มรดกธรรมจากหลวงปู่ดูลย์ ( เล่าโดย พระอาจารย์เยื้อน)

มรดกธรรมจากหลวงปู่ดูลย์ ( เล่าโดย พระอาจารย์เยื้อน)


ขอบคุณที่มา https://www.youtube.com/@AMARINTVHD

 

ขอบคุณที่มา https://www.youtube.com/@barameepompunyo

 

ที่มา https://www.youtube.com/@channel-is9zm

 

คำถาม
กราบนมัสการหลวงพ่อ ผมฟังคลิป หลวงพ่อใน YouTube มาเป็นเวลา 4-5 เดือนแล้วครับ แล้วได้ปฏิบัติตาม มาเรื่อยๆ ผม เมื่อ 3 วันก่อน เอาความรู้สึกมาไว้ตรงเหนือสะดือเล็กน้อย เหมือนเคยปฏิบัติมาทุกครั้งตามปกติ สังเกตเห็นจิตไปนิ่งอยู่ที่ ปลายปลายความรู้สึก อยู่ๆ ก็สว่างมากออกมาภายนอก เสมือนหนึ่ง เราเปิดสวิตช์ไฟฟ้า มันจะสว่างจากภายใน ออกมาภายนอก และเกิดความโปร่งโล่งเบา สภาวะเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีภายนอกและภายในเหมือนแต่ก่อน ผมขอ อนุญาต กราบเรียนถามหลวงพ่อว่า เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว จะปฏิบัติยังไงต่อครับ กราบขอบพระคุณมากครับ
ขอนำเรียนคลายข้อสงสัยเบื้องต้นว่า
ขออนุโมทนาในกุศโลบายที่ได้รับจากหลวงพ่อไปหากมีโอกาสสามารถพบท่านได้ขอให้นั่งสมาธิต่อหน้าของหลวงพ่อเพื่อตรวจสอบสภาวะจิตได้โดยตรงเลยครับ
ที่ภาวนาดังที่กล่าวมา แสดงให้ทราบว่า
จิตถูกจริตกับอุบายภาวนาดีแล้ว
แต่ขอเรียนเสริมเพื่อให้ภาวนาไปต่อได้ครับ
ในเบื้องต้นนี้ขอนำเรียนให้คลายสงสัยว่า
ที่สว่างโล่งออกมา นั่นเป็นเพราะจิตแสดงตัวออกมา ให้ทราบว่า ตำแหน่งของจิตที่เป็นที่มั่นคงอยู่ตรงตำแหน่งบริเวณใด
ให้น้อมระลึกย้อนศรลงไป
แทนที่จะสนใจแสงสว่างและตามแสงออกไปข้างนอก
ให้น้อมระลึก ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
คือ โอปนยิโก
น้อมระลึกจิตของเราสวนกระแส
กลับไปที่บริเวณต้นกำเนิดของแสงสว่างภายใน
แล้วให้มีสติกำกับว่า นี่คือ วิหารธรรมที่ประจำของจิต
เมื่อจิตไม่สว่างไปข้างนอก
แต่สว่างอยู่ภายใน
ให้มีสติกำกับระลึกบริเวณนั้นต่อไปอีก
จะสว่าง มาก น้อย หรือจะโล่ง จะมืด จะไม่สว่าง อะไร ก็ให้วางความสนใจของจิตลงทั้งหมด
แต่ให้มีสติระลึกอยู่ว่าตำแหน่งที่เคยสว่างอยู่บริเวณไหนและใช้สติของเรากำกับความรู้สึกเช่นนั้นต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
นิมิตของแสงสว่างที่เห็นเป็นอาการของจิตที่กำลังจวนจะรวมเข้าสู่ความสงบแล้ว
แต่ไม่ใช่สาระสำคัญที่จิตจะต้องกำหนดเพื่อให้เป็นจุดรวมแสงใดๆ ให้เพิกถอนความสนใจในแสงสว่างนั้นเสีย
ให้คงเหลือเป็นเพียงเครื่องหมายระลึกนึกถึงฐานของใจของเราเท่านั้นก็เพียงพอแล้วครับ
เมื่อทำไปซักระยะหนึ่งสติจะมีกำลังแก่กล้าขึ้น
เมื่อนั้นจิตจะไม่หวั่นไหว
แต่จะมีความรู้สึกอยู่เฉพาะหน้าแล้วจิตจะดิ่งรวมเข้าไปสู่ความสงบที่แท้จริง
หรือที่เราเรียกว่า
”จิตว่าง“
ในที่สุดได้ครับ
แล้วจิตจะเปลี่ยนไป เป็นปัจจัตตัง
ที่สามารถกระทำได้ครับ
ขอให้มีสติ นึกถึงฐานจิตต่อเนื่องไปอย่าได้ขาดอย่าได้ละเลยในทุกอริยาบทต่อไปครับ
ขออนุโมทนายิ่งครับ
แนวการภาวนาอุบายกรรมฐานน้ำเย็น
ตามแนวทางคำสอนของหลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล
โดย
เขมปัญโญคฤหัสถ์
20.10.66

ขอบคุณที่มา https://web.facebook.com/pra.raratwisutthimunee
**********************************************