคน ทำร้ายคน โกงคน แย่งชิงคน ข่มขืนคน ด่าคน ฆ่าคน ปรักปรำคน ตีคน ทำลายล้างคน อย่างนี้จะนับว่าเป็นคนหรอกหริอ? แบบนี้เรียกว่าไม่ใช่คน ถูกขนานนามว่า หน้าคนใจสัตว์ หรือคนร่างสัตว์ ถ้าคนถูกเรียกอย่างนี้ก็ถึงวาระอันตรายแล้ว มีทางตายแล้วไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานเป็นแน่แท้ ตรงกันข้ามชาว โลกที่มีใจ รักคน ช่วยเหลือคน อุปการะคน โปรดคน ตักเตือนคน คนก็จะยกย่องว่าเป็นคนดีถ้าหากจิตคนเป็นจิตโพธิสัตว์ คนแบบนี้ภายหน้ามรณะลงก็จะไปเกิดเป็นอริยชน เทวดาและอรหันต์ บุญบารมีบริสุทธิ์ก็จะเลื่อนสูงขึ้น บาปเป็นอริยชน เทวดาและอรหันต์ บุญบารมีบริสุทธิ์ก็จะเลื่อนสูงขึ้น บาปหนักก็จะตกต่ำลง คนและสัตว์แบ่งกันที่ตรงนี้แหละ ท่านทั้งหลายจะเลื่อนขึ้นหรือตกต่ำลงละ พวกท่านล้วนแต่มีปัญญาดี ฉลาด คงไม่อยากเป็นนกในกรงหรอกนะ ทุกคนย่อมรักอิสรเสรี ไม่อยากถูกจองจำ ถ้าเช่นนั้นก็ต้องไม่ทำบาป จะได้ไม่ต้องถูกจองจำในคุกตาราง นายหยางเซิงขึ้นดอกบัวเถิด วันนี้จะพบสิ่งแปลกใหม่
    หยางเซิง ผมได้นั่งเรียบร้อยแล้ว ไม่ทราบว่าวันนี้จะไปไหน
    อรหันต์จี้กง รอประเดี๋ยวเจ้าก็รู้ เราออกเดินทางเถิด อ้าวถึงแล้ว เราเข้าไปในร้านขายนกกันเถอะ
    หยางเซิง ที่นี่เหมือนถนน กวงฟู่ เมือง ไถจง
    อรหันต์จี้กง ไม่ผิด เธอดูร้านนี้มีนกนานาพันธุ์ ถูกขังในกรงเหล็กเต็มไปหมด จอแจยิ่งนัก
    หยางเชิง แต่ละกรงเหมือนเป็นแต่ละบ้าน พวกมันดูเหมือนสามี-ภรรยา ลูกๆมีบางพวกดูแล้วเหมือนเพื่อนฝูง ทำไมมาอยู่ด้วยกัน
    อรหันต์จี้กง เพราะมีกรรมเกี่ยวข้องกันอยู่ เธอต้องค่อยพิจารณา ฉันจะได้เสกเป่าให้พวกนกได้ระลึกชาติก่อนจะได้คุยกันได้สะดวก
    หยางเซิง น่าอัศจรรย์ พออาจารย์เสกเสร็จ กรงนกอันนี้กลายเป็นห้องๆหนึ่ง พวกเขาสวมใส่เสื้อผ้าหลากสีกำลังรับประทานอาหารอยู่ บางคนก็กำลังพักผ่อน แต่ว่าไม่มีเก้าอี้ มีแต่ท่อนไม้อ่างน้ำกับอาหารเท่านั้น ไม่มีห้องน้ำ ถ่ายตามสบาย มันไม่มีอนามัย
    อรหันต์จี้กง ในกรงนกนี้ก็เหมือนบ้านของพวกเขา เพราะฉะนั้นมักได้รับเชื้อโรคบ่อยครั้งทำให้เจ็บป่วย มนุษย์อยุ่ดีมีสุข กินดีมีอนามัย ไม่เหมือนการกินของพวกนก น้ำดื่มมักเจือปนด้วยอุจจาระปัสสวะ คนอาศัยอยู่ในที่ดี มีเก้าอี้โซฟาจะนั่งนอนก็สบายพวกนกก็พันในป่ากิ่งไม้ และสายไฟฟ้า แม้มีรังอยู่ก็เป็นเศษหญ้าใบไม้ กินอยู่ก็อยู่ในที่ๆเดียวกัน ความเป็นอยู่อย่างนี้มิใช่ได้รับกรรมหรอกหรือ วันนี้ฉันพาหยางเชิงมาพบพวกนก สามารถไต่ถามความในใจเขาได้ เธอไต่ถามได้แล้วละ
    หยางเซิง พี่นก ทำไมต้องมาอยู่ในกรงละ ช่วยเล่าสาเหตุให้ฟังหน่อยได้ไหม ใช้โอกาสนี้สร้างบุญกุศล
    นกแก้ว ฉันใส่ชุดเขียว ปากสีแดงของนกแก้ว ฉันก็คิดไม่ถึงจะเปลี่ยนเป็นอย่างนี้ ฉันชาติก่อนเป็นแม่บ้านคนหนึ่ง เพราะว่านิสัยชอบพูดจานินทาให้ร้าย ทำลายผู้อื่น เป็นความสามารถของฉัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนจะต้องไม่ถูกกับเพื่อนบ้าน ถ้าหากบ้านไหนมีเรื่องเข้าใจผิดกันหน่อย ฉันก็พูดเพิ่มฟืนเพิ่มไฟทำให้เขาเป็นปากเสียงกัน มีครั้งหนึ่ง ภรรยาของคนข้างบ้านกลับไปเยี่ยมแม่ พอดีมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งมาเยี่ยม ฉันเห็นสามีเธอยิ้มหัวเราะต่อกันแล้วยังทานอาหารด้วยกัน พอวันรุ่งขึ้น ภรรยาเขาก็กลับมา ฉันก็พูดกับเธอว่า ตอนเธออยู่บ้าน สามีเธอพาผู้หญิงมา รู้สึกจะมีอะไรกันอยู่นา ด้วยเหตุฉะนั้นสามี-ภรรยาคู่นั้นก็เลยทะเลาะกันใหญ่ ทำให้เกิดอย่าร้างกันขึ้น ต่อมาสามีกลุ้มใจมาก และเสียใจตายไป ยังไม่แค่นี้เพราะฉันทำการค้าขายเล็กๆน้อยๆการค้าไม่ดี เลยด่าฟ้าแช่งดิน ตลอดชีวิตทำกรรมไว้ไม้น้อย พอตายลง ยมบาลโกรธมาก ด่าฉันทำลายสามี-ภรรยาอื่น ชอบสร้างเรื่องโกหก โทษฟ้าโทษดิน ถูกจองจำในนรกกว่าปี พอพ้นโทษก็มาเกิดเป็นนกแก้ว มีปากสีแดง สามารถเรียนพูดภาษาคน พูดไม่หยุดปาก ชีวิตอยู่ในกรงเล็ก แม่จะไม่อดอยากแต่บินออกไปไหนไม่ได้ จิตใจอึคอัด ท่านอรหันต์มาวันนี้จะช่วยฉันออกไปได้ไหม
    อรหันต์จี้กง อาฮ้าเธอมีชีวิตอยู่ที่นี่ก็เคยชินอยู่แล้ว ตอนนี้มีแต่ตึกสูงทั้งนั้น ปล่อยเธอออกไป เธอก็หากินไม่ได้ ฉันนะเมตตาจิต ปล่อยเธอออกไป ไม่ใช่ปล่อยชีวิต กลายเป็นปล่อยไปตาย ควรจะรู้ตัวเองดีกว่าใช้ชีวิตอยู่ที่นี้ไป เธอได้บอกชีวิตบาปแต่ปางก่อนเพื่อทำหนังสือ “วงเวียนกรรมของสัตว์เดรัจฉาน” ช่วยเตือนโลก มีบุญคุณ ฉันจะจดบันทึกไว้ เมื่อถึงอายุขัย ก็สามารถเกิดเป็นคนได้อีก ก้มหน้ารับกรรมไปเถอะ จงพอใจในความเป็นอยู่นั้นเถิด
    หยางเซิง ที่เหลือยังมีนกนานาพันธุ์ ที่จริงพวกเขาได้รับกรรมอะไร
    อรหันต์จี้กง วิญญาณนกค่อนข้างเบา ไม่จำเป็นต้องเป็นคน มีบ้างที่เกิดจากตะวันจันทราบันดาลให้เกิด เพราะฉะนั้นเขาก็สามารถบินได้อย่างเสรีในนภากาศ เพราะว่าตะวันจันนทราเป็นบ่อ เกิดพลังงานใหญ่ ฟ้าดินสามารถให้กำเนิดวิญญาณได้มาก พวกนกเหล่านี้เมื่อไม่ได้สร้างบาป ก็จะไปเกิดเป็นคนต่อไปและถ้าได้บำเพ็ญเพียรพวกลูกศิษย์ของอรหันต์ทั้งหลาย ก็มาจากสัตว์ก็มีมาก พวกมันสามารถอยู่รวมกับอรหันต์ได้ แสดงว่าสรรพสัตว์มีวิญญาณ เพียงต้องเพิ่มการฝึกฝน ก็สามารถพ้นจากวัฏฏสงสารได้ปัจจุบันมนุษย์ชาติยิ่งเกิดยิ่งเยอะ ดังนั้นทุกประเทศจึงให้วางแผนครอบครัว มีคนถามว่า ที่แท้คนมาจากไหน ทำไมยิ่งเกิดยิ่งมาก วันนี้ฉันจะเฉลยปัญหานี้ การเกิดของสรรพวิญญาณยิ่งเกิดยิ่งก้าวหน้า พวกสัตว์นับวันลดน้อยถอยลง เพราะคนยิ่งนับวันยิ่งฉลาดขึ้น ความเป็นอยู่ก้าวหน้ามาก ยิ่งเบียดเบียนพวกสัตว์อ่อนแอกว่า พวกนี้ก็ถูกคนรุกรานอยู่เรื่อยๆ พวกมันก็เลยกลับชาติมาเกิดเป็นคน จึงสามารถมีชีวิตอยู่ได้ประชากรเพิ่มเพราะอย่างนี้เหละ คนสมัยนี้เป็นสัตว์มาเกิด นิสัยของสัตว์ยังไม่หมดไป พฤติกรรมของคนปัจจุบันนี้จึงตกต่ำลง ส่วนใหญ่เป็น”หน้าคนใจสัตว์” สร้างแต่สิ่งชั้วร้าย ประชากรเพิ่มมากขึ้น ความพยายามของมนุษย์ชาติก็ไม่หยุดนิ่ง จึงมีผู้บำเพ็ญเพียร เพื่อที่จะเลื่อนฐานะให้สูงขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งทางศาสนจักรบอกไว้ว่า มีสวรรค์มีแดนสุขาวดีพุทธเกษตร แต่ทว่าในแดนเหล่านี้ต้องมีวิญญาณที่สะอาดบริสุทธิ์เท่านั้นที่ไปถึง
    หยางเซิง เพราะเหตุนี้เอง
    อรหันต์จี้กง ตอนนี้มาพิจารณาดู(กงเหย่เจี้ยน)ลูกศิษย์ท่านขงจื้อ เฝ้าดูนกห่านป่า ถามตอบคำถาม 5 ข้อ เพื่อเอามาเป็นสาระในการทำหนังสือ นายกงตี้ เดินเล่นได้ยินนกนางแอ่นถามห่านป่าว่าท่านสบายดีหรือ นกนางแอ่นถามอยู่หลายครั้งห่านป่าไม่ตอบก็โกธร ร้องว่าห่านป่าไร้มารยาท นกห่านป่ารีรอสักครู่หนึ่ง ก็ตอบล้อเล่าว่า เสียงแมลงบนต้นไม้ค่อย ในห้องโถงเสียงหมีก็ต่ำ น้ำใสไหลนองทั่ว คนมีศักดิ์นั้นพูดจาช้า นกนางแอ่นเลยพูดว่า เธอกำเนิดอยู่บนยอดหญ้าเขียวเลี้ยงปากด้วยปลายข้าวคนอื่น ปากก็ใหญ่แต่ลำคอเล็ก ฉันกับเธอนั้นเหมือนกัน จะหาศักดิ์ศรีที่ไหนเล่า นกห่านป่าตอบว่า ฉันแม้ไม่มีศักดิ์แต่รู้หลักวินัยสามประการ คือกษัตริย์เป็นหลักของขุนนาง พ่อเป็นหลักของลูก สามีเป็นหลักของภรรยา แปล กษัตริย์ตรัสต่อขุนนางด้วยเกียรมารยาท ขุนนางปฏิบัติหน้าที่ต่อกษัตริย์ด้วยความจงรักภักดี เป็นพ่อของคนต้องมีเมตตาจิตเป็นลูกของคนต้องกตัญญูสำคัญยิ่ง ภรรยาต้องน้อบน้อม สามีต้องมีศักดิ์ศรี สามีเท้าหน้า ภรรยาเท้าหลัง สมัยก่อน มีกษัตริย์นามว่าจ้าวหวัง ไม่มีทศพิศราชธรรม ราษฏรได้รับภัยพิบัติ ต่อมากษัตริย์อู้หวังได้ให้ขุนนางเยี้ยงจื่อหย๋า ไปสะสางความไร้ศีลธรรมนั้น ราษฏรได้รับความร่มเย็นเป็นสุข ราษฏรก็ได้ช่วยสร้างราชวงศ์โจว ให้ยาวนานกว่าแปดร้อยปี แบบนี้ก็คือ กษัตริย์เป็นหลักของขุนนางละ อีกสมัยหนึ่งมีขุนนางคนหนึ่งชื่อ กันสื่อเอี้ยน บ้านเมืองฝนไม่ตกสามปีซ้อนอยู่มาวันหนึ่ง บังเอิญมีพายุฝนตกใหญ่ กษัตริย์เลยถามกันสื่อเอี้ยนว่าวันนี้ฝนตกขนาดหนัก สามารถตีค่าเป็นเงินเท่าไร นายกันสื่อเอี้ยนนิ่งไม่ตอบ กษัตริย์โกธรให้กลับบ้านไปหาคำตอบมา ลูกชายมีปัญญายิ่งนัก เก่ง บอกพ่อว่า(บิดาท่านทำไมไม่ตอบว่าอิฐบนกำแพงเปียก 1 ก้อน พื้นดินก็เปียกลึกห้านิ้ว ข้าวในนาเมื่อสุกปลั่ง ทั่วพื้นพสุธาดั่งทองคำ ฝนนี้นับค่ามิได้ กษัตย์ รับสั่งให้ กันสื่อเอี้ยน อายุ 12 ปีเข้าเฝ้าและถามว่าจะปกครองแผ่นดินอย่างไรดี กันหลอทูลตอบว่า ข้ากระหม่อมปฏิบัติต่อพ่อด้วยความซื่อสัตย์กตัญญู พ่อก็ปฏิบัติต่อลูกด้วยความรักเมตตา ประเทศชาตเช่นเดียวกัน กษัตริย์กับบิดาเหมือนกัน คุณธรรมขจรชื่อกระจาย ความซื่อสัตย์กับความกตัญญู ความเจริญรุ่งเรืองและเกียรตยยศ ไม่ต้องตามหามันมาเอง ความชั่วร้ายไม่ต้องขับไล่ มันหนีไปเองเช่นกัน เหนือหัวได้ยินดังนั้น รู้สึกชื่นชมมาก แต่งตั้งให้นายกันหลอเป็นขุนนาง
    นกนางแอ่น หลักธรรม 5 ข้อเป็นอย่างไร นกห่านป่าตอบ เหยิน คือ ความมีพรหมวิหารสี่หนึ่ง อี้ คือความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่นสอง ตี้ ความมีปัญญา สาม หลี่ ความมีคารวะต่อผู้อื่น อ่อนน้อมตามควรแก่ฐานะของแต่ละบุคคล สี และ ห้า ซิ่น คือ ความมีสัจจะทั้งกายวาจาใจ รักษาเวลา คำพูด แบ่งแยกกันอย่างไร นกห่านป่า ตอบ ถ้าท่านได้ยินเสียงร้องของมันย่อมไม่กินเนื้อของมัน เห็นมันมีชีวิตก็ต้องไม่อยากให้มันตาย อันนี้เป็นหลักพรหมวิหารสี่ ถ้าสามีตายลงก่อน ภรรยาควรสงวนตัวไม่แต่งงานใหม่ เพื่อรักษาความซื่อสัตย์ คนโตออกหน้าคนรองบินตาม ทั้งโตและเล็กต้องมีระเบียบ อักษรเลขหนึ่งก็ดูเรียบร้อยไม่สับสน อันนี้คือความมีคารวะ มีมารยาท จะบินขึ้นหรือร้องเรียก จะพักจะกิน และต้องเข้าใจการเกิดการตาย บำเพ็ญเพียรทำแต่ความดี อันนี้หมายถึงผู้มีสติปัญญา จากไปในฤดูใบไม้ผลิต ก็กลับมาในฤดูใบไม้ร่วง จะมาจะไปก็ไม่ผิดพลาดเวลา อันนี้หมายถึง ความมีสัจจะ ฉันกับพวกเธอนั้นต่างกัน พวกเธอนั้นกินหนอนเป็นอาหาร ไม่มีจิตเมตตา จะว่ามีพรหมวิหารสี่ได้อย่างไรกัน ถ้าสามีตายก่อน ภรรยาแต่งงานใหม่ อันนี้จะมีความซื่อสัตย์ได้ไหม ไปแอบดูหญิงชาวบ้าน จะมีมารยาทได้ไฉน มัวแต่สนใจเพื่อนเล่นของลูกชาย ไม่เข้าใจกฎแห่งกรรม ไม่ยอมตั้งใจประพฤติกรรมดี ไปๆมาๆ หลงๆลืมๆ ไม่รักษาเวลาอย่างนี้จะเชื่อได้ไหม ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นหลักธรรมของ5ข้อหากเธอไม่รับรู้และไม่สนใจและไม่สำนึกผิด อย่างนี้จะว่าอย่างไรนกนางแอ่นฟังแล้วก็ไม่มีคำตอบ ไม่รอช้ารีบบินจากไป ท่านทั้งหลายได้ฟังการสนทนาของนกทั้งสอง ต้องเข้าใจให้ลึกซึ้ง คำพูดได้สอนคนไว้มาก วินัยสามธรรมห้าเป็นหลักการดำรงความเป็นคน เป็นมรรคให้คนเดิน เป็นหนทางขึ้นสู่สวรรค์ เธอจะเรียนแบบใคร เชื่อแน่ว่าทุกคนต้องคิดเป็นคนดี ให้คนสรรเสริญ
    หยางเซิง ท่านอาจารย์เล่าเรื่องต่างๆนี้ ล้วนมีธรรมะลึงซึ้ง พวกนกยังบรรยายธรรมได้ ชาวโลกชอบพูดผิด มีคนบางคน ตนเองไม่เป็นคนดียังชี้คนดีคนชั่วได้ ก็เหมือนการพูดคุยของนกทั้งสอง
    อรหันต์จี้กง สามัญชน ชอบพูดถูกพูดผิด ไม่รู้จักสงวนตน ใจอคติ เป็นคนต้องสงบปาก กล่าวแต่ธรรมะจะได้ไม่ต้องไปเกิดเป็นพวกนก ชาวโลกควรจะสงบปาก กล่าวแต่ธรรมะจะได้ไม่ต้องเกิดเป็นพวกนก ชาวโลกควรจะสงบปากสงบคำ ปากถือศีล ยังเอยปากทำลายคน ก่อกรรมทำเข็ญ พูดไม่หยุดปาก คำพูดปลิวว่อนเหมือนนกแก้วในกรงขัง เพราะไม่ยอมให้ชาวบ้านอยู่สุข วันนี้พอแค่นี้ก่อน รีบกลับสำนัก
    หยางเชิง ขอรับกระผม
    อรหันต์จี้กง ถึงเซินเต๋อถังลัว หยางเซิงลงจากปทุมทิพย์ได้แล้ว วิญญาณกลับเข้าร่างเดิม

    ครั้งที่ 4 ไก่โต้งร้องขึ้นเพราะปากถือศีล ล้อม้าแบกของหนักเพราะกรรมชาติก่อน
    อรหันต์จี้กง ชาวโลกเลี้ยงสัตว์เป็นฝูงใหญ่ ทุ่มเทกำลังเฝ้าถนอม ประโยชน์แรก ตนเองสามารถบริโภคได้ ประการที่สองขายได้เงินทอง ถ้ากลับกัน ท่านได้ปฏิบัติต่อพ่อแม่ด้วยสุดหัวใจ หรือไม่ อาหารสามเวลาได้ตระเตรียมไว้ดีแล้วหรือ สุขภาพไม่ดีได้หาหมอหรือเปล่า ที่หลับที่นอนดูแลเรียบร้อยดีหรือ ยามพ่อแม่เจ็บป่วย เกิดเป็นลูกใจร้อนรนกระวนกระวายหรือไม่ ถ้าหากเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ เลี้ยงหมูเลี้ยงวัว การกินอยู่ 3 มื้อไม่เคยขาดตกบกพร่อง พอมีโรคระบาดรีบให้สัตว์แพทย์มาดูแล ที่อยู่อาศัยก็ล้างทำความสะอาดกลัวติดเชื้อทุกอย่าง ดูแลทั่วถึง ถ้าหากปฏิบัติต่อพ่อแม่ไม่กระทำเช่นนี้ เธอก็จะได้ชื่อว่าอกตัญญู รีบสำนึกกลับตัวเสีย ทุกชีวิตย่อมกลัวตาย ถูกยุงกัดทีก็ทดไม่ไหว ถ้าตีไม่ตายก็ไม่สบายใจ ถ้าได้ยินคำพูดไม่เข้าหูสักคำเหมือนมีดแทงใจดำ อารมณ์พุ่งดังฟ้าร้อง นี้คือกฎของการรักตัวเอง กตัญญูสูตรกล่าวว่าร่างกายนี้ กำเนิดจากพ่อแม่ ไม่กล้าให้เจ็บแม้แต่น้อยนิด ความกตัญญูก็เริ่มจากที่ตรงนี้แหละ ถ้าหากพลีชีพเพื่อชาติ ก็เป็นการกตัญญูต่อประชาชนประเทศชาติ อันนี้ก็ถือว่า ซื่อสัตย์กตัญญูเป็นเลิศอุทิศชีวิตเล็กๆ ของฉัน เพื่อความยิ่งใหญ่ของแผ่นดิน เสียสละเพียงคนเดียวเพื่อชีวิตส่วนรวม การตายแบบนี้เหมือนเกิดใหม่ วิญญาณจะไปสู่สวรรค์ มีความสุขชั่วนิรันดร์ ชื่อก้องเกรียงไกร ชีวิตสัตว์เดรัจฉาน ถ้าฆ่าเอาไปเป็นอาหาร ก็เป็นสิ่งพลีชีพ ชาวโลกจะต้องระลึกถึงคุณของมัน อย่าสักแต่กินโดยไม่ระลึกถึง นายหยางเซิงขึ้นปทุมทิพย์เร็ว
    หยางเซิง ครับผม วันนีไม่ทราบว่าจะไปไหน
    อรหันต์จี้กง ปีนี้เป็นปีระกา เราไปเยี่ยมพ่อไก่แม่ไก่ กันเถอะ
    หยางเซิง ครับผม แหม นั่งบนดอกปทุมทิพย์ ตลอดทางเย็นสบาย ในเวลาค่ำมืดอย่างนี้ไม่รู้ว่าบ้านไหนเขาเลี้ยงไก่ไว้บ้าง
    อรหันต์จี้กง วันนี้เราออกไปนอกเมืองไถจง ไปที่หมู่บ้านไถ่ผิง ที่เขาเลี้ยงไก่กัน
    หยางเซิง ชั่วพริบตา ก็มาถึงเล้าไก่ใหญ่ พลบค่ำแล้วดูเหมือนพวกมันนอนกันหมดแล้ว แต่ยังมีบางตัวยังกินอาหารอยู่
    อรหันต์จี้กง พวกมันยังกินรอบดึกเพราะความเคยชินเพราะฉะนั้นในตอนกลางคืน พวกไก่ยังออกหากินได้
    หยางเซิง ทำไมไม่เห็นรูปร่างคนละ
    อรหันต์จี้กง เพื่อไม่ให้ชาวโลกหลงมัวเมา ฉันจะให้มันใช้กายปัจจุบัน พูดจาภาษาคนกับเราละ จะได้ดูแปลกไงเล่า
    หยางเชิง พวกมันพูดภาษาคนได้หรือ
    อรหันต์จี้กง แน่นอน เธอไม่เคยได้ยินไก่ขันในตอนเช้าหรือ ชาวบ้านยังเข้าใจลุกจากเตียง แล้วทำไมคนจะฟังภาษาไก่ไม่รุ้เรื่องหรือ
    หยางเชิง อาจารย์พูดถูก
    อรหันต์จี้กง ให้ฉันแสกมันก่อน ให้มันได้ตื่น จะได้ใช้ภาษาคนพูดติดต่อ “ไก่โต้ง เจ้าไก่โต้งเจ้าขันทุกวันหมายความว่าอะไร
    ไก่โต้ง ฉันคือ ระฆังย่ำรุ่ง ฉันรับหน้าที่นี้มา พอย่ำรุ่งฉันก็ส่งสัญญาณปลุกชาวบ้านให้ลุกขึ้น ฉันเป็นพนักงานให้สัญญาณเพราะฟ้าลิขิตแบบนี้ นอกจากเป็นใบ้ไป ถ้าหากถึงตอนเช้าลำคอรู้สึกติดขัด ถ้าไม่ขับร้อง ลำคอก็ไม่สบายโล่ง
    หยางเซิง มีเหตุผลดี ถ้าไม่เรียกก็ไม่สบายกาย เธอมีบาปมาอย่างไร บอกให้ชาวบ้านเขารู้หน่อยได้ไหม
    ไก่โต้ง ท่านผู้ใจบุญ อย่าให้เปิดเผยเลยได้ไหม
    หยางเซิง เสียงเธอไพเราะมาก ทำไมต้องเหนียมอายเล่า
    ไก่โต้ง ท่านผู้ใจบุญ ถ้าต้องการจริงๆ ฉันก็จะพูดความจริง ฉันแต่ก่อนเป็นชาวนา อารมณ์ดุร้าย ถ้าพบอะไรไม่สบอารมณ์จะต้องระบายอารมณ์ด่าออกมา ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ ญาติพี่น้องพูดจาหยาบคาย พ่อแม่ด่าว่าฉันไร้ศีลธรรม ยิ่งกว่าสัตว์อีก แต่แนก็ไม่เคยสำนึกผิด ยิ่งเสียงด่าใหญ่นิสัยเลวอย่างนี้แก้ไขไม่ได้เพราะปากร้าย ตลอดชีวิตจึงสร้างบาปไปทั่วทุกแห่งหน พอตายลงยมบาลจับไปอยู่ในนรกตัดลิ้น ลงโทษดัดนิสัย พอพ้นโทษก็ให้มาเกิดเป็นไก่โต้ง พอเกิดเป็นไก่โต้งนิสัยก็ดีขึ้น เพราะวจีกรรม ด่าพ่อแม่ผู้ใหญ่ พอขอบฟ้าสาง ในลำคออดไม่อยู่ต้องส่งเสียงขับร้องออกมา ใช้เสียงตะเบงเรียก ชาวโลกทั้งหลาย ตื่นเถิดอย่าเอาเยี่ยงฉันเลย ฉันเรียกเขาอยู่ทุกวัน เพื่อให้พวกเขาขึ้นมาทำงาน ฉันสร้างกุศลแบบนี้เพื่อชดใช้กรรมเก่า ชาติก่อนไร้ศีลธรรม เลยเกิดเป็นไก่(ไอ้ตาไก่)ตาของฉัน พอเห็นไก่ตัวเมียตาฉันก็ลายมืดมัว ไม่ดูว่าเป็นแม่ ผู้ให้กำเนิดหรือเปล่า เอาแต่ความสนุก เพราะฉะนั้นไก่จึงถูกประณามว่าสัตว์เดรัจฉาน ไร้ศีลธรรม เพราะเหตุอกุศลกรรมนำพาทำให้ฉันไม่มีสติยั้งคิด เลยทำเยียงสัตว์ป่า ขอให้ชาวโลกจงอย่าสร้างวจีกรรมได้ไม่ต้องมาร้องขัน คิดได้ก็สายเสียแล้ว
    อรหันต์จี้กง เธออย่าเสียใจ เธอเกิดเป็นไก่ก็ได้รับรสชาติของเวรกรรม แต่ว่าไก่ก็มีศีลห้าข้อ บนหัวก็มีหงอน(มงกุฎ)ประดุจดังนักปราชญ์ ขามีเดือย ประดุจนักรบ นิ้วขาหน้าประดุจผูกล้าหาญเช้าขึ้นมาก็ร้องขันประดุจซื่อสัตย์เชื่อถือได้ เวลามีกินก็ร้องเรียกกันประดุจมีใจรับผิดชอบ ไก่ยังมีหลักธรรม 5 ข้อ คนจะมีไหมแม้จะเป็นสัตว์เลี้ยงแต่ก็มีสิ่งที่ควรเอาเยี่ยงอย่าง
    หยางเซิง ฟังไก่โต้งเจรจา ช่างมีคิตเตือนใจ ไม่รู้ว่าเวลาถูกเฉือดรู้สึกอย่างไรบ้าง
    อรหันต์จี้กง อันนี้ไว้ถามแม่ไก่อีกตัวดีกว่า ไม่รู้ว่าเวลาถูกเฉือดรู้สึกอย่างไรบ้าง
    อรหันต์จี้กง อันนี้ไว้ถามแม่ไก่อีกตัวดีกว่า เพราะมันเกิดเป็นไก่ 2 ครั้งแล้ว ฉันจะเสกให้ก่อน แล้วค่อยให้พูดว่าตนถูกฆ่าเป็นอย่างไร
    หยางเซิง ขอถามตอนเกิดเป็นไก่ครั้งแรก แล้วถูกเฉือดนั้นจิตใจเป็นอย่างไร
    แม่ไก่ อย่าให้พูดเลย คิดแล้วกลัวไม่หาย ชาติก่อนเกิดเป็นไก่ในบ้านชาวนา เพราะสมัยั้นคนชอบกินไก่บ้าน ตอนฉันออกจากไข่เจ้าของก็เลี้ยงด้วยข้าวสาร พ่อไม่นานเกิดได้ 7วัน แม่ก็พาเราน้อง7ตัวไปหากินตามทุ่งนา ผ่านไปปีครึ่ง ฉันก็เติบใหญ่ มีคนฆ่าไก่มาหา เขาเอากรงมาด้วย ถ้าเจ้าของว่ามีไก่ขายไหม มีครับแต่ไก่บ้านราคาต้องสูงหน่อย คนซื้อบอกว่าแน่นอนๆ ชีวิตพวกเราถูกลิขิตแล้ว คนฆ่าไก่ก็จะเอาตาข่ายไล่จับ ฉันกลัวมาก รีบวิ่งหลบแต่ก็ไม่พ้นตาข่าย เจ้าของขายได้เงินรู้สึกดีใจมาก ไม่เคยอนาทรชีวิตพวกเรา เราถูกส่งไปยังตลาด คนฆ่าไก่พูดกับคนขายผักว่า ไก่บ้านแท้ๆ เนื้อหอมอร่อย ถ้าไม่ใช่ไก่บ้านแท้ๆ ไม่เอาเงิน ในที่สุดก็ถูกแยกไปทีละตัวฉันถูกแม่บ้านคนหนึ่งซื้อไปเธอดีใจมากที่ได้ไก่บ้านมา พอถึงบ้านก็รีบต้มน้ำร้อน เอามีดเฉือนคอ ฉันร้องจนหมดแรง เจ็บจนตาย ดิ้นอยู่ประเดี๋ยว รู้สึกว่าเลือดสดๆ ไหลออกหมด หมดแรงเอาดื้อๆ ก็พอดีตัวถูกน้ำร้อนต้มเดือดปวดแสบทรมานไปทั้งตัว แล้วก็มืดหน้าตามัววิญญาณออกจากร่าง มีอำนาจมืดพาไปที่เมืองนรกเนื่องจากกรรมยังไม่หมด เลยต้องเกิดมาเป็นไก่อีกครั้งหนึ่งจากครั้งนี้ก็จะได้ไปเกิดเป็นคนใหม่
    หยางเซิง ฟังมันพูดแล้วน่าสงสาร ไม่ทราบว่าคนฆ่าไก่กับคนกินเนื้อจะเป็นอย่างไร
    แม่ไก่ คนก็กินแต่ซากศพ ไม่สามารถกินวิญญาณได้หรอกคนฆ่าฉันก็เหมือนฉันถูกฆ่า กลัวจนรนราน บางครั้งวิญญาณมันหนีไปซุกซ่อนอยู่ข้างหลังคนฆ่า ถ้าหากคนฆ่า ฆ่าสัตว์มากๆพวกวิญญาณยังไม่ไปเกิด ก็วนอยู่รอบๆ คนฆ่า นานๆเข้ามือฆาตกรก็มีร่างกายหรือไม่เปลี่ยนไป ท่าทางจะแปลกๆไป
    หยางเซิง ขอโทษที่ขัดจังหวะ ที่พูเมื่อกี้ไม่รู้ว่าจริง
    อรหันต์จี้กง แม่ไก่พูดนั้นมีเหตุผล สมมุติมีคนหนึ่งเข้าวิทยาลัยเรียนหนังสือพอนานๆ ไปก็รู้สึกว่า เขามีคุณวุฒิ ถ้าคนๆนั้นอยู่กับการค้านานๆ ก็จะมีลักษณะของนักธุรกิจ ถ้าเป็นชาวนาก็มีกลิ่นสาบควาย พวกกรรมกรก็มีแววกรรมกร สมัยหนึ่งมีคุณแม่เม้งทำไมต้องย้ายที่อยู่ถึงสามครั้ง เพื่อให้ลูกๆ ได้อยู่ใกล้โรงเรียนเพื่อเพาะนิสัยให้คงแก่เรียนเอาไว้ ถ้าอยู่ใกล้นักพนันนานๆไป ก็จะมีนิสัยถูกครอบงำ วันนี้ใจใกล้อะไรก็มักคล้อยตามอย่างนั้น ถ้าอยู่ใกล้พระพุทธเจ้า นานๆไปก็อาจมีใจเป็นพระ หน้าก็เป็นพระทุกๆอย่างก็เหมือนๆกัน
    หยางเซิง อยู่ใกล้ไข่มุกก็จะสดใส อยู่ใกล้มืดก็จะดำ คงเป็นเหตุอันนี้กระมัง แม่ไก่เอย แล้วคนกินเนื้อไก่ละจะป็นอย่างไร
    แม่ไก่ ไก่มันเลี้ยงเป็นฝูงในเล้า แม้ว่าปัจจุบันจะมีวิทยาการก้าวหน้า ตั้งแต่อนามัย อาหาร การอยู่ก็ต้องอยู่ด้วยกันในเล้ารับเชื้อโรคนั้นง่ายมาก เพราะฉะนั้นตามตัวจึงมีเชื้อโรคอาศัยอยู่ เพราะว่าเป็นไก่พูดไม่ได้ ก็ไม่ได้รับการรักษา เมื่อเป็นอาหารของคน โดยไม่รู้ว่าไก่มีโรคหรือเปล่า ก็มักได้รับโรดที่มาจากเนื้อไก่ จึงขอบอกชาวโลกว่า เวลาจะกินเนื้อปลาเนื้อไก่ ถึงระวังว่าจะกินเอาไก่มีโรคไป จะห้ามก็ไม่ได้ ดังคำพูดว่าโรคมักเข้าทางปาก
    หยางเซิง เธอพูดจากใจจริงๆ มักพบในหนังสือเขียนไว้ว่ากินเนื้อครึ่งขีดต้องคืนครั้งชั่งไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน
    แม่ไก่ ฉันไม่กล้าพูดเช่นนั้น แต่คนกินเนื้อมาก มีโทษมากกว่ามีคุณ เป็นเรื่องจริง บางครั้งมากกว่าคืนครึ่งชั่งเสียอีก คือคืนชีวิตไปเลยแหละ ทำไมหรือ คนที่กินเนื้อมากๆ ไขมันมากเกินไปพิษภัยสะสม ทำให้เลือดไม่ปกติ ความดันสูง เกิดมะเร็ง เป็นต้น ต้องเข้าโรงพยาบาล มิใช่ต้องใช้หนี้ด้วยชีวิตหรอกหรือ
    อรหันต์จี้กง พูดถูก คนสมัยก่อน กินเนื้อน้อย ปัจจุบันเนื้ออุดมสมบูรณ์ ทั้งสามมื้อมีแต่เนื้อกินมากเกินไป อุดมเกินไปเกิดโรคขึ้น คือโรคคนรวย ยิ่งปัจจบันยิ่งมาก หมอถึงกับยอมแพ้
    หยางเซิง ขอให้อาจารย์ได้เสกลูกไก่ตัวนี้ จะได้ระลึกถึงอดีตได้ อยากสนทนาหน่อย
    อรหันต์จี้กง ก็ได้ โอมเพี้ยง เจ้าลูกเจี๊ยบเกิดมาไม่นานบอกมาซิว่าก่อกรรมทำบาปอะไรไว้ วันนี้เลยมาอยู่ในกรงนี่
    ลูกไก่ ผมชาตก่อนเป็นเด็กเกเร ทั้งวันไม่ทำงาน เอาแต่ติดยาเสพติด รวมกลุ่มมั่วสุมคอยจี้ปล้น รีดไถชาวบ้าน ห้าปีก่อนขณะกำลังจี้ปล้นอยู่ พอดีถูกตำรวจจับได้ถูกศาลพิพากษาให้ประหารชีวิต พอตายลงถูกยมบาลขาว-ดำ จับลงนรกถูกทรมานในนรกอย่างหนัก พอพ้นออกมาก็ถูกส่งมาเกิดเป็นไก่ห้าชาติ ชีวิตมืดๆมัวๆต้องรับกรรมต่อไป ผมไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว
    อรหันต์จี้กง ชาติก่อนรีดไถชาวบ้าน ชาตินี้ต้องชดใช้กรรมให้เป็นอาหารตอบแทนเขา แม้ว่าจะเกิดมาเป็นไก่ก็ยังถูกจองจำไว้ในกรงเหล็กก็เหมือนรับโทษ ก้มหน้ารับกรรมไป
    หยางเซิง พวกมันเป็นไก่เนื้อ เจ้าของให้อาหารทั้งสามมื้อ คิดแล้วดูเหมือนสบาย คนต้องคอยปรนิบัติรับใช้ พวกก่อกรรมทำชั่วมาเกิด ถูกคนเลี้ยงจนใหญ่แล้วขายไปเป็นไก่เนื้อทำอาหารให้ชาวบ้านกิน พูดตามเหตุผลต้องได้รับโทษตอบสนอง ทำไมจึงบอกว่า คนฆ่าสัตว์ไม่ได้
    อรหันต์จี้กง ฉันจะยกตัวอย่างให้ดู ถ้ามีคนหนึ่งเป็นหนี้เธอก็ไม่สามารถฆ่าเขาเพื่อชดใช้หนี้ ควรให้เป็นหน้าที่ของศาล เพื่อชดใช้ให้ตามแต่ศาลสั่ง จิตโพธิสัตว์อาศัยเมตตาเห็นใจเขา ไม่อยากให้วิญญาณรับโทษก็เหมือนเขาปฏิบัติต่อผู้พิการ ได้แต่บริจาคด้วยใจรักอย่างเดียว พวกที่บำเพ็ญเพียรก็เช่นเดียวกันต้องฝึกจิตใจให้มีเมตตากรุณา จะได้มีวิญญาณที่ใสสะอาด พวกที่กินเนื้อของวิญญาณบาปเหล่านี้ โดยไม่ได้ตั้งใจก็จะเปื้อนราคีของวิญญาณบาป ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการบำเพ็ญเพียร ถ้าหากทานมังสวิรัติแล้วก็ทำให้จิตใจใสสะอาดเกื้อหนุนการบำเพ็ญเพียร พวกที่ทานเนื้อสัตว์มากๆ จิตใจจะขุ่นมัวเป็นการเพิ่มพูนกิเลสตัณหา ตั้งแต่โบราณมาท่านที่จะบำเพ็ญเพียรแล้วก็มักตัดสินใจทานมังสวิรัติเพื่อตัดความอนาถทางโลกีย์
    หยางเซิง ด้วยเหตุผลอันนี้เอง
    อรหันต์จี้กง โบร่ำโบราณมาแล้วมีร่องรอยหลักฐานมากมาย วันนี้ฉันเล่าเรื่องให้ฟังเรื่องหนึ่ง (ผู้ถือศีล “หลง” ได้ยินการสนทนาของม้าหล่อในตอนกลางคืนต่างก็เล่าถึงกรรมเก่า ต่อมาภายหลังรู้สำนึกกลับมาบำเพ็ญเพียร) เพื่อลงในหนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” ในสมัยราชวงศ์ถัง มีผู้ถือศีลคนหนึ่ง ชื่ออุ้ม แซ่หลงครอบครัวร่ำรวยมาก มีความรู้สูง ชื่อเสียงเป็นที่ล่ำลือ ตั้งแต่เล็กก็บรรลุธรรมะ ตั้งจิตอธิฐานขอพบแต่สัจธรรม เริ่มแรกก็ไปคาราวะอาจารย์สือโตว ต่อมาก็มาคาราวะอาจารย์ ม้าโจว ตั้งแต่นั้นมาก็บรรลุจิตเดิมเข้าถึงหลักอนัตตา ปกติคุณหลงก็เป็นคนขี้สงสารชอบช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก ประกอบกรรมดี บริจาคอยู่เนืองนิตย์ ด้วยเหตุนี้เอง วันหนึ่งมีพ่อค้า 2 คนมาหา ต้องการยืมเงินทำการค้า ต้องการยืมเงินหนึ่งพันตำลึง ท่านหลงก็ยินดีให้ยืมทันที เมื่อพ่อค้าทั้ง 2 คนได้เงินแล้วก็คิดจะเข้าเมืองไปทำการค้า แต่เมื่อมีสัมภาระมากขนไปไม่ไหว ท่าน หลงเลยให้เอาลาที่เลี้ยงไว้ยืมไปขนของ พ่อค้าทั้งสองเดินทางมาถึง ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งก็หยุดพักผ่อน ทั้งสองปรึกษากันว่า ท่านหลงให้ยืมเงิน แต่ลืมจดลงในสมุด ถ้าหากเราเอาเงินนี้ไปโดยไม่ใช้คืนไม่มีใครรู้ พูดจบเจ้าลาก็พูดขึ้นทันทีว่า ฉันชาติก่อนได้ยืมข้าวโอ๊ดไปสามขีด แล้วก็ไม่ได้ใช้คืน ชาตินี้เกิดมาเป็นลาต้องขนของให้ท่านเดินทางมาไกลถึง 30 ลี้ เพื่อเป็นการใช้หนี้เก่า ตอนนี้ฉันใช้หนี้ท่านหมดแล้ว ฉันเห็นทีจะต้องกลับไปแล้ว สองพ่อค้าได้ยินลาพูดภาษาคนได้ ตกใจมาก เลยรีบเอาเงินคืนไปให้ท่านหลง ท่านหลงแปลกใจมากเลยถามว่าทำไมรีบคืนเงินมาให้เล่า สองพ่อค้าเลยเล่าเรื่องที่ได้ยินจากลาพูดให้ฟัง แล้วพูดว่า พวกเรากลัวว่าจะต้องชดใช้กรรมชาติหน้าเลยรีบนำเงินมาคืนให้ พูดแล้วก็ลาจากไป พอตกกลางคืนท่านก็เดินไปที่คอกม้า ก็บังเอิญได้ยินม้ากับลาสนทนากันว่าชาติก่อนเป็นหนี้เขาเท่าไร ชาตินี้ก็เลยมาใช้หนี้เขา ฟังแล้วก็แหงนหน้าขึ้นพูดว่า ฉันตั้งใจจะช่วยคนโดยคิดไม่ถึง กลายเป็นเพิ่มภาระคนอื่น ปลงตกดังนี้ต่อมาไม่นานก็รวบรวมเงินทองแล้วนำขึ้นเรือคิดจะออกไปกลางทะเลแล้วทิ้งลงทะเลไป ขณะที่เรือแล่นมากึ่งกลางแม่น้ำก็มีโจรสลัดกลุ่มหนึ่งปีนขึ้นเรือมา จะเข้าปล้นเรือ ท่านหลงเลยว่าเรื่องลากับพ่อค้าสองคนให้ฟัง และตนเองคิดจะเอาเงินมาทิ้งทะเล ปรากฏว่าพวกโจรสลัดได้ฟังดังนั้น ใจเกิดสำนึกผิด พูดว่า พวกเราจะยอมออกบวชยอดติดตามท่านถือศีลกินเจ ในที่สุดท่านหลงก็เลยเอาเงินบริจาคเข้าวัดเป็นค่าอาหารสำหรับโจรสลัดทั้ง 500 คน ต่อมาพวกโจรสลัดทั้ง 500 คน ก็บำเพ็ญเพียร จนสำเร็จบรรลุพระอรหันต์ เลยได้ชื่อว่า”อรหันต์ 500 องค์
    ท่านหลงละทิ้งสมบัติ บุตรีก็ถือศีล ทอเสื่อยังชีพไปวันๆหนึ่ง ลูกชายก็ทำไร่ไถ่นา ทั้งครอบครัว สามี ภรรยา บุตร สีชีวิต ตั้งใจบำเพ็ญเพียร ภายหลังที่ท่านหลงได้ช่วยโจรสลัดกลับใจได้ จิตใจสดชื่นยิ่งเพิ่มความเพียรมากขึ้น ในที่สุด ก็บรรลุสำเร็จเป็นพระอรหันต์ทั้งครอบครัว ท่านทั้งหลายเห็นแล้วใช่ไหมว่า พวก เป็ด ไก่ วัว ควาย ต่างก็เกิดดมาชดใช้กรรมเก่า ซึ่งเป็นการยืนยันถึง”กฎแห่งกรรม” รีบๆกลับใจประพฤติตนให้ถูกต้อง ตั้งใจบำเพ็ญเพียร เพื่อไม่ต้องไปเวียนว่ายตายเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน

    ครั้งที่5 มั่วกามเคล้าโลกีย์เกิดเป็นกวาง อยู่ในป่าดงพงพลีห่างผู้คน
    อรหันต์จี้กง วิทยาการก้าวหน้า เภสัชวิทยารุ่งเรือง บรรดานักวิชาการต่างมุ่งหน้าที่จะผลิตยาวิเศษ เพื่อชลอความแก่ หรือกลับเป็นหนุ่มสาว หรือมีอายุวัฒนะ มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเกิดขึ้น อาทิเช่นมีการฉีดดึงหนังให้แต่งตึงเพื่อให้ร่างกายดูอ่อนวัย สดสวยอยู่เสมอแต่ว่าจะมีวิธีต่ออายุแต่งโฉมใหม่ ก็เพียงชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น จะมีใครมีชีวิตยืนยาวถึงร้อยปี นับคนได้เลย
    ในป่าดงดิบ ต้นไม้สูงเสียดฟ้า พวกมันไม่เห็นมีใครคอยรดน้ำใส่ปุ๋ย คอยตกคอยแต่ง ทั้งยังโดนฝนพายุพัดกระแทก ก็ยังอยู่ได้ไม่ล้ม มีชีวิตถึงพันปี อันนี้เพราะมันยืนอยู่บนพื้นฐานของมันเองยึดมั่นอยู่กับที่ไม่เคยขยับแม้แต่ก้าวเดียว เกิดที่นี้ก็ตายที่นี่เป็นไปตามกฎของธรรมชาติ ค่อยๆเจริญเติบโตขึ้น ทำให้อยู่อย่างมั่นคง ไม่เหมือนคนที่มีการชิงดีชิงเด่น ไม่มีความใคร่มัวเมากามารมณ์ ดังนั้นจึงมีอายุนานถึงพันปีซึ่งอาจเรียกว่าไม้เทพ ชาวโลกลืมกันหมดมัวพูดถึงแต่ความสวยงาม เสื้อผ้าก็ต้องใหม่สด หน้าตาก็ต้องรักษาบำรุง ยาอายุวัฒนะมีขนานใหม่ๆอยู่เสมอ แล้วทำไมไม่มีปัญญารักษาให้อยู่ถึง 200 ปีสักคน ฉันว่ามนุษย์นั้นตรากตรำเกินไป ไม่เหลียวแลสุขภาพ วันนี้ฉันจะพาหยางเซิงไปพบกันปัญหาอันนี้
    หยางเซิง ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว อาจารย์ออกเดินทางเถิด
    อรหันต์จี้กง ที่นี่ก็คือป่าอารีซานละ วันนี้เราจะมาหากวาง
    หยางเซิง ในป่าลึกไม่พบแม้แต่กลิ่นไอมนุษย์ แต่ข้างหน้ามีกวางนอนอยู่ 4 ตัวเราไปถามมันดู
    อรหันต์จี้กง ข้าจะเสกสักหน่อย มันจะได้ระลึกชาติได้ โอมเพี้ยง เจ้ากวางน้อย พวกเธอนอนอยู่ทำไม นายพรานมาแล้วยังไม่รีบหนีไป ฮาฮ้า เธอดูมันซิพอฉันพูดเท่านั้น พวกมันก็ตื่นเตรียมตัววิ่งหนี แต่ว่าฟ้ามืดสลัวๆอย่างนี้ จะหนีไปไหน ฉันจะแผ่รัศมีพุทธ มันเห็นแสงสว่าง ก็จะรีบมาหา
    หยางเซิง กวางป่าได้ยินอาจารย์พูด รู้สึกเข้าใจ
    อรหันต์จี้กง อิทธิฤทธิ์พุทธที่ข้าพูดไม่ต่างไปกับคน แต่ธรรมจิตย่อมเข้าสู่จิต พวกมันฟังแล้วย่อมเข้าใจ พุทธพจน์ล้วนเป็นจริงทุกอย่าง เทวดาก็ใช้จิตพุทธนี้ พูดจากับสัตว์ พวกมันฟังแล้วเข้าใจ
    หยางเซิง อัศจรรย์จนพูดไม่ถูก สรรพสัตว์กายต่างกัน แต่พุทธจิตเสมอภาคกัน แม้แต่สัตว์เดรัจฉานก็สามารถรู้ถึงจีน ยอมฟังคนสอน ในทางกลับกัน คนไม่น้อยทีเดียวกลับฟังไม่รู้เรื่องว่าพระท่านพูดว่าสอนอะไร เอาแต่อันธพาล ณ ที่นี้โลกวิญญาณ จะมีความรู้สึกเหมือนกันหมดดุจ เดียวกับจิตพุทธ
    อรหันต์จี้กง เธอพูดถูก เธอไปถามพวกมันได้แล้ว
    หยางเซิง เชิญครับ อาจารย์เสกเป่าแล้ว พูดจากันรู้เรื่อง
    อรหันต์จี้กง เมื่อกี้เสกนิดหน่อย ตอนนี้จะเสกให้มากขึ้นเพื่อวิญญาณจะได้เข้าใจ กวางป่าเห็นมือข้าพุทธกรเบิกพุทธจิตพุทธกรเบิกประตูพุทธ พุทธกรโปรดสรรพสัตว์ พุทธกรปัดเป่ามารมายา พุทธกรสัมผัสพุทธกรเธอฉัน กับกลายเป็นพุทธ
    กวางป่ามีควรแก่ป่าเขา นิสัยบริสุทธิ์แจ้ง เกิดในเขาเขียว ฟ้าดินประดุจบ้าน รักนวลสงวนตัว ร่างกายดุจทองคำวิ่งเร็วเหมือนบิน พริ้วๆดังเทวดา สัตว์เทวดาๆ จะเข้าใจจิตเดิม
    หยางเซิง อาจารย์เอาพัดปัดที่หัวกวางตัวหนึ่ง ทันทีทันใดก็มีแสงสีเขียวพุ่งออกมาจากหัวไม่ทราบว่าเป็นอะไรหรือ
    อรหันต์จี้กง กวางป่าเกิดมา อยู่กับเขาเขียวน้ำใส ต้นหญ้าเป็นพลังงานของดิน น้ำเป็นพลังงานของฟ้า วิ่งเล่นอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน ได้รับแสงเงินแสงทองของตะวันจันทรา เลี้ยงให้โตขึ้นอย่างบริสุทธิ์ตอนนี้ถูกฉันปัดเป่า วิญญาณตื่นขึ้นก็เลยมีรัศมีพุ่งสู่ท้องฟ้า
    หยางเซิง มิน่าเล่า กวางป่ามีธรรมะลึกล้ำเหมือนกัน
    อรหันต์จี้กง หยางเซิง เธอพูดกับกวางป่าได้แล้ว
    หยางเซิง ครับผม ขอถามพี่กวางหน่อย เธออาศัยอยู่ในป่าลึก รู้สึกอย่างไรบ้าง
    กวางป่า พวกท่านเป็นใคร ทำไมมาตีที่หัวฉันเล่า ฉันยืนอยู่นิ่งๆแทบไม่ไหว มีความรู้สึกจะบินลอยไปในอากาศปานนั้น
    หยางเซิง ผมเป็นคนที่มาจากสำนักเซินเต๋อถัง ในเมืองไถจง ท่านนี้เป็นอาจารย์ อรหันต์จี้กง เราอาจารย์ศิษย์ ได้รับคำบัญชาให้มาทำหนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” วันนี้มาเยี่ยมเยือนพวกท่านขออย่าได้กลัวเกรง
    กวางป่า ที่แท้ก็เป็นท่านอรหันต์จี้กง ท่านได้เสกเป่าเบิกวิญญาณ พวกเราขอถวายคารวะด้วยความขอบคุณยิ่ง
    อรหันต์จี้กง ไม่ต้องมีมารยาทหรอก ช่วยตอบคำถามหยางเซิงเถอะ
    กวางป่า ครับผม ท่านหยางถามว่า อยู่ที่นี่รสชาติเป็นอย่างไรผมจะพูดให้ฟัง ตั้งแต่เกิดจากท้องแม้ก็มีตะวันจันทรา ขุนเขาเป็นเพื่อน กินหญ้าสด ดื่มน้ำลำธาร ตากลมเย็น บ้านของเราก็คือต้นไม้ชายเขา ผ่านชีวิตกับธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ เนื่องจากนักล่าสัตว์ ทำแร้วดักสัตว์และมีปืนผาหน้าไม้ พวกเราต้องอพยพหลายครั้ง ถอยลึกเข้าไปในป่าเขาในใจก็ยังหวาดผวาไม่หาย อิจฉาความอิสรเสรีของคน อยู่ด้วยความสงบสุข แต่สิ่งที่กลัวของมนุษย์ก็คือ ชอบรังแกสัตว์ที่อ่อนแอเช่นเรา คุณหยาง ท่านข่วยบอกพวกท่านอย่าได้มาตามล้างตามล่าพวกเราเลย พวกท่านดีใจที่ได้ล่าสัตว์ไป แต่พวกเราก็สูญเสียเพื่อนไปเช่นกัน อย่างนี้ไม่น่าสงสารหรอกหรือ
    หยางเชิง ฉันรู้สึกสงสารพวกเธอจะใช้ความพยายาม แต่ก็โปรดระมัดระวังตนเองเป็นสำคัญไม่ทราบว่าชาติก่อน พวกท่านทำอะไรมา ชาตินี้จึงเกิดมาเป็นกวาง
    กวางป่า พวกเราไม่มีมือ มีเพียงเขาคู่เดียวที่จะปกป้องตนเอง รู้สึกไม่ค่อยมีความสะดวกเพราะว่าชาติก่อนประพฤติผิดศีลมักมากในกามารมณ์ หาเงินมาโดยมิชอบ รีดไถชาวบ้าน ชาตินี้เลยมาเกิดเป็นกวาง
    หยางเชิง จะพูดให้ละเอียดกว่านี้สักหน่อย เพื่อเตือนสติชาวบ้าน เป็นการสร้างกุศลไปด้วย
    กวางป่า พูดแล้วขายหน้ายิ่งนัก
    อรหันต์จี้กง อย่ามัวรีรอ ตอนนี้เธอก็มีเขา หน้ามีขนจะเอาหน้าอะไรไปขาย พูดให้ชาวบ้านฟังเป็นการสร้างกุศล เพื่อชาติหน้าจะได้ไปเกิดเป็นคน
    กวางป่า ครับผม ผมชาติที่แล้วเกิดเป็นชาย ชอบเซ็กส์มั่วกาม ตลอดชีวิต หลอกลวงหญิงชาวบ้านไม่รู้กี่คนแล้ว เท่าที่จำได้ก็ข่มขืนชาวบ้าน 3 ราย แม่หม้าย 2 ราย และภรรยาชาวบ้าน 3 ราย แล้วผู้หญิงไม่ดีอีกไม่รู้เท่าไร ทั้งล่อลวงตัวทั้งไถเงิน ทั้งวันเอาแต่กินเหล้าเมายา เงินที่ละเลงไปล้วนเป็นเงินของผู้หญิงทั้งนั้นทำแบบนี้ตลอดชีวิต พอแก่ลงก็เป็นโรคไตอักเสบ ในที่สุดก็ตายลงพอตายยมบาลก็ลงโทษ20ปี และให้เกิดมาเป็นกวาง เพื่อชดใช้หนี้กรรม ผมหวังว่าชาวบ้านจะไม่เลียนแบบผม มักมากในเซ็กส์หลอกลวงเงินทองไร้ศีลธรรม ชาตินี้เลยต้องเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานไม่ได้กินอาหารสดๆ กินแต่หญ้าเขียวเป็นอาหารเจไปเลย แม้จะอารมณ์เซ็กส์อยู่บ้างแต่ก็เมื่อไม่ถึงหน้าก็สมสู่ไม่ได้ ดังนั้นพลังงานขึ้นข้างบนไปสะสมอยู่ที่เขาทั้งสองข้าง นานเข้าก็แข็งตัว กลายเป็นเขาแหลมคม ในใจพูดไม่ออกว่าทุกข์แค่ไหน
    อรหันต์จี้กง ชาติก่อนเธอมักมากในในเซ็กส์ ชาตินี้ไม่สามารถจะกระทำได้ พลังงานจึงสะสมอยู่ที่เขาทั้งสองข้าง ชาวบ้านก็ตัดเขามาเป็นยาบำรุง แล้วก็เอ็นกวาง(ตัวเดียวอันเดียว)ชาวบ้านก็ตัดมาเป็นยาบำรุงเช่นกัน ชาติก่อน รากเง้า(อวัยวะ) เซ็กส์ เขาเวรเขากรรม ถูกเชือดเฉือน ก็นับว่าเป็นการชดใช้หนี้กรรม ยังโชดดีที่อยู่ในป่าลึก ไม่ได้อยู่ในย่านจอแจ(ย่านกามารมณ์)ทำตัวเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ(เซ็กส์จัด)เป็นกวางป่าอาศัยอยู่ในป่าเขา ได้แต่กินหญ้าและน้ำ ถูกห้ามจากอาหารสดๆใหม่ๆ พยายามบำเพ็ญเพียรไปเถิดอย่าได้ย่างเข้าสู่ถนนกามารมณ์อีกเลย
    หยางเชิง บาปกรรมของกวางตัวหนี้หนักมาก ชาตินี้เลยเกิดอยู่ในป่าลึก(บำเพ็ญเพียร)ก็ยังนับว่าโชดดี กวางเอ๋ย เธอไม่ต้องโทษใคร เพราะตนเองก่อกรรมทำเข็ญ เธอได้เล่าเรื่องทำบาปชาติก่อน สามารถเตือนสติชาวโลก วันหลังสิ้นอายุขัยก็จะได้เกิดเป็นคนใหม่
    กวางป่า ขอบคุณ คุณหยางผู้ทรงศีล ชี้แนะ ถ้าผมเกิดเป็นคนได้อีก ต้องประพฤติตนให้ดีแน่นอน มิกล้าที่จะเดินเส้นทางเก่าอีก
    อรหันต์จี้กง รู้สำนึกกลับใจ เมื่อได้เกิดใหม่เป็นคนได้รับการโปรด หยางเชิงเธอถามกวางตัวอื่นดูซิ
    หยางเซิง ครับผม นี่เจ้ากวาง เมื่อกี้เจ้าก็ได้ยินข้ากับเขาสนทนากัน ในใจรู้สึกเป็นอย่างไร
    กวางป่า ก่อนอื่น ต้องขอขอบใจท่านอรหันต์ที่เสกเป่าพวกเรา เมื่อได้ฟังการสนทนาก็รู้สึกละอายใจมากแล้ว
    หยางเซิง เป็นคนไม่กลัวกระทำ แต่กลัวไม่สำนึกผิด เมื่อรู้สำนึกผิดแล้ว ก็จงเล่าอดีตชาติที่แล้วให้ฟังหน่อย
    กวางป่า ได้ครับ ฉันจะเล่าเรื่องอดีตให้ฟัง จะได้ไม่เอาเยี่ยงอย่างผม จะได้ไม่ต้องเกิดเป็นสัตว์ ชาติก่อนผมเกิดมามีรูปร่างสว่างามมาก ข้างบ้านภรรยาเขาหน้าตาเซ็กซี่ ทำให้เกิดใจชั่วค่อยๆตีสนิท ในที่สุดก็สนิทสนนรักใคร่กัน ไฟราคะร้อนแรงพิศวาสคุกรุ่นเลยอยากให้มีความสัมพันธ์ตลอดไป เลยวางแผนวางยาสามีนาง ทำให้สามีนางไร้สมรรถภาพ ภรรยาเลยยกเรื่องนี้ร้องเรียนต่อศาลขออย่าขาด ภายหลังแต่งงานกับผม ทำให้เรามีสุขตลอดนาน
    ภายหลังสามีรู้ต้นสายปลายเหตุ โกรธแค้นเหลือหลาย กลับกลายเป็นคนละคน แต่ก็ทำอะไรผมไม่ได้ ทุกวันเอาแต่ดื่มเหล้าเมายา สติฟั่นเฟือน วันหนึ่งเมามากถูกรถชนตาย วิญญาณพยาบาทก็ไปฟ้องยมบาล กล่าวหาว่าถูกผมล่อลวงภรรยาและใส่ยาพิษให้กินต้องการล้างแค้น ยมทูตเลยอนุญาตให้มาแก้แค้น ดังนั้น วันหนึ่งผมกับภรรยาขับรถมาถึงสถานที่ๆ สามีคนก่อนถูกรถชนตาย ฉับพลันสติเลื่อนลอย ถูกรถชนล้มลง รถข้างหลังเบรกไม่ทันก็เลยทับผมตายวิญญาณถูกยมทูตขาวดำจับตัวไป ถูกยมบาลลงโทษอย่างหนักพอพ้นโทษมาก็มาเกิดเป็นกวางป่านี้แหละ ภรรยาเกิดเป็นแม่ไก่ไปคนละทาง วันนี้โชดดีมีอรหันต์จี้กงมาโปรด ทำให้มีโอกาสพ้นกรรม ประวัติที่ผ่านมาขอท่านทั้งหลายอย่าหัวเราะเยาะ ขอท่านทั้งหลายอย่าแสดงบทเจ้าสำราญเลย จะได้ไม่ต้องเกิดมาเป็นสัตว์เหมือนผม
    หยางเซิง กฎแห่งกรรมนั้น น่ากลัวมาก อาจารย์ครับกวางอีกตัวทำไมมีลำแสงที่หัวสว่างมาก
    อรหันต์จี้กง เธอถามเขาก็จะรู้เรื่องเอง
    หยางเซิง ขอถามพี่กวาง ทำไมจึงมีรัศมีพวยพุ่งสว่างมาก
    กวางป่า ฉันเป็นกวางตัวเมีย ไม่ใช่กวางตัวผู้ เธอเรียกฉันแบบนี้ฉันอายแย่ซิ
    หยางเซิง พี่สาว ฉันรู้สึกเธอจะเกรงใจมากไปหน่อยบำเพ็ญเพียรเคร่งครัด รู้สึกไม่เหมือนคนอื่น ช่วยบอกหน่อยว่ารัศมีบนหัวนั้นเกิดขึ้นเพราะอะไร
    กวางป่า ได้ซิ ชาติก่อนฉันเป็นศิษย์พุทธเจ้า บวชเป็นชีต่อมาภายหลังเกิดใจรวนเร หนีไปหาคาวโลกีย์ พอตายลงเลยเกิดเป็นกวางอยู่ในป่าลึก บำเพ็ญเพียรเพื่อลดกรรมเวร ชาติก่อนฉันหลงผิดชั่ววูบ แต่จิตพุทธยังอยู่ และคิดจะชดใช้กรรมเวร เลยตั้งหน้าตั้งตาบำเพ็ญเพียร พอเกิดเป็นกวางก็ตั้งอยู่ในความบริสุทธิ์ เพื่อรักษาจิตให้สะอาดบริสุทธิ์ พอรุ่งอรุ่ณก็ขึ้นไปบนยอดเขาอารีซานรับแสงตะวัน ตกกลางคืนก็เช่นกันรับแสงจันทรา หวังพึ่งพลังงานตะวันจันทรา เพิ่มพูนสมาธิ เสริมสร้างส่วนที่ขาดตกบกพร่องไปกินแต่หญ้าสด น้ำลำธารเป็นอาหารเจ ทำสมาธิ บำเพ็ญเพียรเพื่อลดบาปกรรม เพราะการสะสมความเพียร ทำให้มีพลัง พอท่านอรหันต์เสกเป่าเท่านั้นประตูสวรรคเปิดกว้าง สมาธิที่แก่กล้า สะสมมานาก็เลยเปล่งรัศมีพวยพุ่งดุจแสงตะวันจันทรา ขอให้ชาวโลกหมั่นต้องแสงตะวันจันทรา หล่อเลี้ยงพลังบริสุทธิ์ สะสมหลังฟ้าดินทำให้ร่างกายมีสุขภาพดี การบำเพ็ญเพียรก็ดีด้วย
    หยางเชิง กวางป่าก็บำเพ็ญเพียรได้ เป็นสิ่งที่คิดไม่ถึงจริงๆ
    อรหันต์จี้กง สัตว์เดรัจฉานสามารถบำเพ็ญธรรม ไม่ช้าก็แปรเปลี่ยนเป็นสุทธิผล เห็นกวางแล้วย้อนคิดถึงคน บำเพ็ญเพียรง่ายยิ่ง ขอประชาจงสำนึกบาป กลับใจเลิกบาปยังเห็นฝั่ง อย่าหลงอยู่ในทะเลทุกข์ไม่ สะดุ้งตื่น ทางวงเวียนนั้นไม่มีที่สุด เมื่อไรโลกจะพบสัจธรรม จะได้พ้นกรรมเวร
    วันนี้พอแล้ว กลับสำนักกันเถอะ
    หยางเซิง ครับผม
    อรหันต์จี้กง ถึงแล้ว วิญญาณจงกลับเข้าร่าง

    ครั้งที่6 ลิงป่ากระโดดเต้นมือไวเยี่ยงขโมย
    อรหันต์จี้กง สุภาษิตมักพูดว่า “หัวใจไม่โบราณ” คำว่า โบราณ ดีอยู่ตรงไหน ปากประตูใจเป็นทางสี่แยกเป็นสัญลักษณ์ของคนมีศีล คนเดี๋ยวนี้ไม่โบราณหมายความว่าคนเดี๋ยวนี้ไม่แขวนไม้กางเขนแล้ว ไม่เกรงกลัวพระเจ้าเฝ้ามองดู คนที่แสดงธรรมนั้นน้อยลงไปมาก ทันสมัยนั้นดูก็ดี แต่ทว่ารูปร่างการเดิมนั้นดูไม่ทันสมัยเลย กายนอกการแต่งตัว อาหาร ที่อยู่นั้นแต่งใหม่ได้ แต่หัวใจสีแดงดวงถ้าอันนี้ ถ้าหากเปลี่ยนใหม่แล้วละก็ไม่เหมาะกับร่างกายเก่าๆ ร่างนี้จะกลายเป็น”หัวใจเสีย”ก็ต้องเข้ารักษาโรคเกี่ยวกับ “หัวใจไม่โบราณ” นอกจากต้องแขวนไม้กางเขน ถ้าไม่เช่นนั้นก็ไม่อาจมีชิวิตอยู่ได้ วิทยาการสมัยใหม่ ช่วยให้มนุษย์ชาติหาความสบายได้ อันนี้น่ายินดีในทางกลับกัน วัตถุเจริญรุดหน้าจิตใจกลับถอยหลัง นักวิทยาศาสตร์ค้นคว้าจนสุดความสามารถ เพื่อพัฒนาชีวิตของมนุษย์ให้ดียิ่งขึ้นแต่ว่าการตกต่ำของธรรมะนี้ ต่างก็ระอาสุดแก้ไข อันที่จริงแล้วความโลภมากของสรรพสัตว์นั้นมาจากวิทยาการก้าวหน้าสมัยใหม่ต้องอาศัยศาสนาเป็นยารักษาโรคนี้ เพราะฉะนั้นศาสนาและวิทยาศาสตร์จึงเป็นพลังอำนาจที่มีอยู่ในพิภพ ต่างก็เสริมสร้างไม่ขัดกัน ทั้งสองฝ่ายผลิตเพื่อความสวยงามของมนุษย์ แต่ภายใต้เครื่องจักร”จิตใจ” แปดเปื้อนคราบน้ำมัน ใช้น้ำล้างไม่ออก ทำให้ธรรมชาติถูกแปดเปื้อนจนเปลี่ยนสภาพไปก็มีไม่น้อย นอกจากศาสนาจักรเท่านั้นจะสามารถแก้ไขปรับปรุงได้ส่วนร่างกายก็มีวิทยาการเสริมแต่ง ศาสนาเป็นสิ่งจำเป็นของชีวิตที่จะยึดเหนี่ยว
    หยางเชิง อาจารย์พูดถูก ผมอยากดูการบำบัดโรค หัวใจไม่โบราณ” เห็นทีต้องหาพระพุทธเจ้ามาช่วย
    อรหันต์จี้กง ความโบราณของข้าก็ไม่เลวไช่ไหม ฮาฮ้า รีบขึ้นประทุมทิพย์ออกเดินทางกันเถอะ
    หยางเซิง ไม่ทราบวันนี้จะไปไหน
    อรหันต์จี้กง วันนี้ก็คงขึ้นเขาไปล่าสัตว์กันดีกว่า
    หยางเซิง อาจารย์ชอบพูดล้อเล่น
    อรหันต์จี้กง เดี๋ยวนี้นักบวชจำนวนไม่น้อยก็ยังมี “ธรรมะโบราณ” เลย ในจิตใจพกแต่มีดคม ไม่อาศัยเมตตากรุณาช่วยกู้ชาวโลก วิญญาณเลวทรามทุกหนทุกแห่งจิตทรามไม่ซื่อสัตย์ สร้างต่อกุศล คนพวกนี้ก็พกธนูไว้หน้าพระพุทธรูปแล้วสวดมนต์ น่าหัวเราะจริงๆ วันนี้ฉันคิดจะขึ้นเขาไปล่าสัตว์ ล่าสัตว์ที่ไม่เหมือนชาวบ้าน คือล่าสัตว์ “ใจลิง”
    หยางเซิง คำพูดของอาจารย์ช่างเต็มไปด้วยกุโศกโลบาท
    อรหันต์จี้กง เดินทางเถอะ ... ถึงที่หมายแล้ว
    หยางเซิง ข้างหน้ามีลิง 3-4 ตัวอยู่บนต้นไม้ กำลังหลับยังไม่รู้ตัวว่าเรามา
    อรหันต์จี้กง ฉันจะปลุกให้ตื่น ถ้าไม่ยังงั้นมันก็เอาแต่นอนฝันหวาน ลิงเอ๋ยตื่นเถอะนายพรานมาแล้วรีบหนีเร็ว
    หยางเซิง อาจารย์เอาพัดเคาะที่หัว พวกมันตื่นขึ้นตกใจใหญ่ ลูกตาคู่นั้นดูเหมือนถูกผีหลอก
    อรหันต์จี้กง เราเป็นแขกไม่ได้รับเชิญ ทำให้มันตกใจเสกให้มันตื่นจะได้มีการระลึกถึงอดีต
    หยางเซิง ผมเห็นลิงกระปรี้กระเปร่า มันกินน้ำตาลอ้อย ถั่วลิสง กล้วย รู้จักปลอกเปลือกอันนี้เพราะเหตุใด
    อรหันต์จี้กง ใจของคนเรียกว่า “ใจลิง” ใจของลิงก็เรียกว่า “ลิงใจ” หนังสือ 2 ตัวเหมือนกันเพียงแต่กลับกันเท่านั้น ลิงรูปร่างคล้ายคน มันได้อารมณ์จากคนอาจพูดว่ามันแบ่งวิญญาณไปจากคนก็ได้ พวกมันมือไม้ไวเวลากินของมีท่าทางดี
    หยางเซิง ผมคุยกับมันได้หรือยัง
    อรหันต์จี้กง พวกมันตื่นแล้ว ถามได้เลย
    หยางเซิง พวกลิงทั้งหลาย ตอนนี้รู้สึกอย่างไร
    ลิง กำลังนอนฝันได้ยินเสียงคน แล้วถูกตีทีหนึ่ง ตกใจตื่นขึ้นในสมองพบความว่างเปล่าแล้วค่อยๆ ระลึกได้จนรู้ว่าผู้ที่ตีเราคืนอรหันต์จี้กง แต่ฉันยังไม่รู้จักท่าน
    หยางเซิง ฉันเป็นคนสำนักเซินเต๋อถังเมืองไถจง ได้รับคำสั่งมากับอาจารย์เพื่อจัดทำหนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” วันนี้มีวาสนามาพบเธอ ช่วยเล่าอดีตชาติให้ฟังหน่อย เพื่อเตือนชาวโลก
    ลิง ขอโทษที่เสียมารยาท ขออภัยด้วยท่านหยางผู้ใจกุศลเราเกิดในป่าลึกสบายดี ทุกวันกระโดดโลดเต้นกับเพื่อนๆ ไต่ต้นไม้หาผลไม้กิน ผ่านชีวิตด้วยความสุข แต่กลัวงูพิษกับนักล่าสัตว์ ถูกนักล่าจับไปต้องจากเพื่อนฝูง ตอนนี้เลยย้ายไปอยู่ที่ป่าลึกๆ ไม่กล้าใกล้ผู้คน
    อรหันต์จี้กง ชาวบ้านชอบรังแกสัตว์อ่อนแอ พอพบสัตว์เล็กก็รีบจับ ถ้าพบเสือ สิงห์ กระทิง พวกมันจะหนีไปไหน ชาวบ้านก็มีจิตเมตตา พบพวกสัตว์เล็กอ่อนแอที่ไม่มีภัยต่อคน ก็จะให้การคุ้มครองดูแล ให้มันอยู่อย่างเสรี ก็มีเมตตาจิตสร้างกุศล
    หยางเซิง พวกเธอทำไมเกิดเป็นลิง ช่วยเล่าให้ฟังเพื่อเตือนสติชาวโลก
    ลิง พูดถึงชาติก่อนแล้วอายจังเลย แต่เพื่อเตือนสติชาวโลกอย่าเลียนแบบนิสัยเลวของผม พูดให้ฟังก็ได้ชาติก่อนเป็นนักปีนกำแพงรั้วบ้าน ยังชีพด้วยการขโมย พอตกกลางคืน ก็ไต่ปีนรั้วเข้าบ้านคนอื่น เงินทองที่ได้ก็เอาไปซื้อเหล้ากิน ผ่านพ้นไปชีวิตหนึ่งเคยถูกจับเข้าคุกครั้งหนึ่ง ดีที่เคยถูกติดคุกมาแล้วชาตินี้เลยไม่ต้องถูกขังในกรงเหล็ก ให้คนชมเล่น ตลอดชีวิตขโมยของนับไม่ถ้วนมีทั้งเงินทอง ธนบัตร เสื้อผ้า โทรทัศน์ เทป จักรยานยนตร์และรถเก๋งพอตายลงยมบาลจับไปดูที่กระจกส่องบาป ปรากฏความชั่วออกมาอย่างชัดเจนมาก จำนนด้วยหลักฐาน ก็ต้องสารภาพผิด ต้องรับโทษหนักในนรก 5 ปี ยมบาลว่าผมชอบปีนป่ายต้นไม้กำแพง จึงให้มาเกิดเป็นลิง เนื่องจากชาติที่แล้วชอบกินเนื้อสัตว์มาก ตอนนี้บุญหมดก็ต้องอาศัยผลไม้ยังชีพไปวันๆ พวกที่คอยรับซื้อของโจร ก็ต้องเกิดเป็นลิงเป็นเพื่อนผมตอนนี้เหมือนกัน
    อรหันต์จี้จกง เธอชาติก่อนปีนป่ายจนชำนาญ มือไม้ว่องไวชาตินี้ก็เกิดเป็นลิงก็สมแล้วนี่ พวกที่รับจำนำของโจร ก็มีจิตเหมือนกันมักจะอยู่ด้วยกัน ชาติก่อนกินเนื้อสัตว์มากมาย พวกที่ได้มา “ไม่ถูกต้อง” ถูกพวกเธอใช้จนหมดแล้ว ชาตินี้ก็ล
    งโทษให้กินใบไม้ผลไม้ เป็นการลงโทษ ก้มหน้าชดใช้กรรมเถอะ
    หยางเซิง พวกนี้รับโทษไม่นานแล้วก็กลับมาเกิด ตอนผมเที่ยวเมืองนรก ดูเหมือนไม่เคยได้ยินท่านยมบาลพูดเลย
    อรหันต์จี้กง เพราะหนังสือ “เที่ยวเมืองนรก” เจาะจงแต่โทษหนัก เพราะฉะนั้นยมบาลไม่ได้พูดให้ฟัง พวกที่รับโทษระยะสั้นก็มี บางคนก็รีบไปเกิดเป็นสัตว์ปีกหรือสัตว์สี่เท้าเลย เพราะเวลาเหลือน้อย ถ้าจะพูดละเอียดหนังสือก็แต่งไม่จบ พูดแต่พอสังเขป
    หยางเซิง เพราะเหตุนี้เอง เมื่อกี้เจ้าลิงบอกว่าชาติก่อนติดคุก ชาตินี้เลยไม่ต้องถูกขังกรง ถ้างั้นพวกที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้กรงกับสวนสัตว์ ก็เป็นพวกปีนป่ายกลับชาติมาเกิดซิ
    อรหันต์จี้กง อันนี้ก็ไม่แน่ แต่ชาวบ้านเลี้ยงไว้คอมักมีห่วงผูก โซ่ผูกไว้บนปลายเสาก็มี ในสวนสัตว์ก็มีชีวิตอยู่แต่ในกรงชาวโลกอยากมีชีวิตแบบนี้ไหมละ พวกมันต้องมีบาปติดตัวมา เชื่อแน่ว่า ถ้าเปิดประตูให้พวกมัน ก็จะวิ่งไปในที่ต่างๆกัน เพราะฉะนั้นจึงพูดว่า “การเกิดเป็นคนนั้นยากแสนยาก” ปัจจุบันคนไปไหนก็มี รถราแทนขา กินก็มีทั้งของสดๆ จากทะเลป่าเขา ใส่เสื้อผ้าสวยๆดีๆ ถ้าหากไม่สร้างกุศล ถ้าหากพลาดจากร่างคนเกิดเป็นสัตว์ ก็น่าสงสารมิใช่หรือ ดูชีวิตสัตว์ต่างจากคนมากมาย เพราะอย่างนั้นคนถึงถือว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ พุทธพจน์กล่าวว่า “ศูนย์กลางแผ่นดินหายาก ธรรมะก็พบยาก การโปรดสัตวืก็พบยาก” อันนี้ชาวโลกก็ได้พบแล้วจึงพูดว่า เกิดสามชาติมีบุญมากนัก เกิดในแดนศิวิไลควรสร้างสมกุศล บำเพ็ญเพียร โปรดตนเองแล้วก็โปรดผุ้อื่น จะได้ไม่ละอายต่อตนเอง จะได้ไม่เสียเวลาของชีวิต
    อรหันต์จี้กง เธอจะถามลิงตัวอื่นก็ได้นี่
    หยางเซิง ดีละ อยากถามพี่ลิงนี่หน่อย จะสามารถจะบอกได้ไหมว่า ชาติก่อนผ่านชีวิตมาอย่างไรบ้าง
    ลิง ท่านอรหันต์จี้กงกับท่านหยางผู้ทรงศีล หากจะต้องการเพื่อปลอบชาวโลก ฉันก็จะบอกละ ฉันชาติก่อน อาศัยอยู่ที่หวินลิน มีอาชีพเป็นชาวนา พี่น้อง 4 คน ฉันเป็นคนโตที่สุดเรียนชั้นมัธยม สมองค่อนข้างฉลาด พ่อป่วยหนักก่อนจะตายสั่งว่ามีนาอยู่2แปลง ให้แบ่งให้น้องเท่าๆกัน ฉันฟังภรรยายุแหย่ใจเกิดโลภขึ้นมา ฉันก็เลือกที่นาที่ดีที่สุดและยังเอาที่นาที่ควรเป็นของน้องโอนมาเป็นชื่อของผมหมด พอพ่อตายลง ทุกอย่างก็โอนเรียบร้อย พวกน้องๆ พอรู้เรื่องเข้า เกิดทะเลาะเบาะแว้งกัน ฉันเกิดโมโหไล่ตีน้อง พวกน้องมีใจกตัญญู ไม่อยากเอาเรื่องในบ้านประจานให้คนนอกได้รู้ ได้แต่อดทนเอาไว้จากนั้นพี่น้องก็ขาดกัน ต่างแยกย้ายกันไป เมื่อฉันได้มรดกมาคนเดียว แต่ละปีมีรายได้เข้ามามากเลยติดนิสัยการพนัน จากน้อยค่อยๆถลำลำ ลูกเมียเตือนก็ไม่ฟังในที่สุดก็ถอนตัวไม่ขึ้น ตกอยู่ในวงการพนัน จนกระทั่งบ้านก็ขายหมดลูกเมียก็แยกจากไป เพื่ออาหารประทังชีวิตฉันเลยไปเป็นกรรมกรโรงงานเหล็กมีอยู่วันหนึ่งทำงานพลั้งเพลอ ถูกแผ่นเหล็กทับตาย วิญญาณถูกยมฑูตขาว-ดำจับไปนรก ถูกลงโทษเนื่องจากไม่กตัญญู ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพ่อ ทำให้พ่อตายนอนตาไม่หลับ ไม่มีความซื่อสัตย์ต่อน้อง ถูกภรรยายุยง เห็นแก่โลภ ทำให้ขาดพี่ขาดน้อง ความสัมพันธ์ฉันพี่น้องหมดไป สูญสิ้นความรัก ได้รับโทษหนัก อันสุดท้ายติดการพนัน ภรรยาห้ามไม่ฟัง ทำให้บ้านแตกสาแหรกขาด โทษมหันถูกทำโทษ 20 ปี พอพ้นโทษก็ไปเกิดเป็นลิง เดี๋ยวนี้ก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่ มีแต่สัตว์ป่ากับป่าไม้ สำหรับเลี้ยงชีพ ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองไม่มีบ้างช่อง มีแต่มือเปล่า อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง คิดแล้วก็ช้ำใจ สำนึกได้ว่าทำผิดไว้มหันต์ ขาดความรัก เมตตา วันนี้จึงได้รับโทษขนาดนี้
    อรหันต์จี้กง ไม่ต้องเสียใจหลั่งน้ำตา ฉันจะเสกเป่าให้สงวนตัวไว้ให้ดี ชาติหน้าเกิดเป็นคนจะได้ไม่มีโรคภัยมากมายก็ดีแล้ว หยางเซิงกลับสำนักเถอะ
    หยางเซิง ครับผม
    อรหันต์จี้กง ถึงแล้ว วิญญาณกลับเข้าร่างเดิม

    ครั้งที่7 หลอกทรัพย์ล้มหนี้หนีทางไกล กลับชาติเกิดเป็นวัวควายใช้กรรมหนัก
    อรหันต์จี้กง คนที่ค้าขายก็อยากมีกำไร แต่เงินที่ได้ต้องมีธรรม อย่าให้ขัดต่อทำนองคลองธรรม การค้าเป็นเครื่องเลี้ยงชีพไม่เพียงเพื่อปากท้องของตนฝ่ายเดียว โดยไม่คำนึกถึงความเป็นอยู่ของผู้อื่น การซื้อขายยิ่งต้องยุติธรรม ไม่คดโกงจำนวนต้องชัดเจนเงินที่ได้จึงนับว่าเงินสะอาด ถ้าเธอถูกเพื่อนยืมเงิน เมื่อเพื่อนไม่ใช้คืน หนีหนี้ เชื่อแน่เหลือเกินว่าเธอต้องด่าเขาเป็นการใหญ่ คนๆหนึ่งไม่มีใจบริสุทธิ์ แต่ทว่า เธอกำลังหลอกลวงชาวบ้านอยู่ รู้สึกว่าไม่รู้สึกอะไรเลย เฉยๆเรื่องๆเดียวกัน แต่ใจคนละแบบ อีกคนเป็น “ใจสัตว์” คนเรามักจะตามใจตนเอง ให้ความดีของตนนั้น สูญหาย เปลี่ยนแปลงอารมณ์ เปลี่ยนไปเป็น “อารมณ์สัตว์” ก็เลย กลายเป็นคนชั่ว คนเราอย่าลงโทษผู้อื่นว่าดุร้าย จงลงโทษตัวว่าหย่อนยาน ยอมให้ตัวเองถลำจมลง ดังนั้นอาตมาอยากจะฟื้อฟูจิตใจให้กลับบริสุทธิ์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า พวกเราจะไม่เอาดวงใจที่ใสสะอาดจรัสแสงดวงนี้ กลบฝังเสียละ
    หยางเซิง อาจารย์พูดถูก จิตใจตกต่ำ ถูกกลบฝังลงดินอยากที่จะฟื้นฟู อันนี้สาเหตุเกิดจากอะไรหรือ
    อรหันต์จี้กง อันนี้เป็นคนใจทราม ไม่รู้เหมือนกันว่ามีชีวิตอยู่ได้อย่างไร อาตมามาถึงมนุษย์โลก พอเดินผ่านใกล้ตัวคน มีกลิ่นเหม็นสาบที่รุนแรงโชยเข้าจมูก พอตั้งสติได้ พิจารณาดูมันไม่ใช่กลิ่นขี้หรือเยี่ยว แต่เป็นเพราะคนๆนั้นจิตใจเปลี่ยนแปลงไปความชั่วทำให้เกิดกลิ่นบูดเน่า ทำให้ฉันต้องกลั้นใจส่ายหัว ถึงแม้กลิ่นขี้เยี้ยวจะเหม็น ยังเอาทำปุ๋ยได้ แต่ใจทรามเหม็นเน่า ทำลายตนเอง ทำลายผู้อื่น ประพฤติบาปไม่หยุดหย่อน วันนี้ฉันได้นำห่อดวงใจที่มีตราที่ถูกต้องว่า เป็น “ใจบริสุทธิ์” โดยไม่ต้องเสียอัฐเพื่อมาเปลี่ยนใจให้กับชาวโลก ที่มี ใจชั่ว ใจเสีย ใจเป็นพิษ ใจเจ็บ ใจพยาบาท และใจทุกข์ มาเปลี่ยนไปได้ไม่ต้องเกรงใจ รับรองว่าใจดีๆ ดวงนี้จะทำให้สุขภาพแข็งแรงไม่ทำให้เกิดโรค
    หยางเซิง อาจารย์ว่า วันนี้เอาใจดีๆ มาห่อหนึ่ง ทำไมผมจึงไม่เห็นละ
    อรหันต์จี้กง โบราณกล่าวว่า “คาถาดีไม่ได้เขียนไว้ที่กระดาษ ใจดีก็ไม่ได้อยู่ที่กายเนื้อ” ตัวนั้นชาวบ้านจึงไม่เห็น”ใจบริสุทธิ์” ของตนเอง ดังนั้นจึงกระทำสิ่งที่ชั่วช้า เธอจงดูที่พัดของฉันแล้วเธอก็จะเข้าใจ
    หยางเซิง กลางพัด มีรูปหัวใจกลมๆ อยู่รูปหนึ่งนอกนั้นก็ไม่เห็นอะไร
    อรหันต์จี้กง เธอตั้งสติดูให้ดีๆ ฉันใช้นิ้วชี้ไปที่รูปหัวใจดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง
    หยางเซิง อ้อเห็นครับ เห็นว่า กลางพัดนี้เริ่มมีแสงจรัส ส่องออกมา ยิ่งส่องยิ่งแรงกล้าจนแสบตา อ้อๆ อาจารย์ หมายความว่า ใจของคน เริ่มที่นั่นจรัสแสงอยู่ ถูกฝุ่นไอ “กิเลส” คลุมบัง ดังนี้จึงถูกกลบไม่เห็น ตอนนี้ถูกอาจารย์จี้ “ล้าง” ฝุ่นไอ “กิเลส” (โลภ โกรธ หลง) ให้หมดไป ใจบริสุทธิ์จึงมีโอกาสเริ่มจรัสแสง ไม่เช่นนั้น ใจบริสุทธิ์ถูก โลภ โกรธ หลง บดบังเหมือนเมฆบดบังดวงจันทร์ ทำให้พื้นดินมืดมิด ท้องฟ้ามืดมัว
    อรหันต์จี้กง อัศจรรย์ไหมละ ฉันเขียน o วงกลมหมายถึงใจบริสุทธิ์ของคน “จิตเดิม” ซึ่งเดิมทีก็สถิตอยู่แดนสุขาวดีพุทธเกษตร เหมือนไข่มุกที่ทองแสงระยิบระยับ แต่พอตกลงมาสู่แดนมนุษย์โลก อายตนะหกถูกสัมผัสด้วยกิเลส ค่อยๆ บดบังแสงหมดไปเดินสู่ขุมนรกที่มืด วันนี้ฉันใช้พุทธอิทธิฤทธิ์ เสกเป่าคนที่มีใจบริสุทธิ์ นวดถูเสียหน่อยให้กลับกลายมีชีวิตชีวา เพื่อดวงลักษณะทีแท้จริงของมัน
    หยางเซิง โอ้อัศจรรย์จริงๆ แสงจรัสที่พัด สว่างดังแสงอาทิตย์ ทำให้ทั่วบริเวณสว่างไสว ความมืดหายไปหมด
    อรหันต์จี้กง จิตเดิมเห็นชัดเจน กลับกลายประดุจเมืองสวรรค์ ด้านหน้ามีลำแสงใหญ่ เห็นทุกอย่างชัดเจน จากนี้ไปจะได้ไม่หลงใหล ทางที่เรียบราบสว่างไสวทอดอยู่ข้างหน้า สามารถตามหา “จิตเดิม” ที่หายไปกลับคืน ประดูจอยู่ในที่มืดแล้วได้ตะเกียงสว่าง ฉันจะขยับพัดไปมา ลมเย็นพัดมา ยิ่งทำให้เกิดเปลวแสงระยิบระยับ หยางเซิงเตรียมตัวออกเดินทางกันเถอะ
    หยางเซิง ผมนั่งเรียบร้อยแล้วครับ เชิญอาจารย์ออกเดินทางได้
    อรหันต์จี้กง ถึงแล้ว
    หยางเซิง วันนี้มาถึงบ้านชาวนา ไม่ทราบว่าเป็นที่ไหน
    อรหันต์จี้กง ที่นี่คือเมืองไถตง แถบชนบท บ้านนี้ตระกูลลิ้ม วันนี้จะสัมภาษณ์สัตว์เลี้ยงของเขาเป็น “วัว”
    หยางเซิง มาถึงคอกวัว ภายในมีวัวนอนอยู่ตัวหนึ่ง ดูเหมือนมีเสียงครางแสดงถึงความอ่อนเพลีย ลักษณะไม่รู้ว่า เรามาถึงตัวมันแล้ว
    อรหันต์จี้กง ตอนกลางวันมันทำงานหนัก ร่างกายอ่อนเพลียดังนั้นจึงนอนครางดังๆ ไม่รู้ว่าเรามา ฉันจะปลุกมัน เป่าเสกมัน”เจ้าวัวเอ๋ย” เธอตรากตรำทำงานจนเหนื่อย ไม่ได้รับค่าตอบแทนเลย “เจ้าวัวเอ๋ย เธอตรากตรำทำงานจนเหนื่อย ไม่ได้รับค่าตอบแทนเลย ไม่รู้ว่าชาติก่อนไปทำบาปอะไรมา ชาตินี้ต้องขายชีวิตชดใช้กรรม ตื่นเถิดอย่านอนอยู่เลย”
    หยางเซิง อาจารย์ใชคาถาเรียก เอาพัดตีที่หัว เจ้าวัวจากฝัน ลืมตาขึ้นมอง น้ำตาไหลรินมองมาทางเรา
    อรหันต์จี้กง วัวเอ๋ย ฉันคือ อรหันต์จี้กง ได้รับเทวโองการให้พานายหยางเซิงมาเที่ยวสามโลก เริ่มจากเมืองนรกเมืองสวรรค์ และมนุษย์โลก ตอนนี้จะสอบถามเธอเพื่อแต่งหนังสือเรื่อง “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” ต้องการรู้เรื่องการเป็นวัวของเธอ เปิดเผยให้ชาวบ้านได้รู้ เป็นการสร้างกุศล เพื่อชาติหน้าจะได้ไม่ต้องเกิดเป็นวัวรับกรรมหนัก
    วัว ขอโทษที่ไร้มารยาท ที่แท้เป็นอรหันต์จี้กงกับผู้ทรงศีล”ท่านหยางเซิง” ผมตื่นจากฝันไม่ทราบว่าเป็นอะไร พอท่านเสกเป่าก็เข้าใจภาษาคนได้ เกิดความเศร้าขึ้นเพราะตอนกลางวันต้องลากรถไถนาเหนื่อยจนจะตาย ทุกข์จนพูดไม่ออก ได้แต่เพิ่มความเร็วเพื่อวิ่งให้พ้นหนทางโคลนตม คิดถึงชาติที่แล้วไม่น่าทำเลย ผมเป็นคนขายผักในตลาด เพื่อต้องการกำไรมากๆ ขายโดยโกงตาชั่ง แม่บ้านสมัยนี้ค่องข้างมีเงินไม่เหมือนก่อน เพราะฉะนั้นทุกๆวันจะได้กำไรผักไม่ต่ำกว่า 20 ชั่ง ต่อมาการค้ายิ่งลำบาก เลยเช่าแผงขายเนื้อวัว เพราะเนื้อวัวราคาแพง กินเนื้อที่น้อย ค่อนข้างสบาย ไม่ต้องไปซื้อผักแล้วมาเลือกผักอีก ในตอนเช้าๆ เพื่อให้ได้กำไรงามๆ ฉีดน้ำเข้าไปในเนื้อวัว ได้น้ำหนักมากขึ้น ยังไม่พอแค่นั้นยังโกงตาชังอีกด้วย แม้จะได้กำไรมากๆ แต่ก็หนีไม่พ้น เหล้ายาปลาปิ้งและการพนัน ความเลวสะสม เพราะฉะนั้นเงินที่หาได้ก็ไม่พอใช้ ก็เริ่มตั้งแชร์ขึ้น พวกขายเนื้อด้วยกันก็เล่นแชร์ด้วย ขึ้นแชร์วงแล้ววงเล่า เงินที่ได้ก็ใช้หมด คิดได้ว่าจะหาเงินจำนวนมากมายเช่นนี้ไม่ได้ เกิดใจชั่วละโมบ เลยย้ายหนีไปไกลๆ พวกร่วมอาชีพถูกผมล้มแชร์ ใจไม่ยอม คิดตามไปทั่วทุกแห่ง มีอยู่วันหนึ่ง เจ้าหนี้มาพบทีสถานีรถไฟจะหลบก็ไม่พ้น ถูกลากไปชกต่อย ฉันก็เลยคุกเข่าขอร้อง เพราะไม่มีเงินใช้หนี้เลย ขอโปรดอภัย เขาเห็นฉันขอร้องเลยหยุดตี สั่งให้ไปใช้หนี้ภายใน 1อาทิตย์ รับปากว่าได้พอกลับมาถึงบ้าน รีบเก็บข้าวของอพยพไปอยู่ที่อื่นพร้อมลูกเมียหนีไปอยู่บ้านนอก ทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยการขายแรงงาน นิสัยการพนันและติดเหล้าก็เริ่มกำเริบ หลงระเริงอยู่ในวงการพนัน งานการไม่ทำ ในที่สุดเงินหมด ตกตอนกลางคืนก็เที่ยวลักเล็กขโมยน้อย ลักเป็ดลักไก่ เงินทอง ลักขโมยทุกอย่างเท่าที่จะลักได้ โชดดีที่ไม่ถูกจับได้ เนื่องจากการเป็นอยู่ไม่ปกติ ไม่นานก็เป็นโรคปอดอาเจียนเป็นเลือดรักษาไม่หาย คนที่อยู่ใกล้ก็เริ่มหนีห่าง ร่างกายอ่อนแอ ประกอบการงานไม่ได้ ในที่สุดก็ตายลงด้วยอายุ 52 ปีพอตายลงก็ถูกจับมาลงนรก ยมบาลโกรธจัด ดุด่าว่าตลอดชีวิตไม่เคยทำความดี มีบาปหนักมาก ถูกลงโทษในนรกอยู่หลายขุม หลังจากพ้นโทษจากขุมนรกก็กลับมาเกิดเป็นวัว ต้องทำไร่ไถ่นาและลากเกวียน ทุกวันตรากตรำไม่น้อย ถูกโบยตีดุด่า จมูกถูกร้อยด้วยเชือก ถูกลากไปจูงมา ไม่ได้รับอิสระ พอเย็นลงกลับบ้านเหนื่อยมาก ต้องนอนในคอกที่แคบๆ ขี้เยี่ยวก็ทับในที่นอนกลิ่นเหม็นไปทั่ว แต่ก็ไม่มีหนทางใดๆ ก็ต้องนอนไปเพราะกลางวันเหนื่อยมาก ลมฝนสาดใส่ชดใช้กรรมเวร ทุกวันก็กินแต่หญ้า และน้ำยังชีพเหนื่อยยากแสนเข็ญ ท่านอรหันต์กับคุณหยางช่วยด้วย ผมไม่อยากเป็นวัวเป็นควายอีกแล้ว
    อรหันต์จี้กง เธออย่าเศร้าสลดใจ สร้างบาปมาอย่างไร ก็ก้มหน้ารับกรรมไปอย่างนั้น ขยันขันแข็งอดทนรับงานต่อไป หมดทุกข์เมื่อไร สุขสบายก็จะตามมา ถ้าหากหลบหลีกความจริง ก็เหมือนเธอหลบหนี้สินเมื่อชาติก่อน ชาติต่อไปก็ยังต้องชดใช้กรรมอีก เธอได้เล่าความจริงเช่นนี้ ช่วยเตือนสติชาวโลกเป็นการสร้างกุศลอย่างหนึ่ง ฉันก็จะช่วยเหลือเธอ ให้เธอเกิดเป็นคนอีกครั้งชาติหน้า อย่าได้เกิดเป็นวัวควายอีกเลย
    หยางเซิง เห็นแล้วก็น่าสงสาร ต้องทรมานแสนเข็นอาจารย์เมตตาได้เสกให้มันได้เกิดเป็นคนชาติหน้า อย่าเดินตามรอยเก่า มิฉะนั้นจะเวียนมาเกิดเป็นสัตว์อีกไม่รู้จักจบสิ้น
    อรหันต์จี้กง กฎแห่งกรรมนั้นน่ากลัวนัก โบราณว่า “ปลูกอะไรก็ได้อย่างนั้น” เป็นกฎที่แน่นอน พวกเราถือโอกาสจะเล่าเรื่อง”ปลาไม้กับค้อนปลาไม้” ให้วัวและชาวโลกฟัง จะได้เป็นอุทาหรณ์อีกอย่าง สมัยก่อนมีชาวนาซื่อสัตว์อยู่คนหนึ่ง ชื่อ “อาเป่า” อาศัยอยู่ในหมู่บ้านหน้าวัดกวงเม้ง เข้าไปฟังพระเทศน์ธรรมะอยู่เสมอ มีวันหนึ่งตอนพลบค่ำ เขาไปที่นาเพื่อปล่อยน้ำเข้านา เขาเห็นงูตัวหนึ่งกำลังจะกินกบตัวหนึ่ง เจ้ากบอยู่ที่ปากของงู ร้องเรียกให้ช่วยชีวิตนายเป่าเห็นดังนั้น ก็เอาจอบตีลงไป เจ้างูปล่อยเจ้ากบ งูก็ไม่ตาย กบก็ไม่ต่าย ต่อมาอีกเจ็ดวันในตอนกลางคืนของคืนหนึ่ง ที่เตียงนอนมีเสียงอบๆ ทำให้นายเป่าตื่นขึ้น เขารู้สึกแปลกใจมาทำไมเจ้ากบจึงขึ้นมาอยู่บนเตียงได้ เขาก็ไม่สนใจนอนต่อไป เจ้ากบก็ไม่ยอมหยุดร้อง รบกวนการหลับนอนของเจ้าเป่า จนกระทั่งเจ้าเป่าเกิดโมโห ลุกขึ้นจุดตะเกียงมองหาเจ้ากบ พอตะเกียงสว่าง เจ้าเป่าถึงกับตกใจเพราะเห็นงูตัวหนึ่งเป็นงูตัวเดียวที่เขาตีเพื่อช่วยชีวิตเจ้ากบ มาโผล่หัวเข้ามาตามรูทะลุของฝาบ้าน เชิดหัวแลบลิ้นไม่หยุด เป็นเพราะรูฝานั้นเล็กมาก เจ้างูเข้ามาไม่ได้ ถ้าเช่นนั้นแล้ว เจ้าเป่าคงถูกงูกัดตายไปนานแล้ว เจ้างูร้ายต้องการจะแก้แค้น เป็นเพราะเจ้ากบร้องตะเบงลั่น เจ้าเป่าเลยเอาไม้ตีงูจนตาย
    ต่อมาหนึ่งปี เจ้าเป่าเลี้ยงสุนัขไว้ตัวหนึ่ง เติบโตขึ้นมาฉลาดมาก มันฟังคนพูดรู้เรื่อง เฝ้าบ้าน เฝ้าแพะ วัว สร้างความพอใจให้กับเจ้าของมาก ทุกวันจะไปที่นากับนายมัน ไปบนภูเขาบ้าง ไปวัดฟังธรรม มีอยู่วันหนึ่งเจ้าเป่าก็พามันไปที่วัดไปไหว้พระ พระที่วัดเห็นมันเข้าเลยพูดว่า “สาธุ คู่แค้นคู่อาฆาต ทำเป็นชื่อสัตว์ บุญน้อยบาปหนัก เจ้าเป่าเอ๋ย เจ้าให้หมาตัวนี้แก่ข้าเถิด ข้าจะให้มันเฝ้าวัด จะได้สิ้นเวรสิ้นกรรมกับเจ้าเสียที เพราะชาติก่อนมันคืองูที่ถูกเจ้าตีตาย มันมาคิดบัญชีกับเจ้า เจ้าเป่าฟังแล้วเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง อดสงสัยไม่ได้ เจ้าหมาแสนรู้ตัวนี้จะเป็นศัตรูของเขาได้อย่างไร หลวงปู่พูดว่า “เจ้าเป่าเอ๋ย ฉันก็ไม่บังคับเธอ แต่เธอกลับบ้านแล้วจดจำไว้ วันที่5 เดือน 5 ตอนเที่ยงวัน เธอทำหุ่นหญ้าตัวหนึ่งแล้วเอาเสื้อผ้าเธอใส่ วางมันไว้บนเตียงนอนของเธอ แล้วเธอก็ต้องหลบซ่อนให้ดีอย่าให้เจ้าหมานี้ได้เห็นเจ้าเด็ดขาด” เจ้าเป่ากลับบ้านแล้วเมื่อถึงเวลาก็จัดแจงตามหลวงปู่สั่ง แล้วซ่อนตนเองไว้หลังเตียงไม่ค่อยเชื่อแต่ก็คอยเฝ้ามองดุ ไม่ทราบว่าหลวงปุ่จะเล่นกลอะไร พอนาฬิกา 12 เที่ยววัน ทันใดนั้นเสียงเห่าดัง โห้ง โห้ง แล้วก็มีเสียงดังโครมใส่ที่ประตุ แต่ประตูเจ้ายังปิดอยู่ เพล้ง เสียงเจ้าหมาร้ายกระโจนเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้บานหน้าต่างหัก มันกระโดดเข้ามา ดวงตาแดงกร่ำเบิกกว้าง ลิ้นที่มีเลือดสีแดงติดอยุ่แลบออกมาเสียยาวๆ มันเที่ยวดมกลิ่น เหมือนจะกินคน ทันใดนั้นมันกระโดดขึ้นไปบนเตียง ทั้งตระครุบทั้งกัด เจ้าหุ่นฟางตัวนั้นกระจุยกระจายเจ้าหมาดุร้ายนั้นค่อยๆสงบลง เหมือนกับมันได้แก้แคนสมใจ แต่เจ้าเป่าที่ซ่อนอยู่หลังเตียงรู้สึกโกรธขึ้นมา เลยเอาไม้ตะพรตตีเจ้าหมาตาย
    ปีต่อมาในฤดูใบไม้ร่วง วันหนึ่งเจ้าเป่ากำลังขึ้นเขาไปตัดไม้ขณะเดินผ่านวัดกวงเม้ง หลวงปู่ก็พอดียืนหน้าประตูวัด กำลังดูดวงอาทิตย์ขึ้นพอหันมาเห็นเจ้าเป่า ก็เรียกเจ้าเป่าให้หยุดทันที แล้วพูดว่า “เจ้าเป่าเอ๋ย วันนี้สีหน้าเจ้าไม่ดีเลย ตัองระวังตัวเองให้ดี ถ้ามีใครเรียกชื่อเจ้า เจ้าห้ามขานรับอย่างแน่นอน ต้องจำใส่ใจไว้” เพราะเจ้าเป่าได้บทเรียนของหลวงปู่ก็เชื่อฟังหลวงปู่ดังเทวดา ที่ไหนจะไม่เชื่อละ พร้อมกล่าวขอบคุณ เวลาผ่านไปสามชั่วโมง เจ้าเป่าวิ่งหนีเสียหน้าตาตื่นตระหนก ทั้งตัวสั่นเทิ้มไปหมด แขนขาเย็นเฉียบวิ่งมาคุกเข่าพร้อมกับกอดขาหลวงปู่เสียแน่น หลวงปู่พูดว่า “เจ้าเป่าๆอย่ากลัวๆพักผ่อนเสียสักครู่ เธอไปเจออะไรมา ถามพลางก็เช็ดเหงื่อที่ใบหน้าให้พร้อมทั้งนวดที่อก ใบหน้าที่เต็มไปด้วเมตตาอ่อนโยนของหลวงปู่ ค่อยๆถามเจ้าเป่า เจ้าเป่าก็เล่าความเป็นมาที่ทำให้เขาตกใจ เล่าเสียยืดยาวครึ่งวัน “หลวงปุ่ครับ ผมเห็นผู้หญิงสวยแต่เป็นงู ตอนผมจากหลวงปู่ไป ผมก็เดินเข้าไปคนเดียวอากาศตอนเช้าสดชื่นดีนัก ถูกแสงตะวันขับไล่ ทำให้เกิดบรรยายกาศใหม่ๆ นกน้อยก็เริ่มร้องเพลง บินไปรอบๆ เจ้าลิงน้อยก็ได้แต่เจี้ยวจ้าวไปทั่ว ผมกำลังหลงไหลอยู่กับธรรมชาติที่งามยิ่ง เกิดความรักภาพภูเขาที่สวยสด จนกระทั่งลืมคำพูดของอาจารย์ กำลังหลงเพลินๆ อยู่ สุขใจอย่างเหลือคณานับ ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องเรียกชื่อผมเสียงนั้นอ่อนหวานละมุนละมัยจนเคลิ้มฝัน เหมือนเสียงคน รักอันฉอเลาะ ทำให้ผมสุดจะหักห้ามใจตอบรับเสียงนั้นไปมองตามเสียงนั้นไป ตาก็ประสบพบพักตร์ หญิงที่สุดสวยหาใดเปรียบมิได้ในโลกนี้ผมหลงมองอยู่นาน ใจสงสัยจะเป็นนางฟ้าลงมาสู่ดิน ขณะนั้นผมก็เห็นตัวของหล่อนเป็นงูใหญ่ตัวหนึ่ง หลวงปู่ขัดจังหวะพูดขึ้น “อาเป่าเจ้าทำไมไม่ฟังคำพูดของข้า” ถึงตอนนี้หลวงปู่ก็ไม่มีความสามารถ เธอกลับไปตระเตรียมเรื่องต่อไปได้แล้ว “อาเป่าพูดว่า” หลวงปู่ต้องช่วยผม มิฉะนั้นผมจะยอมตายที่หน้าแท่นพระนี่ละ “พูดจบก็คุกเข่าลงพร้อมทั้งโขกศีรษะลงไม่ยอมหยุด “หลวงปู่เลยพูดว่า” เอาเถอะๆ หลวงปู่จะช่วยสุดความสามารถ ลองดูก็แล้วกัน คืนนี้เจ้านั่งอยู่บนแท่นบูชาแล้วเอาแจกันใหญ่ครอบไว้ ดูซิว่าจะสามารถพ้นเคราะห์กรรมนี้ไปได้ไหม พอวันรุ่งขึ้น หลวงปู่ก็ไปยังหน้าแท่นบูชา เห็นนางพญางูตัวใหญ่ตัวหนึ่งขดล้อมแจกันอยู่ไว้แน่นไม่ยอมปล่อย แต่งูนั้นตายแล้ว หลวงปู่เลยเอาแจกันย้ายออกมาดู
    เจ้าเป่าถูกพิษของนางพญางูอบจนตาย ตัวดำไปหมด พิษของนางพญางูนี้ช่างร้ายแรง หลวงปู่เลยเอาศพของเจ้าเป่าและนางพญางูไปฝังไว้ที่เดียวกัน หวังให้เขาทั้งสองเลิกราจองเวรกัน และคืนดีกันใครจะรู้ว่าเวรนั้นผูกง่ายและเลิกจองเวรกันนั้นยาก บนกองกระดูกของเจ้าเป่ามีต้นไม้ขึ้นต้นหนึ่ง บนกองกระดูกของพญางูก็มีต้นเถาวัลย์ขึ้น เถาวัลย์ก็พันรอบๆ ต้นไม้ เรื่องเดินมาถึงขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมเลิกจองเวรกัน หลวงปู่อยากให้คนรุ่นหลังได้รู้ความร้ายกาจของกรรม ย่อมตอบสนองกรรมไม่ลดละ ตามกฏแห่งกรรมและเพื่อให้ชาวโลกได้สร้างแต่กรรมดี ลดก่อกรรมชั่วเลยเอาต้นไม้ของเจ้าเป่าแกะเป็นรูปปลา “ปลาไม้” แล้วเอาต้นเถาวัลย์แกะสลักเป็นรูปฆ้อน “ค้อนไม้” เพื่อให้เสียงระฆังคงดังต่อไป เพื่อเสียง “ตอบสนอง” ดังกังวาลอยู่หน้าแท่นบูชา เป็นการเตือนสติชาวโลก
    ชาวโลกคงคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เล่าลือของชาวบ้านเท่านั้นแต่ภายในนั้นบรรจุด้วยเนื้อหาธรรมะ ให้ระลึกเสมอว่า สัตว์ก็มีวิญญาณแน่นอน
    หยางเซิงขึ้นปทุมทิพย์ เตรียมตัวกลับสำนัก
    หยางเซิง ฟังอาจารย์เล่ารู้สึกมีรสชาติ แต่ก็น่าสยดสยองกรรมสนองกรรมนั้นร้ายแรงมาก ชาวโลกควรเตือนสติให้ดี ผมนั่งเรียบร้อยแล้วครับ เชิญอาจารย์
    อรหันต์จี้กง ถึงสำนักแล้ว วิญญาณกลับเข้าร่าง

    ครั้งที่ 8 เอาแต่กินงานไม่ทำเกิดเป็นหมู หลอกลวงคนไม่รู้ เนื้อต้องให้เขากิน
    อรหันต์จี้กง สัตว์เดรัจฉานมีชีวิตอยู่ในกรงในเล้า แม้จะมีคนเลี้ยงอย่างสุขสบาย แต่ก็กินอาหารที่ไม่ถูกปาก มีปากก็พูดไม่ได้ ได้แต่ผืนกลืนเข้าไป ชาวโลกถ้าอาหารไม่มีทั้งเนื้อทั้งปลารสชาติก็ไม่อร่อย อาหารของสัตว์ส่วนใหญ่กินแต่เศษอาหารของคนที่เขาเททิ้งเชื่อแน่ว่าพวกมันก็ไม่ชอบเหมือนกัน ดังนั้นเมื่อเกิดมาเป็นคนแล้วควรจะประพฤติให้ดีๆ ทำงานเพื่อสังคมและประเทศชาติ งานบุญงานกุศลอย่าได้ละเว้น ชาวโลกอยากกินอะไรก็แสวงหามากินได้ แต่สัตว์นั้นหมดสิทธิ์ที่ทำได้ หยางเซิงขึ้นปทุมทิพย์ เตรียมตัวออกเยี่ยมสัตว์เดรัจฉานกันเถอะ หนังสือเรายังไม่ได้ครึ่งเลย
    หยางเซิง วันนี้เราจะไปที่ไหนดี
    อรหันต์จี้กง ตามฉันมาก็แล้วกัน ... ถึงที่หมายแล้วลงมาได้
    หยางเซิง ที่นี่เป็นที่เลี้ยงหมูนี้
    อรหันต์จี้กง ที่นี่เป็นฟาร์มเลี้ยงหมูชนบท วันนี้เราเข้าไปถามบรรดาสหายหมู เธอคิดว่าเป็นอย่างไร
    หยางเซิง ดีครับ แต่ว่าพวกมันกำลังพักผ่อนอยู่ มีบางตัวก็กำลังวิ่งเล่นอยู่ เรามาถึงที่นี่ พวกมันรู้สึกว่าไม่รู้ตัว
    อรหันต์จี้กง เดี๋ยวฉันจะเสกคาถา พวกหมูโง่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดูนะ 1 2 3 ... 9 10 หมู 10 ตัว พวกเธอเป็นโรคเฉื่อยชา รู้แต่กินอิ่มแล้วนอน นอนอิ่มแล้วกิน แล้วก็รอๆ รอจนกว่าเติบโตแล้วก็ไปโรงฆ่าสัตว์ ดำรงชีวิตอยู่อย่างเมาเหล้า แล้วก็ตายอย่างฝัน ไม่มีการรู้ตัว ดูอรหันต์อย่างอาตมาจะเสกมันตื่น เปิดขุมปัญญา รู้แจ้งเกิด-ตาย รู้แจ้งความเป็นมา เพื่อหลุดพ้นวัฏฏสงสาร
    หยางเซิง อาจารย์ใช้พัดตีหัวมันทีละตัว พวกมันสะดุ้งเหมือนถูกไฟฟ้าชอต์ท ดูเหมือนกำลังหวนคิดถึงเรื่องราวแต่อดีต คงพูดกับพวกมันรู้เรื่องแล้วนะ
    อรหันต์จี้กง พวกมันค่อยๆ ตื่นรู้ตัว ใช้ภาษาคนพูดกับมันได้แล้ว เธอเริ่มสอบได้แล้ว
    หยางเซิง นี่พี่หมู เมื่อตะกี้รู้สึกอย่างไร
    หมู ก. ฉันกำลังนอน ทันใดนั้นก็ตกใจตื่น ที่จริงใจคอไม่ค่อยจะพอใจ แต่ก็พูดไม่ออก พอถูกอาจารย์ผู้นี้ตีที่หัวที่หนึ่ง รู้สึกเจ็บเข้าไปสู่ขั้วหัวใจ ค่อยๆ รุ้สึกตัวขึ้นมาแล้วเห็นภาพอดีตของตัวเองเหมือนกินน้ำ “ระลึกชาติ” ก็ไม่ปาน น่าแปลกใจมาก
    หยางเซิง ท่านเป็นอาจารย์ผม อรหันต์จี้กง เธออย่าไร้มารยาท
    หมู ก. มิกล้าไร้มารยาท ที่แท้คือ อรหันต์จี้กงเสด็จมาโปรดจึงรู้สึกตกใจกลัวอย่างประหลาด รีบคุกเข่าลงคารวะท่านอรหันต์จี้กง แล้วคุณผู้ชายน้อยผู้นี้ละเป็นใคร ทำไมจึงมากับอาจารย์ มาดึกดื่นค่อนคืนหนาวอย่างนี้
    อรหันต์จี้กง เขาเป็นลูกศิษย์ฉันเอง เราอาจารย์ศิษย์ได้รับเทวโองการจากสวรรค์ ให้มาทำหนังสือ “เที่ยวเมืองนรก เที่วยเมืองสวรรค์” ซึ่งทำเสร็จแล้ว บัดนี้กำลังทำหนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” ต้องการความเจริญที่เกิดกับสัตว์เดรัจฉาน เพื่อเตือนสติชาวโลก พวกสัตว์เองก็ได้รับความช่วยเหลือไปเกิดเป็นคนอีกครั้งหนึ่ง วันนี้ก็มาจากสำนักเซินเต๋อถัง แห่งเมืองไถจง มาสัมภาษร์พวกเธอ รีบบอกความจริงของอดีตชาติ จะได้เป็นสาระบอกเตือนชาวโลก
    หมู ก เมื่อสักครู่ไม่ทราบว่า ท่านทั้งสองเป็นใคร ไร้มารยาทมาก กรุณาให้อภัยด้วยเถอะ เมื่อชาติที่แล้วบ้านอยู่เมืองไทเป ร้านขายจิวเวลรี่ เพชรทองต่างๆ การค้าแบบนี้อยากรวยเร็วต้องมีจิตใจอำมหิตลงทุนน้อยกำไรมาก ในการค้ากับคนที่มาซื้อที่ไม่ประสีประสา ก็ใช้กลอุบาย ทอง ตะกั่ว เอาพลอยปลอมบอกว่าเป็นพลอยจริง คนไม่รู้ดูไม่เป็นก็คิดว่าราคาสูงต้องเป็นของแท้ ยิ่งพวกนักท่องเที่ยวก็ถูกต้มตุ๋นไปมาก ยิ่งพวกนางโสเภณีจ่ายเงินมากแต่ไม่ได้ของแท้ นานๆเข้าเรื่องเริ่มแดงขึ้นมา พวกเขาก็เอามาต่อว่า ฉันก็ไม่ยอมรับว่าเป็นของฉัน นานๆไปคงแย่ฉันเลยขายร้านแล้วย้ายไปอยู่ไถนาน (อยู่ทางใต้ของใต้หวัน) ก็เปิดกิจการอย่างเดียวกัน กำไรเข้ามามาก โบราณกล่าวว่า “อิ่มอุ่นกามารมณ์พล่าน” พอมีเงินมากก็เที่ยวเสเพล ดื่มเหล้า เที่ยวทั่วสถานที่เริงรมย์ มีลูกชายอยู่คนหนึ่งก็ใช้ไม่ได้คบแต่อันธพาล ขี้เหล้าเมายา การพนันมีพร้อมอบายมุขทุกอย่างไม่ละเว้น ฉันตักเตือนเท่าไรก็ไร้ผล ต่อมายิ่งเลวขึ้นใหญ่ อกตัญญู ยื่นมือขอแต่เงิน ถ้าหากไม่ได้ดังใจก็จะด่ากราด ฉันโกรธจนอยากจะกระอักเลือดตาย อยากจะตีมัน เห็นมันชั่วช้าไร้สติ ก็กลัวว่าอารมณ์ชั่ววูบ ทำให้เกิดเรื่องลูกฆ่าพ่อก็เลยปล่อยตามใจมัน สุดท้ายก็พาเพื่อนอันธพาลเข้าอาศัยอยู่ในบ้าน ทำให้บ้านไม่มีความสงบ ฉันพยายามอธิบายให้ฟัง มันกับพูดว่าเงินทองเป็นของมันทั้งหมด ถ้าหากยุ่งยาก มันก็จะขับไล่ฉันออกจากบัน เดิมที่ฉันก็มีโรคหัวใจ ยิ่งเจอะลูกอกตัญญูใจคอไม่สบาย เลยเลิกประกอบกิจการงานอาศัยเหล้าเป็นเพื่อน กาลเวลาผ่านไปครึ่งปีโรคเบาหวานก็หนักขึ้น โรคหัวใจกำเริบซ้ำมีโรคตับแข็งอีกเพียรรักษาไปทั่วแต่ก็ไม่ทุเลา ในที่สุดก็ตายลง พอตายลงก็ถูกยมทูตขาวดำจับตัวลงไปเมืองนรก ถูกสอบความผิดหาเงินโดยทางมิชอบเลยมีลูกอกตัญญูช่วยพลานเงินเป็นการใช้หนี้กรรมทันตาเห็น ภายหลังเกิดเป็นหมูเพื่อใช้หนี้เงินทอง หมดหนี้เมื่อไรจะได้เกิดเป็นคนใหม่ หวังว่าเมื่อชาวโลกรู้ดังนี้แล้วจะไม่ประพฤติในทางมิชอบ ละจิตใจงาม เอาแต่หาเงิน มิฉะนั้นแล้วเงินทองก็ไม่สามารถสร้างบุญได้แถมยังเป็นการสะสมบาปให้ไว้กับลูกหลาน ตายลงก็ยังเกิดเป็นหมูให้แยกร่างเป็นอาหาร ฉันเองเกิดเป็นหมูสองครั้งแล้วยังเกิดอีกครั้ง จึงจะหมดหนี้กรรม ขอท่านอรหันต์จี้กงโปรดเมตตาให้ผมได้หลุดพ้นจากทุกข์กรรมโดยเร็วเถิด
    อรหันต์จี้กง เธอถูกฉันเสกคาถาเปิดเผยความจริงสารภาพบาป สำนึกตัวเพื่อเตือนสติชาวโลก เมื่อตายลงจะได้เกิดเป้นคนอีกครั้ง
    หมู ก. ขอบพระคุณ ท่านอรหันต์ที่เมตตาช่วยลดทุกข์กรรม
    อรหันต์จี้กง หยางเซิง เธอสอบถามหมูตัวอื่นต่อไปเถอะ
    หยางเซิง ขอถามพี่หมู ทำไมเกิดเป็นหมูเล่า
    หมู ข. ฉันชาติก่อน พอจบโรงเรียนชั้นมัธยมต้น แต่กินลูกเดียว งานการไม่ทำ วันๆ เอาแต่เที่ยวเล่น คบเพื่อนไม่ดีทุกวันเอาแต่ขโมยเงิน เล่นการพนัน เสพดื่มอย่างฟุ่มเพื่อย เมื่อ 5 ปีก่อน พอเมาเหล้าก็ขับมอเตอร์ไซด์ไปชนกับเสาไฟฟ้าตาย รู้สึกสำนึกผิดต่อบิดา มารดา พอตายลงก็จับไปลงนรกผีตายโหงรับกรรมอยู่นาน พอหมดกรรมก็มาเกิดเป็นหมูได้ 2 เดือนแล้ว รู้สึกชีวิตได้รับการทรมาน ทุกข์แสนสาหัส
    อรหันต์จี้กง เพราะเธอชอบกิน การงานไม่ทำ เกิดเป็นหมูไม่เหมาะสมหรือไง ทำไมไม่รู้สึกดีล่ะ
    หมู ข. ท่านอรหันต์ อาจจะยังไม่รู้ ตอนเป็นคนนั้นกินแต่ของสดๆ จากทะเล จากป่า อาหารประณีต ยังมีเหล้าดีๆ มีนารีเป็นเพื่อน อยู่โรงแรมล้วนห้องสูท ตอนนี้ 3 มื้อ มีแต่อาหารที่เขาทิ้งจากโรงงาน อาหารบูดเน่า รสชาติอย่าให้พูดเลย ถ้าไม่กินก็ต้องหิว พวกเพื่อนๆก็แย่งกันกิน จำใจฝื่นกลืนลงไป พอนานๆเข้า ก็เกิดความเคยชิน นอนอยู่กับพื้น ขี้เยี่ยวก็กองอยู่บนที่นอนเริ่มแรกก็ไม่ค่อยสบาย ตอนนี้ก็เริ่มเคยชิน แต่ในใจก็รู้สึกอยู่เสมอว่าสถานที่สกปรกไม่น้อย หวังว่าชาวโลกจะหลีกเลี่ยงความชั่ว จะได้ไม่ต้องมาเกิดเยี่ยงผมแบบนี้
    หยางเซิง ได้ฟังเธอเล่าความทุกข์ทั้งหมด รู้สึกน่าสงสารนักแต่ทว่าปัจจุบันนี้ชีวิตหมูก็สุขสบายขึ้นแยะ คอกหมูก็ถูกสุขลักษณะการกินก็มีการค้นคว้า ไม่ต้องทุกข์ร้อนเรื่องการกินอยู่ และไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ยังได้อาบน้ำเย็นๆ อย่างอเช่นอากาศร้อนๆ แบบนี้ก็น่าจะมีความสุขแล้ว
    หมู ข. ท่านหยางยังไม่รู้ ไม่นานพวกเราก็เติบใหญ่หมูอาภัพอายุสั้น ถูกส่งไปยังโรงฆ่าสัตว์ เนื้อหมูถูกเขาแบ่งไปกินคิดขึ้นมาแล้วน่ากลัวมาก ตัวชาไปหมด เป็นคนนั้นดีกว่า ไม่ต้องถูกเขาสาวไส้เหวะท้องแยกซากศพไปกิน
    หยางเซิง ฟังแล้วอยากอาเจียนจัง
    อรหันต์จี้กง เธอได้รับโทษจากขุมนรกไม่นาน ก็เกิดเป็นหมู ถูกเขาเหวะใจ สาวใส้ ก็เหมือนได้รับโทษทั้งเป็น ตังนั้นหวังว่าชาวโลกอย่าเห็นแก่ได้โดยไม่เป็นธรรม ให้พวกมันใช้กรรมหมดก็จะได้ไปเกิดเป็นคน ตอนนี้ก็ได้รับการเสกเป่าแล้ว ชาติหน้าจะได้เกิดเป็นคน ก็อย่าเอาแต่กินงานไม่ทำ ก่อกรรมทำชั่วอีกล่ะ หยางเซิงรีบกลับไปตลาดเนื้อสดเมืองไถจง(เป็นเมืองใหญ่อยู่ภาคกลาง เป็นที่ตั้งสำนักเซินเต๋อถัง) กันเถอะ ที่นี้มีเครื่องฆ่าสัตว์อัตโนมัติไปสอบถามพวกหมูที่กำลังจะถูกฆ่ากันเถอะ
    หยางเซิง ครับผม ผมขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญอาจารย์เดินทางได้
    อรหันต์จี้กง มาถึงตลาดเนื้อสดแล้ว
    หยางเซิง อาคารหลังคาทรงกลม เป็นอาคารกว้างใหญ่
    อรหันต์จี้กง เราเข้าไปดูๆ ว่า พวกหมูที่จะถูกฆ่าอยู่ไหนถามไถมันดู
    หยางเซิง ดีครับ ในนั้นเต็มไปด้วยหมูที่รอการฆ่า บนหัวของมันมีลำแสงที่ไม่มีระเบียบพุ่งระเกะระกะไปหมด ไม่ทราบเป็นเพราะอะไร
    อรหันต์จี้จง พวกมันถูกจับมาจากคอกหมู ส่วนใหญ่ก็รู้ตัวว่าถึงคราวตายแล้ว จิตใจก็ตกตื่นกลัวราน หมดหนทางที่ขอความช่วยเหลือ อาการตกใจทำให้วิญญาณพล่านไปหมด เกิดมีแสงพุ่งระเกะระกะ ฉันจะเสกเป่ามัน เธอจะได้สอบถามพวกมัน
    หยางเซิง ขอถามพี่หมูตัวนี้หน่อย เธอมาถึงโรงฆ่าสัตว์นี้รู้สึกอย่างไรบ้าง
    หมู ก. พรุ่งนี้ก็จะถูกฆ่าแล้ว ในใจกลัวมาก ขอให้ท่านช่วยหน่อยเถอะ
    อรหันต์จี้กง ไม่ต้องกลัวหรอก มาอย่างไรก็สงบใจอย่างนั้นอุทิศเลือดเนื้อเป็นอาหารแก่ชาวโลก เป็นการชดใช้หนี้กรรม
    หมู ข ไหว้ละไหว้ละ ขอให้ช่วยชีวิตด้วย
    อรหันต์จี้กง คนที่จวนจะตายคำพูดก็อ่อนลง นกจวนตายเสียงร้อยก็เศร้า หมูที่กำลังจะขาดใจเสียงร้องก็น่าสงสาร ใครเรียกเธอชาติก่อนไม่มีเมตตา หลอกลวงพวกคนดี ฆ่าคนไม่เลือก ชาตินี้รับกรรมต้องจำยอมสละร่างเป็นอาหาร ฉันก็ได้เสกเป่าให้แล้ว พรุ่งนี้ก็หมดเวรหมดกรรม เปลี่ยนรูปเปลี่ยนร่าง ควรจะหน้าชื่นรับกรรมเถอะถึงแม้อาตมาจะทนไม่ได้ที่จะได้เห็น แต่ก็ช่วยเหลือไม่ได้ เวรกรรมก่อเองรับเอง ใครก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้
    หยางเซิง เห็นพวกมันน่าสงสารมาก รู้สึกทนไม่ค่อยได้ไม่ทราบว่าเนื้อถูกผู้คนเขาแบ่งกัน ไม่รู้ว่าคนกินมีผลอะไรบ้าง
    อรหันต์จี้กง มีคำพังเพยว่า ตัวหนังสือที่เขียนว่า “เนื้อ” ประกอบด้วยอักษร “คน” 2 ตัว นอกประตูมีคนหนึ่ง ในประตูมีคนหนึ่ง มองดูแล้วก็เหมือนคนกินคน
    ถ้าหากผู้ใดนิยมกินเนื้อ อาตมาจะบอกให้ฟัง คนที่กินมากเกินไป ก็มีแต่โทษมากกว่าประโยชน์ ถ้าหากไม่เชื่อก็ให้ถามนายแพทย์ดู ยิ่งคนอายุมาก ความต้านทานลดลง กินเนื้อมากไปร่างกายก็มีโรคมากขึ้น เช่น คลอเรสเตอรอลในเลือด ซึ่งทำให้เกิดความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ มีไขมันไปเกาะมากขึ้น และอื่นๆอีกมาก คนที่ลาดบริโภคน้อยลงหน่อยจะดีกว่า ตอนนี้อาตมาจะเล่าเรื่องสัตว์ 6 ประเภทให้ฟัง
    ประเภทที่ 1 วัว ควาย ในสมัยโบราณวิทยาการไม่ก้าวหน้า สวรรค์เมตตาให้วัว ควาย เป็นสัตว์ช่วยทำไร่ไถนา เป็นเพื่อนที่มีคุณที่สุดของมนุษย์ นอกจากนี้ยังน้ำนมช่วยเลี้ยงดูบุตร พอแก่ลงคนก็เนรคุณด้วยการจับไปฆ่ากินเนื้อ ไม่น่าสงสารหรือ
    ประเภทที่ 2 ม้า ม้าเกิดมาเพื่อการเดินทางของมนุษย์ บรรทุกของ มิใช่ไว้ในสวนสัตว์ให้คนดูเล่น แต่ปัจจุบันวิทยาการก้าวหน้าทำให้ม้าหมดหน้าที่ไป
    ประเภทที่ 3 แพะ แพะช่วยถางหญ้าให้กับชาวนา และเป็นการชี้ทิศทางให้คนอีก จะได้ไม่เดินทางไปในที่มีอันตราย มิไช่เป็นเครื่องสังเวยในการหาลูกสะใภ้ หรือเป็นยาบำรุงของคน
    ประเภทที่ 4 สุนัข ทำหน้าที่เฝ้าดูแลบ้าน เป็นบ่าวที่ซื่อสัตว์ที่สุดของคน มันจะไม่ทิ้งนายของมันไปเพราะความมีจนของนาย แต่คนซิกลับไม่เห็นใจมันกลับเอามันไปทำ “เนื้อหอม” เอ้อ น่าสงสารเนื้อหมานั้นหอมจริงหรือเปล่า ถ้าหากเอาเนื้อเพื่อนที่ซื่อสัตย์ของเธอมากินแล้วบอกว่าห้อมหอมละก็ คงจะไม่ใช่จิตคนแล้วกระมัง
    ประเภทที่ 5 ไก่ ได้รับหน้าที่อันสำคัญขันในตอนเช้าตรู่ ไม่ว่าฝนตก ฟ้าร้อง ฟ้าใส หรือเจ็บไข้ได้ป่วยอะไรมันก็ยังคงทำหน้าที่ไม่รู้จบของมัน บำเพ็ญประโยชน์ให้คนมามากแล้ว แต่คนก็เลี้ยงอย่างเป็นล่ำเป็นสัน เพื่อประโยชน์ในทางกอบโกย อย่างนี้จะให้เรียกว่ามีเมตตาหรอกหรือ
    ประเภทที่ 6 คนเราไม่ควรเทข้าวที่เหลือทิ้ง แล้วจะให้ทำอย่างไรเล่า สวรรค์เลยให้หมูรับหน้าที่กินของเหลือคน เพื่อคนจะได้ไม่บาปในการทิ้งขว้างอาหารที่เหลือ แต่คนคิดว่าหมูเป็นสัตว์ที่คนเลี้ยงไม่มีคุณค่า ควรตอบสนองในการกินเนื้อเป็นอาหาร ด้วยเหตุนี้จึงกินได้โดยชอบธรรม ยิ่งกินใหญ่
    ที่เล่ามาทั้งหมดเป็นหน้าที่และความเป็นมาของสัตว์เลี้ยงอยากให้ผู้คนได้ไตร่ตรองดูให้ดีๆ หยางเซิงกลับสำนักเถอะ
    หยางเซิง ครับผม นั่งเรียบร้อยแล้วเชิญอาจารย์กลับสำนักได้
    อรหันต์จี้กง ถึงสำนัก เซินเต๋อถังแล้ว ลงมาเถิด วิญญาณกลับเข้าร่างเดิม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2016
  3. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,985
    ค่าพลัง:
    +1,223
    ครั้งที่9 เต่าทรงศีลแสดงธรรมะอันลำลึก ปลาไหลบำเพ็ญธรรมชำระบาป
    อรหันต์จี้กง มนุษย์ที่เกิดมาในโลกที่ อิสระและเสรี ไม่ต้องเป็นห่วงกับปัจจัย 4 ยังสุรุ่ยสุร่ายไร้ประโยชน์ยอมสละความเป็นมนุษย์ซึ่งควรจะประพฤติอยู่ในศีลธรรม ประพฤติแต่บาปกรรมประดุจดังร่างอยู่บนสวรรค์วิมาน แต่เท้าอยู่ในเมืองนรกปานนั้น เสาะแสวงหาความมืดมิด น่าสงสารยิ่งนัก โชคดีที่สวรรค์ยังประณีต มีเมตตาธรรม สัจธรรมอุบัติขึ้นในโลก เผยแพร่ธรรมกอบกู้มวลสัตว์ถ้าหากคนยังประพฤติชอบบำเพ็ญธรรม โอกาสทองพลาดไปแล้ว การสำนึกผิดก็สายเกินไป สัตว์เดรัจฉานแม้ร่างต่างคน แต่วิญญาณนั้นไม่ต่างกัน มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ป่าเขาจะลึกทึบเพียงใด ก็ยังมีผู้บำเพ็ญเพียรอยู่ร่ำไป สักวันหนึ่งข้างหน้าเมื่อบำเพียรถึงที่สุดแล้วก็ย่อมจะละร่าง กลับขึ้นสู่สวรรค์แดนบรมสุข ถ้าหากไม่เชื่อฉันจะพา นายหยางไปดูให้กระจ่างตา จะได้ยืนยันว่า ข้ากล่าวไม่ผิด หยางเซิงเตรียมตัวออกเดินทางได้
    หยางเซิง ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์ออกเดินทาง
    อรหันต์จี้กง คืนนี้เราไปฟังธรรมเทศนากันเถอะ
    หยางเซิง ไปฟังธรรมเทศนาที่ไหนกันครับ
    อรหันต์จี้กง มนุษย์บำเพ็ญเพียรเป็นสิ่งธรรมดา แต่สัตว์เดรัจฉานบำเพ็ญเพียรนี่ซิอัศจรรย์นัก ถึงทะเลสุริยัน-จันทรา(ทะเลสาบสุริยัน-จันทรา อยู่ตรงกลางของใต้หวัน) แล้วลงจากปทุมทิพย์ได้
    หยางเซิง อากาศร้อนอบอ้าวผิดปกติ มาถึงทะเลสาบน่าจะถือโอกาสดี อยากลงอาบน้ำสักครั้งก็จะดี
    อรหันต์จี้กง ศิษยัรักอย่าไร้เดียงสานักเลย วันนี้เรามาเยี่ยมเยือนเต่าที่เขามาปล่อยเมื่อครั้งก่อน “เต่าทรงศีล” เจ้าเต่าทรงศีลโผล่หัวขึ้นมาหน่อย มาดูซิใครมา วันก่อนช่วยชีวิตเธอวันนี้ กลับมาหารีบขึ้นฝั่งเถอะ เล่าถึงความลี้ลับให้ฟังหน่อย
    หยางเซิง ยืนอยู่บนฝั่งเห็นฝูงเต่าว่ายน้ำเข้ามาหา ดูเหมือนมันรู้ว่าเรามาเยี่ยมเยือน
    อรหันต์จี้กง ใช่แล้ว พวกเต่านี้เป็นเต่าทรงศีล พวกมันอาศัยอยู่ในน้ำใสสะอาด ระบายลมปราณ ฝึกฝนธรรมะ รัศมีเต็มเปี่ยม สามารถมีชีวิตยืนยาว พวกเต่ามากันพร้อมหน้า ฉันจะคุยกับมันดู “เต่าเอย” จากกันนานวัน อยู่ข้างหน้าเจ้าจำได้ไหม ช่วยชีวิตให้อยู่รอด อยู่ปลอดภัยในน้ำ บำเพ็ญธรรมฝึกฝนกาย เปิดเผยเคล็ดลับ ช่วยเล่าประวัติความเป็นมาให้ฟังหน่อย
    เต่า ขอบคุณ ท่านอาจารย์ วันนี้ท่านอรหันต์เสด็จมาส่องไสวทั่วทะเลสาบ ในใจผมนั้นปลาบปลื้มยิ่งนัก ผมนั้นเดิมที่อูยู่ที่ไทเปในทะเลสาบ “ปี่ถาน”(อยู่ชานกรุงไทเป) วันหนึ่งมีเด็กคนหนึ่งมาพบเข้าไปขายให้กับร้านขายของสดๆ ตระหนกตกใจจนน้ำตาไหลนองหน้าโชดดีถูกคนซื้อไปยังเมืองไถจง ตลาดสดเกียงกั๊ว บังเอิญท่านผู้ทรงศีลแห่งสำนักเซินเต๋อถัง มาซื้อต่อไป เพื่อนำไปปล่อยเนื่องในงานวันเกิดของมารดา ผมและพรรดพวกเป็นร้อยโชคดี ถูกนำไปที่สำนักเซินเต๋อถัง ได้รับการประพรมน้ำมนต์จากเจ้าแม่กวนอิม รู้สึกตัวถึงอดีตชาติขึ้นมาทันที เนื่องจากชาติก่อนเป็นพระฉันเจ ครั้งแรกก็ตั้งใจดี พอบวชได้ 3 ปี กิเลสก็พอกหน้าขึ้นทุกวัน เกิดความโลภในลาภ สักการะของผู้ใจบุญ เอาของมาเป็นส่วนตัว มิหนำซ้ำยังเอาที่ดินที่ชาวบ้านบริจาคไปขายเข้ากระเป๋า ซึ่งผิดศีล พอตายลงแทนที่จะไปนิพพานกลับไปลงนรก บาปกรรมติดตัว ตกลงขุมนรก 5 ปี พอพ้นจากขุมนรกก็เกิดเป็นเต่า ชดใช้หนี้กรรม บำเพ็ญเพียรต่ออาศัยน้ำใสสะอาดและอากาศที่บริสุทธิ์ ดำรงชีวิตอย่างหนาวเย็นและโดดเดียว เนื่องจากมีกรรมดีอยู่บ้างโดยอาศัยกฎแห่งกรรมนี้ จึงได้รับการปลดปล่อย จากท่านผู้ทรงศีลของสำนักเซินเต๋อถัง ด้วยบารมีท่านโพธิสัตว์ เจ้าแม่กวนอิม และอรหันต์จี้กง ทำให้การบำเพ็ญเพียรของผมก้าวหน้าไปเป็นอันมาก บุญคุณท่านใหญ่หลวงนัก ตอบแทนไม่รู้หมด
    อรหันต์จี้กง พวกเธอเดิมทีเป็นสานุศิษย์พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม อธิษฐานอุทิศชีวิตเพื่อปวงชนเป็นเพราะกิเลสยังไม่สิ้นทำให้ผิดศีล ทำให้ตกไปสู่อบายภูมิ เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน โชคดีที่ยังมีบุญบารมีอยู่บ้าง ทำให้ได้พบกันในวันนี้ กรุณาบำเพ็ญเพียรอย่าได้ขาด ภายภาคหน้าเมื่อบารมีเต็มเปี่ยมเมื่อไรก็จะละร่างกลับขึ้นสู่แดนสวรรค์อันบรมสุข
    หยางเซิง ท่านเต่าทรงศีล ท่านรู้จักบำเพ็ญเพียร น่าอิจฉายิ่งนัก จะกรุณาเปิดเผยถึงความลี้ลับให้ฟังหน่อยจะได้ไหม
    เต่า มนุษย์เนื่องจากกามคุณ รุมเร้า ก่อให้เกิดอารมณ์เร่าร้อน ลมหายใจถี่ อายุก็สิ้น อีกอันก็เนื่องจากสังคมธุรกิจ ชีวิตเร่งรีบ หายใจถี่เร็ว เลือดขุ่นข้น ประดุจดังน้ำหลากเต็มไปด้วยโคลนตมไหลพุ่งรุนแรง ที่ใดที่ไหลผ่านก็สร้างความเสียหายย่อยยับต้นไม้ถูกถอนรากลอยตามน้ำ เพราะความรุนแรงของกระแสน้ำและโขดหินริมธาร ทำให้ต้นไม้กระทบกระแทกจนขาดหัก ดูผิดรูปร่างเดิม มนษย์หากชอบขวางโลก จิตใจเสื่อมโทรม ดังนั้นร่างกายก็เปลี่นแปลง เมื่อเคนเราตายลง บางคนก็ไปเกิดใหม่ไม่สามารถยืนตรงเหมือนผม หลังเต่ามันหนักมาก ไม่มีหนทางยืนขึ้นมาได้เลย
    หยางเซิง ท่านเต่าทรงศีล ท่านก็อย่าได้ลงโทษตัวเองมากไปเลย ท่านกลับเกิดเป็นเต่าทรงศีล สมาธิ ปัญญา ยังมีอยู่สำนึกคอยฝึกฝนธรรมะ ก็น่าจะสบายใจได้แล้ว จะกรุณาเล่าถึงวิธีการฝึกธรรมะ เพื่อให้ชาวบ้านได้พิจารณาดูบ้างจะได้ไหม
    เต่า ได้ครับ ตอนนี้ก็จะเล่าถึงวิธีฝึกหัดธรรมะ บำเพ็ญเพียรมาเล่าให้ชาวบ้านฟังดู เชื่อแน่ว่า ทุกคนคงได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับเต่ากับกระต่ายที่แข่ง วิ่งกัน กระต่ายก็คือ “ความโลภ”ของคน ใจไม่อยู่กับร่องกับรอยโลดเต้นไปเรื่อยๆ เต่าก็คือ “ธรรมะ” ของคน นิ่งสงบเงียบ การกำเนิดชีวิตของคนก็เหมือนกับการแข่งขันของเต่ากับกระต่าย เริ่มต้นวิ่งโลดนำหน้าไปไกลๆ อย่างกระต่ายทำให้อ่อนเหนื่อยจนต้องนอนพัก ในที่สุดเต่าก็ตามมาทันและล้ำหน้าไป ชีวิตเต่านั้นยืนยาว กระต่ายชีวิตสั้นไม่นานก็สูญสลาย ส่วนเต่านั้นมีการบำเพ็ญเพียรดี ตัดความใคร่ ห่างจากความเกี่ยวดอง พวกทานต้องเข้าใจ ความหมายให้ลึกซึ้ง พอมนุษย์เกิดมา จิตเดิมถูกความการสันอยากของวัตถุบดบัง ดังนั้นจึงต้องอาศัยความเมตตาของสวรรค์ ช่วยชะล้างกิเลสให้หมดจะได้เห็นจิตเดิม เต่าอาศัยอยู่ในน้ำ สามารถมีชีวิตยืนยาว อาศัยความบริสุทธิ์ของธรรมชาติในการดำรงชีวิต เต่าประดุจทหารเดินดิน กระดองเป็นมันเกราหุ้มกายอาศัยความดีเลี้ยงตัว ช่วยเลี้ยงลมหายใจให้ยืดยาว แต่ละลมหายใจระบายสิ่งเสียออกรับลมสะอาดเข้า ปิดกั้นอารมณ์อยาก ปัดเป่ากิเลสอาศัยอยู่ในน้ำไหล หล่อเลี้ยงชีวิต ลองดูในแหล่งน้ำไม่ไหลซินานๆไปก็กลายเป็นน้ำเน่าส่งกลิ่นเหม็น ยุงก็เกิดขึ้น เหมือนคนที่ตายแล้วเน่าเปื่อย ดังนั้น ชาวโลกถ้าอยากให้ร่างกายกลายเป็นกายทิพย์วิญญาณธรรมดากลายเป็นวิญญาณทิพย์ ต้องถ่ายของเสียออกทุกวันรับสิ่งใหม่สะอาด เมื่อกายเนื้อแข็งแรง สติก็กระปรี้กระเปร่า วิญญาณเดิมก็สดใส การบำเพ็ญย่อมเกิดผล โดยปกติ การประพฤติธรรมต้องเจียมตัว การพูดจาควรกล่าววาจาในทางสร้างสรรค์ ใช้จมูกสูดดมแต่สิ่งดีงาม ให้วิญญาณอาศัยอยู่กับบ้าน บ้านก็คือสติ สติต้องรู้ตัวอยู่เสมอไม่วอกแวก ธรรมะก็จะอยู่กับบ้านของท่านตลอดไป
    อรหันต์จี้กง ฮาฮ้า การบำเพ็ญธรรมไม่เห็นต้องวุ่นวายการรักษาอารมณ์ก็อยู่ที่บ้านได้อย่างแน่นอน ใจคอชอบเหมือนกระต่ายที่วิ่งเต้น ดังนั้นคนที่ฝึกธรรมได้มีสักกี่คน พระพุทธรูปที่อยู่บนหิ้งบูชา มิใช่นั่งอยู่นิ่งๆหรอกหรือ
    หยางเซิง พูดมีเหตุผลดี ปกติมักจะกล่าวว่า “สิ่งผิดปกติมักจะเกิดจากปาก หาเรื่องมักจะเกิดจากนักเลงออกหน้า” คำกล่าวนี้มีความหมายมาก เชิญท่านเต่าช่วยให้อรรถธิบายหน่อย
    เต่า พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง ชาวบ้านน่าจะสวดมนต์ให้มากหน่อยจะดีกว่า หรือไม่ก็ระบายลมหายใจออกมากๆหน่อย ร่างกายจะได้รับประโยชน์ นักเลงออกหน้าแสดงความฉกาจฉกรรจ์ บางครั้งก็พ่ายแพ้เสียหน้ากลับบ้าน ดังนั้นถ้าหดหัวอยู่อย่างเต่า เป็นการสะสมความเก่งฉกาจเอาไว้ โดยปกติไม่ชอบยื่นหัวออกหน้าชอบหันไปทางลมเย็นของธรรมะ สะสมบุญบารมีให้สมาธิ ปัญญาหล่อเลี้ยงดวงจิตอยู่เสมอ เต่าที่ชอบออกนอกหน้า โดยไม่คาดฝันก็อาจสูญเสียถึงชีวิต บางคนใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย เปลืองตัวเปลืองใจ เป็นอันตรายของสุขภาพ จิตเดิมแท้ก็อ่อนไหว ไม่มีแรงที่จะบินสู่สวรรค์ หนักกายหนักใจ วิ่งลงสู่อเวจีนรกไป ฉะนั้นท่านที่ฝึกหัดธรรมะมีจิตที่อยากหลุดพ้นจากวัฏฏสงสาร ก่อนอื่นควรฝึกหัดวัชระรักษากาย โดยต้องระมัดระวังเกี่ยวกับลมหายใจ ลมจากจมูกไปสู่จุดกลางสะดือย้อนกลับมาสู่ฐานของวิญญาณ อันนี้เป็นเคล็ดลับในการเลี้ยงชีวิต ดังนั้นร่างกายก็จะประดุจกระดองเต่าป้องกันกายไม่ให้ สามารถมีชีวิตยืนยาว อันนี้เป็นเคล็ดลับของเต่า ขอให้ท่านพิจารณาลองฝึกดู
    อรหันต์จี้กง เคล็ดลับอันนี้ เป็นการแพร่งพรายความลับของสวรรค์ คนที่สามารถตั้งใจจริงก็ลองดูได้ พวกเต่าทั้งหลายเริ่มคลานขึ้นมาสู่ฝัง อาฮ้า เราไปเกาโซง ทะเลสาบเติ้งซิง ไปเยี่ยมเยี่ยนหมู่เต่าที่เธอปล่อยครั้งก่อนเถอะ
    หยางเซิง ดีครับ ผมนั่งนิ่งเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์ออกเดินทางได้ อากาศอบอ้าวผ่านมาทางนี้เหมือนกับ ผ่านมายังถนนซีเล้ย กลางคืนเริ่มทางมีแสงสว่างจากแสงไฟฟ้า ชาวสวนปลูกเพิงอยู่ริมทาง มีแตงโมกองอยู่เป็นกองๆ เต็มไปหมด พวกที่ขับรถเก๋งมาก็พากันจอดเข้าข้างทางลงมาหาซื้อแตงโม บางคนก็ผ่ากินกันเดี๋ยวนั้น กินกันอย่างเอร็ดอร่อย ท่านอาจารย์จะซื้อสักชิ้นให้แขกได้หรือไม่
    อรหันต์จี้กง บนถนนซีเล้ยมีแตงโม แตงโมเปรียบประดุจ ผลไม้พุทธเกษตรที่แดนสุขาวดี แดนพุทธเกษตร มีน้ำฉ่ำแก้กระหายดีนัก เอาเถอะ ฉันจะเลี้ยงแขกไม่มีปัญหา ไม่มีปีเริ่มต้นมาเก็บเมล็ดพันธุ์ ไม่มีพสุธาที่เกิดให้ปลูกแตง ถือศีลกิจเจลงเมล็ดพันธุ์ ถือศีลห้าไตรสิขางอกงามพลัน สมาธกล้าปัญญาเกิดหน้าเถาวัลย์ ใจเผลอโทสะขึ้นเกิดดอกเหลือง ปัญญาชาญฉลาดเกิดหนึ่งผล บรรลุสำเร็จอรหันต์ดังผลแตง รู้แจ้งแทงตลอดลูกโพธิสัตว์ เปล่งรัศมีดุจดังทรายทิพย์ น้ำมนต์ดั่งน้ำผี้งชุ่มคอหอย ล้อธรรมะหมุนไม่หยุด ไม่คายชานพนมไหว้พระปัญญาเฝ้าพิจารณา คิดมากห่วงมากยุ่งดังปอ ปัญญาแจ้งตัดสินใช้มีดผ่า ทางธรรมะที่แท้คือผลแตง บนทางสู่พุทธเกษตรมีผลแตง ชาวโลกไม่กินให้รู้ถึงรสชาติ บางคนกินแตงซาบซึ้งรสธรรมะ เหมือนดั่งไปถึงสุขาวดีไหว้พระพุทธเจ้า
    ถึงจะรู้ว่าบนกายเรานี้ก็มีแตงโมหนึ่งลูก(หัว) แตงโมลูกนี้ยังพูดได้ หายใจได้ แต่ชาวโลกไม่รู้จักค้นหาต่างหาก ให้แตงโมมันเกิดเป็นตัวเอง ปล่อยให้มันเน่าเฉาตายไปเองน่าเสียดาย
    หยางเซิง อาจารย์ไม่เสียชื่อที่เป็นพระในศาสนาพุทธ บทเพลงแตงโมนี้แฝงไปด้วยธรรมะอันลึกซึ้ง ลูกศิษย์ฟังแล้วน้ำลายเต็มปาก ไม่กระหายน้ำแล้ว น่าอัศจรรย์
    อรหันต์จี้กง ถ้าหากไม่กระหายน้ำ พวกเรารีบไปที่ทะเลสาบเติ่งซิงกันเถอะ
    หยางเซิง ยามราตรี ทิวทัศน์ทะเลสาบเติ่งชิงสวยงามมากลมเย็นในฤดูร้อนโชยมา รู้สึกใจสบายสดชื่น ที่นี้ก็คือที่เราปล่อยปลาปล่อยเต่า ยืนอยู่ริมฝั่ง สามารถพอมองเห็นฝูงปลาว่ายวนเวียน
    อรหันต์จี้กง ฉันชักจูงพวกเธอให้มาปล่อยปลาไหล เรามาถามไถ่พวกมันกันเถอะ
    หยางเซิง ด้านหน้ามีฝูงปลาไหลว่ายมาจริงๆ ด้วย ค่อยๆว่ายมาอย่างนุ่มนวล ดูเหมือนแสงกิริยาขอบคุณต่อพวกเรา
    อรหันต์จี้กง วิญญาณของปลาไหลมีความรู้สึกไว ฉันจะใช้คาถาชักนำให้พวกมันมายังฝั่ง แล้วก็เป่าเสกให้มันสำนึกถึงวิญญาณดังเดิม จะได้พูดคุยกันได้สะดวก “เจ้าปลาไหลกำเนิดอยู่แต่โคลนตม คาวเหม็นไปทั้งตัวลื่นเกลี้ยง หนี้ไม่พ้นเบญจขันต์ ตื่นเถอะ ตื่นเถอะ แปลงร่างสภาพงูมา” ฉันเสกเป่าแล้วปลาไหลค่อยๆเปลี่ยนร่างแล้ว เจ้าพูดคุยกับเขาได้แล้ว
    หยางเซิง ปลาไหล เธอจำเราได้ไหม
    ปลาไหล ไม่ค่อยแน่ใจ แต่จำได้ว่า ท่านคือผู้ช่วยชีวิตพวกเราไว้ ขอขอบคุณที่ท่านได้เชิญเจ้าแม่กวนอิมเสกป่าพวกเราทำให้พวกเรากลับมาสู่พุทธมรรค แล้วยังนำพวกเรามาปล่อยที่นี่ ไม่ต้องถูกจับลงหม้อแกง
    หยางเซิง ความจำยังดีอยู่ ฉันเป็นคนทรงแห่งสำนัก “เซิ่นเต๋อถัง” วันนี้ติดตามอาจารย์มาเยี่ยมเยือนพวกท่านวันก่อนพวกใจบุญมีเมตตาธรรมได้ไปซื้อพวกท่านจากตลาด นำมาปล่อยที่นี่สวรรค์ต้องการแต่งหนังสือเรื่อง “ทางบาปสัตว์เดรัจฉาน” เพื่อเตือนสติชาวโลก จึงมาถามหาพวกท่านเป็นพิเศษ ท่านจะกรุณาเล่าความเป็นมาแต่ปรางก่อนได้ไหม
    ปลาไหล ก่อนอื่น ขอขอบคุณท่านผู้ใจบุญแห่งสำนักเซิ่นเต๋อถัง ออกทุนทรัพย์ ช่วยชีวิตผม ไม่ต้องถูกฆ่าแกง บุญคุณอันนี้จะจำไว้ตลอดไป เมื่อมีโอกาสจะต้องตอบสนอง ผมชาติก่อนเป็นพ่อค้า เป็นคนที่คล่องแคล้วว่องไว มีความสามารถ เงินทองประดุจดั่งสายน้ำไหลมาเทมา ชีวิตอยู่ในขั้นเศรษฐี และเพราะละโมบในกามตัณหา สุราไม่ว่างเว้น ร่างกายอ่อนแอลง มีวันหนึ่ง มีพ่อค้าด้วยกันคนหนึ่งหลอกลวงเริ่มฉีดพวกมอร์ฟีน พอฉีดเสร็จ รู้สึกกระชุ่มกระชวยร้อยเท่า ก็สามารถทำอะไรได้ตามต้องการ พอนานวันเข้าค่อยๆติดจนเป็นนิสัย การค้าพอตกต่ำรายได้ก็น้อยกว่ารายจ่าย และต้องฉีดมอร์ฟีนเป็นประจำ ทำให้สิ้นเปลืองมากขึ้น เลยเริ่มต้นค้าขายพวกยาเสพติด ลับๆล่อๆ แต่ก็เป็นหนี้สินเขาในที่สุดไม่มีเงินพอใช้จ่าย และเนื่องจากการติดยาเสพติดเป็นการฆ่าตัวตายผ่อนส่ง พอนานเข้า ปอดก็ดี ตับก็ดี ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงเหมือนถูกพิษภัย พอถึงอายุ 49 ปี ก็เป็นมะเร็งปอดและโรคตับอักเสบตาย พอตายลงก็ถูกยมทูตขาว-ดำจับลงสู่ขุมนรก ถูกทำโทษ 12 ปี พอพ้นโทษก็กลับมาเกิดเป็นปลาไหล เกิดในโคลนตนเลื้อยไปเลื้อยมา ดูเหมือนกระดูกอ่อน อาหารสามมื้อก็กินแต่โคลนตมน้ำเหม็นเหมือนกับสูดควันพิษของยาเสพติด รสชาติน่าสะอิดสะเอียด เป็นเพราะเคยช่วยเหลือผู้หญิงคนหนึ่งที่คิดฆ่าตัวตายเพราะขาดเงิน เลยได้รับผลตอบแทนโดยชาตินี้ท่านผู้ใจบุญซื้อมาปล่อย ต้องขอขอบคุณพวกท่านจริงๆ กฎแห่งกรรมตอบสนองไม่เคยเปลี่ยนแปลง หวังว่าชาวโลกจะประกอบคุณงามความดีมากขึ้น จะได้ไม่เหมือนผมตกลงสู่สภาพเช่นนี้ โชคดีที่ได้มาทะเลสาบเติ่งชิงแช่อยู่ในน้ำทั้งวัน ทำให้ร่างกายสะอาด ชะล้างลมพิษร้าย บำเพ็ญเพียรเพื่อสะสมบารมี
    หยางเซิง กฎแห่งกรรมเป็นของน่ากลัวมาก
    อรหันต์จี้กง กฎแห่งกรรมนี้หมื่นปีก็ไม่เปลี่ยนแปลง ท่านได้ฟังวาจาของปลาไหลแล้ว ท่านรู้สึกนึกคิดอย่างรบ้าง พวกปลาไหลจงอยู่อย่างสงบในทะเลสาบแห่งนี้ ค่อยๆชะล้างโคลนตมที่เปื้อนกายเมื่อร่างกายไร้มลทินแล้ว ชาติหน้าก็ได้เกิดมาใหม่เป็นคนอีก
    ปลาไหล ขอบคุณท่านอรหันต์จี้กงและท่านหยางเซิงที่ช่วยชีวิต
    อรหันต์จี้กง เวลาดึกมากแล้ว เตรียมตัวกลับสำนักเถอะ
    หยางเซิง รับบัญชา ผมนั่งนิ่งบนปทุมทิพย์แล้ว
    อรหันต์จี้กง สำนักเซินเต๋อถังถึงแล้ว ลงมาได้ วิญญาณกลับเข้าร่างเดิม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2016
  4. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,985
    ค่าพลัง:
    +1,223
    ครั้งที่10 หนทางชีวิตมนุษย์นั้นขรุขระ หนูประพฤติตัวเสื่อมทรามตกลงสู่สัตว์ อรหันต์จี้กงเสด็จประทับทรง วันที่ 5 กันยายน 2524
    อรหันต์จี้กง เวลาประดุจน้ำไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วก็ถึงฤดูใบไม้ร่วง พอพบดวงจันทร์เต็มดวง บุปผาก็บานสะพรั่งไม่ทราบว่า พวกท่านมีดวงจิตที่เต็มหรือเปล่า หรือเหมือนลมหนาวพัดสะบัดกระชากใบให้ร่วงหล่น ท่านที่อยู่ในสำนักเซินเต๋อถังล้วนมีธรรมะทุกคนมีความกระตือรือร้นต่อส่วนรวมทั้งนั้น ทุกวันคืนเร่งโปรดสัตว์สั่งสอนธรรม จิตดังจันทร์เพ็ญ อารมณ์ดั่งน้ำในบ่อ ขอภาวนาให้ทุกคน ใจสดใสพบจิตแท้ ธรรมกิจจงรุ่งเรือง
    หยางเซิง ขอขอบคุณท่านอาจอาจารย์ที่เอาใจใส่ ห้าปีที่ผ่านไปวิญญาณพบวิญญาณจนสามารถนำหนังสือเที่ยวเมืองนรกเที่ยวสวรรค์เสร็จเรียบร้อย ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานี้ผมได้รับปัญญาธรรมทำให้บรรลุสัจธรรม ชื่นชมหนังสือ 2 เล่มได้แพร่ไปทั่วโลก แต่ก็ได้รับมารผจญไม่น้อย บ่อยๆ ไปในเวลาที่เงียบสงัดก็ตรวจสอบดูตัวเองรู้สึกว่าเมืองมนุษย์นั้นมีความยุ่งยากยิ่ง ในโลกที่ถือประโยชน์เป็นสำคัญแล้วยิ่งยาก ยิ่งจะหาหนทางเพื่อส่วนรวมแล้วยิ่งหาโอกาสได้ยาก เพราะฉะนั้นบางครั้งนึกอยากหาที่เงียบๆ อยู่บำเพ็ญเพียร ไม่อยากพบปะกับโลกีย์ อยากพบแต่ความสงบ แต่เนื่องด้วยบุญบารมีท่านอาจารย์ก็ได้รับบัญชาให้ทำหนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” ต้องรับภาระอันยิ่งใหญ่ ขอให้อาจารย์ช่วยเพิ่มพลังงานเพื่อเป็นแรงในการทำงานตามบัญชาของสวรรค์
    อรหันต์จี้กง หยางเซิงเธออย่าท้อใจ มีคำกล่าวว่า “เกิดเป็นคนนั้นง่าย แต่เพื่อคนนั้นยาก” ในหนทางชีวิตไม่มีทางที่ตรงเรียบไม่คดงอหลอก เราอุทิศกายเพื่องานสวรรค์ ไม่ให้สวรรค์เสียใจถึงแล้วซึ่งความกรุณาและความรับผิดชอบ นั่งรถเก่ามานานแล้วก็ย่อมอยากลงจากรถ เปลี่ยนรถใหม่อีกคัน การพบปะของคนก็ขึ้นอยู่กับบุบเพสันนิวาส ร่วมอยู่หรือแตกแยกนั้นฟ้ากำหนด เรากำลังค้นหาที่หมายและความคิด เป็นคนย่อมไต่ขึ้นสูง น้ำย่อมไหลลงต่ำ โพธิสัตว์เพื่อโปรดสัตว์ไปทั่วทุกหนแห่ง ไม่ผูกติดอยู่ในที่เล็กๆ หรืออยู่ในรูปๆ เดียวเปลี่ยนแปลงไม่รู้จบ เป็นวิธีที่ไม่รู้จบสิ้น มีคำกล่าวว่า “จงพูดเหตุผลกับบัณฑิต อย่าออกอารมณ์กับคนพาล” หนทางสายใหม่ใช้ชีวิตแบบใหม่ ไก่ทองขานรับ สามแดนแผ่ร่มเย็น ชะตาของเซินเต๋อถังรุ่งแล้ว รัศมีส่องฉาย 3 โลก เราไปยังที่หมายกันเถิด
    หยางเซิง วันนี้จะไปที่ไหนดี
    อรหันต์จี้กง วันนี้เราไปตำบลพิงตงไปหาเจ้าหนู
    หยางเซิง รับบัญชา ผมนั่งนิ่งบนปทุมทิพย์แล้ว เชิญอาจารย์ออกเดินทางเถิด
    อรหันต์จี้กง ถึงแล้ว
    หยางเซิง วันนี้อาจารย์ทำไมพาผมมายืนอยู่บนหลังคาบ้านที่นี้ดูเหมือนเป็นหมู่บ้าน บ้านอยู่อาศัยแบบสมัยเก่า เจ้าของบ้านกำลังดูโทรทัศน์
    อรหันต์จี้กง บ้านตระกูลลิ้ม ทานอาหารเย็นเสร็จแล้วกำลังชมรายการโทรทัศน์ อยู่ยังไม่รู้ว่าหลังคาบ้านมีบุรุษ 2 นายมาถึง
    หยางเซิง อาจารย์ชอบพูดล้อเล่น เราเป็นวิญญาณเดินทางมาถึงที่นี่ ร่างกายเบาดังขนนก เพราะฉะนั้นพวกเขาไม่รู้สึกตัวหรอก พวกเราก็นั่งกินลมให้เย็นสบายดีไหม
    อรหันต์จี้กง ไม่ได้มานั่งกินลม วันนี้จะมาเยี่ยมเยียนพวกหนู พวกมันซ่อนอยู่บนคานหลังคา ไม่กล้าวิ่งเพ่นพล่านกลัวคนเห็น ใช้ตาทิพย์มองดู เห็นพวกหนูอยู่ใต้เท้าเรา ตรงนี้เป็นรังหนู ฉันจะเอากระเบื้องออกสักแผ่นหนึ่ง ก็จะเห็นพวกมัน
    หยางเซิง เชิญอาจารย์เลย แต่ระวังอย่าทำให้พวกมันกลัว
    อรหันต์จี้กง เธอวางใจได้ ฉันมีวิธีการต่อพวกหนู เปิดออกแล้วเธอเห็นอะไรบ้าง
    หยางเซิง แปลกแต่จริงมีรังหนูอยู่ข้างใน มีหนูอยู่4ตัวพวกมันไม่กระดุกกระดิก รู้สึกกลัวด้วย
    อรหันต์จี้กง พวกมันรอเวลาให้ดึกก่อน ค่อยลงจากคานหลังคา ขโมยอาหารกิน “เจ้าหนู เจ้าหนู” ขออยู่ทำไม ไม่สามารถเป็นนักขโมยใหญ่ได้ เป็นนักขโมยเล็ก วันนี้ฉันจี้กงจะให้ข้าวสารทิพย์ กินแล้วก็จะรู้ตัวตื่น ไต่ขึ้นสู่เทวภูมิบำเพ็ญธรรมะกันเถิด
    หยางเซิง พออาจารย์ท่องคาถา เมล็ดข้าวส่งถึงปากเจ้าหนูพวกมันกินจนน้ำลายสอ
    อรหันต์จี้กง อันนี้เป็นอาหารทิพย์ ไม่ใช่ยาพิษ มันกินแล้วจะเป็นหนูที่มีวิญญาณระลึกชาติ เธอก็จะได้พูดคุยกับมันได้
    หยางเซิง กินข้าวทิพย์แล้ว พวกหนูเริ่มเปล่งเสียงร้องส่งประกายตาที่ขอบคุณมายังเรา ตอนนี้ก็เริ่มเปิดปากพูดแล้ว
    อรหันต์จี้กง ฉันคืออรหันต์จี้กง วันนี้พานายหยางเซิงมาเยี่ยมเยือนพวกเธอ
    หนู ก ขอบคุณพระอรหันต์ที่ให้ข้าวทิพย์กิน และขอบคุณท่านหยางด้วย เมื่อครู่กินข้าวทิพย์แล้วร้อนไปทั้งตัว หัวมึนงงไปหมดสักครู่ก็รู้สึกระลึกถึงชาติก่อนได้ ในสมองเริ่มเห็นเหตุการณ์ความเป็นมาของตนเอง ขอให้ท่านอรหันต์ โปรดช่วยฉันไปยังแดนสุขาวดีด้วยเถิด
    อรหันต์จี้กง ข้าวทิพย์เหมือนจะได้ผล พวกหนูสามารถไต่ได้สูงสุดก็คือหลังคาบ้าน ก็ยังยาก ถ้าให้ไต่ถึงแดนสุขาวดีเกรงว่าเรี่ยวแรงจะไม่พอ หวังว่าเธอคงเล่าเรื่องที่ผ่านมาให้ฟัง ให้ชาวโลกได้ล่วงรู้เป็นการสร้างบุญ ช่วยลดกรรมเก่า จะได้เปลี่ยนร่างปัจจุบันเป็นผลตอบแทน
    หนู ก ได้ครับ ที่ผ่านมาทำบาปไว้มากกลัวจะเขียนไม่จบชาติก่อนผมเป็นคนฮ่องกงเป็นคนที่เรียกกว่า อันไหนไม่บาปไม่ทำไม่เคยทำดี ตั้งแต่ขโมย จี้ปล้น เสพยาเสพติด รายรับไม่พอรายจ่ายก็เลยขายยาเสพติตให้เพื่อนฝูง มีกำไรดี ยังข่มขืนผู้หญิง 3 คน ใช้ชีวิตสำมะเรเทเมากลัวตำรวจจะจับได้ ก็ต้องใช้ชีวิตอย่างหลบๆซ่อนๆ มีวันหนึ่งเมาเหล้าทะเลาะกับเขาถูกเขาฆ่าตาย วิญญาณลงนรกรับกรรม 12 ปี พอพ้นนรกก็กลับมาเกิดเป็นหนูมีอายุได้ 6 เดือนแล้ว พวกญาติหนู พวกนี้ก็เช่นเดียวกับผม ชาติก่อนเป็นคนเลวเกิดเป็นหนู ชีวิตไม่อิสรเสรี กลางวันก็นอน กลางคืนค่อยกล้าออกมาวิ่งยังต้องระมัดระวังทุกฝีก้าวที่กลัวที่สุดคือพวกตำรวจถ้าเผลอก็ถูกจับไป
    หยางเซิง ที่ไหนจะมีตำรวจมาจับหนูละ
    หนู ก แมวดำเหมือนตำรวจ พวกมันมีหน้าที่ดูแลข้าวปลาอาหารให้ปลอดภัย การกระทำของเราถ้าจับได้ชีวิตไม่รวด เจ้าของบ้านเลี้ยงแมวดำไว้ตัวหนึ่ง พวกเรากลัวมาก อยากจะขโมยกินก๊อกสั่นขวัญแขวนถูกข่มขู่อย่างหนัก ชีวิตอย่างนี้ลำบากมากครับ หลบซ่อนๆ ผ่านไปวันๆ มีแต่โพรงมืดสำหรับนอน เสียใจชาติก่อนก่อกรรมทำเข็ญไว้มาก วันนี้จึงอยู่ในสภาพที่น่าทรมานเช่นนี้ ท่านชาวโลกอย่าเลียนแบบผมเลย ถ้ามิฉะนั้นก็จะถูกยมบาลจัดที่อยู่ให้แบบนี้
    หยางเซิง ขอถามหนู ข. หน่อย ช่วยเล่าเรื่องที่ผ่านมาหน่อยได้ไหม
    หนู ข ขอบคุณท่านอรหันต์และคุณหยางเซิง ตอนนี้ใจผมเต้นแรงมาก ไม่รู้จะเริ่มที่ตรงไหนดี ชาติก่อนเป็นนักพนันจมปลักอยู่ในสังคมมืดมานานแล้ว ค่อยๆ ตั้งตัวเป็นนายบ่อน เครื่องเล่นการพนันก็ทำเครื่องหมาย เชิญพวกเศรษฐีและหญิงสังคมมาเล่นการพนัน แรกๆก็ทำทีแพ้เพื่อล่อใจให้หลงดีใจ ต่อมาตอนหลังก็เล่นเอาชนะทั้งยังให้ราคาสูงกับเครื่องแต่งตัวเพื่อล่อให้เล่นต่อ เริ่มแรกก็แกล้งแพ้ ภายหลังเขียนสัญญาใช้เงิน พวกเขาเล่นจนบ้านแตกสาแหรกขาดฆ่าตัวตาย พวกที่เล่นแล้วเลิกไม่กลับมาเล่นก็จะถูกขู่กรรโชกเอาชีวิตด้วยวิธีการนี้ ก็ทำให้กำไรมาก ต่อมาภายหลังก็มีอำนาจมืดจะขู่กรรโชก ฉันปฏิเสธการจ่ายเงินก็ถูกตามล่าสังหาร เนื่องจากกลัวอิทธิพลมืดก็เลยย้ายหนี ต่อมาก็ตั้งสำนัก “จินกวง” ใช้ต้มเงิน แกล้งให้หนุ่มคนหนึ่งทำเป็นโง่อยากหาหญิงสาว เที่ยวให้แม่เล้าหรือคุณนายเงินถังช่วยแนะที จะให้ค่าตอบแทนสูงโดยไปหลอกชาวบ้านว่า เจ้าหนุ่มคนนี้มีเงินมากมีเงินเต็มกระเป๋าไปหมด ความจริงแล้วก็มีเงินจริงอยู่แค่2ใบ ปิดอยู่ข้างบนและข้างล่าง ตรงกลางเป็นกระดาษเปล่าบอกับแม่เล้าหรือคุณนายให้มาเล่นการพนันกันมากแล้วก็ต้มเงินพวกคุณนาย พวกคุณนายหลงโลภมากในที่สุด ทั้งแหวน สร้อย เงินทอง ก็ถูกต้มจนเรียบ ตลอดชีวิตเป็นสิบแปดมงกุฏ แม้จะได้เงินมากๆ แต่ก็ใช้ไปกับกินเหล้าเมายา ผลที่สุดก็ไม่เหลืออะไรพออายุ 42 ปี เป็นมะเร็งที่กระเพาะตาย พอตายก็ถูกยมทูตจับลงนรก รับกรรมอยู่นาน เมื่อสามเดือนก่อนค่อยถูกปล่อยมาให้ เกิดเป็นหนู ค่อยมาอยู่ในรังนี้ไม่มีความสบายเลย อยู่กินลับๆล่อๆ เห็นเจ้าแมวคอยเป็นยามจับตาดูความเคลื่อนไหวพวกเรา สามารถสิ้นชีวตอย่างง่ายๆ คิดแล้วถ้าชาติก่อนเป็นคนประพฤติดี ชาตินี้ก็ไม่ต้องเป็นอย่างนี้
    อรหันต์จี้กง ชาติก่อนไม่ชอบทำงานที่เปิดเผย ชาตินี้ก็เลยเกิดในที่มืด ชาติก่อนต้มตุ๋น ชีวิตต้องรบราฆ่าฟัน ชาตินี้ก็มีตาแมวควบคุม ทำให้มีชีวิตที่ร้อนรน ถ้าหากไม่ทำตัวให้ดีชอบทำตัว เช่น หนู สวรรค์ก็กำหนดชีวิตให้อย่างเหมาะสม เกิดเป็นหนูไม่ต้องโทษใคร ต้องโทษตัวเอง
    หยางเซิง ทำไม(คนจีน)ชอบเรียกหนูแก่ไม่เรียกหนูเล็ก
    อรหันต์จี้กง พวกมันแก่วิชา สามารถมากจึงเรียก หนูแก่ชาตินี้เป็นหนูก็ดำเนินชีวิตแบบเก่า-ลักขโมย แต่ไม่มีความสุขสบายเหมือนชาติที่แล้ว พวกหนูที่กินข้าวทิพย์แล้ว พอสิ้นชาติ ก็จะไปเกิดเป็นคน หยางเซิงขึ้นดอกปทุมทิพย์เราไปเยี่ยมหนูนากันเถอะ
    หยางเซิง ให้ไปหาที่ไหนครับ
    อรหันต์จี้กง ชนบนเมืองไถ่นาน ขึ้นดอกบัวเถอะ
    หยางเซิง ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว
    อรหันต์จี้กง พวกเราก็มาถึงหมู่บ้านเจี่ยหลี่ นอกเมืองไถนานตอนนี้จะสอบถามพวกหนูนาที่อาศัยอยู่ในรูดิน ถามทุกข์สุขพวกมันดู
    หยางเซิง พื้นดินค่อนข้างชื้นแฉะ
    อรหันต์จี้กง เพราะน้ำขังตอนฝนตก
    หยางเซิง พวกเราไปหารูหนูที่ไหน
    อรหันต์จี้กง ไม่สนว่าพวกหนูอยู่ที่ไหน ตาทิพย์ย่อมมองเห็น ในกองหินดูเหมือนว่ามีรูหนูอยู่
    หยางเซิง อาจารย์ตาวิเศษ ข้างกองหินมีรูเล็กๆ แต่มองไม่เห็นหนูเลย
    อรหันต์จี้กง ในรูนี้มีหนูอยู่ 2 ตัว กำลังหลบอยู่ที่ชื้นแฉะฉันจะใช้คาถาเรียกมันออกมา “หนูนา พวกเจ้ากินพืชไร่หมดแล้วยังไม่ได้ลิ้มลองรสปลาสด วันนี้ฉันจับปลาสดๆ มาได้ 2 ตัว เอาฝากเป็นของขวัญ รีบออกมารับเสีย ถ้ามิฉะนั้นจะโยนทิ้งก็จะเสียดาย
    หยางเซิง อาจารย์วาดปลา 2 ตัวในฝ่ามือ มันกระโดดโลดเต้นด้วย เอาไปวางไว้ตรงปากรู แต่มีกลิ่นเหม็นคาวจัด ในรูเริ่มมีเสียงอึกทึก เจ้าหนูตัวหนึ่งตาลุกวาว วิ่งออกมา ตามหลังมีหนูอีกตัว พวกมันเป็นปลาสด จ้องดูเหมือนไม่กล้าจับ
    อรหันต์จี้กง เจ้าสองตัวนี้ใจปลาซิว เห็นปลากระโดดได้น้ำลายสอริมปาก แต่จิตใจยังเกรงกลัวไม่กล้าออกมาจับเราล่อมันออกมาแล้ว ฉันคิดว่าแปลงปลาให้เป็นน้ำ โปรยข้าวทิพย์ที่หอมให้มันลองกิน จะได้ไม่ทำให้หนูศีลขาด “น้ำใสเห็นตัวปลา น้ำขุ่นปลาหาย” ข้าวทิพย์อยู่ตรงหน้ากินเสียซิ
    หยางเซิง อาจารย์ท่องคาถา ปลา2ตัวหายวับไปกลายเป็นข้าว 2 กำอยู่หน้ารูหนู กลิ่นหอมยวนจมูก พวกหนูรีบอ้าปากกิน เห็นขนมันเปียกปอน ดูท่าทางจะหิวมาก
    อรหันต์จี้กง ฝนตกติดต่อกันหลายวัน มัวหลบฝนอยู่ในรูไม่ได้ออกหาอาหาร ท้องจะไม่หิวได้อย่างไร รอสักครู่มันก็จะมีวิญญาณเดิมปรากฏ เจ้าก็เริ่มถามไถ่ได้
    หยางเซิง หนู 2 ตัวกินข้าวหมดอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นมันหมอบนิ่ง หยุดคิดชั่วครู่ สั่นเทิ้มไปทั้งตัว ค่อยๆมีพละกำลังขึ้น เริ่มพูดจาได้แล้ว
    หนูนา ก ขอขอบคุณท่านอาจารย์ที่เสกเป่าให้มีวิญญาณเดิม
    อรหันต์จี้กง ฉันคืออรหันต์จี้กง เขาเป็นศิษย์รักของข้าอยู่สำนักเซิ่นเต๋อถัง เมืองไถจง ได้รับบัญชาให้มาทำหนังสือเรื่อง”วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” วันนี้มาหาเราเป็นพิเศษ เมื่อครู่เจ้ากินข้าวทิพย์ ทำให้วิญญาณเก่าระลึกได้ ก็นับว่ามีบุญมากอยู่ หวังว่าจะเล่าเรื่องชาติก่อนให้ฟังว่า ทำบาปอะไรไว้ จงเล่าความจริงให้คุณหยางเซิงฟัง จะได้จดบันทึกลงในหนังสือ จะได้บุญกุศลไม่น้อยอย่าพลาดโอกาสทอง ชาติหน้าจะได้เกิดเป็นคนอีก
    หนูนา ก อย่างนี้เอง ในใจขอขอบคุณอย่างมาก เมือครู่เราสามี-ภรรยาอยู่ในรูได้กลิ่นคาว เพราะว่าฝนตกมาหลายวัน ในรูมีน้ำเข้า เราซ่อนตัวอยู่ข้างใน คิดว่าจะถูกน้ำท่วมตาย โชคดีที่ไม่รุนแรง แต่ก็ถูกเจ้าความหิวทรมาน ได้กลิ่นคาวปลาท้องยิ่งร้องขึ้นใหญ่ ดังนั้นข้าและภรรยาเลยออกมาดูให้รู้แน่ พอพ้นปากรูเห็นปลา 2 ตัวยังเป็นๆอยู่ เราก็ค่อนข้างกลัว ไม่กล้าไปจับปราเดี๋ยวเดียวเจ้าปลา 2 ตัวก็หายวับไป ได้กลิ่นหอมหวลของข้าวอยู่ข้างหน้า อดใจรอไม่ไหวรีบกินกลืนอย่างรวดเร็ว ในชีวิตยังไม่เคยกินข้าวอร่อยๆเช่นนี้มาก่อนเลย พอกินเสร็จก็มืดหน้าตาลายรู้แต่ลมหายใจ แล้วร่างก็ค่อยๆเบาขึ้นมา ทันใดก็คิดถึงอดีตชาติขึ้นมาได้ว่า เกิดเป็นคน พอได้ยินท่านอรหันต์พูดจึงเข้าใจทั้งหมด
    อรหันต์จี้กง พวกเจ้าปกติขโมยกินแต่พืชไร่ดิบๆข้าวของฉันเป็นของทิพย์ ได้ปรุงมาอย่างดีเพื่อให้คนที่ถือศีลกิน ฉะนั้น เมื่อพวกเจ้ากินเข้าไปแล้วก็มีความรู้สึกดังกล่าวรีบเล่าเรื่องของเจ้ามา
    หนูนา ก ชาติที่แล้ว เราสองสามี-ภรรยาได้ประกอบอาชีพสกปรก ชำนาญในการหลอกลวงหญิงชาวบ้าน ซึ่งเป็นเด็กสาวแล้วก็บังคับขายกาม ภรรยาฉันก็เป็นหญิงส่ำส่อนมาก่อน ฉันก็เป็นคนชอบกินดีอยู่ดีแต่ขี้เกียจทำงาน ความโสมมของทั้งสองจึงอยู่ด้วยกันได้ ช่วยกันตั้งสำนักนางโลม ก่อกรรมทำเข็ญเอาไว้มาก ต่อมาใช้ชื่อปลอมตั้งแชร์ แล้วก็ล้มแชร์หนีไป ใจก็กลัวเขาจะจับได้จึงเที่ยวซ่อนตัวอยู่ทั่วไป เงินไม่บริสุทธิ์อยู่ได้ไม่นาน โรคภัยเริ่มเล่นงาน ทำให้เดินเหินไม่ได้ ภรรยาฉันก็เป็นกามโรคอันเนื่องจากขายของเก่า เงินที่หามาได้ก็ใช้หมดไปกับยาและการรักษา ทรมานแสนสาหัส เจ็บจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ ภรรยาก็เจ็บหนักไม่สามารถขายของเก่าได้ จิตใจ เนื้อกายเจ็บปวดไปหมด อยู่มาวันหนึ่งก็เลยดื่มยาพิษตายด้วยกัน ซากศพอยู่ในบ้านเล็กๆหลังหนึ่ง ตายแล้วร่วม 10 วัน ซากศพเน่าเปื่อยแล้วถึงมีคนรุ้เห็น ก็ถูกนำไปฝังส่งๆ ตลอดชีวิตสามี-ภรรยา ก่อกรรมทำเข็ญให้ผู้อื่นไว้มากประกอบอาชีพสกปรก หลอกลวงต้มตุ๋มเงินทอง จึงได้รับกรรมสนองอย่างนี้ ทรมานแสนสาหัส พอตายแล้วก็ลงนรก ถูกลงโทษต่างๆนาๆ เราได้เกิดเป็นหนูนา 3 ครั้งแล้ว มีชีวิตอยู่ในรูมืดที่ไร้แสงตะวัน บางครั้งยังถูกงูพิษทำร้าย หรือไม่ก็ถูกน้ำท่วมบ้านวันธรรมดาก็เที่ยวขโมยถั่ว อ้อย ผัก กินไปวันๆ ชีวิตลำเค็ญ ชีวิตในโลกมนุษย์สุขสบาย ควรจะถนอนตัว ถ้าตกนรกจะทุกข์เหลือหลาย ถ้าไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ยิ่งแย่ลงไปใหญ่ ได้แต่เที่ยวขโมยเขากิน ถ้าไม่ระวังก็กินถูกยาเบื่อ ตายลูกเดียว ชีวิตไม่มีหลักประกัน ตอนมีชีวิตสุรุ่ยสุร่ายอาหารการกินเหลือเฟือ เมื่อเทียบกันแล้วแตกต่างกัน ราวฟ้ากับดิน
    อรหันต์จี้กง หนูเป็นภัยกับสังคม หนูนาก็เป็นภัยเกษตรกร มีคำกล่าวว่า “หนูนาวิ่งข้ามถนน ใครๆก็ร้องให้ตี”ใครสอนให้เจ้าไม่ทำดีชาติก่อน จึงได้รับกรรมตอบสนองอย่างนี้ต้องโทษตนเอง โชคดีที่เจ้ากินข้าวทิพย์ ชาติหน้าจะได้เกิดเป็นคนใหม่ ดำรงชีวิตที่สุจริต อย่าประกอบกรรมชั่ว จะได้ไม่ต้องมาอยู่ในรูดินแบบนี้
    หนูนา ข ขอขอบคุณ ท่านอรหันต์และท่านหยางเซิงวันนี้ได้มาโปรดเราสองคน ยังสั่งสอนด้วยปิยวาจา ทุกๆคำจะจดจำไว้ ชาติหน้าจะทำบุญไหว้พระ จะตอบสนองคุณท่านทั้งหลาย
    อรหันต์จี้กง รู้สำนีกผิด ขอให้ละกิเลสกลับสู่สุจริตธรรมจะได้จากร่างหนูสู่สภาพชนอีกครั้ง ถึงเวลาฉันจะมาช่วยเธอเอง
    หยางเซิง ทำไมคนใจไม่กล้า จึงถูกเรียกว่า ใจปลาซิว ดังใจหนู
    อรหันต์จี้กง เพราะว่าชาติก่อนพวกหนูมีใจกล้าเหิมเกริมเลวทราม พอถูกยมบาลลงโทษกลับกลายเป็นหัวขโมยเล็กขโมยน้อยพอเห็นคนหรือแมวก็กลัวลาน หลบซ่อน เป็นการทำลายจิตกล้าแข็งของซาติก่อน จิตใจเลยเล็กดังปลาซิว สวรรค์ก็ลงโทษเลยเรียกว่าใจปลาซิวดังใจหนู วันนี้หยุดการเยี่ยมเยือน รีบขึ้นปทุมทิพย์ กลับสำนักกัน
    หยางเซิง รับบัญชา ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์กลับได้
    อรหันต์จี้กง ถึงสำนักเซินเต๋อถังแล้ว หยางเซิงลงมาได้วิญญาณกลับเข้าร่างเดิม

    ครั้งที่11 เกิดเป็นโคนมโคเนื้อแตกต่างกัน ต่างก็สละร่างเพื่อชดใช้กรรม
    อรหันต์จี้กงเสด็จลงประทับทรง วันที่ 14 ก.ย.2524 ฤดูใบไม้ร่วงมาถึงแล้ว รู้สึกเย็นซ่าน พวกท่านส่วนใหญ่ต้องสรวมเสื้อผ้าเพิ่มขึ้น พอลมหนาวมาถึง ก็ใส่ขนสัตว์ คนเราต้องอาศัยขนแกะหนังวัวมาเสริมให้อบอุ่น หรือเป็นเพราะว่ามนุษย์มีความต้านทานความหนาวด้อยกว่าแกะแพะ หรือร่างกายมนุษย์นั้นเย็นเฉียบ ไม่มีปัญญาแผ่ความอบอุ่นของจิตใจหรือวันนี้จะพานายหยางเซิงออกไปสำรวจให้แน่อีกที
    หยางเซิง ผมนั่งเรียบร้อยบนปทุมทิพย์แล้ว ขอเชิญอาจารย์ออกเดินทางได้
    อรหันต์จี้กง ถึงที่หมายแล้ว
    หยางเซิง อาจารย์ครับ วันนี้นำมาที่นี่ ได้กลิ่นเหม็นคาวคละคุ้งไปทั่วทั้งข้างในและนอกห้อง บนพื้นมีของชิ้นโตๆ กองอยู่พวกนี้เป็นอะไรครับ
    อรหันต์จี้กง ที่นี่เป็นโรงฟอกหนังสัตว์ เมื่อวัวถูกฆ่าตายแล้ว หนังจะถูกนำมาที่นี่ นำมาฟอกเป็นหนังสำหรับทำรองเท้าเสื้อผ้า กระเป๋า เข็มขัด หมวก ต่างๆให้คนใช้
    หยางเซิง ทำไมหนังวัวจึงมีคุณค่ามากนัก
    อรหันต์จี้กง ทำไมผิวหนังคนยังต้องเสริมผิวหนังวัวเพื่อป้องกันอีกเล่า
    อรหันต์จี้กง หนังวัวมันก็เปลี่ยนแปลงมาจากหนังคน ไม่เชื่อจะพาไปดู เราไปที่โรงฆ่าสัตว์แล้วจะรู้เอง
    หยางเซิง ดีครับ
    อรหันต์จี้กง ขึ้นนั่งบนปทุมทิพย์ จะพาไปโรงฆ่าสัตว์ของเมืองไทเป เพราะไม่ไกลกันนัก มาถึงแล้ว
    หยางเซิง ได้กลิ่นคาวเลือดโชยมา อยากจะอาเจียน เห็นที่นี่ขังวัวไว้หลายตัว คงกำลังจะนำไปฆ่ากระมัง
    อรหันต์จี้กง ใช่แล้ว พวกวัวเหล่านี้กำลังรอโทษทัณฑ์
    หยางเซิง ดูเหมือนเป็นโคเนื้อ
    อรหันต์จี้กง มันเป็นโคเนื้อที่ถูกเลี้ยงเอาไว้กินเนื้อ เดี่ยวฉันจะเสกมัน เธอจะได้คุยได้ “เจ้าโคเนื้อ เจ้าโคเนื้อ” อยู่ที่นี้เป็นทุกข์เป็นร้อน รอคอยการประหาร น้ำตาไหลริน โครสอนให้พวกเจ้าฆ่าไม่หยุดหย่อน ใครบอกให้ทำหน้าด้าน ไม่รู้ทำนองคลองธรรม ชาตินี้เกิดเป็นวัว ต้องสละเนื้อให้เขากิน เนื้อหนึ่งชั่งก็ใช้หนึ่งชั่ง แทงมีดหนึ่งครั้งก็ถูกแทงหนึ่งครั้ง ได้โอกาสแล้ว อรหันต์จี้กงจะเป่าคาถาให้ รีบเล่าเรื่องชาติก่อนให้ฟัง เป็นการเตือนสติชาวโลก
    หยางเซิง ฉันเป็นคนทรงสำนักเซินเต๋อถัง แห่งเมืองไถจง วันนี้ได้รับคำบัญชาให้มากับอาจารย์ มาแต่งหนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” ขอให้เธอพูดความจริงจะได้เป็นสาระในการแต่งหนังสือเตือนสติชาวโลก
    วัว ก เมื่อครู่ได้รับการเจิมของท่านอรหันต์จี้กง รู้สึกตื่นขึ้นทันที หวลคิดถึงอดีตชาติ ไม่กล้าที่จะกลับไปทำอีก ชาติก่อนผมเกิดในตระกูลมั่งมี เยาว์วัยถูกพ่อแม่ตามใจจนเสีย ใช้จ่ายสุลุ่ยสุร่าย กินเหล้าเมายา อีกทั้งติดการพนัน ใช้จ่ายเกินตัว ทำให้พ่อแม่ไม่พอใจ ด่าว่าด้วยถ้อยคำที่ต่ำทราม ผมโกรธขึ้นมาเลยหนีออกจากบ้านไปมั่วสุมอยู่กับคนเลว เพียรปล้นจี้เขากิน วันหนึ่งขณะกำลังจี้คนเดินถนน เจ้าทรัพย์แหกปากร้องขอความช่วยเหลือ ผมใจร้อนเลยชักมีคแหลมออกมาแทงเขาที่อกสามที แล้วรีบฉกเงินหนีไป เจ้าทรัพย์บาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาล ระหว่างทางทนพิษบาดแผลไม่ไหวก็ขาดใจตาย ฉันแย่งทรัพย์มาได้รู้สึกดีใจแต่ก็กลัวมาก เลยเข้าบ้านกินเหล้าให้สบายใจ เพราะความกลัวเลยใช้เหล้าช่วย เงินที่ได้ก็นำไปซ่อนไว้ที่บ้านเพื่อนผู้หญิง ต่อมาวันหนึ่งอยู่ในบ่อนการพนัน ทำอวดใหญ่โต พูดว่าการจี้ปล้นเป็นเรื่องธรรมดา ด้วยคำพูดนี้มีคนไปบอกตำรวจ ในที่สุดถูกตำรวจจับได้ ถูกดำเนินคดีจนถึงขั้นลงโทษประหารชีวิต ในคดีจี้ปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์ พอตายลงยมทูตหน้าขาว-ดำจับลงนรก ถูกลงโทษแสนสาหัส หลีกเลี่ยงไม่ได้หลังจากพ้นจากขุมนรกต้องไปเกิดเป็นวัว 3 ชาติ ชาตินี้เป็นชาติที่2เพราะบ้านเจ้าทุกข์ชอบรับประทานเนื้อ พอฉันถูกฆ่าแล้ว เนื้อถูกนำไปขายที่ตลาด บ้านเจ้าทุกข์ก็จะซื้อหามารับประทาน เพราะไปฆ่าเขาจึงต้องใช้หนี้ด้วยการสละเนื้อ
    หยางเซิง กรรมเวรหนีไม่พ้นเท่าที่พูดมา เอาเนื้อเจ้าไปใช้เขา แต่ทว่าพวกเขากินเนื้อมีขีดจำกัด วัวตัวหนึ่งมากมายเช่นนี้พวกคนอื่นก็ยังซื้อไปกิน แล้วจะมีเวรกรรมอะไรกับเขาเหล่านั้น
    วัว ก เจ้ากรรมนายเวรบ้านเดียวกินเนื้อผมไม่หมด ก็เหมือนเราทำลายคนคนเดียว แต่ชาวบ้านหลายคนเจ็บใจและเจ็บแค้นแทน พวกเขาโกรธในการกระทำของผม คบเคี่ยวเคี้ยวฟัน อยากจะกินเลือดกินเนื้อผม ดังนั้น พวกเขาจึงช่วยกันซื้เนื้อไปกินกันเอร็ดอร่อยอย่างนี้ค่อยหายแค้นแทนเจ้าทุกข์
    หยางเซิง ถ้าเข่นนั้น พวกกินเนื้อพวกนั้นก็ช่วยลดโทษให้เธอ ไม่เพียงมีบาปยังได้กุศล
    อรหันต์จี้กง ถ้าแบบนี้ มิใช่เป็นการแชร์ชาวบ้านฆ่าสัตว์ตัดชีวิตหรือ ที่จริงพวกถือศีลไม่กินเนื้อสัตว์ ก็เพื่ออโหสิกรรมให้กับสัตว์วิธีหนึ่ง ยิ่งมีใจเมตตากรุณาเป็นเพื่อนที่ดี พวกถือศีลไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่รับเนื้อ สวดมนต์ไหว้พระทุกๆ วัน แผ่ส่วนกุศลไปยังสัตว์เดรัจฉานจะได้ลดโทษลง ด้วยวิธีนี้ชีวิตของสัตว์ก็ได้รับความช่วยเหลือจากผู้ถือศีล ไม่เพียงแต่ลดโทษยังได้บรรลุธรรมอีกด้วย สามารถพ้นจากทุกข์ทรมานได้เร็วขึ้น ทำไมต้องกินเนื้อที่มีบาป โดยไม่คาดคิด เราก็ไปแปดเปื้อนบาปด้วย ยังทำให้บุญกุศลที่มีอยู่ลดน้อยลงไป ไม่มีทางได้กินฟรีหรอก กินเนื้อไปชิ้นหนึ่งต้องจ่ายบุญกุศลไปส่วนหนึ่ง มีคำกล่าวว่า “เอาเปรียบคนอื่นไปส่วนหนึ่งก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนไปส่วนหนึ่ง” อันนี้ยุติธรรมดี เพราะฉะนั้นกินเจ กินเนื้อ แล้วแต่คนเลือกเอา พวกกินพืชผัก ซึ่งได้รับพลังจากแสงอาทิตย์ กินแล้วไม่ต้องสุญเสียบุญกุศล ถ้ากินเนื้อ เพราะสัตว์มีวิญญาญ พวกมันอุทิศร่างกายให้เราสามมื้อ เธอกินเนื้อเขา เธอก็ต้องอุทิศกุศลไปให้เขา เพื่อคนจะได้พ้นโทษ อันนี้เป็นทางยุติธรรมที่สุด กินเนื้อเขาแล้วก็ต้องชดใช้เงินเป็นไปได้หรือ สัตว์ถูกแยกร่าง ถ้ามันพูดได้ มันคงต้องฆ่าเธอแน่ๆ
    หยางเซิง เนื้อสัตว์ไม่แพง ใครๆ ก็ซื้อกินได้
    อรหันต์จี้กง ทุกๆคนที่กินเนื้อ การแผ่ส่วนกุศลก็เป็นหน้าที่ของทุกๆคน อันนี้ง่ายมาก
    อรหันต์จี้กง ทุกๆคนที่กินเนื้อ การแผ่ส่วนกุศลก็เป็นหน้าที่ของทุกๆคน อันนี้ง่ายมาก
    หยางเซิง อาจารย์พูดมีเหตุผล อยากถามวัวอีกตัวดู เธอกลับเกิดเป็นวัว รู้สึกนึกคิดอย่างไร
    วัว ข โคเนื้อยังโทษไม่หนัก ไม่เหมือนวัวใช้งาน ต้องลากไถ ตากแดดกรำฝน ถูกตี ถูกด่า แต่สามารถมีชีวิตอยู่ได้หลายปีไม่ใช่เพียงปีเดียวก็ตายแล้ว
    อรหันต์จี้กง วัวก็ยังอยากมีชีวิตยืนยาว แต่สวรรค์นั้นยุติธรรมต่อพวกเธอ พวกที่ไม่ต้องทำงานก็ต้องอุทิศเนื้อให้ชาวโลกกิน
    วัว ข ท่านอรหันต์พูดให้สบายใจ กรุณาสงสารดัวยเถิด
    อรหันต์จี้กง ฉันกินเจมานาน ยังไงก็ไม่กินเนื้อเจ้าหรอกไม่ต้องกลัว
    วัว ข ถ้าหากท่านอรหันต์จะกินเนื้อผม ก็จะโชคดีล่ะ ถ้าหากกินเนื้อผม ผมก็จะได้เกาะตัวท่านเอาไว้ จะได้ขึ้นสวรรค์ไปกับท่าน ถ้าให้คนธรรมดากินแล้ว ถ้าหากเขาไม่มีบุญกุศล คิดจะอุทิศสักนิดให้ผมยังไม่ได้เลย
    อรหันต์จี้กง เจริญพร เธอมีจิตกุศลดี ฉันจะถอนขนเธอ จะได้แผ่กุศลให้เธอ จะได้ให้วิญญาณกลับสู่สภาพเดิมในเร็ววัน
    วัว ข กัดฟันทนสู้ อยากได้กุศล ก็ต้องอดทน
    อรหันต์จี้กง ก็ได้ ถอนขนขึ้นมาหลายเส้น แผ่กุศลให้เธอร้อยเท่า
    หยางเซิง ชาวบ้านพูดว่า “มากอย่างขนวัว”คำนี้มีความหมายว่าอย่างไร
    อรหันต์จี้กง หมายความว่าไร้คุณค่า หยางเซิง สัมภาษณ์ต่อเถอะ
    วัว ข ชาติก่อนมีนิสัยเจ้าชู้ ตอนเรียนหนังสือชอบจับมือต้องแขนเพื่อนนักเรียนหญิง แล้วยังทำบัดสีเถลิงต่อผู้หญิงที่เดินผ่านไป บางครั้งก็ลวนลามไม่เกรงกลัวสายตาชาวบ้าน เพราะว่า แม่เสียตั้งแต่ยังเล็ก พ่อก็แต่งงานใหม่ เมียใหม่มีนิสัยเจ้าชู้ ตอนผมเรียนอยู่มัธยมปลาย รูปร่างก็เติบโตสูงใหญ่ แม่เลี้ยงทำเป็นเอาออกเอาใจคอยอยู่ใกล้ชิดเสมอ วันหนึ่งพ่อผมออกไปธุระไกลบ้านไม่กลับ แม่เลี้ยงถือโอกาสสมสู่กับผม ผมเองนิสัยก็เจ้าชู้อยู่แล้ว ใจก็คิดเอาไว้แล้ว คิดว่าแม่เลี้ยงไม่ใช่แม่ผู้ให้กำเนิด เมื่ออยู่ใกล้ก็ทำผิดทำนองคลองธรรมเนื่องจากตัณหาราคะมีมาก ต่อมาภายหลังพ่อจับผมได้ โกรธเป็นการใหญ่แต่ผมก็แสดงความเสียใจต่อหน้า แท้จริงก็ไม่ยึดถือทำนองคลองธรรม ยังแอบสมสู่กับแม่เลี้ยงมาตลอด เมื่อตายลงวิญญาณตกลงนรกเนื่องจากนิสัยเจ้าซู้ข่มขืนหญิงชาวบ้าน ประพฤติผิดศีลธรรมร่วมประเวณีกับแม่เลี้ยง ยมบาลลงโทษสถานหนัก ภายหลังพ้นโทษ ถูกให้มาเกิดเป็นไก่ 2 ชาติ เป็นวัว 2 ชาติ ตอนนี้เป็นวัวชาติเดียว คิดถึงตอนเป็นคน ไม่อยู่ในศีลธรรมเลยต้องเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานรู้สึกเสียใจ
    อรหันต์จี้กง เธอมันหนังหนาไม่มียางอาย ทำผิดทำนองคลองธรรม ตอนนี้ขนขึ้นเต็มตัว เหมือนคนป่าที่ไร้การศึกษาคราวนี้เกิดเป็นวัวแล้วหนังก็ยังต้องให้เขาเอาไปทำรองเท้า ให้เขาย่ำยีจะได้ลดบาปลง
    วัว ข ได้โปรดช่วยให้ผมได้เกิดเป็นคนด้วยเถิด ชาติหน้าเป็นคนจะรักษาศีลประพฤติตนเป็นคนดี ไม่ให้ผิดพลาดแม้แต่น้อย
    อรหันต์จี้กง เธอเล่าเรื่องชาติก่อนด้วยความเป็นจริง ก็มีบุญกุศล จะให้เธอเกิดเป็นคนชาติหน้า โชคดีที่ตอนนี้มีการโปรคสัตว์ทั้งสามโลก เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานมีทุกข์อยู่มาก อาศัยทำหนังสือ”วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” เป็นเครื่องเตือนสติชาวโลก อาศัยบุญอันนี้โปรดสัตว์จากกองทุกข์ ถ้าหากชาวโลกประพฤติตนเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน หรือฆ่าสัตว์ไว้มาก หรือสร้างเวรกรรมไว้มาก ถ้าได้พิมพ์หนังสือนี้เพื่อเตือนสติชาวบ้านก็จะได้บุญกุศลจะได้แผ่ส่วนบุญไปให้พวกสัตว์บ้าง เวรกรรมก็จะได้ลดน้อยลง เหมือนในโรงฆ่าสัตว์ที่ติดตั้งที่เซ่นไหว้วิญญาณสัตว์พอได้ฤกษ์ก็จัดพิธีเซ่นไหว้ เหตุผลก็อันเดียวกัน พวกที่ฆ่าสัตว์ก็ต้องทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ พวกที่กินเนื้อสัตว์ก็เช่นเดียวกัน พวกเราเปลี่ยนสถานที่สอบสวนดีกว่า ไป สัมภาษณ์โคนมให้เรื่องทางบาปชาติก่อน
    หยางเซิง ขอรับ ผมขึ้นนั่งบนดอกปทุมทิพย์แล้ว
    อรหันต์จี้กง ถึงที่หมายแล้ว
    หยางเซิง ที่นี่ที่ไหนครับ ข้างในมีโคนมเสี้ยงไว้เยอะ
    อรหันต์จี้กง ที่นี่คือ ที่ปลูกสร้างขึ้นใหม่นอกเมืองไทเป เอาไว้เลี้ยงโคนม
    หยางเซิง ใช้วิธีอะไรไปสัมภาษณ์
    อรหันต์จี้กง ให้ฉันเจิมมันก่อน “เจ้าโคนม เจ้าโคนมแบกถุงนม ให้ชาวบ้านดื่มกิน บุญกุศลไหลหลั่ง รีบๆตื่น รีบเล่าสาเหตุออกมา
    หยางเซิง อาจารย์เจิมให้มัน มันเริ่มอ้าปากพูดแล้ว
    วัว ค ท่านสองคนเป็นใคร วันนี้ทำไมมารบกวนพวกเรา
    อรหันต์จี้กง ฉันคือ อรหันต์จี้กง เขาคือคนทรงเมืองไถจง สำนักเซิ่นเต๋อถัง เราศิษย์อาจารย์ได้รับบัญชาจากสวรรค์มาทำหนังสือ”วงเวียนกรรมของสัตว์เดรัจฉาน”
    วัว ค ที่แท้ก็คือท่านอรหันต์จี้กงที่เจิมให้ฉัน ถึงได้ระลึกถึงชาติก่อนได้อย่างฉับพลัน ฉันจะตั้งใจทำความดีเพื่อชดเชย ฉันยินดีเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชาติก่อนให้ชาวโลกฟัง ฉันชาตที่แล้วเกิดในอเมริกาเป็นนักเต้นระบำเปลื้อยงผ้า เนื่องจากรูปร่างหน้าตาดีหุ่นดี เปลี้องเสื้อผ้าให้ชาวบ้านชมเปลือยออกและของสงวนให้แขกชมพวกแขกต่างชมแล้วตาค้างปากเปรี้ยว ตบมือดีใจใหญ่ ต่อมก็คบหากับคนมีเงินขายตัว ทำอยู่แบบนี้จนกระทั้งอายุได้45ปี ค่อยเปลี่ยนอาชีพมาขายเพชรพลอย แต่ก็ใช้ชีวิตอย่างสุรุ่ยสุร่าย หาความสำราญไปเรื่อย เที่ยวนอนกับคนอื่น ชีวิตส่ำส่อน พอตายลงวิญญาณตกนรกรับโทษกรรมแล้วค่อยกลับชาติมาเกิดเป็นวัว อันนี้คือชีวิตชาติก่อน
    หยางเซิง เธอทำไมกลับชาติมาเกิดเป็นโคนมล่ะ ทำไมไม่ไปเกิดเป็นสัตว์ประเภทอื่น
    วัว ค เพราะว่าฉันชาติก่อนชอบเปลือยออกและของสงวนการกลับเกิดเป็นโคนมมีน้ำนมเต็มแล้วเต่งตึง ส่วนของสงวนก็เปิดเผยออกหมด ทั้งชาติก่อนฉันรักสวยรักงาม มีเต้านมสวยงามไว้ให้ชายยำเล่นปลุกอารมณ์ ไม่ยอมให้เด็กทารกได้ดื่มกินนม ดังนั้นการเกิดเป็นโคนมก็เพื่ออุทิศน้ำนมของตน ให้กับทารกชาวบ้านได้ดื่มกินหรือไม่ก็ทำให้นมผงเพื่อชาวบ้านได้บริโภค สิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากกรรมเก่าที่ได้สร้างเอาไว้
    หยางเซิง การกลับชาติมาเกิดด้วยลักษณะนี้ สมเหตุผลที่เกี่ยวกับความสนุกชาติก่อน เป็นกำหนดกฏเกณฑ์ของผู้สร้าง ช่างอัศจรรย์ยิ่งนัก เธอเกิดเป็นโคนมนั้นมีความรู้สึกอย่างไร
    วัว ค ฉันรู้สึกสำนึกผิดที่ประกอบกิจการอย่างนั้นเมื่อชาติก่อน เพราะเปลือยกายบำเรอความสุขสู่ผู้ชม ทำให้พวกผู้ชายจิตใจหว้าวุ่นคิดแต่กามราคะ ก่ออาชญากรรมข่มขืน ซึ่งเป็นอาชีพทีละเมิดศีลธรรม ย่อมมีเวรกรรม โคนมกินอาหารบำรุงเลี้ยงเพื่อผลผลิตน้ำนมเจ้าของโคก็รีดน้ำนมไปขาย ฉันเองไม่ได้รับผมตอบแทนอะไร เมื่อเต้านมคัด ถ้าน้ำนมไม่ถูกรีดออกฉันก็รู้สึกไม่สบาย เมื่อนมถูกรีดออกไป ก็ค่อยรู้สึกสบาย แต่ฉันก็แก่ชราไปทุกๆ วัน เต้านมฝ่อลงไม่สามารถจะผลิตน้ำนมออกมาได้อีก ก็จะถูกชายไปเข้าโรงฆ่าสัตว์เพื่อให้เนื้อแก่ผู้บริโภค ฉันได้ทำงานแต่ไม่ได้รับค่าตอบแทน อย่างนี้ไม่ใช่เป็นการทรมานหรอกหรือ
    อรหันต์จี้กง เจ้าของใกล้ตัวเจ้าเสมอ เธอถูกเขารีดนม ทุกๆวัน อย่างนี้มิใช่เป็นสิ่งต้องการของเธอเมื่อชาติก่อนหรอกหรือถึงแม้วิทยาการก้าวหน้ามีเครื่องรีดนม แต่ก็ได้รับการลูบคลำของเจ้าของมิใช่หรือ
    หยางเซิง ขอถามวัวอีกตัวว่าชาติที่แล้วก่อกรรมอะไรไว้
    วัว ง ได้ฟังเพื่อนๆ ได้เล่าเรื่องราวชาตที่แล้ว รู้สึกอายสุดขีด ฉันเองก็เช่นเดียวกันอยู่ในกลุ่มคาวโลกีย์ ได้อยู่ในวงดนตรีวงหนึ่ง มีการแสดงระบบเปลื้องผ้า และเนื่องจากการจับกุมของตำรวจกวดขันมาก ได้แต่หลบๆซ่อนๆ ต่อมาภายหนังได้ไปทำงานในบาร์ใต้ดิน เปลือยกายรินเหล้านั่งอยู่ข้างแขกที่มาหยอกล้อจับเล่น และเพราะเคยอยู่กับพ่อค้าหลายคน ทำให้ครอบครัวเขาแตกร้าว ก่อกรรมทำเข็ญมากมายฉันเกิดตายลงอย่างกระทันหัน พอตายไปก็ถูกพิพากษาให้มาเกิดเป็นโคนม ทุกๆวันต้องพยุงเต้านมที่หนักอื้ง แม้ว่าเจ้าของจะรีดนมไปแล้วก็ตาม มีความสบายชั่วไม่นาน เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นรู้สึกสูญเปล่า แต่ก็เศร้าเสียใจไม่หาย
    อรหันต์จี้กง อันนี้เป็นอาชีพประจำ ชาติก่อนอาศัยเต้านมคู่นี้เป็น “ต้นทุน” หาเงิน ชาตินี้ก็เช่นเดียวกันก็อาศัย “ต้นทุน”นี้ให้เจ้าของหาเงิน อันนี้เป็นกรรมแห่งกรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง
    หยางเซิง พวกเขาอุทิศนมสดให้กับมนุษย์ นมสดใช้เลี้ยงทารกน่าจะมีบุญคุณบ้าง
    อรหันต์จี้กง พวกเขากำลังทำงานเพื่อชดเชยที่ผ่านมาชาตินี้ได้เลี้ยงดูชาวโลก ทำบุญเพื่อชดเชย ดังนั้นชาวโลกอย่าได้ดูแคลน พวกเขามีพระคุณต่อทารกในการดำรงชีพ ดังได้กล่าวมาเมื่อครู่ มันเป็นกฎแห่งกรรมเท่านั้น
    หยางเซิง ปัจจุบันนี้ ทารกส่วนโหญ่ไม่ได้กินนมคนแต่กินนมวัว อันนี้จากเหตุผลอะไร
    อรหันต์จี้กง หญิงปัจจุบันรักตัวเองเกรงว่าถ้าให้กินแล้ว รูปร่างจะไม่สวยงาม ดังนั้นจึงใช้นมวัวเลี้ยงแทน โชดดีขึ้นอีกหน่อยที่ว่าจะได้มีคนกลับไปเกิดเป็นโคนมมากขึ้นอีก จะได้เพียงพอกับความต้องการของชาวโลก
    หยางเซิง โคนมที่พูดถึงเมื่อครู่นี้ก็เป็นผู้หญิงกลับชาติมาเกิดทั้งนั้นหรอกหรือ
    อรหันต์จี้กง ส่วนใหญ่ใช่ พวกผู้หญิงที่ชอบโชว์นมและของสงวน พวกแสดงระบำเปลือยหรือแสดงหนังลามกทำลาศีลธรรมโน้มน้าวคนให้หลงตัณหาราคะ และก็พวกที่ไม่ชอบเลี้ยงลูกด้วยนมก็ต้องเวียนเกิดเป็นโคนม
    หยางเซิง เด็กชาวโลกตั้งแต่เล็กจนโต ถูกเลี้ยงดูด้วยนมโคจนเติบโต นิสัยเหมือนวัวควายไม่มีกตัญญูกตเวทีตกตเวทีตา ต่อผู้บังเกิดเกล้า จะมีการแก้ไขได้อย่างไร
    อรหันต์จี้กง สภาพของโลกเปลี่ยนแปลงไป การกตัญญูกตเวทิตาของทุกประเทศนับวันจะจมหายไป ยิ่งเกี่ยวกับการบริโภคนมโคแล้วมีผลมาก ด้วยเหตุฉะนี้อยากจะเตือนสติผู้เป็นแม่ทั้งหลายทางที่ดีเลี้ยงลูกด้วยนมของตนเอง อันนี้สามารถสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกได้ เนื่องจากนมแม่ก็มีอุปนิสัยคนอยู่ นมโคก็ย่อมมีอุปนิสัยโคอยู่ จากอดีตถึงปัจจุบัน ความกตัญญูกตเวทิตาได้ห่างไกลกันมาก สิ่งเหล่านี้มีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง ขอให้คุณแม่ในโลกนี้ควรรู้ สวรรค์ทรงสร้างเต้านมเพื่อให้มีการเลี้ยงดูบุตรสืบทอดสกุลมิใช่สร้างเต้านมเพื่อเป็นการค้า นึกอยากค้าก็ค้า นั่นไม่เพียงแต่ไร้ศีลธรรมเท่านั้น ยังละเมิดต่อจิตสวรรค์ โปรดให้นมเลี้ยงดูทารก มิใช่ได้ค้าขาย ยังเป็นการสร้างเสริมความรักของแม่ที่ดีต่อลูกด้วยวันนี้เราพอแค่นี้กันก่อน หยางเซิงขึ้นปทุมทิพย์
    หยางเซิง ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์กลับสำนักเถิด
    อรหันต์จี้กง ถึงเซินเต๋อถังแล้ว หยางเซิงลงมาได้ วิญญาณกลับเข้าร่างเดิม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2016
  5. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,985
    ค่าพลัง:
    +1,223
    ครั้งที่12 สัตว์เดรัจฉานมีจิตวิญญาณดุจเดียวกับมนุษย์ขนแกะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นควรนึกถึงบุญคุณมันอรหันต์จี้กงเสด็จประทับทรง วันที่ 9 ตุลาคม 2524
    อรหันต์จี้กง เปรียบเที่ยบชีวิตคนกับชีวิตสัตว์ พูดได้ว่า เหมือนฟ้ากับดิน ถึงแม้ว่าวิทยาการก้าวหน้า ความเป็นอยู่ของประชาชนยกระดับขึ้น สัตว์ได้รับการเอาใจใส่จากมนุษย์มากขึ้น เช่น สุนัขพันธุ์ต่างๆ ได้รับการเลี้ยงดูจากผู้มีเงิน ชีวิตความเป็นอยู่เมื่อเทียบกับคนบางคนแล้วดีกว่าหลายเท่า แต่ถ้าดูส่วนใหญ่ สัตว์ก็ยังต่ำกว่าคน ต้องถูกคนควบคุม การตายของคนยังมีมนุษย์ธรรมแต่การตายของสัตว์ส่วนมากถูกนำไปฆ่าเพื่อเอาเนื้อมาบริโภค คือจุดเหนือกว่าของมนุษย์ที่มีต่อสัตว์ ดังนั้นจึงหวังว่าชาวโลกจะรักษาความเป็นมนุษย์เอาไว้ อย่าได้เดินสู่ความตกต่ำเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน ซึ่งได้รับโทษกรรม บางครั้งก็ต้องทำงานหนัก ถูกเฆี่ยนตีฆ่าฟันถึงแก่ชีวิต ผู้ที่ได้รับโทษกรรมเนื่องจากไม่ประพฤติตนเยี่ยงดุจสัตว์เดรัจฉาน ดังนั้น จึงไม่มีโอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์ ตั้งแต่แต่งหนังสือ “วงเวียนกรรมของสัตว์เดรัจฉาน” มานี้ ผู้ที่ได้อ่านก็ได้ลดการกระทำผิดลง
    คนบาปอ่านแล้วก็ตกใจกลัว ส่วนคนดีก็เพิ่มความระมัดระวัง ไม่ให้ก้าวลงไปทางชั่ว หนังสือนี้เตือนสติปลุกให้ตื่นจากภวังค์ ชาวโลกอย่าได้เห็นหนังสือนี้กล่าวอย่างไร้สาระ
    หยางเซิง มีคนที่สงสัยเรื่องวงเวียนกรรมของสัตว์เดรัจฉานมิใช่เป็นคนแน่ จะพูดจาสาสะกับคนได้อย่างไร เขาคิดแต่เพียงว่าสัตว์เดรัจฉานเป็นเพียงเนื้อที่เดินได้เท่านั้น จะมีวิญญาณได้อย่างไร อย่างเช่นพวกเราที่เที่ยวสัมภาษณ์สัตว์แต่งหนังสือนี้ ก็คิดว่าเป็นเรื่องพูดเล่น
    อรหันต์จี้กง ชาวโลกรู้น้อยไปแล้ว ในสมัยโบราณมีกรง-เจี้ยบที่สามารถรู้ภาษานกได้ สามารถพูดคุยกับนกได้ นายจงจื่อฉี่ฟังเสียงพิณของนายเป๋อหยา ก็เข้าใจความในใจของเขาได้ถูกยกย่องว่าเป็นผู้หยั่งรู้เสียงได้ ยังมีอีก นกกระยางของเทวดาทางทิศใต้สามารถเข้าใจภาษาของเทวดาได้ ท่านจอมพลหยางมีสุนัขตัวหนึ่งสามารถเข้าใจภาษาเทวดาได้ เจ้าแม่กวนอิมที่ทรงมังกร ท่านเทวดาเทียนสือทรงเสือ ท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ใต้เท้ามีเต่าและงูเป็นขุนพล ล้วนแล้วแต่เป็นสัตว์ที่อยู่ด้วยกันกับเทพเจ้า สิ่งเหล่านี้เป็นหลักฐานยืนยันได้ดี ถ้าหากสัตว์ไม่มีวิญญาณ พวกมันจะขึ้นสวรรค์อยู่กับเทวดาได้หรือ ดำรงชีพอยู่ด้วยกันได้ มีสัตว์หลายอย่างที่ได้รับการฝึกฝน ไม่เพียงแต่เข้าใจภาษาคนเท่านั้น ยังทำงานให้คนได้ สุนัขเฝ้าบ้าน ลิงแสดงละคร ลิงเก็บมะพร้าว สามารถพูดภาษาคนได้ หลักฐานตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ถึงแม้รู้ว่าสัตว์ไม่มีร่างของคน แต่ก็มีวิญญาณเช่นกับคน แต่พูดกันไม่รู้เรื่อง พวกมันต่างก็มีภาษาของมันเอง เพียงแต่คนธรรมดาสามัญฟังไม่เข้าใจมันเท่านั้นเอง มดผงกหัวพูดจา นกนั้นร้องเรียกเมื่อพบภัย พวกมันต่างก็เข้าใจกัน ทั้งคนและสัตว์โงไปคนละอย่าง มนุษย์ไม่เข้าใจภาษาสัตว์ สัตว์ฟังคนพูดกันไม่เข้าใจ มันก็คงจะงงเหมือนกัน คิดว่าคนก็ดูเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง ดังนั้นผู้คนไม่ควรไปดูถูกพวกมัน เรื่องที่ฉันพานายหยางเซิงไปคุยกับพวกมันได้นั้น ก็เพราะฉันใช้คาถาพุทธมนต์ ทำให้พวกมันกับกลายเป็นวิญญาณเดิม จะได้พูดจากันรู้เรื่อง จะยกตัวอย่างอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าหากฉันพานายหยางเซิงไปสัมภาษณ์คนอเมริกันสักคนหนึ่ง คนส่วนใหญ่ก็รู้ว่าคนอเมริกันพูดภาษาอังกฤษ จะไปพูดคุยกันได้อย่างไร อันที่จริงแล้วสัตว์ที่มีวิญญาณ ถ้าได้รับการฝึกฝน ก็สามารถที่จะพูดภาษาต่างๆ กันได้เมื่อฉันใช้บารมีพุทธะ เป่าเสกวิญญาณของสัตว์เดรัจฉาน ก็พูดภาษาคนได้ ก็ดุจเดียวกับคนที่มีความเฉลี่ยวฉลาด ก็สามารถพูดภาษาจีน ภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน และภาษาอื่นๆ ได้ อีกอย่างเช่นคณะละครสัตว์แต่ละประเทศ ก็มีครูฝึกสัตว์ แต่ละประเทศก็พูดภาษาของตนเอง พูดฝึกสัตว์ต่างๆ พวกสัตว์มันก็สามารถเรียนรู้เข้าใจ ซึ่งก็เป็นหลักฐานแสดงว่าสัตว์ย่อมมีจิตวิญญาณ เพียงแต่ต้องเพิ่มความพยายามฝึกอบรมจนกว่าจะใช้งานได้ อย่างเช่นวิทยาการปัจจุบัน สามารถมีเครื่องมือตรวจสอบพายุ ซึ่งไม่คาดคิดมาก่อนใช่ไหม คนและสัตว์ก็มีมันสมองที่เหมือนกันและต่างกัน การแผ่กระจายของคลื่นสมอง ถ้าได้รับการชักจูง คนและสัตว์ก็จะมีสิ่งที่เหมือนกัน คลื่นสมองก็เหมือนคลื่นไฟฟ้า บางครั้งความฉับไวของสัตว์ยังเหนือว่าของมนุษย์นับพันเท่า เนื่องจากพุทธศาสนาในบรรดาทั้งหมดหกช่องทาง หกช่องทางนี้ก็เกิดจากหนึ่งกลายเป็นหกหรือจะพูดว่าหนึ่งร่างหกหน้าก็ได้ ถ้าหากจะพูดว่าสัตว์ไม่สามารถจะติดต่อกันได้ละก็ การเวียนว่ายหกช่องทางนั้นก็เป็นไปไม่ได้ แล้วพวกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตอยู่บนสวรรค์ ณ แดนสุขาวดี พุทธเกษตรก็เป็นสิ่งหลอกลวงด้วย คำกล่าวของผู้บรรลุอรหันต์กล่าวว่า “สรรพสัตว์กับฉันนั้นไม่ต่างกัน “ เป็นคำกล่าวที่ชัดเจนถึงสรรพสัตว์แห่งฟ้าดินถ้าหากไม่มีวิญญาณย่อมไม่มีสัตว์ ดังนั้นเมื่อมีวิญญาณก็ควรกระทำต่อด้วยความดี พวกสัตว์ก็ควรใช้ในทางที่ดีด้วย จานข้าวใบหนึ่งก็ใส่ข้าวได้จานหนึ่ง แว่นตาคู่หนึ่งก็สามารถส่องเห็นความชัดเจนได้ล้วนเป็นการแสดงออกคุณสมบัติของมัน สิ่งของเหล่านี้ควรใช้สอยอย่างถนอม อยุ่ดูแคลนทิ้งขว้าง สิ่งของเป็นเช่นนี้ วิญญาณต้องเป็นสิ่งต้องยอมรับ ปราชญ์จะมองสัตว์เหมือนมองคนจะเมตตากรุณาและรักใคร่ ในภาคใต้ของมณฑลนี้ มีคนจำนวนมากชอบจับนกสุขสวัสดิ์มาฆ่า นักอนุรักษ์สัตว์กับรัฐบาลพยายามขอร้องไม่ให้ฆ่าสัตว์เพราะเพียงแต่กินเนื้อคำเดียวก็ต้องฆ่าหนึ่งชีวิต ราคาตัวหนึ่งก็แค่ 10 เหรียญ(56 บาท)ต่างอดเพียงเล็กน้อยนกก็มีสิทธิในการดำรงชีวิตอยู่ เอาแต่ใจตัวเพียงจับฆ่าเล่น ไม่เพียงขาดความรักยังเป็นการทำลายธรรมชาติให้เสียไป เป็นการทำลายจิตใจมนุษย์ รัฐบาลที่ดีและประชาชนที่เอื้ออารีย์ต่อสัตว์ย่อมเป็นที่กล่าวขวัญถึง สวรรค์เดิมที่ให้กำเนิดที่ดี ถ้าหากมนุษย์ทั้งมวลยังมีจิตสวรรค์อยู่ แสดงถึงความเมตตากรุณา ที่มีกล่าวในหนังสือนี้ ยิ่งเพิ่มพูนการขจรกระจายทางคุณงามความดี และมีมหาเมตตา และความรักอันยิ่งใหญ่ของหนังสือเล่มนี้ หากชาวบ้านมีไก่เล็กๆตัวหนึ่งได้หายไป ก็ได้แต่ติดตามเที่ยวหา แต่ทว่าไก่ของผู้อื่นหลงมาจับได้ละก็ รีบฆ่าแกงด้วยความเจ็บแค้น เวลาเธอฆ่าคนตีคนเธอไม่รู้สึกเสียใจ แต่พอถูกยุงกัดทีหนึ่ง ใจเธอก็รู้สึกไม่ยอม เอาใจเขาเปรียบใจเรา ใจเรานั้นดีสักกี่เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือนั้นทำลายน้ำใจคนไปไม่มีเมตตา สัตว์ก็ย่อมมีวิญญาณที่แตกต่างไปจากเรา และก็เป็นเพื่อนของมวลมนุษย์พวกมันสู้อุทิศชีวิตของมัน มาเลี้ยงดูชาวโลก ชาวโลกไม่บังควรหลงลืมบุญคุณอันนี้ หนังสือวงเวียนกรรมของสัตว์เดรัจฉาเล่มนี้แสดงถึงวิญญาณที่ไม่มีการดับสูญ มีการหมุนเวียนกลับมาเกิดใหม่ในโลกอีก ขอเตือนสติท่านๆ อย่าได้เหิมเกริมสร้างบาป ควรปฏิบัติตนเป็นคนที่มีความสง่าสมเป็นมนุษย์ จะได้ไม่ต้องเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ที่ต้องยอมถูกฆ่าแกงใช้งาน ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ความมุ่งหมายของหนังสือนี้ เป็นการประกาศเตือนชาวโลกให้ประกอบแต่คุณงามความดี อย่ากระทำตนเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานกันเถอะ
    หยางเซิง อาจารย์สู้ทนพร่ำบ่นแสดงถึงหลักฐานความจริงเหล่านี้ ก็เพื่อให้ชาวโลกได้เชื่อถือกฎของเวียนตายเกิดนั้นเป็นความจริง สัตว์เดรัจฉานก็มีฟ้าดินของมันเช่นกัน หนังสือนี้ได้เปิดเผยความรู้เกี่ยวกับวงเวียนกรรมของสัตว์ หลักฐานที่แสดงนี้ย่อมสมเหตุผลยิ่งนัก
    อรหันต์จี้กง หยางเซิงขึ้นปทุมทิพย์ได้แล้ว เตรียมออกเดินทางต่อ
    หยางเซิง วันนี้จะไปที่ไหนดีล่ะ
    อรหันต์จี้กง เที่ยวต่างประเทศ
    หยางเซิง ไปประเทศไหนกับครับ
    อรหันต์จี้กง เราไปประเทศนิวซีแลนด์ไปเยี่ยมชมแกะ
    หยางเซิง ถือโอกาสทองนี้ไปเที่ยวก็ดีไม่น้อย อากาศวันนี้ก็หนาวเย็นมาก ขนแกะนิวซีแลนด์มีชื่อเสียง จะนำเอาขนแกะมาทำเสื้อขนสัตว์ได้ไหมนี่
    อรหันต์จี้กง เธอนี่ฉลาดี ออกเดินทางเถอะ...ถึงแล้ว หยางเซิงลงจากปทุมทิพย์
    หยางเซิง ที่นี่แกะเต็มไปหมด แต่ละตัวขนปุกปุย ขนก็ยาวมาก ผิดกับแกะที่บ้านไม่ทราบว่าทำไมมันจึงมีขนมากมายและยาวเช่นนี้
    อรหันต์จี้กง ขนแกะงอกอยู่บนตัวแกะ ที่นี่ก็มีหญ้ามากมาย เหมาะสำหรับยังชีพแกะเหล่านี้ ขนแกะต้องปกป้องร่างกายให้อบอุ่น ดังนั้นขนแกะถึงต้องดูแลร่างกาย สิ่งนี้ก็เป็นงานสร้างสรรค์ที่น่าอัศจรรย์ด้วย
    หยางเซิง ฤดูหนาวใกล้มาแล้ว ผู้คนต้องพบกับความหนาว ต้องสวมใส่เสื้อขนแกะให้อบอุ่น พวกมันรับใช้มนุษย์ชาติไม่น้อยทีเดียว ให้เสื้อขนสัตว์แก่มวลมนุษย์ จะสามารถถามถึงความรู้สึกของมันเกี่ยวกับขนแกะได้ไหม
    อรหันต์จี้กง วันนี่มาถึงที่นี่ ก็เพราะจะมาสัมภาษณ์พวกมัน จะได้เข้าใจความเป็นมาของพวกมัน “เจ้าแกะ เจ้าแกะ” ขนปุกปุยทั้งตัว ดังใส่เสื้อขนสัตว์ รีบบอกความเป็นมา ฉันจะเสกคาถาให้จำความดังเดิม จะได้เล่าความเป็นมาของกรรมชาติก่อน เพื่อเตือนสติชาวโลก
    หยางเซิง ฝูงเกะเหล่านี้ ถูกอาจารย์เจิมเสก ถ้าได้สติผมจะสอบถามสักตัว ขอถามพี่แกะว่าพี่กลับชาติเกิดเป็นแกะมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง (ฝูงแกะถูกอาจารย์แสกเป่า รู้สติทันใดสามารถเอ่ยปากพูดจาได้แล้ว
    แกะ ก ชาติก่อนเมื่อผมเกิดเป็นคน ทุจริตต่อหน้าที่เกิดพลาดพลั้งฆ่าคนตายขึ้น เลยกลับชาติเกิดเป็นแกะ
    หยางเซิง ทุจริตอย่างไร
    แกะ ก ผมรับราชการ บังเอิญมีการก่อสร้างสะพาน อยู่ในความดูแลรับผิดชอบ เพื่อยักยอกเงินทองร่วมมือกับผู้รับเหมากินแรง กินปูน กินเหล็ก กินหินดินทราย กินงบประมาณไปถึงเศษหนึ่งส่วนสาม ตรวจรับงานเซ็นชื่อรับแล้ว ได้กำไรเป็นแสนมีอยู่ครั้งหนึ่งเกิดอุทกภัยบังเอิญมีรถหลายคัน และคนเดินอยู่บนสะพาน เสาสะพานถูกน้ำซัดแรงจนพังลงไปผู้คนล้มตาย เลยได้รับโทษที่ทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ดังนั้นชาตินี้จีงเกิดเป็นแกะขนเต็มตัวไปหมด พอขนยาวขึ้นก็ถูกตัดไปขาย นำส่งออกนอกทำเป็นผ้าขนสัตว์เสื้อขนสัตว์ ตลอดชีวิตได้แต่งอกขนเพื่อให้ชาวโลก เป็นการชดใช้เวรชาติก่อน
    หยางเซิง ทุจริตขนหนึ่งเส้นก็ต้องชดใช้หนึ่งเส้น เธอทุจริตเป็นแสนไม่รู้ต้องชดใช้กี่ปีจีงหมด
    แกะ ก ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ชีวิตยืนยาวอยู่ได้เพราะขนยังงอกอยู่ เพื่อชดใช้หนี้กรรมจะไปโทษใครเขาล่ะ
    หยางเซิง มีใจรู้สึกนำผิดชดใช้กรรม เชื่อแน่ว่าหนี้สินที่มีอยู่คงสามารถชดใช้หมด
    อรหันต์จี้กง ชาติก่อนนำให้เขาต้องหนาวหลายคน ทำให้คนต้องกลายเป็นผีในน้ำ ชาตินี้ก็ให้ขนแก่ชาวโลกเพื่อกันความหนาวให้ร่างกายอุ่นก็เกี่ยวกับกรรมที่ก่อไว้
    หยางเซิง ขอถามแกะอีกตัวหนึ่ง ทำไมถึงมาเกิดเป็นแกะ
    แกะ ข ขอขอบคุณ ท่านอรหันต์และท่านผู้ใจบุญที่ช่วยเหลือทำให้ฉันสว่างขึ้นเป็นกอง ชาติก่อนผมเป็นพ่อค้าขี้โกง มีอาชีพขายขนสัตว์ปลอม เอาผ้าธรรมดาหลอกชาวบ้านว่าเป็นผ้ามาจากต่างประเทศ หลอกลวงผู้คนบางคนหลงเชื่อว่าเป็นของดีมีราคาแพง เสียเงินซื้อของแพง ถูกหลอกลวงโดยไม่รู้แถมดีใจว่าได้ของดี ตลอดชีวิตหลอกขายแต่ผ้าเลวๆ กำไรเงินทองไม่น้อยแถมยังมีภรรยา 2คน เสพสุขเหลือหลายตอนมีชีวิตอยู่ไม่เคยเชื่อ “กฎแห่งกรรม” แต่พอตายลง บนจอกระจกส่องบาป ฉายภาพหลอกต้มออกมาตกตะลึงทันใจเกรงกลัวยิ่งนัก ได้รับเคราะห์กรรมหลายร้อยกระทง พอพ้นโทษก็เกิดเป็นแกะเมืองนอกขนบนตัวของฉันก็คือเสื้อผ้าของฉัน กินหญ้าเลี้ยงบำรุงขนงอกเต็มตัว พอขนยาวก็ดูเหมือนเสื้อผ้าตัวหนึ่งก็ถูกเขาถอดออกไป(ตัดขน) ทำเป็นผ้าขนสัตว์เพื่อให้ชาวโลกสวมใส่ มัน เหมือนมีแต่ลากไถ แต่ไม่ได้เก็บกี่ยว เสื้อบนร่างกายใส่เพื่อช่วงสั่นๆก็ถูกเขาถอดเอาไปรู้สึกไม่พอใจ
    อรหันต์จี้กง ใจอย่าได้คิดแค้นเคือง เสื้อขนสัตว์ของเธอใส่ได้ไม่นาน เพราะว่ามีบุญน้อย ใครสอนให้เจ้าว่าหลอกขายผ้าเก๊เหล่า ชีวิตนี้เลยต้องขายแต่ผ้าแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ขนบริสุทธิ์ คืนให้ชาวดลกสวมใส่ อย่างนี้เป็นการชดใช้กรรมเวร
    แกะ ข ได้ฟังคำของท่านอรหันต์จี้กงแล้ว รู้สึกสำนึกผิดชาติก่อนแม้ร่ำรวยมหาศาลแต่เสวยสุขเพียงไม่กี่ปี ชาตินี้ร่อนเร่พเนจรอยู่ในท้องทุ่ง อุทิศการขายเสื้อขนสัตว์ให้เขาไม่ได้รับเงินสักสตางค์เดียว ต้องโทษตัวเองดีกว่า
    หยางเซิง ขอถามแกะอีกตัว เธอทำไมเกิดเป็นแกะล่ะ
    แกะ ค ผมชาติก่อนตั้งตัวเป็นนายทุนเถื่อน ออกเงินให้กู้ดอกเบี้ยสูง สำหรับคนร้อนเงินมีทุกข์มาหา ต้องการยืมเงิน ก็คิดดอกเบี้ยแพงๆ อาจพูดว่า “ดอกเลือด” ได้อาหารข้ามื้อเดียวก็ต้องถูกข้าทำลายหลอดเลือดให้ข้าสูบเลือดกิน เพราะคนทุกข์ร้อน มีความต้องการรีบด่วน ข้อสัญญาผูกมัดอะไรก็ยอมทำ ฉันก็เลยใช้โอกาศนี้กดขี่บังคับข่มขืนลุกเมียเขา ลูกหนี้ถูกข่มเหง ก็สู้จำทนเพื่อป้องกันภัย เงินทองถูกใช้ไปทางระเริงกาม ทำผิดทำนองคลองธรรม พอตายได้รับโทษหนักในเมืองนรก ภายหลังมาเกิดเป็นแกะจึงตกมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ ลำบากเหลือหลาย ชาติก่อนร่ำรวยเดินเหินมีรถนั่งมีนารีงาม ตอนนี้อะไรๆ ก็ไม่มี เป็นสัตว์เดรัจฉานสวมเขาหุ่มขนน่าอนาถเหลือหลาย
    หยางเซิง พวกให้กู้เงินคิดดอกเบี้ย มีบาปอย่างนี้หมดหรือ
    อรหันต์จี้กง ไม่เหมือนกันหมดหรอก ธนาคารกู้เงินคิดดอก จะมีโทษอะไร ให้เงินเขายืมช่วยพ้นทุกข์ไม่คิดดอกได้กุศล ถ้าคิดดอกน้อยก็ไม่มีบาป เพราะช่วยคนเขาพ้นทุกข์มีชีวิตต่อไปได้แต่ได้บุญเพียงครึ่งเดียวถ้ามีอาชีพออกเงินกู้คิดดอกสูง แถมยังก่อกรรมหนักนับว่าไม่มีเมตตา อาศัยความทุกข์ร้อนของผุ้อื่น ทำบัดสีกับลูกเมียลูกหนี้ผิดทำนองคลองธรรม ก็เหมือนที่พูดไปเมื่อครู่มีคำกล่าวกล่าวว่า “ขนแกะก็งอกอยู่บนร่างแกะ” ข่มเหงเขาก็เหมือนข่มเหงตนเรื่องราวทั้งหมดนี้สามารถเตือนสติชาวโลกได้ เป็นคนที่ดีย่อมได้รับผมดีตอบแทนแน่นอน ถ้าอยู่ในโลก ข่มเหง หลอกลวง ทุจริต ไม่เพียงแต่กฎหมายจะเล่นงานเท่านั้น สวรรค์ก็ลงโทษด้วย ถ้าไม่ประพฤติเป็นคนดี ชาติหน้าสวรรค์ก็สามารถก็สามารถหาที่ๆ เหมาะสมที่เจ้าชอบทำให้ ให้เจ้าทดลองรสชาดขมขื่นดู พวกเจ้าทั้งหมดได้สร้างความดีเป็นคติเตือนชาวโลกจะได้ถูกปลดปล่อย ชาติหน้าจะได้เกิดเป็นคนอีกแต่อย่าลืมต้องประพฤติเยี่ยงคน จะได้ไม่ต้องออกนอกลู่สู่วิถีสัตว์อีก หยางเซิงขึ้นปทุมทิพย์กลับสำนัก
    อรหันต์จี้กง อาตมาหมู่นี้รู้สึกแจ่มใสนัก เห็นว่าจังหวัดนี้พื้นที่ทางตอนใต้ ตำบลผิงตง มีโรงเรียนต่างๆ ได้ปาวารณาตัว เพื่อปกป้องสัตว์ธรรมชาติ ดูแลนกตามฤดูกาล ในโรงเรียนก็มีการประกวดเรียงความ เพื่อชีวิตของสาวน้อยๆ ใส่ใจดูแลรักษาสัตว์ การกระทำครั้งนี้มีผลมาถึงครอบรัว ทำให้ทุกคนแสดงออกถึงความเมตตากรุณา ส่งผลให้สัตว์สามารถมีชีวิตอยู่และเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆฟ้ากว้างทะเลลึกสามารถเที่ยวเล่นตามสบาย เหล่านี้เป็นความหวังของมนุษย์และสัตว์ สัตว์ต่างๆ ที่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์สมควรดูแลให้มากๆ คิดแต่จะกินสัตว์ที่อ่อนแอกว่านั้นเหมื่อนการกระทำที่ป่าเถื่อน ผู้มีอารยะธรรมสูงควรจะมีน้ำใจงาม ถ้าหากเข่นฆ่าตามอำเภอใจ สัตว์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติก็ย่อมจะสูญพันธุ์ อาตมารับเทวโองการกับนายหยางเซิงให้แต่งหนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน”โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะให้เกิด “ความรักสัตว์มีเมตตา” มีสุภาพชนก่อตั้งสมาคมรักสัตว์ขึ้น เพื่อจะได้คำขวัญที่ว่า “สวรรค์น้อมนำคนเมตตาสัตว์” หวังว่า “วงเวียนกรรมของสัตว์เดรัจฉาน” นี้จะสร้างประโยชน์ที่ดีต่อสังคม ขอพวกเราอย่าได้ดูแคลน หยางเซิงเตรียมตัวออกเดินทางกันเถอะ
    หยางเซิง ผมขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญท่านอาจารย์ออกเดินทางได้
    อรหันต์จี้กง วันนี้จะไปไกลถึงทวีปอัฟริกา
    หยางเซิง โดยสารปทุมทิพย์ไปทวีปอัฟริกาโดยไม่เสียค่าโดยสารเป็นสิ่งแปลกใหม่ดี
    อรหันต์จี้กง โลกของจิตวิญญาณไม่มีใกล้ไกล ดังนั้นชาวโลกควรระมัดระวังดูแลรักษาจิตเป็นสำคัญ จากร่างกายเนื้อธรรมดานี้ เมื่อจิตวิญญาณได้ออกจากร่างไปแล้ว มันรวดเร็วยิ่งกว่ากระแสไฟฟ้ามันสามารถไปถึงทุกมุมของโลกได้ สิ่งเหล่านี้เป็นความสามารถของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เมื่อฝึกถึงที่นี้แล้ว ตายหรือเกิดประดุจเดียวกัน ไม่ถูกผูกมัดในวงเวียนกรรม เราไปอัฟริกากันเถอะ...ถึงที่หมายแล้วลงมาได้
    หยางเซิง แถวนี้เป็นป่าทึบ พื้นที่ไร้การบุกเบิก มองดูน่ากลัวเหมือนกัน
    อรหันต์จี้กง ไม่ต้องกลัว อาจารย์อยุ่นี่ สบายใจเถอะ
    หยางเซิง ข้างหน้ามีเสืออยู่ฝูงหนึ่ง ท่าทางน่าสะพรึงกลัวเราจะถูกกันไหมเนี้ย
    อรหันต์จี้กง ตอนนี้เรามาแต่กายทิพย์ พวกเสือไม่สามารถทำร้ายเราได้ ไม่ต้องกลัว
    หยางเซิง พวกเสือที่อยู่ป่าดูดุร้าย
    อรหันต์จี้กง มันมีชีวิตอยู่ในป่าลึก ไม่มีคนดูแล จึงเต็มไปด้วยความป่าเถื่อน คนเราถ้าไม่ได้รับการศึกษา ไม่มีครูบาอาจารย์พ่อแม่ คอยอบรมสั่งสอนก็จะกลายเป็นเด็กป่าเถื่อน “เจ้าเสือ” เจ้าเสือ”อย่าแสดงหน้าแยกเขี้ยวเลย อยู่เฉยๆ เถอะไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ อย่างนี้ไม่ใช่เปล่าเปลี่ยว ป่าเถื่อนหรือ รีบๆ สำนึกเสีย เปลี่ยนหัวเปลี่ยนหน้าประพฤติตัวใหม่ เก็บความกักขะได้ อรหันต์จี้กงจะเจิมเสกรีบๆ แสดงออกความเป็นมาชาติที่แล้วเพื่อเตือนสติชาวโลก จะได้กลับร่างไปเกิดเป็นคนใหม่
    หยางเซิง พวกเสือได้รับการเจิมของอาจารย์ กลับกลายร่างเป็นคนขึ้นมา มีทั้งหญิงและชาย รูปร่างกำยำดุร้าย มีอารมณ์และพลังที่ข่มคนอยู่
    อรหันต์จี้กง หยางเซิง เจ้าสัมภาษณ์ได้แล้ว
    หยางเซิง พวกเสือได้รับการเจิมของอาจารย์ กลับกลายร่างเป็นคนขึ้นมา มีทั้งหญิงและชาย รูปร่างกำยำดุร้าย มีอารมณ์และพลังที่ข่มคนอยู่
    อรหันต์จี้กง หยางเซิง เจ้าสัมภาษณ์ได้แล้ว
    หยางเซิง ฉันเป็นทรงสำนักเซิ้นเต๋อถัง เมืองไถจง ได้รับคำสั่งให้ติดตามอาจารย์อรหันต์จี้กงมาทำหนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” เพื่อเตือนใจชาวโลก วันนี้มาสัมภาษณ์พวกท่านเป็นพิเศษ หวังว่าจะเล่าถึงการก่อกรรมแต่ชาติก่อน เป็นการสร้างบุญกุศล ชาติหน้าจะได้เกิดเป็นคน จะได้ไม่ต้องมีชีวิตอยู่ในป่ารีบๆเล่ามา
    เสือ ก ฉันชาติก่อนเป็นคนบ้านนอก อาศัยอยู่ในเขารูปร่างกำยำหยาบกร้าน ได้แต่ล่าสัตว์ จับสัตว์ป่ายังชีพ ใช้ชีวิตชาวป่า มีอยู่วันหนึ่งเกิดทะเลาะกับเพื่อนบ้าน อารมณ์พุ่งแล่น ใช้มีดไล่แทงฆ่าฟันตายทั้งบ้าน เสร็จแล้วก็ปล่อยไฟเผาบ้าน เมื่อก่อนกฎหมายยื่นมือไปไม่ถึง ฉันก็ไม่ได้รับโทษอะไร แต่พอตายลงตกนรก ได้รับกรรมทรมาน ถูกมีดร้อยๆเล่มจ้วงแทง ตัดผ่าแล้วนำลงต้มในกระทะร้อนๆ พอพ้นโทษกลับชาติไปเกิดเป็นสิ่งห์โตมาแล้วชาติหนึ่ง ชาตินี้เกิดเป็นเสือ อาศัยอยู่ในป่าลึก รู้สึกทุกข์เยือกเย็นยิ่งนัก
    อรหันต์จี้กง อารมณ์เธฮรุนแรงมาก ฆ่าคนดุจฆ่าสัตว์เหมือนไม่มีจิตคน กระทำการไร้มนุษยธรรม ตอนมีชีวิตอยู่ก็ชอบกินของสดๆ มีเลือดจนเคยเป็นนิสัย ชาตินี้เลยต้องอยู่ในป่า จะสลัดอารมณ์สัตว์ทิ้งเสีย สวมใส่จิตตน ค่อยๆแปรเปลี่ยน ชาติหน้าจะได้เกิดเป็นคน แต่ก็เป็นคนจนต้องเป็นกรรมกรเลี้ยงชีพ เพื่อชดใช้บาปที่ก่อไว้
    เสือ ก ขอบคุณท่านอรหันต์และคุณหยางเซิง ชาติหน้าเกิดเป็นจะประพฤติให้ดี ไม่กล้าทำบาป จะได้ไม่ต้องเกิดในเส้นทางนี้อีก
    หยางเซิง ผมจะถามอีกคน คุณทำบาปอะไรไว้
    เสือ ข ผมชาติก่อนเป็นหัวหน้ามาเฟีย(ซ่องโจร) ปล้น จี้ ฆ่าคน ปล่อยให้ไฟเผาบ้าน ข่มขืนหญิงชาวบ้าน ไม่มีอะไรที่ไม่ทำ เหมือนชีวิตประจำวัน เคยฆ่าคนตายสองคน บาดเจ็บสิบสามคน ปล้นทรัพย์สินมูลค่าสองล้านเหรียญ ปล่อยไฟเผาบ้านสองครั้ง ข่มขืนสามครั้ง ตลอดชีวิตไม่เคยทำดี ผู้คนโกรธแค้นนับหมื่น อยู่มาวันหนึ่งดวงชะตาตกอับ ตำรวจตามจับข้อหาฆ่าคนเลยหลบหนีเข้าไปอยู่ในป่าเขา เพียงลักของชาวบ้านยังชีพ อาศัยนอนหลับอยู่บนต้นไม้ในป่า วันหนึ่งถูกงูกัดตาย ถูกยมทูตจับลงนรกรับกรรม พอพ้นเคราะห์ก็กลับไปเกิดเป็นงูสองชาติ เป็นเสือหนึ่งชาติ วัวหนึ่งชาติ ค่อยกลับไปเกิดเป็นคนใหม่อีก เวรงูจบไปแล้ว ตอนนี้เกิดเป็นเสือในป่าอัฟริกา รู้สึกสำนึกผิด
    อรหันต์จี้กง เกิดเป็นเสือร้าย เที่ยวกินคนเป็นอาหารบาปใหญ่นักหนา ตายแล้วกระดูกไม่ได้ฝัง ขุมนรกเคร่งครัด ยังให้เกิดเป็นสัตว์อีก วันนี้เจ้าโชคดีที่เล่าเรื่องชาติก่อน เป็นการสร้างบุญชดใช้กรรมเก่า ชาติหน้าจะให้เกิดเป็นคน ไม่ต้องเกิดเป็นวัวควายอีก แต่จะไม่สมประกอบนะต้องเป็นขอทาน จะได้ไม่ทำร้ายคน
    เสือ ข ขอบคุณ ท่านอรหันต์จี้กง ช่วยปลดทุกข์ให้ผมด้วย
    อรหันต์จี้กง ทุกข์เราก่อขึ้นเอง ก็ต้องรับทุกข์ไว้เองฉันก็ช่วยเธอมากแล้ว ควรจะพอใจ อย่าขอมากเลย
    เสือ ข ครับผม
    หยางเซิง ขอถามอีกคน คนนี้เป็นหญิง เธอทำบาปอะไรไว้แต่ชาติก่อน จึงเกิดเป็นเสือเพศเมีย
    เสือ ค ขอท่านหยางเซิงอย่าหัวเราะเลย ฉันสำนึกผิดแล้วแต่ก็สายเกินแก้ ฉันเมื่อชาติที่แล้วเป็นหญิงปราดเปรียว เนื่องจากตอนเด็กๆ ไม่ค่อยอยู่กับบ้าน สร้างสมนิสัยเที่ยวเล่นส่ำส่อน ในที่สุดก็เข้าสังคมมืด ขายยาเสพติดและค้าประเวณี ทั้งพวกผู้หญิงพวกผู้ชายล้วนต้องเชื่อฟังคำสั่งฉัน มิฉะนั้นจะถูกตี ถูกฆ่า โดยไร้ความปราณี มันเป็นกฎหมู่ของสังคมมืด ทุกคนขนานนามฉันว่า “นางกุหลาบดำ” ตลอดชีวิตสร้างบาปมากมาย โหดเหี้ยมอย่างนางสิงห์ ในที่สุดก็ตายจากพิษร้าย รับโทษนานัปการในขุมนรก ชาตินี้เลยเกิดเป็นนางเสือ นี่เป็นประวัติที่ก่อกรรมไว้
    อรหันต์จี้กง เธอนี่ไม่ใช่คนเลยเป็นนางเสือร้าย ตอนนี้เกิดเป็นเสือ เที่ยวสัญจรไปในป่าลึก แต่ไม่มีอิทธิฤทษ์ดังเช่นแต่ก่อนหวังว่าคงสำนึกตัวกลับใจได้ ชาติหน้าจะได้เกิดเป็นคน แต่เนื้อหนังคงต้องให้เขาเหยียบย่ำเพื่อชดใช้บาปกรรม หวังว่าชาติหน้าจะประพฤติตัวดี
    เสือ ค ขอบคุณที่ท่านอรหันต์ช่วยเหลือ
    อรหันต์จี้กง การสัมภาษร์พวกเสือ เอาเพียงแค่นี้ เราเปลี่ยนสถานที่สัมภาษณ์โชลงช้างกันเถอะ
    หยางเซิง ดีครับ ผมขึ้นนั่งเรียบแล้ว เชิญอาจารย์ออกเดินทางได้
    อรหันต์จี้กง ถึงแล้ว
    หยางเซิง ที่นี้มีช้างอยู่โขลงใหม่ มีบางเชือกดูตัวเล็กอยู่คงเป็นลูกช้าง
    อรหันต์จี้กง อย่าสนใจว่าเป็นช้างเล็กช้างใหญ่ ยังไงก็ไม่ใช่คน
    หยางเซิง อาจารย์พูดปริศนา พวกช้างเหล่านี้ร่างกายพยาบกร้าน พวกมันคงต้องมีประวัติความเป็นมาต่างจากพวกอื่น
    อรหันต์จี้กง ให้ฉันได้เสกเจิมพวกมันก่อน “ช้างเล็ก ช้างใหญ่ รูปร่างน่าชัง ผิวกายหยายกร้าน น้ำหนักก็มากกว่าจะขยับตัวได้ ดูช่างอุ่ยอ้าย รีบๆตื่นจากภวังค์ กลับตัวกลับใจ เล่าความเป็นมา
    หยางเซิง พวกโขลงช้างพอถูกอาจารย์เสกเจิมเท่านั้น ทำไมจึงส่ายหัวกันใหญ่
    อรหันต์จี้กง ตอนนี้พวกมักรู้สึกทรมานมาก เพราะฉันใช้พลังพุทธกดลงบนฐานวิญญาณ เนื่องจากช้างมีรูปร่างกายใหญ่มากจึงมีรัศมีสะท้อนกลับ ส่องให้เห็นจิตเดิม จะเกิดการขัดข้องบ้างเพราะร่างกายใหญ่เกินไป การเคลื่อนไหวลำบาก จึงมีลักษณะเช่นนี้ปรากฏ
    หยางเซิง ที่แท้เป็นเช่นนี้ ตอนนี้โคลงช้างค่อยๆ เปลี่ยนร่างมาเป็นร่างคน ทุกคนมีลักษณะร่างกายล่ำสัน แลดูน่ากลัว
    อรหันต์จี้กง พวกมันล้วนแล้วแต่เป็นพวกนักกล้าม ดังนั้นรูปร่างจึงสูงใหญ่ หยางเซิงเธอถามเขาได้แล้ว
    หยางเซิง ฉันเป็นคนทรงแห่งสำนักเซินเต๋อถัง เมืองไถจง ได้รับเทวโองการให้ติดตามท่านอรหันต์จี้กงมาทำหนังสือ”วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” เที่ยวสัมภาษณ์ทั่วไป ให้เล่าถึงกรรมเก่าที่ทำไว้ เพื่อเตือนสติชาวโลก
    เพื่อจะได้สร้างคุณความดีชดเชยบาปกรรมเป็นโอกาสที่ดี พวกท่านอย่าปกปิดความจริง ช่วยเล่ารายละเอียดถึงการกระทำในอดีตชาติ
    ช้าง ก เรื่องอย่างนี้เอง ท่านอรหันต์จี้กงช่วยเสกเจิมพวกเรา เมื่อกี้ตื่นตระหนกแทบแย่ ตื่นขึ้นมาก็นึกถึงอดีตชาติ ถ้ามีโอกาสสร้างบุญอย่างนี้ ผมก็จะถือโอกาสเล่าเรื่องผลกรรม ชาติก่อนผมเป็นอาจารย์สอนกายกรรมแห่งชาติ ตั้งแต่เล็กก็ฝึกฝนศิลปะกายกรรม จึงมีร่างกายพลานามัยสมบูรณ์ ทำให้เกิดเป้นคนหยิ่งยะโสเลยคบค้ากับเพื่อนอันธพาลชกต่อยฆ่าฟันกันเป็นเรื่องปกติวิสัย พอได้ข่าวว่าเพื่อนถูกเขารังแก หรือถูกมองก็ตามไปเอาเรื่อง ทั้งตีทั้งฆ่าไม่เคยกลัวเกรง วันหนึ่งอยู่ในตลาดโต้รุ่ง ดื่มเหล้าเฮฮา ส่งเสียงโวยวาย ท่าทางใหญ่โตไม่เกรงกลัวใคร แขกโต๊ะข้างเคียงเห็นแล้วไม่พอใจ ก็พูดกับผมว่า “พี่น้องครับโปรดให้ความเกรงใจหน่อย”ผมได้ยินเท่านั้นโกรธขั้นทันที ทั้งตีทั้งถีบ ทำให้เขาบาดเจ็บช้ำในมาก ถึงกับมีเลือดออก แล้วตายลงในที่สุด ตอนนี้เห็นท่าไม่ดีรีบร้องตะโกนให้หลบหนี ต่อมาถูกจับได้ ได้รับการลงทัณฑ์อย่างหนัก หลังจากพ้นคุก ความชั่วร้ายก็ยังไม่เบาบางลง ก็ยังตั้งแก๊งก่อกวนไปทั่ว เที่ยวรังแกคนดีๆ ก่อบาปไว้มากมายล้นฟ้า พอตายลงยมบาลลงโทษแล้วให้ไปเกิดเป็นช้างอัฟริกา นี่คือเรื่องราวของผม
    หยางเซิง เธอเกิดเป็นช้างมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง
    ช้าง ก มีร่างกายใหญ่โต แบกน้ำหนักไว้มาก เวลาเดินต้องกินแรงมาก รู้สึกไม่สบายกาย
    อรหันต์จี้กง ร่างกายเจ้าทื่อมาก แต่มือก็หยายกร้าน แต่ก็ไม่สามารถใช้มันได้
    หยางเซิง แต่ช้างกินอาหารต้องใช้งวงจับของยัดเข้าปากอันนี้เนื่องจากอะไร
    อรหันต์จี้กง เพราะชาติก่อนมีวิชากายกรรม มือเท้าไวไฟทั้งยึดทั้งหด ดังนั้นชาตินี้เลยให้มีงวง(มือพิสดาร)สามารถยึดหดได้ จับของจับคนก้คล่องแคล่ว แต่ว่าความยาวของงวงดูน่าเกลียด
    หยางเซิง สวรรค์ช่างสร้างสรรค์ได้เหมาะสมยิ่งนัก วงเวียนกรรมนี้คนสามารถจะเลือกได้ตามสะดวก และก็ได้ลิ้มลองรสชาดที่ตนเองชอบ(ก่อไว้) ขอถามช้างอีกเชื่อกว่า เธอทำอะไรไว้เมื่อชาติก่อน ทำไมจึงเกิดเป็นช้างล่ะ
    ช้าง ข ชาติก่อนผมมีชีวิตอยู่ในหุบเขา นิสัยป่าเถื่อนยังไม่คลาย อารมณ์ดุร้ายรุนแรง มีความรักกับหญิงสาวเผ่าพันธุ์เดียวกัน แต่พ่อแม่เธอไม่เห็นด้วย ก็เกิดโทสะขึ้นรุนแรง ฆ่าฟันไม่เลือกเลยฆ่าฆ่าตายทั้งบ้าน พร้อมกับกินเนื้อเป็นอาหารด้วย เพื่อระบายความโกรธ พูดไว้ว่าเหี้ยมโหดทารุญที่สุด ชาติก่อนได้ก่อกรรมที่ผิดศีลธรรมอย่างมาก ดังนั้นชาตินี้จึงเกิดเป็นช้าง
    หยางเซิง ดูแล้วเหมือนประเทศที่ด้วยพัฒนา อารยะธรรมไม่เจริญ ใบหน้าก็มีรอยสัก มีอารมณ์ของความดุร้ายอยู่
    อรหันต์จี้กง ช้างตัวนี้มีงาที่ใหญ่โตเป็นพิเศษ อันนี้ก็เป็นเขี้ยวของสัตว์กินเนื้อ ฟันของคนเล็กและเรียบ อันนี้เป็นความต้องการของสวรรค์ที่จะให้คนกินผัก ถ้าหากก่อนกินอาหารต้องบดเคี้ยวฟันและก็ สัตว์พวกนี้น่ากลัวยิ่งนัก การแบ่งแยกเป็นคนหรือสัตว์แบ่งได้ตามความแตกต่างกันของฟันนี้ คนที่มีอารยะธรรมจะมีฟันที่เล็กสั้นและเรียบร้อย พวกป่าเถื่อนฟันจะหยาบใหญ่และยาวแหลมคมเหมือนธนู ดังนั้นจึงหวังว่าชาวโลกที่มีอารยะธรรมจะประพฤติชอบปฏิบัติชอบ อย่าซ่อนมีดคอยทำลายคน ข่มเหงรังแกคน อันนี้เป็นการกระทำของสัตว์ วันนี้เยี่ยมเยือนถึงนี่พอแล้ว หยางเซิงเตรียมตัวกลับสำนัก
    หยางเซิง ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์เดินทางกลับได้
    อรหันต์จี้กง สำนักเซินเต๋อถังถึงแล้ว หยางเซิงลงจากปทุมทิพย์ได้ วิญญาญกลับเข้าร่างเดิม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2016
  6. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,985
    ค่าพลัง:
    +1,223
    ครั้งที่12 สัตว์เดรัจฉานมีจิตวิญญาณดุจเดียวกับมนุษย์ขนแกะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นควรนึกถึงบุญคุณมันอรหันต์จี้กงเสด็จประทับทรง วันที่ 9 ตุลาคม 2524
    อรหันต์จี้กง เปรียบเที่ยบชีวิตคนกับชีวิตสัตว์ พูดได้ว่า เหมือนฟ้ากับดิน ถึงแม้ว่าวิทยาการก้าวหน้า ความเป็นอยู่ของประชาชนยกระดับขึ้น สัตว์ได้รับการเอาใจใส่จากมนุษย์มากขึ้น เช่น สุนัขพันธุ์ต่างๆ ได้รับการเลี้ยงดูจากผู้มีเงิน ชีวิตความเป็นอยู่เมื่อเทียบกับคนบางคนแล้วดีกว่าหลายเท่า แต่ถ้าดูส่วนใหญ่ สัตว์ก็ยังต่ำกว่าคน ต้องถูกคนควบคุม การตายของคนยังมีมนุษย์ธรรมแต่การตายของสัตว์ส่วนมากถูกนำไปฆ่าเพื่อเอาเนื้อมาบริโภค คือจุดเหนือกว่าของมนุษย์ที่มีต่อสัตว์ ดังนั้นจึงหวังว่าชาวโลกจะรักษาความเป็นมนุษย์เอาไว้ อย่าได้เดินสู่ความตกต่ำเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน ซึ่งได้รับโทษกรรม บางครั้งก็ต้องทำงานหนัก ถูกเฆี่ยนตีฆ่าฟันถึงแก่ชีวิต ผู้ที่ได้รับโทษกรรมเนื่องจากไม่ประพฤติตนเยี่ยงดุจสัตว์เดรัจฉาน ดังนั้น จึงไม่มีโอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์ ตั้งแต่แต่งหนังสือ “วงเวียนกรรมของสัตว์เดรัจฉาน” มานี้ ผู้ที่ได้อ่านก็ได้ลดการกระทำผิดลง
    คนบาปอ่านแล้วก็ตกใจกลัว ส่วนคนดีก็เพิ่มความระมัดระวัง ไม่ให้ก้าวลงไปทางชั่ว หนังสือนี้เตือนสติปลุกให้ตื่นจากภวังค์ ชาวโลกอย่าได้เห็นหนังสือนี้กล่าวอย่างไร้สาระ
    หยางเซิง มีคนที่สงสัยเรื่องวงเวียนกรรมของสัตว์เดรัจฉานมิใช่เป็นคนแน่ จะพูดจาสาสะกับคนได้อย่างไร เขาคิดแต่เพียงว่าสัตว์เดรัจฉานเป็นเพียงเนื้อที่เดินได้เท่านั้น จะมีวิญญาณได้อย่างไร อย่างเช่นพวกเราที่เที่ยวสัมภาษณ์สัตว์แต่งหนังสือนี้ ก็คิดว่าเป็นเรื่องพูดเล่น
    อรหันต์จี้กง ชาวโลกรู้น้อยไปแล้ว ในสมัยโบราณมีกรง-เจี้ยบที่สามารถรู้ภาษานกได้ สามารถพูดคุยกับนกได้ นายจงจื่อฉี่ฟังเสียงพิณของนายเป๋อหยา ก็เข้าใจความในใจของเขาได้ถูกยกย่องว่าเป็นผู้หยั่งรู้เสียงได้ ยังมีอีก นกกระยางของเทวดาทางทิศใต้สามารถเข้าใจภาษาของเทวดาได้ ท่านจอมพลหยางมีสุนัขตัวหนึ่งสามารถเข้าใจภาษาเทวดาได้ เจ้าแม่กวนอิมที่ทรงมังกร ท่านเทวดาเทียนสือทรงเสือ ท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ใต้เท้ามีเต่าและงูเป็นขุนพล ล้วนแล้วแต่เป็นสัตว์ที่อยู่ด้วยกันกับเทพเจ้า สิ่งเหล่านี้เป็นหลักฐานยืนยันได้ดี ถ้าหากสัตว์ไม่มีวิญญาณ พวกมันจะขึ้นสวรรค์อยู่กับเทวดาได้หรือ ดำรงชีพอยู่ด้วยกันได้ มีสัตว์หลายอย่างที่ได้รับการฝึกฝน ไม่เพียงแต่เข้าใจภาษาคนเท่านั้น ยังทำงานให้คนได้ สุนัขเฝ้าบ้าน ลิงแสดงละคร ลิงเก็บมะพร้าว สามารถพูดภาษาคนได้ หลักฐานตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ถึงแม้รู้ว่าสัตว์ไม่มีร่างของคน แต่ก็มีวิญญาณเช่นกับคน แต่พูดกันไม่รู้เรื่อง พวกมันต่างก็มีภาษาของมันเอง เพียงแต่คนธรรมดาสามัญฟังไม่เข้าใจมันเท่านั้นเอง มดผงกหัวพูดจา นกนั้นร้องเรียกเมื่อพบภัย พวกมันต่างก็เข้าใจกัน ทั้งคนและสัตว์โงไปคนละอย่าง มนุษย์ไม่เข้าใจภาษาสัตว์ สัตว์ฟังคนพูดกันไม่เข้าใจ มันก็คงจะงงเหมือนกัน คิดว่าคนก็ดูเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง ดังนั้นผู้คนไม่ควรไปดูถูกพวกมัน เรื่องที่ฉันพานายหยางเซิงไปคุยกับพวกมันได้นั้น ก็เพราะฉันใช้คาถาพุทธมนต์ ทำให้พวกมันกับกลายเป็นวิญญาณเดิม จะได้พูดจากันรู้เรื่อง จะยกตัวอย่างอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าหากฉันพานายหยางเซิงไปสัมภาษณ์คนอเมริกันสักคนหนึ่ง คนส่วนใหญ่ก็รู้ว่าคนอเมริกันพูดภาษาอังกฤษ จะไปพูดคุยกันได้อย่างไร อันที่จริงแล้วสัตว์ที่มีวิญญาณ ถ้าได้รับการฝึกฝน ก็สามารถที่จะพูดภาษาต่างๆ กันได้เมื่อฉันใช้บารมีพุทธะ เป่าเสกวิญญาณของสัตว์เดรัจฉาน ก็พูดภาษาคนได้ ก็ดุจเดียวกับคนที่มีความเฉลี่ยวฉลาด ก็สามารถพูดภาษาจีน ภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน และภาษาอื่นๆ ได้ อีกอย่างเช่นคณะละครสัตว์แต่ละประเทศ ก็มีครูฝึกสัตว์ แต่ละประเทศก็พูดภาษาของตนเอง พูดฝึกสัตว์ต่างๆ พวกสัตว์มันก็สามารถเรียนรู้เข้าใจ ซึ่งก็เป็นหลักฐานแสดงว่าสัตว์ย่อมมีจิตวิญญาณ เพียงแต่ต้องเพิ่มความพยายามฝึกอบรมจนกว่าจะใช้งานได้ อย่างเช่นวิทยาการปัจจุบัน สามารถมีเครื่องมือตรวจสอบพายุ ซึ่งไม่คาดคิดมาก่อนใช่ไหม คนและสัตว์ก็มีมันสมองที่เหมือนกันและต่างกัน การแผ่กระจายของคลื่นสมอง ถ้าได้รับการชักจูง คนและสัตว์ก็จะมีสิ่งที่เหมือนกัน คลื่นสมองก็เหมือนคลื่นไฟฟ้า บางครั้งความฉับไวของสัตว์ยังเหนือว่าของมนุษย์นับพันเท่า เนื่องจากพุทธศาสนาในบรรดาทั้งหมดหกช่องทาง หกช่องทางนี้ก็เกิดจากหนึ่งกลายเป็นหกหรือจะพูดว่าหนึ่งร่างหกหน้าก็ได้ ถ้าหากจะพูดว่าสัตว์ไม่สามารถจะติดต่อกันได้ละก็ การเวียนว่ายหกช่องทางนั้นก็เป็นไปไม่ได้ แล้วพวกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตอยู่บนสวรรค์ ณ แดนสุขาวดี พุทธเกษตรก็เป็นสิ่งหลอกลวงด้วย คำกล่าวของผู้บรรลุอรหันต์กล่าวว่า “สรรพสัตว์กับฉันนั้นไม่ต่างกัน “ เป็นคำกล่าวที่ชัดเจนถึงสรรพสัตว์แห่งฟ้าดินถ้าหากไม่มีวิญญาณย่อมไม่มีสัตว์ ดังนั้นเมื่อมีวิญญาณก็ควรกระทำต่อด้วยความดี พวกสัตว์ก็ควรใช้ในทางที่ดีด้วย จานข้าวใบหนึ่งก็ใส่ข้าวได้จานหนึ่ง แว่นตาคู่หนึ่งก็สามารถส่องเห็นความชัดเจนได้ล้วนเป็นการแสดงออกคุณสมบัติของมัน สิ่งของเหล่านี้ควรใช้สอยอย่างถนอม อยุ่ดูแคลนทิ้งขว้าง สิ่งของเป็นเช่นนี้ วิญญาณต้องเป็นสิ่งต้องยอมรับ ปราชญ์จะมองสัตว์เหมือนมองคนจะเมตตากรุณาและรักใคร่ ในภาคใต้ของมณฑลนี้ มีคนจำนวนมากชอบจับนกสุขสวัสดิ์มาฆ่า นักอนุรักษ์สัตว์กับรัฐบาลพยายามขอร้องไม่ให้ฆ่าสัตว์เพราะเพียงแต่กินเนื้อคำเดียวก็ต้องฆ่าหนึ่งชีวิต ราคาตัวหนึ่งก็แค่ 10 เหรียญ(56 บาท)ต่างอดเพียงเล็กน้อยนกก็มีสิทธิในการดำรงชีวิตอยู่ เอาแต่ใจตัวเพียงจับฆ่าเล่น ไม่เพียงขาดความรักยังเป็นการทำลายธรรมชาติให้เสียไป เป็นการทำลายจิตใจมนุษย์ รัฐบาลที่ดีและประชาชนที่เอื้ออารีย์ต่อสัตว์ย่อมเป็นที่กล่าวขวัญถึง สวรรค์เดิมที่ให้กำเนิดที่ดี ถ้าหากมนุษย์ทั้งมวลยังมีจิตสวรรค์อยู่ แสดงถึงความเมตตากรุณา ที่มีกล่าวในหนังสือนี้ ยิ่งเพิ่มพูนการขจรกระจายทางคุณงามความดี และมีมหาเมตตา และความรักอันยิ่งใหญ่ของหนังสือเล่มนี้ หากชาวบ้านมีไก่เล็กๆตัวหนึ่งได้หายไป ก็ได้แต่ติดตามเที่ยวหา แต่ทว่าไก่ของผู้อื่นหลงมาจับได้ละก็ รีบฆ่าแกงด้วยความเจ็บแค้น เวลาเธอฆ่าคนตีคนเธอไม่รู้สึกเสียใจ แต่พอถูกยุงกัดทีหนึ่ง ใจเธอก็รู้สึกไม่ยอม เอาใจเขาเปรียบใจเรา ใจเรานั้นดีสักกี่เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือนั้นทำลายน้ำใจคนไปไม่มีเมตตา สัตว์ก็ย่อมมีวิญญาณที่แตกต่างไปจากเรา และก็เป็นเพื่อนของมวลมนุษย์พวกมันสู้อุทิศชีวิตของมัน มาเลี้ยงดูชาวโลก ชาวโลกไม่บังควรหลงลืมบุญคุณอันนี้ หนังสือวงเวียนกรรมของสัตว์เดรัจฉาเล่มนี้แสดงถึงวิญญาณที่ไม่มีการดับสูญ มีการหมุนเวียนกลับมาเกิดใหม่ในโลกอีก ขอเตือนสติท่านๆ อย่าได้เหิมเกริมสร้างบาป ควรปฏิบัติตนเป็นคนที่มีความสง่าสมเป็นมนุษย์ จะได้ไม่ต้องเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ที่ต้องยอมถูกฆ่าแกงใช้งาน ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ความมุ่งหมายของหนังสือนี้ เป็นการประกาศเตือนชาวโลกให้ประกอบแต่คุณงามความดี อย่ากระทำตนเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานกันเถอะ
    หยางเซิง อาจารย์สู้ทนพร่ำบ่นแสดงถึงหลักฐานความจริงเหล่านี้ ก็เพื่อให้ชาวโลกได้เชื่อถือกฎของเวียนตายเกิดนั้นเป็นความจริง สัตว์เดรัจฉานก็มีฟ้าดินของมันเช่นกัน หนังสือนี้ได้เปิดเผยความรู้เกี่ยวกับวงเวียนกรรมของสัตว์ หลักฐานที่แสดงนี้ย่อมสมเหตุผลยิ่งนัก
    อรหันต์จี้กง หยางเซิงขึ้นปทุมทิพย์ได้แล้ว เตรียมออกเดินทางต่อ
    หยางเซิง วันนี้จะไปที่ไหนดีล่ะ
    อรหันต์จี้กง เที่ยวต่างประเทศ
    หยางเซิง ไปประเทศไหนกับครับ
    อรหันต์จี้กง เราไปประเทศนิวซีแลนด์ไปเยี่ยมชมแกะ
    หยางเซิง ถือโอกาสทองนี้ไปเที่ยวก็ดีไม่น้อย อากาศวันนี้ก็หนาวเย็นมาก ขนแกะนิวซีแลนด์มีชื่อเสียง จะนำเอาขนแกะมาทำเสื้อขนสัตว์ได้ไหมนี่
    อรหันต์จี้กง เธอนี่ฉลาดี ออกเดินทางเถอะ...ถึงแล้ว หยางเซิงลงจากปทุมทิพย์
    หยางเซิง ที่นี่แกะเต็มไปหมด แต่ละตัวขนปุกปุย ขนก็ยาวมาก ผิดกับแกะที่บ้านไม่ทราบว่าทำไมมันจึงมีขนมากมายและยาวเช่นนี้
    อรหันต์จี้กง ขนแกะงอกอยู่บนตัวแกะ ที่นี่ก็มีหญ้ามากมาย เหมาะสำหรับยังชีพแกะเหล่านี้ ขนแกะต้องปกป้องร่างกายให้อบอุ่น ดังนั้นขนแกะถึงต้องดูแลร่างกาย สิ่งนี้ก็เป็นงานสร้างสรรค์ที่น่าอัศจรรย์ด้วย
    หยางเซิง ฤดูหนาวใกล้มาแล้ว ผู้คนต้องพบกับความหนาว ต้องสวมใส่เสื้อขนแกะให้อบอุ่น พวกมันรับใช้มนุษย์ชาติไม่น้อยทีเดียว ให้เสื้อขนสัตว์แก่มวลมนุษย์ จะสามารถถามถึงความรู้สึกของมันเกี่ยวกับขนแกะได้ไหม
    อรหันต์จี้กง วันนี่มาถึงที่นี่ ก็เพราะจะมาสัมภาษณ์พวกมัน จะได้เข้าใจความเป็นมาของพวกมัน “เจ้าแกะ เจ้าแกะ” ขนปุกปุยทั้งตัว ดังใส่เสื้อขนสัตว์ รีบบอกความเป็นมา ฉันจะเสกคาถาให้จำความดังเดิม จะได้เล่าความเป็นมาของกรรมชาติก่อน เพื่อเตือนสติชาวโลก
    หยางเซิง ฝูงเกะเหล่านี้ ถูกอาจารย์เจิมเสก ถ้าได้สติผมจะสอบถามสักตัว ขอถามพี่แกะว่าพี่กลับชาติเกิดเป็นแกะมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง (ฝูงแกะถูกอาจารย์แสกเป่า รู้สติทันใดสามารถเอ่ยปากพูดจาได้แล้ว
    แกะ ก ชาติก่อนเมื่อผมเกิดเป็นคน ทุจริตต่อหน้าที่เกิดพลาดพลั้งฆ่าคนตายขึ้น เลยกลับชาติเกิดเป็นแกะ
    หยางเซิง ทุจริตอย่างไร
    แกะ ก ผมรับราชการ บังเอิญมีการก่อสร้างสะพาน อยู่ในความดูแลรับผิดชอบ เพื่อยักยอกเงินทองร่วมมือกับผู้รับเหมากินแรง กินปูน กินเหล็ก กินหินดินทราย กินงบประมาณไปถึงเศษหนึ่งส่วนสาม ตรวจรับงานเซ็นชื่อรับแล้ว ได้กำไรเป็นแสนมีอยู่ครั้งหนึ่งเกิดอุทกภัยบังเอิญมีรถหลายคัน และคนเดินอยู่บนสะพาน เสาสะพานถูกน้ำซัดแรงจนพังลงไปผู้คนล้มตาย เลยได้รับโทษที่ทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ดังนั้นชาตินี้จีงเกิดเป็นแกะขนเต็มตัวไปหมด พอขนยาวขึ้นก็ถูกตัดไปขาย นำส่งออกนอกทำเป็นผ้าขนสัตว์เสื้อขนสัตว์ ตลอดชีวิตได้แต่งอกขนเพื่อให้ชาวโลก เป็นการชดใช้เวรชาติก่อน
    หยางเซิง ทุจริตขนหนึ่งเส้นก็ต้องชดใช้หนึ่งเส้น เธอทุจริตเป็นแสนไม่รู้ต้องชดใช้กี่ปีจีงหมด
    แกะ ก ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ชีวิตยืนยาวอยู่ได้เพราะขนยังงอกอยู่ เพื่อชดใช้หนี้กรรมจะไปโทษใครเขาล่ะ
    หยางเซิง มีใจรู้สึกนำผิดชดใช้กรรม เชื่อแน่ว่าหนี้สินที่มีอยู่คงสามารถชดใช้หมด
    อรหันต์จี้กง ชาติก่อนนำให้เขาต้องหนาวหลายคน ทำให้คนต้องกลายเป็นผีในน้ำ ชาตินี้ก็ให้ขนแก่ชาวโลกเพื่อกันความหนาวให้ร่างกายอุ่นก็เกี่ยวกับกรรมที่ก่อไว้
    หยางเซิง ขอถามแกะอีกตัวหนึ่ง ทำไมถึงมาเกิดเป็นแกะ
    แกะ ข ขอขอบคุณ ท่านอรหันต์และท่านผู้ใจบุญที่ช่วยเหลือทำให้ฉันสว่างขึ้นเป็นกอง ชาติก่อนผมเป็นพ่อค้าขี้โกง มีอาชีพขายขนสัตว์ปลอม เอาผ้าธรรมดาหลอกชาวบ้านว่าเป็นผ้ามาจากต่างประเทศ หลอกลวงผู้คนบางคนหลงเชื่อว่าเป็นของดีมีราคาแพง เสียเงินซื้อของแพง ถูกหลอกลวงโดยไม่รู้แถมดีใจว่าได้ของดี ตลอดชีวิตหลอกขายแต่ผ้าเลวๆ กำไรเงินทองไม่น้อยแถมยังมีภรรยา 2คน เสพสุขเหลือหลายตอนมีชีวิตอยู่ไม่เคยเชื่อ “กฎแห่งกรรม” แต่พอตายลง บนจอกระจกส่องบาป ฉายภาพหลอกต้มออกมาตกตะลึงทันใจเกรงกลัวยิ่งนัก ได้รับเคราะห์กรรมหลายร้อยกระทง พอพ้นโทษก็เกิดเป็นแกะเมืองนอกขนบนตัวของฉันก็คือเสื้อผ้าของฉัน กินหญ้าเลี้ยงบำรุงขนงอกเต็มตัว พอขนยาวก็ดูเหมือนเสื้อผ้าตัวหนึ่งก็ถูกเขาถอดออกไป(ตัดขน) ทำเป็นผ้าขนสัตว์เพื่อให้ชาวโลกสวมใส่ มัน เหมือนมีแต่ลากไถ แต่ไม่ได้เก็บกี่ยว เสื้อบนร่างกายใส่เพื่อช่วงสั่นๆก็ถูกเขาถอดเอาไปรู้สึกไม่พอใจ
    อรหันต์จี้กง ใจอย่าได้คิดแค้นเคือง เสื้อขนสัตว์ของเธอใส่ได้ไม่นาน เพราะว่ามีบุญน้อย ใครสอนให้เจ้าว่าหลอกขายผ้าเก๊เหล่า ชีวิตนี้เลยต้องขายแต่ผ้าแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ขนบริสุทธิ์ คืนให้ชาวดลกสวมใส่ อย่างนี้เป็นการชดใช้กรรมเวร
    แกะ ข ได้ฟังคำของท่านอรหันต์จี้กงแล้ว รู้สึกสำนึกผิดชาติก่อนแม้ร่ำรวยมหาศาลแต่เสวยสุขเพียงไม่กี่ปี ชาตินี้ร่อนเร่พเนจรอยู่ในท้องทุ่ง อุทิศการขายเสื้อขนสัตว์ให้เขาไม่ได้รับเงินสักสตางค์เดียว ต้องโทษตัวเองดีกว่า
    หยางเซิง ขอถามแกะอีกตัว เธอทำไมเกิดเป็นแกะล่ะ
    แกะ ค ผมชาติก่อนตั้งตัวเป็นนายทุนเถื่อน ออกเงินให้กู้ดอกเบี้ยสูง สำหรับคนร้อนเงินมีทุกข์มาหา ต้องการยืมเงิน ก็คิดดอกเบี้ยแพงๆ อาจพูดว่า “ดอกเลือด” ได้อาหารข้ามื้อเดียวก็ต้องถูกข้าทำลายหลอดเลือดให้ข้าสูบเลือดกิน เพราะคนทุกข์ร้อน มีความต้องการรีบด่วน ข้อสัญญาผูกมัดอะไรก็ยอมทำ ฉันก็เลยใช้โอกาศนี้กดขี่บังคับข่มขืนลุกเมียเขา ลูกหนี้ถูกข่มเหง ก็สู้จำทนเพื่อป้องกันภัย เงินทองถูกใช้ไปทางระเริงกาม ทำผิดทำนองคลองธรรม พอตายได้รับโทษหนักในเมืองนรก ภายหลังมาเกิดเป็นแกะจึงตกมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ ลำบากเหลือหลาย ชาติก่อนร่ำรวยเดินเหินมีรถนั่งมีนารีงาม ตอนนี้อะไรๆ ก็ไม่มี เป็นสัตว์เดรัจฉานสวมเขาหุ่มขนน่าอนาถเหลือหลาย
    หยางเซิง พวกให้กู้เงินคิดดอกเบี้ย มีบาปอย่างนี้หมดหรือ
    อรหันต์จี้กง ไม่เหมือนกันหมดหรอก ธนาคารกู้เงินคิดดอก จะมีโทษอะไร ให้เงินเขายืมช่วยพ้นทุกข์ไม่คิดดอกได้กุศล ถ้าคิดดอกน้อยก็ไม่มีบาป เพราะช่วยคนเขาพ้นทุกข์มีชีวิตต่อไปได้แต่ได้บุญเพียงครึ่งเดียวถ้ามีอาชีพออกเงินกู้คิดดอกสูง แถมยังก่อกรรมหนักนับว่าไม่มีเมตตา อาศัยความทุกข์ร้อนของผุ้อื่น ทำบัดสีกับลูกเมียลูกหนี้ผิดทำนองคลองธรรม ก็เหมือนที่พูดไปเมื่อครู่มีคำกล่าวกล่าวว่า “ขนแกะก็งอกอยู่บนร่างแกะ” ข่มเหงเขาก็เหมือนข่มเหงตนเรื่องราวทั้งหมดนี้สามารถเตือนสติชาวโลกได้ เป็นคนที่ดีย่อมได้รับผมดีตอบแทนแน่นอน ถ้าอยู่ในโลก ข่มเหง หลอกลวง ทุจริต ไม่เพียงแต่กฎหมายจะเล่นงานเท่านั้น สวรรค์ก็ลงโทษด้วย ถ้าไม่ประพฤติเป็นคนดี ชาติหน้าสวรรค์ก็สามารถก็สามารถหาที่ๆ เหมาะสมที่เจ้าชอบทำให้ ให้เจ้าทดลองรสชาดขมขื่นดู พวกเจ้าทั้งหมดได้สร้างความดีเป็นคติเตือนชาวโลกจะได้ถูกปลดปล่อย ชาติหน้าจะได้เกิดเป็นคนอีกแต่อย่าลืมต้องประพฤติเยี่ยงคน จะได้ไม่ต้องออกนอกลู่สู่วิถีสัตว์อีก หยางเซิงขึ้นปทุมทิพย์กลับสำนัก
    อรหันต์จี้กง อาตมาหมู่นี้รู้สึกแจ่มใสนัก เห็นว่าจังหวัดนี้พื้นที่ทางตอนใต้ ตำบลผิงตง มีโรงเรียนต่างๆ ได้ปาวารณาตัว เพื่อปกป้องสัตว์ธรรมชาติ ดูแลนกตามฤดูกาล ในโรงเรียนก็มีการประกวดเรียงความ เพื่อชีวิตของสาวน้อยๆ ใส่ใจดูแลรักษาสัตว์ การกระทำครั้งนี้มีผลมาถึงครอบรัว ทำให้ทุกคนแสดงออกถึงความเมตตากรุณา ส่งผลให้สัตว์สามารถมีชีวิตอยู่และเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆฟ้ากว้างทะเลลึกสามารถเที่ยวเล่นตามสบาย เหล่านี้เป็นความหวังของมนุษย์และสัตว์ สัตว์ต่างๆ ที่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์สมควรดูแลให้มากๆ คิดแต่จะกินสัตว์ที่อ่อนแอกว่านั้นเหมื่อนการกระทำที่ป่าเถื่อน ผู้มีอารยะธรรมสูงควรจะมีน้ำใจงาม ถ้าหากเข่นฆ่าตามอำเภอใจ สัตว์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติก็ย่อมจะสูญพันธุ์ อาตมารับเทวโองการกับนายหยางเซิงให้แต่งหนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน”โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะให้เกิด “ความรักสัตว์มีเมตตา” มีสุภาพชนก่อตั้งสมาคมรักสัตว์ขึ้น เพื่อจะได้คำขวัญที่ว่า “สวรรค์น้อมนำคนเมตตาสัตว์” หวังว่า “วงเวียนกรรมของสัตว์เดรัจฉาน” นี้จะสร้างประโยชน์ที่ดีต่อสังคม ขอพวกเราอย่าได้ดูแคลน หยางเซิงเตรียมตัวออกเดินทางกันเถอะ
    หยางเซิง ผมขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญท่านอาจารย์ออกเดินทางได้
    อรหันต์จี้กง วันนี้จะไปไกลถึงทวีปอัฟริกา
    หยางเซิง โดยสารปทุมทิพย์ไปทวีปอัฟริกาโดยไม่เสียค่าโดยสารเป็นสิ่งแปลกใหม่ดี
    อรหันต์จี้กง โลกของจิตวิญญาณไม่มีใกล้ไกล ดังนั้นชาวโลกควรระมัดระวังดูแลรักษาจิตเป็นสำคัญ จากร่างกายเนื้อธรรมดานี้ เมื่อจิตวิญญาณได้ออกจากร่างไปแล้ว มันรวดเร็วยิ่งกว่ากระแสไฟฟ้ามันสามารถไปถึงทุกมุมของโลกได้ สิ่งเหล่านี้เป็นความสามารถของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เมื่อฝึกถึงที่นี้แล้ว ตายหรือเกิดประดุจเดียวกัน ไม่ถูกผูกมัดในวงเวียนกรรม เราไปอัฟริกากันเถอะ...ถึงที่หมายแล้วลงมาได้
    หยางเซิง แถวนี้เป็นป่าทึบ พื้นที่ไร้การบุกเบิก มองดูน่ากลัวเหมือนกัน
    อรหันต์จี้กง ไม่ต้องกลัว อาจารย์อยุ่นี่ สบายใจเถอะ
    หยางเซิง ข้างหน้ามีเสืออยู่ฝูงหนึ่ง ท่าทางน่าสะพรึงกลัวเราจะถูกกันไหมเนี้ย
    อรหันต์จี้กง ตอนนี้เรามาแต่กายทิพย์ พวกเสือไม่สามารถทำร้ายเราได้ ไม่ต้องกลัว
    หยางเซิง พวกเสือที่อยู่ป่าดูดุร้าย
    อรหันต์จี้กง มันมีชีวิตอยู่ในป่าลึก ไม่มีคนดูแล จึงเต็มไปด้วยความป่าเถื่อน คนเราถ้าไม่ได้รับการศึกษา ไม่มีครูบาอาจารย์พ่อแม่ คอยอบรมสั่งสอนก็จะกลายเป็นเด็กป่าเถื่อน “เจ้าเสือ” เจ้าเสือ”อย่าแสดงหน้าแยกเขี้ยวเลย อยู่เฉยๆ เถอะไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ อย่างนี้ไม่ใช่เปล่าเปลี่ยว ป่าเถื่อนหรือ รีบๆ สำนึกเสีย เปลี่ยนหัวเปลี่ยนหน้าประพฤติตัวใหม่ เก็บความกักขะได้ อรหันต์จี้กงจะเจิมเสกรีบๆ แสดงออกความเป็นมาชาติที่แล้วเพื่อเตือนสติชาวโลก จะได้กลับร่างไปเกิดเป็นคนใหม่
    หยางเซิง พวกเสือได้รับการเจิมของอาจารย์ กลับกลายร่างเป็นคนขึ้นมา มีทั้งหญิงและชาย รูปร่างกำยำดุร้าย มีอารมณ์และพลังที่ข่มคนอยู่
    อรหันต์จี้กง หยางเซิง เจ้าสัมภาษณ์ได้แล้ว
    หยางเซิง พวกเสือได้รับการเจิมของอาจารย์ กลับกลายร่างเป็นคนขึ้นมา มีทั้งหญิงและชาย รูปร่างกำยำดุร้าย มีอารมณ์และพลังที่ข่มคนอยู่
    อรหันต์จี้กง หยางเซิง เจ้าสัมภาษณ์ได้แล้ว
    หยางเซิง ฉันเป็นทรงสำนักเซิ้นเต๋อถัง เมืองไถจง ได้รับคำสั่งให้ติดตามอาจารย์อรหันต์จี้กงมาทำหนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” เพื่อเตือนใจชาวโลก วันนี้มาสัมภาษณ์พวกท่านเป็นพิเศษ หวังว่าจะเล่าถึงการก่อกรรมแต่ชาติก่อน เป็นการสร้างบุญกุศล ชาติหน้าจะได้เกิดเป็นคน จะได้ไม่ต้องมีชีวิตอยู่ในป่ารีบๆเล่ามา
    เสือ ก ฉันชาติก่อนเป็นคนบ้านนอก อาศัยอยู่ในเขารูปร่างกำยำหยาบกร้าน ได้แต่ล่าสัตว์ จับสัตว์ป่ายังชีพ ใช้ชีวิตชาวป่า มีอยู่วันหนึ่งเกิดทะเลาะกับเพื่อนบ้าน อารมณ์พุ่งแล่น ใช้มีดไล่แทงฆ่าฟันตายทั้งบ้าน เสร็จแล้วก็ปล่อยไฟเผาบ้าน เมื่อก่อนกฎหมายยื่นมือไปไม่ถึง ฉันก็ไม่ได้รับโทษอะไร แต่พอตายลงตกนรก ได้รับกรรมทรมาน ถูกมีดร้อยๆเล่มจ้วงแทง ตัดผ่าแล้วนำลงต้มในกระทะร้อนๆ พอพ้นโทษกลับชาติไปเกิดเป็นสิ่งห์โตมาแล้วชาติหนึ่ง ชาตินี้เกิดเป็นเสือ อาศัยอยู่ในป่าลึก รู้สึกทุกข์เยือกเย็นยิ่งนัก
    อรหันต์จี้กง อารมณ์เธฮรุนแรงมาก ฆ่าคนดุจฆ่าสัตว์เหมือนไม่มีจิตคน กระทำการไร้มนุษยธรรม ตอนมีชีวิตอยู่ก็ชอบกินของสดๆ มีเลือดจนเคยเป็นนิสัย ชาตินี้เลยต้องอยู่ในป่า จะสลัดอารมณ์สัตว์ทิ้งเสีย สวมใส่จิตตน ค่อยๆแปรเปลี่ยน ชาติหน้าจะได้เกิดเป็นคน แต่ก็เป็นคนจนต้องเป็นกรรมกรเลี้ยงชีพ เพื่อชดใช้บาปที่ก่อไว้
    เสือ ก ขอบคุณท่านอรหันต์และคุณหยางเซิง ชาติหน้าเกิดเป็นจะประพฤติให้ดี ไม่กล้าทำบาป จะได้ไม่ต้องเกิดในเส้นทางนี้อีก
    หยางเซิง ผมจะถามอีกคน คุณทำบาปอะไรไว้
    เสือ ข ผมชาติก่อนเป็นหัวหน้ามาเฟีย(ซ่องโจร) ปล้น จี้ ฆ่าคน ปล่อยให้ไฟเผาบ้าน ข่มขืนหญิงชาวบ้าน ไม่มีอะไรที่ไม่ทำ เหมือนชีวิตประจำวัน เคยฆ่าคนตายสองคน บาดเจ็บสิบสามคน ปล้นทรัพย์สินมูลค่าสองล้านเหรียญ ปล่อยไฟเผาบ้านสองครั้ง ข่มขืนสามครั้ง ตลอดชีวิตไม่เคยทำดี ผู้คนโกรธแค้นนับหมื่น อยู่มาวันหนึ่งดวงชะตาตกอับ ตำรวจตามจับข้อหาฆ่าคนเลยหลบหนีเข้าไปอยู่ในป่าเขา เพียงลักของชาวบ้านยังชีพ อาศัยนอนหลับอยู่บนต้นไม้ในป่า วันหนึ่งถูกงูกัดตาย ถูกยมทูตจับลงนรกรับกรรม พอพ้นเคราะห์ก็กลับไปเกิดเป็นงูสองชาติ เป็นเสือหนึ่งชาติ วัวหนึ่งชาติ ค่อยกลับไปเกิดเป็นคนใหม่อีก เวรงูจบไปแล้ว ตอนนี้เกิดเป็นเสือในป่าอัฟริกา รู้สึกสำนึกผิด
    อรหันต์จี้กง เกิดเป็นเสือร้าย เที่ยวกินคนเป็นอาหารบาปใหญ่นักหนา ตายแล้วกระดูกไม่ได้ฝัง ขุมนรกเคร่งครัด ยังให้เกิดเป็นสัตว์อีก วันนี้เจ้าโชคดีที่เล่าเรื่องชาติก่อน เป็นการสร้างบุญชดใช้กรรมเก่า ชาติหน้าจะให้เกิดเป็นคน ไม่ต้องเกิดเป็นวัวควายอีก แต่จะไม่สมประกอบนะต้องเป็นขอทาน จะได้ไม่ทำร้ายคน
    เสือ ข ขอบคุณ ท่านอรหันต์จี้กง ช่วยปลดทุกข์ให้ผมด้วย
    อรหันต์จี้กง ทุกข์เราก่อขึ้นเอง ก็ต้องรับทุกข์ไว้เองฉันก็ช่วยเธอมากแล้ว ควรจะพอใจ อย่าขอมากเลย
    เสือ ข ครับผม
    หยางเซิง ขอถามอีกคน คนนี้เป็นหญิง เธอทำบาปอะไรไว้แต่ชาติก่อน จึงเกิดเป็นเสือเพศเมีย
    เสือ ค ขอท่านหยางเซิงอย่าหัวเราะเลย ฉันสำนึกผิดแล้วแต่ก็สายเกินแก้ ฉันเมื่อชาติที่แล้วเป็นหญิงปราดเปรียว เนื่องจากตอนเด็กๆ ไม่ค่อยอยู่กับบ้าน สร้างสมนิสัยเที่ยวเล่นส่ำส่อน ในที่สุดก็เข้าสังคมมืด ขายยาเสพติดและค้าประเวณี ทั้งพวกผู้หญิงพวกผู้ชายล้วนต้องเชื่อฟังคำสั่งฉัน มิฉะนั้นจะถูกตี ถูกฆ่า โดยไร้ความปราณี มันเป็นกฎหมู่ของสังคมมืด ทุกคนขนานนามฉันว่า “นางกุหลาบดำ” ตลอดชีวิตสร้างบาปมากมาย โหดเหี้ยมอย่างนางสิงห์ ในที่สุดก็ตายจากพิษร้าย รับโทษนานัปการในขุมนรก ชาตินี้เลยเกิดเป็นนางเสือ นี่เป็นประวัติที่ก่อกรรมไว้
    อรหันต์จี้กง เธอนี่ไม่ใช่คนเลยเป็นนางเสือร้าย ตอนนี้เกิดเป็นเสือ เที่ยวสัญจรไปในป่าลึก แต่ไม่มีอิทธิฤทษ์ดังเช่นแต่ก่อนหวังว่าคงสำนึกตัวกลับใจได้ ชาติหน้าจะได้เกิดเป็นคน แต่เนื้อหนังคงต้องให้เขาเหยียบย่ำเพื่อชดใช้บาปกรรม หวังว่าชาติหน้าจะประพฤติตัวดี
    เสือ ค ขอบคุณที่ท่านอรหันต์ช่วยเหลือ
    อรหันต์จี้กง การสัมภาษร์พวกเสือ เอาเพียงแค่นี้ เราเปลี่ยนสถานที่สัมภาษณ์โชลงช้างกันเถอะ
    หยางเซิง ดีครับ ผมขึ้นนั่งเรียบแล้ว เชิญอาจารย์ออกเดินทางได้
    อรหันต์จี้กง ถึงแล้ว
    หยางเซิง ที่นี้มีช้างอยู่โขลงใหม่ มีบางเชือกดูตัวเล็กอยู่คงเป็นลูกช้าง
    อรหันต์จี้กง อย่าสนใจว่าเป็นช้างเล็กช้างใหญ่ ยังไงก็ไม่ใช่คน
    หยางเซิง อาจารย์พูดปริศนา พวกช้างเหล่านี้ร่างกายพยาบกร้าน พวกมันคงต้องมีประวัติความเป็นมาต่างจากพวกอื่น
    อรหันต์จี้กง ให้ฉันได้เสกเจิมพวกมันก่อน “ช้างเล็ก ช้างใหญ่ รูปร่างน่าชัง ผิวกายหยายกร้าน น้ำหนักก็มากกว่าจะขยับตัวได้ ดูช่างอุ่ยอ้าย รีบๆตื่นจากภวังค์ กลับตัวกลับใจ เล่าความเป็นมา
    หยางเซิง พวกโขลงช้างพอถูกอาจารย์เสกเจิมเท่านั้น ทำไมจึงส่ายหัวกันใหญ่
    อรหันต์จี้กง ตอนนี้พวกมักรู้สึกทรมานมาก เพราะฉันใช้พลังพุทธกดลงบนฐานวิญญาณ เนื่องจากช้างมีรูปร่างกายใหญ่มากจึงมีรัศมีสะท้อนกลับ ส่องให้เห็นจิตเดิม จะเกิดการขัดข้องบ้างเพราะร่างกายใหญ่เกินไป การเคลื่อนไหวลำบาก จึงมีลักษณะเช่นนี้ปรากฏ
    หยางเซิง ที่แท้เป็นเช่นนี้ ตอนนี้โคลงช้างค่อยๆ เปลี่ยนร่างมาเป็นร่างคน ทุกคนมีลักษณะร่างกายล่ำสัน แลดูน่ากลัว
    อรหันต์จี้กง พวกมันล้วนแล้วแต่เป็นพวกนักกล้าม ดังนั้นรูปร่างจึงสูงใหญ่ หยางเซิงเธอถามเขาได้แล้ว
    หยางเซิง ฉันเป็นคนทรงแห่งสำนักเซินเต๋อถัง เมืองไถจง ได้รับเทวโองการให้ติดตามท่านอรหันต์จี้กงมาทำหนังสือ”วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” เที่ยวสัมภาษณ์ทั่วไป ให้เล่าถึงกรรมเก่าที่ทำไว้ เพื่อเตือนสติชาวโลก
    เพื่อจะได้สร้างคุณความดีชดเชยบาปกรรมเป็นโอกาสที่ดี พวกท่านอย่าปกปิดความจริง ช่วยเล่ารายละเอียดถึงการกระทำในอดีตชาติ
    ช้าง ก เรื่องอย่างนี้เอง ท่านอรหันต์จี้กงช่วยเสกเจิมพวกเรา เมื่อกี้ตื่นตระหนกแทบแย่ ตื่นขึ้นมาก็นึกถึงอดีตชาติ ถ้ามีโอกาสสร้างบุญอย่างนี้ ผมก็จะถือโอกาสเล่าเรื่องผลกรรม ชาติก่อนผมเป็นอาจารย์สอนกายกรรมแห่งชาติ ตั้งแต่เล็กก็ฝึกฝนศิลปะกายกรรม จึงมีร่างกายพลานามัยสมบูรณ์ ทำให้เกิดเป้นคนหยิ่งยะโสเลยคบค้ากับเพื่อนอันธพาลชกต่อยฆ่าฟันกันเป็นเรื่องปกติวิสัย พอได้ข่าวว่าเพื่อนถูกเขารังแก หรือถูกมองก็ตามไปเอาเรื่อง ทั้งตีทั้งฆ่าไม่เคยกลัวเกรง วันหนึ่งอยู่ในตลาดโต้รุ่ง ดื่มเหล้าเฮฮา ส่งเสียงโวยวาย ท่าทางใหญ่โตไม่เกรงกลัวใคร แขกโต๊ะข้างเคียงเห็นแล้วไม่พอใจ ก็พูดกับผมว่า “พี่น้องครับโปรดให้ความเกรงใจหน่อย”ผมได้ยินเท่านั้นโกรธขั้นทันที ทั้งตีทั้งถีบ ทำให้เขาบาดเจ็บช้ำในมาก ถึงกับมีเลือดออก แล้วตายลงในที่สุด ตอนนี้เห็นท่าไม่ดีรีบร้องตะโกนให้หลบหนี ต่อมาถูกจับได้ ได้รับการลงทัณฑ์อย่างหนัก หลังจากพ้นคุก ความชั่วร้ายก็ยังไม่เบาบางลง ก็ยังตั้งแก๊งก่อกวนไปทั่ว เที่ยวรังแกคนดีๆ ก่อบาปไว้มากมายล้นฟ้า พอตายลงยมบาลลงโทษแล้วให้ไปเกิดเป็นช้างอัฟริกา นี่คือเรื่องราวของผม
    หยางเซิง เธอเกิดเป็นช้างมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง
    ช้าง ก มีร่างกายใหญ่โต แบกน้ำหนักไว้มาก เวลาเดินต้องกินแรงมาก รู้สึกไม่สบายกาย
    อรหันต์จี้กง ร่างกายเจ้าทื่อมาก แต่มือก็หยายกร้าน แต่ก็ไม่สามารถใช้มันได้
    หยางเซิง แต่ช้างกินอาหารต้องใช้งวงจับของยัดเข้าปากอันนี้เนื่องจากอะไร
    อรหันต์จี้กง เพราะชาติก่อนมีวิชากายกรรม มือเท้าไวไฟทั้งยึดทั้งหด ดังนั้นชาตินี้เลยให้มีงวง(มือพิสดาร)สามารถยึดหดได้ จับของจับคนก้คล่องแคล่ว แต่ว่าความยาวของงวงดูน่าเกลียด
    หยางเซิง สวรรค์ช่างสร้างสรรค์ได้เหมาะสมยิ่งนัก วงเวียนกรรมนี้คนสามารถจะเลือกได้ตามสะดวก และก็ได้ลิ้มลองรสชาดที่ตนเองชอบ(ก่อไว้) ขอถามช้างอีกเชื่อกว่า เธอทำอะไรไว้เมื่อชาติก่อน ทำไมจึงเกิดเป็นช้างล่ะ
    ช้าง ข ชาติก่อนผมมีชีวิตอยู่ในหุบเขา นิสัยป่าเถื่อนยังไม่คลาย อารมณ์ดุร้ายรุนแรง มีความรักกับหญิงสาวเผ่าพันธุ์เดียวกัน แต่พ่อแม่เธอไม่เห็นด้วย ก็เกิดโทสะขึ้นรุนแรง ฆ่าฟันไม่เลือกเลยฆ่าฆ่าตายทั้งบ้าน พร้อมกับกินเนื้อเป็นอาหารด้วย เพื่อระบายความโกรธ พูดไว้ว่าเหี้ยมโหดทารุญที่สุด ชาติก่อนได้ก่อกรรมที่ผิดศีลธรรมอย่างมาก ดังนั้นชาตินี้จึงเกิดเป็นช้าง
    หยางเซิง ดูแล้วเหมือนประเทศที่ด้วยพัฒนา อารยะธรรมไม่เจริญ ใบหน้าก็มีรอยสัก มีอารมณ์ของความดุร้ายอยู่
    อรหันต์จี้กง ช้างตัวนี้มีงาที่ใหญ่โตเป็นพิเศษ อันนี้ก็เป็นเขี้ยวของสัตว์กินเนื้อ ฟันของคนเล็กและเรียบ อันนี้เป็นความต้องการของสวรรค์ที่จะให้คนกินผัก ถ้าหากก่อนกินอาหารต้องบดเคี้ยวฟันและก็ สัตว์พวกนี้น่ากลัวยิ่งนัก การแบ่งแยกเป็นคนหรือสัตว์แบ่งได้ตามความแตกต่างกันของฟันนี้ คนที่มีอารยะธรรมจะมีฟันที่เล็กสั้นและเรียบร้อย พวกป่าเถื่อนฟันจะหยาบใหญ่และยาวแหลมคมเหมือนธนู ดังนั้นจึงหวังว่าชาวโลกที่มีอารยะธรรมจะประพฤติชอบปฏิบัติชอบ อย่าซ่อนมีดคอยทำลายคน ข่มเหงรังแกคน อันนี้เป็นการกระทำของสัตว์ วันนี้เยี่ยมเยือนถึงนี่พอแล้ว หยางเซิงเตรียมตัวกลับสำนัก
    หยางเซิง ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์เดินทางกลับได้
    อรหันต์จี้กง สำนักเซินเต๋อถังถึงแล้ว หยางเซิงลงจากปทุมทิพย์ได้ วิญญาญกลับเข้าร่างเดิม
    -------------------------------------------------------------------------------------
    ครั้งที่ 14
    อรหันต์จี้กง ผีเสื้อร่อนร่ายอยู่ท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้ฝูงนกบินร่อนอยู่เหนือเวหา ไร้ขอบเขตพรมแดนขวางกั้นไร้มนุษย์ปกครอง ช่างเพลิดเพลินยิ่งกระไร มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในโลกกิเลสถ้าหากอยู่เพื่อส่วนรวม รักษากฎ ไม่โลภไม่ปล้น ไม่ข่มขืนลวนลามแม้มีกฎหมายสักพันข้อ ก็ไม่มีอำนาจอะไรมากดขี่ เมือไม่ผิดกฎก็เหมือนไม่มีกฎ ความสุขในมวลมนุษย์ ก็ไม่ต่างไปจากหมู่นกและผีเสื้อ ดังเช่น “นายจังโจวแปลงผีเสื้อ” หรือ “ผู้ทรงญาณแปลงนก”
    หยางเซิง อาจารย์ครับ “นายจังโจวแปลงผีเสื้อ” มีสาระในด้านท่องเที่ยวอย่างสุขสราญแล้ว “พระแปลงนก” ใช่เป็น “อรหันต์แห่งรังนก” หรือไม่
    อรหันต์จี้กง ถูกแล้ว คนเราควรมีความรู้สึกเช่นนี้จึงสามารถใช้ชีวิตอย่างสบาย การสูญเสียหรือได้ไม่ควรกังวลให้มากนักดังนั้นถ้าของนี้ได้มาถ้าไม่ตั้งใจถือครองให้ดี เราก็จะสูญเสียมันไปสักวันหนึ่ง ถ้าหากสามารถตรวจตราสาเหตุแห่งการสูญเสียนั้นได้ ถ้าเช่นนั้นละก็ การสู ญเสียไปทางหนึ่ง เราก็อาจได้รับการชดเชยอีกทางหนึ่ง ที่น่าวิตกก็คือ เมื่อสมหวังก็ระเริง หรือเมื่อผิดหวังก็ประพฤติบ้าๆ บอๆ ดังนั้นความสำเร็จจะกลายเป็นความสูญเสีย ความสูญเสียเปลี่ยนเป็นความสูญสลาย ณ ขณะนี้ ตำราทองได้เกิดขึ้นทั้งสามเล่มแล้ว ถ้าได้เผยแพร่ธรรมะออกไป ซึ่งเป็นการต้องการของสวรรค์เที่ยวเผยแพร่สู่คนที่มีบุญบารมี บุญกุศลก็จะสร้างขึ้นไม่มีขอบเขตที่สิ้นสุด
    หยางเซิง อาจารย์กล่าวถูกต้อง ลูกศิษย์ตั้งใจเผยแพร่ธรรมะเพื่อกอบกู้ผู้คน จะท่องเที่ยวไปทั่วๆ เพื่อส่งเสริมสัจธรรมเพื่อให้สมกับการตั้งใจไว้ เมื่อห้าปีก่อน มีวาสนาได้มาถึงศูนย์กลางของไต้หวัน ภายหลังก็ได้ช่วยอาจารย์เผยแพร่หนังสือ “เที่ยวเมืองนรกและเที่ยวเมืองสวรรค์” พูดได้เต็มปากว่าช่วยอย่างเต็มกำลัง
    จนสำเร็จลุล่วงไป จนกระทั้งได้ก่อสร้างสำนักเซินเต๋อถัง แต่ทว่าจิตคนนั้นยากนักหยั่งถึง มีคนบางคนไม่ค่อยพอใจ เนื่องจากขาดผลประโยชน์ทำให้ผมลำบากใจมาก ไม่ทราบว่าอาจารย์มีความเห็นอย่างไร
    อรหันต์จี้กง ฮาฮ้า ตั้งแต่โบราณมาถึงปัจจุบัน ความลี้ลับของสวรรค์และนรกถูกเปิดเผยก็เพราะหนังสือเที่ยวเมืองนรกและเที่ยวเมืองสวรรค์สองเล่มเท่านั้น ได้เผยแพร่สติปัญญาไปทั่ว ช่วยขจัดอวิชา มาบัดนี้ก็ได้เปิดเส้นทางใหม่ เพื่อประโยชน์ของผู้คน เพื่อฟันฝ่าอุปสรรค์ไหนเลยจะมัวเกรงกลัวคลื่นลมของทะเลทุกข์ เดี๋ยวนี้สวรรค์เมตตา ไม่เหมือนสมัยก่อนการเผยแพร่ธรรมะ จะถ่ายทอดจากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันความอุตสาหวิริยะของเจ้านั้นซาบซึ้งยังสวรรค์ เมื่อผลงานสำเร็จลงแล้ว ก็รีบถอนตัวออกมานั้นฉลาดมาก แม้หมื่นธรรมขันธ์ก็ไม่อาจพ้นจากหลัก “เหตุและผล” ขณะนี้บนสวรรค์สนับสนุนให้เผยแพร่ธรรมะ อยากให้ทุกบ้านช่อง ได้จัดสร้างห้องพระ เพื่อทุกคนจะได้รับการเผยแพร่ และในการก่อสร้างสำนักเซินเต๋อถังนี้ เป็นการต้องการของสวรรค์ ไม่สมควรเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ในสมัยก่อนมีพระองค์หนึ่งนามว่าฮุยเม้ง อยากสำเร็จธรรมะโดยเร็วเดินจากวัดตงเซี๋ยนมาเข้าเฝ้า สังฆนายกองค์ที่หก(นามว่าเวยหล่าน)ทรงถามว่าจะต้องไปอยู่ ณ ที่ใด สังฆนายกทรงตอบว่า “เมื่อพบอ๊วงให้หยด พบโม้งให้อยู่” ดังนั้นเมื่อพระฮุยเม้งเดินทางถึงอ๊วงโจวก็เลยหยุด และได้อาศัยอยู่ที่เขาโม้งซาน ต่อมาก็ได้สร้างวัดเผยแพร่ธรรมะ อาตมาถ้ายังคงอยู่ที่วัด “เล้งอุ้งยี่” ละก็คงไม่มีใครรู้จักตั้งแต่โบราณมาคนที่เล่าเรียนฝึกธรรมะ มักจะท่องเที่ยวไปทั่ว เพื่อเผยแพร่ธรรมะ ใครใคร่ได้รับการเผยแพร่ก็สุดแท้แต่วาสนา ไม่ว่าจะเผยแพร่ธรรมะในสถานที่ใดก็ตาม ภายใต้ความลี้ลับนี้ มักมีตัววาสนาบารมีเป็นตัวจัดแจงเสมอ เจ้าสามารถเชื่อในเหตุผลไปสู่ความจริงแท้ สามารถฟันฝ่าอุปสรรคนานาประการ เพื่อประโยชน์ในบั้นปลาย มีคำกล่าวว่า “มีบุญวาสนาก็รวมกันอยู่กันได้ เมื่อบุญวาสนาหมดก็แยกจากกันไป” คนที่ไม่ได้กินองุ่นมักพูดว่าองุ่นเปรี้ยว อาตมาอยากจะบอกแก่สำนักธรรมทั้งหลายว่า เผยแพร่คุณธรรมแทนสวรรค์ ต้องประพฤติตามธรรมนองธรรม ต้องมีใจบริสุทธิ์ถ้าหากหวังประโยชน์ส่วนตัว ก็จะเป็นการสร้างบาปแทนสร้างธรรมหากประพฤติเช่นนี้ สำนักธรรมก็จะเสียหาย สำนักจะเจริญหรือเลวทรามย่อมขึ้นอยู่กับคนทรง คนทรงที่บริสุทธิ์ ต้องไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ส่วนตัว ยืมเทพใช้สรอย ธรรมะจะกลายเป็นมาร จะเป็นการทำลายศรัทธาของผู้คน
    หยางเซิง คนทรงมีหน้าที่อันหนักหน่วง แต่ศิษย์เห็นว่าคนทรงหลายคนไม่กลมเกลียวกัน จะมีวิธีใดที่จะให้คนทรงสามารถถ่ายทอดความแท้จริงโดยไม่ผิดพลาด
    อรหันต์จี้กง พุทธพจนืกล่าวว่า บัดนี้ได้มาถึงช่วงท้ายของศาสนา ความเที่ยงธรรมของฟ้าดินได้สูญเสียไป มักมีมารร้ายปะปนศาสนา ความเที่ยงธรรมของฟ้าดินไม้สูญเสียไป มักมีมารร้ายปะปนอยู่ ดังนั้นถาดทรงเหมือนมีทรายแตกกระจาย มีคนทรงบางคนฝึกฝนไม่สมบูรณ์ คำพูดขัดกันก็มักกล่าวอ้างเป็นเทพมาเข้าทรง ผู้ที่ดูออกก็จะหัวเราะเอาได้ คนทรงนั้นมือทรงก็คือมือเทพ ประโยดอักษรจะอยู่เหนือปกติวิสัย สมเหตุสมผล ยึดทางสายกลาง จึงสามารถถ่ายทอดคำพูดจากสวรรค์ ได้ถูกต้อง มิฉะนั้นแล้วการทรงก็จะเสมือนเมฆดำคลุมทั่ว พายุฝนสาดใส่ บิดเบือนความจริง ให้ร้ายกล่าวเท็จอย่างนี้เป็นคนทรงธรรมดาของชาวโลก ข้อเขียนก็จำจากคำของเจ้ามา ดังนั้นผู้ที่จะเผยแพร่คุณธรรมจากสวรรค์ ก่อนอื่นต้องฝึกหัดสมาธิจิตก่อนดัง เช่น ผู้ทรงญานเข้าญาณได้ ไม่มีสิ่งแวดล้มรบกวนได้ จิตต้องว่างเปล่า ดังนั้นเมื่อเทพเข้าทรง จึงสมารถถ่ายทอดสัจธรรมได้ถูกต้องถ้าจิตจำสำนวนของเจ้ามา อักษรที่เขียนก็ไม่ไช่มาจากสวรรค์ อักษรแม้ผิดไปตัวเดียวความหมายก็แตกต่างราวฟ้ากับดิน ทิ้งความเลวร้ายไม่น้อย ดังนั้นอาตมาอยากจะขอร้องให้พวกเรา เวลาอ่านอักขระเข้าทรง ต้องคัดเลือกให้ดีๆ เลือกเอาแต่มีเหตุผลที่ถูกต้องแล้วค่อยกล่าวว่า “ถ้าเชื่อหนังสือหมด อย่ามีหนังสือจะดีกว่า” อาตมาจะขอเตือนว่า “เชื่อทรงสู้เชื่อเหตุผลไม่ได้” หวังว่าเราอย่าถูกน้ำใจคนฉ้อฉลได้ และอย่าให้อักษรมาหลอกลวง ต้องปัด “ตัวหลง” ออกเสีย จะได้พบความแท้จริงเป็น “ตัวของตัวเอง” เมื่อเป็นเช่นนี้เธอก็จะได้ชื่อว่า “ผู้บรรลุ” มิฉะนั้นจะเป็นคนโง่ที่ฝึกฝนธรรมะ
    หยางเซิง อาจารย์พูดถึงแก่นแท้ ชี้จุดความลี้ลับออกมามากมาย
    อรหันต์จี้กง ฮาฮ้า หลีกลี้ที่ถูกผิด โดดพันยศฐาบรรศักดิ์เสาะแสวงหา พระอรหันต์จี้กงฝึกฝนให้สำเร็จเป็นอรหันต์”กายทิพย์” จะได้ไปไหนมาไหนได้อย่างเสรี ทำไมต้องให้สิ่งแวดล้อมผูกมัด หยางเซิงขึ้นปทุมทิพย์ ทำหนังสือต่อกันเถอะ จะได้เสร็จตามคำบัญชา
    หยางเซิง ผมนั่งนิ่งแล้ว เชิญอาจารย์ออกเดินทางได้
    อรหันต์จี้กง ศิษย์รักนั่งอยู่บนปทุมทิพย์มีความรู้สึกอย่างไร
    หยางเซิง ห้าหกปีมานี่ นั่งแต่ปทุมทิพย์ พุ่งแล่นทะยานทั่ว รู้สึกนั่งสบายดี สนุกเหลือหลาย
    อรหันต์จี้กง นั่งจนชินแล้ว ฝ่าลมพายุ คลื่นฝน จนหายกลัว และไม่มึนงง เที่ยวทั่วทั้งสามภพ ต้องมีวิสัยนักผจญภัยจึงจะได้รับพลังจากฟ้าดินมา
    หยางเซิง อาจารย์ยกยอเกินไป ทุกอย่างก็ได้รับบารมีจากท่านอาจาร์อุ้มชูมา
    อรหันต์จี้กง “เที่ยวสวรรค์นรก” หนังสือสองเล่มเผยแพร่ไปทั่วในและนอกประเทศ ทำให้กระดาษขึ้นราคา ผู้คนแย่งกันอ่าน เราศิษย์อาจารย์ได้รับพลังอันนี้ไม่น้อย บนหนทางธรรมะ ได้ตั้งแนวชี้นำผู้ลุ่มหลง หวังว่าผู้คนอย่าหลงแต่ได้จนมึนงง พอข้ามแม่น้ำก็รื้อสะพาน จะละเลยต่อเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำให้รุ่นหลังไม่สามารถจะเดินข้ามไปได้ อย่างนี้จะเสียแรงสวรรค์ที่จุติธรรมะสู่โลกได้
    หยางเซิง พวกเราได้แต่ไถหว่าน คนข้างหลังเก็บเกี่ยวก็เป็นบุญวาสนาของพวกเขา ปลูกต้นไม้ให้เขาอาศัยร่มเงาก็เป็นการสร้างบุญ กุศลนับไม่ถ้วนมิใช่หรือ
    อรหันต์จี้กง ฮาฮ้า จิตใจของศิษย์ข้ามิใช่ธรรมดา มีความเชื่อมั่นอันยิ่งใหญ่ อาตมาก็ชอบเที่ยวไปทุกแห่งหน ทุกหนทุกแห่งเปรียบเหมือนบ้าน ศิษย์รักกับอาจารย์มีใจที่เชื่อมั่นตรงกัน จึงสมารถท่องเที่ยวได้ทั้งสามโลก สะสมเนื้อหาสาระ มาแต่งหนังสือเพื่อโปรดชาวโลก
    หยางเซิง ลูกศิษย์มีนิสัยชอบใส่รองเท้า ไม่ใส่ถุงเท้า ไม่รู้เป็นโรคอะไรไม่ทราบอาจารย์มียารักษาได้ไหม
    อรหันต์จี้กง ฮาฮ้า ไม่ชอบใส่ถุงเท้าเป็นแบบอย่าง”เท้าอรหันต์”
    หยางเซิง แต่ผมไม่ได้ตั้งใจออกบวช
    อรหันต์จี้กง เดี๋ยวนี้การฝึกฝนธรรมะไม่ต้องออกบวช อยู่บ้านก็เผยแพร่ธรรมะได้ ยิ่งสามารถโปรดผู้คนได้ง่ายเนื่องจากปัจจุบันธรรมะเผยแพร่ไปทั่ว ใครมีบุญบารมีก็สามารถรับได้ การฝึกฝนธรรมะอยู่ในบ้าน ไม่เสียหายต่อการงาน ครึ่งทิพย์ครึ่งหยาบ อยู่ระหว่างเพื่อนฝูง สามีภรรยาร่วมฝึกฝน ในบ้านก็ฝึกฝนธรรมะ ภายนอกบ้านก็สร้างบุญสร้างกุศลเพื่อสาธารณะประโยชน์ ดังนี้ไม่เพียงฝึกฝนธรรมะเฉพาะคน ยังเป็นการชักชวนบ้านรวมฝึกฝนด้วย ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ทั้งเด็กผู้ใหญ่สุขสบาย ทำให้ชาวโลกมีสุขเหมือนกันหมด
    หยางเซิง อาจารย์กล่าวถูกต้อง ลูกศิษย์ได้เห็นทุกวัดทุกสำนัก ผู้ฝึกธรรมะล้วนเป็นผู้ฝึกธรรมะในบ้าน ทุกผู้ทุกนามตั้งอยู่บนฐานอันมั่นคง มีศรัทธาในการเผยแพร่คุณธรรมไปอย่างกว้างขวาง จิตใจได้รับการชำระให้สะอาด
    อรหันต์จี้กง ยุดสมัยได้แปรเปลี่ยนไป ฝึกธรรมอยู่กับบ้านสามารถลดปัญหาครอบครัวได้มาก “เท้าอรหันต์” หมายถึงเท้าที่ยืนบนความมั่นคงจึงสามารถเผยแพร่ธรรมะได้ ฉันเองก็เป็นอรหันต์แปลงกายมา ใช้นามว่า “โซ้วเอียน” ทำตัวบ้าๆบอๆมาโปรดผู้คนออกบวชก็อยู่กับชาวบ้าน ที่วัดเล้งอุ่นมลฑลซีฮู ก็เพียงทิ้งรอยอนุสรณ์ไว้ เราศิษย์อาจารย์ก็มีบุญวาสนาอยู่ด้วยกัน ดังนั้นเธอก็มีนิสัยไม่ดีนี้ไว้ ด้วยเหตุนี้ ชาตินี้เลยต้องอยู่ด้วยกันทำหนังสือ “เที่ยวเมืองนรก-สวรรค์” เป็นอนุสรณ์ใช้โปรดชาวโลก แต่ปณานยังไม่ทันจบ ก็มีบัญชาใหม่ เป็นโองการอันยิ่งใหญ่ ต้องการให้เรามาช่วยกันให้เสร็จสมบูรณ์ อย่าให้สิ่งภายนอกมาทำให้เสียงานหรือหมดกำลังใจเสียเรื่อง สำเภาทิพย์บางครั้งก็ราบรื่น บางครั้งก็เจอพายุขอให้เราสำนึกตัวอยู่เสมอ อย่าสนใจชาวบ้านเขาว่า เมื่อเสร็จภารกิจอันยิ่งใหญ่ ย่อมบังเกิดความสบายเป็นแน่แท้ เราตอนนี้มาถึงแดนสุขาวดี เมื่อตอนแต่งหนังสือ “เที่ยวเมืองสวรรค์” เธอก็มาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ก็ไม่ได้ชมทั่ว วันนี้มาถึงที่นี่ ก็มีทัศนียภาพอีกแบบหนึ่งให้ดู
    หยางเซิง อื่อ ตลอดทางได้แต่คุยกัน เผลอเผล๊บเดียวก็มาถึงที่นี่ เห็นต้นไม้บางตา ได้ยินเสียงนกร้อง ทุกหนแห่งเสียงไพเราะจับใจ อยู่ในโลกมนุษย์ไม่เคยได้ยินมาก่อน ฟังแล้วรู้สึกสบายใจนัก
    อรหันต์จี้กง นี่คือ “วิหคสรรค์” มันผิดจากนกธรรมดาแน่นอน แต่ก็มาจากนกที่ได้ฝึกฝนธรรมะสำเร็จ เหมือนกับมนุษย์ที่ฝึกฝนธรรมจนสำเร็จอรหันต์ และยังมีความพิสดารออกไปคือวิหคสวรรค์ ร้องเพลงมีเสียงแปลกพิศดารต่างออกไปอีก
    หยางเซิง เหมือน “คนเหนือคน” “เหนือฟ้ายังมีฟ้า””เหนือนกยังมีนก” ไม่ทราบว่า “วิหคสวรรค์” เหล่านี้ฝึกฝนอย่างไรมา
    อรหันต์จี้กง พวกเราไปนมัสการ “อรหันต์แห่งรังนก”ก็จะรู้เรื่องโดยตลอด เดินหน้าไปวิมานเสรีของอรหันต์เถอะ
    หยางเซิง ครับผม ที่นี้ต้นไม้เขียวชอุ่มงาม หญ้าก็เขียวเหมือนปูเสื่อ เหมือนอยุ่ในวิมานอีกแห่งหนึ่ง ช้างหน้ามีวิมานอยู่หลังหนึ่งชื่อ “วิมานเสรี” แต่ก็เห็นฝูงนกกระโดดโลดเต้นอยู่บนขื่อยังมีผู้ถือศีลหลายคนเข้าๆออกๆ แต่ละคนดูกระฉับกระเฉง เดินเหินเบาอยไม่เหมือนคนธรรมดา
    อรหันต์จี้กง พวกเขาเป็นวิหดสวรรค์แปลงกายมาเพราะอยู่บนอากาศบินจนเคยชิน ดังนั้นเวลาเดินเหินจึงลอยๆ
    หยางเซิง ไม่ต้องแปลกใจ นกก็สามารถแปลงเป็นร่างคน
    อรหันต์จี้กง อย่าสงสัย อย่าสงสัย คนยังกลายเป็นสัตว์ได้ นกแปลงเป็นคนทำไมจะเป็นไม่ได้ พวกเราเดินเข้าไปในวิมานเสรีกันเถอะ
    หยางเซิง ครับผม ผมจะตามหลังอาจารย์เข้าไป เห็นมีพระคุณเจ้านั่งเข้าณานอยู่รูปหนึ่ง ทั้งขื่อและทั้งสี่ด้านมีนกสวยๆอยู่ล้อมรอบ มีทั้งร้องเพลง กระโดดโลดเต้น ทั้งสองข้างมีผู้ออกบวชยืนอยู่ พอเห็นเราเข้าไป ก็พนมมือกล่าวสาธุ ต้อนรับพวกเรา
    อรหันต์จี้กง พวกมีแปลงกายออกบวชนี้ ได้ธรรมะชั้นสูงแล้ว อีกพวกที่บินเข้าสู่วิมานแล้วร้องเพลงนี้ ไม่นานนักก็สามารถแปลงกายเป็นคนได้ ผู้ที่นั้งอยู่นี้คือ อรหันต์แห่งรังนก และวิมานนี้ก็เป็นวิมานรังนกนั้งเอง
    หยางเซิง นามของท่านพระคุณเจ้าได้ยินมานานแล้ว แต่ไม่เคยพบหน้า วันนี้มีบุญได้พบ ถือว่าเป็นบุญบารมีอย่างยิ่ง ผมอาจารย์ เพื่อทำหนังสือ “วงเวียนกรรมของสัตว์เดรัจฉาน” วันนี้มาถึงวิมานเสรีแดนสุขาวดี ขอคาระท่านอรหันต์แห่งรังนก ขอได้โปรดสั่งสอน
    พระคุณเจ้า เจริญพร เกาะประเสริฐแดนใต้ (เกาะใต้หวัน)ท่านหยางเซิงและท่านอรหันต์จี้กง แห่งสำนักเซินเต๋อถังได้รับบัญชาให้จัดทำหนังสือ กล่าวถึงการเวียนว่ายตายเกิดของชีวิตสัตว์หกช่องทาง อย่างชัดเจน ท่านพระสังกะจายได้กล่าวชมเชยเป็นที่ยิ่ง ด้วยบารมีของพุทธะ จัดทำหนังสือช่วยให้เผยแพร่ธรรมะ ให้เกิดความเมตตา กรุณา ละเว้นการฆ่าสัตว์ ปลดชีวิตสัตว์ เป็นการงดการสร้างบาป จะได้หลุดพ้นจากวงเวียนกรรม ได้เมตตามหากุศล หนังสือเล่มนี้ ดุจดังสารวิเศษ เป็นแนวทางในการโปรดสัตว์ ทั้งสามโลกย่อมสรรเสริญการมาของทั้งสองในวันนี้ อาตมาได้รู้ล่วงหน้าแล้ว แต่กำลังอยู่ในณานกับเสียงนก เลยลืมท่านทั้งสองไป จึงได้ต้อนรับช้าไปหน่อย ขอท่านอรหันต์จี้กงและท่านหยางเซิงอย่าถือสา
    อรหันต์จี้กง พระคุณเจ้ากำลังเพลินอยู่ในธรรมชาติอันไพศาล เราศิษย์อาจารย์ไร้มารยาทมารบกวนพระคุณเจ้าขออย่าได้ถือโทษเลย
    พระคุณเจ้า ท่านอรหันต์จี้กงกับฉันต่างก็เป็นพระด้วยกันต่างก็มีความสามารถ อย่าเย้าเล่นกันเลย
    หยางเซิง ภาษาของพระคุณเจ้ามีสำเนียง เวลาพระคุณเจ้าพูดก็มีความรู้สึกของ “ญาณ” ด้วย
    พระคุณเจ้า ฉันไม่มีฤทธิ์เดชอะไรหรอก บนนภามีเสียงนกร้องเพลงเจื้อยแจ้วอยู่ มีเสียงบนริมฝีปากเท่านั้น ผู้คนก็ยังสรรเสริญอยู่ ปัจจุบันคนนิยมเลี้ยงนกมาก ตึกสูงๆ มีมากมายต้นไม้ก็ถูกโค่นไปมาก พวกนกไม่มีที่ทำรัง พวกนกก็บินเข้าไปอยู่ตามป่าเขา บ้างก็ถูกจับไปใส่กรง เลี้งอยู่ในบ้านให้อาหาร ให้การดูแลที่อยู่ ฉันขอกล่าวขอบคุณแทนพวกนก แต่ทว่านกที่ถูกขังในกรงนั้น บางครั้งก็มิได้ร้องเพลงหรอกหากแต่ร้องทุกข์ เนื่องจากคนไม่สามารถเข้าใจได้ มิฉะนั้นคงปล่อยให้มันเสรีไปนานแล้ว
    หยางเซิง สำเนีงของพระคุณเจ้าหวานซึ้ง ศิษย์ฟังแล้วจับจิตยิ่ง กลับถึงสำนักเมื่อไรต้องเชียร์ให้ผู้คนปล่อยนก
    พระคุณเจ้า ขอบคุณ ท่านหยางเซิงผู้เมตตา พวกคุณอยู่ที่เขื่อน”เม่งเต๋อ” ได้ปล่อยนกนับจำนวนไม่น้อยแล้ว ฉันนี้จดจำเสมอ นกเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติอันไพศาล ถ้าหากไม่เป็นอันตรายต่อผู้คน ขอให้ชาวโลกโปรดอย่าจับเลย เป็นการสูญเสียความกรุณา ความรัก เหมือนเช่นฉัน ถ้าเอาเชือกมากั้นถนนไว้ผู้คนขี่รถไปมา ทั้งรถทั้งคนก็ล้มลง แถมถูกจี้เอาทรัพย์สินเงินทองแล้วเอาเชือกมัดขังไว้ในบ้าน ให้เจ้ากินดีทั้งสามมื้อ และให้เจ้าร้องเพลงให้ข้าฟัง หรือยิ่งกว่านั้นเอาเนื้อมาปิ้งย่าง มีใครจะพอใจบ้างล่ะ
    หยางเซิง พระคุณเจ้าเปรียบเปรยได้เยี่ยม ชาวโลกได้ฟังท่านพูดแทนพวกนก คงจะมีความรู้สึกไม่น้อย ศิษย์มีคำถามอยากจะถาม ขอเชิญอาจารย์ตอบให้ด้วย
    พระคุณเจ้า คุณหยางเซิงถามมาได้
    หยางเซิง ณ แดนสุขาวดีพุทธเกษตรนี้ นกสำเนียงไพเราะ มีวิมานเสรี โบยบินสะดวก ไม่ทราบว่าพวกเขารับประทานอะไรครับ
    พระคุณเจ้า วิหคสรรค์ไม่กินหนอน กินแต่ผลไม้บ้างและน้ำบ้างเหมือนกับนักบวช พวกมันบำเพ็ญเพียรในแดนมนุษย์มานานแล้ว จนได้บุญบารมี เมื่อวิญาณกลับสู่วรรค์วิญญาณจึงใสสะอาด อาศัยอยู่ในสุขาวดีพุทธเกษตร อาศัยในวิมานนี้ก็ยิ่งเร่งบำเพ็ญเพียร โดยไม่คิดดื่มกิน เหมือนตัวหนอนสร้างรังมันจะไม่กินอะไรเลย แล้วค่อยๆเปลี่ยนแปลงร่าง มีคำกล่าวๆว่า “นกกระจอกแม้ตัวเล็กแต่ก็ครบเครื่อง” เมื่อวิหคสวรรค์ค่อยๆทิ้งขน มันก็จะเปลี่ยนร่างเป็นคน แล้วก็บำเพ็ญเพียรต่อไป
    หยางเซิง ช่างอัศจรรย์จริงๆ
    พระคุณเจ้า ฉันมีเรื่องเกี่ยวกับ “พระแห่งรังนกโปรดไป่ไถหลัง” ที่เล่ากันในโลกมนุษย์ให้ฟัง เธอจะเอาลงให้หนังสือก็ได้ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยัน เมื่อคนสามารถบำเพ็ญเพียร นกก็สามารถบำเพ็ญเพียรได้ นกกับคน แม้ร่างกายจะไม่เหมือนกัน แต่ วิญญาณไม่ต่างกัน มนุษย์มีจินตนาการอยากจะแปลงร่างเป็นนก จะได้บินไปในนภากาศอย่างอิสรเสรี วิมานเสรีเป็นจุดหมายของนกยินดีต้อนรับนกกลับสู่รัง ก็หวังว่าผู้คนจะปล่อยนกกลับสู่ป่าเขา
    เรื่อง พระแห่งรังนกโปรดไป่ไถหลัง
    ในสมัยโบราณ ณ สุขาวดีแดนพุทธเกษตร มีพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งพบว่า ลูกหลานในโลกก่อกรรมสร้าวเวรไม่คิดกลับเนื้อกลับตัว ไม่สามารถกลับสู่สวรรค์ ก็มีบัญชาสั่งให้เทพสององค์ให้ลงมากลัวจะหลงกลิ่นไอของโลก กลัวจะกลับสวรรค์ไม่ได้” พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ถ้าเธอหลงกลิ่นไอของโลก ฉันจะให้คนไปตามเจ้ากลับมา” ดังนั้น เทพทั้งสองก็ลงมาจุติในโลก เทพองค์หนึ่งไปจุติที่บ้านตระกูลไป่ ได้ชื่อว่า “ไป่เล้อเทียน” รับราชการมีตำแหน่งไถ่หลัง ส่วนเทพอีกองค์หนึ่งไปจุติที่บ้านตระกูลหม่า ได้ชื่อว่า “หม่าเทียนจั้ง รับราชการตำแหน่งเป็นนักวิชาการที่หอสมุดอี้หลิน หม่าเทียนจั้ง หมั่นศึกษาธรรมะจากพระคัมภีร์อยู่เสมอ จนสามารถรู้ถึงอดีตกรรมได้ ในที่สุดก็ลาออกจากราชการเข้าไปในป่าใหญ่ถือบวช ภายหลังพระพุทธเจ้าได้ พระพุทธเจ้าตรัสถามว่า “เจ้าล่งไปยังโลกมนุษย์นั้นได้โปรดมนุษย์มากี่มากน้อย” หม่าเทียนจั้ง ตอบว่า “เทพที่ไปจุติที่ตระกูลไป่ นามว่าไป่เล้อเทียน รับราชการเป็นไถ่หลังถูกโลกีย์ครอบงำ ไม่สามารถกลับสู่สวรรค์ได้” พระพุทธเจ้าตอบว่า “เจ้าไม่ได้โปรดมนุษย์แม้แต่คนเดียว แถมยังสูญเสียเพื่อนร่วมทางไปด้วย เจ้ากลับสู่สวรรค์คนเดียว เจ้ามีเหตุผลอะไรหรือ เจ้าต้องลงไปโลกมนุษย์อีกครั้ง ไปโปรดเจ้าไป่เล้อเทียน เราจะรักษาตำแหน่งเอาไว้”หม่าเทียนจั้งคิดในใจว่า ไป่เล้อเทียนตอนนี้มีอายุใกล้แปดสิบแล้วถ้าหากเขากลับไปเกิดเป็นมนุษย์อีก ก็คงไม่ทันได้ไปโปรด ก็ได้แต่เดินไปเรื่อยๆ มาถึงตำบลฉินวั้งลิ่น ที่สะพานน้ำเขียว เห็นข้างทางมีต้นสนแก่ๆ ต้นหนึ่ง ข้างบนมีรังนกอยู่รังหนึ่ง หม่าเทียนจั้งจึงลงไปจุติในไข่นก เกิดมาเป็นหน้าคนร่างนก ขนานนามว่า “พระแห่งรังนก” ทุกๆวันจะทำการเทศน์ธรรมโปรดคน อยู่มาวันหนึ่งไป่ไถ่หลังขี่ม้าจะเข้าผ่านมาทางสะพาน ขณะกำลังจะข้ามสะพาน จะเฝ้าสั่งสอนธรรมะโปรดสัตว์ เมื่อได้ความก็กลับมารายงานให้ไป่ไถ่หลังทราบ ไป่ไถ่หลังฟังแล้วก็ไสม้าเข้าไปดูใกล้ๆ แล้วถามอาจารย์ว่าท่านเทศน์ธรรมะอะไร อาจารย์ตอบว่า ท่านเดินถนนของท่าน เราเทศน์ธรรมะของเรา พบกับก็ไม่ลงจากม้าต่างคนต่างมุ่งไปข้างหน้า ไป่ไถ่หลังจึงลงจากหลังม้าแล้วถามว่า “อาจารย์ท่านถือกำเนิดอยู่ที่ใด กลางวันท่านจาริกแสวงหาอะไร กลางคืนพักอยู่ที่ใด” อาจารย์ตอบว่า “ฉันกำเนิดอยู่สวรรค์ชั้นอรูปอาศัยบนต้นสนเขียว ตอนกลางวันอยู่ที่สี่แยกคอยเทศน์โปรดคน กลางคืนอาศัยอยู่ในธรรมชาติอันว่างเปล่า” ไป่ไถ่หลังก็ถามต่อไปว่า “อะไรคือธรรมะแท้ อะไรเป็นญาติโยม อะไรคือสวรรค์ อะไรคือที่นรก อาจารย์ตอบว่า ฉันอาศัยพระคัมภีร์พุทธองค์เที่ยงแท้สรรพพุทธเจ้าคือญาติโยม พบคนดีคือสรรค์ พบคนพาลคือนรก ละเว้น ความดีทั้งหลายให้ปฏิบัติ สิ่งเหล่านี้คือเต๋า” ไป่ไถ่หลังตอบว่า”พูดง่ายๆ แบบนี้เด็กสามขวบก็ตอบได้” ไป่ไถ่หลังตอบว่า พูดง่ายๆ แบบนี้เด็กสามขวบก็ตอบได้ อาจารย์เลยสวนกลับไปว่าเด็กสามขวาตอบได้ ผู้ใหญ่แปดสิบปฏิบัติไม่ได้ ไป่ไถ่หลังพูดต่อไปว่า “ฉันเห็นอาจารย์ อาศัยอยู่บนต้นไม้แก่ๆ สูงแค่ห้าฟุตจะไม่อันตรายไปหน่อยหรือ อาจารย์พูดว่า “ฉันเห็นว่า เธอมีอันตรายมากกว่าฉันมากยิ่งนัก ไป่เล้อเทียนตอบว่า ตำแหน่งข้าคลุมเขาเจิ้นเจียนนี้ อยู่เหนือ คนนับหมื่น มีอะไรน่ากลัวหรือ อาจารย์ตอบว่า ใบไม้เป็นเชื้อของกองไฟ ลมหายใจไม่อาจจะหยุด เช่นนี้แล้วไม่อันตรายหรือ
    เพื่อยศฐา ทุกวัน เฝ้าเจ้านาย เช้าเย็นบ่าย เฝ้านาย เฝ้าเสือสิงห์ ดั่งผีสิง ก่อนคืน ก็ยังเฝ้า ดอกบานเช้า สายหยุด ทุกข์ชรา
    ทั้งปืนผา หน้าไม้ ศัตราวุธ ชีวิตทุกข์ สี่สิบปี เพื่อลาภยศ มีทั้งถูก ทั้งผิด หมื่นพันเรื่อง ทุกๆเรื่อง ผ่านมือ ท่านตัดสิน
    ทรัพย์สิน เงินทอง ไหลสู่ท่าน อิ่มหนึ่งบ้าน ทุกข์คนอื่น เป็นหมื่นแสน ไกลสุดแดน นามกระเดื่อง ชั่วชาตินี้ มิอาจหนี เคืองแค้น เป็นร้อยชาติ
    อยู่มาวันหนึ่ง ไป่ไถ่หลังออกมา เห็นกลอนบนกำแพงพลันก็รู้แจ้งรีบไปพบภรรยากล่าวว่า “ฉันแม้จะมีลาภยศสูงส่ง แต่ไม่อาจหลีกเลี่ยงผิดปกติเมื่อถึงเมืองนรกแล้ว ก็คงรีบเวรกรรมที่ก่อไว้มาก
    ครั้งที่15 สุนัข
    อรหันต์จี้กง สัตว์ปีก สัตว์บก ก็เป็นหนึ่งในสรรพสัตว์มันอาศัยอยู่ร่วมโลก สวรรค์ให้ความเสมอภาคในการมีชีวิตอยู่ ผู้คนเวลาหิวรุ้จักกินอาหาร เวลาหนาวก็รู้จักใส่เสื้อ เมื่อเจ็บก็รู้สึกได้เพราะมีเส้นประสาท มีความนึกคิด ท้งยังเป็นพลังของชีวิต ถ้าคนไม่มีชีวิต ก็มีแต่โครงกระดูก หรือสิ่งของที่ธรรมชาติได้ประทานสิ่งล้ำค่าแก่มวลมนุษย์ก็คือ ความมีน้ำใจ ซึ่งสามารถทำให้อาศัยอยู่รวมกันได้ สัตว์เดรัจฉานแม้จะมีร่างกายต่างไปแต่ก็ยังประโยชน์ต่างๆนาๆแก่มวลมนุษย์ ดังนั้นก็เป็นเพื่อนกับมนุษย์ด้วย มีกลุ่มคน บางกลุ่มเท่านั้นที่มองผ่านความจริงข้อนี้ไป ซึ่งก่อให้เกิดการฆ่าอย่างนองเลือด วันนี้จะพานายหยางเซิง ไปเยี่ยมเยือนสัตว์เดรัจฉาน เพื่อรวบรวมข้อมูล มาตีแผ่ให้เห็นความจริง หยางเซิงขึ้นปทุมทิพย์เตรียมตัวออกเดินทางได้
    หยางเซิง ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์ออกเดินทางได้
    อรหันต์จี้กง ถึงแล้ว ลงจากปทุมทิพย์ได้
    หยางเซิง เพิ่งจะนั่งเรียบร้อย ทำไมรีบลงเร็วนัก
    อรหันต์จี้กง ญาติแดนไกลสู้เพื่อนอยู่ใกล้ไม่ได้ วันนี้ไม่ต้องไปไกล อยู่ในตลาดเมืองไถจงนี่เอง รีบหาวัตถุดิบได้
    หยางเซิง วัตถุดิบอะไรครับ
    อรหันต์จี้กง เนื้อปิ้งไงล่ะ เธอเห็นข้างถนนด้านหนึ่งมีแผงอยู่แผงหนึ่ง มีโคมไฟแขวงไว้ เขียนว่า “เนื้อหอม”
    หยางเซิง เห็นแล้วครับ นี่เป็นถนนเถียงคัง มีแผงขายเนื้อหมา เมื่อตอนกลางวันเดินผ่าน แต่ยังไม่เปิดร้านขาย
    อรหันต์จี้กง เนื้อหอมจะเปิดขายในฤดูหนาวตอนกลางคืนถึงจะมีลูกค้า
    หยางเซิง ข้างๆแผงเห็นมีสุนัขหลายตัวเห่ากรรโชกอยู่ท่าทางจะกินคน บางตัวก็นอนอยู่ เห็นมีบางคนนั่งอยู่บนม้านั่งดูเหมือนไม่ใช่ลูกค้า นัยน์ตาลุกแดง มือเคาะที่โต๊ะทำท่าทวงหนี้อย่างนั้น
    อรหันต์จี้กง พวกสุนัขเหล่านี้คือวิญญาณเดิมของเนื้อหมาเมื่อสุนัขถูกฆ่าลง บางตัวไม่ยินยอม ก็ติดตามเลือดเนื้อของมันคุมอยู่ข้างๆแผง ลูกค้ากำลังดื่มเหล้ากินเนื้อหมาด้วยความพอใจ แต่หารู้ไม่ว่าข้างหลังเขา พวกสุนัขร้ายกำลังร้ายกำลังเห่ากรรโชกไม่หยุด พวกคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ในมือทุบโต๊ะก็เป็นวิญญาณเดิมของสุนัข แต่วิญญาณเดิมของสุนัข แต่วิญญาณพวกนี้มีพลังมาก จึงกลายร่างเป็นคนได้ พวกมันกำลังโกรธแค้น กำลังทวงหนี้ชีวิตกับคนฆ่าพวกมันเป็นผีตายโหงที่เคียดแค้น
    หยางเซิง คนเขามักพูดว่า ตอนอาจารย์ยังเป็นมนุษย์อยู่ อาจารย์ก็ชอบทานเนื้อสุนัข วันนี้ได้โอกาสน่าจะหลบมากินให้อิ่มสักมื้อ
    อรหันต์จี้กง ศิษย์รักชอบพูดตลก เนื้อหมาที่ข้ากินนั้นไม่ใช่หมาประเภทนี้ ฉันกินแต่เนื้อหมาบนสวรรค์ พวกนั้นซี่จึงจะเป็นเนื้อหอมจริงๆ พวกหมาพวกนี้น่าจะเรียกว่า “เนื้อเหม็น”
    หยางเซิง อะไรเรียกว่าเนื้อหมาสวรรค์ล่ะ กระผมก็เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกนี้แหละ
    อรหันต์จี้กง มีคำกล่าวๆ ว่า “คนขี้เหล่อยากได้นางฟ้า”ข้าก็ว่า “คนหยาบคายชอบกินเนื้อหมาสวรรค์” หมาสวรรค์คืออะไร ก็คือ โจรผู้ร้าย ชาวบ้านกลัวขโมยจะเข้าบ้าน มักจะเขียนไว้บนประตูว่า “ข้างในหมาดุ คนนอกห้ามเข้า” มีคนล่ำลือว่า อรหันต์จี้กงชอบกินเนื้อหมา แต่ไม่ไตร่ตรองดู อาตมาออกบวชแล้ว เป็นไปได้อย่างไร จะประพฤติผิดศีลได้อย่างไร นิทานชอบเปรียบเปรยพวกขึ้เมาก็ยกย่องเหล้าเป็นน้ำอมฤต เนื่องจากข้าเป็นอรหันต์ได้แปลงกายมา อภิญญาติดกายมา และจำพรรษาอยู่ที่วัดเล้งอุ้งลักษณะผิดกับคนอื่นมีธรรมจักรหมุนเวียนอยู่ในร่างเสมอ ทิพรสหลั่งไหลสัมผัส ทำให้สลืมสลือ หมุนเวียนไปตามวัฏจักรของฟ้าดินเลยกล่าวหาว่าข้าชอบเหล้า เหล้าธรรมดาดื่มแล้วไร้สติ แต่เหล้าอมฤตทำให้สติมั่นคง ช้าก็ไม่เคยมีคำพูดไร้สาระ แต่คำพูดข้าแฝงธรรมะไว้ด้วย เห็นมีผิดพลาดบ้างไหม ชื้อเหล้าก็ต้องเสียเงินมืออาตมาวางว่างเปล่า เมื่ออยากเหล้า โพธิสัตว์ยื่นออกไปก็มีมา ไม่ต้องจ่ายบัญชี นี้คือน้ำมนต์ คอยซักฟอกจิตใจให้ตื่นค่รองสติไม่เหมือนคนธรรมดา ดื่มเหล้าไม่กี่แก้ว ก็เลอะเทอะไม่เอาไหน เซช้ายล้มขวาไป เป็นยาพิษมอมเมาเฉื่อยชาจิต ข้าเป็นพระอรหันต์ เขาเป็นอ้ายขี้เมา จะเปรียบเทียบกันได้อย่างไร อีกเรื่องหนึ่งกินเนื้อหมา ในร่างคนนั้นมีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า “สัตว์หมา” หมานี่ดุร้ายมาก โลกกาม โอหัง ชอบกัดเจ้าของ เมื่อเลี้ยงหมาเช่นนี้ไว้ ไม่ฆ่ามาแก้มเหล้าจะรอไปเมื่อไร ผู้คนไม่รู้สาเหตุอันนี้ ประตูใจถ้าผูกหมาร้ายนี้ไว้เมื่อพบผู้ร้ายมา ก็ผงกหัวชูหาง แสดงการต้อนรับ พอเห็นเจ้าของ ก็อ้าปากร้องคำราม หมาพวกนี้อาตมาชอบกินนักแล
    อรหันต์จี้กง เนื้อหอม เนื้อหอม ดึงดูดใจคนแท้ๆกินเข้าไปแล้วร้อนไปทั้งตัว หารู้ไม่วิญญารหมาเห่าหอนอยู่ในนั้นกระโดดโลดเต้น กระตุ้น กำเริบอาละวาด ทำให้เส้นเลือดพองโตขึ้นทำให้รู้สึกว่าได้บำรุงเข้าไปแล้ว ไม่คิดว่าสันดานของธาตุหมากำลังให้พิษแก่ร่างกาย ผู้ที่อยากบำรุงกินแล้วก็รั่วไหลออกไป ไม่เป็นการสูญเปล่าหรอกหรือ โบราณว่า “รู้จักระงับกามดีกว่าบำรุงกาม” ถ้าผู้คนไม่มีเนื้อหมากิน คนก็ต้องอ่อนแอหมดอย่างนั้นหรือ
    หยางเซิง เนื้อหมาไม่เห็นหอม ทำไมคนจึงแขวนป้ายว่าเนื้อหอมเล่า
    อรหันต์จี้กง อันนี้เป็นทีเด็ดของพ่อค้า พวกหมาป่าไม่เคยอาบน้ำ กินซากศพ อุจจาระจนเติบใหญ่ จับมาดมดูสักตัวซิต้อง บอกว่าเหม็นแน่นอน ถ้าพ่อค้าเขียนว่า “เนื้อเหม็น” ใครล่ะจะกล้ากิน อาจจะพูดว่า “เนื้อหอม” ได้ ไม่ว่าจะเป็นหมาป่า หมาบ้าน ล้วนนอนอยู่ที่พื้นทั้งนั้น กินอาหารไม่มีอนามัย ส่วนใหญ่ จะมีเชื้อโรคเจือปนอยู่ ขอเต็อนว่าอย่ากินจะดีกว่า ถ้าขืนจะกินและไม่หัดเอาอย่างอรหันต์จี้กง เนื้อหอมที่จี้กงกินนั้น เป็นเนื้อหมาสวรรค์ที่ตนเองเลี้ยงวจนเติบโต ทุกๆวันเผ้าชัดสีฉวีวรรณ ล้างหน้าแปรงฟันใส่น้ำหอมใส่ยาฆ่าเชื้อโรค ทุกวันเลี้ยงอาหารอย่างดี ยังพาไปวิ่งเดินทุกวัน ตกกลางคืนก็นอนด้วยกัน หมาที่ปราศจากดินตัวนี้ กินแล้วค่อยมีกำลังปแต่ว่ามันอยู่ชิดติดกับเราตลอดเวลา เกิดมิตรภาพอันลึกซึ้งบางครั้งยังช่วยดูแลบ้าน ถ้าหากฆ่าเพื่อนที่ซื่อสัตย์ตัวนี้แล้ว นำมาบำรุงร่างกายจะดูไม่เป็นการโหดร้ายไปหรือ ถึงแม้จะบำรุงร่างกายของข้า แต่ไม่สามารถจะชดเชยหรือบำรุงจิตใจของข้าได้ ข้าคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิตกระมั่ง
    หยางเซิง ผมได้เคยฟังสานุศิษย์ชาวพุทธ เคยใส่ความท่านอาจารย์ว่า เพราะก่อนนั้นอาจารย์ชอบกินเนื้อดื่มเหล้ามาก แต่มาบัดนี้ท่านเกิดชักชวนให้กินเจเป็นการใหญ่ และปกป้องวิญญาณสัตว์อีกด้วย หรือเป็นเพราะว่าอาจารย์ก่อนนี้ดื่มเหล้ามากไป เลยสำนึกผิดตอนนี้ก็เร่งสร้างบุญสร้างกุศลเพื่อชดเชยเมื่อก่อน
    อรหันตี้จี้กง ฮาฮ้า “พระบ้าบอ” ตอนนี้ก็เริ่มสวดมนต์ขึ้นมา ทำให้สานุศิษย์ชาวพุทธเกิดสงสัยขึ้นมาอีก ปางก่อนเข้าใช้ร่างพระภิ กษุแปลงกาย เป็นสภาพต่างๆ มา เพื่อหยอกล้อพวกหัวดื้อโคลนเลน ถ้าหากผู้คนพอได้ฟังข้าพูดเรื่องจริง ตอนนี้พูดแล้วไม่ใช่ไม่ดีหรอกหรือ ทำไมยังใส่ความกันอีกเล่า
    หยางเซิง วันนี้แผงขายเนื้อหอมคึกคักมาก แขกเข้ามากินกันมาก
    อรหันต์จี้กง พวกเขาร่างกายอ่อนแอมาก ร่างมนุษย์ไม่อาจสนองความต้องการได้ ต้องอาศัยเจ้าหมาน้อยคอยช่วยเหลือ
    หยางเซิง เนื้อหมาบำรุงร่างกายจริงๆหรือๆ
    อรหันต์จี้กง การฆ่าหมายังต้องถูกตำรวจจับ เนื่องจากขัดศีลธรรม และไม่ถูกหลักอนามัย ถึงแม้จะบำรุงแต่เป็นการบำรุงร้ายมิใช่เป็นการบำรุงดี
    หยางเซิง อันนี้มีเหตุผลอะไร
    อรหันต์จี้กง หมามีความภักดีต่อมนุษย์ ตามประเพณีเขาไม่ฆ่าหมากินกัน มีแต่สัตว์เลี้ยง เช่น ไก่ เป็ด ซึ่งเลี้ยงเพื่อฆ่ากินโดยเฉพาะ การเลี้ยงหมาเพื่อฆ่ากินไม่เห็นมี ดังนั้นพวกฆ่าหมามักไม่เลือกวิธีการฆ่า บ้างก็ใช้ยาเบื่อๆ หมาทำให้หมาตาย แล้วจึงแอบฆ่าหมา เมื่อหมาถูกเบื่อ ยาเบื่อย่อมแทรกเข้าไปในเนื้อ พวกที่นิยมบริโภคเนื้อหมา มักจะเกิดโรคฝีร้าย หรือ ริดสีดวง พวกหมากลางถนนมักจะกินอุจจาระ มีเชื้อจุลชีพปะปนอยู่ ผู้บริโภคเนื้อหอมบางคนเป็นแผลผุพองทำให้เกิดโรคผิวหนังร้ายแรง ซึ่งรักษาไม่หายขาด ดังนั้นจึงอยากจะให้ชาวบ้าน อย่าได้บริโภคเนื้อหมาเลย
    หยางเซิง พวกวิญญาณสนัขเหล่านี้เอาแต่เห่ากรรโชกเราจะไปสอบถามพวกมันได้ไหม
    อรหันต์จี้กง ต้องการจะสอบถามถามพวกมันจริงหรือ จะให้มันแปลงร่างเป็นคนเสียก่อน
    หยางเซิง ขอเชิญอาจารย์ช่วยปลุกเสก มันจะได้กลายร่างเป็นคนเพื่อง่ายต่อการพูดคุย
    อรหันต์จี้กง หมาน้อย หมาน้อย เจ้ามีดวงจิตเดิมอยู่แม้ตัวจะเหม็น แต่คนก็อุตส่าหืเรียกว่าหอม แปลกจริงๆ เจ้าหมาหอมเงยหน้าขึ้นมา อย่าเอาแต่ดูซากศพของตน แล้วเอาแต่โกรธแค้นเดือดดาล พวกเขาไม่รังเกียจว่าเนื้อเจ้าเหม็นยังเรียกว่าหอม เจ้าก็ควรจะพอมใจแล้ว ลองมองดูผู้คนที่ตายแล้ว ใครก็ว่าเหม็นไม่กล้าเข้าใกล้ระหว่างประชุมเพลิง ไม่มีใครว่า กลิ่นนั้นหอมสักนิด การได้เป็นหมาน้อยก็นับว่าโชคดีแล้ว สละซากนี้ไปเถอะ เพื่อบรรลุจิตเดิมแท้ อย่าเอาแต่เห่าไม่หยุด เธอไม่สามารถกัดพวกเขาได้หรอก พวกเขาไม่กลัวเจ้าหรอก ยอมก้มหน้ารับชะตากรรม สละเนื้อหอมเพื่อพ้นบ่วงกรรมจะได้ชื่อที่สวยงามดีกว่า
    หยางเซิง เมื่อผ่านคำพูดของอาจารย์ พวกมันก็เริ่มรู้สึกและหยุดเห่ากรรโชก วิ่งมาหาเราและคุกเข่าลงพลางน้ำตาไหล ร่างก็ค่อยๆแปลงเป็นคน มีท้งผู้ชายและผู้หญิง สวมใส่เสื้อผ้า มีทั้งสีขาว สีดำ และสีกาแฟ น้ำตาไหลนองหน้า ดูน่าสงสาร
    อรหันต์จี้กง ฉันคืออรหันต์จี้กง ได้รับคำสั่งพร้อมคนทรง หยางเซิงมาสัมภาษณ์พวกเรา เมื่อครู่ได้เป่าเสกพวกเราต้องการให้พวกเราช่วยเล่าเวรกรรรมที่ได้ก่อไว้ จะได้เอาลงในหนังสือวงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน แต่ละคนจะได้สร้างกุศลเพื่อชดเชยที่แล้วมา และร้องทุกข์แทนชีวิตทั้งหลาย จะได้กุศลมากมาย
    หมาดำ ขอขอบคุณท่านอรหันต์จี้กงที่ช่วยปลุกเสกพวกเรา พวกเราโชดร้ายเกิดเป็นหมา สามมื้อกินแต่เศษอาหารที่เหลือเดนพอถึงหน้าหนาวก็ไม่มีผ้าห่มจะห่ม ยังต้องถูกชาวบ้านฆ่ากินให้อุ่นร่างกาย คิดแล้วเจ็บแค้นจริงๆ ดังนั้นตลอดเวลาคิดแต่จะฆ่าคนที่ฆ่าเรา ขายเรา และกินเรา พอได้ยินอาจารย์ตักเตือนจิตใจสงบขึ้นเล็กน้อย ขอวิงวอนท่านอรหันต์จี้กงช่วยร้องทุกข์แทนพวกเราด้วย
    หยางเซิง ความแค้นควรแก้ไม่ควรก่อ ตอนนี้เจ้ายังดีอยู่ไม่ใช่หรือ ที่เห็นนั้นเป็นเพียงเปลือกที่จอมปลอมที่ให้ชาวบ้านเก็บถือเสียว่าถอดเสื้อขนทึ้งเสียตัวหนึ่ง ให้ชาวบ้านได้อบอุ่น ปลงตกแล้วรู้สึกปลอดโปร่งมิใช่หรือ
    หมาดำ พูดนั้นง่าย ทำยาก ตอนถูกฆ่านั้นเจ็บปวดทรมานขนาดไหน ขนลุกขนพองไปหมด ฉันเดิมเกิดที่ตำบลไถ่ผิงหรือไถจงวันหนึ่งออกวิ่งอยู่กลางถนน ถูกชาวบ้านคนหนึ่งเอาค้อนเหล็กตีหัวทางด้านหลัง ได้แต่ร้องเจ็บปวด เลือดที่หัวก็ไหลจนตายอยูที่นั้น แล้วเขาก็จับผมขึ้นใส่ถังข้างหลังรถ ข้างในก็มีพวกหมาที่ร้องครวณครางอยู่ด้วย พวกเราก็ตามมือสังหารไปบ้านมัน พอถึงบ้าน เขาเตรียมน้ำร้อนกระทะใหญ่ไว้ แต่ละตัวถูกโยนลงในน้ำเดือด มีบางตัวยังไม่ตายดีพอถูกน้ำร้อนเข้าก็กระโจนโดดเต้น พร้อมร้องอย่างสุดเสียง เสียเริ่มสงบลง วิญญาณก็หลุดลอยจากร่าง แต่ความเจ็บปวดยังฝังลึกลงในดวงจิตวิญญาณที่อยู่ในน้ำเดือดเจ็บปวดแสนทรมาน ใจเหมือนจะฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ ตอนหลังก็ถูกถลกหนังออก ต่อมาก็ถูกมีดอันคมกริบเชือดเฉือนแบ่งร่าง มีดแต่ละคมเชือดได้เจ็บปวดยิ่ง ทำให้ขวัญหนีดีฝ่อ หลังจากนั้นก็ส่งให้พ่อค้าเอเย๋นต์ตามที่ต่างๆ ที่ขายเนื้อหอมอีกที ลงทุนนิดเดียว ฆ่าชีวิตหมาตัวหนึ่งก็ได้กำไรมากมายพวกเราต้องร้องทุกข์ต่อท่านยมบาล
    อรหันต์จี้กง ถอนความตั้งใจร้องทุกข์นั้นเถิด เหตุใดไม่พิจารณาการกระทำของตนเองในชาติก่อนเล่า
    หมาดำ เมื่อได้ฟังคำตักเตือนของท่านอรหันต์ จิตใจก็เยือกเย็นลง คิดถึงเมื่อครั้งตนรับราชการ ทุจริตฉ้อราษฏร์บังหลวงให้เงินทองมาไม่ใช่น้อย เมื่อเห็นลูกเมียของผู้ใต้บังคับบัญชาสวย ก็คิดอยากจะได้ หาอุบายทุกวิถีทาง หากไม่ได้ก็หาหนทางใส่ร้ายลูกน้องเมียของผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งสวยมาก คิดอยากจะได้ก็วางแผนใส่ความให้ลูกน้องต้องติดตะราง จากนั้นก็ใช้อำนาจบังคับเมียเขาว่าถ้าหากยอมเสียตัวให้ตนก็สามารถร้องทุกข์ประกันสามีของนางให้ออกมาได้ ภรรยาต้องการช่วยสามีก็ยอมตนตกเป็นเครื่องเล่นของผม แต่ผมกลับคิดว่าถ้าสามีของนางพ้นโทษออกมา ผมก็จะเสียโอกาส เมื่อคิดดังนั้นแล้ว ก็หาทางใส่ร้ายป้ายสีเพิ่มโทษให้หนักกว่าเก่า ทำให้ต้องติดตะรางนานขึ้น แล้วก็หลอกภรรยาว่าได้ช่วยสุดความสามารถแต่ก็ไม่อาจจะช่วยได้ ต่อมาภรรยาจับได้ว่าเป็นแผนการของผมโกรธแค้นมากเลยดื่มยาพิษฆ่าตัวตาย ผมได้ก่อกรรมไว้เช่นนี้จึงต้องเกิดเป็นหมา
    อรหันต์จี้กง เพราะเหตุฉะนี้ เธออุทิศเนื้อให้ชาวบ้านกินยังจะคิดเอาอะไรอีก ผู้ที่กินเจ้าคนนี้เจ้าก็ไม่รู้จักเขาเลย เขาก็เวียนเกิดมาจากผู้หญิง ที่เจ้าข่มขืนจนเขาต้องห่าตัวตายนั่นแหละ กฎแห่งกรรมได้สนองเจ้าแล้ว เขากินเจ้าไปหลายคำเพื่อที่จะลดความโกรธแค้นที่เขามีต่อเจ้า เธอดูเขาซิ เขากินด้วยความเอร็ดอร่อย มีความสุขเหมือนตอนที่เจ้าข่มขืนเขาไว้ไม่มีผิด นี้แหละเวรสนองเวร คนกินคนไงล่ะ อยู่ที่แผงขายเนื้อนี้นานแล้ว เราเปลี่ยนไปที่อื่นกันเถอะเพื่อเปลี่ยนรสชาติ
    หยางเซิง จะไปที่ไหนกันครับ
    อรหันต์จี้กง ไปที่หมู่บ้านตงเฮง ตำบลต้าลี่ เมืองไถจงไปสัมภาษณ์หมาตัวหนึ่งซึ่งมีความผูกพันกับเจ้าของมาก ตามข้าขึ้นมาบนปทุมทิพย์
    หยางเซิง ขอรับ
    อรหันต์จี้กง ถึงแล้ว นี่คือบ้านตระกูลตั้ง เธอเห็นหมาที่มีสีขาวปนแดงนั้นไหม ทุกๆวันหมาตัวนี้จะอยู่กับเจ้าของของมันกลางคืนนอนอยู่บนเตียงด้วยกัน เหมือนเงาตามตัว วันก่อนมีคนแซ่จึง ได้นำมันไปที่สำนักเซินเต๋อถัง หมาตัวนี้แปลกกว่าตัวอื่นหวังว่าเราคงจะไปสัมภาษณ์มันได้ ให้เล่าเรื่องราวที่ผ่านมา เธอคงลืมไปแล้วกระมัง
    หยางเซิง ใช่แล้ว จำได้แล้ว วันก่อนคุณจึงกับคุณตั้งได้นำหมาตัวนี้ไปไหว้พระที่สำนัก ผมก็อยากจะสัมภาษณ์ หมาตัวนี้น่ารักมาก มันไม่ดุร้ายเลย
    อรหันต์จี้กง ฉันจะเสกให้ ให้เป็นร่างคน จะได้พูดคุยกันสะดวก “เสี่ยวหยวน เลี่ยวหยวน เจ้าของเรียกอย่างสนิทสนมเช้าเย็นอยู่ด้วยกัน คงมีเหตุจากปางก่อน เป็นหมาที่ต่างจากหมาอื่นเล่าเรื่องอดีตมาให้ฟังหน่อยซิ
    หยางเซิง อาจารย์เสกให้ พร้อมท่องคาถา หมาตัวนี้ค่อยๆ แปลงเป็นเด็กหญิงที่ใส่เสื้อแดง รูปร่างเติบโตน่ารักมาก
    อรหันต์จี้กง ศิษย์รัก เธอสอบถามได้แล้ว
    หยางเซิง ผมคือคนทรงสำนักเซินเต๋อถัง วันนี้ตามอาจารย์มาสัมภาษณ์เธอเป็นพิเศษ กรุณาเล่าเรื่องในอดีตมาให้ฟังหน่อย
    เสี่ยวหยวน ที่แท้ก็คือท่านอรหันต์จี้กงช่วยปลุกเสก เมื่อครู่เหมือนนอนฝันใหญ่ตื่นขึ้น เมื่อมองเห็นแสงสว่างจากที่มืด...ทำให้ระลึกถืงเรื่องราวในอดีต ก็คือเป็นสาวใช้ของเจ้านายตระกูลตั้งตอนนี้เนื่องจากตอนเด็กๆยากจนมาก จึงมาเป็นเด็กรับใช้บ้านนี้ฉันทำงานขยันขันแข็ง จนเจ้านายรักใคร่เอ็นดู ฉันเองก็พอใจเพราะเจ้านายปฏิบัติต่อฉันด้วยดี ช่วยเหลือเงินทอง และรักษาพยาบาลพ่อแม่ของข้าจนหายจากป่วยหนัก ฉันมีจิตใจผูกพันกับเจ้านายมากค่อยๆเปลี่ยนแปลงเป็นความรัก หลงรักเจ้านาย แต่เนื่องจากแต่ก่อนประเพณีเคร่งครัดมาก ฉันเองก็ได้แต่กัดฟันทนเอา จนกระทั่งล้มป่วยเพราะรักข้างเดียว ร่างกายอ่อนแอมากและมีโรคมาก วันหนึ่งตัวร้อนจัดมาก ร้องละเมอเรียกชื่อเจ้านาย ภรรยาเจ้านายได้ยินเข้าทำให้สงสัยก็เฝ้าดูกิริยาของฉัน ก็เลยรู้ความในใจของฉัน ก็เลยพูดเรื่องนี้ให้สามีนางฟัง เจ้านายก็ได้แต่ปลอบประโลมไม่ให้คิดมากจิตใจควรปล่อยสบายๆ ทุกคนก็ดีต่อเจ้ามาก ควรถนอมใจรักษาไข้ให้หาย แต่เนื่องจากจิตใจกลัดกลุ่มมานานจนเกิดโรดปอดขึ้นในที่สุดก็ตายจากโลกนี้ไป วิญญาณไปถึงยมโลก แต่เยื่อใยตัดยากยมบาลรู้จิตของฉันดี และต้องการแก้สาเหตุอันนี้ แต่ระยะเวลายังไม่อำนวย ต้องรออยู่ในยมโลกก่อน จนกระทั้งเจ้านายตายลงไปเกิดเป็นคนอีกครั้ง จนกระทั้งตั้งได้ ฉันจึงเกิดเป็นหมา เพื่อที่จะสนองกรรมอันนี้
    หยางเซิง มีเรื่องรักแบบนี้ด้วยหรือ ทำไมยมบาลไม่ให้เธอเกิดเป็นหญิงจะได้แต่งงานกับเจ้านาย
    เสี่ยวหยวน เนื่องจากเจ้านายมีบุพเพสันนิวาสกับผู้อื่น กับฉันก็มีความผูกพันลึกซึ้งกันทั้งสามชาติ เนื่องจากเจ้านายมีบุญคุณช่วยรักษาโรคให้พ่อแม่ฉัน เมื่อฉันมีเยื่อใยเช่นนี้ ก็ได้แต่เกิดเป็นสุนัขตอบแทน และก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเกิดเป็นคน เป็นภรรยาเจ้านายได้
    หยางเซิง ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง
    เสี่ยวหยวน ฉันอยู่ร้านขายหมา ถูกเจ้านายตระกูลตั้งซื้อมา ตนเองรู้สึกดีใจ เจ้านายรู้สึกดีต่อข้ามาก ที่ได้ซื้อข้ามา พอฉันมาอยู่บ้านเจ้านาย ก็เติบโตขึ้นทุกวัน ฉันก็ทำหน้าที่อย่างภักดีดูแลบ้านซ่อง พวกเขาก็ดีต่อฉันมาก อาบน้ำให้ทุกๆวัน เนื่องจากชาติก่อนมีบุญกรรมร่วมกันมา ดังนั้นจึงสนิทสนมกับเจ้านายมากเหมือนเงาตามตัว พอออกไปธุระนอกบ้าน ฉันก็เฝ้าอยู่ในรถออกนอกบ้านพร้อมกัน ตอนอยู่ในบ้านก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ พอตกกลางคืนก็ขึ้นเตียงนอนกับเจ้านาย ถึงแม้จะไม่ได้เป็นเยี่ยงสามีภรรยาแต่ก็เป็นสุขอย่างมาก ทั้งหมดนี้เป็นอดีตชาติของฉัน
    หยางเซิง อันนี้เป็นเรื่องราวประหลาดที่เคยได้ยินมา คนและสัตว์ยังมีโรแมนติกกัน ตอนนี้เธอกับเจ้านายก็พูดกันไม่รู้เรื่องไม่ทราบว่าเธอมีเรื่องราวอะไรจะบอกเขา
    เสี่ยวหยวน เจ้านายและภรรยาดีต่อข้ามาก จิตใจรู้สึกขอบคุณมาก อยากจะให้เจ้านายอย่าตรากตรำกับค้าขายมากนัก ควรจะหาเวลามาดูธรรมะบ้าง จะได้อยู่ใกล้ธรรมะถือศีลภาวนา ละทิ้งสิ่งไม่ดีของนิสัย ชาติหน้าจะได้อยู่สรวงสวรรค์ หรือไม่ก็ มีครอบครัวที่ดีงามกว่านี้ ถ้าหากไม่ถือศีลภาวนา ตกอยู่เบื้องต่ำ จิตใจฉันคงทุกข์ไม่น้อย ชีวิตชาติหน้าของเขาจะตกต่ำกว่านี้
    หยางเซิง ความรักเช่นนี้น่านับถือ อยากให้เจ้าของบ้านนี้ ประคองตนอยู่ในธรรมมะ จะได้ไม่ทำให้คนรักชาติก่อนต้องผิดหวัง
    อรหันต์จี้กง ความรักของเสี่ยวหยวน ทำให้อาตมาขาบซึ้งได้เล่าเรื่องความเป็นมา เพื่อเตือนสติชาวบ้าน ชาติหน้าให้เธอเกิดเป็นคนในบ้านคนร่ำรวย วันนี้เวลาดึกมากแล้ว เตรียมตัวกลับสำนัก
    หยางเซิง ขอรับกระผม
    อรหันต์จี้กง ถึงสำนักเซินเต๋อถังแล้ว หยางเซิงลงจากปทุมทิพย์ วิญญาณกลับเข้าร่าง
    ครั้งที่16 จิตเดิมจรัสแสงแปลงร่างเป็นนกกระเรียน เดรัจฉานห้าชนิเพียรถือศีลฝึกธรรมะ
    อรหันต์จี้กง เดรัจฉานร่างบุญรู้ใจคน สัตว์แสนรู้รู้ภักดีตรงกันข้ามมีคนจำนวนมาก ที่สูญเสียความเป็นคน เลวยิ่งกว่าสัตว์ก็มากมาย เส้นขนเป็นเกียรติยศของมนุษย์ มนุษย์จำนวนมากหวังแต่ชีวิตรอดไม่เคยรักถนอม มัวแต่เล่นกับไฟ(กิเลส) จนไหม้เกรียมเผาผลาญจนไม่สามารถจะมองหน้าคนติด ปกติคนเรามักใส่น้ำมันที่ผม ผัดแป้งบนหน้า รักหน้าตา แต่การตบแต่งภายนอกเช่นนี้ไม่มีประโยชน์ เสื้อผ้างดงาม บางคนก็เป็นสัตว์แปลงร่าง กิริยาวาจาล้วนแล้วแต่ขัดศีลธรรม เครื่องแต่งกายเป็นชั้นจอมปลอม ถ้าฉันเอาของจอมปลอมเหล่านี้ออกไป ก็จะเห็นหน้าตาที่น่าเกลียดทำให้ผู้คนที่พบเห็นสะพรึงกลัว ไม่เหมือนลูกหมาลูกแมว ช่างน่ารักมนุษย์ยังอุ้มไว้ในอกอย่างใกล้ชิด หยางเซิงเตรียมตัวขึ้นปทุมทิพย์
    หยางเซิง ขอรับ วันนี้อาจารย์จะไปที่ไหน
    อรหันต์จี้กง ไปแดนใต้
    หยางเซิง แดนใต้หนาวมากไม่ใช่หรือ
    อรหันต์จี้กง ถึงแม้จะหนาว แต่ก็ต้องการความอบอุ่นจากจิตของธรรมมะแผ่ไปได้ จิตคนแม้จะหนาวเหน็บ เราก็ต้องมีศรัทธา นำกุศลจิตไปอบรมเขา วันนี้เราไปทีสวรรค์ชั้นอรูปพรหมไปนมัสการท่านเทพแห่งแดนใต้ และกุมารเทพกระเรียนขาว
    หยางเซิง จะได้พบท่านกุมารเทพกระเรียนขาว ต้องนับว่ามีบุญวาสนามาก ขอเชิญอาจารย์ออกเดินทางใต้
    อรหันต์จี้กง มาถึงตำหนักอายุวัฒนะแดนใต้ รีบลงจากปทุมทิพย์
    หยางเซิง ธรรมชาติที่นี่ช่างงดงามมาก หมู่ไม้เขียวขจีบุบผานานาพันธุ์บานสะพรั่ง มีน้ำไหลผ่านสะพานเล็กๆ หมู่นกกระเรียนยืนอยู่กลางสระ ขนขาวดั่งหิมะ ทำให้ผู้คนหลงใหล ข้างหน้ามีตำหนักภูมิฐานอยู่หลังหนึ่ง ข้างบนเขียนว่า ตำหนักอายุวัฒนะแห่งแดนใต้
    อรหันต์จี้กง ที่นี่คือตำหนักของท่านเทพแดนใต้ ท่านเป็นดาวประจำอายุ ดังนั้นถึงมีชื่อเรียกว่า มหาจักรพรรดิแห่งอายุวัฒนะ เป็นผู้อยู่เหนือเทพเทวดาทั้งหลายมีประวัติยืดยาว เป็นเทวะรวมธาตุทอง หยางเซิงตามข้าเข้าไปข้างใน ไปนมัสการ ท่านเทวะทองคำกันเถอะ
    หยางเซิง ครับผม เดินตามอาจารย์เข้าไปในตำหนักพอเข้าไปก็พบแสงดาวระยิบระยับ สาดส่องแสงต้องคนเป็นภาพที่พิสดาร ทันใดนั้นก็กระทบความเย็นสบาย กลางตำหนักเห็นมีคนนั่งอยู่(ผมขาวดังกระเรียน หน้าอ่อนวัยเหมือนเด็ก) มีหนวดขาวยาวดังไหม มือข้างหนึ่งถือไม้เท้า ลักษณะโอบอ้อมอารี ข้างๆกายมีกุมารใส่เสื้อขาวยืนอยู่ น่ารักยิ่งนัก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
    อรหันต์จี้กง วันนี้อาตมานำศิษย์หยางเซิงมานมัสการท่านเทพแดนใต้กับท่านกุมารกระเรียนขาว ขอท่านเทพทั้งสองช่วยชี้แนะให้ด้วย
    เทพอาวุโส เจริญพร ตามที่อรหันต์จี้กงได้รับบํญชาจากสวรรค์ ให้โปรดสัตว์ทั้ง 3 โลก นำพาคุณหยางเซิงเที่ยวทั่วตั้งสามแดน เพื่อทำหนังสือ เมืองนรก สวรรค์ สองเล่ม ช่วยเปิดประตูสวรรค์ ปิดประตูนรก จบแล้วยังรับคำสั่งจากพระแม่แดนสุขาวดีพุทธเกษตร พาหยางเซิงสัมภาษณ์พวกสัตว์เดรัจฉาน ให้เล่าอดีตกรรมที่ก่อไว้ เป็นการช่วยเหลือวิญญาณสัตว์ เตือนสติมนุษย์คุณงามความดีอันยิ่งใหญ่นี้ พูดได้ว่าไม่เคยมีมาก่อน และหลังจากวันนี้ไปก็จะไม่มีอีก วันนี้ทั้งสองท่านมาถึงเมืองเทวดา เทวดาชราภาพอย่างช้าก็ได้เตรียมชาเล็กน้อยไว้ดื่มระหว่างสนทนา จะได้บรรยายเสียงของจิตออกมามีคำสั่ง ให้กุมารตระเตรียมชาทิพย์และผลไม้มาต้อนรับท่านอรหันต์จี้กงและคุณหยางเซิ ง
    กุมารเทพ รับสั่ง ตระเตรียมพร้อมแล้วทั้งชาทิพย์และผลไม้
    เทพอาวุโส ท่านอรหันต์จี้กงและคุณหยางเซิง ขอเชิญนั่งตลอดระยะเวลา 6 ปีผ่านมานี้ ท่านได้ระเห็จระหนไปทั่วทั้งสามแดนคงลำบากมากนะ ขอปลอบขวัญท่านด้วยของเล็กๆน้อยๆ เพื่อเป็นการแสดงน้ำใจ
    อรหันต์จี้กง ขอขอบคุณ ท่านเทพที่ต้อนรับด้วยของมากมาย ศิษย์รักเราเข้าไปนั่งกันเถอะ
    หยางเซิง โต๊ะหินเก้าอี้หินส่องแสงวาววับ นั่งแล้วรู้สึกเย็นสบายๆ
    เทพอาวุโส กุมาร พวกเราก็นั่งกันเถอะ
    อรหันต์จี้กง วันนี้ได้มาที่นี้ ก็เพื่อให้ท่านกล่าววาจาล้ำเลิศเพื่อนำลงในหนังสือ วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน
    เทพอาวุโส ท่านทั้งสองไม่ต้องเกรงใจ เชิญดื่มน้ำชาทานผลไม้
    หยางเซิง ขอบพระคุณ ท่านเทพเมตตาประทานชาทิพย์ผลไม้ทิพย์ กลิ่นหอมเชิญชวน ยานั้นชุ่มฉ่ำคอ มีรสชาติแปลกต่างกัน
    เทพอาวุโส ผู้คนเขายกย่องว่า เทวดาชราอย่างข้าเป็นดาวประจำอายุวัฒนะ ผลไม้และน้ำชาร้อนเป็นของต่ออายุทั้งนั้น เป็นเพราะเจ้าติดตามท่านอรหันตต์ไปทั่วสาวมแดน เพื่อแต่งตำราพิสดารนี้ปลอบเตือนชาวโลก สั่งสอน มวลมนุษย์ บุญบารมากล้นเสียพลังงานและจิตใจไปมาก ดังนั้นวันนี้จึงให้คนวิเศษแดนใต้ ช่วยบำรุงขวัญและจิตใจ
    หยางเซิง ขอบพระคุณเป็นล้นพ้น
    อรหันต์จี้กง ที่มาในวันนี้ สาระสำคัญ อยากเชิญท่าน กุมารเทพกระเรียนขาว แนะนำประวัติตนเองเป็นคติเตือนใจเนื่องจากกระเรียนขาวเป็นสัตว์เทวดา มาจากการหมุนเวียน6ช่องทางซึ่งอยู่ในพวกสัตว์ ทำอย่างไรจึงสามารถมาอยู่แดนใต้อย่างเกษมสำราญ อยู่ใกล้กายท่านเทพอาวุโสด้วย
    กุมารเทพ ต้องการสอบประวัติของข้าหรือ ก็ให้พิจารณาขนของข้าก่อนเป็นไร กระเรียนชาวมีขนขาวบริสุทธิ์ ไม่มีสีอื่นเจือปนจิตใจของมนุษย์ ถ้าตลอดชีวิตสามารถรักษาความสะอาด ให้ขาวดุจกระดาษขาวได้ โดยไม่มีแต้มสกปรก ก็ดุจมีคุณค่าสูงดังกระเรียนกระเรียนมีขนสีขาวและขาก็ยาว ขาก็ยืนอยู่บนความสกปรกของโคลนเลน เนื่องจากมีลำขายาว ธรรมชาติช่วยไม่ให้โคลนตมมาแปดเปื้อนกายได้ คนเราก็เช่นกัน ไม่ว่าจะอยู่ในสิ่งแวดล้อมใดๆ ก็ตาม แม้ขาจะเหยียบอยู่ในสังคมที่แสนสกปรก คาวโลกีย์ หรืออยู่ในหมู่คนขั่วมากมายก็ตาม แต่กายใจสามารถคงความสะอาดบริสุทธิ์ได้ มันก็เหมือนนกระเรียนที่รักขน ยิ่งอยู่ในความมืดเท่าไรยิ่งเปล่งรัศมีความขาวสะอาดบริสุทธิ์เท่านั้น ฉันเองเดิมอยู่บนเขาคุนหลุน(เป็นภูเขาที่อยู่ในประเทศจีนตอนใต้) เป็นเณร ฝึกฝนธรรมมะกับอาจารย์กว่าสิบปี เนื่องจากอยู่ในวัยเด็กชอบโลดโผน มีอยู่วันหนึ่งไม่ระมัดระวัง พลัดตกลงไปในเหว ขณะที่ร่วงหล่นนั้นเทพแห่งแดนใต้ขี่เมฆผ่านมาพอดี ก็ใช้ไม้เท้ารับผมขึ้นมา นำมาที่แดนใต้นี้ ท่านรับไว้เป็นศิษย์ และฝึกฝนธรรมะตลอดวันตลอดคืน เพราะฉะนั้นเทพแห่งแดนใต้จึงเป็นทั้งอาจารย์แลผู้ช่วยชีวิต อาจารย์เป็นเทพที่อาวุโสที่สุด ดังนั้นเมื่อผู้คนจะทำวันเกิดก็มักจะอัญเชิญท่านมาอำนวยพร ซึ่งได้อีกชื่อหนึ่งว่า มหาจักรพรรดิแห่งอายุวัฒนะ อาจารย์เป็นตัวแทนแสดงถึงธรรมะสูงส่ง แต่สติหาเลอะเลือนแก่ลงไม่ มีผมขาวดั่งกระเรียนแต่หน้าตาเยาว์วัย แล้วก็แปลงร่างเข้าให้เป็นกุมารกระเรียนขาว เนื่องจากข้าเป็นเด็ก จำเป็นต้องมีผมขาวดังกระเรียนมาประกอบ จึงจะได้เป็นแบบเด็กสะอาด และมีใบหน้าที่ขาวดูให้แก่ขึ้นมา
    หยางเซิง ท่านเทพแดนใต้แปลงท่านให้เป็นกระเรียนขาวอย่างไรบ้าง
    กุมารเทพ อาจารย์ท่านแปลงข้าให้เป็นกระเรียน ก็เนื่องมีสาเหตุอันหนึ่งคือ อาจารย์กล่าวว่า “เมื่อก่อนเจ้าตกลงเหวข้าได้ช่วยชีวิตไว้ แล้วยังฝึกฝนธรรมะให้ไว้ไม้ใช่น้อย ตอนนี้ข้าก็จะให้เจ้าตกลงเหวอีกครั้ง เจ้าต้องหาทางเอาตัวรอดเอง ถ้าหากไม่สามารถเอาตัวรอดได้ ข้าก็จให้เจ้าลงไปเกิดเป็นมนุษย์ วนเวียนอยู่ในทะเลทุกข์ไม่มีวันได้มาอีก” ข้าถูกอาจารย์พร่ำบนถึงชีวิตจะอาสัญจิตใจได้แต่กลัวผวา พลางคิดว่า ถ้าหากตัวเองไม่สามารถเอาชีวิตรอดก็ต้องกลับไปอย่างไรไม่มีวันกลับมา พอสามวันให้หลัง อาจารย์ก็ได้บอกว่าเวลามาถึงแล้ว อาจารย์จะให้เครื่องแต่งกายสีขาวชุดหนึ่ง รีบๆ ใส่เสีย ถ้าหากพลั้งเผลอเสื้อขาวก็จะแปดเปื้อนโคลน เสื้อผ้าจะขาดเป็นรู น่ากลัวจะไม่สามารถรักษาชีวิตให้รอดกลับมาได้ พอข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จจิตใจว่างเปล่า จิตระลึกแต่อย่างเดียวถึงความเป็นความตาย พลางคิดว่าอาจารย์มีพระคุณช่วยชีวิต และพร่ำสอนมานานหลายปีทุกวันเฝ้าฝึกฝนหล่อหลอม บัดนี้ควรรับการเสียสละครั้งนี้ ไม่ว่าจะกลับมาได้ หรือไม่จะไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังเป็นอันขาด และแล้วอาจารย์ก็พาข้าเหาะไปยังเขาคุนหลุน แล้วก็เอาตัวข้าผลักลงข้างล่าง ขณะนั้นลำตัวข้าก็ตีลังกาเป็นรอบๆ จิตใจของข้าไม่สับสน แน่นิ่งเป็นจิตเดียวเนื่องจากจิตเป็นเอกตารมณ์(คือมีอารมณ์เดียว)ลิ่วลอยอยู่ในนภากาศกลับกลายร่างเป็นกระเรียนขาว จึงไม่ต้องตกสู่วัฏฏสงสาร เนื่องจากจิตคิดถึงแต่ทางรอด ฉับพลันนั้นร่างกายข้าเบาหวิวลอยขึ้นอยู่ ท่ามกลางเมฆ เสื้อขาวก็กลายเป็นขน รูปร่างกายเป็นนกกระเรียน บินร่อนอยู่ในนภากาศ ไม่ตกลงไปอีกในขณะข้าตกใจด้วยความประหลาดที่เกิดขึ้น หูก็ได้ยินอาจารย์ร้องเรียกว่า “กุมารเทพกระรียนขาวกลับมาเถิด เจ้านับว่าเก่งพอที่จะอยู่ในสวรรค์ จิตยึดมั่นท่ามกลางเมฆหมอก ดังนั้นจึงไม่ตกลงสู่โลกมนุษย์” จากนั้นมาข้าก็เลยกลายเป็น”กุมารเทพกระเรียนขาว”
    เทพแดนใต้ ข้าแม้จะเก่าโบราณ แต่เบื้องบาท (ข้างกาย)ยังมีกุมารเทพ แสดงถึงคนแก่ใจหนุ่มแน่น เปรียบประดุจสวรรค์ที่ไม่แก่ เทพชราอย่างข้าก็คือ “มหาจักรพรรดิแห่งอายุวัฒนะ” ผู้คนหากต้องการต่ออายุละก็ต้องเป็นดั่งเทพชราที่มีจิตเยาว์วัย
    กุมารเทพ ข้าถึงแม้นเป็นกรเรียนขาว เนื่องจากได้รับการฝึกฝนมานานปี จึงสามารถแปลงร่างเป็นกุมารได้ฝึกฝนเต๋าสำเร็จการแปลงร่างเป็นเรื่องง่ายๆ อันนี้คือเรื่องราวของข้าล่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤษภาคม 2016
  7. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,985
    ค่าพลัง:
    +1,223
    เทพแดนใต้ กุมารเทพก็ได้กล่าวเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงมาในอดีต ซึ่งอยากจะบอกกล่าวชาวโลกไว้ว่าไม่ควรอานาทรร้อนใจต่อความยากลำบากทั้งปวง ควรมีจิตเดียวที่ยึดมั่นตั้งมั่น บริสุทธิ์เที่ยงแท้ไม่แปดเปื้อนปลอมแปลงในช่วงระยะเวลาที่จะละจากโลกนั้น ให้ตั้งจิตยึดมั่นและภาวนาว่า “ที่ที่จะไปนั้น คือไปสู่สวรรค์ไปที่สุดติ” หากใจยึดมั่นอยู่อย่างนี้แล้ว มันก็จะเกิดพลังธรรมอย่างหาที่สุดมิได้ มนุษย์ก็สามารถที่จะมีปีกบินแปลงร่างเป็นกระเรียนขาว บินสู่แดนสุขาวดีพุทธเกษตรได้ ที่พูดมานี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับกระเรียนขาว ถ้ามันยังรักความขาวสะอาดของขน ไม่แปดเปื้อนโคลนตม ยึดถือความบริสุทธิ์ถึงแม้จะเป็นเสือ สิงห์ ก็สามารถเป็นเทพได้ ดังจะเห็นได้จากโลกนี้ว่า ตามที่ต่างๆ เช่น ศาลเจ้าพ่อเสือ ซึ่งเสือนั้นใครๆก็กลัว ก็ยังได้ตั้งสถิตย์อยู่ในศาลเจ้าได้ ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันได้ว่า สรรพสัตว์ย่อมมีจิตเดิมที่จรัสแสง เพียงแต่ต้องตั้งมั่นยึดมั่นในความบริสุทธิ์แน่แท้ แก้ความโหดร้ายให้กลายเป็นความเมตตาปราณี ก็สามารถบรรลุเต๋าได้ชาวโลกทั้งหลาย พวกท่านไม่ควรทำแต่ความชั่วร้ายการบรรลุเต๋านั้นก็ง่ายมากมิใช่หรือ หรือต้องรอจนกว่าจะได้เป็นเจ้าพ่อเสือ นำไปตั้งโต๊ะบูชาก่อนหรือ ข้าเห็นว่าควรจะเป็นคนเหนือคน เทวดาเหนือเทวดา ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งเรียงไว้บนสวรรค์ ก็ยังได้ตั้งเรียงไว้บนโต๊ะบูชา ซึ่งค่อนข้างจะมีคุณค่าเป็นที่เชิดชูกว่ามิใช่หรือ
    หยางเซิง ท่านเทพแดนใต้เป็น “จักรพรรดิแห่งอายุวัฒนะ” ชาวโลกก็วิ งวอนอยากให้อายุยืน แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยรู้จัก วิธีการบำรุงเลี้ยง เคยเห็นแต่ฆ่าสัตว์เอามาบำรุงร่างกาย ที่จริงแล้วเป็นการสูญเสีย “เมตตาธรรม” และเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงจากการไปเกิดเป็นสัตว์ซึ่งเกิดจากกรรมของการฆ่าสัตว์ ของท่านเทพผู้อาวุโสโปรดแนะวิธีทำให้ชีวิตยืนยาวด้วยจะได้ไหม
    เทพอาวุโส วิถีเทวดาเป็นวิถีที่ทำให้ชีวิตยืนยาว ปัจจุบันคนต้องการสุขสบาย ถึงแม้จะกินเนื้อกินปลาจนอิ่ม ร่างกายก็ยังอ่อนแอและมีหลายโรค ฆ่าสัตว์บำรุงกาย ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่เหมือนเรือนกายบริหารอย่างสัตว์ ตนเองฝึกฝนเอง เป็นวิถีทางที่จะดำรงตนไว้ เนื่องจากจะทำหนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” ข้าจะแนะนำวิธีกายบริหารแบบสัตว์ห้าชนิดให้ผู้คนได้ฝึกฝน ตอนนี้จะให้กุมารกระเรียนขาวแสดง ท่ากายบริหารให้ดู
    กายกรรมสัตว์ห้าชนิด
    กายกรรมสัตว์ 5 ชนิด ท่านแพทย์ ฮั้วท้อ(แพทย์ฮั้วท้อ เป็นแพทย์ ผู้ปราดเปรื่องในสมัยสามก๊ก ได้คิดค้นขึ้นเป็นการรักษาสุขภาพรักษาโรค และทำให้อายุยืน หรือ เรียกว่า “วิธีกายบริหารของเทวดา” การบริหารนี้ มีหนังสือนำ การถ่ายออกรับ
    เข้า เอนหมี นกยืด แต่ละท่าก็เหมาะสมกับอวัยวะภายในร่างกายต่างๆกัน ให้เลือดลมโคจรหมุนเวียนไป จึงได้ป้องกันโรคและเป็นการต่ออายุ สัตว์ทั้งห้าคือ เสือ กวาง หมี ชะนี และนก
    แบบที่หนึ่ง เสือ (สูดลมเข้าปอดให้เต็มที่ เป็นการเพิ่มพลังกาย
    รูป1 วิ่งไปข้างหน้า 3 ครั้ง วิ่งถอยหลัง 2 ครั้ง (ด้วยท่าคลานไปข้างหน้า)
    รูป2 วิ่งไปข้างหน้า 3 ครั้งวิ่งถอยหลัง 2 ครั้ง(ด้วยท่าหงายท้องไปหน้าหลัง)ปลายมือไปทางปลายเท้าชี้ไปทางเดียวกัน
    อธิบาย นิสัยเสือดุร้ายร่างกายแข็งแรง ชำนาญในการใช้เขี้ยวเล็บกระโดดตะปบ ดังนั้นเวลาฝึกกายบริหาร ต้องเรียนลักษณะแข็งแรงเกรี้ยวกราดเหมือนเสือ สองตาต้องมีพลัง เพ่งมองลงล่างจึงเรียกว่า เสือเพ่งมองขมึงตรึง นิ้วมือต้องงอโค้งให้เหมือนเล็บเสือการยึดออกหรือหดเข้าต้องมีกำลัง ร่างกายบิดไปบิดมาต้องแข็งแกร่งท่าทางทุกบทต้องออกจากตะโพก
    วิธีทำ 1 ทำท่าคลานสีเท้า แล้ววิ่งไปข้างหน้า 3 ครั้งถอยหลัง 2 ครั้ง
    2 หงายตัวขึ้นเดินสี่เท้า แล้ววิ่งขึ้นหน้าไป 3 ครั้ง ถอยหลัง 2 ครั้ง
    3 ทั้งสองแบบต้องทำสลับกันไปให้ได้ 3 ครั้ง
    แบบที่สอง กวาง (สามารถเพิ่มกำลังกระเพาะ ตับ ไต ให้แข็งแรง)
    อธิบาย กวางมีร่างกายร้อนแรง ท่าทางคล่องแคล่วว่องไวและชำนาญต่อการใช้เขา วิ่งกระโจน ผู้ฝึกกายบริหารแบบกวางต้องทำให้ไขข้อคล่องแคล่วโดยเฉพาะข้อต่อจาก ต้นแขน ต้นขา มือทั้งสองใช้แทนขาได้ การเคลื่อนไหวของแขนขาต้องสัมพันธ์กัน
    วิธีทำ 1 ทำท่าคลานสี่เท้า หมุนศีรษะไปทางซ้าย 3 ครั้งหมุนไปทางขวา 2 ครั้ง
    2 ต่อมาขาซ้ายยึดไปข้างหลัง 3 ครั้ง ขาขวายืดไป 2 ครั้ง
    รูป1 หมุนศีรษะ ซ้าย 3 ครั้ง ขวา 2 ครั้ง
    รูป2 ยืดเท้า เท้าซ้าย 3 ครั้ง เท้าขวา 2 ครั้ง
    แบบที่สาม หมี (สามารถลดความร้อนในตับลงได้) ทำให้ร่างกายแข็งแรง สามารถนอนหลับได้ดี
    อธิบาย นิสัยหมีกล้าหาญ แข็งแรงมีกำลัง มีความชำนาณใช้เท้าหน้าค้นของและป่ายปีน ดังนั้นผู้ฝึกกายบริหารแบบหมี ต้องเลียนแบบกล้าหาญ ท่าทางเดินเหินดูสงบเสงี่ยม
    วิธีทำ 1. สองมือนั่งกอดเข่า ศีรษะแหงนขึ้นแล้วหมุนซ้ายหมุนขวาให้สุดกำลัง
    2.ต่อมายืนขึ้นแล้วก้มตัวลงแล้วใช้มือซ้ายและขวายันพื้น ผลัดกันรับน้ำหนักตัว
    รูป1 ศีรษะแหงนหมุนซ้ายหมุนขวาสุดกำลัง รูป2 ก้มตัวยืนสามขา
    แบบที่ ชะนี (กระตุ้นพลังสมอง จิตใจร่าเริง ทำให้โลหิตหมุนเวียน
    อธิบาย ชะนีมีลักษณะว่องไว คล่องแคล่ว เพราะฉะนั้นเวลาฝึกกายบริหาร ต้องเรียนแบบชะนีแผ่วเบาและคล่องแคล่ว นิ้วมือให้งองุ้ม มีจุดสำคัญอยู่กับการหายใจและวิธีการนวด
    วิธีทำ 1 แสดงท่าไต่ราว(บาร์เดี่ยว)
    2 มือจับบาร์เดี่ยวให้แน่น แล้วยกตัวขึ้นลง 3 ครั้ง
    3 จากนั้นขาซ้ายหรือขาขวา ให้ข้อพับเข่าเหนือตัวไว้ ห้อยหัวลงมาสลับกัน 7 ครั้ง
    7 เอาสองมือแทนขายืน เอาหัวทีมลง 7 ครั้ง
    แบบที่ห้า นก(เส้นเอ็นคลายยึด ระบายเลือดลม ข้อต่อคล่องแคล่ว
    อธิบาย ในบรรดานกทั้งหลาย นกกระเรียนมีอายุยืนยาวกว่าเพื่อน จึงเอาอย่างนกกระเรียน นกกระเรียนมีตัวเบา ชำนาญการโบยบิน และมีระดับกำลังสูง เพราะฉะนั้นเวลาฝึกฝนต้องหัดท่าบินของกระเรียน ต้องมีท่ายึดออกของร่างกายให้มีระดับกำลังเสมอกันซึ่งเสริมเสร้างกำลังหายใจ ขณะเดียวกัน ศีรษะ ลำตัว แขนและขา เวลาเดินเหินต้องพร้อมเพรียงกัน และเวลานกยืน ขาต้องมั่นคง เอวต้องยืดไปข้างหลังเต็มที่ เวลายกเท้า ส้นเท้าและส่วนหลังของศีรษะต้องตรงกัน เวลานกบินแขนต้องเหนียวแน่นและแข็งแรง จะช้าหรือไวต้องสัมพันธ์กัน
    ฆ่าสัตว์เพื่องานมงคล เป็นการเพิ่มบรรยากาศเศร้าสลด
    วิธีทำ 1 สองมือยืดตรงออกไป ยกขาข้างหนึ่งยืดตรงไปข้างหลัง
    2 ต่อมา 2 มือยืดไปข้างหน้า ตาจ้องเขม็งไปข้างหน้าหมือนตาเหยี่ยวมองดูอยู่นิ่งๆ
    3สำรวมจิต ยืนขาเดียวสลับกัน 7 ครั้ง
    ต่อมานั่งลง 2 เท้ายืดไปข้างหน้า ใช้มือจับส้นเท้าข้างหลัง 7 ครั้ง ต่อจากนั้น 2 มือยกหักศอก เข้ามาและยืดออก7ครั้ง
    รูป1 ทำวิธี 1,2 และ 3 ยืนขาเดียว จับเส้นเท้า
    รูป2 และรูป 3 ทำวิธี 4 หักศอก
    กายกรรมทั้ง 5 แบบข้างบนนี้ ระหว่างเวลาฝึกฝนจะมีการปวดเมื่อย เหน็บชา เหงื่อออก หรือมีอาการคันขึ้นมา ไม่ต้องตกใจกลัว ไม่จำเป็นต้องฝึกตามลำดับ ฝึกฝนแต่เพียงอย่างเดียวก็พอ ข้อสำคัญต้องฝึกฝนไปตลอดทุกวันจนถึงแก่ หูก็ไวตาก็สว่าง ฟันฟางก็แข็งแรงร่างกายก็แข็งแรงยังมิทันที่จะเป็นแทวดาบนฟ้า ก็เป็นเทวดาบนดินเสียก่อน ยิ่งประกอบกับสร้างบุญบารมีด้วยแล้วเพียงแต่ร่างกายจะแข็งแรง ยังสามารถอบรมบ่มจนสามารถบรรลุสัจธรรมได้
    หยางเซิง ได้ยินท่านเทพผู้อาวุโส แนะแนวฝึกฝนกายกรรมสัตว์ห้าชนิด และเห็นการแสดงของกุมารกระเรียนขาวได้ความรู้มหาศาล ซึ่งสิ่งมีค่าเหล่านี้ ช่วยเพิ่มคุณค่าของหนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน”เป็นอย่างมาก
    อรหันต์จี้กง สัตว์แต่ละชนิดย่อมมีการฝึกฝนไปแต่ละอย่างผู้คนถ้าหากสามารถฝึกฝนกิริยาเช่นนั้น ย่อมได้รับผลที่คาดไม่ถึงอย่างแน่นอน ทำให้เส้นเอ็นกระดูกเมื่อยล้า เนื้อหนังถูกทรมาน สูดอากาศที่บริสุทธิ์เข้าไปถ่ายเทอากาศที่สกปรกออกมา เป็นสิ่งที่นักฝึกฝนธรรมะควรจะได้ฝึกหัดทำ วันนี้เสร็จการสัมภาษณ์เพียงเท่านี้ หยางเซิงเตรียมตัวกลับสำนัก
    หยางเซิง ขอบพระคุณท่านเทพแดนใต้ ท่านกุมารเทพกระเรียนขาวที่แสดงให้ชมและต้อนรับ เนื่องจากถึงเวลที่จะต้องกลับขอกราบลาไปก่อน
    อรหันต์จี้กง สำนักเซินเต๋อถังถึงแล้ว คุณหยางเซิงลงจากปทุมทิทย์ วิญญาณกลับเข้าร่างเดิม
    ครั้งที่17 ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเพื่องานมงคล เป็นการเพิ่มบรรยากาศเศร้าสลด เจ้าที่โลภลาภปากสักการะ มักหลีกไม่พ้นโดนเหล้าพิษ
    หากจะทำบุญไหว้พระอย่าฆ่าสัตว์ ใต้คมดาบสัตว์ปีกน้ำตานอง อีกทั้งสัตว์สีเท้าเศร้าโศกา ทำให้เทวดาจัดแจ้งไม่ไหว หน้าศาลเจ้าวิญญาณสัตว์อาฆาต เพราะรสชาติที่ผู้คนหลงใหล เลยก่อกรรมทำเข็ญสิ้นสุดไม่ กลับพูดว่าทำไปเพื่อสวรรค์
    อรหันต์จี้กง เนื่องจากประชาชนมั่งมีศรีสุข ศาลเจ้าทั่วทั้งมณฑล พอถึงวันเกิดของเทพเทวดา ลานด้านหน้าของศาลเจ้าจะมีหมูเห็ดเป็ดไก่วางเซ่นไหว้เต็มไปหมด เจ้าแมลงวันแขกที่ไม่ได้เชิญเต็มไปหมด เป็นการสิ้นเปลืองและไม่ถูกอนามัย ประเพณีอย่างนี้ไม่เหมาะกับกาลสมัย ควรจะเปลี่ยนแปลงเป็นดอกไม้ ธูปเที่ยนและผลไม้ การไหว้พระไหว้เจ้า ควรจะมีเหตุผล วันนี้ฉันจะพาหยางเซิงไปเยี่ยมเยือนเทพเทวดาตามศาลเจ้า ที่มีคนนำของมาเซ่นไหว้ซึ่งมีวิญญาณสัตว์คอยอาฆาตอยู่ หยางเซิงเตรียมตัวเดินทางได้
    หยางเซิง ขอรับ ผมเตรียมตัวนั่งเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญอาจารย์ออกเดินทางได้
    อรหันต์จี้กง เที่ยวนำพาหยางเซิงเสาะหาผู้ที่ควรจะสัมภาษณ์ มาถึงหมู่บ้านหยวนหลิน เขตเมืองจั้งฮัว หยางเซิงพวกเราลงไปสำรวจสักหน่อย จะพบอะไรบ้าง
    หยางเซิง เหนือประตูบ้านนี้ มีรูปเทวดา 8 องค์ปิดไว้สองข้างประตูก็มีคำกลอนใหม่ๆ ปิดไว้ ดูเหมือนจะมีงานมงคล
    อรหันต์จี้กง บ้านตระกูลฮวง กำลังจะแต่งลูกสะใภ้
    หยางเซิง ทำไมไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    อรหันต์จี้กง อาฮ้า พวกวิญญาณหมู เป็ด ไก่ ร้องไห้มาสามวันสามคืนแล้ว ดังนั้นเสียงจึงแหบแห้งไป ฉันจะพาเธอไปด้านหลังบ้าน ก็จะพบสิ่งปรากฏการณ์ใหม่
    หยางเซิง ก็ดีครับ (เดินตามท่านอาจารย์ไปหลังบ้านก็พบเป็ดไก่ประมาณ 10 ตัว หมู 2 ตัว สะอื้นให้เสียงก็อ่อนระโหยดูแล้วน่าสงสารจริงๆ)
    อรหันต์จี้กง วันก่อน ทำโต๊ะเลี้ยงแขก ก็ได้ฆ่าไปหลายชีวิต เนื้อหนังถูกผู้คนเขากินไปหมด เห็นแขกเหรื่อรื่นเริง โดยเอาชีวิตพวกมันมาแลกกับความสนุกสนาน ในใจนั้นเจ็บปวดไร้ยุติธรรม
    หยางเซิง ผมเห็นพวกมันน่าสงสาร ขออาจารย์ได้กรุณาโปรดพวกมันด้วยเถิด
    อรหันต์จี้กง พอดีเรากำลังทำหนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” อยู่ ฉันจะถือโอกาสนี้โปรดพวกมัน โปรดให้พวกมันไปร้องเรียนในนรก
    หยางเซิง พวกมันตายแล้วทำไมไม่ยอมจากที่นี่
    อรหันต์จี้กง มีพวกหนึ่งไม่เจ็บแค้นมากนัก ก็จากที่นี่ไปนานแล้ว มีอีกพวกยังตัดใจไม่ได้ ก็ยังไม่ยอมจากไป ฉันจะเป่าเสกพวกมันจะได้คุยกัน ฝูงเป็ด ฝูงไก่ พวกหมูทั้งหลาย อย่าโศกเศร้าเสียใจไปเลย ผู้คนเขาอิ่มปากอิ่มท้องพออกพอใจ นึกว่าเสียสละความน้อยนิคของเรา เพื่อความยิ่งใหญ่ของเรา อันนี้เป็นกรรมเก่า ผู้คนไม่มีตาทิพย์ ไม่อาจรู้ได้ว่าพวกเธอก็เคยเป็นญาติโยมกับเขา ปัจจุบันเกิดเป็นสัตว์จึงจำไม่ได้ ดังนั้นต้องสู้อดทนรับกรรม อย่าไปโทษพวกเขาเลย ฟังคำของข้าอรหันต์จี้กง ติดตามข้าไปเมืองนรกเพื่อร้องเรียน ชาติหน้าจะได้เกิดเป็นคนใหม่
    หยางเซิง พวกสัตว์เหล่านี้ พอถูกอาจารย์เสกเป่า รู้สึกสำนึกได้ แต่ละตัวก็ผงกศีรษะรับรู้
    อรหันต์จี้กง เรารออยู่ที่นี่ก่อน คืนนี้แต่งหนังสือเสร็จก่อนแล้วจะพาพวกเธอไปเมืองนรกเพื่อรายงาน เนื่องจากเรื่องเกี่ยวกับงานมงคล อาตมาไม่อยากซักถามละเอียดมากนัก อันนี้เป็นความนิยมของสังคม เวลางานมงคล เช่น แต่งงาน ชายหญิงต่างคาดหวังจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า ถือไม้เท้ายอดทอง ตะบองยอดเพชร และมีลูกดีแต่ตอนนี้ทำการพรากแม่พรากลูก พรากผัวพรากเมีย ฆ่าเอามาเลี้ยงแขก เป็นประเพณีการสืบทอด ของบรรพบุรุษ ถ้าหากงานมงคลยอมงดอาหารสัตว์ ให้อาหารมังสวิรัติ งดการฆ่าสัตว์ สรรพสัตว์มีสุขร่วมกัน สมัยก่อนนานมาแล้ว ที่ตำบลฮั้งซัวสฮะติก มีผู้ถือศีล 2 คน เห็นบ้านญาติโยมลูกหลานแต่งงานตีฆ้อง ลั่นกลอง ฆ่าสัตว์มาเลี้ยงดู ผู้ถือมีตาทิพย์ เห็นว่าสัตว์ ที่เขาฆ่าตายเหล่านี้ ล้วนเป็นญาติโยมของเขามาก่อนตลอดสามชาติ
    หยางเซิง ขอรับ ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์เดินทางได้
    อรหันต์จี้กง ที่นี้เป็นหมู่บ้านลุนเป่ย อำเภอหวินหลินด้านหน้ามีศาลเจ้าที่อยู่หลังหนึ่ง เราลงจากปทุมทิพย์ไปเยือนเจ้าที่หน่อย
    หยางเซิง ดีขอรับ สามารถพูดคุยกับเจ้าที่ได้รู้สึกดีใจมาก
    อรหันต์จี้กง ท่านปู่เจ้าที่ครับ วันนี้มาโดยไม่ได้บอกกล่าว ขออภัยด้วย เนื่องจากที่ทางศักดิ์สิทธิ์มาก มีผู้คนมากราบไหว้เยอะ วันขึ้นหนึ่งค่ำและสิบห้าค่ำ มีคนมาเซ่นไหว้มากมาย หมูอยากมาดื่มน้ำชากับท่านปู่สักแก้ว ไม่ทราบว่าท่านจะว่าอย่างไร
    ปู่เจ้าที่ ที่แท้คือ ท่านอรหันต์จี้กงกับท่านหยางเซิง ขอโทษที่เสียมรรยาท เมื่อครู่ท่านอรหันต์พูดกับเรา ไม่ทราบว่าพูจริงหรือพูดเสียดสีกัน
    อรหันต์จี้กง อยู่ถึงพันลี้ยังได้กลิ่นเหล้ายาปลาปิ้ง ทำให้น้ำลายไหลยืดยาด ทนไม่ไหว คิดจะเลิกกินเจ แต่เราก็อยู่กันสามคนเท่านั้น พวกเรากินแล้วเช็ดปากอย่าพูดออกไป ก็จะไม่มีใครรู้
    ปู่เจ้าที่ อรหันต์จี้กงชอบพูดล้อเล่น เชิญนั่งข้างใน ยังมีเหล้าขาว เหล้าเกาเหลียง เชิญดิ่มสักแก้วเป็นไรไป
    หยางเชิง ที่นี่เหม็นคาวมาก บรรยากาศอึดอัดมากค่อนข้างจะแปลกๆอยู่ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร โอ้ที่นี่มีพวกเนื้อตุนไว้มาก และยังมีเหล้าขาว เหล้าเกาเหลียง บนเนื้อสัตว์เหล่านี้ยังเค็มไปด้วยขี้ธูป ผมเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก อันนี้เนื่องจากอะไรไม่ทราบ
    ปู่เจ้าที่ เนื่องจากฉันนี้ศักดิ์สิทธิ์ มีการร้องขอก็ได้รับผลดังนั้นจึงมีผู้ศรัทธานำข้าวของมาตอบแทน เนื่องจากฉันไม่สามารถกินหมด และก็ไม่มีตู้จะใส่ เลยเก็บไว้ใต้โต๊ะ กลัวจะบูดเน่าเลยเอาขี้รูปใส่ไว้สำหรับกันบูด
    หยางเซิง แปลกจริงๆ ทำไมไม่ให้ผู้ศรัทธาส่งตู้เย็นมาให้สักใบ จะได้สะดวกอีกหน่อย
    ปู่เจ้าที่ คงไม่เหมาะสม เจ้าเล็กๆ ก็ใช้วิธีแบบนี้ เพื่อปากท้องเท่านั้น
    อรหันต์จี้กง ปู่เจ้าที่พูดจามากมาย พอจะรู้ความหมายของการมาหรือเปล่า
    ปู่เจ้าที่ ท่านอรหันต์จี้กง มิใช่จะให้ฉันเลี้ยงแขกหรอกหรือ ท่านชอบกินของสดๆ พวกที่ใส่ขี้ธูปมักเป็นของเค็ม เหล่านี้คงไม่เหมาะกับท่าน
    อรหันต์จี้กง คนเขาว่า “ไม่มีกุ้งปลาก็ดี แม้มีน้ำใจน้ำเปล่าก็หอมหวาน”
    ปู่เจ้าที่ เมื่อไม่รังเกียจ เชิญท่านท้งสองนั่งก่อน ฉันจะไปจัดแจงข้าวปลาอาหาร
    หยางเซิง เหตุใด ท่านอาจารย์จึงต้องเล่นกลล่ะ
    อรหันต์จี้กง โธ่ เบาๆหน่อย วันนี้จะแสดงละครเพื่อจะได้โปรคเจ้าที่รายนี้ เราต้องแสดงความเป็นมิตรเสียก่อน เพื่อแสดงความสอดคล้องกัน ภายหลังค่อยลงมือ เหมือนแมลงวันเข้าไปในไห จับเมื่อไรก็ได้ ไม่ง่ายกว่าหรือ
    หยางเซิง อาจารย์มีอุบายแยบยล
    ปู่เจ้าที่ วันนี้อากาศค่อนข้างหนาว พวกเนื้อ-ผัก เย็นๆแบบนี้ ไม่ทราบว่ารับได้หรือไม่ แต่โชคดีที่นี่มีเหล้าเกาเหลียงอยู่สามขวด พวกเหล้าแรงๆ เหล่านี้ ดื่มแล้วทำให้ร่างกายอบอุ่นทั้งสองท่านเป็นแขก ฉันขอคารวะท่านอรหันต์หนึ่งจอก ทำไมท่านอรหันต์จี้กงไม่ดื่มเล่า
    อรหันต์จี้กง เหล้านี้รสไม่เอาไหน ดื่มแล้วไม่หายอยาก
    ปู่เจ้าที่ ฉันก็ไม่มีเหล้าต่างประเทศ จะทำไงดีล่ะ
    อรหันต์จี้กง วันนี้เราตั้งใจที่นี้ ดื่มชาสักแก้วหนึงก็พอแล้ว
    ปู่เจ้าที่ นั่นจะดีหรือครับ ถ้าอยากได้ชาก็มี ชาวบ้านแถวนี้ชงถวายทุกวัน กาน้ำชาก็ยังอยู่ที่นั้น ฉันจะรับมาให้ 2 แก้ว
    อรหันต์จี้กง ขอบคุณปู่เจ้าที่
    ปู่เจ้าที่ ถ้าอย่างนั้น ฉันดื่มเหล้า ท่านทั้งสองดื่มชา อย่าหาฉันไร้มรรยาล่ะ
    อรหันต์จี้กง ไม่ต้องเกรงใจ ทุกคนเชิญตามสบาย(แต่ละคนก็ดื่ม)
    ปู่เจ้าที่ โอ้ยโย้ คอฉันร้อนยังกับไฟลวก เจ็บแสบไปหมดเลย เหล้าแรงอย่างนี้ ฉันเองก็ดื่มมากแล้ว รู้สึกรสชาตเหมือนน้ำ แต่วันนี้ทำไมไม่เหมือนเดิม โอ๊ย โอ๊ย ท้องไส้กัดกันจนแสบไปหมด จนทนแทบไม่ไหวแล้ว เชิญท่านอรหันต์ช่วยด้วย มันเป็นเพราะอะไร ฉันเจ็บจะตายอยู่แล้ว
    อรหันต์จี้กง ปู่เจ้าที่รีบๆ ครองสติให้อยู่ ฉันจะรักษาให้... เหล้าขวดนี้มีปัญหา “ทดสอบ” ดูควรรู้ ที่แท้โรงงานใช้ แอลกอฮอล์ ปรุงแต่งเป็น “เหล้าปลอม” เจ้าโลภกินจึงโดนพิษเข้าแล้ว
    ปู่เจ้าที่ เคยได้ยินมานานแล้วว่า ท่านอรหันต์จี้กงมีอิทธิฤทธิ์มาก ช่วยฉันด้วยเถิด
    อรหันต์จี้กง เนื่องจากลืมเอายาวิเศษมา จะทำอย่างไรดี
    หยางเซิง เห็นปู่เจ้าที่ลงไปคลุกฝุ่นอยู่ที่พื้น ท่าทางเจ็บปวดยิ่งนัก เชิญท่านอาจารย์เมตตาใช้คาถาช่วยเถิด
    อรหันต์จี้กง ศิษย์รักพูดอย่างนี้ ฉันจะใช้เวทย์มนต์ช่วยเจ้าที่ให้ เอากาน้ำชามาให้ข้า ช้าจะเสก “ฟ้าให้กำเนิดน้ำ น้ำฝนชื่นฉ่ำพื้นดิน พื้นดินได้น้ำ สรรพสัตว์ฟื้นคืน นโมโอมเพื้ยง(น้ำมนต์) จบการเป่าเสก รีบๆกรอกปาก น้ำมนต์จะได้ชะล้างจะได้มีหวัง
    หยางเซิง ครับผม ผมได้เปิดปากปู่เจ้าที่แล้ว ขออาจารย์ช่วยล้างกระเพาะให้ด้วย
    อรหันต์จี้กง ใครใช้ให้โลภกิน ไม่ระวังดื่มเหล้าปลอมเข้าไป ยังดีว่าอาตมาอยู่ที่นี่ มิฉะนั้นเจ้าที่คงกลายเป็น “ผีเปรต”แล้ว
    หยางเซิง ปู่เจ้าที่เกิดตัวดำไปทั้งตัวแล้ว ตอนนี้ค่อยๆหายใจ เพราะอาจารย์กรอกน้ำมนต์ลงไป หน้าตาค่อยๆ มีสีสันขึ้น
    ปู่เจ้าที่ โอ้ยโย้ เจ็บจะตายไป เมื่อครู่บริเวณทรวงอกมีอาการยังกับจะปริออก ท้องไส้เจ็บปวด ลำคอเหมือนไฟลวกเจ็บปวดผิดปกติ โชคดีที่ท่านอรหันต์จี้กงกรอกน้ำมนต์ให้ ตอนนี้รู้สึกเย็นสบายขึ้นมาก
    อรหันต์จี้กง หยางเซิงเธอประคองปู่เจ้าที่ลุกขึ้นนั่ง
    หยางเซิง ครับผม ขอเขิญปู่เจ้าที่ลุกขี้น ผมจะพยุงไปนั่งที่เก่าอี้ ต้องขอโทษอย่างจริงใจ เพราะจะเลี้ยงพวกเราจึงได้ถูกยาพิษ
    ปู่เจ้าที่ อันนี้โทษเธอไม่ได้ ต้องโทษคนที่เอามาเซ่นไหว้พรุ่งนี้เห็นทีต้องเล่นงานคนที่เอาเหล้าปลอดมาเซ่นไหว้เราสักหน่อยชีวิตของข้าเกือบตกอยู่ในมือของผู้คน
    หยางเซิง อันนี้จะโทษผู้คนก็ไม่ได้ ผู้คนเขาไม่รู้ว่าเป็นเหล้าปลอม เขาเองก็ศรัทธามาไหว้ท่าน ต้องโทษตัวเราโลภดื่ม
    อรหันต์จี้กง โชดดีที่คนเอาเหล้ามาเซ่นไหว้นี้มีบุญอยู่ ตอนที่เขาเอาเหล้าขวดนี้กลับไป บังเอิญข้าเห็นเข้า เลยทำให้เขาหกล้มทำให้ขวดเหล้าตกแตก เกิดพ้นเคราะห์ไปได้
    ปู่เจ้าที่ เกือบแย่ อย่างนี้ก็ดีไปอย่าง ถ้ามิฉะนั้นพอไหว้เจ้าเสร็จกลับบ้านไป แล้วโดนยาพิษเข้า ชาวบ้านก็จะหาว่าเราเจ้าที่ไม่คุ้มกัน คงไม่มีคนศรัทธา มาเซ่นไหว้อีก คงแย่กว่านี้
    อรหันต์จี้กง ตัวเองได้รับอันตรายไม่เป็นไร ถ้าผู้อื่นรับกรรมก็ไม่ดี ตอนนี้เธอรู้สึกอย่างไร
    ปู่เจ้าที่ รู้สึกเย็นสบาย แต่รู้สึกหิวมาก
    อรหันต์จี้กง เนื่องจากดื่มน้ำมนต์ล้างไส้พุง พวกไขมันถูกชะล้างไปด้วย ตอนนี้ท้องไส้ว่างเปล่า รีบๆเอาเนื้อพวกนี้กินเข้าไป จะได้บำรุงเลี้ยง วันหลังเราค่อยมาใหม่
    ปู่เจ้าที่ ท่านอรหันต์พูดแบบนี้ ฉันก็จะไม่เกรงใจ ท้องไส้หิวแทบแย่
    หยางเซิง ปู่เจ้าที่ ท่านเป็นเจ้าบ้าน ทานเข้าไปก่อนวันนี้ผมกับท่านอาจารย์มาดื่มน้ำชา และคุยๆ กับท่านเท่านั้น
    ปู่เจ้าที่ เอ๊ะ ทำไมท้องไส้รู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาอีก แย่แล้ว ปวดแสบไปหมด ไม่ไหวแล้ว โอย โอย
    หยางเซิง ปู่เจ้าที่โรคเก่ากำเริบอีกหรือ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร
    ปู่เจ้าที่ ช่วยด้วย ช่วยด้วย ท่านอรหันต์โปรดช่วยชีวิตด้วย วันนี้ไม่รู้โดนอะไร ผมทนไมไหวแล้ว ขอท่านอรหันต์ให้คาถาช่วยด้วย
    หยางเซิง ปู่เจ้าที่ยืนไม่อยู่กับที่ มือกุมท้องร้องครวญครางนอนดิ้นอยู่บนพื้น
    อรหันต์จี้กง เนื่องจากข้ามีธุระที่สำคัญที่อื่น ไม่สามารถอยู่ได้ ขอท่านเจ้าที่ ได้ควบคุมพื้นที่นี้ต่อไปเถอะ
    ปู่เจ้าที่ ท่านอรหันต์เป็นผู้ออกบวช ทำไมเห็นคนจะตายไม่มีความเมตตา ไม่ช่วยเหลือได้ลงคอ
    อรหันต์จี้กง ไม่ใช่ข้าไม่ช่วย เพราะว่าเจ้าที่ถูกพิษหนะกไม่มีปัญญาจะช่วยเหลือ
    ปู่เจ้าที่ ขอความกรุณาเถอะ โปรดได้ช่วยอีกสักครั้งเถิดผมยอมรับฟังท่านทุกอย่าง
    อรหันต์จี้กง ข้าเห็นว่ายากที่จะแก้ไขได้แล้ว
    ปู่เจ้าที่ กราบท่านหยางเซิง ช่วยอ้อนวอนท่านอาจารย์ได้โปรดช่วยชีวิตข้าด้วยเถิด
    หยางเซิง ความเมตตากรุณาเป็นพื้นฐานของพระพุทธเจ้าท่านอาจารย์ได้โปรดช่วยเขาอีกสักครั้งเถิด
    อรหันต์จี้กง เห็นแก่หน้าศิษย์รัก จะลองช่วยอีกครั้งแต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ
    ปู่เจ้าที่ ไม่ว่าข้อแลกเปลี่ยนอะไร ข้าก็ยินดีรับฟัง
    อรหันต์จี้กง ถ้าเป็นเช่นนี้ ฉันก็จะช่วยเธอ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อนุญาตให้เพียงดื่มน้ำชา กินผลไม้ และสูดดมกลิ่นธูปตั้งใจฝึกฝน ตำแหน่งเจ้าที่เป็นเพียงตำแหน่งเล็กๆ ในโลกมนุษย์เท่านั้น ถ้าหากมัวโลภกินเลือดเนื้อผู้คน สักวันหนึ่งถ้าบุญหมดลงก็ต้องตกลงสู่ 6 ช่องทาง วนเวียนไม่หยุด เธอชาติก่อนเป็นเพียงผู้ใหญ่บ้าน มีหน้าที่รับใช้ชาวบ้าน ก็มีบุญอยู่บ้างพอตายลงจึงได้ตำแหน่ง “เจ้าที่” และเนื่องจากชาติก่อนไม่เคยศึกษาธรรมะ ไม่เคยฝึกฝน ไม่รู้อะไรเลย จึงติดอยู่แต่กายเนื้อ ไม่รู้ว่ากายเนื้อแตกดับไปแล้ว เหลือแต่วิญญาณ พวกหมูเห็ดเป็ดไก่ ล้วนแล้วแต่เป็นภาพลวงตา เธอยึดถือภาพลวงตามาเป็นของจริง หลอกตัวเองแล้วยังหลอกผู้อื่น และเนื่องจากกำลังโปรดสัตว์ทั้งสามโลก ทั้งเทพเทวดามนุษย์และสัตว์ ล้วนได้รับการโปรคทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้จึงมาที่นี่เพื่อโปรดเธอให้อยู่ในทางที่ถูกต้อง อย่ามัวโลภหลงอยู่กับคาวโลกีย์ของมนุษย์อีกเลย เหล้ายาปลาปิ้งถ้ากินเกินขนาด ทำให้มัวเมาจนหลงลืมจิตเดิม จนตกลงสู่วัฏฏสงสาร แล้วจะเสียใจภายหลัง ข้าจะเอาน้ำมนต์ช่วยเธอ หยางเซิ งรีบ ๆ อ้าปากเจ้าที่
    หยางเซิง ขอรับ อ้าปากแล้ว
    อรหันต์จี้กง เอ้อดีแล้ว เทน้ำมนต์ลงไป เนื่องจากพวกเป็ดไก่ เหล่านี้ล้วนถูกแมลงวันตอม ปล่อยเชื้อโรคไว้แยะ ท้องไส้ เจ้าที่ บอบบาง พอกินของที่ไม่ถูกอนามัยลงไป ก็ได้เรื่องเลย
    หยางเซิง ปู่เจ้าที่กินน้ำมันต์อาจารย์แล้ว ตอนนี้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
    ปู่เจ้าที่ ขอบพระคุณ ที่ท่านอรหันต์ช่วยชีวิต และก็ขอขอบคุณท่านหยางเซิงที่ช่วยเหลือ จากวันนี้เป็นต้นไป จะทำตามท่านอรหันต์จี้กง ถือศีลกินเจ วอนท่านอรหันต์เมตตา โปรดให้ฉันได้ไปแดนสุขาวดีด้วยเถิด
    อรหันต์จี้กง หยางเซิงรีบพยุงให้เจ้าที่นั่งดีๆ ฉันจะเสกให้
    หยางเซิง ขดรับ ปู่เจ้าที่นั่งเรียบร้อยแล้ว หลังเจ็บไข้แล้วร่างกายดูอ่อนแอมาก
    อรหันต์จี้กง ไม่ต้องห่วง ข้าจะเสกให้ “เหนือหัวมีดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้า ใต้ฝ่าเท้าคือ พสุธาที่มืดมัว บนและล่างผสมผสานกับความพอดีของธาตุทั้งสี่ ซึ่งเป็นบ่อเกิดของร่างกาย ร่างกายคือประตูแห่งการเกิดและความตาย คือการเกิดของจิต จิตจะเป็นกุศลจิต ความตาย คือ จิตตไปสู่อกุศลจิต เมื่อชี้ที่หัวจิตประภัสสร และเมื่อชี้ที่เท้าจิตเกิดปัญญา กายทิพย์เป็นกายเดิม กายเนื้อกลับสู่ปัฐพี ถ้าย้อนคิดถึงก่อนการเกิด สรรพสิ่งว่างเปล่านั้นก็คือที่อยู่ดั่งเดิม เมื่อข้าเสกให้เธอแล้ว จงรู้ว่า การกินคาวเลือดเป็นสิ่งสูญเปล่า แม้นรูปแกะสลักสำหรับกราบไหว้บูชา ก็เป็นของไม่แท้ เมื่อบรรลุแล้วก็หมดหนทางเกิด กลับคืนสู่แดนสุขาวดีถิ่นเกิดเดิม
    หยางเซิง อาจารย์ช่วยชี้แนะหนทางให้ปู่เจ้าที่ รู้สึกกว่าปู่เจ้าที่จะบรรลุแจ้ง
    ปู่เจ้าที่ ท่านชี้แนะทางรู้แจ้งให้ผมรู้สึกเป็นบุญคุณยิ่งนักจะเฝ้าขยันฝึกฝน เอาธรรมะช่วยเหลือผู้คน
    อรหันต์จี้กง เจริญพร ฝึกฝนสักสามปี ก็จะสัมฤทธิ์ผล สามารถกลับคืนสู่สุขาวดีแดนพุทธเกษตร เพื่อความสำเร็จธรรมะอันเที่ยงแท้ เตรียมกลับสำนัก
    หยางเซิง ขอรับ ผมขึ้นนั่งบนปทุมทิพย์เรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์กลับได้
    อรหันต์จี้กง สำนักเซินเต๋อถังถึงแล้ว หยางเซิงลงจากดอกบัวได้ วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างเดิม
    ครั้งที่ 18 ท่านพระครูกล่าวเสียดสีธรรมะต้องตกไปเป็นสัตว์ เจ้าแม่จิตโพธิสัตว์เตือนไหว้เจ้าต้องใช้มังสวิรัติ
    อรหันต์จี้กง เสด็จลงประทับทรง วันที่ 31 ธันวาคม 2524
    อรหันต์จี้กง ไก่ทองขันรับรุ่งอรุณ แผ่นดินสงบร่มเย็น สำนักเซินเต๋อถังได้รับการจัดตั้งขึ้น เพื่อรับเทวโองการในการจัดทำหนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” ประกอบการกับโปรดสัตว์ทั้งสามโลก วันเวลาผ่านไปเร็วมาก เราแต่งหนังสือมาจวนครบปีแล้วในปีใหม่นี้ เรามาเริ่มต้นที่ ไก่โต้ง กันดีกว่า ไก่โต้งรักษาความเที่ยงตรง แต่ก็ไม่อาจหลีกพ้น แม้ลมฝนจะมืดมัว แต่ก็ร้องขันต่อไปไม่หยุดยั้ง ส่วนไก่ตัวเมียออกไข่ได้ เป็นการแพร่พันธุ์ รุ่นใหม่อันเป็นธรรมชาติของฟ้าดิน วันนี้เป็นพ่อ แม่ของคนอื่น แต่ก่อนก็เป็นลูกของคนอื่นมาก่อน ลุกหลานคนอื่นในวันนี้ วันข้างหน้าก็เป็นพ่อแม่เขา ตั้งแต่โบราณกาลมา พระธรรมสืบทอดติดต่อกันมาไม่ หยุดยั้ง ชีวิตก็มีเกิด-ดับ อยู่ตลอดไม่มีที่สิ้นสุด ด้วยเหตุฉะนี้จึงต้องมีการโปรคสรรพสัตว์ขึ้น อาตมาเองก็อยากจะบอกกล่าวไปยังศาสนาทุกศาสนา ควรจะละทิ้งความเห็นส่วนตัว ทำใจให้กว้างให้มีความเมตตากรุณา รวบรวมพลังงานช่วยเหลือกัน อย่าเห็นว่า เมื่อผู้อื่นทำริษยาจะเข้าทำลาย (ธรรมะอันยิ่งใหญ่เป็นของส่วนรวม) สวรรค์สำเร็จ ก็มีใจอิจฉาต้องการให้มหาชนมีธรรม มีเมตตาธรรม เพื่อช่วยกันผดุงสังคม แต่สังเกตศาสนาในปัจจบันมักกล่าวว่าของตนเองถูกต้องของผู้อื่นผิด กล่าวหากันไม่สิ้นสุด ทำให้สูญเสียพลังงานของศาสนาไปออกห่างจากสัจธรรม ก้าวสู่ทางตัน หรือเพราะศาสนาอับโชค ดังนั้นอาตมาอยากฝากคำพูดให้กับชาวโลกว่า การเจริญธรรมหรือฝึกฝน ธรรมควรมีใจเที่ยงธรมเสียก่อน ไม่ใช่เพราะธรรมะไม่เจริญจึงโปรดผู้คนไม่ได้ ซึงการพูดเช่นนี้ เพื่อป้องกันคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ทำผิดทำนองคลองธรรม จนต้องตกสู่ภูมิสัตว์เดรัจฉาน ซึ่งอาจจะทำลายผู้อื่นและตนเอง ในช่วงปีที่ผ่านมา อาตมากับหยางเซิงท่องทั่วมนุษย์โลก เพื่อสอบถามสัตว์เดรัจฉาน เพื่อเปิดทางให้เหล่าวิญญาณที่มีชีวิตอยู่ และเป็นการปิดเส้นทางบาปกรรมซึ่งอาจพูดได้ว่า ใจแม่สู้อดทนพร่ำบ่น จนปากเมื่อยปากแฉะ จนกว่าน้ำลายจะเหือดแห้งเม็ดทรายจะเกาะแข็งเป็นหิน ด้วยสายใย ของศิษย์รัก ทำให้หนังสือเล่มนี้ส่องประกาย ทันการออกสู่สายตาชาวโลก ในฤดูใบไม้ผลิตที่จะมาถึงนี้ เมื่อหนังสือเสร็จสิ้นลง อาตมาจะดีใจมาก ในมนุษย์โลกนี้ก็จะมีหนังสือเพิ่มขึ้นอีกเล่มหนึ่ง ที่ตีแผ่ความจริงของสัตว์เดรัจฉานเอาความลี้ลับของฟ้าดินเปิดเผยต่อชาวโลก จะได้มีแนวทางยึดถือปฏิบัติตาม แม้นสัตว์จะอยู่เคียงข้างมนุษย์ ก็สามารถรู้ใจได้ แม้การเข้าใจจะมีได้น้อยก็ตาม ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน พูดจากันได้ง่ายแต่ก็เข้าใจกันได้น้อย อย่าว่าแต่สัตว์เลย จึงพูดกันว่า “โปรดสัตว์ดีกว่า อย่าโปรดมนุษย์เลย” และ “ช่วยมดดีกว่าช่วยคน” คำพูดเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า คนนี้มีจิตใจโหดเหี้ยม เลวร้าย จิตดั้งเดิมของคนถูกกิเลสบดบัง ไร้คุณค่า ดังนั้นการแต่งหนังสือ วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน จะช่วยปลุกระดมให้จิตของคนตื่นและใสสะอาดขึ้น โบราณกล่าว่า ใช้การสังเกตเป็นกระจกเงา ก็จะรู้ความจริงและเสื่อมโทรมของอดีตจนถึงปัจจุบัน เอาใจเป้นกระจกก็จะส่องเห็นความดีและความเลวของคนได้ อาตมาว่า ใช้หนังสือเล่มนี้เป็นกระจกส่อง ก็สามารถแยกคนและสัตว์แตกต่างกันอย่างไร หยางเซิงเตรียมตัวขึ้นปทุมทิพย์
    หยางเซิง ครับผม ได้ข่าวน่ายินดีจากสวรรค์ว่า หนังสือ วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน ฤดูใบไม้ผลิที่จะถึงนี้ ก็จะสร้างสิ้นสมความปรารถนาไปอีกเรื่องหนึ่ง
    อรหันต์จี้กง หนทางหใม่ หนังสือใหม่ ก็จะเสร็จลงด้วยความร่วมมือระหว่างศิษย์กับอาจารย์ สร้างผมดีที่สูงส่งอีกครั้งหนึ่งเป็นความหวังที่ลึกซึ้งของทวยเทพเทวดาทั้งสามโลก มิฉะนั้น น้ำพักน้ำแรงที่เราลงไปก็จะไร้ค่า
    หยางเซิง คืนนี้ อาจารย์ทำไมนำมาที่ป่าลึกแดนกันดารด้านหน้าก็มีถ้ำอยู่ถ้ำหนึ่ง ข้างๆถ้ำก็มีหญ้ารกรุงรังดูแล้วน่ากลัวพิลึก
    อรหันต์จี้กง ที่นี้มีลักษณะเหมือนเมืองนรก เธอกล้าดูไหมล่ะ
    หยางเซิง กล้าซิครับ เพื่อแต่งหนังสือเตือนสติผู้คน มีคำกล่าวว่า “ไม่เข้าถ้ำเสือ แล้วจะได้ลูกเสืออย่างไร
    อรหันต์จี้กง ถ้าเช่นนั้น ข้าพเจ้าเจ้าไปดูในถ้ำ
    หยางิซิง โอ้โฮ ข้างในมีงูเหลือมตัวใหญ่ตัวหนึ่ง ยังมีกวางป่า แกะป่า หมาป่า และสัตว์ร้ายอยู่ด้วยกันหลายประเภทเห็นแล้วน่ากลัวจัง ทำไมพวกมันจึงอยู่ในถ้ำเดียวกัน จะไม่เกิดการฆ่ากันเองหรือ
    อรหันต์จี้กง เธอไม่รู้อะไร นี่คือการชุมนุมที่แปลกประหลาด ข้าจะให้ยาเม็ด “รู้จิต” เม็ดหนึ่ง กินเข้าไปแล้ว เจ้าจะเข้าใจการเจรจาของพวกสัตว์เหล่านี้ได้ ไม่ต้องให้พวกมันแปลงร่างเป็นคน เพื่อประหยัดเวลารีบๆ กินยา รู้จิต เข้าไปเสีย
    หยางเซิง ขอบคุณอาจารย์ พอกินยาเข้าไป หูทั้งสองข้างเคลี่อนไหวเหมือนกลอง เสียงดังโป้งป้างไปหมด
    อรหันต์จี้กง รอสักครู่ เจ้าก็รู้ว่าพวกมันคุยอะไรกันบ้าง
    หยางเซิง เออแน่ หูทั้งสองโล่งเหมือนแก้วใส ได้ยินเสียงสนทนากันภายในถ้ำ
    งูเหลือม วันนี้พวกกเราเข้ามาในถ้ำที่เงียบปลอดภัย พวกเราจะแบ่งเนื้อเจ้าหมีป่าตัวนี้มาเลี้ยงกัน พวกเราชาติก่อนก็เป็นพี่น้องร่วมแก๊งมืดมาด้วยกัน ถึงแม้จะกลับมาเกิดเป็นสัตว์รูปร่างต่างกันแต่วิญญาณความซื่อสัตย์ต่อกันไม่เสื่อมคลาย มีสุขร่วมเสพ พวกเรารีบๆ แบ่งกันกินเถอะ
    หมูป่า พี่งูใหญ่ เรียกพวกเรามาแบ่งกันกินสัตว์ที่มาได้ตรงนี้ พวกเราลงมือกันเลย ฉันเองเมื่อชาติก่อนก็สละชีวิตเพื่อพี่ใหญมาแล้ว ชาตินี้เกิดเป็นหมูป่า ชีวิตความเป็นอยู่อยู่ก็ไม่สุขสบายพวกนายพรานก็วางตาข่ายดักไว้ทั่วไปหมด ไม่เหมือนชีวิตเมื่อตอนเป็นคน ทั้งกินทั้งดื่ม ทั้งผู้หญิง การพนัน ทุกๆ อย่างสะดวกสบายจอนนี้ก็ได้แต่กินรากต้นไม้ เปลือกไม้ วันนี้นับว่าโชคดีได้ลาภปากกินมื้อใหญ่สักมื้อ
    กวางป่า ขอบคุณพี่ใหญ่ วันนี้พี่น้องได้รับการเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ แต่ผมเองคิดว่ากินหญ้าอร่อยกว่า ข้าไม่ชอบกินเนื้อหมีเลย
    แพะป่า ฉันเองก็เหมือนพี่กว่างป่า เคยกินแต่หญ้า ไม่คิดจะกินเนื้อสัตว์ด้วยกัน ฉันเองก็ไม่รู้สึกชอบพวกเนื้อเลย
    สุนัขจิ้งจอก พวกแกต้องการออกห่างความเป็นเพื่อนเมื่อชาติก่อนหรือ มีเนื้อกินเนื้อ มีผักกินผัก มีเหล้ากินเหล้า จะฆ่าก็ฆ่า จะตีก็ตี ถ้าหากพวกแกต้องการกินเจ จะไม่ไว้หน้าพี่ใหญ่คิดว่าคงจะเห็นดีกันแล้ว
    งูเหลือม พวกแกก็ล้วนแต่พวกอันธพาล มีเนื้อไม่ยอมกินยังพูดจาอวดดี ถ้าหากไม่ยอมฟังคำสั่งของข้าละก็วันนี้อย่าได้คิดหนีออกจากถ้ำนี้เลย ข้าจะจับเข้าเอาไว้ แล้วค่อยๆ กินเจ้าภายหลัง
    กวางป่า ช่วยด้วย พวกเราสำนึกบาปบุญคุณโทษ กินเจฝึกฝนธรรม ทำไมจึงพูดว่าไม่ร่วมกินเนื้อกับพวกท่าน ยังกล่าวหาว่าเป็นอันธพาลอีก แล้วยังจะกินพวกเราอีก
    งูเหลือม ไม่ต้องพูดมาก ข้าจะกินพวกแกก่อนค่อยพูดคิดไม่ถีงว่า เพียงกลับไปชาติเดียวเท่านั้น ก็เปลี่ยนแปลงมากมายเช่นนี้
    หยางเซิง ท่านอาจารย์ อาจารย์รีบๆ ช่วยเหลือพวกกวางป่า และแพะป่า อ้ายงูร้ายตัวนี้กำลังจะอ้าปากแลบลิ้น จะเข้าทำร้ายพวกสัตว์น้ำใจดีแล้วล่ะ
    อรหันต์จี้กง วันนี้มาได้เวลาเหมาะเจาะ อ้ายงูร้ายตัวนี้ไม่รู้สำนึกผิดชาติก่อน ยังดำเนินแผนการร้าย อ้าปากแยกเขี้ยวพิษแลบลิ้น ไม่รู้ว่าในถ้ำนี้มีหินใหญ่ก้อนหนึ่งกำลังจะตกลงมา ถ้าหากยังก่อการร้ายต่อไป เพียงขยับเขยื้อน ก็จะถูกก้อนหินหล่นทับ ฝังจมอยู่ในถ้ำมืดแห่งนี้ไม่ต้องได้ผุดได้เกิด ข้าจะใช้เวทย์มนต์ปราบเจ้างูเหลือมตัวนี้เอง
    หยางเซิง เห็นอาจารย์ ท่องคาถาแล้วเอาน้ำในน้ำเต้าสาดใส่บนร่างงูเหลือม ทันใดนั้น เจ้างูเหลือบตัวนั้นก็หมอบแน่นิ่งอยู่กับที่ยังความตกตะลึงแก่สัตว์อื่นๆด้วย
    อรหันต์จี้กง อ้ายงูร้ายถูกกำราบเรียบร้อยแล้ว เจ้าพวกสัตว์ที่เหลือรีบๆ/ ออกจากถ้ำไป ให้ปฏิบัติตนให้ดีเพื่ออนาคตจะได้เกิดเป็นคนใหม่ ข้าจะช่วยเสกเจิมให้พวกเจ้าเปลี่ยนแปลงนิสัยใหม่
    หยางเซิง พวกสัตว์เหล่านี้ พอได้ยินอาจารย์กล่าวเช่นนี้ต่างก็ผงกหัวรับรู้ และรู้สึกขอบคุณในการช่วยชีวิตของอาจารย์ ต่างก็มู่งหน้าสู่ปากถ้ำ แยกย้ายกันไป
    อรหันต์จี้กง เจ้างูเหลือมตัวนี้ดุร้ายหาใครเทียม ชาติก่อนก็ชุมนุมก่อตั้งสมาคมมืด คอยเที่ยวรีดนาทาเร้น ตามหมู่บ้าน หลอกลวงข่มเหงคนดี ข่มขืน ปล้นจี้ ทำร้ายฆ่าคน สร้างบาปหนักมหันต์พอตายลงก็ต้องเกิดเป็นสัตว์ป่าในป่าทึบ มีบ้างที่กลับเนื้อกลับตัวบ้างก็ยังหลงจมอยู่ในห้วงกรรม เนื่องจากทำบาปหนัก วิญญาณยังชั่วร้ายอยู่ วันนี้ก็พอดีล่าเหยื่อมาได้ เรียกเพื่อนเก่ามาชุมนุมเลี้ยงสังสรรค์ และเนื่องด้วยมีพวกที่ไม่ยอมกินด้วย เลยทำให้งูเหลือมโกธร ปัจจุบันในสังคมเรานี้ ก็ยังมีพวกมิจฉาชีพแบบนี้ เป็นการทำร้ายตนเองแล้วยังทำร้ายต่อผู้อื่น ถ้าหากยังกลับเนื้อกลับใจไม่ได้บนถนน วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉานย่อมหนี้ไม่พ้นเป็นแน่ ข้าจะขอให้พระเจ้าเฮี้ยงเทียนได้โปรดมารับตัวงูเหลือมนี้กลับไป
    หยางเซิง อาจารย์ท่องคาถาจบลง ส่งสัญญาณไปทางทิศเหนือ ฉับพลัน พระเจ้าเฮี้ยงเทียนก็ปรากฏลงมาจากฟากฟ้ารูปร่างมีสง่าราศี ผู้พบเห็นจะรู้สึกนอบน้อม
    พระเจ้าเอี้ยงเทียน ผมจะรับไปสู่สวรรค์ทิศอุดร เพิ่มโทษทัณฑ์ให้หนัก จะได้เข็ดหลาบ ภายหลังเก็บไว้เป็นสมุน
    อรหันต์จี้กง ที่นี่เราเสร็จธุระแล้ว พวกเราไปที่อื่นกันเถอะ
    หยางเซิง ขอรับกระผม ผมขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้วบนปทุมทิพย์ เชิญอาจารย์ออกเดินทางได้
    อรหันต์จี้กง เดินทางมาถึงหมู่บ้านคลองเหนือ
    หยางเซิง มาถึงที่นี้ทำไมได้ยินเสียงไก่ขันมาทันที เรียนถามอาจารย์ ไม่ทราบว่าไก่ทำไมถึงขันตอนกลางคืน ไม่ขันตอนกลางวันหรือ
    อรหันต์จี้กง คงต้องมีเรื่องอะไร เราเข้าไปดูให้รู้แน่อ้อ บ้นนี้คนแซ่ลิ้ม เลี้ยงไก่ไว้ เราเข้าไปใกล้เล้าไก่กันเถอะ
    หยางเซิง หลังบ้านมีเล้าไก่เล็กๆ อยู่เล้าหนึ่ง เลี้ยงไก่ไว้ประมาณสิบตัว เอ อาจารย์ครับ เรามาที่นี่ตอนกลางคือนอย่างนี้เดี๋ยวใครเห็นเข้า จะร้องว่า ขโมย ขโมย แล้วกล่าวหาว่าเรามาขโมยไก่ จะว่าอย่างไร
    อรหันต์จี้กง เธอลืมไปหรือว่า เราเป็นกายทิพย์พวกเขาไม่เห็นเราหรอก เธอสบายใจได้
    หยางเซิง ไก่โต้งตัวนี้เริ่มขันอีก รู้สึกแปลกๆ เสียงไก่ขัน ฟังดูแล้วเหมือนเสียงเจ็บปวด ยังกับว่าเรียกร้องให้ช่วยชีวิต
    อรหันต์จี้กง ตอนที่เธออยู่ที่ถ้ำ เธอได้กินยา “รู้จิต”ฤทธืยายังไม่หมดไป เพราะฉะนั้น เธอจึงฟังเสียงไก่ขันออกว่า มันเรียกร้องให้ช่วยชีวิต ฉันจะรีบเจิมให้มันก่อน แล้วค่อยสอบถามที่หลัง “ไก่โต้ง ไก่โต้ง ทำไมจึงขันกลางคืน คงมีเรื่องทุกข์ร้อนในใจ จึงเจ็บปวดทรมานอย่านี้ ใครใช้ให้เจ้าสามหาวเมื่อชาติก่อน พูดจากกล่าวร้ายป้ายสี จนได้ใจ ได้รับการเลี้ยงดู ก็ลืมบุญคุณชาตินี้เป็นไก่ ก็เอาแต่ร้องขานโวยวาย วันนี้ข้ามาที่นี่ จะมาโปรดเจ้ารีบๆเล่าเรื่องที่ผ่านมา
    หยางเซิง เจ้าไก่ตัวนี้ พอฟังอาจารย์เทศน์จบ ก็หยุดขันได้แต่ก้มหน้ารู้สำนึก
    อรหันต์จี้กง เธอเริ่มสัมภาษณ์เขาได้แล้ว
    หยางเซิง ขอถามไก่โต้งหน่อย ทำไมถึงได้เกิดมาเป็นไก่ล่ะ
    ไก่โต้ง อมิตพุทธ บาปกรรรม บาปกรรม ข้าพเจ้าชาติก่อนเป็นผู้ออกบวช ผู้คนเขายกย่องว่า ข้าเป็นอาจารย์ เนื่องจากได้อ่านหนังสือมาบ้าง ก็เที่ยวเทศนาสั่งสอน ทั้งเขียนบทความวิพากษ์วิจารย์ เกี่ยวกับศาสนานอกรีด ตอนนั้นก็เข้าใจ ว่าตนเองยึดถือหลังธรรมที่เที่ยงแท้ ผู้อื่นที่ไม่เหมือนตนนั้น นอกรีต เป็นยักษ์เป็นมาร บอกผู้คนไม่ให้นับถือ ไม่ให้กราบไหว้ รวมทั้งผู้ถือเจ้าเข้าทรง ล้วนแล้วแต่เป็นมาร เป็นภัยทั้งนั้น นอกจากศาสนาของตนเท่านั้น ที่เที่ยงแท้ที่ควรนับถือ ตลอดชีวิต แม้จะมีการถือศีลสวดมนต์ ก็ยังใช้คมปากกี่คมเกินไป เที่ยวฟาดฟันผู้อื่นอย่างไร้ความปราณี ก็เท่ากับการละเมิดศีลข้อที่หนึ่ง การฆ่าสัตว์ตัดชีวิตพอจบชีวิตลง จึงรู้ว่า ศาสนาพุทธอันยิ่งใหญ่ ไม่มีสิ่งใดที่ไม่รวมอยู่ด้วย ใช่ว่านคนที่ผิวพรรณต่างกันก็ถือว่า เป็นผี เป็นมาร ศาสนาต่างกันก็ถือว่า นอกรีต แต่รู้สึกนึกก็สายเสียแล้ว ได้เห็นพระที่มีธรรมะสูงส่งมากมาย เนื่องจากมีความอดทน ได้สละเวลาทั้งหมดเพื่อสำรวจความผิดบกพร่องของตนเองก็ยังไม่พอ จะหามีเวลาว่างไปสถิตย์อยู่สุขาวดีแดนพุทธเกษตร เนื่องจากผิดศีลข้อที่หนึ่งด้วยการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตหนักมากจึงได้เวียนเกิดเป็นไก่ ทุกวันได้แต่ขันร้องครวณครางสำนึกผิด แต่เนื่องจากบุญบารมีที่สร้างสมมายังพอมี จึงรู้ว่า วันนี้ท่านอรหันต์จี้กงจะเสร็จผ่านมาทางนี้ จึงได้ร้องขันขึ้นมาตอนกลางคืน วันนี้ก็ได้สาธยายความผิดชาติก่อนแล้ว ขอร้องท่านที่นับถือต่างศาสนา ควรจะมีจิตใจที่กว้างขวางต่อผู้คนในศาสนาอื่นเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มิฉะนั้นก็จะขัดกับหลักการสอนของศาสนา ซึ่งล้วนเป็นความคิดเห็น ส่วนตัว ซึ่งการกระทำเช่นนี้ ก็ต้องตกอยู่ในความชั่วร้ายสามอย่าง ข้าพเจ้าเล่าเรื่องชาติก่อนให้ฟังหมดแล้ว ขอท่านอรหันต์ได้โปรดช่วยด้วย
    อรหันต์จี้กง เจริญพร หลงทางกลับใจได้ ก็น่าจะช่วยเหลือ ชาติก่อนเธอได้รับการเลี้ยงดูจากพวกนอกศาสนา แล้วเที่ยวดูถูกผู้มีคุณว่าเป็นมาร ปากก็เที่กล่าวร้ายป้ายสี ชาตินี้เจ้าได้มีโอกาสแสดงความดี จงรู้ไว้ด้วยว่า พุทธนั้นเสมอภาค แต่ละศาสนาไม่สอนผิดๆ บาปทั้งปวงไม่ควรก่อ บุญทั้งหลายควรสร้าง ต้องยกย่องซึ่งกันและกัน ผู้ออกบวชต้องยึดถือความเมตตากรุณา แม้แต่มดเล็กๆก็ยัต้องปล่อยว่าง ต่อผู้คนศาสนาอื่น ถ้าไปกล่าวร้ายป้ายสี ก็จะสูญเสียความเป็นพุทธ อยากให้ชาวพุทธพึงระวังให้จงหนัก โลกปัจจุบันนี้ศาสนากับวิทยาการ มีความสัมพันธ์กันดังมิตรภาพ ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ถูกควบคุม ตนเองจะอยู่เหนือฟ้าและถูกยกย่องแต่ผู้เดียวก็ไม่ได้ต้องปรึกษาหารือ ช่วยกันส่งเสริมพลังจิต ความมั่นใจของมนุษย์ให้สูงขึ้นมา เมื่อเจ้ารู้สำนึกแล้วก็ดี ภายในสามวันชะตาชีวิตก็ถึงคาด จะตายลงเอง เจ้าของก็จะไม่กินเจ้า เอาไปทิ้ง เจ้าไม่ต้องถูกคมมีด น้ำมันลวก แล้วก็จะได้ไปเกิดเป็นคน มีคนได้เข้าบวชในพุทธศาสนา แต่ชาติหน้าเจ้าไม่ฉลาดคล่องแคล้ว ออกบวชแล้วนิสัยก็จะซื่อทื่อดังท่อนไม้ ได้แต่ทำความสะอาดพุทธสถานและท่องสวด จะได้ไม่ต้องก่อบาปขึ้นมาอีก
    ไก่โต้ง ขอบคุณท่านอรหันต์ที่ช่วยเหลือ
    อรหันต์จี้กง เราเตรียมตัวไปยังศาลเจ้า เฉี่ยวเทียนเกง ไปกราบไหว้เจ้าแม่กวนซีอิม หม่าโจ้ว
    หยางเซิง ขอรับ ท่านอาจาย์ทำไมคิดจะไปไหว้เจ้าแม่กวนซีอิม
    อรหันต์จี้กง เจ้าแม่ช่วยเหลือมนุษย์เทวดาไว้มาก เราไปคารวะสัมภาษณ์ถึงการเซ่นไหว้ของจังหวัดนี้ จะได้ให้ผู้คนไว้พิจารณา
    หยางเซิง ท่านอาจารย์คิดรอบคอบดีจริง ผมนั่งเรียบร้อยแล้วเชิญอาจารย์ออกเดินทางได้
    อรหันต์จี้กง มาถึงศาลเจ้า เฉี่ยวเทียนเกง แล้ว พอดีเป็นยามดึก ผู้คนและกลิ่นธูปหมดไปแล้ว พวกเราเข้าไปคารวะเจ้าแม่กันเถอะ
    หยางเซิง ศาลเจ้านี้ผมเคยมา 2 ครั้งแล้ว เนื้อนจากเจ้าแม่ศักดิ์สิทธิ์ วันปกติก็จะมีคนแน่นไปหมด ควันธูปตลบอบอวลตามอาจารย์เข้าไปในศาลเจ้า แลเห็นเจ้าแม่นั่งอยู่ตรงกลาง ขุนพลตาทิพย์ออกมาต้อนรับ
    ขุนพลตาทิพย์ และขุนพลหูทิพย์ ขอต้อนรับท่านอรหันต์และคุณหยางแห่งสำนักเซินเต๋อถัง ที่มาเยือน ขอเชิญข้างใน
    อรหันต์จี้กง ขอบคุณท่านขุนพที่แสดงคารวะ
    หยางเซิง ท่านขุนพลที่แสดงคารวะ ข้ารับไว้ไม่ไหว
    ขุนพลหูทิพย์ แลเห็นท่านทั้งสองตั้งแต่อยู่ไกลพันลี้ ที่ให้เกียรมาเยี่ยม ยินดีต้อนรับ
    ขุนพลตาทิพย์ ได้ยินเสียงของท่านทั้งสองตั้งแต่ไกลพันลี้ยินดัต้อนรับ
    หยางเซิง ท่านขุนพลทั้งสอง มีฤทธิ์เดชอนันต์
    อรหันต์จี้กง เจ้าแม่ก็คือ ท่านโพธิสัตว์กวนซิอิม แห่งประเทศจีน ทั้งสองข้างของพระองค์ มีขุนพลตาทิพย์ และขุนพลหูทิพย์ นี่เป็นรูปเจ้าแม่ กวนซีอิม
    หยางเซิง อ๋อ เรื่องเป็นอย่างนี้เอง ข้าน้อยเป็นคนทรงสำนักเซินเต๋อถัง ติดตามอาจารย์มาคารวะท่านเจ้าแม่ ขอท่านเจ้าแม่โปรดรับการคารวะด้วย
    เจ้าแม่ หยางเซิงไม่ต้องคารวะ ยินดีต้อนรับท่านอรหันต์จี้กงและหยางเซิงที่ให้เกียรติมาเยี่ยม
    อรหันต์จี้กง เนื่องจากศิษย์อาจารย์ได้รับโองการให้แต่งหนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” ได้ยินศาลเจ้าของท่านมีผู้นับถือมากมาย เพื่อแก้ไขนิสัยทางเซ่นไหว้ของผู้คน ขอเชิญเจ้าแม่ชี้แนะ
    เจ้าแม่กวนอิม ผู้คนมาจากทุกสารทิศมากมาย อันนี้แสดงถึงความอิสรเสรี ราษฏรอยู่เย็นเป็นสุข จึงมีเวลาว่างพอที่จะไปนมัสการทุกหนแห่ง มีการทัศนาจรขึ้น การนมัสการไหว้พระมีประโยชน์ต่อจิตใจและร่างกาย แต่เพื่อความสะอาดอนามัย และไม่สุรุ่ยสุร่าย การไหว้พระไหว้เจ้า ไม่ควรฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ควรเปลี่ยนมาใช้ดอกไม้สด ผลไม้ ไม่เพียงแต่ประหยัดเท่านั้น ยังได้รับผลทางวิญญาณและจิตใจ ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้พิมพ์หนังสือแจกกล่าวว่า เจ้าแม่นั้นถือมังสาวิรัติ อย่าฆ่าสัตว์เอามาไหว้ รู้สึกถูกใจข้ามากและสามารถเอาไปตีพิมพ์ในหนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” ช่วยสงวนชีวิตสัตว์ ทั้งยังเป็นหนังสือ “ร้องทุกข์” ของพวกสัตว์อีกด้วย
    หยางเซิง ขอบพระคุณ เจ้าแม่ที่ประทานโอวาท ทำให้หนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” มีคุณค่าเพิ่มขึ้นมาก

    หนังสือร้องทุกข์ของสัตว์เดรัจฉาน เจ้าแม่ถือมังสาวิรัติ อย่าฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเอามาเซ่นไหว้
    ประวัติเจ้าแม่เป็นชาวเมืองมี้จิว อำเภอโป้วชั้ง มณฑลฮกเกี้ยน ในสมัยราชวงศ์ซ้องชื่อฮุ้งมิก แซ่ลิ้ม ตั้งแต่เล็กก็กินเจ สวดมนต์ไหว้พระ ฝึกฝนความเพียรจนบรรลุนิพพาน ได้รับราชโองการจากเง็กอ้วงฮ่องเต้ ให้เป็นเจ้าแม่แห่งสรวงสวรรค์ โดยปกติมักอวตาลมาช่วยชาวประมงอยู่เป็นนิจด้วยเหตุฉะนี้ ชาวเมืองทางมณฑลตะวันออกเฉียงใต้จึงนับถือยิ่งนัก เจ้าแม่มีความเมตตา กรุณา ผู้สวดอ้อนวอนมักจะได้รับการช่วยเหลือ มีปรากฏเป็นหลักฐานสืบทอดกันมานับร้อยๆปี จึงเป็นที่นับถือยิ่งนัก ของชาวประมงทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ชาวประมงจึงเซ่นไหว้และนับถือเป็น “เจ้าแม่แห่งท้องสมุทร”
    ไม่กี่ปีมานี้ ต้วยการปกครองของรัฐบาลไต้หวัน ทำให้เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง ประชาชนมั่งมีศรีสุข ถึงแม้วิทยาศาสตร์ก้าวหน้าก็ตาม แม้แต่ชาวเมืองที่ไม่ได้เป็นชาวประมงก็พากันเคารพนับถือมากมายนับไม่ถ้วน เนื่องจากการคมนาคมสะดวก ศาลเจ้าทุกแห่งจะมีพวกนับถือไปกราบไหว้มากมาย โดยเฉพาะวันคล้ายวันเกิดในวันที่ 23 เดือนสามของปฏิทินจันทราคติ จะคลาคล้ำไปด้วยผู้คนมากมาย
    อย่างไรก็ตาม พวกที่นับถืออย่างจริงใจ ก็ยังมีความผิดพลาดที่มหันต์อยู่อันหนึ่งนั้นก็คือ เมื่อเจ้าแม่ยังมีชีวิตอยู่ เจ้าแม่ถือมังสาวิรัติแต่ปัจจุบัน พวกสาธุชนก็ยังคงฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเอาสัตว์ไปเซ่นไหว้เจ้าแม่แม้จะได้รับการเซ่นไหว้เช่นนี้ แต่เจ้าแม่รับไว้ไม่ได้ ยังไม่พอเจ้าแม่ทุกข์โศกหลั่งน้ำตาสงสารพวกเหล่านั้นที่ถูกฆ่า อันนี้เป็นนิสัยที่สืบทอดมา และก็ไม่มีใครแนะนำชักจูงให้ใช้ ดอกไม้สดและผลไม้มาเซ่นไหว้ก็พอ
    เนื่องจากเจ้าแม่มีมหาเมตตา กรุณา ช่วยเหลือมวลมนุษย์มากมาย ให้พ้นจากเคราะห์กรรม ถ้าหากพวกเราจะตอบแทนบุญคุณเจ้าแม่ นับถือเจ้าแม่ละก็ พยายามทำความดีก่อกุศล ช่วยเหลือผู้อื่น ช่วยสังคม จึงจะเป็นที่ต้องประสงค์ ประกอบความเพียรและกินเจ ถ้าจะมากราบไหว้ที่ศาลเจ้า ก็ควรกินเจอาบน้ำให้สะอาด จิตใจผ่องใสสำรวมมารยาทเพียงคำนับ หรือไหว้ หรือคุกเข่าไหว้ก็ตาม จิตใจเต็มไปด้วยความนับถือ เท่านี้ก็เป็นการเพียงพอแล้ว ทำไมต้องตัดชีวิตสัตว์มาเซ่นไหว้ หรือพวกที่อยากจะขอความเมตตาให้ช่วยเหลือเพียงธูปเทียนดอกไม้ และผลไม้แล้วนั้งอธิษฐาน แสดงความในใจเจ้าแม่ก็จะรับรู้ ก็เป็นการเพียงพอแล้ว ทำไมต้องฆ่าสัตว์อีกเล่า หากว่าระลึกถึงบุญคุณ เมื่อเข้ามายังศาลเจ้าแล้ว กล่าวถวายสิ่งที่ปฏิบัติดีคุณธรรมที่สร้างไว้กราบเรียนต่อหน้าเจ้าแม่ ก็จะเป็นที่ชื่นชมของเจ้าแม่มาก ดีกว่าต้องเสียเงินทองไปซื้อกระดาษเงินกระดาษทองมาไหว้เจ้าแม่ซึ่งท่านไม่ได้ใช้ หากจะฉลองวันคล้ายวันเกิดของเจ้าแม่ ยิ่งไม่ควรฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เป็นอันขาดมีประวัติกล่าวว่า ตอนเจ้าแม่มีชีวิตอยู่ในโลกเป็นลูกที่กตัญญมาก วันละโลกของแม่ จะตัองสวดมนต์สักการบูชาพระ เพื่ออุทิศกุศลให้พ่อแม่มีอายุยืนยาว แต่ทุกวันนี้ เมื่อถึงวันคล้ายวันเกิดเจ้าแม่ มีการฆ่าสัตว์เป็นการใหญ่ เป็นวันที่สูญเสียชีวิตสัตว์ แล้วเอาสัตว์นั้นมาไว้บนโต๊ะบูชา เพื่อขอพรให้อายุพ่อแม่ยืนยาว หรือขอพรกับเจ้าแม่ หรือเอามาแก้บนต่อเทพเจ้า ยิ่งดูน่าเศร้าสลด แม้แต่มดน้อยตัวหนึ่งที่ไร้ปัญญา เจ้าแม่ก็ยังเมตตาไม่ถือโทษ เจ้าแม่ผู้มีมหาเมตตา จะไม่เศร้าสลดใจได้อย่างไร กับการกระทำข้างต้นนี้
    เจริญพร สวรรค์อยากเอ่ยแต่ไม่มีวจี อยากพูดก็ไม่มีเสียงมีใครรู้บ้างไหมว่าวันคล้ายวันเกิด เจ้าแม่เพ่งมองมายังเบื้องล่าง
    มีใครรู้บ้างไหมว่าวันคล้ายวันเกิด เจ้าแม่เพ่งมองมายังเบื้องล่าง สรรพสัตว์ไม่ยอมฝึกฝนความเพียร เอาแต่เล่ห์เหลี่ยมต้มตุ๋นเงินทองไม่สะสมบุญบารมี ตรงกันข้ามก็เอาแต่ขอให้พระช่วยเหลือ หรือถามหมอดูวุ่นวายไม่หยุดหย่อน สูญเปล่าไปชั่วชีวิต ตกอยู่ในทะเลทุกข์วนเวียนไม่จบ ตอนนี้จิตของเจ้าแม่คงทุกข์โศกยิ่งมิใช่หรือ และยิ่งได้เห็นวันคล้ายวันเกิดของตนเอง ผู้คนกลับสร้างบาปก่อเวรหนักยิ่งขึ้น(ฆ่าสัตว์เอามาเซ่นไหว้) ชาวบ้านไม่เข้าใจ “กฎแห่งกรรม” กันเลย ตรงข้ามซากสัตว์บนโต๊ะบูชา เอามาขอบุญต่อชีวิต เจ้าแม่ก็ได้แต่เศร้าเสียใจหลั่งน้ำตามิใช่หรือ ดังนั้นจึงใคร่วิงวอนผู้คนที่อยากกราบไหว้เจ้าแม่ จงประพฤติแต่กรรมดี อ้อมอกสวรรค์ แผ่เมตตากรุณา โดยเฉพาะผู้ที่จะตอบแทนเจ้าแม่ ควรประพฤติดีต่อสังคม สร้างคุณงามความดี ตัดโลภโกรธหลง เคารพฟ้าดิน เคารพเจ้าเทวดาเคารพพ่อแม่ เคารพบัณฑิต ต้องไม่พูดกล่าวร้าย พูดแต่ความดีอย่าพูดปลิ้นปล้อน อย่าพูดส่อเสียด จงพูดแต่หลักธรรม ตักเตือนให้ผู้อื่นประพฤติดี รักษาศีล ประกอบความเพียร ถ้าจะสร้างสมบุญบารมี ก็จงบริจาค ข้าว โรงศพ สร้างสะพาน สร้างทาง ซ่อมสร้างศาลเจ้าวัดวาอาราม สร้างพระเ พิมพ์หนังสือธรรมะ บริจาคทรัพย์อย่าชี้เหนียว ออกแรงก็ไม่บ่น ไม่คิดให้ผลตอบแทน ไม่ต้องให้คนรู้ ทำบุญอยู่ตลอดถ้าหากอวยพรให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็ใช้แต่มันสาวิรัติ เช่น ขนมท้อ เส้นหมี่ ผลไม้ ถ้าหากใคร่ใช้สัตว์ ก็ใช้ถั่วทำรูปจำลองร่างสัตว์ ไม่ควรฆ่าสัตว์ต่างๆ เหล่านี้ แม้จะไม่ขอพรสวรรค์ก็บันดาลให้ เจ้าแม่ก็คุ้มครองด้วย
    ถ้าหากจิตศรัทธา ก็ใช้อาหารเจและผลไม้
    ถ้าหากท่านอยากจะเลี้ยงแขกที่กินเจสักคนหนึ่ง แต่ท่านก็เอาอาหารเนื้อสัตว์มาเลี้ยง ท่านลองคิดดูซิ ว่า แขกผู้นั้นจะกล้ากินหรือ การกระทำเช่นนี้จะมีความเกรงใจหรือไม่
    เหตุผลก็เช่นเดียวกัน ถ้าหากเธอรุ้ว่าเจ้าแม่เป็นผู้ถือมังสาวิรัติแล้วเราเอาอาหารเนื้อไปเซ่นไหว้ เธอคิดดูว่าเจ้าแม่จะรับหรือ แล้วเรายังนับถือเคารพนับถือหรือ แต่ก็มีคนพูดว่า ลูกศิษย์ลูกหาของเจ้าแม่อาจกินเนื้อ แต่ชื่อที่เราเซ่นไหว้ก็คงเป็นชื่อของเจ้าแม่มิใช่หรือ ดังนั้น ถ้าหากเป็นเทพเทวดา ก็ต้องไม่เสพเนื้อสัตว์ เทพเทวดาที่เที่ยงธรรม ย่อมทพอใจลูกศิษย์ลูกหากราบไหว้แต่ของเจ งดเว้นการฆ่าสัตว์ เพื่อตอบแทนฟ้าดินที่รักทุกชีวิต เมื่อเจ้าเม่ถือเจลูกศิษย์ลูกหาย่อมทได้รับการขัดเกลา อบรมบ่มนิสัยจากเจ้าแม่มานานแล้ว ก็ย่อมไม่ชอบเสพเนื้อ มิฉะนั้นจะได้รับเป็นลูกศิษย์เจ้าแม่หรอกหรือ ดังนั้น เมื่อเธอมีจิตศรัทธาจริงก็จงใช้อาหารเจไหว้พระ ย่อมได้รับการคุ้มครองจากพระแน่นอน
    ถามไม่ตอบ เนื่องจากไม่ควรใช้ซากสัตว์
    ประมาณ 2 ปีมาแล้วได้ยินเขาเล่าว่า ในหมู่บ้านฮกเฮงมีบ้านแซ่อึ้ง เป็นครอบครัวที่ซื่อสัตว์และประพฤติธรรมอันดีงาม มีแม่ผัวและลูกสะใภ้ 2 คน ใช้อาหารเจไว้พระ เนื่องจากในครอบครัวมีคนกินเนื้ออยู่มาก ปีนั้นวันคล้ายวันเกิดของเจ้าแม่ลูกสะใภ้คนเล็กของตระกูลอึ้ง ได้เตรียมเป็ดไก่ไปไหว้เจ้าแม่ชุดหนึ่งไปไหว้เจ้าที่ศาลเจ้า พอไหว้เสร็จก็เอาไม้ปวย(คือไม้คู่รูปร่างคล้ายรูปไต่ผ่าซีก มักวางไว้บนโต๊ะบูชา ใกล้ๆ กับกระบอกเซียมซีมีไว้ให้ถามเจ้าว่าดีหรือไม่ดี ได้หรือไม่ได้ โดยการโยนไม้คู่ขึ้นไปบนอากาศแล้วปล่อยให้ตกลงมายังพื้น ถ้าไม้ข้างหนึ่งหงาย อีกข้างหนึ่งคว่ำ ก็ถือว่าเจ้าเห็นด้วย หรือว่าดี หรือได้ แล้วแต่คำถามถ้าไม้ออกมาในรูปคว่ำทั้งสองอันแสดงว่า ไม่ตอบ ถ้าไม้หงายทั้งคู่แสดงว่าไม่เห็นด้วย ขึ้นมา ทำท่าไหว้ แล้วก็ถามเจ้าแม่ไปว่าของที่นำมาไหว้นี้ พอใจหรือไม่ ผลปรากฏว่าไม้ทรงตอบ แม้จะโยนสักกี่ครั้งๆ ก็คงเหมือนเดิม เลยถามว่า กระดาษเงินกระดาษทองน้อยไปหรือ ก็ไม่ใช่ เพราะลืมเอาเหล้ามาถวายใช่หรือไม่ ก็ไม่ตอบ หรือไก่ที่นำมาไหว้เล็กไปหรือ ก็ไม่ใช่ หรือเพราะของที่นำมาไหว้น้อยไปหรือ ก็ไม่ใช่ ถามไปถามมา คิดไม่ออกฉับพลันจิตใต้สำนึกก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ เลยถามไปว่า “เป็นเพราะว่าศิษย์กับแม่ย่ากิน แล้วนำอาหารสัตว์มาไหว้ เจ้าแม่ไม่พอใจใช่หรือไม่ถ้าใช่ก็โปรดตอบ” พอถามเสร็จก็โยนไม้ปวย ปรากฏว่าไม้คว่ำอันหนึ่งหงายอัน แสดงว่า ใช่ เธอรุ้สึกกลัว เลยบอกว่า ถ้างั้นก็ขออภัยและคราวต่อไปจะงดอาหารสัตว์มาไหว้ จะนำอาหารเจมาไหว้ ดังนั้นสองปีที่ผ่านมานี้ ลูกสะใภ้บ้านแซ่อึ้ง ก็นำแต่ของแจมาไหว้
    อาหารเนื้อสัตว์ หมูเห็ดเป็ดไก่เต็มโต๊ะ เจ้ารับแต่เพียงอาหารเจชุดเดียว
    มีตระกูลแซ่จัง ในเมืองจั้วฮัว ตั้งแต่ ปู่ ย่า จนถึงลูกหลานต่างก็กินเจทั้งสามชั่วโคตร ทั้งครอบครัวมีสุข บุญบารมีล้นฟ้า มีวันหนึ่ง เป็นวันคล้ายวันเกิดของเจ้าองค์หนึ่ง ผู้คนนำหมูเห็ดเป็ดไก่ไปไหว้กันเต็มโต๊ะไปหมด ยังกับแข่งขันแสดงอวดกัน คุณนายจังไปทีหลัง เนื่องจากครอบครัวกินเจ ก็เลยใช้ถั่วลิสงทำเป็นรูปสัตว์ต่างๆ กัน ชุดเล็กๆ หนึ่งชุดมาไหว้ ตอนนี้บนโต๊ะก็เต็มไปด้วยเป็ดไก่ ไม่มีที่จะวางได้ คนเฝ้าศาลเห็นดังนั้นก็เลยช่วยนำอาหารเจชุดนี้ไปวางไว้เหนือโต๊ะ พอดีลูกสะใภ้ตระกูลจังมาถึง แลเห็นว่าอาหารของบ้านตนเป็นอาหารชุดเล็กๆ เป็นที่สนใจของผู้พบเห็นในใจรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ แต่ว่าไม่นานนัก พอเจ้าเข้าทรงเขียนออกมาว่า ในบรรดาของที่นำมาไหว้มากมาย เจ้าได้รับเพียงอาหารเจชุดเดียวเป็นของศิษย์ตะกูลจัง ทำให้บรรดาเทพเทวดาต่างยินดีเป็นอย่างยิ่ง
    จากจุดนี้เอง ทำให้รู้ว่าเทพเทวดาไม่ต้องการให้ผู้คนฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ดีใจที่คนเอาอาหารเจมาไหว้ ดังนั้น ที่ๆ เทพเทวดาอยุ่จะปราศจากคาวโลกีย์ ก็ยอมพอใจควมสะอาดของอาหารเจ เกลียดอาหารเหม็นคาวของเนื้อสัตว์
    อรหันต์จี้กง บทร้องทุกข์ของสัตว์นี้แยบยล ผู้คนย่อมมีความเข้าใจภายหลัง ไหว้พระไหว้เจ้าไม่ควรฆ่าสัตว์ วันนี้พอเพียงแค่นี้ เตรียมตัว
    หยางเซิง ขอบคุณ เจ้าแม่ที่ชี้แนะ ลูกศิษย์ขออำลา
    เจ้าแม่ คำสั่ง ให้ขุนพล ตีฆ้องลั่นกองส่งแขก
    อรหันต์จี้กง เซินต่อถังถึงแล้ว หยางเซิงลงจากปทุมทิพย์วิญญาณกลับเข้าร่าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2016
  8. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,985
    ค่าพลัง:
    +1,223
    ครั้งที่ 19 เจ้าแม่กวนอิมสร้างดอกบัวหินช่วยปลดทุกข์ ประชามีเมตตางดฆ่าสัตว์ปล่อยชีวิต
    พระอรหันต์จี้กง เสด็จลงประทับทรง วันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2525
    อรหันต์จี้กง มนุษย์มีชีวิตอยู่ในโลกนี้เดินอยู่บนเส้นทางของมนุษย์ธรรม แต่ก็มีคนอีกจำนวนไม่น้อย ที่กระทำสิ่งไร้มนุษธรรม สูญเสีย “มนุษย์ธรรม” ไปก็เหมือนกับกระทำผิดต่อธรรมสวรรค์ต้องเริ่มฝึกจากมนุษย์ธรรมไป การโปรดสัตว์ทั้งสามแดนให้ทั่วถึงนั้นจุดสำคัญเริ่มจากธรรมะห้าข้อใหญ่ สืบเนื่องจากใจคนไม่โบราณ มนุษยธรรมจึงเลื่อมเสีย ฟ้าดินจึงเสียธาตุแห่งความสมดุลย์ไป สวรรค์ต้องการ กอบกู้สภาพควงจิตเดิม จึงประทานมหาธรรมมาให้ ดังนั้นผุ้ที่จะฝึกฝน มหาธรรม ก็ต้องเริ่มจากมนุษย์ธรรม หลักธรรมของ “ขงจี้อ” ก็ไม่ผิดไปจาก ธรรมะสวรรค์ ซึ่งเน้นให้คนปฏิบัติตามวินัย 3 ข้อ กับ หลักปฏิบัติ 5 ข้อ หลักปกป้อง 4 ข้อและคุณธรรม 8 ข้อ ปัจจุบันผู้ฝึกฝนส่วนใหญ่อยู่กับบ้าน จำเป็นต้องปฏิบัติตามมนุษยธรรมอยู่บ้านก็กตัญญูต่อพ่อแม่ สามีภรรยาก็รักใคร่กันดี พี่น้องก็รักใคร่กันดี เพื่อนฝูงต้องเชื่อถือ พูดก็พูดแต่ดีๆ ประพฤติก็ประพฤติแต่ความดี เมื่อประพฤติกุศลจนเต็มปรี่แล้ว ก็จะสร้างสรรค์ตนเองได้เหมือนกัน รูปแกะสลักของเทพเทวดา ดีขึ้นไปเรื่อยๆ อีกจนเปรียบ ประดุจพระพุทธรูป ดังน้นก็จะเป็น “บุคคลตัวอย่าง”ที่อยู่ในมนุษย์โลก ตำแหน่งบนสวรรค์ก็ได้ “จองที่” เอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วหลังจากละกายเนื้ออันจอมปลอมนี้ไปแล้ว ก็จะมีกายทิพย์อยู่ในสรวงสวรรค์ต่อไป อันนี้เป็นธรรมชาติของหนทางทิพย์ หยางเซิงเตรียมสวรรค์ต่อไป อันนี้เป็นธรรมชาติของหนทางทิพย์ หยางเซิงเตรียมตัวออกเดินทางได้ วันนี้จะเดินทางไปยังพระพุทธเจ้าโบราณที่ทะเลใต้
    หยางเซิง จะไปยัง “จี้เต็กลิ้ม” อีกครั้ง ใจผมนี้ยินดีเป็นอย่างยิ่ง
    อรหันต์จี้กง ...มาถึง “จี้เต็กลิ้ม” แล้วพระมหาโพธิสัตว์กวนอิม(อวโลกิเตศวร) ประทับอยู่บนบัวทอง พอเห็นเรา 2 คน ก็ทรงพระสรวล
    หยางเซิง ครั้งก่อนผมกับอาจารย์ ทำหนังสือ “เที่ยวเมืองสวรรค์” ก็ได้มา ณ ที่นี้ครั้งหนึ่ง วันนี้วาสนาดีได้มีโอกาสมานมัสการ พระโพธิสัตว์ ที่ จี้เต็กลิ้ม แดนสุขาวดีอีกครั้ง จิตใจเบิกบานยิ่งนัก “จี้เต็กลิ้ม” นี้เขียวชอุ่มขึ้น น้ำไหลแรงขึ้น มีความรู้สึกชุ่มฉำ ข้างๆองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมมีกอไผ่สีม่วงอยุ่กอหนึ่งมีนกสีเขียวตัวหนึ่ง ยืนเกาะกิ่งไผ่ไว้ ในปากก็คาบสร้อยประคำ เห็นแล้วน่าพิศวงหนึ่ง ยืนเกาะกิ่งไผ่ไว้ ในปากก็คาบสร้อยประคำ เห็นแล้วน่าพิศวง
    อรหันต์จี้กง พวกเรา รีบคารวะพระโพธิสัตว์ก่อน
    หยางเซิง ขอรับกระผม ลูกศิษย์ขอคารวะ พระมหาโพธิสัตว์ทะเลใต้
    พระโพธิสัตว์ มิต้องเกรงใจ ท่านทั้งสองลำบากมากนะครั้งก่อนแต่งหนังสือ “เที่ยวสวรรค์-นรก” 2 เล่ม ครั้งนี้ก็ได้รับเทวโองการให้แต่ง “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” แผ่บุญกุศลให้พวกสัตว์เดรัจฉานมีกรรมเวรเกี่ยวพันกันมาตั้งแต่ปางก่อน สวรรค์มีคำสั่งตกมาถึงตัวท่าน วันนี้ท่านมาที่นี่ ข้าพเจ้ายินดีมาก มีคำสั่งถึงเซียนไช้และเล้งนี้ง (เป็นเทวกุมารและเทวกุมารีของเจ้าแม่กวนอิม ให้นำน้ำชารับแขกทั้งสองท่าน
    เซียงไช้-เล้งนึ้ง ขอรับ... น้ำชาทิพย์เรียบร้อยแล้ว ขอเชิญได้
    หยางเซิง อาจารย์นั่งอยู่บนดอกบัวหินที่อยุ่ข้างสระ ดูเหมือนแปลกใหม่ อันนี้ทำด้วยอะไรกัน
    อรหันต์จี้กง พระโพธิสัตว์ประทับอยู่บนดอกบัว อันนี้เป็น “บัวน้ำ” แต่ที่เรานั่งอยู่นั้นเป็นบัวที่ขึ้นอยู่บนบก เรียกว่า “บัวบก”
    หยางเซิง ดอกบัวที่ขึ้นในน้ำเคยได้ยินมาแล้ว ดอกบัวที่ขึ้นบนบกพึ่งเคยเป็นครั้งแรก ทำไมเมื่อครั้งก่อนจึงยัไม่ได้เห็น
    อรหันต์จี้กง วันก่อนเป็น “ยานเมตตา” ที่แล่นในทะเลวันนี้เป็น “ยายทิพย์ “ ที่แล่นบนบก ต้องมีวิชาที่ผิดไปจากธรรมดา
    หยางเซิง อันนี้อธิบายได้อย่างไร
    พระโพธิสัตว์ เจริญพร เห็นท่านทั้งสองสนทนาธรรมกันอยู่ ข้าพเจ้าก็ขอถือโอกาสนี้อธิบายให้ฟังก็แล้วกัน ดอกบัวสีก็จะขาวจัด ก็เหมือนกับคนเรา ถ้าหากไม่มีดินโคลน ดอกบัวสีก็จะขาวจัด ก็เหมือนกับคนเรา ถ้าหากถือศีลจำพรรษาอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่สะดวกสบาย การกินการอยู่ไม่ต้องอนาทรร้อนใจอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่มี “พิษร้าย” ก็จะไม่สามารถเกิดดอกที่มีสรรสวยสดได้ เช่นเดียวกับคนเราตลอดชีวิต ถ้าหากไม่มีเคราะห์กรรมลำบาก ความสำเร็จของเขาก็เป็นไปอย่างธรรมดา คนเราเปรียบเสมือนลูกบอล ภายนอกเป็นเนื้อหนัง ภายในก็มีลม ถ้าหากลูกบอลนี้วางไว้ที่พื้นไม่เคลื่อนไหวก็เป็น “บอลตาย” หรือ “คนตาย” ถ้าหากกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นก็เป็น”บอลธรรมดา” ถ้าหากเอาขึ้นมาบนมือแล้วตบลงพื้น ลูกบอลไม่ เพียงแต่ไม่ตายเท่านั้น มันยังกระดอนกลับขึ้นไปสูงกว่าท่านอีก ดังนั้นเมื่อจะกระทำต่อผู้ที่เราไม่พึงใจ ก็ควรเหลือเยื่อใยไว้สักสามส่วนแบ่งเป็น 10 ส่วน) เปิดช่องทางไว้ทางหนึ่ง มิฉะนั้นการทำลายผู้อื่น จะกลายเป็นการทำลายตัวเอง ผู้ที่ประสพความสำเร็จในโลกนี้ส่วนใหญ่ผ่านความลำบากและบ่มเรียนมาแล้วทั้งนั้น จึงสามารถกระโดดได้สูง ถ้าหากบัวไร้โคลนตน ก็ไม่สามารถผลิตดอกที่ขาวๆ ให้เห็นได้ บัวน้ำแม้จะอยู่ในน้ำ แต่ใต้น้ำก็เป็นดินโคลน ถ้าหากน้ำแห้งลง “บัวน้ำ” ก็มิใช่เป็น “บัวบก” หรอกหรือ เวลามีน้ำก็เรียก “ดินโคลน” เวลาไม่มีน้ำก็เรียกว่า “ดิน” เพราะฉะนั้นที่ท่านนั่งอยู่ตอนนี้ก็เป็นดอกบัวที่เกิดบนดิน คุณสมบัติมันแข็งกระด้างจึงเรียกว่า “บัวหิน” เล่า
    พระโพธิสัตว์ อันนี้เนื่องจากอยู่ในวาระสุดท้ายที่กำลังโปรดสรรพสัตว์ พวกเราส่วนใหญ่ฝึกธรรมะอยู่ที่บ้าน ครึ่งเทพครึ่งปุถุชน น้อยนักจะมี “พูท้วง” (เบาะกลมๆทรงสูงประมาณคืบ ปักเป็นลายดอกบัว) ไว้นั่ง แต่ละวันก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ เพื่อความสะดวกของผู้ฝึกฝนธรรมะที่อยู่บ้าน ก็สามารถที่จะสำเร็จเป็นพระได้ดังนั้นที่แดนสุขาวดีจึงมี “บัวหิน”อยู่ทั่วไปหมด
    หยางเซิง ท่านโพธิสัตว์มีมหาเมตตา เพื่อโปรดสรรพสัตว์ให้ความสะดวกสบายแก่ผู้ที่ถือศีล ที่สละจิตใจ ประทาน “ดอกบัวหิน”แก่คนทุกผู้ทุกวัย ศิษย์ขอขอบคุณแทนผู้คนในโลกด้วย
    อรหันต์จี้กง อาฮ้า อ้อมอกสวรรค์เต็มไปด้วยเมตตาเพียงขอให้ผู้คนอยู่ในโลก นั่งได้ตรงบนเก้าอี้ไม้ จิตใจตั้งตรง ดินกิเลสก็จะกลายเป็น ดินสะอาด เก้าอี้ธรรมดา ก็จะเป็นดอกบัว ทุกๆ คนมีส่วนในแดนสุขาวดี
    หยางเซิง ถ้าเช่นนี้ทุกๆ คนในโลกนี้ก็กลายเป็นพระหมดนะซิ
    พระโพธิสัตว์ ใช่แล้ว อยากให้ทุกๆ คนในโลกนี้เป็นพระไปหมด แต่ก็มีสักกีคนในโลกนี้ นั่งได้ตรง จิตใจใสสะอาดที่ จริงมีโอกาสดีอย่างนี้ ไม่ต้องให้ผู้คนต้องขึ้นเขาลุยน้ำ เดินทางเป็นหมื่นลี้เที่ยวเสาะหาอาจารย์เทพเทวดาแปลงร่างมาสู่ครอบครัว เธอช่วยชี้แนะ เพียงแต่หมั่นฝึกฝนธรรมะ เพียงแต่ประพฤติได้ตรงภายในบ้าน(จิต) ภายนอกบ้าน(กาย) กวาดล้างให้สะอาด แม้บนดินก็นั่งได้บนหญ้าก็นอนได้ ทำให้โลกนี้กลับกลายเป็นสวรรค์ มิดีหรอกหรือ
    หยางเซิง พวก “ดอกบัวหิน” เหล่านี้ ทำไมมีประกายรัศมีออกมา แล้วยังมีชื่อจารึกอยู่ด้วย ในบรรดาดอกบัวทั้งหลายมีชื่อของเพื่อนร่วมสำนักเดียวกันอยู่ด้วย
    พระโพธิสัตว์ เจริญพร สำนักเซินเต๋อถัง มีผู้ทำความเพียรได้สูงอยู่หลายคน ศึกษาหลักธรรม ฝึกฝนมหาธรรมสร้างบุญบารมีมิใช่น้อย จนสามารถประสานนอกและในเข้าด้วยกันได้ มีความอดทน ดังนั้นที่แดนสุขาวดี จึงปรากฏดอกบัวอันเป็นตำแหน่งที่ตามแต่บุญบารมีที่สั่งสอน ดอกบัวเหล่านี้จะใหญ่หรือเล็กขึ้นอยู่กับพื้นจิตของแต่ละคน บุญกุศลแปรเปลี่ยน หากอยากได้ตำแหน่งบนสวรรค์พึ่งสร้างบุญกุศลเสียในโลกนี้ ดังคำที่ว่า “งานขึ้นอยู่กับคน”
    หยางเซิง ข้างๆพระโพธิสัตว์ มีนกตัวหนึ่งเกาะอยู่บินกิ่งไม้ ปากคาบสร้อยประคำ ขับร้องอยู่ที่นั่น และก็สามารถนับลูกประคำไปได้รอบๆ เหมือนกับผู้คนกำลังสวดมนต์อยู่ น่าสนใจจริง ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วขับร้องอะไรกัน
    พระโพธิสัตว์ เจริญพร นกสีเขียวตัวนี้ เป็นนกเทพที่อยู่ข้างกายเจ้า ถูกยกย่องเป็น “แชล้วง” ปากคาบสร้อยประคำ กำลังสวดมนต์ วันนี้จะอธิบายเกี่ยวกับสัตว์ปีกมีสิ่งพิเศษเหนือธรรมดาอย่างหนึ่ง กลับมามองที่ปากของคน ไม่มีปัญญาพูดจาแต่คำที่ดี สามารถพูดจาส่อเสียด พูดหลอกลวง โกหก ตลบตะแลง วาจาเหี้ยมโหด คิดแล้วสู้สัตว์ปีกไม่ได้ เพราะมันยังสามารถร้องเพลงที่ไพเราะเพราะพริ้งได้ เมื่อคนได้ยินแล้ว ก็คลายกลุ้มไปได้ นกน้อยใน “จี้เต็กลิ้ม” เฝ้าสวดมนต์เพื่อบรรลุธรรม ชาวโลกยังไม่รีบรักษาวาจาศีล กลับเนื้อกลับใจอีกหรือ “จี้เต็กลิ้ม” เป็นธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ของแดนสวรรค์ไผ่สีม่วงสูงเสียดฟ้า หญ้าเขียวขจีนุ่มนวล น้ำไหลกระเซ็นซ่าน ถ้าสามารถมาอยู่ที่นี่หนึ่งวัน ก็เหมือนอยู่ในโลกหนึ่งปี ดอกบัวหิน พื้นหญ้าเขียว นั่งแล้วสบายจริงๆ ที่นี่ได้ตระเตรียมที่นั่งสำหรับชาวโลกไว้แล้วมากมาย “ที่นั่งชั้นหนึ่งทั้งนั้น” ขอให้ชาวโลกได้โปรดขึ้นยานทิพย์พร้อมๆ กันเถอะ
    หยางเซิง นกน้อยช่างมีบุญบารมีสูง ขอเรียนถาม พระโพธิสัตว์กวนอิม หนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” ใกล้จะอวสาน ความตั้งใจของพระโพธิสัตว์นั้นใหญ่หลวง “จะโปรดสัตว์ให้หมดโลกจึงจะเข้าสู่นิพพาน” แต่ว่า “โปรดสัตว์เดรัจฉานนั้นง่ายโปรดคนนั้นยากๆ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา มนุษย์สะสมแต่เวรกรรม กระดูกกองดั่งภูเขา มีบ้างที่คิดจะฝึกฝนให้บรรลุธรรม แต่เนื่องจากร่างกายมักมีโรค ครอบครัวก็ไม่สงบสุข ลูกหลานไม่กตัญญู กระทำการสิ่งใร้คุณธรรมต่างๆ เหล่านี้ ทำให้ผู้ที่คิดจะฝึกฝนทำความเพียร แม้ใจจะตั้งมั่น แต่ก็ไม่มีพละกำลัง พระมหาโพธิสัตว์ มีความต้องการจะโปรดสัตว์ให้หมดโลก จะช่วยกรุณาแนะนำหนทาง เพื่อให้ผู้ที่จะทำความเพียรได้มีจิตใจและร่างกายแข็งแรง ไร้ซึ่งทุกข์โศก จะได้ฝึกฝนได้ง่ายขึ้น วิญญาณจะได้มีโอกาสสำเร็จเป็นพระได้
    พระโพธิสัตว์ ถึงแม้นข้าจะมีความตั้งใจโปรดสัตว์ก็ตามแต่ผู้คนหลงระเริง ไม่ยอมตัดความอยากมาฝึกฝนตัว ดังนั้นยิ่งจมยิ่งลึก ทะเลทุกข์ไหลไปเรื่อยๆ หลงอยู่ในทางสามแพร่ง ไม่อาจสำเร็จเป็นพระได้ มีคำกล่าวว่า “พระไม่สามารถโปรดคนได้ คนต่างหากที่จะโปรดตนเอง” เพื่อหนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน”จึงจะแนะทาง “โปรดตนเองให้เป็นพระ” แต่ไหนแต่ไรมา ผู้คนในโลกนี้ชอบกินเนื้อผู้อ่อนแอกว่า ผู้คนแก่งแย่งกัน คนและสัตว์เดรัจฉานก็เช่นเดียวกัน เนื่องจากคนไม่ยอมปล่อยสัตวเดรัจฉานกินเลือดกินเนื้อเพื่อดำรงชีวิต ดังนั้น นิสัยคนและสัตว์จึงผสมกันเลือดลมของคนและสัตว์ ไม่อาจเข้ากันกันได้ ทำให้เป็นบ่อเกิดของโรคดังนั้น คนที่กินเนื้อสัตว์ ดังนั้น สัญชาติของคนและสัตว์จึงปะปนกัน จึงทำลายจิตใจของคนเข้า เลยทำให้คนเราจิตใจไม่เก่า จึงพบหน้าคนใจสัตว์เต็มไปหมด จะเห็นได้จากคนที่เจริญแล้วในสังคมแต่การทำสิ่งที่ป่าเถื่อน บาปกรรมสร้างสมกันมา คนก็เริ่มเบียดเบียนถิ่นที่อยู่ของสัตว์ ทำอันตรายต่อชีวิต ดังนั้นคนจึงลดฐานะลง จนจิตใจอยู่ในระดับเดียวกับพวกสัตว์ ยังความห่างไกลจากหนทางสู่ความสำเร็จของพระไป ดังนั้น ถ้ายังต้องการกลับไปสู่หนทางของความสำเร็จเป็นพระล่ะก็ ต้องถือมังสาวิริติ ปลดปล่อยสัตว์ เพื่อชำระจิตให้ใสสะอาด และยังต้องช่วยเหลือให้สัตว์เหล่านั้น ให้สำเร็จธรรมะด้วย กระทำเช่นว่านี้ได้ แน่นอนทีเดียว เราก็ใกล้สำเร็จความเป็นพระได้
    หยางเซิง ขอเรียนถามพระโพธิสัตว์ว่า การงดเว้นการฆ่างดเว้นการกิน ปลดปล่อยชีวิต มีหลักการอย่างไร วิธีการช่วยเหลือสัตว์ให้สำเร็จธรรมะได้อย่างไร กรุณาเล่าเพื่อให้ผู้คนได้เจริญรอยตามจะได้ไหมครับ
    พระโพธิสัตว์ ได้ซิ เป็นการดีทีเดียว ข้าจะเจียระไนให้ฟัง
    ข้อหนึ่ง งดการฆ่า... สัตว์มีวิญญาณ มีเลือดเนื้อน้ำตา มีเจ็บปวดทรมานและมีจิตใจ โดยใช้เมตตาธรรมและความกรุณา จึงทนดูการฆ่าไม่ได้ เม่งจื้อกล่าวว่า “สุภาพบุรุษต้องอยู่ห่างห้องครัว” นั่นก็คือ ไม่อยากให้มีการฆ่า ไม่อยากเห็นการฆ่ามนุษย์ที่มีจิตรักสัตว์ ระหว่างคนด้วยกันก็จะไม่มีการต่อสู้ ฆ่าฟันกันฉะนั้น การงดเว้นการฆ่าสัตว์จึงเป็นพื้นฐาน หล่อเลี้ยงจิตใจคนให้เกิดความเมตตากรุณา
    ข้อสอง งดการกิน... เมื่อไม่ฆ่าแล้ว ก็ต้องไม่กินเนื่องจากไม่กินก็จะเป็นผลให้คนฆ่าน้อยลงหรือไม่ฆ่า พวกพืชผักมีคุณค่าเพียงพอสำหรับมนุษย์ และไม่มีอันตราย เนื่องจากพวกสัตว์ต่างๆ ไม่มีการอาบน้ำชำระร่างกาย พวกจุลชีพจึงเข้าอาศัยอยู่ได้ง่าย คนที่กินเนื้อก็จะได้รับเชื้อโรค ทำให้เกิดโรคฝีร้าย มะเร็งต่างๆ ได้นายแพทย์ก็ไร้ปัญญา ในที่สุดก็ต้องทิ้งสังขารนี้ไป ยิ่งกว่านี้คนที่กินเนื้อ ก็มักจะได้รับการก่อกวนจากวิญญาณสัตว์ ทำให้จิตของคนทุกวันนี้ไม่ปกติสุข ซึ่งทำให้โรคภัยไข้เจ็บทวีขึ้น จึงอยากให้ชาวโลกเลิกรับประทานเนื้อ หันมาถือมังสาวิรัติ แม้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่สะดวก การกินที่อัตคัด เมื่อถือมังสาวิรัติแล้ว จิตใจก็ไม่ทุจริตหลอกลวงและปล้นจี้เกิดขึ้น
    ข้อสาม ปลดปล่อยสัตว์ เมื่อสามารถงดเว้นการฆ่าสัตว์ งดการกินเนื้อสัตว์แล้วก็ยังไม่พอเพียง เพราะยังมีสัตว์พวกนก พวกปลา และเต่าที่ยังถูกฆ่าอีกจำนวนมากมาย เพื่อให้จิตเกิดความเมตตา ก็ซื้อหาสัตว์มาปล่อย ให้มันมีชีวิตอย่างอิสระ 1 เป็นการช่วยเหลือให้พ้นจากคุมขัง รอดจากการสังหาร สัตว์เหล่านี้จะรำลึกถึงบุญคุณ โดยไม่อาจจะกล่าวเป็นคำพูดได้ถูกต้อง การที่พวกมันต้องไปเกิดเป็นสัตว์นั้น ก็ล้วนมีสาเหตุเกิดการทำบาปหนักตั้งแต่ชาติก่อน โดยเฉพาะละเมิดศีลข้อหนึ่ง คือ เว้นจากการฆ่าสัตว์ควรได้รับโทษประหาร แต่ผู้ที่มีเมตตาจิต ควรอโหสิกรรมให้พวกมันเสีย นับประสาอะไรที่มันก็ไม่ได้ทำอันตรายและไม่มีความสามารถด้วย มนุษย์สามารถปล่อยสัตว์ต่อเมื่อทรวงอกเต็มไปด้วยเมตตาจิต และมีนิสัยมานะอดทนด้วย
    งดการฆ่า งดการกินเนื้อสัตว์ ปลดปล่อยสัตว์ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นแบบฝึกหัดสำหรับคนที่ทำความเพียร เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจ ทำวิญญาณให้ใสสะอาดขึ้น วิธีช่วยให้สัตว์เดรัจฉานได้ฝึกฝนธรรมะนั้น ก็คือ ช่วยกันเผยแพร่รายละเอียดของหนังสือ”วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” ทำให้คนมีความเห็นอกเห็นใจรักใคร่สัตว์ ยังสามารถถ่ายทอดความรู้สึกในจิตของสัตว์อีกด้วยให้พวกมันได้มีโอกาสสร้างคุณงามความดี เพื่อลบล้างความผิดถ้าหากผู้คนต้องการลบล้างบาปเวรที่ก่อไว้ เพื่อบรรลุพระอรหันต์ก็ควรช่วยกันพิมพ์หนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” ไปเผยแพร่เพื่อให้ชาวโลกเข้าใจว่า ที่แท้สัตว์ก็เกิดจากความคนเวียนมาเกิดนั้นเองควรมีสิทธิที่จะมีชีวิตดำรงอยู่ในโลก ด้วยเหตุฉะนี้ จึงจะสามารถระงับอารมณ์ความโหดร้ายทารุณลง เพื่อให้โลกมนุษย์นี้กลับกลายเป็นสุขาวดีแดนพุทธเกษตร มนุษย์และสัตว์อยู่กันอย่างสันติสุข เพื่อเพื่อนมนุษย์ เพื่อผู้อื่น เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็จะเกิดความร่มเย็นกันทั่วหน้า เป็นแดนบริสุทธ์ในโลกมนุษย์ ก็เท่ากับสมความตั้งใจของข้าที่จะโปรดสัตว์ให้หมดโลก ก่อนเข้าสู่พระนิพพาน
    อรหันต์จี้กง สิ่งต่างๆ ทั้งหมดที่พระโพธิสัตว์กล่าวมาก็คือความเมตตาของสุขาวดีแดนพุทธเกษตร
    พระโพธิสัตว์ โชดดีพุทธศาสนิกชนของพวกเราที่ส่งเสริมให้งดการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต และเชิญชวนให้ปลดปล่อยสัตว์ดังเช่นเอกสารงดการฆ่าสัตว์ของ พระอาจารย์สระบัว และศานุศษย์”ลี่อี้เจ๋ง” ที่พรรณนา “ความเจ็บปวดของสัตว์” เป็นเครื่องเตือนสติคน ซึ่งเหมือนกับตายแล้วเกิดใหม่ หยางเซิ ง จะเอาไปเสริมในหนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” ก็ได้
    ความเจ็บปวดของสัตว์ โดย ลี่อี้เจ๋ง
    1 คุณธรรมอันยิ่งใหญ่ของฟ้าดิน คือ “ชีวิต” ความโหดร้ายอันมหันต์ของมนุษย์โลกคือ “ฆ่า” ซึ่งเป็นคำกล่าวที่กระจ่างที่สุดของคนโบราณ เป็นคำพูดที่สั้นและเข้าใจง่ายที่สุด เป็นคำพูดที่เจ็บปวดที่สุด พวกเราควรจะรู้ว่า ชีวิตเป็นสิ่งที่มีคุณค่าที่สุด การฆ่าเป็นสิ่งที่โหดร้ายเจ็บปวดที่สุดเหมือนกัน พวกเราเคยอ่านหนังสือถึงโทษทัณฑ์ที่หนักที่สุดของมนุษย์ ก็คือ “ตาย” เท่านั้น ก็จะรู้ถึงความชัวร้ายที่ก่อไว้ ความโหดร้าย แม้จะท่วมท้น เลวทรามที่สุดเมื่อตายลงแล้วทุกอย่างก็สิ้นสุด ไม่สามารถจะเพิ่มโทษได้มากกว่านี้อีกแล้ว แต่กลับกันพวกสัตว์ ที่ไม่มีพิษร้ายต่อผู้คน ถึงมีโทษก็ไม่ถึงตาย ฟ้าดินยังอภัยโทษได้ ผู้คนกับไม่คำนึงถึงสิ่งใดๆ จับมาฆ่าแกงทารุณกรรมอย่างโหดร้าย แล้วก็กินมันเข้าไป แทบถือเป็น เรื่องธรรมดา เฮ้อ โลกนี้ ช่างโหดร้าย ไร้เหตุผล ยังมีอะไรหนักมากยิ่งไปกว่านี้บ้างไหม
    ทุกชีวิตของสัตว์ที่มีอยู่ในโลกนี้ ตั้งแต่มนุษย์จนกระทั้งสัตว์บกสัตว์น้ำ ถึงแม้จะมีความแตกต่างกันทั้งรูปร่างและน้ำหนักแต่วิญญาณนั้นเหมือนกัน หรือจะกล่าวอีกแบบหนึ่งคือ สัตว์แม้ไม่มีรูปร่างเหมือนคน แต่ก็มีน้ำจิตน้ำใจเหมือนคน ต่างก็รู้จักรักชีวิตของตน รู้จักกลัว รู้สึกเจ็บปวด ดังนั้นคนควรมีอัธยาศัยต่อสัตว์เหมือนมีอัธยาศัยต่อคน ไม่ควรเห็นความแตกต่างจากร่างกายสังขารเป็นข้ออ้างในการแบ่งแยก ในจุดนี้อย่างน้อยที่สุดพวกเราต้องจดจำว่ามูลฐานของชีวิต ต่างก็มีชีวิตขึ้นตรงต่อฟ้าดิน ต่างก็ส่งกระแสจิตติดต่อกัน ไม่อาจที่จะดูหมิ่นเหยียดหยามกันได้ เธอลองคิดดูซิว่าเวลาเราถอดขนสักเส้นหนึ่ง เราจะรู้สึกสะดุ้งสะเทีอนไปทั้งตัว เพียงเข็มแทงอันเดียว ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของร่างกายเท่านั้น หาใช่ร่างทั้งร่างก็ไม่ นั้นก็คือ ทุกชีวิตก็มีชีวิตเหมือนตัวเราเอง เลือดเนื้อก็เหมือนกัน ความเจ็บปวดทรมานจะต่างกันอย่างไร ที่ยกย่องกันว่ามนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ มีคุณธรรมย่อมไม่มีเหตุผลพอที่จะกินสรรพสัตว์ได้ ควรจะรู้ว่า ฟ้าดินได้ให้กำเนิดชีวิตที่มีค่าและเฉลี่ยวฉลาด ตั้งชื่อว่า “มนุษย์” แล้วก็ให้กำเนิดชีวิตที่โง่เขลาเบาปัญญา ตั้งชื่อว่า “สัตว์” ทั้งสองอยู่ร่วมกัน เพียงแต่ต่างกันเหมือนกับชีวิตของคนที่มีลูกคนโต แล้วมีลูกคนเล็กถัดๆ กันไปแม้มีความต่างกันเป็นพี่เป็นน้อง แต่ก็มีเลือดเนื้อ มีความสนิทสนมดุจเดียวกัน หากแต่ว่าคนมีสติปัญญาและพละกำลัง สมบูรณ์สมกับชีวิตสัตว์ประเสริฐ พวกที่หลงงมงาย และเข้าข้างตัวเองก็ทึกทักเอาว่าสวรรค์ส่งสรรพสัตว์มาให้คนกิน คำพูดเหล่านี้มีหลักฐานอะไรถ้าอย่างนั้น เวลาเสือมันมาเจอคนเข้า มันก็กินคนเลย ก็น่าจะพูดว่าสวรรค์ส่งคนมาให้เสือกินบ้าง การดำรงชีพของคนมีธัญพืชหลายชนิด มากเกินพอสำหรับดำรงชีพ ฟ้าดินประทานให้มากมายขนาดนี้แล้ว ยังมีเหตุผลอะไรอีกหรือ ที่อาหารการกินของคนเราจำเป็นต้องพึ่งชีวิตของสัตว์อีก
    พูดถึงคำที่ว่า ทุกชีวิตคือร่างเดียวกัน ผู้คนคงรู้สึกว่าตนเองใหญ่ที่สุดแล้ว แต่ละคนก็มีร่างของแต่ละคน จะเป็นร่าเดียวกันได้อย่างไร ที่แท้แล้วในครอบครัวหนึ่งก็เหมือนร่างเดียวกันเช่น แม่ลูกเป็นต้น นี่เป็นความจริงที่แน่แท้ แต่ปัจจุบัน จะไปแลดูได้อย่างไรว่า ทุกชีวิตจะมีร่างกายอันเดียวกัน ถ้าอย่างนั้นเมื่อร่างกายของแม่เห็นลูกน้อยดีใจ แม่ก็ดีใจด้วย ถ้าหากลูกน้อยเจ็บปวดแม่ก็รู้สึกเจ็บปวดด้วย ถ้าลูกน้อยเกิดเจ็บป่วยและตายไป ถ้าเป็นไปได้แม่ก็พร้อมจะเจ็บป่วยและตายแทน ภายใต้จักรวาลนี้ คนที่เป็นแม่จะไม่นับว่าลูกน้อยและตนเอง มีร่างดุจร่างเดียวกัน ดุจเช่นผู้ที่รักบ้านรักชาติรักประเทศดุจเดียวกัน ซึ่งก็เป็นเหตุผลเดียวกับการรักมนุษย์ชาติ รักผู้คน เม่งจื้อ กล่าวว่า พระเจ้าแผ่นดิน “อู้”เห็นไพร่ฟ้าจมน้ำ ก็เหมือนกับตนเองจมน้ำด้วย พระเจ้าแผ่นดิน “เจ๊ก” เห็นไพร่ฟ้าอดอยากก็เหมือนคนเองอดอยากด้วย” พระอรหันต์ กษิติครรภ์ กล่าวว่า “ถ้าผู้คนยังไม่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ข้าก็ไม่เข้าสู่พระนิพพาน” ด้วยเหตุอันนี้ก็เช่นเดียวกับแม่ที่คอยดูแลลูกน้อย ที่มีความจริงใจ คอยเฝ้าห่วงใยประดุจมีชีวิต อันเดียวกัน ซึ่งไม่สามารถจะแบ่งแยกความสัมพันธ์อันนี้ได้ คนๆนี้ คนๆ นั้นและอีกหลายๆ คน ก็มีดวงจิตที่เหมือนกัน เพียงแต่ว่าบนร่างกายนั้น ภายใต้หนังที่หุ้มอยู่ ถ้าเอาเนื้อที่หนักไมกี่สิบกิโลกรัมออกเสียก็จะกลายเป็นว่านี่เป็นของฉันนั่นเป็นของเขา ในกรณีที่เราไม่สามารถแยกหนังออกมาได้ ถ้ามีโอกาสก็เอาส่วนที่มีคุณสมบัติเหมือนกันมารวบรวมกันเข้า จากความน้อยนิดของฉันก็เพิ่มให้มันใหญ่ขึ้นเพิ่มเข้าไปอีกเรื่อยๆ จนใหญ่คับฟ้า กลายเป็น “ฉันแท้ๆ” ไม่บกพร่องเลย สิ่งที่ต้องรู้ก็คือเมื่อเปรียบส่วนที่ใหญ่ของฉันกับความประพฤติที่สูงหรือต่ำก็รู้ว่า คนที่เลวทรามที่สุด ก็คือ คนที่เอาเนื้อไม่กี่สิบกิโลกรัมนั้นมาเป็นของฉันนั่นแหละ ดังนั้น พฤติกรรมของเขาก็จะกลายเป็นความเห็นแก่ตัวอย่างที่สุด ความชั่วร้ายขนาดไหนก็ทำมาแล้ว ความชั่วร้ายที่ฆ่าชีวิต ก็เนื่อง จากขาดความเห็นอกเห็นใจ อันสืบเนื่องมาจากความเห็นของผู้คนไม่มีร่างเป็นดุจอันเดียวกัน
    2 ไม่มีใครฆ่าใคร ก็ตามมันเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะมีขึ้น แต่ ชาวโลกมีความเห็นที่ไม่ตรงกัน
    “การฆ่า” มีคนฆ่าคน คนฆ่าสัตว์ และสัตว์ฆ่าคน 3 ชนิดแต่ผู้คนกลับเห็นว่า “คนฆ่าคน” เป็นเรื่องร้ายแรงที่สุด “คนฆ่าสัตว์” เป็นเรื่องธรรมดาที่สุด “สัตว์ฆ่าคน” เป็นเรื่องน่ากลัวและแตกตื่นมาก ข้าอยากให้พวกเราเปิดใจให้สอบถามสักหน่อยดูซิว่าน่าจะมีการแบ่งประเภทการฆ่าหรือไม่พูดออกอย่างจริงใจ โดยที่จริงแล้วคนฆ่าสัตว์นั้นดุร้ายกว่าคนฆ่าคนมาก ยังดุร้ายกว่าสัตว์ฆ่าคนด้วย เป็นเพราะอะไรหรือ เพราะว่า คนฆ่าคน อาจเกิดจากการ คดโกงทางกฎหมาย หรือไม่ก็เพื่อป้องกันตนเอง หรือไม่ก็ด้วยสาเหตุอื่นๆ สัตว์แม้จะฆ่ากันก็ยังมีขอบเขตจำกัด เช่น เสือก็ไม่อาจทำร้ายพวกนกได้ สัตว์น้ำก็ไม่สามารถทำลายสัตว์บก เป็นต้น มีแต่คนที่ฆ่าสัตว์ ฆ่าได้แม้แต่อยู่ในอากาศ อยู่ในท้องทะเลลึก ในป่าและบนภูเขาไม่มีที่ไหนที่ไม่ถูกฆ่า ทุกชนิดถูกฆ่ามาเพื่อบำเรอปากท้องทั้งสิ้น ก่อให้เกิดสิ่งน่าเศร้าสะเทือนใจ ทำให้นกไร้เพื่อน บินโดดเดี่ยว สัตว์ป่าหลงฝูง น่าสมเพชยิ่ง ลิ้นคนแลบถึงฟ้าและทะเลลึก การกระทำของคนเช่นนี้ กฎหมายก็ไม่สามารถเอาโทษได้ แต่ยังได้รับการยกย่องจากท้อง ดังนั้น เมื่อฟ้าเริ่มสางของทุกๆวัน เพชฌฆาตที่นับจำนวนไม่ถ้วน มือถือมีด เพียงไม่ถึงชั่วยาม ชีวิตของสรรพสัตว์เป็นแสนเป็นล้านต้องดับจมลง ถ้าเอาซากศพมันมากองก็จะได้ภูเขาสูงมหึมา แล้วเลือดของมันมารวมกันก็จะไหลหลั่งสามารถย้อมแม้น้ำได้ทั้งสายทีเดียวดูสภาพอนาถเวทนายิ่งนัก พวกมันทุกข์ยิ่งกว่าถูกโจรปล้มผลานล้างเมือง ฟังเสียงร้องของพวกมันสะเทือนยิ่งกว่าเสียงฟ้าร้อง ตั้งแต่เช้าจรดด่ำ จะพบแต่คมมีดกรีดเหวะท้อง ปลายมีดทีมแทงหัวใจถลกหนังถอดกระดูกถอดเกล็ด เชือดคอลอกคราบเอาน้ำร้อนต้มตุ๋น อีกทั้งเกลือเหล้าหมักดอกทั้งหอย กุ้ง ปู ปลา ฟ้าเอ๋ย น่าสงสารเจ็บช้ำยิ่งนักยากที่จะหาทางระบายออกมาได้ น่าเอน็จอนาถสุดทนได้ สร้างบาปมหันต์ จมปรักอยู่ในความแค้นนับหมื่นๆ ชาติ ซึ่งสืบเนื่องแต่ปากท้องทำให้ก่อเวรกรรมขึ้น
    3. ความมีพรหมวิหารสี่ ความจงรักภักดี ความมีสัมมาคารวะ ความมีปัญญาและความดี สัจจะเป็นสิ่งที่มนุษย์ควรมีไว้ประจำตัว คุณธรรม 5 ประการนี้ถ้ารักษาได้เป็นปกติ ก็จะไม่ละอายใจตนเองเป็นบุคคลที่สง่าผ่าเผย อันชีวิตมนุษย์ที่อยู่ภายใต้ฟ้าดินนี้ มีสังขารเล็กๆ เพียงแค่เจ็ดฟุตเมื่อยืนหยัดอยู่กับความกว้างใหญ่ของฟ้าดิน ที่แท้อาศัยกับอะไรเล่า มนุษย์ที่ยกย่องว่าเป็นสัตว์ประเสริฐพึ่งพิงอยู่กับอะไร ก็เพราะมนุษย์มีคุณธรรมห้าประการที่สามารถยืนหยัดอยู่กับฟ้าดินโดยไม่ละอายใจและไม่ละอายใจที่ยกย่องตนเองเป็นสัตว์ประเสริฐเลย แต่ทว่า ถ้าขาดศีลข้อห้ามการฆ่าสัตว์ เกิดการฆ่าชีวิตขึ้น ก็เป็นการทำลายความเป็นมนุษย์ ที่มีคุณธรรมประจำใจ เช่น ฆ่าตัวเขาเพื่อความอ้วนของตัวเรา ก็จะขาดพรหมวิหารสี่ พรากญาติขาดมิตรเขาเพื่อเลี้ยงดูเพื่อนพ้องตนเอง ก็เป็นผู้ขาดความจงรักภักดี ถ้าเอาเนื้อหนังมันมาเซ่นเจ้า ก็จะขาดคุณธรรมขัอสัมมาคารวะและที่ยกย่องว่าชะตาชีวิตล้ำเลิศ ต้องเสพกินคาวเลือด ก็เป็นผู้ที่ขาดสติปัญญา เอาเหยื่อล่อหลอกให้เหยื่อติดกับก็เป็นผู้ไร้สัจจะ เฮ้อ มันอาศัยอยู่ในโลกกิเลส ถ้าไม่รักษาคุณธรรมทั้งห้า ก็จะไร้ความเป็นมนุษย์ไป เมื่อเปรียบเทียบกับสัตว์เดรัจฉานแล้ว มันจะแตกต่างกันมากน้อยเท่าไร จิวอันลือกล่าวว่า “ความมีพรหมวิหารสี่เป็นธรรมข้อแรกของคุณธรรม ความรักเมตตาเกิดก่อนบุญกุศลทั้งหลาย” ถ้าพวกเราต้องการเป็นคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ก็ควรปลุกใจเราให้มีพรหมวิหารและการให้อภัย อะไรคือพรหมวิหาร อะไรคือการให้อภัย นั่นคือทำจิตใจเราให้เพื่อแผ่ไปยังสัตว์ทั้งหลาย คิดเพื่อมัน ถ้าหากทำได้ แม้แต่คนที่ใจคอโหดเหี้ยมก็จะรู้สึกหวั่นไหวอ่อนลงได้ เมื่อทนทำต่อสังคมไม่ได้ ก็ยิ่งทนทำต่อคนด้วยกันก็ไม่ได้ด้วย ดังนั้นตั้งแต่โบราณมาผู้ที่มีเมตตาต่อคนทั้งหลาย ย่อมต้องมีเมตตาต่อสัตว์ด้วยเช่นกัน ผู้ที่มีจิตใจรักสัตว์ก็ย่อมมีจิตใจรักคนทั้งหลายด้วย ดังนั้นจะพูดแทนสัตว์ว่า ใจที่ไม่ทนทำสิ่งเลวร้ายได้นี้ จะเห็นคนทั้งหลายดังพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน ก็จะพ้นภัยพิบัติการฆ่าฟันกัน ได้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
    ท่านลองหวนคิดดูซิ ตอนที่จะจับมันฆ่า มันตกใจกลัวขนาดไหน ถ้าบินหนีได้ก็จะบินหนี ถ้ามุดดินได้ก็จะมุด มันก็จะโทษฟ้าดินไม่ปราณีมัน เช่นเดียวกัน ถ้าเราถูกโจรจับ ขวัญหนีดีฝ่อ มันมีอะไรต่างกันเล่า มันก็น่าสงสารเหมือนกับพวกสัตว์อย่างเดียวกัน ฆ่าไก่สักตัวหนึ่ง ฝูงไก่ที่เหลือก็กลัวลาน ฆ่าหมูสักตัวหนึ่ง หมูที่เหลือไม่ยอมกินอาหาร ถ้าพวกเราถูกโจรมันขังทั้งบ้านก็จะตกใจกลัว หรือหากมีใครตายลง ญาติมิตรของเราร้องไห้ที่ต้องตายจากกัน มันก็ไม่ต่างกันใช่ไหม ให้คิดถึงทุกชีวิตตอนที่ถูกฆ่า เสียงร้องจะโหยหวนหวังจะได้รอดชีวิตมา แม้นเลือดจะหยุดหยด ลมหายใจจะขาดลง แต่เสียงร้องจะยังไม่หยุดลงทันที เหมือนกับพวกเรายามต้องโทษประหารก็หวังที่ให้เทพเจ้าช่วยเหลือให้พระคุ้มครอง จิตวิญญาณกำลังแยกจากกัน ในเสี้ยววินาทีนั้นก็ยังหวังที่จะรอดชีวิต สิ่งเหล่านี้จะมีอะไรแตกต่างกันไหม ถ้าหากคนกินเนื้อพูดว่าสัตว์ก็มันพูดไม่ได้ ถ้าเช่นนั้นพวกใบ้ก็น่าจะพถูกฆ่าด้วยใช่ไหม ถ้าพูดว่า สัตว์มันมีบาปตกต่ำลงถ้าเช่นนั้น พวกยากจนตกต่ำก็ควรฆ่าไช่ไหม โอ้ มนุษย์หนอๆชอบ โทษว่ามันเป็นสัตวืต่างประเภทต้องถูกกิน ตอนที่กินมันก็ถือว่า ฉันเก่งกว่ามัน แต่ตอนที่จะชดใช้กรรมมันก็น่าจะพูดว่ามันถูกต้องฉันนั้นผิดเอง ควรรู้ไว้ว่า คนและสัตว์ก็เหมือนกัน รักชีวิตกลัวตาย รักใคร่เพื่อนพ้อง ถ้าถูกฆ่าก็รู้สึกทุกข์ร้อนเหมือนกัน ที่ต่างกันก็คือ คนมีปัญญา สัตว์โง่เขลา คนพูดได้ สัตว์พูดไม่ได้ คนเก่งกว่าสัตว์ เช่นนี้ เป็นต้น คนถ้าหากไม่มีปัญญาก็ไม่สามารถป้องกันตัวได้ ถ้าพูดไม่ได้ก็บอกกันไม่ได้ ถ้าหากเทียบพละกำลังกัน ถ้าน้อยกว่าเรา ก็จะถือว่าแตกต่างกันอย่างนั้นหรือ ก็ควรถูกฆ่าเอามากินใช่ไหม พูดแบบนี้ไม่มีเหตุผล ผิดคุณธรรม แต่คนก็พูดออกมาได้
    ชาวโลกเมื่อประสพภัยจวนตัว ไม่มีใครที่ไม่ร้องขอให้ช่วยชีวิต จะหยุดต่อเมื่อตามองไม่เห็น ถ้าได้รับอันตรายจากมีดหรือปืนหรือพวกโจรผู้ร้าย จะไม่ตัวสั่นขวัญผวาหรือถ้าหากพบว่าโจรมันใจอ่อนลง ก็อดไม่ได้จะดีใจ แต่ก็ตกใจ เกิดบังเอิญมีคนช่วยเหลือชีวิตรอดมาได้ ก็จะรู้สึกขอบคุณจนโศกสะอึ้น จดจำบุญคุณไม่ลืมจนวันตายแต่ถ้าจับสัตว์มาได้ ความสมเพชเวทนาต่างๆ จนกระทั่งเสียงร้องอันโหยหวน ก็เหมือนกับไม่ได้ยินไม่ได้ฟังเลย น่าสมเพชคนพวกนี้ เมื่อถูกยุงกัดก็เกิดรำคาญแต่สัตว์ที่อยู่บนเขียงนั้น ก็ไม่เวทนาสงสาร แต่พอปวดหลังปวดตาเข้าหน่อย ก็รีบหาหมอหายา หรือได้รับบาดเจ็บ จากมีด เข็ม หรือไฟลวก ก็ร้องโอดโอย ขอความช่วยเหลือ รักตัวสงวนชีวิตถึงเพียงนี้ แล้วทำไมต่อสัตว์ กลับไม่ให้ความเวทนาสงสารบ้าง ฆ่าแกงได้ตามอำเภอใจเรา จะไม่พูดถึงกฎแห่งกรรม จะไม่พูดถึงการห้ามฆ่าสัตว์ของพุทธศาสนา เราพูดกฏแห่งการรักตนเอง แต่ไม่รู้ไม่มีจิตใจของความรักสัตว์ ความไม่มีเมตตาอารีย์และอภัยเช่นนี้รู้แต่ผลประโยชน์ส่วนตนเห็นแก่ตัวที่สุด สุภาพบุรุษผู้ที่รักศักดิ์ศรีของตนเองอยู่บ้าง ก็ไม่ควรประพฤติแบบนี้ ผู้คนหากอยู่ในสภาพที่โง่กว่าหรืออ่อนแอกว่า ขณะนั้นจิตใจก็อยากให้มีคนสงสาร ถึงแม้โจรจะเหี้ยมโหด เสือ หมาป่า จะโง่เขลา คนก็ยังหวังว่ามันจะเกิดความเมตตาบ้าง แต่เมื่อตนเองอยู่ในสภาพที่เหนือกว่าในตอนนั้นในเวลานั้น ก็เปลี่ยนสภาพไปอีกแบบหนึ่ง ไม่ยอมให้ความสงสารแก่ผู้ที่อ่อนแอกว่าตนล่ะ น่าหัวเราะคนเราที่กลัวคนดุร้าย แต่กลับไปรังแกคนดีๆ แก่กลัวคนดุร้าย มักไม่ค่อยรู้สึกตัว และไม่มีปัญญาไปปราบปรามคนดุร้าย ก็จับคนดีไปรังแกแทน วิธีที่ใช้กำลังที่เหนือกว่าไปรังแกคนที่อ่อนแอกว่า หรืออาศัยจำนวนคนที่มากว่าไปรังแกคนที่จำนวนน้อยกว่า จิตใจที่เลวทรามชั่วช้าเช่นนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นบ่อเกิดของการสร้างบาปก่อเวร เราเริ่มสังเกตพวกมนุษย์จากจุดนี้ ว่าแตกต่างจากสัตว์หรือไม่ บางที่มนุษย์แย่กว่ามันด้วยซ้ำไป เป็นสิ่งน่าละอายใจของมนุษย์แท้ๆ ดังนั้น ศาสดาเมื่อจะเริ่มสอนคน ก็จะเริ่มด้วยความเมตตาและให้อภัย เมตตาและให้อภัยก็คือ เอาตนเองไปเปรียบเสมือนผู้อื่น เมตตาต่อผู้คนและมีจิตใจรักสัตว์ไงล่ะ
    เมื่อไม่กี่ปีมานี้ มีข้อความที่ห้ามการฆ่าสัตว์ของสมาคม”อี่เก้ย” สาระสำคัญของข้อความนี้คือ เอาใจเราไปเปรียบใจสัตว์เพื่อน้ำใจอันดีงามที่ถูกปิดตายด้วยประตูเหล็ก บุรุษนิรนามพวกนี้ตั้งคำถามสิบข้อ ถามใจที่ถูกปิดด้วยประตูเหล็ก แรงดลใจของเขาใหญ่หลวงนัก เขาต้องการให้ประตูเหล็กเปิดออก จะได้เห็นใจอันงามอีกครั้งหนึ่ง ดังนี้
    1 ในสมัยสงคราม พวกเราต้องหนีภัยสงคราม อาศัยโชดดี ที่สุดก็รอดชีวิตมา ถ้าหากในเวลานั้น ถูกศัตรูไล่ตามเข้ามาทุกๆระยะ เมื่อรู้ว่าไม่มีโอกาสจะรอดแน่ จิตใจขณะนั้นไม่แตกตื่นผวาขึ้นมาบ้างหรือ
    2ในขณะนั้น ถ้าถูกจับได้ ลากเดินเหมือนลากหมูลากหมา รู้แน่ว่าต้องถูกฆ่า จิตใจอยู่ในสภาพอะไร ไม่แตกกระเจิงหรอกหรือ
    3ในขณะนั้น ถ้าพบคู่ชีวิต กำลังถูกโจรเชือดเฉือนเลือดไหลเนืองนอง จิตใจเราอยู่ในสภาพอย่างไร ไม่ขวัญหนีดีฝ่อหรอกหรือ
    4ในขณะนั้น ถ้าพบว่าเพื่อนฝูงญาติมิตร กำลังถูกโจรมัด หมดทางช่วยเหลือ จิตใจเราจะเป็นอย่างไร จะไม่รู้สึกสงสารเจ็บปวดบ้างหรือ
    5ในขณะนั้น ถ้าเราถูกฆ่า กำลังถูกชำแหละ เสียงร้องเจ็บปวดโหยหวน ชีวิตยังไม่สิ้น อยากให้ตายโดยเร็ว จิตใจเราขณะนั้นเป็นอย่างไร ไม่โกรธแค้นหรอกหรือ
    6ในขณะนั้น เราต้องถูกฆ่าแน่นอน เกิดมีโจรหนึ่งใจดีปล่อยเราไป จิตใจของเราขณะนั้นเป็นอย่างไร ไม่รู้สึกดีใจหรอกหรือ
    7และแล้วมีอีกโจรหนึ่ง ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนเข้ามาห้ามปรามไม่ให้ปล่อย ต้องการฆ่าเราลูกเดียว จิตใจเราขณะนั้นเป็นอย่างไร ไม่เคียดแค้นบ้างหรอกหรือ
    8อีกแบบหนึ่งคือ โจรทุกคนให้ปลดปล่อยนักโทษหมดผู้ถูกจับมาก็มีหวังรอดตายได้ แต่บังเอิญมีโจรอีกคนหนึ่งว่า พวกเรานั้นเกิดมามีเคราะห์กรรมควรฆ่าให้หมด ใจเราขณะนั้นเป็นอย่างไรไม่รู้สึกโกรธเคืองหรอกหรือ
    9ในขณะนั้น คู่ชีวิตของเรากำลังเจ็บป่วยอยู่ ที่จริงควรปล่อยตัวไป แต่มีโจรหนึ่งคัดค้านพูดว่า ป่วยหนักอย่างนี้ รอดชีวิตยาก ฆ่าเสียดีกว่าเพื่อหมดปัญหา อยากรู้ว่าใจเราขณะนั้นไม่เคียดแค้นบ้างหรอกหรือ
    10อีกอย่างหนึ่ง ในบรรดาญาติมิตรเรา กว่าครึ่งเป็นเด็กอยู่ ที่จริงควรปล่อยไป แต่มีโจรหนึ่งคัดค้านขึ้น พูดว่า ชีวิตน้อยๆอย่างนี้ ไม่ฆ่าก็ต้องตาย เอามาฆ่าแกงกินจะไม่อร่อยปากหรือ ใจเราขณะนั้นรู้สึกอย่างไร จะไม่เจ็บช้ำปวดร้าวหรอกหรือ
    เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เขาเรียกเราให้ถามใจเราเอง ด้วยข้อคิดต่างๆ ถามใจเราว่า เพื่อปากท้องของเรา ไปเชือดเฉือดจับแกงพวกสัตว์ พวกกุ้ง หอย ปู ปลา เมื่อถูกจับมาอยู่เคียงข้างหม้อน้ำร้อน มันต้องเจ็บปวดแสนสาหัส อีกไม่นานมันก็ต้องจากคู่ครอง ญาติมิตร ต้องจบชีวิตลงแสนทรมาน ปากก็พูดไม่ได้ดิ้นรนรอตาย เทียบสภาพต่างๆ ที่ตนถูกโจรจับปล้นในขณะนั้นและความนึกคิดในเวลานั้น จะมีอะไรแตกต่างกัน เอาใจเราไปใส่ใจเขาเอาใจเขามาใส่ใจเรา กับคำพูดของข้าที่ว่า บังเอิญเจอโจรปล้นฆ่าตายเสียเก้าคน รอดตายมาได้หนึ่งคน จากการปลดปล่อย แต่เกิดมีโจรหนึ่งขัดขวาง ในที่สุดก็ต้องถูกฆ่า สภาพต่างๆที่เกิดขึ้น นึกคิดดูว่าเหมือนกับตอนนี้หรือไม่ สุดท้ายนี้ขอพูดว่า
    พวกเราทุกคน ภาวนาห้ามฆ่าสัตว์ไม่ใช่ขอบุญ ไม่ไช่หลีกเลี่ยงภัย คือเพื่อตัวเองรู้เจ็บกลัวตาย ใจนี้ยากก็จะปกปิด พูดแทนสัตว์ ให้เปรียบเทียบตัวเรา คิดไปคิดมาไม่อาจทนได้ ใจนี้ทำไม่ได้จริงๆ ใจอันประเสริญของเรานี้ ควรตื่นจากภวังค์ได้แล้ว
    4ถ้าหากชาวโลกยังไม่ทำใจให้งดฆ่าสัตว์ได้ ก็ควรจะพิจารณาดูสัตว์ที่ถูกปล่อยรอดชีวิตมาได้ ก็เหมือนกับตัวเองสามารถรอดชีวิตมาได้ ก็ดุจเช่นเดียวกับสรรพสัตว์ที่ไม่ต้องแตกตื่นตกใจหากเป็นไปได้วันหนึ่งๆ 24 ชั่วโมง คิดแต่จะปล่อยชีวิต โดยไม่คิดลังเล อย่าให้สัตว์ต้องถูกขังนานจนทนไม่ไหว อย่าได้ไหว้วานผู้อื่น เดี๋ยวจะได้รับอันตราย และอย่าได้กำหนดวันเวลา เพราะจะมีผู้คอยดักจับสัตว์ และอย่าได้กำหนดสถานที่ เพราะมีคนคอยสืบรู้ไปคอยดักจับ เอาเป็นว่าเมื่อตาได้พบเห็น ก็ซื้อปล่อยทันที ปล่อยไป โอกาสเกิดของสัตว์ก็มากขึ้น ทุกชีวิตอยู่อย่างสันติ ไม่เพียงแต่ในโลกนี้เท่านั้น แม้แต่ทุกตารางนิ้วของภายในของเรา โดยอย่าคิดว่าฆ่าชีวิตเพียงเล็กๆ แล้วจะไม่เป็นไร อย่าคิดว่าการปล่อยชีวิตน้อยๆก็ไม่มีประโยชน์อะไร อย่าคิดว่ายุ่งยากลำบาก จงคิดถึงแต่กุศลท่าเดียว และอย่าเป็นเพราะราคาสูง เลยละทิ้งการสร้างกุศล ควรรู้ไว้ว่าชีวิตหนึ่งก็ไม่ใช่น้อย แม้สรรพสัตว์ชีวิตก็ไม่ใช่มาก แม่มด ยุงชีวิตก็ไม่ใช่เล็ก วัวควายก็ไม่ใช่ชีวิตใหญ่ เงินเหรียญเดียวก็ไม่พอเพียง แม้เงินหมื่นแสนก็ไม่ใช่มาก ขอเพียงจิตใจตนเองมีจิตตั้งมั่นแน่วแน่ เราควรตระหนักถึงชีวิตอันละเอียดอ่อน ย่อมถูกฆ่าได้ง่ายขึ้น ดังนั้น เมื่อตนเองงดการฆ่าสัตว์แล้วยังต้องใช้วาจาสุภาพมาตักเตือนเพื่อนจฝูงพี่น้อง ทำให้ทุกคนมีจิตเวทนา ก็จะเป็นการสร้างบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ โดยใช้ปากเท่านั้น
    ผู้คนมักพูดว่า ใจดีก็พอแล้ว ทำไมต้องกินเจอีกเล่าอยากถามว่าฆ่ามันแล้วกินเนื้อของมัน ภายใต้ฟ้าดินนี้ยังมีใครโหดเหี้ยม อำมหิตเกินกว่านี้อีกบ้างไหม แล้วใจดีที่แท้อยู่ที่ไหนกันมือสังหาร แน่นอนที่เดียวเราต้องเกลียดเขาเป็นพิเศษ แต่ว่าเมื่อแลเห็นก้อนเนื้อในมือสังหาร ก็ทำให้น้ำลายหกอยากจะกินขึ้นมาแล้วแล้วก็พากันพูดว่าชีวิตคนเรามันหลีกเลี่ยงไม่ได้ หรือคิดแต่ว่าจะเอาบาปกรรมป้ายให้เขาไป ข้าขอเพียงแต่อร่อยปากอิ่มท้องก็พอแล้วทำไมไม่คิดว่าผู้ซื้อถ้าเลิกกินเนื้อแล้ว ผู้ขายก็ย่อมจะหยุดฆ่าลงเองควรจะรู้ด้วยว่าฟ้าคิดได้บันดาลให้อาหารแก่คนนั้น มีทั้งข้าวต่างๆผลไม้และผัก ทั้งบนบกและในน้ำก็มากเกินพอ มนุษย์ก็ยังสามารถหาวิธีต่างๆ ในการปรุงแต่งรสได้อีก มากเกินพอเสียด้วยซ้ำ ทำไมยังต้องฆ่าแกง สัตว์ที่มีเลือดเนื้อเช่นเรา ซึ่งมีชีวติที่มีความรู้สึกอย่างเดียวกันจับมากิน เพื่อความอร่อยปากชั่วประเดี๋ยวเดียว เพียงวางช้อนส้อมลงรสชาตก็หมดไป แต่บาปกรรมนั้นคงอยู่ ซึ่งไม่ควรทำผิดแบบนี้เลย ผู้คนเสียเงินเป็นหมื่นเพราะรสชาติ เพียงขยับนิ้วหลายพันชีวิตก็จบลง หากเอาอาหารเจมาแทนเนื้อ ก็จะแทนการตายได้มาก ผลได้กับผลเสียนี้ ไม่อาจคำนวณได้ถูกต้องเลย
    ถ้าหากกินเจกันจริงๆ ใจของเราก็จะมีความสงบสุขอย่างไร้ขอบเขต ทั้งยังคุณประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างยิ่ง ไม่กี่ปีมานี้แต่ละประเทศมีผู้หันมานิยมบริโภคกันมาก สาเหตุเนื่องมาจากวิทยาการก้าวหน้า มีการค้นคว้าคุณค่าในการบริโภคอาหารเจ กับอันตรายที่เกิดจากการบริโภคเนื้อสัตว์ ซึ่งมีหลักฐานที่จะพิสูจน์ได้และมีข่าวร้ายต่างๆ ที่จะแจ้งให้ทราบ ชีวิตของแต่ละบุคคลย่อมรักและหวงแหน ดังนั้น การกินอาหารเจเริ่มถือเป็นเรื่องธรรมดาความนิยมการกินอาหารเจนี้ที่ประเทศอเมริกาตื่นตัวมากที่สุด การกินอาหารเจนี้มีการอธิบายและแสดงความเห็น ถึงแม้จะไม่เด็ดขาด แต่ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยการบริโภค ไปในแง่ดีของสังคม ถึงแม้ชีวิตจะต้องดับลง เราก็ต้องยึดหลักไว้โดยไม่ยอมบริโภคเนื้อสัตว์และก็ไม่ได้ขึ้นกับที่ว่าจะถูกหลักอนามัยหรือไม่ถุกหลักอนามัย มาเป็นข้ออ้างในการบริโภคเนื้อสัตว์หรือไม่ ผิว่าการวิจารณ์อย่างหนักแน่นต่อพลานามัยของการบริโภคเนื้อสัตว์มีโทษอย่างแน่นอน และการบริโภคผักมีประโยชน์อย่างแน่นอนแช่นกัน ดังนั้น การห้ามฆ่าสัตว์ก็มีพื้นฐานที่ได้จัดตั้งขึ้นแล้ว เสียงโศกเศร้าโหยหวนของสัตว์ที่ถูกฆ่าได้สะท้านสะเทือนจิตคนได้ง่ายที่สุด ในหลักวิทยาศาสตร์ได้มีการพิสูจน์ถึงผลร้ายในการบริโภคเนื้อสัตว์ ข้าใคร่นำเอา “พิษ”ต่างๆในการบริโภคเนื้อสัตว์มาอธิบายเป็นข้อๆ ดังนี้
    ข้อที่ 1 นักวิยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส นายชารส์ ค้นพบว่าภายในเนื้อของสัตว์ มีสารพิษอยู่ชนิดหนึ่ง ตอนที่สัตว์ได้รับความเจ็บปวดทรมาน ก็จะเพิ่มสารพิษมากขึ้นเป็นลำดับ แล้วก็จะแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ถ้าหากเรากินเนื้อชนิดนี้แล้ว ก็จะได้รับอันตรายอย่างมาก มีนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกา ชื่อว่า ไอด์ มาไคร้ กล่าวว่า”ตอนที่ร่างกายคนเรามีอารมณ์เปลี่ยนแปลงขนาดหนักอยู่นั้น ก็จะมีสารหลายชนิดระบายออกจากร่างกาย เช่น ตอนที่มีโทสะโกรธอยู่นั้นเหงื่อที่ไหลออกมา ก็จะมีสีแตกต่างจากเหงื่อที่ไหลตอนที่ร่างกายกำลังโศกเศร้า แม้แต่ลมหายใจที่เป่าลมหายใจเข้าไปในหลอดแก้วที่แช่เย็น แล้วสังเกตดูพบว่า ตอนที่เขาที่ร่างกายปกติ ก็จะมีหยดน้ำที่ปราศจากสี แต่ตอนที่กำลังโกรธจัดๆ หยดน้ำที่ได้ก็ไม่เหมือนกันหลังจากเป่าลมเข้าไปในหลอดแก้วได้ห้านาที หยดน้ำก็ได้จะมีสีและสารขุ่นๆ นั่นก็แสดงว่า ตอนที่ร่างกายมีอารมณ์โกรธ ก็จะมีสารบางชนิดเกิดขึ้น เขาก็เลยใช้วิธีดังกล่าว ทดลองสภาพของจิตต่างพบว่า ตอนที่จิตใจโกรธก็จะมีสารสีฝ้ามัว ในขณะเศร้าเสียใจร่างจะขับสารสีเท่าขาว และขณะเจ็บแค้น ร่างกายจะขับสีเขียวไผ่ออกต่อมาเขาก็ได้ทดลองต่อไป พบว่า ถ้าเอาสารฝ้ามัวที่อารมณ์โกรธของนาย ก. ฉีดเข้าไปให้นาย ข. หรือสัตว์ทดลอง นาย ข จะมีอารมณ์โกรธขึ้นมาแน่นอน สัตว์ก็จะแสดงอารมณ์โกรธขึ้นทันทีเช่นกัน เขาเอาสารที่เป่าออกจากคนที่มีอารมณ์เศร้าเสียใจ ฉีดทดลองต่างๆ พอสรุปได้ดังนี้ ถ้าร่างกายมีอารมณ์เคียดแค้น จะสูญเสียพลังงานไปมากทีเดี่ยว ถ้าสารพิษที่ปะปนกันยิ่งมีหลายชนิดพิษร้ายก็ยิ่งมีมาก ในขณะที่ทารกกำลังดูดนมมารดา ประเหมาะมารดาเกิดมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ภายหลังดูดนม ทารกน้อยจะเกิดอาการไม่สบาย เจ็บป่วยลง อันนี้ก็สืบเนื่องจากการนอน ด้วยเหตุฉะนี้ เนื้อสัตว์ย่อมเกิดความเคียดแค้นและเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ย่อมมีสารพิษขึ้นและเจือปนอยู่ในเนื้อย่างแน่นอนกินเข้าไปแล้วจะมีอะไรบำรุงอีกหรือ อันตรายจริงๆ
    ข้อที่2ปัจจุบัน วิทยาศาสตร์การแพทย์ ค้นพบว่า ภายได้กล้องจุลทรรศน์ที่ส่องลงบนเนื้อสัตว์ จะพบจุลชีพชนิดต่างๆจุลชีพร้ายเหล่านี้เมื่อเข้าไปในร่างกาย ก็มีผลไม่น้อยต่อร่างกายอย่างเบาๆ ก็ทำให้เกิดความเจ็บป่วย อย่างหนักๆ ก็ถึงแก่ชีวิต ในเนื้อหมูเนื้อวัวมีเชื้อหนอนเป็นเส้นๆอยู่ไม่น้อย ดังนั้นจากการสำรวจของประเทศสหรัฐอเมริกา เชื้อหนอนเส้นของคนที่เป็น ได้ติดมาจากเนื้อหมูและเนื้อวัว 90% และยังตรวจพบว่าวัวควายที่เป็นโรคปอดมีกว่าครึ่ง และสาเหตุคนเป็นโรคปอดก็ติดมาจากเนื้อวัวเป็นส่วนใหญ่ในโรค
    ท้องเสีย(อหิวาต์)เชื้อนี้ได้รับจากเนื้อหมู ในประเทศอังกฤษมีโรคลม อาการปวดมาก สมัยก่อนคิดว่ามาจากพิษเหล้า แต่ปัจจุบันพบแล้วว่ามาจากบริโภคเนื้อสัตว์มาก และยังพบอีกว่า พวกบริโภคเนื้อมักเป็นโรคเบาหวาน การสูบฉีดของเลือดไม่ดี เป็นผลทำให้สมองผิดปกติ ซึ่งทำให้เกิดการช้อดขึ้น เป็นลมหมดสติไป การบริโภคเนื้อได้ลดสารต่อต้านโรคมะเร็ง จึงเกิดเป็นมะเร็งกันมาก บริโภคเนื้อ ดื่มเหล้ามากไป เกิดโรดไตอักเสบได้ง่าย เอาเถอะ ข้าจะไม่พูดเรื่องการแพทย์กับท่านมากนัก ข้าเพียงแต่อยากให้พวกท่านได้รู้ว่า ปัจจุบันมีความจริงมีหลักฐานที่พิสูจน์กันได้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าการบริโภคเนื้อมีโทษอย่างแน่นอน มิใช่พูดลอยๆ โดยไม่มีหลักฐานในฤดูร้อนเนื้อก็เน่าเสียได้ง่ายเนื้อกระป๋องก็เสียง่ายเช่นกันพูดไปพูดมาไม่พ้นกินเนื้อมีอันตรายมาก ซึ่งเป็นเรื่องพื้นๆ ไม่จำเป็นต้องพูดมาก เนื้อที่เกิดหนอนขึ้นเป็นประจำนี้ ก็เข้าไปในปากของเราทุกๆวัน ระวังเถอะ สักวันหนึ่งก็จะเจอดีขึ้น น่ากลัวจริงๆ
    ข้าจะพูดเกี่ยวกับการกินเจอีกครั้งหนึ่ง การกินการดื่มมีปัจจัยที่สำคัญคือ เพื่อการดำรงชีวิต ดังนั้นอาหารที่เรารับประทาน จำเป็นต้องสรรหาสิ่งที่มีคุณค่าด้านพลังงาน สิ่งควรรู้ก็คือพลังงานที่ได้เป็นพลังงานจากดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นพลังงานความร้อน ภายใต้ฟ้าดินนี้ก็มีเพียงธัญพืชที่เติบโต ภายใต้แสงอาทิตย์สามารถดูดซึมพลังงานได้มากที่สุด และสามารถให้พลังงานได้สูงสุดก็คือพืชพวกให้เมล็ด ถ้าหากเราแยกธาตุต่าง จากเนื้อสัตว์ เราจะพบกรดอะมิโน แลตโต๊ดและเกลือแร่ต่างๆ พวกพืชที่ให้เมล็ด เช่น ข้าว ข้าวสาลี และถั่วต่างๆ ก็มีธาตุต่างๆ เหล่านี้อยู่ครบถ้วน แถมยังมีกรดอะมิโนซึ่งเป็นพวกโปรตีน ถึง 40% มากกว่าในเนื้อสัตว์เสียอีกซึ่งมีเพียง 20%เท่านั้น โปรตีนในเนื้อสัตว์ย่อยลำบาก เนื่องจากโครงสร้างประกอบการขึ้นเป็นเนื้อของสัตว์ และมีคุณค่าด้อยกว่าในการให้ความเจริญเติบแก่ร่างกาย เมื่อเปรียบเทียบความใหม่เก่า ดีเลว ระหว่างโปรตีนของพืชกับเนื้อสัตว์แล้ว ท่านก็จะเห็นได้อย่างกระจ่างชัดอาหารการกินของเราที่จริงควรเลือกจากใหม่สดมิใช่หรือ ภายใต้ฟ้าดินนี้ การเจริญเติบโตของธัญพืชอาศัยแสงอาทิตย์ ฝนฟ้าซึ่งบริบูรณ์ พอในการเลี้ยงชีวิต ไม่จำเป็นต้องไปกินของเก่าที่เน่าเปื่อยง่าย และไร้คุณค่าอย่าเนื้อสัตว์นั้นเลย
    ถ้าหากเปรียบเที่ยบการกินเจกับกินเนื้อ แล้วละก็ เราจะเห็นความแตกต่างได้หลายๆอย่าง เช่น คนกินเจจะมีอายุยืนยาวกว่า พวกกินเนื้อสัตว์จะอ่อนแอง่าย การบริโภคเนื้อสัตว์ก่อให้เกิดกามราคะมากกว่าการกินเจ พวกกินเจจะมีประสาทที่สดชื่น การบริโภคเนื้อประสาทจะขุ่นเครียดผู้กินเจจะมีสมองที่ฉับไว ส่วนผู้บริโภคเนื้อสมองจะทื่อทึบ กินเจจะมีพลังวังชายาวนาน เลือดจะสดใส ทำให้มี่ความต้านทานโรค ผู้บริโภคเนื้อ พลังวังชาจะน้อยและสั้น เลือดจะขุ่นข้นละให้เจ็บป่วยง่าย ในการแข่งขันกีฬานานาชาติ ผู้ที่ได้รับชัยชนะส่วนใหญ่จะเป็นผู้บริโภคพืชผัก ซึ่งก็เป็นหลักฐานยืนยันได้ เราจะพบว่าผู้ที่สามารถตั้งตัวได้ ไม่ว่าส่วนบุคคลหรือส่วนรวม ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ไม่มีเลือดร้อน อารมณ์รุนแรง คนโบราณกล่าวได้ดีว่า “ผู้บริโภคเนื้อคนชั้นต่ำ” ถ้าหากเราจะเป็นคนที่มีสง่าราศีดีละก็ ต้องขจัดการบริโภคเนื้อคนชั้นต่ำ” ถ้าหากเราจะเป็นคนที่มีสง่าราศีดีละก็ ต้องขจัดการบริโภคเนื้อเสีย หันมากินเจ มันไม่เพียงแต่มีประโยชน์สูงสุดต่อร่างกายเท่านั้น มันยังก่อให้เกิดสันติสุขอันไร้ขอบเขตของจิตใจด้วย
    5 ตอนนี้เป็นบนสุดท้ายแล้ว ข้าเป็นพุทธศาสนิกชน ข้าใคร่ขอวิจารณ์เกี่ยวกับศีลข้อห้ามการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต มิใช่มีเพียงแต่ศาสนาพุทธเท่านั้น มันเป็นหลักชัยสำคัญที่มีอยู่ในธรรมของหลักศาสนาอื่นทั้วๆไป เป็นหลักปฏิบัติ ที่สำคัญของมนุษย์ธรรมด้วยศาสนาพุทธมีข้อห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิต มีเหตุผลที่เคร่งครัด ไม่ว่าศีล 5 ศีล8 ศีล10 หรือ ศีล 227 หรือศีลโพธิสัตว์ ต่างก็มีศีลห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเป็นข้อแรกด้วยกันทั้งนั้น ถ้าพร้อมที่จะก่อกุศล ต้องเริ่มจากศีลข้อนี้ อันว่าผู้คนในโลกนี้ทุกๆ คนก็ล้วนแล้วแต่บริโภคเนื้อกันทั้งนั้น และก็ไม่ได้รับโทษเพิ่มเพิ่มอะไรเลย จะไปกลัวอะไรกัน เฮ้ยคนที่มีใจแบบนี้ ก็ไม่ต้องไปถามอะไรเขาอีกแล้ว ลองพิจารณาจากพื้นจิตของพวกเขา ถ้าหากปล่อยปะละเลยศีลข้อนี้ เรื่องเกี่ยวกับชีวิตก็ไม่อยู่ในสายตาเช่นกัน แน่นอนเราต้องเข้าใจ การห้ามฆ่าและการคุ้มครอง ซึ่งต้องมีอยู่ในทุกตารางนิ้วของจิตใจ โดยไม่ต้องคำนึงว่าข้างนอกจะมีกฎการห้ามฆ่าหรือไม่ หากไม่ถือโอกาสนี้ทดสอบพื้นจิตคน ให้แผ่เมตตาจิตออกไปละก็ สักวันหนึ่งโอกาสนี้จะสูญเมื่อถึงเวลานั้น หน้าตาเปลี่ยนไป(เกิดเป็นสัตว์) แม้จะมีร่างกายก็จะทำอะไรได้ แม้จะมีหูมีตาก็ไม่สามารถจะเห็นจะได้ยินได้ แม้มีความในใจก็ไม่สามารถจะเปิดเผยออกมาได้ ท่านทั้งหลาย อย่าคิดว่ามีอายุยืนได้ถึงร้อยปี ชั่วพริบตาก็จะเปลี่ยนชาติกำเนิด คิดแล้วใจหายทุกคนรู้เพียงว่าชาตินี้ข้าเกิดมาเป็นคน หารู้ไม่ว่าชาติที่แล้วมาได้เกิดเป็นสัตว์อื่นประเภทไหนบ้าง แล้วชาติต่อไปข้างหน้าจะไปเกิดเป็นอะไรอีกเล่า ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงกล่าวว่า “สัตว์ที่ถูกฆ่าตายในชาตินี้ก็เป็นญาติมิตรของข้าในชาติก่อน” กล่าวอย่างเชือดเฉือดที่สุดมิได้กล่าวเท็จ พุทธพจน์ที่ว่า “คนมีความคิดความจำดุจผืนนา กุศลและอกุศลที่เกิดขึ้นเป็นเมล็ดพันธุ์ หากมีจิตคิดฆ่าเกิดขึ้น เมล็ดพันธุ์นี้ก็จะฝังเข้าไปในผืนนาแห่งความคิดความจำ กลายเป็นเคราะห์กรรมที่ต้องเวียนเกิดเวียนตายไปตลอด” สรรพสัตว์ที่ถูกฆ่า ก็จะเกิดความเคียดแค้นขึ้น ก็จะถูกฝังเข้าไปในผืนนาแห่งความคิดความจำนี้ กลายเป็นเวรกรรมที่เคียดแค้นไปตลอด ไม่มีสิ้นสุด ชาติแล้วชาติเล่า ด้วยกฎแห่งกรรมนี้ จะตามล้างตามสนองซึ่งกันและกัน โดยไม่มีเวลาที่จะสิ้นสุดลง พระแห่งสระปทุมกล่าวว่า “ข้าร้องต่อผู้คนว่าไม่กล้าบังคับเจ้ากินเจ แต่จะเตือนเจ้าห้ามฆ่าสัตว์ ครอบครัวที่ไม่ฆ่าสัตว์ เทวดาคุ้มครอง เคราะห์กรรมลบล้างไป อายุยืนยาว ลูกหลานกตัญญู ทุกสิ่งเป็นศิริมงคล ซึ่งไม่อาจกล่าวได้หมด คำพูดที่กล่าวมานี้ไม่ใช่เอาใจคน ความจริงเป็นกฎแห่งกรรม อะไรคือกฎแห่งกรรม ข้าจะกล่าวเป็นการปิดท้ายรายการนี้
    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นผลของกรรมเกี่ยวข้อง การเกิดการตายในชีวิตของคนเรานั้น บุญมากหรือบุญน้อยเจริญรุ่งเรืองหรือเสื่อมลง อยู่ในประเทศหนึ่งหรือที่ที่หนึ่งที่เจริญหรือเสื่อมลง มิใช่เกิดขึ้นโดยการบังเอิญ และไม่ใช่เกิดจากการว่างเปล่า ตังคนโบราณกล่าวว่าสั่งสมบุญกุศลเป้นศิริมงคลเหลือล้น สั่งสม อกุศลรับเคราะห์กรรมเหลือล้น คำว่า สั่งสม กับเหลือล้นก็เป็นธรรมะของกฎแห่งกรรมแล้ว ธรรมข้อนี้กับกฎการคำนวณเหมือนกัน หนึ่งบวกหนึ่งต้องเป็นสอง สามคูณสามย่อมได้เก้า ซึ่งได้ผลลัพธ์ที่แน่นอนเมื่อมีเหตุ ดังนี้ ก็ต้องมีผลดังนี้ เนื่องจากเหตุที่มีอยู่ผลที่ได้ย่อมปรากฏปริมาณของผลที่ได้ย่อมสมดุลย์กับเหตุที่มีอยู่ ด้วยเหตุผลง่ายของกฎแห่งกรรมนี้หวังว่าผู้คนคงเข้าใจ เหตุและผลที่สับสนก็ไม่อาจเข้าใจได้ เหตุอันหนึ่งที่ปลุกลงไปไว้แล้ว เมื่อถึงเวลาหากไม่ สนองตอบมาให้นั้น ย่อมต้องมีเหตุการณ์อื่นสร้างไว้ปะปนเข้าไป แต่ก็ไม่พ้น การสนองตอบให้เช่นเดียวกัน ทำให้เหตุและผลอันนี้ไม่ใช่เหตุผลอันเดียวกัน แต่กลายเป็นเหตุและผลหลายๆ อันสับสนกันเท่านั้นแหละ การเปลี่ยนแปลงสับสนร้อยแปดของคนในโลกนี้ กับการเปลี่ยนแปลงร้อยแปดของใจคนนั้น มีการเกี่ยวพันสนองตอบซึ่งกันปรากฏขึ้น เนื่องจากเหตุการณ์ความนึกคิดของจิตใจคนนั้น ไม่เคยหยุดยั้งเลย จึงเกิดมีผลดีและผลร้ายสนองตอบซึ่งกันและกัน ดังนั้นกรรมดีหรือกรรมร้ายที่สนองตอบก่อนหลัง ล้วนมาจากเหตุการณ์กระทำที่เปลี่ยนแปลงจะเปลี่ยนตามไปด้วย เหตุของกรรมเมื่อมีโอกาสเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ผลการตอบสนองก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ถึงแม้การเปลี่ยนแปลงนั้นจะมีการสับสน แต่เหตุและผลเปรียบเสมือนเจ้าหนีมาทวงหนี้ ฝ่ายใดมีกำลังกว่าก็ดึง เอาไปก่อนเท่านั้น ดังคำที่ว่า ชั่วหรือดียอมตอบสนองในที่สุด เพียงแต่จะเร็วหรือช้าเท่านั้น เหมือนปลูกแตงย่อมได้แตง ปลูกถั่วย่อมได้ถั่วเป็นสิ่งแน่แท้ที่สุด
    เนื่องจากพระพุทธเจ้ามีทิพย์เนตร ส่องได้ทั่วทุกทิศแจ้งทะลุทั้งสามโลก ไม่มีสิ่งใดบดบัง จึงกล่าวว่าการตอบสนองตามกฏแห่งกรรมล้วนยึดหลักที่แท้จริง เนื่องจากพระพุทธเจ้าทรางแลเห็นอย่างนั้น เนื่องจากได้หลุดพ้นจากกาลสมัย ไกลสุดถึงความเป็นมาของเคราะห์กรรมเห็นได้ชัดเจนเหมือนเราแลเห็นสิ่งของต่างๆ ต่อหน้าต่อตา แต่ตาเนื้อของเราเห็นเพียงสิ่งของที่วางอยู่ต่อหน้าเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถเห็นเหตุผลที่อยุ่เหลือกาลเวลา ตาเนื้อแลเห็นสิ่งของ ไม่ว่าจะชัดเจนเพียงไร ถ้ามีกระดาษมาคั้นกลาง ก็ไม่สามารถเห็นของได้อีกแล้ว อย่าว่าเหตุผลที่อยู่เหนือกาลเวลาเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เนื่องจากสรรพสัตว์อยู่ในวัฏฏสงสาร เวียนตายเวียนเกิดติดต่อกันไป ความจำกัดก็เปลี่ยนแปลงไปขันต์ห้าบดบัง เหมือนกระดาษบังตา รู้แต่ชาตินี้ชาติที่แล้วหารู้ไม่เราควรรู้ว่า ปัญญากับความรู้นั้นต่างกัน ปัญญาเกิดจากบรรลุฉับพลันฉายส่องไม่มีบดบัง เหมือนกระดาษบังตา รู้แต่ชาตินี้ชาติที่แล้วหารู้ไม่เราควรรู้ว่า ปัญญากับความรู้นั้นต่างกัน ปัญญาเกิดจากบรรลุฉับพลันฉายส่องไม่มีบดบัง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ไม่มีที่ไม่รู้เรื่องของความรู้จะเป็นเรื่องที่มีขอบเขต เป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถจะตรึกตรอง นึกคิด ซึ่งคนธรรมดาสามารถมองเห็น จับต้องได้ และคิดถึงได้ ปัจจุบันนี้ ความรู้ทั้งหลายนี้ เช่น วิทยาศาสตร์ วิชาปรัชญา เราเป็นพุทธศาสนิกชนที่ศรัทธา ไม่มีข้อขัดแย้ง ยังต้องยินดีส่งเสริมด้วยซ้ำถ้าหากคิดจะเอาความรู้ มาตำหนิพุทธศาสนา ดีคุณค่าของพุทธพจน์ หรือกล่าวร้ายต่อพระธรรมซึ่งไม่สมควรและไม่มีความสามารถด้วย พวกเราเข้าใจหลักของวิทยาศาสตร์ ซึ่งหนักไปทางด้านพิสูจน์ได้จึงจะเชื่อถือ แล้วเอาวิธีการอะไรพิสูจน์ล่ะ ก็คงไม่พ้นอวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าไปพิสูจน์ใช่ไหม วิธีพิสูจน์จะละเอียดแค่ไหนก็ไม่พ้นที่จากอวัยวะทั้งห้านี้ ขอถามหน่อยเถอะว่า อวัยวะทั้งห้านี้เชื้อถือได้แค่ไหน ตัวอย่างอุจจาระ คนจะรู้สึกเหม็นจนไม่อยากเข้าใกล้ แต่สุนัขสามารถกินได้ จะพบว่าลิ้นที่ใช้ชิมรสก็ไม่สามารถเป็นมาตรฐานมีความสามารถไหม ที่เหลืออีกมากมายก็เช่นเดียวกัน เมื่อมองดูแล้ว คำถามคำตอบของวิทยาศาสตร์ ก็ล้วนอาศัยอวัยวะทั้งห้าไปถอยหลังมาพูดว่า เชื่อถือวิทยาศาสตร์ที่ค้นคว้ามานั้นเป็นสิ่งที่แน่แท้แต่ว่าฟ้าดินกว้างใหญ่ไพศาล สภาพของคนนั้นเล็กจนไม่อาจเทียมกันได้ ยิ่งความคิดเห็นของที่มีมายิ่งมีขอบเขตจำกัดเหลือเกิน แถมด้วยความคิดเห็นอันจำกัดแค่นี้ ยังยึดมั่นเชื่อถือไม่ได้ด้วย ฉะนั้นจึงต้องใช้ปัญญาธรรมจึงจะยืนยันได้ และให้ความสว่างแจ้ง ถึงกฏเกณฑ์ ของทุกอย่างในโลกที่เกิดขึ้นมา หากใช้เอาแต่ความรู้ จะทำไม่ได้แน่นอน
    ยังมีคนอีกจำนวนหนึ่ง ที่ไม่ยอมเชื่อกฎแห่งกรรม ก็ยังคงยึดถือหลักของวิทยาศาสตร์ ที่ต้องพิสูจน์ได้จึงจะเชื่อ แต่ถ้าพูดถึงการพิสูจน์ ไม่ควรเพียงพิสูจน์โดยหูและตาเท่านั้น ควรจะเชื่อผลพิสูจน์จากส่วนรวมที่กว้างใหญ่ หลักฐานก็ควรเอาคำกล่าวอ้างของนักปราชญ์ ตั้งแต่โบราณจนถึงนักปราญ์ปัจจุบันมาเป็นหลักฐานถึงจะถูกต้อง ตั้งแต่แต่โบราณมามีหลักฐานมากมายก่ายกองให้เราได้เห็นถ้าหากยังเหลือข้อสงสัย ยังต้องรอให้ตนเองไปพิสูจน์ค้นพบแล้วจึงจะเชื่อ แม้จะมีหลักฐานยืนยันแล้วก็ยังมีข้อมูลสงสัยไม่ยอมเชื่องั่นหรือพระอิ้งกวงกล่าวว่า “การสนองของกฏแห่งกรรม มีมากมายในคัมภีร์ น่าเสียดายที่นักปราชญ์ไม่ยึดถือเป็นเรื่องเกิดเรื่องตาย ดังนั้นการได้เห็นต้องมีหลักฐานจึงจะยอมเชื่อถือ ส่วนพวกที่มีบาปหนัก ถึงแม้มีหลักฐานก็ตาม ก็ยังไม่เชื่อถือ แต่จะเชื่อหรือไม่เป็นเรื่องแต่ละคน หลักฐานก็ยังเป็นหลักฐาน กรรมตามสนองเป็นของจริงที่แน่แท้ ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อ แล้วไม่ยอมรับ แล้วจะสามารถเปลี่ยนแปลงกฎเกณท์ได้ ชาวบ้านส่วนใหญ่เห็นเป็นเรื่องยุ่งยากเฉพาะหน้าในที่สุดก็ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงผลกรรมที่ก่อไว้ได้ น่าอนาถจริงๆ
    อรหันต์จี้กง ทุกคนได้ฟังเรื่องราว “ความเจ็บปวดของสัตว์” แล้ว คิดว่าใจคงเกิดความสงสารเวทนาต่อสัตว์ที่มีเลือดเนื้อและชีวิตเช่นเรา ยิ่งเพิ่มความรักต่อสัตว์มากขึ้น การฆ่าสัตว์มากเป็นสิ่งที่ไม่ดี ปัจจุบันวิทยาศาสตร์ก้าวหน้า การแพทย์เจริญมาก ในห้องผ่าตัดเต็มไปด้วยเครื่องมือผ่าตัด ทุกๆวันจะมีผู้ป่วยรอการผ่าตัดมากมาย พวกที่ถูกผ่าตัดมาแล้วน่าที่จะเห็นใจพวกสัตว์ พวกทีศัลยกรรมในรูปแบบต่างๆกัน เหล่านี้ล้วนเกิดจากฆ่าสัตว์ ตัดชีวิตมากเกินไปเมื่อชาติที่แล้ว เลือดไหลหลั่งเต็มไปหมด ดีที่มีการฉีดยาชาหรือวางยาสลบ มิฉะนั้นแล้ว ภายใต้คมดาบ ขี้เยี่ยวคงไหลราดพวกวิญญาณอาฆาตแค้น จะเฝ้ารออยู่ข้างเคียงตบไม้ตบมือแสดงความพอใจ ร้องไชโยว่า “สะใจจริงๆ” อันนี้ก็ไม่ต่างไปจากผู้คนในโลกนี้ที่ฆ่าสัตว์ด้วยความยินดี เพื่อปากท้อง มุมหนึ่งดีอกดีใจอีกมุมหนึ่งเศร้าโศกเสียใจ เป็นฉากชีวิตที่ไม่แตกต่างกันเลยใช่ไหม
    พระโพธิสัตว์ ท่านอรหันต์กล่าวถูกต้อง ในยุดของไพร่ฟ้าหน้าใสนี้ นอกจากพวก “ร่างกายอ่อนแอขี้โรค” แล้ว ยังมีพวก”ร่างกายแข็งแรงก็ขี้โรค” อีกเช่นกัน ถึงพวกเขาจะมียาดีรักษาโรคครั้งเดียวหายก็ตาม ก็เกิดโรคใหม่ขึ้นอีก หรือไม่ก็ได้รับทุกข์ทรมานจากการผ่าตัด สิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็ล้วนเกิดจากชาติก่อนฆ่าสัตว์ ตัดชีวิตมากเกินไป หรือไม่ก็พวกกินเนื้อมากๆ เป็นการจ่ายหนี้ค้างเก่าอันนี้เป็นความยุติธรรมของฟ้าดิน “มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมรับ” ขณะนี้อยู่ในช่วงอโหสิกรรม กอบกู้สรรพสัตว์ มีแค้นต้องชำระ มีหนี้ต้องจ่าย ดังนั้น หากจะปลดหนี้กรรมขออธิฐานต่อหน้าพระพุทธรุปกว่าจะพิมพ์หนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน “ แจก จะได้อุทิศส่วนกุศลอันนี้ให้แก่วิญญาณที่แค้นเคืองจะได้หลีกพ้นไปไวๆ ไม่เพียงแต่ลบหนี้กรรม ยังช่วยให้การบำเพ็ญธรรมของเราในชาตนี้ ไม่มีอุปสรรคเกิดขึ้น สวรรค์เมตตาโปรดสรรพสัตว์ คิดถึงสัตว์เดรัจฉานเป็นการเปิดทางให้สัตว์เดรัจฉานได้เดิน จึงได้จัดทำหนังสือนี้ขึ้นสำหรับผู้ที่มีญาติโยมล่วงลับไปแล้ว เพื่อวัญญาณจะได้พ้นกรรม ให้จัดพิมพ์หนังสือนี้ หรือไม่ก็สนทนาธรรมเผยแพร่ให้กว้างขวาง แล้วอุทิศส่วนบุญให้บรรพบุรุษญาติมิตร ทั้งเป็นการโปรดผู้อื่นและโปรดตนเอง เป็นการช่วยเหลือสัตว์เดรัจฉาน ได้บุญกุศลอีกทางหนึ่งด้วยดีทั้งตนเองและผู้อื่น บุญกุศลล้นเหลือ เพื่อช่วยให้ข้าสมความตั้งใจอันยิ่งใหญ่ที่ว่า “โปรดสัตว์หมดโลก จึงยอมเข้าสู่พระนิพพาน” ณ แดนสุขาวดีพุทธเกษตร จะได้อุบัติพุทธอาสน์ ปทุมทิพย์ขึ้น
    หยางเซิง เจ้าแม่กวนอิม เปี่ยมฤทัยด้วยจิตใจโพธิสัตว์ทำให้ผู้คนซาบซึ้ง ข้าสานุศิษย์ยินดีเรียนแบบ “โพธิมรรค” ยิ่งเพิ่มความขยันขันแข็งในการเผยแพร่ธรรมะ
    พระโพธิสัตว์ เจริญพร เจริญพร ข้างกายของพระแม่มีพระกุมารแซล้วง ก็คือ แชล้วงที่อยู่ข้างกอไผ่สีม่วงนี่เอง อวตาลมาเพื่อโปรดสัตว์ แต่งหนังสือเพื่อเตือนสติ ชาวโลก ยามเมตตาโปรดสัตว์กุศลยิ่งใหญ่ กอบกู้บรรพบุรุษ ยิ่งต้องเพิ่มความขยัน
    อรหันต์จี้กง วันนี้ขอยุติการแต่งหนังสือ ขอบคุณที่พระโพธิสัตว์กล่าวพจน์วิเศษ หยางเซิงเตรียมตัวกลับสำนัก
    หยางเซิง ขอกราบลาพระโพธิสัตว์
    อรหันต์จี้กง สำนักเซินเต๋อถังถึงแล้ว หยางเซิงลงจากปืทุมทิพย์ได้แล้ว วิญญาณกับเข้าร่าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2016
  9. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,985
    ค่าพลัง:
    +1,223
    ครั้งที่ 20 เยี่ยงยมบาลชมหอหมุนเวียน ดูวิญญาณบาปเลือกทางเกิดอรหันต์จี้กง เสร็จดประทับทรง วันที่ 6 ก.พ. 2526
    อรหันต์จี้กง การจัดหนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” ใกล้จบลงแล้ว หวังว่าสัตว์เดรัจฉานใกล้สิ้นสุดเสียงร่ำไห้ บรรดาสัตว์หลายแหล่จะกลับไปเกิดเป็นคนอีกครั้งหนึ่ง ไม่ต้องคอยผวาคมมีดหั่นสับปลิดชีวิต ตอนนี้จะเล่านินทานเปรียบเทียบ ถึงความทุกข์ร้องของสัตว์ให้ฟัง
    สมัยก่อนมีบุรุษหนึ่ง ถือศีลภาวนาอยู่ในป่าลึก จำศีลทำสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ หมู่สัตว์ เช่น อีกา นกเขา งูและกวางเป็นต้นต่างก็เคารพนับถือเขาเป็นอย่างมาก ทุกๆ วันจะหาอาหารมาให้เป็นประจำ ในตอนค่ำวันหนึ่ง เหล่าสัตว์ก็มาชุมนุมกันอยู่ใกล้ผู้ถือศีลแล้วสนทนากันขึ้น แล้วก็ตั้งคำถามว่าในโลกนี้มีเรื่องอะไรที่ทุกข์ที่สุดอีกาเป็นตัวแรกที่แสดงความคิดเห็นพูดว่า “สิ่งที่ทุกข์ที่สุดในโลกคิดว่าเป็น “ความอดอยาก” ถ้าอดอยากปากแห้งไม่มีกิน มีดื่ม แน่นอนที่สุด ตาจะพร่าปีกจะหมดแรงประสาทก็จะมึน มิช้ามินานก็ไม่พ้นตาค่ายดักนกของคน ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ดังนั้นจึงคิดว่าความทุกข์ทรมานของเราก็คือความอดอยาก
    นกเขาก็พูดต่อไปว่า “ถึงแม้ความอดอยากจะเป็นเรื่องทุกข์ทรมานมาก็ตาม แต่สำหรับพืชพันธุ์ พวกข้าแล้วยังมีเรื่องที่ทุกข์ร้อนกว่าความอดอยาก นั่นก็คือ “ความใคร่ตัณหาราคะ” มันมักเกิดขึ้นบ่อยๆ จากความใคร่ พอเกิดขึ้นแล้วก็ยากที่จะหาเหตุใดๆ มายับยั้งได้ขาดสติสัมปชัญญะ แยกผิดถูกไม่ออก ในที่สุดก็ตกสู่ภาวะอันตรายทำให้สูญเสียคุณค่าของชีวิตไป อันความใคร่นี้เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ยากที่จะอดกลั้นได้ ซึ่งข้าคิดว่าเป็นความทุกข์ที่ทรมานที่สุด
    ถัดไปจากงูก็พูดว่า สิ่งที่ทุกข์ทรมานที่สุดของเผ่าพันธุ์เราก็คือ “อวิชา” ด้วยอวิชาทำให้ใจเกิดความโกรธเคือง เมื่อใดก็ตามถ้าไฟโกธรได้ถูกจุดติดขึ้นในจิตใจแล้วละก็ พี่น้องก็จะไม่กลมเกลียวสมานกัน่จนทำให้เกิดการกัดกันตาย ในที่สุดก็ตายกันทั้งหมด ด้วยเหตุที่ว่า พวกเรามีความโกธรเคืองเกินไปดังนั้น เขี้ยวของเราจึงมีพิษร้ายฝังอยู่ เลยทำให้ผุ้คนกลัวเกรง แต่พวกเขาก็ยังต้องการฆ่าพวกเราเสียไม่ยอมปล่อยไป นี่ไม่ใช่ความทุกข์ทรมานที่สุดหรอกหรือ
    สุดท้ายเจ้ากวางก็พูดว่า “ความเจ็บปวดทรมานที่สุดของพวกข้าก็คือ “ความตกใจกลัว” เมื่อพบพวกหมาป่า เสือ เสือดาว ต่างๆกลัวที่จะถูกพวกมันฆ่ากิน พวกเราก็ได้แต่กระโจนหนี แล้วยังมีพวกพรานป่าอีก ชอบใช้เราเป็นเป้ากระสุน ทำให้ต้องพรากแม่พรากลูกจากกันไม่กี่วันกลับทำให้ชีวิตไม่สงบสุขเลย มันน่าสมเพชยิ่งนัก และก็เป็นความทุกข์ทรมานมากที่สุด
    พวกมันสนทนากันอย่างเผ็ดร้อน แต่ละวันหลังจากแสดงความรู้สึกในใจแล้ว บุรุษผู้ถือศีล ที่นั่งอยุ่ข้างๆ ก็เปิดปากพูด้วยน้ำเสียงที่เรียบและช้าว่า
    เรื่องราวทั้งหมดข้าได้ฟังหมดแล้ว ปัญหาที่พูดถึง ก็เป็นความทุกข์ของแต่ละบุคคล ควรจะรู้ไว้ว่าความทุกข์ของแต่ละบุคคลขึ้นอยุ่กับร่างกายที่มีอยู่ กายเนื้อที่มีนี้เป็นเครื่องก่อให้เกิดทุกข์อันความทุกข์ในโลกนี้มากเหลือหลาย ความทุกข์ที่น่าเกลียดน่าชังที่สุดของคนเรานั้นก็คือร่างกาย ร่างกายเป็นสิ่งน่าชัง ถ้าปราศจากร่างกายความทุกข์ทั้งหลายก็มลายสิ้น อย่างเช่น ข้าออกฝึกธรรมะบำเพ็ญเพียรประสงค์ที่จะตัดความต้องการของกายและใจ จนกว่าจะได้นิพพาน เมื่อถึงแดนปลดปล่อย สู่นิพพานแล้ว ความทุกข์ทั้งมวลก็สูญสิ้นจบลงถึงตอนนั้น ร่างกายก็จะอยู่ได้อย่างสงบสุขอย่างแท้จริง
    พวกสัตว์ทั้งหลายได้ฟังอย่างสงบแล้ว ต่างก็ผงกหัวรับรู้แสดงออกถึงความเข้าใจและบรรลุในธรรมะ ทำให้จิตใจสุขสงบ
    วันนี้ฉันจะพาหยางเซิงไปเมืองนรก ไปเยี่ยมยมบาลจ้วนหลุนหวัง นรกขุมที่สิบดูวิธีการตัดสินให้คนไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานจะได้นำลงในหนังสือ วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” หยางเซิงเตรียมตัวขึ้นดอกปทุมทิพย์
    หยางเซิง ผมนั่งบนดอกปทุมทิพย์เรียบร้อยแล้ว ขอเชิญอาจารย์ออกเดินทางได้ครับ
    อรหันต์จี้กง เรามาถึงแดนต่อแดนระหว่างมนษย์โลกกับยมโลก ข้างหน้าเป็นทางสองแพร่ง เราหยุดดูข้างหน้าสักหน่อย
    หยางเซิง ไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว ที่สามแยกนี้ เป็นคนมาจากมนุษย์โลกมีทางหนึ่งแยกไปสวรค์ ผู้คนไปสวรรค์น้อยมาก แต่แยกที่ไปยมโลกมีคนไปกันมาก ไม่ทราบสาเหตุเพราะอะไร
    อรหันต์จี้กง เป็นนรกบรรยากาสค่อนข้างคึกคัก ชาวโลกชอบไปยังสถานที่แออัดและครึกโครม โดยหารู้ไม่ว่าสถานที่เหล่านั้นเป็นที่รับโทษทัณฑ์กัน เหมือนฝูงแมลงวันชอบของหวาน พอบินไปเกาะบนกระดาษข้าวเหนี่ยวที่เคลือบหวานไว้ ก็ฝังรกรากสำเร็จเป็นพระอรหันต์เลย
    หยางเซิง ทำไมอาจารย์จึงพูดว่าฝังรกรากสำเร็จเป็นอรหันต์เล่าครับ
    อรหันต์จี้กง ก็เพราะแมลงวันเกาะบนกระดาษเหนียวแล้วก็กลับกลายเป็นคนดี ไม่ต้องบินไปปล่อยเชื้อโรค อีกมิใช่เป็นการวางดาบลง เพื่อสำหรับอรหันต์หรอกหรือ
    หยางเซิง อาจารย์ช่างเปรียบเปรยได้แยบยบดีเหลือเกิน
    อรหันต์จี้กง หนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน กำลังจะสำเร็จเป็นรูปร่างขึ้น เหล่าสัตว์ทั้งหลายต่างดีอกดีใจ ใครสามารถสัมผัสเสียงความทุกข์โศก วิงวอนขอชีวิตของสัตว์ ฤทธิ์เดชพุทธะยิ่งใหญ่ต้องการโปรดสัตว์ทั่วทุกแดน ชาวบ้านปากก็บอกว่าจะช่วย แต่ก็น้อยคนนักที่จะทำได้ อาตมารับคำบัญชาจากสวรรค์ช่วยเปิดประตูสวรรค์ ช่วยโปรดวิญญาณจากขุมนรก ในมนุษย์โลกก็พยายามตักเตือนผู้มีจิตศรัทธานับจำนวนไม่ได้ และช่วยพวกสัตว์เดรัจฉานรื้อเล้ารื้อกงขัง ปล่อยให้พวกมันได้อยู่ห่างไกลผู้คน ได้กลับไปสู่ธรรมชาติอีกครั้ง ก็จะทำให้อาตมาสมหวังที่ทำสำเร็จลุล่วงไป ถ้าหากชาวโลกไม่ศรัทธาเชื่อถือ แถมยังกล่าวร้ายป้ายสี ถ้าคำพูดเหล่านี้เกิดจากบุคคลสามัญ ก็ยังพอให้อภัยกันได้หากเกิดจากพุทธศาสนิกชนละก็อาตมาก็ได้แต่พูดว่า “น่าสงสาร น่าสงสาร” พวกเขาไม่รู้การโปรดสรรพสัตว์นั้น ก็เนื่องจากต่างคนก็ต่างสอน และมักยกย่องตอนเองยิ่งใหญ่ ทำให้คนค่อยห่างไกลจากธรรมะ แสงธรรมสาดส่อง โดยไม่มีที่ไม่ถึง แปดหมื่นสีพันพระธรรมขันธ์ อาตมาเลือกเอาจิตวิญญญาณของเทพกับคนร่วมกันเข้าประทับทรง เพื่อแต่งคัมภีร์วิเศษ เพื่อเป็นกำลังใจส่วนหนึ่ง ในการโปรดสรรพสัตว์ หวังว่าสรรพสัตว์จะบรรลุแจ้ง ละทิ้งรูปขันธ์ที่ขัดแย้ง หยางเซิงเข้าเข้าไปยังนรกขุมที่สิบกันเถอะ(ศิษย์อาจารย์จูงมือกัน ชั่วพริบตาก็ผ่านนรกขุมเก้า มาถึงนรกขุมที่สิบวันนี้ตั้งใจมาชม “หอหมุนเวียน” ยมบาลแห่งหอหมุนเวียนได้มาคอยต้อนรับเราอยู่แล้ว
    หยางเซิง ศิษย์ขอคารวะท่านยมบาลแห่งหอหมุนเวียน(จ้วงหลุนหวัง)
    จ้วงหลุนหวัง หยางเซิงมิต้องเกรงใจ ท่านทั้งสองลำบากมากนะ ครั้งก่อนได้รับเทวโองการให้ทำหนังสือ “เที่ยวเมืองนรก” ได้มาเยี่ยมเราที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว เหตุการณ์ส่วนใหญ่ของที่นี่ได้ถูกเปิดเผยให้แก่ชาวโลกแต่ได้หนักไปในแนวทางมนุษยธรรม วันนี้จะแนะนำให้ดูการเวียนเกิด เพื่อชาวโลกจะได้ตระหนัก ตอนนี้ขอเชิญท่านทั้งสองตามข้ามายัง “หอหมุนเวียน”
    หยางเซิง มองเห็นศาลาดื่ม “น้ำลืมชาติ” อยู่ข้างซ้ายมือของหอหมุนเวียน ฝูงชนเข้าแถวกันเป็นระยะรอกๆ เดินมายัง หอหมุนเวียน
    ยมบาล พวกเราต่างดื่มน้ำลืมชาติแล้ว แต่ทุกคนยังมีสติอยู่จะเดินเข้าสู่หอหมุนเวียน รอจนกว่าจะหอหมุนเวียนจึจะมึนงง สลึมสลือโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวก็กลับชาติไปเกิดใหม่แล้ว พวกวิญญาณที่มึนงงเหล่านี้ ล้วนไปเกิดเป็น สัตว์เดรัจฉานทั้งหมด
    หยางเซิง มิน่าเล่า หน้าตาของแต่ละคนถึงดูเหี้ยมเกรียมนัก ไม่เห็นมีใครที่หน้าตาลละมุนละไม บ่งบอกถึงผู้มีบุญ มิทราบว่าพวกเขาได้ผ่านการลงโทษจากขุมนรกต่างๆ มาแล้วหรือ
    ยมบาล เขาเหล่านั้นผ่านการรับโทษทัณฑ์มาแล้ว ตอนนี้กำลังปล่อยให้เขาออกจากขุมนรก เพื่อไปผุดไปเกิดใหม่
    หยางเซิง พวกเขาได้รับอิสรภาพแล้ว ขอเรียนถามท่านยมบาล ตามเหตุผลแล้ว เมื่อผ่านการลงโทษจากขุมนรกแล้ว ก็น่าจะหมดเคราะห์กรรม ทำไมยังต้องกลับไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานอีก มิเป็นการเหลือทนหรอกหรือ
    ยมบาล สวรรค์มีคุณธรรม การให้พวกเขาได้เกิด ควรจะได้รับความยุติธรรม พวกเขาได้รับโอกาสให้เกิดเป็นคนแล้ว แต่ไม่รู้จักประพฤติตนให้เป็นคนดี มันน่าเสียดายจริงๆ ดังนั้นชาติต่อไปก็ต้องลดขั้นให้เกิดเป็นสัตว์ เพื่อให้เหมาะสมกับความประพฤติบ้าง ให้รู้ว่าเกิดเป็นสัตว์มีรสชาติอย่างไร เพื่อให้โอกาสทดลองจริงๆจะได้เป็นการตักเตือนแบบหนึ่ง รอจนกว่าชาติต่อไป ค่อยเลื่อนชั้นขึ้นใหม่ มีคำกล่าวๆ ว่า”สูญเสียอิสระภาพเมื่อไร จึงรู้คุณค่าของมัน”อันนี้เป็นบทเรียนที่ให้ทักษะที่ดี ไม่มีที่ให้เลือกมากไปกว่านี้แล้วสวรรค์ยังยอมเหลือเส้นทางไว้ทางหนึ่งสำหรับผู้ที่ไม่ประพฤติ ตนเป็นคนดี อย่ากล่าวโทษว่าสวรรค์ไม่ยุติธรรมเลย พวกเขาต่างเกิดในที่ต่างๆกัน พอเกิดขึ้น หน้าตาก็เปลี่ยนไป ก็เหมือนผู้ที่ถูกจำคุกอย่างยาวนานในมนุษย์โลก พอพ้นจากคุกออกมา กลับไปถึงบ้านเดิม ทั้งคนและสถานที่เปลี่ยนไป ลูกเมียก็แยกย้ายกันไป ไม่รู้จะไปค้นหายาติโยมได้ที่ไหน ดังนั้นในยมโลกเมื่อวิญญาณพ้นโทษแล้วจึงให้กลับไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เหตุผลก็เช่นเดียวกันกับมนุษย์โลก
    หยางเซิง อ๋อ ด้วยเหตุนี้เอง คนเหล่านี้จึงมองดูไม่เหมือนคนมีบุญ ไม่ทราบว่าท่านยมบาลได้จัดช่องทางอะไร ไว้ให้
    ยมบาล พวกเราล้วนมีพลังของสัตว์เดรัจฉาน ดังนั้น เพื่อให้พวกเขาได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม เพื่อว่าเขาเหล่านั้นจะได้พอใจ
    หยางเซิง บนเส้นทางหมุนเวียน ดูเหมือนพวกเขาต่างเลือกสรรกันเอง ไม่เห็นมีผีสางที่ไหนจัดแจงให้
    ยมบาล ถูกต้องแล้ว อยากเป็นคน เป็นไก่ เป็นวัวเป็นควาย เลือกกันเองอย่างอิสระ สิทธิมนุษย์นั้นยิ่งใหญ่ กงล้อหมุนเวียนบนหอหมุนเวียนในยมโลกนั้น เป็นเหมือนสถานีคมนาคม ส่งพวกเขาไปยังบ้านที่เขาต้องการเท่านั้น ตอนนี้เรามาดูการจัดแจงคนชุดนี้กันเถอะ
    หยางเซิง ยมบาลนั่งอยู่บนบัลลังก์ ขุนพลหน้าม้า หน้าวัว ยืนเรียงอยู่ทั้งสองข้าง ขณะกรรมการทั้งฝ่ายอักษรและฝ่ายพลาธิการต่างเข้าที่) ศิษย์นึกถึงปัญหาข้อหนึ่ง ใคร่เรียนถามท่านยมบาล
    ยมบาล มีปัญหาอะไร เชิญถามมาได้
    หยางเซิง ยมโลกมีขุนพลหน้าม้าหน้าวัว ถึงเป็นการเปลี่ยนทางหน้าตา แต่ก็ไม่พ้นเป็นสัตว์เดรัจฉานประเภทหนึ่งทำไมยมโลกจึงต้องเอาคนหน้าม้าหน้าวัวมาเป็นยมฑูตด้วยล่ะ
    ยมบาล อาฮ้า หยางเซิงถามได้ดีมาก คนเลวบนโลกมนุษย์ไม่ชอบเป็นคนดี ซึ่งก็ไม่ต่างไปจากวัว ควาย เพียงมีไว้ลงแส้เหมือนใช้ม้าใช้วัวควบคุมพวกม้าพวกวัว เป็นการจัดแจงอย่างมีกลยุทธ คนหน้าม้าหน้าวัวในยมโลกก็ยกย่องเป็น ขุนพล ก็เหมือนตำแหน่ง “พัศดี” ในโลกมนุษย์ที่คอยควบคุมนักโทษ ตอนนี้คอยดูจำว่าความบนบัลลังก์
    วิญญาณนักโทษฟังคำสั่ง เนื่องจากที่นี่คนทรงจากโลกมนุษย์ นายหยางเซิงแห่งสำนักเซินเต๋อถังเมืองไถจง มาเยี่ยมพร้อมกับอาจารย์อรหันต์จี้กง เพื่อทำหนังสือ”วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” เป็นการเตือนสติชาวโลก ทั้งหมดก็ได้ผ่านการรับโทษจากขุมต่างๆมาแล้ว มาถึงขุมนี้เพื่อปลดปล่อยให้กลับไปเกิดใหม่ ไม่ทราบว่าใครจะไปเกิดที่ไหนกันบ้าง เนื่องจากวันนี้มีคนในมนุษย์โลกมาอยู่ที่นี่ข้าก็จะปลดปล่อยอย่างเสรีเป็นพิเศษสักครั้งหนึ่ง ให้พวกเธอเลือกสรรกันเอง เนื่องจากพวกเธอได้ดื่มน้ำลืมชาติมาแล้ว ถึงแม้จะมีสติอยู่แต่ก็จะค่อยๆ ลืมเลือนเรื่องที่ผ่านมา อาศัยโอกาสนี้เลือกให้เหมาะ
    หยางเซิง (พอยมบาลกล่าวจบ บรรดาวิญญาณนักโทษต่างร้องไชโย้ด้วยความดีใจ ขอบคุณยมบาลเป็นการใหญ่ กล่าวว่า”วันนี้เป็นเลิศฟ้าเลย ได้รับทุกข์ทรมานมานานมากแล้ว ชาติหน้าของเกิดในบ้านตระกูลร่ำรวยจะได้สุขสบายสังครั้งหนึ่ง
    ยมบาล อาศํยโอกาสนี้ ทุกๆ คนมีสิทธิ์เลือกหนทางของตนเอง ข้าก็จะจัดแจงให้ตามคำขอ ตอนนี้ ให้วิญญาณ นาย ก. พูดออกมาว่าจะไปไหน บอกมาเร็วๆ
    วิญญาณ ก ผมอยู่ในยมโลกได้รับทุกข์ทรมานมาก ชาติที่แล้วเที่ยวปล้นจี้ไปทั่ว ข่มขืนลูกชาวบ้าน เป็นคนร่อนเร่ชาติหน้าขอเกิดเป็นคน เกิดเป็นชายในบ้านตระกูลร่ำรวย จะได้กินดื่มทุกๆ/ วันกอดหญิงเต้นรำจะได้สุขสบายสักชาติ
    ยมบาล สติของเจ้านั้นว่าดีอยู่ ยังไม่ละทิ้งนิสัยอันธพาล ข้าก็จะจัดแจงตามความปรารถนาของเจ้า ขอให้ฝ่ายอักษรจงจดลงไปทางพลาธิการให้ขุนพลหน้าม้าหน้าวัว นำไปยังหอหมุนเวียน ประทานเสื้อลายดอกให้ชุดหนึ่ง ให้เขาไปเกิดเป็นนกที่อยู่บนเขา
    หยางเซิง ท่านยมบาลทำไมไม่ใหเขาเกิดตามคำขอให้เกิดเป็นคนล่ะ
    ยมบาล หยางเซิงเธอไม่รู้อะไร ถ้าให้เขาเกิดเป็นคน มีเป็นภัยต่อสังคมหรอกหรือ ข้อจัดแจงให้เขาเกิดในสิ่งแวดล้อมที่สวยงาม ตามความต้องการของใจเขา อาศัยอยุ่”บนตึกสูง” ก็คือ ต้นไม้สูง ใส่เสื้อผ้าหลากสี ก็ปีกนกของเขามีขนหลายสี เป็นที่นิยมในสังคมปากก็ได้ร้องจิ๊บๆ จั๊บๆ น่ารื่นรมย์กระโดดจากต้นนี้ไปต้นโน้นประดุจดั่งเต้นรำไงล่ะ ดอกไม้หลากสีดังแสงไฟสีต่างๆ น่าสุดสบายเหลือหลาย “เพื่อนนกเพื่อนหญิง” เป็นหมู่เป็นเหล่า หาไหนปานสิ่งที่ดื่มก็ดื่มไม่หมด น้ำในลำธารดื่มแล้วก็ไม่เมา เหล้า สดชื่นชั้นหนึ่ง หาได้ยากในมนุษย์โลก ข้าจัดแจงแบบนี้ เหมาะสมที่สุดแล้ว
    หยางเซิง ท่านยมบาลจัดแจงได้แยบยล ข้าขอยอมทั้งจิตทั้งใจ
    ยมบาล วิญญาณ ข. รีบขอมาไวๆ
    วิญญาณ ข ข้าอยู่ในนรกได้รับทุกข์มหันต์ ชาติหน้าขอเกิดเป็นคน ขอให้อยู่อย่างสุขสบายไปวันๆ อยากรูปหล่อให้มีขนเต็มตัว เวลานอนมีเตียงเย็นๆ อาหารสามมื้อมีคนใช้ส่งมาให้เพื่อนฝูงเต็มบ้าน ข้าจะได้นอนคุยทั้งวัน เดินหย่อนอารมณ์สบายๆ ไม่ต้องทำงาน ชีวิตผ่านไปวันๆ ข้าก็พอใจแล้ว
    ยมบาล ดีเหลือเกิน เมื่อชาติก่อนเห็นคนถือศีลกินเจพูดจากเสียดสี ยังบอกคนไม่ให้กินเจ กินเนื้อมากๆ ดีจะได้ช่วยสัตว์ได้พ้นทุกข์ไวๆ แล้วยังพูดกล่าวาว่าคนกินเจ นั้นเพราะทำบาปไว้มาก แล้วยังทำลายการกินเจของคนๆหนึ่ง แล้วยังเผาพระธรรมและหนังสือธรรมะทิ้ง แล้วยังล้มหนี้คนมากมาย คำสั่ง ให้ขุนพลหน้าม้าหน้าวัว ประทานเสื้อดำให้หนึ่งตัว แล้วนำไปยังหอหมุนเวียนให้มันไปเกิดเป็นหมู
    หยางเซิง ท่านยมบาลให้พาไปเกิดเป็นหมู ท่านจะอธิบายว่าอย่างไร
    ยมบาล เจ้านี่ก็ร่อนแร่พเนจร อยากรูปหล่อ ก็ให้มันมี ขนสีดำเต็มตัว อาหารสามมื้อมีดนส่งให้กินไม่ต้องทำงาน ก็ต้องเป็นหมูขี้เกียจ เหมาะสมที่สุดแล้ว เนื้อหมูจะได้ให้คนกิน เพราะเขาสนับสนุนให้คนกินเนื้อมากๆ อย่ากินเจนี่เป็นการสนองของกฎแห่งกรรมอย่างพิสดาร มันเป็นสิ่งที่คิดไม่ถึง
    หยางเซิง ท่านยมบาล ตัดสินดีแท้ๆ
    ยมบาล วิญญาณ ค เธอรีบบอกความจำนงมา
    วิญญาณ ค ได้รับโทษหมดจากขุมนรก เห็นขุนพลหน้าม้าหน้าวัว น่าเกรงขาม รู้สึกใจคนไม่ค่อยดี ผมคิดอยากเกิดเป็นคนอยากจะได้เป็นตำรวจ จะได้จับผู้ต้องหามาแก้แค้นสักที
    ยมบาล ดีมาก ชาติก่อนเจ้าเกิดมาเป็นขโมย เพื่อลักเล็กขโมยน้อย แล้วยังฆ่าเจ้าทรัพย์ถึงตาย เธอมีใจจะรักษาความสงบ จะได้สร้างกุศลชดเชยที่แล้วมา ต้องการปราบทุกข์บำรุงสุข ไม่อยากให้เจ้าทำอวดแบ่ง ถ้าหากทำไม่เหมาะสมกับหน้าที่ กลัวจะผิดวินัยแล้วจะอดอยาก คำสั่ง ขุนพลหน้าม้า หน้าวัว ประทานเสื้อขนให้1ชุด ให้เขาไปเกิดเป็นแมว
    หยางเซิง ท่านยมบาลให้เขาเกิดเป็นแมว จะอธิบายอย่างไร
    ยมบาล อยากเป็น “ตำรวจ” เกิดเป็นแมวก็เหมาะสมแล้วพวกลักเล็กขโมยน้อย พวกคนเลว ถูกขนานนามว่า หนู พอเห็นแมวก็รีบซ่อน แมวนั้นอวดเบ่งแค่ไหน แต่ถ้าปฏิบัติหน้าที่ไม่ดีก็จะอดกินข้าว
    หยางเซิง ท่านยมบาลแยบยลดีเจริง
    ยมบาล วิญญาณ ง. เธอต้องการเป็นอะไร
    วิญญาณ ง ฉันอยากเกิดเป็นผู้หญิง รูปร่างอวบอัด จะได้มีผู้ชายมาล้อมรอบ ข้าจะได้เล่นตามสบาย
    ยมบาล เธอเลือกแบบนี้จะไม่ผิดปกติไปหน่อยหรือ
    วิญญาณ ง เนื่องจากชาติก่อนข้าถูกผู้ชายหลอกลวงหลายครั้ง ชาติหน้าขอแก้แค้น
    ยมบาล ถ้าหากให้เธอตามคำขอ อนาคตน่าเศร้า ข้าสงสารเจ้าเมื่อชาติก่อนพลาดท่าเสียที่ตกอยุ่ในโลกีย์ ถูกคนหลอกหลวงเสียทีตกอยู่ในโลกีย์ ถูกคนหลอกลวงเสียทั้งเงินเสียทั้งตัว ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องตกลงไปอีก
    อรหันต์จี้กง เพื่อโปรดสัตว์ทั้งสามโลก เพื่อให้สัตว์เดรัจฉานได้กลับเกิดเป็นคนโดยเร็ว ขอเชิญท่านยมบาลโปรดได้คิดไตร่ตรอง
    ยมบาล ครับผม มีคำสั่งให้ขุนพลหน้าม้าหน้าวัว ประทานเสื้อขาวดำ แล้วให้เธอไปเกิดเป็นโคนมที่ประเทศอเมริกาโน้น จะได้ให้นมแก่ทารก เพื่อจะได้หมดเวร
    หยางเซิง โคนมให้เลี้ยงมนุษย์ชาติ ก็มีบุญกุศลมิใช่หรือ
    ยมบาล มีแน่ ถ้าจัดแจงตามใจเธอ ก็ควรให้เกิดเป้นสุนัขเพศเมีย แต่ไม่อยากให้เธอตกต่ำลง จึงให้เกิดเป็นโคนม
    หยางเซิง ยมบาลแม้จะเฉียบขาด แต่ก็ยังมีความเมตตาน่านับถือยิ่งนัก
    ยมบาล เจ้าวิญญาณ จ.รีบแจ้งความประสงค์มา
    วิญญาณ จ ข้าคิดเกิดเป็นคน อาศัยในบ้านคอนกรีตเสริมเหล็กแข็งแรง อาหารสามมื้อมีคนหาให้ ร่างกายแข็งแรงกำยำ มีอำนาจเหนือคน คนพบคนก็กลัว จะได้หายแค้นจากการถูกฆ่าเมื่อชาติก่อน
    ยมบาล ดีมาก ความมุทะลุยังไม่จางหายไป ยังคิดมีอำนาจ คำสังถึงขุนพลหน้าม้าหน้าวัว เตรียมเสื้อหนังลายให้หนึ่งตัวแล้วพาไปหอหมุนเวียน ให้มันไปเกิดเป็น เสือ
    หยางเซิง เห็นหน้าตาดุร้ายเหี้ยมเกรียม ให้ไปเป็นเสืออีกมิเป็นการเพิ่มปีกให้เสือหรอกหรือ
    ยมบาล ไม่หรอก ถึงแม้เขาจะดุร้าย สุดท้ายก็ถูกจับขังไว้ในกรงในสวนสัตว์ ให้เขาอยู่ในกรงเหล็กที่แข็งแรง ห้องสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กเหมือนถูกขังอยู่ในคุก ไว้ให้เด็กชมเล่นชาติก่อนเขาเป็นคนที่ข่มเหงรังแกชาวบ้าน รีดนาทาเร้น สิ่งใดไม่ชั่วไม่ทำ ฆ่าคนเป็นว่าเล่น สุดท้ายถูกเขาฆ่าตาย ตอนนี้กรรมกำลังตามสนอง รีบให้วิญญาณมันไปยังหอหมุนเวียน
    วิญญาณ ฉ ผมรับกรรในขุมนรกมาหมดแล้ว ทุกข์ทรมานจนกล่าวไม่ถูก ชาติก่อนก็ยากจนไม่เคยได้รับความสุข ชาติหน้าผมขอถือศีลกินเจ ขอร้องเพียงอย่างเดียว ขอให้มีบังกะโลสักหลังหนึ่ง สร้างอยุ่บนเนินเขาน้ำไหลใสสะอาด ให้ผมได้รับความสุขจากธรรมชาติ แค่นี้ก็พอใจแล้ว
    ยมบาล ดีมาก คำสั่ง ขุนพลหน้าม้าหน้าวัว ประทานเสื้อสีเทาให้ แล้วพาไปหอหมุนเวียน ไปเกิดเป็นแพะ
    หยางเซิง ทำไมอย่างงั้นล่ะ
    ยมบาล วิญญาณผู้นี้ชาติก่อนทุกข์ยาก อาศัยในกระต๊อบ ยังชีพด้วยการเก็บของเหลือทิ้ง มีวันหนึ่งมันไปเจอผู้หญิงปัญญาอ่อนคนหนึ่ง ข่มขืนจนเด็กตั้งท้อง ทำความเลวร้ายให้กับคนอื่น บาปกรรมหนักมาก ดีที่มันสำนึก เลยให้มันไปเกิดเป็นแพะ กินหญ้า อาศัยอยู่บนภูเขา กระต๊อบหลังคาจาก นั่นก็คือ บังกะโลเนินเขา น้ำไหลใสสะอาดล่ะ ต่อไปก็ถือศีลกินเจไปเรื่อยๆ
    หยางเซิง ท่านยมบาลช่างจัดแจงได้ยอดเยี่ยมจริงๆ
    อรหันต์จี้กง เนื่องจากเวลามีจำกัด สังเกตการณ์หอหมุนเวียนเกิดของสัตว์เดรัจฉาน พอเป็นสังเขปแล้ว หยางเซิงเตรียมตัวกลับสำนัก
    ยมบาล ขอรับมีคำสั่งให้เหล่ากรรมการทั้งฝ่ายอักษรและพลาธิการ พร้อมขุนพลจัดแถวส่งแขก
    หยางเซิง ขอบคุณ ท่านยมบาลที่ชี้แนะอย่างพิสดารทำให้ผมเข้าใจถึงเหตุผลที่แท้จริง ดังคำที่ว่า “สรรพสิ่งเกิดจากใจสร้างขึ้น ขอกราบลาท่านยมบาล กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์กลับสำนักได้
    อรหันต์จี้กง สำนักถึงแล้ว วิญญาณกลับเข้าร่างได้
    ครั้งที่21 ยมบาลอธิบายหนทางหมุนเวียน สัตว์เกิดสี่ช่องทางมาจกข้างประตูอรหันต์จี้กงเสด็จลงประทับทรง วันที 8 กุมภาพันธ์ 2525
    อรหันต์จี้กง วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของเทพเจ้าผู้ประทานพร เรียกเทศกาล “ง้วนเชียว” (เทศกาลโคมไฟ) เทพเจ้ามิได้ประสาทพรแก่ชาวโลกเพียงฝ่ายเดียว ยังประทานพรให้แก่มวลสัตว์ด้วย ทั่วทุกหนทุกแห่งจะประดับประดากระดาษสีบนต้นไม้ และมีโคมไฟแขวนอยู่ทั่วไป เด็กๆ ก็จะถือไฟเดินเล่น ทำให้เกิดแสงระยิบระยับในยามราตรี ในความมืดของราตรียังมีเหล่าวิญญาณ ที่รอคอยความสำเร็จของหนังสือเล่มนี้ ซึ่งเป็นพระของสวรรค์ด้วย วันนี้ ข้าก็ถือโอกาสเทศกาลนี้ถิอ โคม พุทธประทีป พร้อมกุญแจวิเศษไป ยังหมู่บ้านชาวนา
    หยางเซิง เทศกาลโคมไฟ ถือโคมเดินเล่นถือเป็นปกติธรรมดา แต่อาจารย์ยังถือลูกกุญแจด้วย กระผมรู้สึกแปลกใจ
    อรหันต์จี้กง ฮาอ้า มีโคมไฟไม่มีกุญแจ ข้าก็ไขเข้าไปไม่ได้ เขา ก็ไขออกมาไม่ได้
    หยางเซิง กลางคืน อาจารย์ถือกุญแจ คิดอยากเป็นขโมยหรือ
    อรหันต์จี้กง ฮาฮ้า ชาวโลกล้วนใส่กรงเหล็ก ทั้งหน้าต่างและประตู เหมือนถูกขังอยู่ในคุกตะราง ถ้าปราศจากลูกกุญแจวิเศษนี่ ข้าก็ไม่สามารถที่จะเปิดประตูหน้าของเขาได้ ดังนั้นข้าจึงเอา โคมพุทธประทีปกับ กุญแจวิเศษมา ไม่ใช่เป็นขโมยเล็กๆแต่เป็นมหาโจร ดังนั้น วันนี้ข้ามีกุญแจไขธรรมะด้วย
    หยางเซิง
    อรหันต์จี้กง คืนเทศกาลโคมไฟนึกถึงการทายปัญหาโคมไฟ ศิษย์อาจารย์ไม่อายที่ใจตรงกัน วันนี้ข้าไม่อยากถือโคมเพียรไขใจคน ทำให้ตาสว่าง ถือโคมไฟถึงยามสาม ไก่ขันใกล้รุ่ง ถือโคมเดินส่องทั่วหมู่บ้าน ปลดปล่อยคอกสัตว์ ช่วยเหลือวิญญาณโทษเหล่านี้ เนื่องจากสรรพสัตว์ก็มีจิตเดิมของพุทธวิญญาณสัตว์บางครั้งคุณธรรมไม่ต้อยไปกว่าจิตคน ดังนั้นข้าจึงอดสงสัยไม่ไหว เพื่อโปรดสัตว์กว้างไกลเมื่อก่อนนี้อำเภอหงษ์ชาน นายจางเต้าเฮี้ยง มีศิษย์นักศึกษา ซิ้มตงหยิ้ง ศิษย์ฝ่ายยบู้ ซิ้มตงหงี ทั้งสองแย่งมรดกกันไม่หยุดเลยเขียนคำกล่าวเตือนไม่ให้แย่งชิงกัน ความว่า นกหงส์เรียกลูกอีกาสนองตอบ เพราะมีเมตตา กวางมีหญ้าเข้าเป็นหมู่ มดก็กินก็รวมกลุ่ม เพราะมีธรรมะ ผึ้งมีนางพญากับขุนนาง ห่านป่าบินเป็นระเบียบเพราะมีมารยาท นกในรังร้องเรียกเพราะรุ้ว่าจะมีพายุ เสียงกบร้องเพราะรู้ว่ามีฝนตก เพราะมีปัญญา นกนางแอ่นรู้ฤดูกาล ไม่รู้เวลาก็ขัน เพราะมีสัจจะ พวกสัตว์ป่า หนอนใบหญ้าก็ยังรู้หลักคุณธรรม5 ประการนี้ ไฉนเป็นคนกลับไม่เข้าใจล่ะ
    สมัยโบราณกษัตริย์ ถังโง้วสละบัลลังก์ เพื่อความสงบสุขของไพร่ฟ้า กษัตริย์ อี้จี้ก็ยอมสละอำนาจไปอดตายบนภูเขาซิ่วเอี้ยง เธอทั้งสองไม่มีจิตใจกว้าง มีจิตใจที่คอยแย่งซิงกันตลอดชีวิตมา ฟังแต่เมียยุแหย่ ทำให้พี่น้องไม่รักกัน
    ซิ้มตงหยิ้งไม่มีเมตตาธรรม ซิ้มตงหงีก็ไม่มีความซื่อสัตว์ ที่ได้รับการศึกษามามากแต่ก็ไม่ตั้งจิตใจสอนน้อง ส่วนน้องมีวิชาวิชัยยุทธ เกิดมีจิตคิดทำร้าย ขาดเมตตาและความซื่อสัตย์เสื่อมเสียหลักธรรมะของฟ้าดิน ไม่มีพี่ไม่มีน้อง ขาดเหตุผล ขอเตือนให้เธอทั้งสองจงปองดองกัน
    พอทั้งสองพี่น้องฟังจบ ต่างโผเข้ากอดกันร้องไห้ ยอมปองดองคืนดีกัน ดังนั้น นายอำเภอจึงแต่งกลอนให้พี่น้องที่คืนดีกันว่า
    อันทรัพย์ศฤงคารกองมรดก ไม่ควรงกแก่งแย่งชิงกัน
    พี่น้องเกิดแต่ต้นกอเดียว มีสักกี่เที่ยวได้เป็นน้องพี่
    อยู่ร่วมต้องอดทนผาสุกเถิด อย่ารื้อฟื้นเปิดตะเข็บสงบดี
    ภายภาคหน้าเกิดบุตรก็น้องพี่ ให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลุกหลาน
    จากตัวอย่างที่เห็นนี้ “คนต่างจากสัตว์สักแค่ไหน มนุษย์เกิดร่วมสายโลหิตเดียวกันจำนวนมากที่เข่นฆ่าชิงกันก็เนื่องจากทรัพย์ฆ่า(เมตตา) อย่างไม่เห็นเลือดเลย มนุษย์ที่มีความรักต่อสัตว์เดรัจฉาน ดังเช่น สุนัขและแมว ซึ่งเป็นแนวโน้นส่อให้เห็นได้ว่าสัตว์ได้รับการยกย่องขึ้นทุกที มีชีวิตอย่างผาสุขดุจคน ได้รับเกียรติจากมนุษย์ แต่ในด้านของความโกรธแค้น(อันที่จริงมิใช่ความโกรธแค้น แต่เพราะความอร่อยปากต่างหาก) ที่มีต่อสัตว์เดรัจฉาน ก็ได้แต่ “ฆ่า” ลูกเดียว สิ่งนี้เป็นความเศร้าของสัตว์ ขณะเดียวกันในสังคมปัจจุบัน คนกับคนก็เกิดการ “ฆ่า” ไม่น้อย ซึ่งอาจเป็นเพราะ คนมี “ลูกตาหายไป” หรือไม่ก็เป็นคนที่มีจิตอัมพาต
    เออ ข้าจะแต่งกลอนร้องตอบกลอนของนายอำเภอ ที่พี่น้องคืนดีกัน จะเป็นการตักเตือนชาวโลก จะได้บังเกิดความรัก อย่าให้เหมือน พี่น้องดุจสัตว์เดรัจแนที่ข้องใจกัน
    หมุนเวียนเกิดหกช่องทางไม่ต้องแย่ง นานาชนิดเกิดแต่ก่อเดียว
    คนแก่เร็วเพราะกินเนื้อกินเลือด ควรคิดเล็อดเนื้อนั้นพี่น้องกัน
    อดทนอยู่ร่วมกันแผ่นดินสุข อย่าทุกข์เพราะอร่อยเกิดฆ่ากัน
    กินเขาได้ก็ถูกเขากินสักวัน ไม่เชื่อกันก็ค่อยดูชาติหน้าเอย
    หยางเซิง ผมนั่งเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญอาจารย์ออกเดินทาง... รอเดี๋ยว ท่านอาจารย์พอออกจากประตูสำนักเซินเต๋อถังก็เห็นเงาของพวกสัตว์เต็มไปหมด แถวนี้ก็ไม่ได้มีฟาร์มเลี้ยงสัตว์เหตุไฉนจึงเป็นนี้
    อรหัตน์จี้กง นี่ก็คือความสำเร็จของเราล่ะ เราศิษย์อาจารย์ได้รับเทวโองการให้มาแต่งหนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน พวกสัตว์เดรัจฉานได้รับบุญกุศลไม่น้อย ไม่มีใครไม่ดีอกดีใจ หนังสือจวนเจียนจะสำเร็จแล้ว ทางสำนักเซินเต๋อถังก็จะจัดงานแผ่กุศลสามวัน พวกวิญญาณสัตว์ต่างได้รับข่าวอันนี้ต่างก็มาสอบถามความจริง รอคอยพระพุทธเจ้าทั้งสิบทิศ พระเถระผู้ใหญ่ทั้งสามแดน ยื่นมือกอบกู้ช่วยเหลือกัน ดังนั้น ในพิธีสามวันนี้ จะมีป้ายวิญญาณของสัตว์เดรัจฉานด้วย เพื่อให้พระได้สวดมนต์แผ่เมตตา จะได้พ้นจากทะเลทุกข์ได้รวดเร็ว ซึ่งก็เป็นคำสั่งในการโปรดสัตว์สามโลกด้วย
    หยางเซิง มันน่าแปลกประหลาดจริงๆ ศิษย์ได้ตระเตรียมสถานที่ไว้ นิมนต์พระสงฆ์มาสวดมนต์โปรดสัตว์ และวิงวอนและก็วิงวอนเบื้องบนได้อโหสิกรรม ให้วิญญาณของพวกสัตว์ได้โบบินสู่แดนสวรรค์
    อรหันต์จี้กง งานพิธีครั้งนี้ยิ่งใหญ่ ไม่เพียงให้ความสุขแก่คนเท่านั้น ยังไม่ช่วยเหลือบรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้ว ได้หลุดพ้นออกมาสู่โลกแล้ว พวกสัตว์เดรัจฉานก็ได้รับการคุ้มครองมากขึ้นเป็นการลดบาปเวร หลีกห่างห่วงทะเลทุกข์ พวกเรารีบไปเมืองนรกขุมที่สิบเถอะ ... เรามาถึงขุมที่สิบแล้ว
    หยางเซิง ท่านยมบาลแห่งขุมที่สิบ หลุ้นจ้วงฮ้วง ได้ออกมาด้อนรับ ศิษย์ขอคาระท่านหลุ้นจ้วงอ้วง
    หลุ้นจ้วงอ้วง มิต้องเกรงใจ เนื่องจากวันก่อนเวลาจำกัดไม่สามารถบรรยายเกี่ยวกับการหมุนเวียนเกิดของสัตว์เดรัจฉานได้หมด วันนี้ท่านมาอีก จะได้อธิบายรายละเอียด
    หยางเซิง ขอบคุณท่านยมบาลที่มีพระคุณ
    ยมบาล เขิญทั้สองท่านตามข้าพเจ้ามา
    หยางเซิง เดินตามหลังท่านหลุ้นจ้วงอ้วง เพล็บเดียวก็มาถึง “หอหมุนเวียน” มองเห็นเหนือลำธาร “สีแดง” มีหอวงจักรอันใหญ่อยู่หอหนึ่ง กำลังหมุนเวียนอยู่
    ยมบาล ข้างหน้าที่เห็นก็คือ “หอหมุนเวียน”
    อรหันต์จี้กง วงจักรเปรียบเหมือน “ธรรมจักร” ที่หมุนเวียน จะเป็นคนเป็นผี เป็นเทวดา หรืออรหันต์ ก็แล้วแต่มันล่ะ
    หยางเซิง การแป็นเทวดาเป็นพระอรหันต์มิใช่ไม่ต้องผ่านหอหมุนเวียนหรอกหรือ
    อรหันต์จี้กง ถึงแม้จะไม่ต้องผ่านหอนี้ แต่ในมนุษย์โลกก็คือ “หอหมุนเวียน” วงจักรหมุนอยู่เสมอ เหมือนกับกอหมื่นบุปผา ไม่สามารถทำให้ผู้ทรงศีลหลงใหลได้ ดังนั้น วงจักรก็จะกลายเป็น “ยานทิพย์” นั่งแล้วสุขสบาย ไม่เหมือนพวกที่จะเวียนไปเกิดยังช่องทางทั้งหก ซึ่งมีบาปกรรมติดตัว พวกมันพอย่างเข้าวงจักรหัวจะมึนงงเหมือนคนเมารถเมาเรือ ต่อจากนั้นก็จะอาเจียน (เหมือนสตรีมีครรภ์ที่แพ้อย่างนั้น) คนที่เป็นมากๆ ก็ถืงกับอาเจียนเป็นเลือด(เหมือนตอนกำลังจะคลอดจะมีทั้งน้ำคาวปลาน้ำเลือด) ในช่วงขณะมึนงงอย่างมากนี้ ก็จะตกลงไปสู่โลกใหม่(จุติ)
    หยางเซิง อาจารย์กล่าวได้อย่างอัศจรรย์ ที่แท้การเวียนเกิดใหม่ก็เกิดขึ้นด้วยฉะนี้นี่เอง น่าแปลกแท้ๆ
    ยมบาล พวกวิญญาณที่บาปกรรมเหล่านี้ ก็จะถูกยมทูตผลักเข้าสู่วงจักรในหอหมุนเวียน เข้าสู่วัฏฏจักรของเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
    หยางเซิง บรรดาผู้ที่จะกลับชาติไปเกิดเป็นคนหรือสัตว์เดรัจฉานเหล่านี้ ต่างก็มีสิทธิเลือกหนทางไปเกิดมิใช่หรือ
    ยมบาล มิใช่ เมื่อครั้งก่อนที่มาเห็นว่าพวกมันมีสิทธิ์เลือกเกิดนั้น(บทที่20) เป็นเพียงอยากให้ชาวโลกได้รู้ว่าพวกวิญญาณบาปเหล่านี้ ยังมีลักษณะหลงงมงาย พวกเขามีบาปหนักมากแล้วยังคิดที่จะไปเกิดเป็นคนเพื่อเสวยสุขอีก ซึ่งเป็นการเพ้อฝัน สติฟั่นเฟื่อนใหญ่ บรรดาพวกวิญญาณบาป ผ่านการลงโทษมาถึงเก้าขุมนรกแล้ว ถูกส่งมายังนรกขุมที่สิบแล้ว ก็จะถูกจัดแจงตามบาปกรรมที่ก่อไว้ชาติก่อน ให้เป็นไปตามกฎแห่งกรรมของทั้งสามโลก ให้ไปเกิดในหกช่องทาง ยังจะมีอิสรภาพในการเลือกเกิดได้อย่างไร
    หยางเซิง อ๋อ ด้วยเหตุนี้เอง พวกวิญญาณบาปที่อยู่ข้างหน้านี้จึงได้แต่ร่ำไห้ คงรู้ว่าชาติหน้าจะมีเวรกรรมที่ต้องชดใช้ ศิษย์ยังมีข้อข้องใจที่จะเรียนถามท่านยมบาล คือว่า เคยพบผู้ที่มีจิตคิดจะบำเพ็ญเพียร แต่เป็นเพราะเหตุใดร่างกายจึงมักมีโรคมากหรือไม่ก็มีบ้านก็มีปัญหา หรือในทางตรงข้ามก็คือ พวกที่ไม่เชื่อถิออะไรเลย ไม่เหมือนพวกที่ก่อกรรมทำชั่ว ครอบครัวมักอยู่สุขทำให้คนไม่เข้าใจ
    ยมบาล ฮาฮ้า คนใจบุญุมักมีโรคมาก เนื่องจากชาติที่แล้วเขามีเวรกรรมหนักอยู่ หลังจากผ่านการลงโทษจากทุกขุมนรกแล้ว ตอนที่อยู่เมืองนรกได้ตั้งปณิธานไว้ว่า เกิดชาติหน้าจะประพฤติตนเป็นคนดี ดังนั้น พวกคนใจบุญมักจะมีเคราะห์มาก เป็นการขชดใช้เวรกรรมชาติที่แล้วมา อย่าได้โทษฟ้าโทษดินเลย ควรรู้สำนึกผิด สร้างสมบุญกุศล สักวันหนึ่ง เพราะหมดเวรกรรม หมดหนี้เก่าก็ย่อมจะสุขสบายแน่นอน สำหรับผู้ที่ก่อกรรมทำชั่วนั้น แล้วอยู่เป็นสุขนั้น เกิดขึ้นเพราะชาติก่อนเชาได้สะสมบุญบารมีเอาไว้มากยมบาลก็มิได้เพิ่มโทษใดๆ พวกมันก็ไม่ได้ตั้งปณิธานไว้ว่า ชาติหน้าจะประพฤติตนเป็นคนดี ดังนั้น พวกมันก็มีความสุขได้ แต่พอสิ้นบุญลง ชาติต่อไปก็ย่อมได้รับโทษที่ตนก่อไว้
    จึงมีคำกล่าวว่า
    บาปบุญไม่มีประตู แล้วแต่คนก่อเอา
    เคราะห์กรรมย่อมตอบสนอง เหมืองดังเงาติดตามตัว
    ผู้คนอย่าดูเพียงชาตินี้ชาติเดียว ควรพิจารณาว่ากฎแห่งกรรมนั้นมีจริง ผลที่รับในชาตินี้สืบเนื่องจากการกระทำในชาติก่อน ดังนั้น พวกที่ยากจน มีโรคมาก็จงอย่าโทษฟ้าดินหรือคนอื่น ควรรีบสร้างบุญ สร้างกุศล พวกที่มีบุญวาสนา ก็ยิ่งต้องรักบุญกุศล สะสมบุญบารมีอีก มิฉะนั้น พอหมดบุญลงเคราะห์กรรมจะมาถึง ก็จะสิ้มรสผลชั่วของตนเอง
    หยางเซิง ขอบพระคุณที่ท่านยมทูตให้ความกระจ่างเนื่องจากผู้คนล้วนมีแต่ตาเนื้อธรรมดา จะสามารถรู้แจ้งถึงการหมุนเวียนมาเกิดใหม่ของบรรพบุรุษหรือ ญาติโยมได้อย่างไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2016
  10. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,985
    ค่าพลัง:
    +1,223
    ยมบาล ตลอดชีวิตของคน ตอนที่ใกล้จะตายลง ให้ สังเกตอวัยวะทั้งห้าว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ร่างกายแข็งทื่อ หรืออ่อนนิ่ม ใบหน้าปกติหรือไม่ จะได้รู้ว่าผู้ตายจะไปสู่สุคติ หรือลงสู่ขุ่มนรก ให้พิจารณาดูดังนี้
    1 ตอนตายใหม่ๆ ถ้าหากหน้าตาปกติ ร่างกายอ่อนนิ่มสีหน้าเหมือนคนมีชีวิตอยู่ ก็เนื่องจากใด้บรรลุธรรม ดวงวิญญาณจะไปสู่สุคติ
    2 ตอนตายใหม่ๆ ถ้าหากร่างกายแข็งทื่อ หน้าตาซีตเผือดเหมือนคนตกใจ นั่นแสดงว่าวิญญาณได้ตกสู่นรกแล้ว
    3 ถ้าตอนตายใหม่ๆ ร่างกายแข็งทื่อ หน้าตาน่ากลัวเพราะความตกใจกลัวทำให้เนื้อกลายเปลี่ยนลักษณะไป ซึ่งเรียกว่าเปลี่ยนลักษณะซึ่งจะไปเกิดเป็นสัตว์สี่ชนิดด้วยกัน เราก็ดูได้จาก”ตา หู จมูก และปาก” เป็นทวารทั้งสี่ที่ดวงวิญญาณจะไปเกิดเพราะตามีน้ำตา หูก็มีขี้หู จมูกก็มีน้ำมูก ปากก็มีน้ำลาย เป็นทวาร ที่ไม่สะอาดสี่ช่องทาง ดังนั้น เมื่อตายลงแล้วถ้าวิญญาณออกจากทวารต่างๆ นี้ ชาติหน้าไปเกิดเป็นสัตว์ 4 ประเภท คือ สัตว์เกิดจากรก เกิดจากไข่ เกิดเป็นสัตว์น้ำ และเกิดเป็นพวกแมล-
    3.1 “ตา” พวกที่หลงกามคุณมากเกินไป พอจวนจะตายดวงตาจะเบิกกว้าง วิญญาณจะออกจากร่างกายทวารตา ชาติหน้าจะไปเกิดเป็นสัตว์ปีก(เกิดจากไข่) เช่น พวกนกต่างๆ อันได้แก่นกพราบ นกนางแอ่น นกเยี่ยว... เป็นต้น พวกนี้ตาจะได้เห็นทั่วทั้งสี่ทิศ บินไปไหนๆ ได้อย่างเสรี
    3.2 “หู” พวกที่ชอบฟังเรื่องราวไม่ดี เรื่องร้ายๆ ต่างๆมากมาย พอตายลงหูทั้งข้างจะชันขึ้นวิญญาณออกจากทวารหู ชาติหน้าก็เกิดเป็นสัตว์ที่เกิดจากรก ได้แก่ช้าง ม้า วัว ควาย หู จะเข้าใจ ภาษาคน ให้คนได้เรียกใช้สอย
    3.3 “ปาก” พวกที่กล่าวร้ายทำร้ายผู้อื่น พูดจาเสียดสีนินทา กล่าวหาเกินเลย ก่อนจะตาย ปากจะอ้ากว้างไม่หุบ วิญญาณออกทวารปาก จะไปเกิดเป็นพวกสัตว์น้ำ เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา เป็นต้น ปากจะลิ้มรสของเหม็น ของสกปรก และถูกคนจับตัวกิน
    3.4 “จมูก” พวกที่ชอบคมของหอมมากๆ ชอบหาเงินที่สกปรก ก่อนจะตายจมูกจะเบิกกว้าง วิญญาณออกทางจมูก ชาติหน้าจะเกิดเป็นพวกแมลง เช่น ยุง แมลงวัน มด หนอน ต่างๆเป็นต้น เพราะจมูกชอบดมของเหม็นที่สกปรก ชอบอกชอบใจตนเอง พวกนี้เกิดในที่ขึ้น มีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากบาปหนัก วิญญาณจะถูกตีแตกกระจายไปเกิดเป็นแมลงต่างๆกัน
    เวลาคนตายลง วิญญาณที่ออกทางทวาร “ตา หู จมูก ปาก” นี้ล้วนมีเคราะห์ร้ายมากกว่าเคราะห์ดี เนื่องจากทวรทั้งสีเป็นทวารสำรอง ที่คอยช่วยเหลือ “เจ้าของธาตุแท้” ถ้าหากใช้ทวารทั้งสี่ไปในทางที่ถูกต้อง ก็จะเป็น “ผู้เที่ยงตรงทั้งสี่” หากใช้ในทางตรงข้ามก็จะกลายเป็น “สี่มหาโจร” ซี่งจะทำลายเจ้าของ ในเวลาปกติ ถ้าใช้ทวารทั้งสี่ในทางเลวร้าย พอตายลงวิญญาณก็จะออกทางทวารเหล่านี้โดยธรรมชาติ ทำให้ไปเกิดเป็นสัตว์ต่างๆ สี่ประเภท ดังนั้นท่านศาสดา “ขงจี้อ” จึงกล่าวว่า “สิ่งที่ไร้มารยาท ไม่ควรดูควรพูดด ควรฟัง ควรกระทำ” เป็นการเตือนสติชาวโลก
    ถ้าพูดถึง รูปธรรมทั้งสี่ กล่าวว่า
    ตามีหน้าที่สังเกต เป็น “รูปเขา” ... ถ้าสามารถสงบนิ่งแล้วพิจารณาดูสรรพสัตว์เหมือนดังเด็กทารก ไม่แยกมิตรศัตรู โต้ตอบเสมอภาค ทำอย่างยุติธรรม ไม่ถือเขาถือเรา ไม่ดูถูกผู้อื่น จึงมีชื่อว่า “ไม่มีรูปเขา”
    หูมีหน้าที่เงียบ เป็น “รูปเรา” ...ถ้าสามารถกำหนดรู้ว่ากายเรานั้นยอมสูญสลาย รู้ว่าทุกสิ่งนั้น อนิจจัง โดยยึดหลักธรรมการสอนของ “เซน” เสียสละด้วยความกล้าหาญไม่รักตัวกลัวตาย เพื่อความสำเร็จที่ใหญ่กว่าเรา พลีชีพอันน้อยนิดของเราเพื่อชาติ เพื่อประชาชน จึงได้ชื่อว่า “ไม่มีรูปเรา”
    จมูก มีหน้าที่แยกแยะ เป็น “รูปอายุ” ไม่กระทำอย่างสามัญชนแต่จงให้อภัยผู้อื่น ปณิธานที่ตั้งไว้ให้ยึดถือปฏิบัตอย่าเป็นคนเจ้าทุกข์ พะว้าพะวง คิดห่วง จะมีอายุให้ถึงร้อยปี ดังนั้น จึงได้ชื่อว่า “ไม่มีรูปอายุ”
    ปาก มีหน้าที่พูด เป็น “รูปสรรพสัตว์” ถ้าสามารถแยกโลกออกจากจิตใจ พอหมดก็ให้หมดตลอดกาล ไม่ให้เกิดความโภล หลง ติดต่อกัน ก็จะหลุดพ้นช่องทางเกิดหกช่องทางชาวโลกรีบๆ เสาะแสวงหาธรรมะ(ไต่เต๋า) เดินตกสู่ประตูใหญ่(ทางนิพพาน) กระทำทุกสิ่งโดยถือหลักพรหมวิหาร นั่นคือ (ปกติทำอะไรที่ไม่เป็นบาป ยามค่ำคืนก็ไม่ต้องกลัวผีมาเคาะประตู)
    หวังว่าชาวโลกจะบรรลุนิพพาน
    หยางเซิง ได้ฟังท่านหลุ้นจ้วงอ้วงบรรยายธรรมะเหล่านี้ดีกว่าอ่านหนังสือถึงสิบปี แต่เมื่อครู่ที่กล่าวถึงการเวียนเกิด สัตว์สี่ชนิดนี้ เราสามารถสังเกตได้จากอวัยวะทั้งห้าของคนที่กำลังจะตายหรือ
    ยมบาล ฮาอ้า มีเพียงอวัยวะสี่อย่างเท่านั้น มิใช่อวัยวะห้าอย่าง ถ้าอวัยวะสี่อย่างไม่บริสุทธิ์ อวัยวะห้าอย่างจะบริสุทธิ์ได้อย่างไร จากหน้าตายของวผู้วายชนม์ ก็สามารถหยั่งรู้ทางไปของเขาแต่ก็ต้องอาศัยเหตุผลและผลสามชาติ บาปบุญคุณโทษที่มีอยู่มาชำระคดีความ จึงสามารถได้ผลที่ถูกต้อง แต่ส่วนใหญ่แล้ว จากรูปลักษร์ก่อนตาย ก็สามารถที่จะรู้ได้ถึงที่ทางที่เขาจะได้ไปดีหรือร้ายอย่างไร ดังนั้น ทิศทางหมุนเวียนของคน ก็ขึ้นอยู่กับตัวของตนเองผุ้ที่มีตาทิพย์ย่อมเห็นได้เองโดยตลอด ขอให้ผู้คนเดินในทางตรง(สร้างบุญกุศล) อย่าเดินทางอ้อม (ก่อกรรมทำเข็ญ) ตอนจะจากโลกนี้ไป จะได้เดินทางโดยสวัสดิภาพ
    หยางเซิง ยิ่งพบหนังสือพิมพ์ลงข่าวดี ทารกคลอดผิดปกติอยู่เนืองๆ เช่น เด็กทารกมีร่างกายเหมือนหมู หัวเป็นคนบ้างเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการหมุนเวียนเกิดอย่างไร
    ยมบาล ทารกผิดปกติต่างๆ ตามสันนิษฐานของแพทย์บอกว่า อาจเกิดจากการกินยาผิดระหว่างการตั้งครรภ์ ทำให้ทารกมีรูปร่างประหลาด แต่พูดถึงกฎแห่งกรรมแล้ว ทารกประหลาดเกิดจากมารดาได้รับวิญญาณบาป (ทำให้เกิดเด็กรุปร่างเหมือนสัตว์)เหล่านี้เกิดจากตอนที่มาเกิด วิญญาณสัตว์ยังไม่ละทิ้งร่างเดิม (รูปสัตว์)นั้น เรื่องของทารกที่มีร่างติดกันนั้น ส่วนใหญ่มาจากชาติที่แล้วมีความรักที่ผิดปกติ(แยกกันไม่ได้) หรือเกิดจากผู้สมรู้ร่วมกันทุจริต จับกลุ่มกันปล้นจี้ (จับกลุ่มไม่ยอมให้แยกสลาย ร่วมเป็นร่างกาย)ซึ่งเป็นเหตุก่อให้เกิดมีร่างติดกัน ดังนั้น ตลอดชีวิตต้องอยู่ติดกัน เดินเหินก็ลำบาก มีบางทีต้องผ่าตัดแยกออก (เลือดเนื้อถูกชำแหละ ทุกข์เวทนายิ่งนัก) เพื่อให้ผู้คนมีบุตรที่”สมบูรณ์” ต้องประพฤติตนให้เป็นสุภาพบุรุษ ซึ่งจะมีบุตรธิดาที่เรียบร้อย แน่นอนมารดาต้องบำรุงเลี้ยงครรภ์ให้ภูกต้องอย่าทานอาหารที่ผิด ซึ่งอาจเป็นพิษต่อการเจริญครรภ์ ซึ่งมีความสำคัญยิ่ง
    อรหันต์จี้กง เนื่องจากเสียเวลาไปมาก วันนี้ขอสัมภาษณ์เพียงเท่านี้ก่อน หนังสือ “วงเวียนกรรมของสัตว์เดรัจฉาน” ก็ได้มาถึงตอนอวสานแล้ว ขอบคุณท่านหลุ้นจ้วงอ้วง ที่สละสั่งสอน วันที่ 8 กุมภาพันธ์ นี้ ก็พอดีครบรอบหนึ่งปีในการทำหนังสือ ที่สำนักเซินเต๋อถัง ได้เตรียมดอกไม้ธูปเทียนและผลไม้ห้าชนิด เพื่อฉลองการแต่งหนังสือสำเร็จลง อาตมาหยางเซิงได้รับเชิญจากพระแม่แห่งสุขาวดีแดนพุทธเกษตร เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จในการแต่งคัมภีรีศักดิ์สิทธิ์ พระแม่ได้จัดเลี้ยงประทานให้ทั่วถึง ผู้มีบุญวาสนาย่อมได้รับเอย
    หยางเซิง ขอบพระคุณ ท่านหลุ้นจ้วงอ้วงที่ได้บรรยายธรรมอันลี้ลับ ขอกราบลาก่อน
    ยมบาล สานุศิษย์ เซินเต๋อถังทุกท่านเหนื่อยมากแล้วๆบุญบารมีสร้างไว้มาก ขอให้หนังสืออันยิ่งใหญ่สำเร็จ ตามมุ่งหมาย เป็นแสงธรรม แผ่รัศมีเจิดจ้าส่องทั่วมุมโลก
    หยางเซิง ผมนั่งเรียบร้อยแล้วครับท่านอาจารย์ เชิญอาจารย์กลับสำนักเถิด
    อรหันต์จี้กง ยาน “เซืนเต๋อ” ได้ผ่านอุปสรรคนานัปการ ผ่านทั้งลมทั้งฝนดีกระหน่ำ หยดน้ำฝนนอกบัญชรทำให้เย็นฉ่ำถึงภายในดวงจิต บรรทุกความสำเร็จเด็มเปี่ยม กลับมา ผู้มีบุญวาสนาย่อมได้รับผลตอบแทน ถึงสำนักเซินเต๋อถังแล้วหยางเซิงลงจากยานได้ วิญญาณกลับเข้าร่างเดิม
    ครั้งที่ 22 วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉานสำเร็จลง พระแม่แดนสุขาวดีจัดพิธีเฉลิมฉลอง
    อรหันต์จี้กง เสด็จลงทรง วันที่ 3 มีนาคม 2525
    อรหันต์จี้กง ฮาฮ้า วันนี้เป็นวันมงคลวันหนึ่ง หนังสือวงเวียนกรรมจบลงในยี่สิบสองครั้ง ฝนไม่ตกนานแล้ว วันนี้เกิดมีฝนตกหนักสระบึง ที่แห้งขอด ก็มีน้ำเต็มขึ้นมาฉับพลัน ปลาน้อยต่างดีใจกระโดดโลดเต้น สัตว์เดรัจฉานที่มีชีวิตรอดอยู่ในโลกนี้ นอกจากสัตว์จำนวนน้อยที่ถูกมนุษย์รักสงวน ได้รับการเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอนแล้ว สัตว์ส่วนใหญ่มีชีวิตตามมีตามเกิด ตลอดชีวิตอาจไม่เคยอาบน้ำเลยสักครั้งเดียว ยกเว้นตอนตายเท่านั้นที่มนุษย์กรุณาอาบน้ำให้(อาบน้ำเดือด) ซึ่งการอาบน้ำเดือดเช่นนั้น เป็นการอาบเพื่อเอาชีวิตของมัน จากนั้น ก็ถอนขน ขูดขน น่าอนาถยิ่งนัก วันนี้ สำนักเซินเต๋อถังได้รับ เทวโองการให้แต่งหนังสือ วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน บัดนี้ได้ สำเร็จลงแล้ว อาตมาเลยเสกฝนทิพย์ เพื่อเป็น การอาบน้ำชำระกายให้เหล่าสัตว์ทั้งมวล เป็นการ “อาบน้ำเย็น”เพื่อให้วิญญาณได้ตื่น จากภวังค์จะได้มีชีวิตยืนยาวต่อไป ถึงแม้ว่าพวกมันจะเปียกโชกไปด้วยน้ำฝนเหมือน “ไก่ในซุป” แต่ทว่าพวกมันต่างดีอกดีใจใจเพราะว่าน้ำเย็นไม่มีอันอันตรายต่อมัน ยิ่งเป็นพวกเป็ดพวกห่าน ยิ่งพออกพอใจมาก เพราะทุกๆ วันก็ได้แต่ดื่มกินน้ำเหม็นๆในบ่อนั้น บัดนี้มันอ้าปากแหงนคออ้าปาก รองรับน้ำฝนดื่มกินพวกควายส่ายหัวไปมา ชะล้างเอาฝุ่นดินไปได้อักโข เสือ สิงโต เสือดาว ช้าง ก็พอใจต่อการอาบน้ำครั้งนี้เช่นกัน นั้นก็คือ เป็นการล้างร่างกายและ วิญญาณของเหล่าสัตว์ เพื่อ “ซุบซีวิตให้สะอาดบริสุทธ์”
    หยางเซิง วันนี้ได้เห็นอาจารย์เริงร่าโบยบิน ศิษย์ก็มีจิตเริงร่าไปด้วย เป็นการเสร็จภารกิจของสรรคืไปอีกอย่างหนึ่ง
    อรหันต์จี้กง ยานทิพย์ลำใหม่ ไม่มีผุ่นไอเกาะติด นั่งแล้วช่างสุกเหลือเกิน ถึงแม้จะมีคลื่นน้อยอยู่บ้าง ก็ได้อาศัยคลื่นน้อยนี้กระทบให้เรือได้แล่น หลี่วๆ ฉิวๆ เพลิดเพลินยิ่งนัก มองเห็นที่สำนักเซินเต๋อถังมีถาด ผลไม้ 5 ถาด เรียงถวายอยู่ อาตมาไม่อาจรับไว้ได้ จะนำความหมายของผลไม้ทั้ง5 ถาดมาเล่าให้ฟัง
    1 ผลเฉาบ๊วย มีผลแดงน่ารัก รอบๆ ผลมีเม็ดเล็กๆงอกออกมาเหมือน (อรหันต์น้อย) กินแล้วเปรี้ยวๆ หวานๆนั้นหมายถึงคนถือบวช มีทั้งทุกข์ มีทั้งสุข ผ่านอุปสรรคนานาชนิด จนกว่าจะสำเร็จเป็น(อรหันต์)ผลบริสุทธิ์
    2.ผลเน้ยบู่ ลูกแดงเรื่อๆ น่ารัก ดูเหมือนระฆังที่แขวนแขวนไว้กลางหาวเหมือนเมฆหมอก ถ้าเอาลงมาไว้บนพื้น ก็คล้ายฝักบัว(ฐานบัวรองพระพุทธรูป) รสหวานชื่น เหมือนกับเผยดวงจิตผู้ทรงศีลควรรับประทานบ่อยๆ จะได้เอาฝักบัว(ฐานบัว)ลอยล่อง อยู่ห่างกลางเมฆหมอก
    3.องุ่น ผลไม้ถาดนี้เป็นสินค้าจากสหรัฐอเมริกา ผู้ถือศีลนับว่ามีวาสนาได้ลิ้มรสองุ่นนอกองุ่นดูเหมือนลูกประคำ ใครเห็นก็ชอบ พวกองุ่นลูกประคำนี้ ทั้งสวดมนต์ก็ได้รับประทานก็ได้มีประโยชน์มาก ขอให้สรรพสัตว์จงอย่าห่างไกลพระเหมือนองุ่นอยู่ในมือ อย่าเหมือนผู้ที่ไม่ได้รับประทานผลองุ่นก็มักจะบ่นว่าเปรี้ยวปากเฉกเช่นกล่าวว่า “สุขาวดีอยู่ไกลเหลือเกินเดินไม่มีวันถึง ผลไม้ทิพย์อยู่บนสวรรค์ไม่อาจจะได้ลิ้มชิมรส” ฉะนี้ แล้วผลองุ่นนี้เล่ามิใช่อยู่ห่างเป็นหมื่นๆลี้(แดนสุขาวดี) ถึงสหรัฐอเมริกาหรอกหรือ ทำไมส่งมาวางต่อหน้าท่านได้ล่ะ ฉะนั้นจงอย่ากล่าวว่าไม่มีทางนะ
    4.พุทรา พุทรารูปร่างกลมๆ รีๆ เหมือนลูกรักบี้ เป็นผลไม้ธรรมที่ควรจะแย่งชิงเอาไว้ การฝึกธรรมะก็เหมือนเล่นรักบี้บางครั้งแย่งลูกกันจนหัวร้างข้างแตก(รบกับมาร)เนื่องจากความเมตตาจึงไม่ยอม ถ้าหากจะยืนยันอยู่ในแดนธรรมะ ด้วยความมั่นใจที่จะเอา(ผลธรรมะ) เตะเข้าเขตแดนของตนให้จงได้ มิฉะนั้นถ้าถูกมารแย่งไปได้ ก็จะได้ชื่อว่า ผู้พ่ายแพ้ในสนามธรรม
    5.น้อยหน่า เป็นถาดที่วางอยู่ตรงกลาง เป็นถาดที่เด่นมนุษย์ใช้พลังสมองตลอดชีวิต ใช้จนหัวหมุนมึนงง ผลที่สุดก็แห้งเหี่ยวเฉาตาย ผลน้อยหน่านี้ดูเหมือนศีรษะใหญ่ บนศีรษะยังเต็มไปด้วยหัวเล็กๆก็เหมือนกับ คนๆ เดียวอวตาลเป็นคนนับไม่ถ้วนเศียรๆ เดียวอวตาลเป็นหลายๆเศียร แต่ละเศียรล้วนมีธรรมะในที่สุดก็สำเร็จเป็นอรหันต์ผล น้อยหน่าเป็นผลไม้ชั้นเลิศ ผู้มีวาสนาก็สามารถได้รับ อันนี้ก็มีความหมายเป็นประการฉะนี้ การบูชาพระควรใช้ผลไม้ เธอดูซิมันน่าสดใหม่เพียงใด ผลไม้บูชาเหล่านี้ผลที่สุดก็คือกลับให้ผู้คนได้กินกัน เมื่อผู้คนได้อ่านหนังสือวงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉานจบลงแล้ว เชื่อแน่เหลือเกินว่า บนโต๊ะบูชาคงลดสิ่งเหม็นคาว(เป็ด ไก่ หมู) ฮ้า ฮ้า
    หยางเซิง อาจารย์กล่าวอย่างมีเหตุผล ศิษย์ได้อ่านพบหลังสือเชิญชวนทานเจ
    อรหันต์จี้กง ท่องได้ดีมาก ขอให้สาธุชนคิดให้ลึกซึ้งเพื่อหลุดพ้น หยางเซิง แต่งตัวเสียให้เรียบร้อย วันนี้สุขาวดีแดนพุทธเกษตรมีงานพิธีฉลอง พระแม่คอยพบพวกเราอยู่ เตรียมตัวขึ้นปทุมทิพย์
    หยางเซิง ครับผม ผมแต่งตัวเรียบร้อยอยู่แล้ว นั่งเรียบร้อยบนปทุมทิพย์ ขอเชิญท่านอาจารย์ออกเดินทางเถิด
    อรหันต์จี้กง วันนี้ ขอให้เจ้าเป็นผู้ขับเคลื่อนปทุมทิพย์ก็แล้วกัน
    หยางเซิง ผมไม่กล้าครับ ถึงแม้ว่าดอกปทุมทิพย์วันนี้จะใหญ่ขึ้นอีกเท่าตัว รอบๆยานมีรัศมีเปล่งฉายเหมือนดังเพชรเปล่งประกาย มองดูเป็นของล้ำค่า แต่ศิษย์มิกล้าขับเคลื่อน
    อรหันต์จี้กง ปทุมทิพย์ช่อนี้ เป็นยานพาหนะพาเราศิษย์อาจารย์ไปเที่ยวจนแต่งหนังสือจบลงไปแล้วสามเล่ม เพื่อฟ้าดินเพื่อมนุษย์สัตว์เดรัจฉาน เบิกสู่สรวงสวรรค์ที่พิจิตพิสดาร ดังนั้นดอกปทุมทิพย์นี้จึงขยายใหญ่ขึ้นทุกทีเพิ่มรัศมีขึ้นอีก กอบกู้มนุษย์นับจำนวนไม่ถ้วน หนังสือทั้งสามเล่มนี้ ช่วยให้เขาถึงชีวิตหันมาฝึกฝนบำเพ็ญธรรม ก็ได้อาศัยดอกปทุมทิพย์นี้จึงขยายใหญ่ขึ้นทุกทีเพิ่มรัศมีขึ้นอีก กอบกู้มนุษย์นับจำนวนไม่ถ้วน หนังสือทั้งสามเล่มนี้ ช่วยให้เขาถึงชีวิตหันมาฝึกฝนบำเพ็ญธรรม ก็ได้อาศัยดอกปทุมทิพย์นี้ ดังนั้นจึงมีพลังธรรมะผิดธรรมดา เธอไม่ต้องตกใจกลัว เพียงจิตคิดเคลื่อน จะไปหาพระแม่แห่งแดนสุขาวดีเท่านั้น ปทุมทิพย์ก็จะแล่นลิ่วไปตามเจ้าคิด
    หยางเซิง เป็นไปได้อย่างนี้หรือ
    อรหันต์จี้กง แน่นอน ถ้าหลงทางอาจารย์จะช่วย ถ้าไปถูกก็ไปเอง ตอนนี้ก็ไปเองเถอะ
    หยางเซิง อาจารย์กล่าวเช่นนี้ ผมก็จะกล่าวให้ถูกต้อง ปทุมทิพย์ ปทุมทิพย์ ฉันกับอาจารย์ต้องการไปงานฉลองที่แดนสุขาวดี ขอเชิญออกเดินทางเถิด มหัศจรรย์จริง พอกล่าวจบเท่านั้น ปทุมทิพย์ก็บินไปเหมือนเครื่องบิน ลอยอยู่บนนภากาศผ่านชั้นเมฆต่างๆ นับไม่ถ้วน ตรงไปสู่เบื้องบน ด้วยความเร็วที่สูงมากจนตาลืมไม่ขึ้น
    อรหันต์จี้กง เธอควรหลับตา เข้าสมาธิ แดนสุขาวดีสักครู่ก็ถึง
    หยางเซิง ครับผม ผมจะหลับตาสักครู่ แสงวับๆ สีขาวอยู่ข้างหน้า คงถึงแล้วซินะ
    อรหันต์จี้กง มาถึงแดนสุขาวดีแล้ว ข้าจะบังคับให้ปทุมทิพย์หยุด หยางเซิงรีบลงจากยานได้ ลานพิธีบรรดาเทพเทวดาตลอดจนพระพุทธเจ้าทั้งหลายนั่งอยู่เต็มไปหมด พวกเรารีบเข้าไปนมัสการ ท่านพระแม่กันเถอะ
    หยางเซิง แดนสุขาวดีเต็มไปด้วยงานเลี้ยง คึกครื้นผิดปกติ
    มหาจักรพรรดิ์หลือซุ่นเอี้ยง ยินดีต้อนรับพระอรหันต์จี้กงกับหยางเซิงแห่งสำนักเซินเต๋อถัง เมืองไถจง งานเลี้ยงฉลองในวันนี้ ข้าพเจ้าเป็นผู้รับผิดชอบ ขอเชิญท่านทั้งสองโปรดตามข้าพเจ้ามา
    หยางเซิง ขอรับกระผม ขอบพระคุณ ท่านอาจารย์หลือที่นำทาง
    มหาจักรพรรดิ์หลือซุ่นเอี้ยง ที่นี้เป็นที่พิเศษ ขอเชิญท่านและอรหันต์จี้กง
    หยางเซิง ขอบพระคุณ ท่านอาจารย์หลือ โต๊ะตัวนี้กลมใหญ่ปูด้วยผ้ากำมะหยี่สีแดงสด บนโต๊ะเต็มไปด้วยผลไม้หลากชนิด และน้ำอมฤต พระแม่กวนอิมก็ทรงประทับอยู่ ศิษย์หยางเซิงขอนมัสการท่านมหาโพธิสัตว์
    พระกวนอิม มิต้อง วันนี้ท่านทั้งสองเป็นแขกพิเศษเชิญนั่งเถอะ
    หยางเซิง ขอรับกระผม ขอบพระคุณ ท่านมหาโพธิสัตว์ที่เป็นห่วง
    มหาจักรพรรดิ์หลือซุ่นเอี้ยง วันนี้... เนื่องด้วยฉลองการแต่งหนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” พระแม่แห่งแดนสุขาวดี จึงจัดงานนี้ขึ้น จำนวนโต๊ะ ทั้งหมด 108 ตัว ได้เชิญท่านสาธุคุณระดับสูงจากสามแดน พระแม่และท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ได้เสด็จออกมานั่งบัลลังก์แล้ว
    อรหันต์จี้กง หยางเซิงรีบนมัสการ
    หยางเซิง ลูกน้อยขอกรอบนมัสการท่านพระแม่และท่านเง็กเซียนฮ่องเต้
    พระแม่ เจริญพร ลูกหยางไม่ต้องเกรงใจ รีบลุกขึ้นนั่งเถอะ
    หยางเซิง กราบขอบพระคุณ ท่านพระแม่ที่ทรงพระกรุณา รีบนั่งลงบนเก้าอี้ มองเห็นทัศนียภาพแดนสุขาวดีชวนหลงใหล เหมือนสวนสวรรค์นอกจักรวาล ต้นท้อมีผลขาวเต็มไปหมดการแต่งกายที่ไม่เหมือนกับของพระศาสดา แห่งศาสนาต่างๆ กันเริ่มทยอยกันมาถึง แขกที่มาในงานพิธีดูเหมือนจะมากันครบหมดแล้วบนพระเศียรของแขกทั้งหลาย ต่างมีรัศมีเปร่งประกาย ทำให้บริเวณงานนั้นสว่างไสวไปด้วยลำแสง
    มหาจักรพรรดิ์หลือซุ่นเอี้ยง เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองแสดงความยินดีต่อสำนักเซินเต๋อถัง เมืองไถจงที่ได้รับเทวโองการให้แต่งหนังสือ วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน สำเร็จลงงานฉลองเริ่ม ณ บัดนี้ ขอเชิญท่านทั้งหลาย โปรดยืนขึ้น แสดงการคำนับต่อท่าน พระแม่ และเง็กเซียนฮ่องเต้สามครั้งราชเลขา”มัวโกว” ได้นำเหล่านางฟ้า และคนธรรมพ์นำดนตรีออกแสดงเหล่านางฟ้าร่ายรำไปตามจังหวะดนตรี ทั้งหมดพากันนั่งลง แล้วเลี้ยงฉลองกัน
    พระแม่ ลูกหยางไม่ต้องเกรงใจ งานวันนี้จัดให้เพื่อเจ้าโดยเฉพาะ เนื่องจากสาธุคุณชั้นสูงในสามแดนนี้ต่างก็ได้รับความสุขมานาน และต่างก็ไม่ต้องการงานแบบนี้นัก วันนี้จัดงานขึ้นเพื่อให้เธอเห็นเป็นบุญตา ได้เห็นความสุขอันพิสดารของสวรรค์ จะได้เล่าสู่เพื่อนมนุษย์ฟัง จะได้โน้มนำพวกเขาได้มายัง ณ ที่นี้ จึงจัดงานนี้ขึ้น ท่านพระศาสดาแห่งศาสนาต่างๆ ก็ได้มาเป็นเกียรติแม่ ลูกหยาง อรหันต์จี้กง ท่านทั้งสองเหน้ดเหนื่อยมากนัก
    อรหันต์จี้กง อันนี้เป็นหน้าที่สวรรค์
    หยางเซิง ลูกมีบุญวาสนา พระแม่รักใคร่เอ็นดู จึงได้มอบหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ให้ ตามท่านอาจารย์ท่องทั่วสากลโลกเที่ยวสอบถามพวกสัตว์ แต่งตำหรับตำราธรรมะ สวรรค์ทรงเมตตาอาจารย์สั่งสอนธรรมะสูงส่ง ไม่รู้ว่าจะตอบแทนบุญคุณเมื่อไร
    พระแม่ ลูกหยางอย่าพูดถึงบุญคุณ ขอให้ยิ่งทำยิ่งก้าวหน้าเดินสู่หนทาง “มหาธรรม” อย่าได้หยุดยั้งบุญกุศล ภายภาคหน้าไม่อาจนับได้ รีบลิ้มผลไม้สวรรค์เถิด
    อรหันต์จี้กง หยางเซิงไม่ต้องเกรงใจ สิ่งเหล่านี้พระแม่ประทานให้ทั้งสิ้น
    หยางเซิง ขอบพระคุณ พระแม่ที่มีมหากรุณาธิคุณ ผลไม้ทิพย์เหล่านี้ก็มี ผลท้อ ผลสาลี่ ทานแล้วรสชาดอร่อยน้ำลายไหลแล้วทำไมบนโต๊ะจึงมีผลไม้ 5 ถาด ที่เหมือนกับที่สำนักเซินเต๋อถัง
    พระแม่ เจริญพร ลูกหยางเธอไม่รู้หรือ ผลไม้ 5 ถาดนี้ ก็คือ ผลไม้ที่อยู่บนโต๊ะบูชา ตอนนี้แดนสุขาวดีมีงานฉลอง ที่สำนักเซินเต๋อถัง ก็มีพิธีฉลองเช่นเดียวกัน สวรรค์และมนุษย์ร่วมใจกันเป็นหนึ่ง เธอก้มศีรษะแลดู ภาพเหตุการณ์ที่เซินเต๋อถัง มิใช่อยู่ตรงหน้าที่แดนสุขาวดีหรอกหรือ(ชั่วขณะนั้นผู้ที่เหน็ดเหนื่อยที่เซินเต๋อถังจะมีน้ำทิพย์อยู่เต็มปากกันหมดทุกคน) พระแม่ได้นำจิตของผู้ที่เหน็ดเหนื่อยเหล่านั้นมาร่วมงานฉลอง ดังนั้น พวกเขาจึงมีความรู้สึกที่แปลกออกไป
    หยางเซิง น่าแปลกประหลาดจริงๆ ทันใดนั้นก็แลเห็นวิญญาณเดิมของเขาเหล่านั้นมาร่วมงานฉลองด้วย
    พระแม่ จงดื่มน้ำอมฤตนี้เถอะ ดื่มเลย
    หยางเซิง ขอบพระทัยพระแม่ที่มีมหากรุณาธิคุณ พอดื่มน้ำอมฤต รู้สึกเหมือนกาวเหนียวๆ เกาะติดมีความสดชื่นหอมหวาน ขอกราบเรียนถามพระแม่ ที่โต๊ะรับรอง นอกจากพระบรมศาสดาของแต่ละศาสนา พระแม่กวนอิม และเทวดาแห่งแดนสุขาวดีแล้ว ที่เหลืออีกหกท่านไม่รู้จักมักคุ้นมองดูก็รู้สึกว่าเป็นผู้มีบุญวาสนาไม่ทราบว่าเป็นท่านผู้ใด
    พระแม่ หมุนเวียนในโลกมนุษย์ บุคคลข้างหน้าไม่รู้จัก เนื่องจากเจ้าแต่งหนังสือ เที่ยวเมืองนรกเที่ยวเมืองสวรรค์ จบบริบูรณ์สองเล่ม ปลอบเตือนผู้คนจำนวนไม่น้อย สร้างบุญบารมีนับไม่น้อย ตอนที่ถวายหนังสือเที่ยวสวรรค์ แม่ได้ประทานให้บรรพบุรุษของเจ้าทั้งเก้าชั่วโคตรมีโอกาสขึ้นสวรรค์ เพื่อบำเพ็ญธรรมต่อ มีบางคนอยู่ในพุทธสถาน บางคนอยู่ในอุทยานจี๋เต๊กลิ้มบ้างอยู่ในวังแดนสุขาวดี วันนี้เชิญบรรพบุรุษมาเพียงหกท่าน เพื่อร่วมพิธิฉลองนี้ เพื่อให้หลานที่อยู่ในมนุษย์โลกกับปู่ ปู่ทวด ได้พบหน้ากัน
    หยางเซิง ขอบพระคุณ พระมหากรุณาธิคุณของพระแม่ที่ทรงโปรด ช่วยเหลือบรรพบุรุษของกระผม เนื่องจากผมรุ่นหลังปู่ทวด ดังนั้นจึงไม่รู้จักหน้าตา ขอบรรพบุรุษโปรดอภัยด้วยเถิด
    พระแม่ ตอนนี้ให้ปู่ของเจ้า (โจ้เทียม) ได้พูดคุยก่อน
    โจ้เทียม วันนี้ได้พบหน้าหลานที่แดนสุขาวดีนี้นับว่าโชดดีแท้ ในใจมีความยินดีเป็นล้นพ้น เมื่อก่อนนี้ปู่เป็นทหารรับใช้ชาติ ได้รับกับทหารญี่ปุ่นจนเสียชีวิต ตอนนั้นพ่อของเจ้าเพิ่งจะมีอายุเพียงสามขวบเท่านั้น ครอบครัวทุกข์ยาก พ่อของเจ้าเติบโตขึ้นมา มีความวิริยะอุตส่าห์ ทำไร่ไถนาไปพลางและเป็นลูกจ้างเขาไปพลาง แม้จะยากจนก็ไม่ละโมภไม่คตโกง คอยช่วยเหลือเพื่อนบ้าน ช่วยผู้อื่นพ้นทุกข์ พื้นจิตมีเมตตาธรรม ศรัทธาไหว้พระ เนื่องจากบรรพบุรุษตระกูลหยางของเราสะสมบุญบารมีไว้มาก ดังนั้นในระหว่างความทุกข์ยาก สวรรค์ก็ได้ประทาน พุทธบุตร ตอนเธอเด็กๆ อยู่เธอก็ติดตามพ่อไหว้พระอยู่เนืองๆ ค่อยๆ เข้าใจธรรมะ เมื่อได้รับการชี้แนะจากเทพเทวดาและพระพุทธ จนในที่สุดเธอก็สละกายช่วยสวรรค์เผยแพร่ธรรมะ แต่งหนังสือ “สวรรค์-นรก” 2 เล่มสำเร็จลง เรียบเรียงหนังสือจำนวนไม่ถ้วน สร้างบุญสร้างกุศล จนกระทั้งวันนี้สามารถช่วยเหลือบรรพบุรุษได้ขึ้นสวรรค์ชั้นอรูปพรหม ได้รับแต่งตั้งเป็น “โพวเต็กจิงยิ้ง” หวังให้เธอเผยแพร่ธรรมะต่อไป วันข้างหน้าบรรพบุรุษจะได้รับรัศมีเจ้าด้วย
    หยางเซิง ขอรับกระผม ขอบพระคุณพระแม่ที่มีมหากรุณาธิคุณ ที่ประทานตำแหน่งให้
    พระแม่ เมื่อหว่านไถ ก็ต้องได้รับผล รับประทานผลไม้และอาหารทิพย์ต่อเถอะ
    หยางเซิง นางสวรรค์ขับร้องฟังเสนาะหู กำลังเข้ามาหามีถาดผลท้อในมือมาด้วย ถวายแด่พระแม่
    พระเม่ เอาผลท้อให้หยางเซิงด้วย
    หยางเซิง เลขาสวรรค์มัวโกว ได้นำผลท้อมาให้ต่อหน้า
    มัวโกว ผลท้อแดนสุขาวดีมอบแก่หยางเซิง ขออวยพรให้รุ่งเรืองในมหาธรรมสมาคม
    หยางเซิง ขอบคุณ ท่านเลขาที่นำผลไม้มาให้
    มัวโกว มิต้องเกรงใจ
    หยางเซิง ผมจะนำผลท้อนี้กลับไปที่สำนัก เพื่อให้แก่เพื่อนร่วมสำนัก เพื่อให้แก่เพื่อนร่วมสำนัก วันนี้สามารถแต่งหนังสือ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” สำเร็จลงเพราะเพื่อนร่วมแรงร่วมใจช่วยเหลือ จึงได้ผลในวันนี้ พวกเขาเป็นนักบุญนิรนาม เมื่อมีบุญก็ต้องได้รับด้วย
    พระแม่ ถูกต้อง บรรดาศิษย์ที่สำนักเซินเต๋อถังได้ช่วยกันแต่งหนังสือ ตรากตรำค่ำคืน มีบุญมากมาย แม่จะประทานน้ำอมฤตให้หนึ่งขวด ให้ลูกหยางนำกลับไปที่สำนักให้พวกเขาได้ร่วมดื่มด้วย
    เง็กเซียนฮ่องเต้ วิญญาณสรรพสัตว์ล้วนพระแม่เป็นผู้เสกสัตว์เดรัจฉานได้รับโชคดีในวันนี้ พระแม่มีเมตตากอบกู้ขอเพียงให้รู้สำนึก รู้บำเพ็ญเพียร ไม่ทำร้ายต่อกัน ก็จะได้เกิดเป็นคน ยิ่งมนุษย์ด้วยแล้วต้องรักตัวสงวนกาย อย่าได้ตกลงไปเกิดเป็นสัตว์ นี่คือความปรารถนาของแม่
    ศาสนาเต๋า เวลาไหว้พระไหว้เจ้า จงอย่าฆ่าสัตว์มาเซ่นไหว้ หน้าศาลเจ้า ควรทำให้สะอาด ดอกไม้ผลไม้เป็นของมีค่าควรแก่สักการะบูชา ขอให้ผู้คนเข้าสู่ประตูธรรม คนและสัตว์ต่างขึ้นสวรรค์
    พระตถาคต เจริญพร พระพุทธเจ้าจิตเมตตา อยากโปรดสัตว์ให้หมดโลก จึงจะเข้าสู่นิพพาน สัตว์มีโชควาสนาวันนี้ได้รับการโปรดช่วยเหลือ ขอให้ผู้คนจงรักเอ็นดูสัตว์ อาจมีบ้างที่สัตว์ชาติก่อนเป็นญาติโยมเพื่อนฝูง ดังนั้นควรหล่อเลี้ยงจิตให้มีเมตตารักใคร่เอ็นดูมัน ขอให้ผู้คนเดินตามรอย ฝึกพุทธบำเพ็ญเพียรหวังสัมฤทธิ์ผล
    ขงจี้อ เมื่อประชาชนรักเมตตาสัตว์ ก็ย่อมไม่ฆ่าสัตว์ คนก็ไม่ต่างไปจากปราชญ์ เมื่อพลาดแล้วแก้ไขบุญกุศลยิ่งใหญ่เอย
    พระเยซู พระเจ้ารักประชาชน เหมือนรักชีวิตของสัตว์เดรัจฉาน สัตว์ส่วนใหญ่เป็นผู้ช่วยของคน สุนัขเฝ้าบ้านไก่ขันรับอรุณควายไถนา วัวให้น้ำนม ดังนั้นคนควรให้เมตตามากๆ ไม่ควรเอาน้ำตาปนเลือดป้ายใส่ไม้กางเขน แน่นอนพวกมันจะฟื้นคืนมายังมนุษย์โลกอีก
    พระเจ้าโมฮะหมัด จงปล่อยวางดาบลง ล้างมือที่เปื้อนเลือดเสีย แล้วมาทานอาหารเจที่สดๆ สักมื้อหนึ่ง นี่คือความปรารถนาที่แท้จริงของพระอาล่าที่แท้จริง
    พระแม่กวนอิม เจริญพร ยานบุญบรรทุกสรรพสัตว์ เต็มไปหมด คนก็มา เป็ดไก่ก็มา “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน”แต่งเสร็จ ทุกบ้านมีจิตพุทธะ สุนัขไก่ต่างบินขึ้นสวรรค์
    กุมารเทพ ธรรมะศักดิ์สิทธิ์ แผลงเป็น ไผ่ศักดิ์สิทธิ์พระกวนอิมสร้างยานบุญ ร่มไผ่ปกป้องมวลมนุษย์ ขอให้สาธุชนจงบังเกิด “ปัญญาปรมิตราจิต” เถิด
    พระแม่ ลูกหยางรีบๆ รับผลไม้ทิพย์เถิด งานพิธีจะเสร็จสิ้นลงแล้ว สำนักเซินเต๋อถังรับบัญชาเปิดสอนธรรมเป็นอรูปยานขึ้นตรงต่อแดนสุขาวดี เผยแพร่อรูปธรรม มหายานสูตร วันนี้แต่งเสร็จ “วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน” จึงมีงานจัดฉลอง ได้ลิ้มรสผลไม้ทิพย์ อาหารทิพย์ พร้อมทั้งโปรดให้ลูกหยางได้พบกับบรรพบุรุมด้วย ขอให้สาธุชนเมื่ออ่านหนังสือนี้แล้ว จะรู้สึกเจ็บปวดเสียใจรีบๆ หลีกห่างจากความชั่ว จะได้ไม่ต้องไปเกิดเป็นสัตว์สี่ชนิด เกิดลำบากในป่าเขา หรือไม่ก็ถูกกังขังในกรุงในเล้า หรือจมปรักอยู่ในทะเลทุกข์ เกิดเพื่อดูคนคอยกิน ตายก็สุดแต่คนสังหารเป็นอาหารเมื่อไม่ได้เกิดเป็นคน ทรมานแสนสาหัสยากกลับเกิดเป็นคนอีก ลูกหยางจงลงแรงต่อไป แม่จะอวยพร “แสงธรรมเปล่งประกายมหาธรรมกว้างไกลหมื่นลี้” และชมเชยท่านอรหันต์จี้กง “อรหันต์จี้กงบุญญาเหลือคณานับ กอบกู้ชาวโลกสำเร็จพุทธะนับไม่ถ้วน”
    อรหันต์จี้กง ขอบคุณพระแม่ประทานพรให้ ใต้ฟ้าคือบ้านอาตมา ไม่นิพพานอยู่ในสรวงสวรรค์ อยากให้ชาวโลกฝึกตามอาตมา ฝึกเต๋าบำเพ็ญธรรม จะได้ไม่เสียแรงของอาตมากับหยางเซิงในการแต่งหนังสือศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามเล่มนี้
    มหาจักรพรรดิ์หลือซุ่นเอี้ยง งานเลี้ยงฉลองจบสิ้นลงเพียงเท่านี้ ขอทั้งหมดยืนขึ้น คำนับให้พระแม่ และเง็กเซียนฮ่องเต้สามครั้ง
    พระแม่ มิต้องมีมารยาท แม่มอบผลท้อและน้ำอมฤตให้ กับผลไม้ 5 ถาดนี้ แก่สาธุชนในสำนัก ลูกหยางดอกปทุมทิพย์เพิ่มขึ้นอีกสามชั้น
    หยางเซิง ขอบพระคุณ พระแม่มีมหาเมตตา ผมจะนำช่อทิพย์เหล่านี้กับสู่สำนัก ให้เพื่อนทุกคนได้ร่วมลิ้มรส ขอกราบลา พระแม่ท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ และสาธุคุณชั้นสูงทั้งหลาย
    อรหันต์จี้กง ขอบคุณที่พระแม่และสาธุคุณ ที่ประทานของแก่ศิษย์ของอาตมา หยางเซิงรีบขึ้นปทุมทิพย์ เตรียมตัวกลับสำนัก
    มหาจักรพรรดิ์หลือซุ่นเอี้ยง ทั้งหมดโปรดส่ง ท่านอรหันต์จี้กงและหยางเซิง...
    อรหันต์จี้กง นั่งปทุมทิพย์ช่อนี้ ท่องเที่ยวทั่วสามแดนบรรทุกคัมภีร์สอนผู้คน เป็นอาหารทางปัญญาของชาวโลก วันนี้สวรรค์ก็ประทานผลท้อและน้ำอมฤต เป็นอาหารทางกายของชาวโลกทำให้สติผ่องใส อายุยืนยาว ขึ้นสวรรค์ ลงนรก อีกทั้งบนพิภพข้าได้กอบกู้คนมิใช่น้อย สัตว์เดรัจฉานก็ได้ขึ้นยานนี้ด้วย เมื่อความตั้งใจเหมือนกัน ไฉนจะแบ่งเขาแบ่งเรา จำนวนพระพุทธเจ้าไม่น้อยยังไม่วิจารณ์ว่าวิญญาณจะต่ำจะสูง พวกเราล้วนเป็นลูกหลานพุทธะร่วมจิตร่วมแรง สรรค์สร้างแผ่นดินมนุษย์ให้บริสุทธิ์เถิด จากนี้ไปขอให้มนุษย์ชาติ จงประกอบความดีบำเพ็ญตน สัตว์เดรัจฉานก็เปลี่ยนหัวเปลี่ยนหน้า กลับตัวเป็นคน จงจำไว้ว่า เลียงสัมพันธ์ใกล้ชิดของพระอรหันต์จี้กงจะอยู่ร้องเตือนพวกเจ้าทุกๆ ขณะจิตตลอดไป... สำนักเซินเต๋อถังถึงแล้วหยางเซิงลงจากปทุมทิพย์ได้ วิญญาณกลับเข้าร่าง...
    (จบบริบูรณ์)
    แสงธรรมสาดส่องทั่วพื้นปฐพี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2016
  11. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,985
    ค่าพลัง:
    +1,223
    แสงธรรมสาดส่องทั่วพื้นปฐพี
    เราเพียรเพยามkeyจนเสร็จแต่เสียดายจัดเรียงไม่เก่ง

    วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน
    เป็นการยืนยันว่าการเวียนไหว้ตายเกิดมีจริง คนทำไม่ดีมีโอกาสไปเกิดเป็นสัตว์ได้หมุดเวียนไปเป็นสัตว์นานเลยกว่าจะเป็นคนใหม่
    ตลอดจนเป็นการยืนยันคำสอนของศาสนาพุทธด้วย วงเวียนกรรมสัตว์เดรัจฉาน เรื่องนี้ถึงมาจากต่างประเทศจากแหล่งความรู้อื่นๆแท้ก็ยังพูดตรงกับศาสนาพุทธพูดเรื่องสัตว์ สัตว์ก็มาจากคนทำไม่ดี เป็นยืนยันอีกช่องทางหนึ่ง

    คนตาบอดหรือตามองไม่เห็น เผื่อเป็นวิธีที่ช่วยได้
    ล้างตาให้ได้3ปี ให้เอาแซป๊วย(หนัก5สลึง) ปวยเขียว(หนัก5 สลึง)ใส่น้ำ2ขาม ต้มให้เดือดพอดี เมื่อเย็นล้างหน้าระยะเวลา1เดือน3เวลา เช้า กลาง เย็น

    อีกตำรา คือหาผิวไผ่ เผาไฟกับเปลือกหอย (ลองหอยแมลงภู่ หรือ หอยแคลงดู) แล้วเอาผงขี้เถ้ามาแช่ทำเป็นน้ำด่างล้างตา
    ระลึกเทพศักดิ์โก และผู้มีพระคุณช่วยเหลือด้วย ทำบุญทาน ศีล5 ภาวนาทดแทนบุญคุณตลอดชีวิต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2023
  12. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,985
    ค่าพลัง:
    +1,223
    คนตาบอดหรือตามองไม่เห็น เผื่อเป็นวิธีที่ช่วยได้
    ล้างตาให้ได้3ปี ให้เอาแซป๊วย(หนัก5สลึง) ปวยเขียว(หนัก5 สลึง)ใส่น้ำ2ขาม ต้มให้เดือดพอดี เมื่อเย็นล้างหน้าระยะเวลา1เดือน3เวลา เช้า กลาง เย็น

    อีกตำรา คือหาผิวไผ่ เผาไฟกับเปลือกหอย (ลองหอยแมลงภู่ หรือ หอยแคลงดู) แล้วเอาผงขี้เถ้าห่อผ้ามาแช่ทำเป็นน้ำด่างล้างตา
    ระลึกเทพศักดิ์โก และผู้มีพระคุณช่วยเหลือด้วย ทำบุญทาน ศีล5 ภาวนาทดแทนบุญคุณตลอดชีวิต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 เมษายน 2022
  13. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,985
    ค่าพลัง:
    +1,223

    สำคัญมากลูกหลานฟัง เปิดโลกเปิดธรรม จะได้เตรียมรู้ทางหนีทีไล่ เตรียมจิตเตรียมใจปฏษัติธรรม เริ่มวันไปตั้งแต่วันนี้ยังไม่สาย
     

แชร์หน้านี้

Loading...