มีใครให้คำแนะนำ การเลี้ยงกุมารบ้างครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย pakhun, 30 มีนาคม 2008.

  1. pakhun

    pakhun สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +9
    อยากจะรู้เลี้ยงไงครับ มีผลดีผลเสียยังไง
    ผมว่าจะเลี้ยง

    สีผึ้งกุมารดำคะนองฤทธิ์
     
  2. chonthipat

    chonthipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +543
    คู่มือเลี้ยงกุมารทอง<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ก่อนอื่นนั้น
    1. เราจะต้องคิดก่อนว่าเราจะเลี้ยงเค้าเพื่ออะไร ถ้าคุณตอบว่าอยากเห็นเค้ามากระโดดโลดเต้นเหมือนในละครก็ อย่าเลี้ยงเลยครับ
    2. คุณพร้อมที่จะดูแลและเลี้ยงเค้ามั้ย ถ้าไม่พร้อมก็ อย่าเลี้ยงครับ
    3. การเลี้ยงกุมารนั้นเรื่องสัจจะเป็นสำคัญนะ บอกว่าให้ตอนไหนก็ต้องให้ตอนนั้น
    4. ถ้าทำตามทุกๆข้อที่ผมกล่าวมาได้นั้น เริ่มเลี้ยงได้เลย

    <o:p></o:p>

    เมื่อคุณสมบัติผ่านแล้วต่อไปคือ
    1. คิดดูว่าจะเลี้ยงกุมารเทพ หรือพราย
    2. เมื่อคิดออกแล้วให้คุณศึกษาหาวัดหรือสำนักที่มีการสร้างเสกกุมารทองขึ้นมา และที่สำคัญเราต้องศรัทธาในอาจารย์ผู้สร้างและองค์กุมารทองที่บูชานั้นด้วย เพราะศรัทธาเป็นแรงที่ทำให้เกิดปาฏิหารย์
    3. ศึกษาวิธีการบูชาของแต่ละสำนักที่เราจะไปนำกุมารทองมา
    ปล. บางท่านอาจจะใช้วิธีซื้อหุ่นกุมารทองมาแล้วนำไปให้สำนัก หรือวัดท่านผูกกุมารทองให้ อันนั้นก็แล้วแต่ความชอบครับ

    กุมารเทพ
    ข้อดี
    1. เราไม่ต้องเซ่นเลี้ยงด้วยอาหารหยาบ
    2. ไม่ให้โทษแก่ผู้เลี้ยงเมื่อเราไม่ได้เซ่นดูแล
    3. หน้าตาจิ้มลิ้ม (อันนี้ไม่เกี่ยว แต่ลูกของผมบอกมา)
    ข้อเสีย
    1. เมื่อบนบาลอะไรแล้วได้ผลช้าหน่อย
    2. ไม่ค่อยแสดงฤทธิ์เดชให้เห็น

    <o:p></o:p>

    กุมารพราย
    ข้อดี
    1. แสดงฤทธิ์บ่อยๆ
    2. ได้ผลเร็วเมื่อบนบาลแล้ว
    ข้อเสีย
    1. ต้องเซ่นเลี้ยงด้วยอาหารหยาบอย่างขาดมิได้ (ยกเว้นบางตำหรับ)
    2. หากขาดการเซ่นเลี้ยงแล้วอาจให้โทษแก่ผู้เลี้ยงได้(ยกเว้นแต่อาจารย์ผู้สร้างนั้นกำกับมาดี)

    ขั้นตอนเมื่อเราได้กุมารมาแล้ว
    1. เมื่อเราได้กุมารมาแล้วให้เราจัดการตั้งชื่อให้กับเขา โดยแบ่งได้ดังนี้
    1.1 ชื่อที่เน้นโชคลาภ เช่น ทองมา เรียกทรัพย์ พูลเงิน พูลทอง ทองไหลมา เป็นต้น
    1.2 ชื่อที่เน้นทางดุดัน เฝ้าบ้าน แคล้วคลาด เช่น ชัย เพชรมั่น คง กล้า แกร่ง เป็นต้น
    2. ก่อนนำเข้าบ้านให้ทำตามนี้
    2.1 หาที่ตั้งให้เหมาะสมโดย ไม่อยู่สูงกว่าพระ หรือ ต่ำติดพื้น และไม่ควรหันหน้าไปทาง ทิศตะวันตก
    2.2 จุดธูปกลางแจ้ง 12 ดอก บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางดังนี้
    ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิฐานบอกกล่าวแด่ พระภูมิ เจ้าที่ ผีปู่ ผีย่า ผีตา ผียาย ผีเหย้า ผีเรือน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่
    อยู่ภายในสถานที่ แห่งนี้ วันนี้ข้าพเจ้าได้นำ เจ้า...... เข้ามาเลี้ยงภายในบ้าน เพื่อให้เจ้า..... เฝ้าทรัพย์สิน ให้โชคให้ลาภ
    ขอให้ พระภูมิเจ้าที่ ผีปู่ ผีย่า ผีตา ผียาย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเปิดทางให้เจ้า.... เข้ามาอยู่อาศัยในบ้านได้สะดวกด้วยถิด
    2.3 เมื่อทำการเปิดทางให้กับเจ้ากุมารลูกของคุณแล้ว ให้นำกุมารมาตั้ง ณ ที่ที่เตรียมไว้แล้วจุดธูปบอกกุมาร โดย พราย 1 ดอก เทพ 5 ดอก ว่า
    เจ้ากุมารทองของพ่อเอ๋ย ต่อไปนี้เจ้าชื่อ ..... และต่อไปนี้คนนี้คือพ่อของเจ้า พ่อจะเรียกเจ้าว่า ..... มาอยู่ที่บ้าน
    ให้ช่วยกันดูแลบ้านเฝ้าบ้านให้ดี ช่วยกันทำมาหากินนะ แล้วพ่อจะซื้อของเล่นให้ เวลาพ่อไปไหนก็ไปกัน เวลาพ่อกินอะไรก็กินกันนะ ไม่ต้องรอให้พ่ออนุญาติ อยากได้อะไรอยากกินอะไรมาบอกพ่อนะ(หากมีกุมารอยู่แล้วให้กล่าวเพิ่มว่า เจ้า...(ชื่อกุมารองค์เดิม).... วันนี้พ่อนำ น้องเค้ามาอยู่ด้วยนะ อยู่ด้วยกันก็รักกันนะช่วยกันดูแลบ้าน หาเงินหาทองอย่าทะเลาะกันนะ)
    ทุกๆวันพระให้เรานำข้าวปลาอาหาร หรือขนม หรือผล ไม้ ดอกไม้ มาบูชา เค้าแล้วบอกกล่าวเค้าว่าให้ช่วยกันหาเงินหาทอง เฝ้าบ้านดูแลคนในบ้าน ขาดเหลืออะไรบอกพ่อนะ

    สำนึกของผู้ที่เลี้ยงกุมารทอง
    1. คุณต้องระลึกไว้เสมอว่ากุมารนั้นคือลูกของคุณ เสมือนคนจริงๆ
    2. หมั่นหาของเล่นขนมมาให้เค้า
    3. หมั่นคุยกับเค้า
    4. หากเบื่อแล้วคิดจะเลิกเลี้ยง นั้นควรนำเค้าไปปล่อยโดยให้ผู้ที่มีพลังจิต หรือพระปลดปล่อยเค้าไป
    หมายเหตุ คุณลองคิดว่าคุณเบื่อลูกคุณแล้วคุณขายลูกคุณสิ มันคืออะไร
    สุดท้ายนี้ขอให้คนที่รักกุมารทองทุกๆคนนั้น มีกุมารทองน่ารักๆ เก่งๆกันทุกคนเน้อ<o:p></o:p>

    ตำนานกุมารทอง

    กุมารทองคือผีเด็กที่มีอิทธิฤทธิ์ ซึ่งเป็นลูกของขุนแผนกับนางบัวคลี่ เมื่อตอนที่ขุนแผนถูกนางบัวคลี่ลอบฆ่า แต่ขุนแผน รู้ตัวตกดึกจึงผ่าท้องนางบัวคลี่แล้วนำเด็กไปทำพิธีย่างไฟให้แห้งสนิท ในโบสถ์ ปลุกเสกด้วยคาถาอาคมจนลุกขึ้นยืนนั่งได้ จึงตั้งชื่อว่า กุมารทอง กุมารทองนี้ติดตามขุนแผนไปทุกหนทุกแห่ง โดยไม่มีใครมองเห็น คอยรายงานเหตุการณ์ ต่าง ๆให้ขุนแผนรู้อยู่เสมอ บางครั้งก็สามารถแปลงเป็นคนได้

    การทำกุมารทอง เริ่มมีตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 โดย ขุนแผน วรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน ซึ่งนักปราชญ์ได้รับรองต้องกันว่าประพันธ์โดยอาศัย เค้าโครงจากเรื่องจริงในสมัยอยุธยา

    กุมารทองปัจจุบันนิยมสร้างเป็นรูปเด็ก ลักษณะเป็นเด็กไว้จุก นุ่งโจงกระเบนอย่างโบราณ กลายเป็นเครื่องรางของขลัง เชื่อกันว่าเสมือนมีวิญญาณเด็กอยู่ในรูปกุมารนั้น ผู้บูชาต้องเลี้ยงดูเหมือนลูกของตน ต้องให้ข้าวน้ำเซ่นสรวงและต้องเรียกให้กินข้าวด้วย กล่าวกันว่าหากปฏิบัติดูแลดีกุมารทองก็จะช่วยค้ำคูณ อาทิ ช่วยคุ้มครองป้องกันเจ้าของและครอบครัวจากสิ่งไม่ดีทั้งหลาย ช่วยให้ทำมาค้าขึ้น ไปจนถึงเตือนภัยล่วงหน้าอีกด้วย และจะคอยติดตามเฝ้าระวังบ้านเรือนจากโจรผู้ร้ายและศัตรูไม่ให้มากล้ำกราย ปัจจุบันผู้บูชานิยมไหว้ด้วยน้ำแดง ขนมหวาน

    ประเภทของกุมารทอง

    1.กุมารทองโดยการสร้างจากวัสดุอาถรรพณ์ เช่น กระดูก ผงมหาภูติ ผงพรายกุมาร กระดูกผีตายโหง น้ำมันพราย หรือแม้แต่พวกลูกกรอกมนุษย์ สิ่งเหล่านี้เชื่อว่าเป็นธาตุอาถรรพณ์ที่มีวิญญาณอยู่ในตัวของมันเอง นำมาประกอบเป็นรูปกุมารทอง แล้วปลุกเสกหนุนธาตุ หนุนอาการขึ้น บางทีก็อาจใช้วิญญาณของเจ้าของวัตถุอาถรรพณ์ที่ทำการสะกดนั้นเลย กุมารทองชนิดนี้นิยมเลี้ยงกันในหมู่ของอาจารย์หมอไสยศาสตร์ที่มีวิชาอาคมสูงเท่านั้น เพราะกุมารทองชนิดนี้มีอันตรายหากเลี้ยงไม่ดี คุมของไม่อยู่แล้วนั้น จะย้อนเข้าสู่ตนเองจนถึงแก่ชีวิต หรือกลายเป็นคนวิกลจริตได้เลย เปรียบได้เหมือนการเลี้ยงงูจงอางไว้ในบ้านตนเอง

    2.กุมารทองที่สร้างจากไม้อาถรรพณ์ อาทิ เช่นไม้ตายพราย ไม้ยืนต้นตายพราย ไม้โดนฟ้าผ่าตาย ไม้ตกน้ำมัน ต้นไม้ใหญ่ที่มีรุกขเทวดา หรือไม้ที่มีพลังอำนาจหรือไม้มงคลบางชนิด บางที่อาจใช้ไม้กาฝากก็ได้ การสร้างกุมารทองชนิดนี้จำต้องใช้ความวิริยะอุตสาหะมาก เพราะมีกรรมวิธีที่ยุ่งยากมาก ตั้งแต่การพลีกรรมไม้ การแกะหุ่น การปลุกเสก ผู้ที่กระทำพิธีจะต้องรักษาศีลอย่างเคร่งครัดจนมั่นใจว่ากายและใจบริสุทธิ์พอ จึงสามารถทำได้ ปัจจุบันถือว่ากุมารทองชนิดนี้นิยมมากที่สุด

    3.กุมารทอง 9 โกฐ เป็นกุมารทองที่มีพละกำลังและอิทธิบารมีมากกว่ากุมารทองทั้งมวลเนื่องจากเป็นเทพของกุมารทอง ผู้เสกต้องมีพลังจิตสูงมากๆ และการเสกจำต้องกระทำกันไม่ต่ำกว่า 3 ปี การสร้างย่อๆคือ ต้องหาโกฐใส่กระดูกเด็กที่ตายด้วยอาการต่างๆ 9 ประเภทตามตำรา ภายในคืนเดียว แล้วหลอมตะกั่วเหล่านั้นกับตัวยันต์ตำราบังคับพร้อมกับพญาว่านบางชนิดในฤกษ์ที่แข็งที่สุดคือ ฤกษ์ที่เชื่อกันว่า บรมปู่ขุนแผนเสกกุมารทองในยามนี้ ยามเดือนดับของเดือน 5 นั้นเอง และต้องตรงกับวันเสาร์ จากนั้นจะอุดด้วยผงปถมังโลกีย์กำเนิด อันต้องสร้างโดยผู้มีวิชาจริงๆ ผงนี้เล่าว่าหากตกลงบนตุ๊กตาเด็กก็จะกลายเป็นกุมารทองทันที จากนั้นจึงนำมาเสก ตามตำรากล่าวว่าต้องใช้เวลาเสกถึง 144 เสาร์ 144 อังคารตามกำลังของเทพกุมารบนสรวงสวรรค์ กุมารทองชนิดนี้หาคนทำยาก หากมีแล้วนั้นค่าบูชาจะสูงมากนับหมื่นนับแสนทีเดียว ในอดีตมี พระเดชพระคุณหลวงปู่ชื่น ติคญาโณ วัดตาอี สร้างไว้องค์เดียว.....

    4. กุมารทองรักยม แกะจากไม้รักและไม้มะยม ตามตำนานของรัตตะกุมารและยมกะกุมาร อันเกิดจากวิชาสายพระฤๅษีโดยเฉพาะ เป็นการเอาไม้มงคลนามมาแกะเป็นกุมารสององค์แล้วเลี้ยงในน้ำมันจันทร์ หากน้ำมันแห้งเชื่อว่าจะเสื่อมอิทธิฤทธิ์ทันที อย่างไรก็ตามคนก็นิยมเลี้ยงกัน เนื่องจากเลี้ยงง่าย ไม่ยุ่งยาก ราคาถูกถมเถไป หาเช่ากันได้ไม่ยาก แต่ที่สร้างไว้ขึ้นชื่อมากที่สุดมี ของหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก หลวงพ่อเคน วัดเขาอีโต้ หลวงพ่อเพิ่ม วัดสามปลื้ม เป็นต้น

    5.กุมารทองพยนต์ เกิดจากการนำวัตถุอาถรรพณ์บางชนิดมาขึ้นรูปกุมารทอง เช่น ดิน 7,9 ป่าช้า ผงว่านยา หรือผงพุทธคุณของพระเกจิ หรือคณาจารย์ต่างๆ มาปลุกเสกลงเลขยันต์ เรียกรูปนาม และที่สำคัญคือการใช้วิชาธาตุ 4 หรือที่เรียกว่าการปั่นธาตุ ทางเหนือสายล้านนาเรียกว่า วิชาสี่ท่าห้าธาตุ จนเกิดเป็นวิญญาณหรือเจตภูตมีตัวมีตนสามารถช่วยเหลือคนได้ กุมารทองชนิดนี้หาคนสร้างยากเช่นกัน เนื่องจากมีข้อมูลและผู้สืบทอดวิชาน้อยไม่ชัดเจน ที่เห็นๆก็มี หลวงพ่อเต๋ และหลวงพ่อแย้มวัดสามง่าม หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติเท่านั้น
    <o:p></o:p>
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลนี้จาก ชมรมกุมารทองครับ
     
  3. sweetpea

    sweetpea สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +5
    วิธีการเลี้ยงพื้นฐานสำหรับกุมารทองก็จะเหมือนๆกัน ยกเว้นแต่ละสำนักอาจจะมีคาถา ข้อห้าม แตกต่างกันไป

    ลองเข้าgoogle หาคำว่า "กุมารทอง" ดูนะคะ เราเองก็ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ แหะแหะ
     
  4. ผู้หญิงธรรมดา

    ผู้หญิงธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +535
    อยากลองดูเหมือนกัน
     
  5. กำธร นครปฐม

    กำธร นครปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,756
    ค่าพลัง:
    +7,202
    ส่วนของผมมีกุมารทอง (ตุ๊กตาทอง) ของหลวงพ่อเต๋ และกุมารทอง ของหลวงพ่อแย้ม หลวงพ่อพูล พี่จุกกุมาร รักยม อะไรอีกหลายองค์ ก็เลี้ยงรวมกัน โดยจะขึ้นหิ้งตอนเช้า คือตักข้าวปากหม้อ พร้อมกับข้าว ขนม น้ำ เรียกให้กินพร้อมกัน โดยจุดธูป 3 ดอก จะจัดข้าว น้ำ ให้กินก่อน ทุกคนในบ้าน โดยส่วนตัวไม่เคยถูกกุมารทองกวน คนในบ้านก็ไม่เคยครับ ซึ่งตุ๊กตาทองของหลวงพ่อเต๋ ผมได้มาจากลูกศิษย์หลวงพ่อเต๋ ตัวผมเองเคยย้ายไปทำงานที่ อ.ดอนตูม จ.นครปฐม มา 7 ปี ก็ได้รับความรู้เกี่ยวกับองค์หลวงพ่อเต๋ และต๊กตาทองของท่านจากลูกศิษย์ท่าน ซึ่งหัวหน้าของผมคนนึงก็เคยเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเต๋ คือเป็นลูกศิษย์วัด หลวงพ่อเต๋ เลี้ยงมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก วิธีการเลี้ยงก็ได้คำแนะนำจากพี่ฉลวย ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อเต๋ อีกคนนึง ซึ่งทั้งพี่ฉลวย และหัวหน้าของผมได้เล่าตรงกันว่า ตอนที่หลวงพ่อเต๋ เสกกุมารทอง แล้วกุมารทองลุกขึ้นตั้งได้ตามที่หนังสือพระบางเล่ม นั่งเทียนเขียน นั้น ไม่จริง พี่ฉลวย และหัวหน้า บอกว่า พวกลูกศิษย์วัด จะเป็นคนหยิบตั้งขึ้นมาเอง ส่วนเรื่องของการตั้งชื่อกุมารทองนั้น หนังสือพระเขียนบอกว่า วิญญาณเด็กที่หลวงพ่อเชิญมาให้มาอยู่ในร่างกุมารทอง จะเป็นคนบอกหลวงพ่อว่าตนเองนั้นชื่ออะไร หลวงพ่อก็จะจดแปะติดไว้ใต้ฐาน นั้นก็ไม่จริง ทั้ง 2 คน พูดเตรงกันว่รา พวกลูกศิษย์เป็นคนเปิดหนังสือ หากมีชื่อไหนเพราะ ก็จะเขียนแล้วติดไว้ใต้ฐานของรูปปั้นกุมารทอง แต่ถึงกระนั้นต๊กตาทอง ก็ยังมีอภินิหาร ความขลัง เป็นที่เลื่องลือ มาจนทุกวันนี้ ท่านหัวหน้าของผมก็ได้เล่าอีกว่า กุมารทองที่เห็นอยู่ทุกวั้นนี้นั้น ที่มีขายกันดาษดื่น ในตลาดพระ นั้น น่าจะเป็นกุมารทอง ที่คนเลี้ยงนำไปบูชา แล้วเฮี้ยน นำมาคืนหลวงพ่อ ซึ่งตอนที่หัวหน้าอยู่กับหลวงพ่อ บอกว่ามีเยอะมาก หลายรุ่น อยู่ในห้องหลวงพ่อ ส่วนพวกที่ไม่คืนนั้นส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างประเทศ เช่าไป พอตอนหลวงพ่อเต๋มรณะภาพ ตุ๊กตาทองเหล่านั้น ก็ได้หายจากวัดไปหมด ส่วนตัวพี่ฉลวย เองนั้น ทุกวันนี้ ก็มีตุ๊กตาทองของหลวงพ่อเต๋อยู่หลายองค์ แต่ได้เก็บไว้หลังบ้านหมด เพราะตำรวจ อ.ดอนตูม มาขอร้องให้เก็บไว้ในบ้าน เพราะของ อ.ดอนตูม ตุ๊กตาทอง หายไปหลายองค์แล้ว เอาคืนไม่ได้ซักองค์ เพราะรู้สึกว่าจะมีใบสั่งจากต่างประเทศ หรือเซียนใหญ่ในประเทศ แปลกดี ต๊กตาทองเฮี้ยน แต่แพ้ขโมย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2008
  6. fon_am_i

    fon_am_i สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +1
    หากได้มีโอกาสสวดมนต์หรือไปทำบุญสร้างบุญกุศลต่างๆ อย่าลืมเรียกให้กุมารทองอนุโมทนาในบุญในกุศลด้วยนะค่ะ เขาจะได้มีบุญของเขาเอง เมตตาเขาเหมือนเป็นลูกเป็นหลานของเราจริงๆ หากเรารักลูกอย่างไรก็อยากให้รักและเมตตาเขาอย่างนั้น เพราะเขาก็คือจิตจิตหนึ่งซึ่งติดอยู่ในวัฎฎสงสารไม่ต่างอะไรกับเรา เพียงแต่เขาไม่มีกายเนื้อไม่มีโอกาสที่จะสร้างบุญสร้างกุศลเหมือนกับเรา เรียนรู้ที่จะเป็นผู้ให้...ก่อนที่จะเป็นผู้รับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...