มหากาพย์ของคุณHRD.Everywhere (พ่อหนูไหม ศิษย์ไชยยศ)

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย pongio, 17 กันยายน 2014.

  1. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,851
    เรื่องของคุณ HRD.Everywhere (พ่อหนูไหม ศิษย์ไชยยศ) ตั้งชื่อไม่ไพเราะ ผมขอไม่ถือวิสาสะ เปลี่ยนชื่อเองน่ะครับ สาเหตุที่ผมตั้งชื่อแบบนี้เนื่องจากผู้เขียนพบเจอเรื่องราวปาฏิหาริย์แห่งพระคาถาชินบัญชรหลายครั้ง

    ประสบการณ์จริงต่อไปนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณ (ไม่จำเป็นต้องถึงขนาดใช้จักรยาน หรือจักรยานยนต์) ในการอ่าน ไม่ควรอ่านเกินวันละ 2 รอบ สตรีมีครรภ์และเด็กในครรภ์ไม่ควรอ่าน ผู้ปกครอง (ชาย) อายุมากกว่า 35 ปีควรหาเด็ก (สาว ๆ) มาให้คำแนะนำ

    สิ่งที่ผมจะเล่าต่อไปนี้เป็นประสบการณ์จริง ซึ่งไม่รู้จะอธิบายออกมาในแง่วิทยาศาสตร์ได้อย่างไร แต่ก็ไม่อยากให้งมงายเชื่อว่าเป็นไสยศาสตร์ ผมจึงอยากใช้คำว่าเป็นปรากฏการณ์ของการเดินทางมาบรรจบกันระหว่างศรัทธากับความเพียรมากกว่า
    ส่วนตัวแล้วผมนับถือสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) หรือสมเด็จโต แห่งวัดระฆัง มากโดยการแนะนำของ ดร.บุญชัย โกศลธนากุล ครูดี ๆ อีกคนที่พลิกชีวิตผม ซึงปัจจุบันท่านเป็นกรรมการผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาภาษา Fast English ผมรู้จักท่านจากการเป็นลูกศิษย์รุ่นแรก[/url] ๆ ของสถาบันตั้งแต่ยังเป็นห้องแถวเล็ก ๆ แถวเสนานิคม (ปัจจุบันสถาบันใหญ่โต มีสาขาอยู่ 3 แห่ง มีลูกศิษย์มากมาย ต้องจองคิว แย่งกันเรียน)

    ด้วยความที่ผมเป็นพวกความจำสั้น แต่ความฝันยาว ภาษาอังกฤษอ่อนแอ แต่อยากไปเรียนเมืองนอก แต่ไม่รู้อะไรมาดลใจให้ไปสมัครเรียนที่สถาบันเล็ก ๆ (ในตอนนั้น) ไกลบ้าน ทั้ง ๆ ที่มีสถาบันภาษาอื่น ๆ มากมาย
    ช่วงระหว่างที่ผมเรียนผมได้มีโอกาสเปรยกับท่านว่า ผมอ่อนภาษาอังกฤษ แต่อยากไปเรียนเมืองนอก แถมยังไม่มีทุนอีกจะทำอย่างไรดี ท่านเล่าให้ฟังว่าในชีวิตของท่านเรียนได้ทุนมาตลอด โดยท่านแนะนำให้ผมไปสวดคาถาชินบัญชร แล้วขอจากสมเด็จโตว่า อยากเก่งภาษาอังกฤษ และอยากไปเรียนเมืองนอก รับรองได้แน่ ๆ
    ผมกลับมาบ้านเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนชอบลอง จึงเริ่มสวดมนต์ดู โดยช่วงแรก ๆ ก็วันละจบโดยการเปิดหนังสือสวดมนต์ท่อง หลัง ๆ อาจารย์ก็แนะนำเพิ่มว่าให้สวดเสียงดัง ๆ และพยายามจำให้ได้โดยไม่ดูบทดสวด ผมจึงต้องหาวิธีที่จะท่องจำโดยการหาเทปบทสวดมนต์มาฟัง ฝึกคัดลอกบทสวดมนต์เป็นหน้า ๆ หลาย ๆ รอบเหมือนตอนเด็ก ๆ ที่หัดท่องศัพท์ ใช้เวลาอยู่ 1 เดือนก็จำบทสวดมนต์ได้
    ต่อจากนั้นอาจารย์ก็บอกให้ผมเพิ่มจำนวนรอบในการสวดจาก 1 เป็น 3 เป็น 5 และสุดท้ายไปที่ 9 จบ ต่อวัน ซึ่งเวลาที่ใช้ในการสวดต่อครั้ง 9จบนั้นใช้เวลาประมาณ 30 นาที
    หลังจากนั้นสิ่งที่ผมเรียกว่าปรากฏการณ์ของการเดินทางมาบรรจบกันระหว่างศรัทธากับความเพียรก็ค่อย ๆ บังเกิดผล ผมรู้สึกว่าสมาธิผมดีขึ้น ความจำผมดีขึ้น ผมเริ่มรู้วิธีการที่จะเข้าใจภาษาอังกฤษ และจำศัพท์โดยการใช้วิธีเดียวกับการท่องจำบทสวดมนต์ ผมใช้ความเพียรเรียนอยู่กับอาจารย์นานเกือบ 3 ปี ผ่านช่วงเวลาที่ท้อแท้ ไม่เข้าใจชีวิต และหยุดสวดมนต์ไปนานกว่า 3 เดือน ตอนตุลาคมปี 1999  เพราะน้อยใจสมเด็จโตที่ไม่ช่วยตอนมีเหตุจำเป็นต้องเลิกกับอดีตแฟนโดยความไม่เต็มใจของเราทั้ง 2 คน
    ผมหยุดสวดมนต์พร้อมสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมจากการอกหัก แต่หลังจาก 3 เดือนแห่งความตกต่ำของชีวิต ผมกลับมาคิดได้ว่าช่วงตลอดเวลาที่เรามีแฟน เวลาที่ทำให้เราทุ่มเทให้กับการเรียนภาษาอังกฤษมันก็ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เป็นพวกความจำสั้น แถมสันหลังยาว ตอนนี้ก็เป็นโอกาสอันดีแล้วที่จะลืมอดีตไปซะ แล้วเดินหน้าสร้างชีวิตใหม่ ด้วยความมุ่งมั่นในใจว่า “สักวันเธอจะเสียใจที่เดินจากเราไป” ผมกลับมามุ่งมั่นสวดมนต์ใหม่ โดยขอสมเด็จโตว่า ชีวิตนี้ต้องไปเรียนเมืองนอกให้ได้
    1 ปีหลังจากนั้นผม สอบ TOEFL ได้ 553 ซึ่งถือว่าได้ตั๋วเบิกทางขั้นต้น เพียงพอที่มหาวิทยาลัยในอเมริกาจะรับเข้าเรียน แต่อุปสรรคก็ยังมีอีกด้วยทุนที่ยังมีไม่เพียงพอที่จะเรียน ผมกลับมาท้ออีกครั้งหรือว่าเราบุญไม่พอจริง ๆ
     

    ถ้ายังไม่เบื่อ เชิญไปอ่านต่อตอน 2 นะครับ
    HRD.Everywhere (พ่อหนูไหม ศิษย์ไชยยศ)




    “ลูกเอ๋ย ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด 
    เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเอง คือบารมีของตนลงทุนไปก่อน 
    เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอ จึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย 
    มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอดเพราะหนี้สินในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมมาจนพ้นตัว 
    เมื่อทำบุญกุศลได้บารมีมา ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว 
    แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า 
    หมั่นสร้างบารมีไว้ แล้ว ฟ้าดินจะช่วยเอง 

    จงจำไว้นะ... เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้ 
    ครั้นถึงเวลา... ทั่วฟ้าจบดิน ก็ต้านเจ้าไม่อยู่ 
    จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลยจะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า”

    นี่เป็นคำสอนของสมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี ที่อยู่ด้านหลังของบทสวดมนต์ที่ผมได้รับจากเพื่อนในที่ทำงาน ซึ่งกลับสร้างแรงบันดาลใจให้ผมไม่ท้อแท้อีกครั้ง
    หลังจากสอบ TOEFL ผ่านผมก็ใช้เวลาช่วงวันหยุดไป ช่วย ดร.บุญชัย ที่สถาบัน ซึ่งทำให้ผมได้รู้จัก กับผู้หญิงคนหนึ่งที่มาเรียน และเป็นจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตผมอีกครั้ง
    เธอมีเป้าหมายที่จะไปเรียนเมืองนอกเหมือนกัน แม่เธอจึงแนะนำให้มาเรียนที่นี่ ด้วยความที่ดูเหมือนจะถูกชะตา (ไม่กล้าเรียกว่าชอบ เพราะแฟนเธอเป็นตำรวจ) เราจึงพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเรื่องการเรียน
    อยู่มาวันหนึ่งเธอได้ข้อมูลว่า มีมหาวิทยาลัยหนึ่งในอังกฤษ กำลังส่งเจ้าหน้าที่มาสัมภาษณ์คนไทย เพื่อให้ทุนบางส่วนประมาณ 5 แสนบาท จำนวน 5 ทุน ไปเรียน ภาษาและปริญญาโท ซึ่งใช้เวลา 1 ปี 8 เดือน ผมจึงไม่ยอมที่จะพลาดโอกาสสำคัญในชีวิต ทั้ง ๆ ที่เป้าหมายที่อยากไปคืออเมริกา
    ไม่รู้ว่าลิขิตฟ้า หรือมานะตน ผมโชคดีได้เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับทุนนี้
    คราวนี้ซิเรื่องใหญ่ จะทำอย่างไรกับชีวิต
    1.     ถ้าจะไปแล้วเงินที่เหลือซึ่งต้องใช้อีกประมาณ 8 แสน จะทำอย่างไร
    2.     ถ้าไปก็ต้องลาออกจากงาน
    ผมตัดสินใจปรึกษาเรื่องเงินกับที่บ้าน ซึ่งที่บ้านเห็นความมุ่งมั่นของผมเป็นแรมปีจึงไม่อยากขัด จึงบอกผมว่าเรื่องเงินไม่มีปัญหาเดี๋ยวจัดการหามาให้ได้ เมื่อหมดปัญหาเรื่องเงินผมจึงตอบรับเรื่องทุน ขอ VISA และทำเรื่องขอลาออกจากงาน
    ไม่รู้ว่าฟ้าประทาน หรืออะไรไม่ทราบ เจ้านายผมบอกว่าไม่ต้องลาออกหรอก เดี่ยวเขาจะทำเรื่องเสนอผู้ใหญ่ขอให้ลาไปเรียนต่อ แล้วเก็บตำแหน่งไว้ให้ เรียนจบก็ให้กลับมาทำงาน ซึ่งการทำอย่างนี้ไม่มีมานานในบริษัทหลังจากภาวะวิกฤติในปี 2540 แต่ผมได้รับโอกาสนั้น
     

    ผมจึงได้เก็บกระเป๋าไปเดินตามความฝันที่ตั้งใจไว้
    วิบากกรรมผมยังไม่จบนะครับ โปรดติดตามตอนต่อไป (5 ทุ่มกว่าหยุดไม่ได้แล้ว)
    HRD.Everywhere (พ่อหนูไหม ศิษย์ไชยยศ)





    "กรรมเก่าไม่มีใครลบล้างได้ กรรมปัจจุบันจะช่วยเจ้าเอง 

    จงจำไว้ลูกเอ๋ย ... กรรมที่ทำด้วยเจตนาไม่ว่าดีหรือชั่ว 

    ย่อมมีผลต่อผู้กระทำทั้งสิ้น 

    ไม่มีพรหมเทพองค์ใด จะช่วยเจ้าลบล้างกรรมนั้นได้ 

    เจ้าต้องช่วยเหลือตนเอง ด้วยการสวดมนต์ ภาวนา แผ่เมตตา 

    ผลแห่งบุญอันเป็นกรรมปัจจุบัน จะช่วยเจ้าเอง" 

    สมเด็จ พุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
     

    ต้นเดือนกุมภาพันธ์ปี 2001 ผมผ่านกรรมเก่ามารับกรรมใหม่ต่างวาระที่ เมือง Newcastle ประเทศอังกฤษ แต่ไม่ว่ากรรมจะติดจรวดตามผมไปไกลแค่ไหน สมเด็จโตยังได้ให้ VISA ตามผมไปถึงที่อังกฤษ
    ผมไปถึงที่นั่นได้ 2 วัน แม่ผมส่งกระเป๋าใบใหญ่เท่าคน บรรจุอาหารและอุปกรณ์กันตายมาเพียบ ซึ่งผมต้องไปรับที่ Cargo ใกล้สนามบินนอกเมือง
    ทุกท่านเคยเห็นกะเหรี่ยงลงจากดอยไหมครับ วันนั้นผมเป็นสภาพไม่ต่างกัน คือกว่าจะหาทางไปถูกก็เกือบ 4 โมงเย็น ซึ่งพระอาทิตย์ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ในอังกฤษนั้นมันคงขี้เกลียดทำงาน เริ่มลาลับขอบฟ้าพร้อมกับลมหนาวตอนที่ผมมาถึง Cargo โดยรถ Taxi 
    ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผมหูไม่ดีหรือ ภาษาแย่ Taxi ซึ่งควรจะรอผมตอนที่เข้าไปเอาของออก กับหายไปเมื่อผมเข็นกระเป๋าใบใหญ่ขนาดเท่าคนออกมา “ตายห้า (ไม่ใช่สี่) ละกู จะกลับที่พักอย่างไรเนี่ย”
    ทางกลับที่ใกล้ที่สุดตอนนั้นโดยไม่มี Taxi คือ การลากกระเป๋าใบเท่าคนข้ามลานกว้างโล่งขนาดสนามหลวง ซึ่งระยะทางที่ผมต้องลากประมาณจากวัดพระแก้ว ไป สะพานพระปิ่นเกล้า เพื่อไปขึ้นรถไฟใต้ดินกลับที่พัก คำนวณคร่าว ๆ คงต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมงเพื่อไปให้ถึงสถานีรถไฟ ด้วยไม่มีทางเลือกและไม่คิดว่าลานตรงนั้นจะมีผีใต้ต้นมะขาม ผมจึงลากกระเป๋าฝ่าลมหนาวไปได้เรื่อย ๆ เพื่อทำเวลา พร้อมสวดมนต์ขอสมเด็จโต ขอให้ลูกช้างรอดชีวิตกลับไปด้วยเถิด
    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่ออีกครั้ง ลานกว้างเปลี่ยว ๆ ว่างเปล่าซึ่งปกติมีไว้สำหรับวางตู้สินค้า อยู่ ๆ ก็มีรถบรรทุกสภาพเก่ามากวิ่งผ่านมาคันหนึ่ง พร้อมกับเลี้ยวมาจอดตรงหน้าผม ชายชราอายุประมาณ 60 ลงมาจากรถพร้อมถามผมว่าจะไปไหน ผมบอกว่าเป้าหมายผมคือสถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้ที่สุด ผมยังไม่ทันพูดต่อ ชายชราแต่แรงม้ามหาศาล ยกกระเป๋าที่ชายอย่างผมลากยังจะไม่ไหวลอยไปอยู่บนหลังรถของแก และบอกให้ผมขึ้นรถ
    ในใจผมตอนนั้นคิดเล่น ๆ ว่าตายในรถแก ยังดีกว่าหนาวตายบนลานกว้างจึงขึ้นรถไปกับแก แค่มากก็จ่ายเงินให้แกไป แกคงโขกสับเราเละแน่ ๆ
    แกขับรถไม่ถึง 5 นาทีก็มาจอดตรงหน้าสถานีรถไฟใต้ดิน พร้อมปัดฝุ่นบนกระเป๋าผมที่ติดมาจากรถเก่า ๆ ของแก และยกลงวางไว้บนพื้นเหมือนกับยกนุ่น แกบอกเป็นสำเนียงอีสานของชาวอังกฤษซึ่งพอจับใจความได้ว่า ขอให้กลับบ้านโดยปลอดภัย และยื่นมือมาจับไหล่ผม พร้อมกับโบกมืออีกข้างและ Say Goodbye ผมไม่รอช้ากล่าวคำขอบคุณที่คิดว่าชัดเจนที่สุดตั้งแต่มาเหยียบแผ่นดินนี้ ว่า Thank you very much. You are so kind เพราะกลัวเสียเงิน และยื่นมือขวาไปจับมือแกพร้อมโค้งคำนับอย่างสุดซึ้ง
    ผมพากระเป๋าใบนั้นกลับถึงบ้านพร้อมเหงื่อเต็มตัวท่ามกลางอากาศที่ใกล้ 0 องศา คืนนั้นก่อนนอนผมสวดมนต์ไป 9 จบเพื่อขอบคุณชายแก่นิรนามผู้นั้นที่ทำให้ผมกลับถึงบ้านโดยปลอดภัย ก่อนหลับน้ำตามันไหลออกมา ชีวิตที่ห่างบ้านทำไมมันลำบากจัง
    ยังไม่จบนะครับ โปรดติดตามตอนสุดท้าย ว่าทำไมผมถึงได้มาเป็นศิษย์ไชยยศในหลักสูตร Train the Trainer 
    HRD.Everywhere (พ่อหนูไหม ศิษย์ไชยยศ)



    ผมใช้เวลา 1 ปี 8 เดือนตามกำหนด คว้าใบปริญญากลับมาสมใจ แต่ในช่วงเวลานั้นชีวิตหาได้มีความสบายไม่ ทั้งการเรียนที่หนัก อยู่ ๆ หอที่พักก็มีเหตุต้องซ่อม โดนไล่ที่อยู่ ต้องไปอาศัยอยู่บ้านเพื่อน พอเราได้หอพักใหม่ บ้านเพื่อนถูกโจรขึ้นทันที เพื่อนผมโดนขโมยของไปเป็นแสน ส่วนผมโชคดีเพราะย้ายของออกมาก่อนหน้านั้น ก่อนจะเรียนจบต้องหาอาจารย์เพื่อมาเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ ซึ่งจริง ๆ ผมต้องอยู่ต่ออีก 3 เดือนเพราะอาจารย์ที่ผมขอไว้มีกำหนดการต้องบินไปเมืองนอก    3 เดือนที่ต้องรอมันคือค่าใช้จ่ายทั้งนั้น ซึ่งทุนที่ผมมีอยู่มันทำให้ผมรอไม่ได้ แต่สุดท้ายอาจารย์ผมมีเหตุให้บินไปไม่ได้ (ไม่ต้องบอกนะครับว่าผมสวดมนต์อีกตามเคย) ผมจึงได้ท่านมาเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์จนสำเร็จการศึกษา เรียกว่าทุกครั้งที่ผมตกอับจะต้องมีอัศวินซึ่งถ้าเป็นที่เมืองไทยคงประมาณขี่มอเตอร์ไซรับจ้างออกมาช่วยผมทุกครั้ง
    ผมกลับมาทำงานต่อที่เดิมอีกครั้งตอนเดือนตุลาคม 2002 ตามสัญญาที่ผมให้ไว้กับเจ้านายผม ได้ทำงานเลื่อนตำแหน่งจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
    ทำไมผมถึงมีโอกาสได้มานั่งอยู่หน้าเครื่อง จิ้ม Keyboard เพื่อเล่าเรื่องให้ท่านฟังอยู่ในขณะนี้ ผมเล่าให้ฟังแล้วในบทความแรกที่ผมเขียนเรื่องPlease Introduce Yourself ว่าผมรู้จัก Blog จากอ.ไชยยศ และได้ลงมือทำ Blog เพราะต้องทำการบ้าน

    แต่เบื้องหลังกว่าจะได้เข้าเรียนมันคือ การสวดมนต์เพื่อขอสมเด็จโตให้ได้เข้าเรียนหลักสูตรนี้
    พี่น้องครับ ไปเล่าให้ใครฟังคงขำตาย “บ้าหรือเปล่าวะ อยากอะไรกันขนาดนั้น”
    พี่น้องครับ ไม่มาเป็นผมคุณไม่รู้หรอก ผมมีความฝันของผม
    ผมเป็นวิทยากรประเภทครูพักลักจำอยู่หลังห้องเรียนมานาน ฝันไว้ว่าสักวันอยากเป็นศิษย์มีครูหนึ่งบ้าง จนกระทั่งวันหนึ่งมาพบกับอาจารย์ไชยยศที่บริษัท วันนั้นท่านได้เล่าให้เห็นถึงการสอนหลักสูตรนี้คร่าว ๆ จึงคิดไว้ในใจว่านี่แหละใช่เลยต้องไปเรียนให้ได้
    บริษัทผมพยายามหาเวลาอาจารย์เพื่อเชิญท่านมาสอนที่บริษัท แต่ด้วยความไม่ลงตัวเรื่องเวลาจึงยังไม่สามารถเชิญท่านมาได้
    แต่แล้ววันหนึ่งผมก็ได้รับ Mail จาก Go Training ว่าจะมีการเปิดสอนหลักสูตรนี้
    ความฝันมันมากวักมือเรียกหยอย ๆ ผมอยู่ตรงหน้า ผมจะพลาดได้อย่างไร จึง Forward Mail นี้ให้หัวหน้า พร้อมเสนอว่าในเมื่อเรายังไม่สามารถเชิญอาจารย์มาสอนได้ เราน่าจะส่งคนของเราไปเรียน (ตอนนั้นในใจไม่รู้ว่าหวยจะไปออกที่ใคร แต่ในใจสวดมนต์ขอตามเคย) แต่เมื่อถึงวันหวยออก มันมาออกที่ผม
    ผมรีบทำเรื่องขออนุมัติ รีบสมัคร ทำเรื่องจ่ายเงิน เพราะกลัวนายเปลี่ยนใจ และกลัวคนเต็มหลักสูตร
    เรื่องที่เล่าผ่านมาทั้งหมด 4 ตอน ยังไม่รวมเรื่องที่ตกหล่น รายทาง ผมยืนยันได้ว่าเป็นเรื่องจริง

    ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ แต่จะว่าเป็นไสยศาสตร์หรือไม่นั้น ผมไม่ขอตอบ ปล่อยให้มันเป็นช่องว่างระหว่างศรัทธาของผมกับความจริงที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประทานมาให้ผมจะดีกว่า
     
    HRD.Everywhere (พ่อหนูไหม ศิษย์ไชยยศ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...