มรรคก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 28 พฤศจิกายน 2013.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    ถาม : ผมสรุปได้แค่สี่อย่าง ผมว่าคงมีมากกว่านี้ แต่ตอนนี้ผมเห็นแค่นี้ ถ้าเรารู้ก็ให้เรากำหนดรู้ทุกข์ ถ้าเรารู้ก็มาดูตัวต่อไปว่า ให้เราวาง พอสุดท้ายคือเห็นทุกข์ ถ้าเราวางก็จะว่าง จะเป็นนิโรธ ก็คือดับ แต่วิธีทำก็คืออยู่กับปัจจุบันก็เป็นมรรค หรืออย่างไรครับ ?

    ตอบ : นอกจากคุณอยู่ในปัจจุบันแล้ว ยังต้องสร้างกุศลเพิ่มขึ้น เพื่อที่จะให้ตนเองมีกำลังที่จะหลุดพ้นไปได้ ช่วงที่การสร้างกุศลของเรานี่แหละ คือศีล สมาธิ ปัญญา

    ถาม : จะเริ่มจากตัวไหนก่อน หรือเริ่มจากตัวนี้ก่อน ?

    ตอบ : จริงๆ แล้วในเรื่องของ ทุกข์ จะต้องเกิดความทุกข์ขึ้นมาเสียก่อน พอทุกข์จนกระทั่งเข็ด ตราบใดที่ไม่เข็ดเราก็จะไม่ดิ้นรนพ้นทุกข์ ในเมื่อเข็ดเราก็จะเริ่มดู “ทำไมกูถึงทุกข์ ?” นี่คือ สมุทัย แล้วถ้าความทุกข์นั้นพ้นไปก็คือ นิโรธ ความสบายเกิดขึ้น เราก็ “เอ๊ะ..ทำไมพอพ้นมาแล้วสบาย ?” ก็จะมองหาทางว่า ทำอย่างไรจะเข้าถึงความสบาย ก็จะมาที่ มรรค พระพุทธเจ้า ท่านเรียงตามนั้นอย่างนี้เลย คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค แต่เราเองไม่เข้าใจว่าทำไมท่านเรียงอย่างนี้ คราวนี้ก็เหลืออยู่แค่ว่าเราเดินตามมรรคนั้นก็จะจบเลย

    ถาม : ก็ต้องทวน ศีล สมาธิ ปัญญา ?

    ตอบ : มรรคก็คือศีล สมาธิ ปัญญา เพราะมรรค ๘ ย่อลงมาก็เหลือแค่นั้น แต่ถ้าคนมีปัญญามากๆ จะกระโดดมาลุยตรงนี้สามข้อนี้ อย่างอื่นกองทิ้งไปเลย หลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านสอนให้ดูตรงนี้

    ถาม : พอมาดูตรงนี้ก็เห็นว่า ที่ทุกข์ในปัจจุบันเพราะปรุงแต่งในสังขาร ?

    ตอบ : โดยทั่วๆ ไปต้องเริ่มตรงนี้ แต่หลวงพ่อท่านสอนพวกเราเพราะทำมาเยอะ ทุกข์มาเยอะแล้ว หลายต่อหลายชาติ น่าจะเริ่มเข็ดเริ่มจำแล้ว น่าจะฉลาดขึ้น ท่านก็เลยให้ลงตรงนี้

    ถาม : ตัวหลังคือ อริยสัจ ตัวหน้าคือประโยคสุดท้ายที่หลวงพ่อผมพูดไว้ก่อนเสียว่า "รู้วาง วางอยู่" แต่พอมาจับกลายเป็นตัวนี้ ถ้าวางก็ลงรอยเดียวกันหมด ?

    ตอบ : ถ้าท่านไปที่เดียวกันก็ลงรอยเดียวกันหมดนั่นแหละ ถึงได้บอกว่าบางทีท่านพูดคนละเรื่องแต่เป็นเรื่องเดียวกัน หลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านบอกว่า “ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ยอมรับกฎของกรรม” หลวงปู่บุดดา ท่านบอกว่า “กายเดียวจิตเดียวก็นิโรธ หลายกายหลายจิตมันยุ่ง” คนละเรื่องไหมเล่า ? แต่ลงที่เดียวกันนั่นแหละ หลวงปู่มหาอำพัน ท่านก็บอกว่า “อย่ายุ่งเรื่องของคนอื่น ทำหน้าที่เราให้ดีที่สุด” เรื่องเดียวกันหมด เพียงแต่ว่าท่านมาอย่างไร ท่านก็บอกทางอย่างนั้น


    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    ณ บ้านวิริยบารมี ต้นเดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖


    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3897&page=7




    .
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...