รูปภาพพระแก้วที่มีความโดดเด่นเฉพาะด้าน(ไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง)

มาตอบช้าไปหน่อย ขออภัยนะครับ

พระแก้วขนาดห้อยคอนั้น สร้างหรือเรียกอีกอย่างว่าขึ้นรูปด้วยเทคนิค Pressed Glass ทั้งสิ้น**

โรงงานแก้วเจษฏาสร้างบ่อยมากๆ ผมเดินทางไปสมุทรสาคร ไปโรงงานแก้วเจษฏาปี พ.ศ. 2548, 49 และ พ.ศ. 2559, 60 เห็นกำลังตอกแถวละ 10 องค์ด้วยเครื่องตอกโรตาลี่ ตอกเร็วมากนะครับ น่าเสียดายที่โรงงานแก้วเจษฏาเลิกกิจการไปประมาณ พ.ศ. 2561 ปิดตำนานทายาทผู้สืบทอดช่างแก้วที่เคยสร้างพระแก้ว 25 พุทธศตวรรษมาเนิ่นนานอีกสายหนึ่ง ซึ่งเป็นสายที่เก่งมากในเรื่องสร้างพระแก้วจากทรายทะเลสีขาวมาหลอมเป็นแก้ว แก้วที่หลอมได้เป็นแก้วโซดาไลม์ซิลิก้า (พ.ศ. 2549 แก้วของเจษฏาทำได้ถึงค่าอัลฟ่าต่ำกว่า 100 และสีเกือบเทียบเท่าคริสตัล)

 

หมายเหตุ

** = การหล่อด้วยเทคนิค Lost Wax Glass เพิ่งเข้าไทยเมื่อประมาณ พ.ศ. 2548, 49 + - เล็กน้อย ผมเคยทดลองหล่อด้วยเทคนิคนี้แทนการตอก pressed Glass ผลก็คือ ชิ้นงานมีความก้าวหน้าได้มากถ้ามีการสร้างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่มีทางเทียบได้กับของ Swarovski ออสเตรียแน่นอน ทั้งนี้เพราะเหตุผลหลายประการ

ดังนั้นในความคิดเห็นของผมคือ องค์ขนาดห้อยคอนั้นจะเอาใจคนไทยได้ยาก สู้มุ่งไปสร้างพระบูชาขนาดหน้าตักตั้งแต่ 2 นิ้วขึ้นไปไม่ได้ ขนาดที่คนไทยนิยมอาจเป็นหน้าตัก 5 นิ้วขึ้นไป ในขณะที่ทั่วโลกนิยม 4 นิ้ว และพอถึงขนาดหน้าตัก 8 นิ้วเขาเริ่มสู้ราคาที่แพงถึงองค์ละหลายแสนไม่ไหวครับ