รื่นร่มรมเยศ : เรื่องสนุกจากพระไตรปิฎก (1) : โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก

ในห้อง 'พระไตรปิฎก' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ ชาวพุทธ, 20 พฤษภาคม 2018.

  1. โพธิสัตว์ ชาวพุทธ

    โพธิสัตว์ ชาวพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    5,319
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,274
    ค่าพลัง:
    +9,590
    0b988e0b8a1e0b8a3e0b8a1e0b980e0b8a2e0b8a8-e0b980e0b8a3e0b8b7e0b988e0b8ade0b887e0b8aae0b899e0b8b8.jpg

    ผมถวายความรู้แก่พระนิสิตจุฬาลงกรณ์ (เดี๋ยวนี้เปลี่ยนชื่อยาวขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย) หลายปีมาแล้ว เนื่องจากแก่ตัวมา อายุสี่สิบแปดปีบริบูรณ์แล้ว (กับอีกกี่ปีก็อย่ารู้เลย) เกษียณตัวเอง ไม่รับสอนประจำ

    ผมชอบสอนหนังสือพระ เพราะท่านที่เป็นนิสิตทั้งหลายมีภูมิหลังคล้ายผม หนึ่ง เป็นคนบ้านนอกด้วยกัน คุ้นเคยกับบรรยากาศบ้านนอกคอกนามาด้วยกัน สอง ออกจากโรงเรียนประถมแล้วก็เข้ามาบวชเลย ได้รับการศึกษาอบรมผ่านกำแพงวัดมา มีประสบการณ์ชีวิตไม่แตกต่างกัน จึงพูดกันง่ายและรู้เรื่องดี

    การถวายความรู้แก่พระ นอกจากจะได้ให้หลักวิชาแก่ท่านแล้ว ผมเองยังได้อะไรๆ จากท่านเยอะเข้าหลักของ นายสตีเฟน โควีย์ ว่า win-win คือเขาก็ได้เราก็ได้แลกเปลี่ยนกัน

    ที่ว่าได้นี้ มิได้หมายถึงว่าพระท่านมาสอนผม แต่หมายถึงผมได้แนวคิดหรือความรู้มาเองจากการสอน การคุยกับพระท่าน

    บางครั้งเป็นแง่คิดแปลกๆ จะเป็นจริงหรือไม่ ไม่ทราบ อย่างวันหนึ่งผมบรรยายว่า พระพุทธเจ้าท่านตรัสปริศนาธรรมว่า “จอมปลวกประหลาด กลางคืนเป็นควัน กลางวันเป็นไฟ ครูบอกให้ลูกศิษย์ขุด ขุดไปก็เจอสิ่งแปลกๆ มากมาย อาจารย์ก็บอกให้โยนทิ้งให้หมด พอไปเจออึ่งอ่าง อาจารย์ก็บอกให้เอาทิ้งไป ท้ายสุดเจอพญานาค อาจารย์บอกว่าอย่าทำอะไรมัน ให้ดูแลมันให้ดี”

    ทรงไขความว่า จอมปลวก คือร่างกายเรา กลางคืนเป็นควัน หมายความว่าตกกลางคือคนเราก็คิดวางแผนต่างๆ ว่าจะต้องทำอะไร กลางวันเป็นไฟ หมายความว่า ตกกลางวันก็พยายามทำตามที่คิดวางแผนไว้จนเหงื่อไหล ไคลย้อย ประมาณนี้แหละครับ จำไม่ได้หมด (มันนานมากแล้วนี่ครับ)

    มีตอนที่ว่า เจออึ่งอ่าง แล้วครูบอกให้โยนทิ้ง พระพุทธเจ้าทรงไขว่า อึ่งอ่างคือความเคียดแค้น ให้เอาทิ้งเสีย อย่าได้คิดแค้นใคร ให้ทำจิตใจให้สงบ และการปฏิบัติธรรมจะสำเร็จโดยง่าย

    นักศึกษาท่านหนึ่งถามว่า “ทำไมจึงเปรียบอึ่งอ่างกับความเคียดแค้น”

    เอาละสิ ใครมันจะไปรู้ ผมนึก จึงบอกท่านว่า ไม่รู้จริงๆ ครับ ท่านคงมีเหตุผลของท่านแต่ไม่รู้ครับผมยอมรับ

    [​IMG] [​IMG]

    “อาตมาว่า อาตมาพอจะทราบ” อีกรูปหนึ่งเอ่ยขึ้น

    “คืออย่างไร” ผมถามด้วยความอยากรู้

    “คืออึ่งเวลาฝนไม่ตกมันจะหลบอยู่ใต้ดิน ไม่มีใครรู้เห็น แต่พอฝนตกมีน้ำขังเมื่อไหร่ มันไม่รู้มาจากไหน ขึ้นมาร้องอึ่งอ่างเต็มไปหมด” พระนิสิตรูปนั้นกล่าว

    “ไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องที่เรากำลังพูดถึงเลย” ผมแย้ง

    “เกี่ยวสิ อาจารย์ อาตมายังพูดไม่จบ” ท่านรูปนั้นว่า

    “เอ้าว่าต่อไป”

    “คือบ้านผมที่อีสานมันแห้งแล้ง ฝนฟ้าไม่ตกสักที อึ่งมันนอนรอว่าเมื่อไหร่ฝนจะตก มีน้ำให้มันขึ้นมาว่ายเล่นเสียที รอแล้วก็รอเล่าฝนก็ไม่ตกสักที เพราะฉะนั้น ที่พระพุทธเจ้าทรงเปรียบอึ่งอ่างคือความเคียดแค้น จึงสมเหตุสมผล”

    เออ จริงแฮะ ผมผงกศีรษะเห็นด้วยกับหลวงพี่ (ส่วนจะจริงหรือไม่ ไม่ทราบ แต่ความคิดเห็นของหลวงพี่รูปนี้ น่าฟังอย่างยิ่ง)

    นี่แหละครับ ผมว่าผมได้ความรู้ หรือได้ความคิดจากการสอนพระสงฆ์องค์เจ้าไม่น้อย

    ขอขอบคุณที่มา
    https://www.matichon.co.th/columnists/news_961325
     

แชร์หน้านี้

Loading...