พ.ต.ท.สมพร พุกหอม ห้อย3องค์-"สมเด็จปู่ภู"นำ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย guawn, 17 มีนาคม 2007.

  1. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    พ.ต.ท.สมพร พุกหอม ห้อย3องค์-"สมเด็จปู่ภู"นำ

    คอลัมน์ พระเครื่องคนดัง

    วิจิตรา เนตรอุบล



    [​IMG]"เคยเชื่อว่าคนเราต้องทำความดีเพียงอย่างเดียวพระจึงจะคุ้มครอง แต่เมื่อประสบกับเหตุการณ์รอดตายมาหนึ่งครั้งก็ต้องเปลี่ยนความคิดว่า ที่จริงหากมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์บูชาควบคู่ไปด้วยก็คงจะช่วยให้สิ่งที่ร้ายบรรเทา หรือแคล้วคลาดไปได้"

    นี่คือความคิดเกี่ยวกับการบูชาพระเครื่องของ "พ.ต.ท.สมพร พุกหอม" รอง ผกก.(งานจราจร) สภ.อ.เมือง จ.ราชบุรี ผู้มีอัธยาศัยเป็นที่ยอมรับของชาวเมืองราชบุรี

    พ.ต.ท.สมพร รองผู้กำกับหนุ่มวัย 39 ปี เล่าให้ฟังว่า เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 มิ.ย. พ.ศ.2511 ที่ ต.โคกหม้อ อ.เมืองราชบุรี จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาชั้นปีที่ 6 ที่โรงเรียนวัดบางลี่เจริญธรรม ต.โคกหม้อ อ.เมืองราชบุรี จากนั้นก็สอบเรียนต่อชั้น ม.1 จนจบ ม.6 ในสายสามัญที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ ราชบุรี สาเหตุก็เพื่อจะได้สอบเข้าเป็นข้าราชการตามความต้องการของคุณพ่อ ที่ต้องการให้ผมซึ่งเป็นลูกชายคนเล็กได้เป็นข้าราชการ

    "แต่ระหว่างที่เรียนอยู่ชั้น ม.4 คุณพ่อประสบอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิต จากที่ไม่อยากเป็นข้าราชการก็เกิดแรงกระตุ้นให้ได้ทำตามความฝันของคุณพ่อ พอปี 2529 จบ ม.6 เลยตัดสินใจสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน กระทั่งจบ นรต.รุ่น 44 เมื่อปี 2534 หลังจากนั้นก็ได้รับการบรรจุในตำแหน่งรอง สว.สส.ที่ สภ.อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม"
    <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=1><TBODY><TR bgColor=#ffe9ff><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    การเริ่มต้นชีวิตการทำงานเป็นไปด้วยความราบรื่นดี กระทั่งมาเจอกับเหตุการณ์ที่เป็นจุดเริ่มต้นให้ต้องหาพระเครื่องมาห้อยคอบูชาก็คือ เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2536 เป็นวันคริสต์มาส มีเพื่อนชวนไปเที่ยวงานในเมือง ด้วยความที่อยู่ในช่วงอายุเบญจเพสอายุ 25 ปี พอดี มีผู้ใหญ่ทักท้วงว่าห้ามเดินทางไปไหนไกลบ้าน กลัวว่าจะเจอเรื่องไม่ดี ด้วยความที่เชื่อผู้ใหญ่ก็พยายามไม่ออกไปไหนนอกจากที่บ้านพักและที่ทำงานเท่านั้น แต่เหมือนชะตาจะพาไปเจออุบัติเหตุ

    "ตอนนั้นเพื่อนคะยั้นคะยอให้ขับรถไปเที่ยวในเมืองที่ห่างจาก สภ.อ.ที่ตนทำงานอยู่ถึง 87 กิโลเมตรด้วย ในที่สุดทนคำชักชวนของเพื่อนไม่ได้ก็พากันขับรถไปเที่ยวดื่มกินด้วย กระทั่งตี 5 ได้ขับรถพาเพื่อนจะกลับบ้าน ปรากฏว่าอีกแค่ 10 กิโลเมตร จะถึง สภ.อ.อยู่แล้วจู่ๆ ก็เห็นแสงไฟเตือนข้างทางข้างหน้าที่อยู่ใกล้เพียง 200-300 เมตรเท่านั้น จึงพยายามมองไฟที่ส่องอยู่ข้างหน้าพอเงยหน้าขึ้นมามองก็เห็นรถกระบะที่ประสบอุบัติเหตุอยู่ข้างทาง ด้วยความที่ผมขับรถมาค่อนข้างเร็วประมาณ 110-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เบรกไม่ได้แล้ว วินาทีนั้นคิดว่าต้องตายอย่างแน่นอน ได้ตัดสินใจกดมือบนพวงมาลัยแล้วก้มหน้าลงอย่าให้ตัวกระเด็น คิดว่าหากจะเป็นอย่างไรก็สุดแต่เวรกรรม"

    ปรากฏว่ารถของผมที่ขับมาชนเข้ากับท้ายรถกระบะคันนั้นดังสนั่นหวั่นไหว รถกระบะกระเด็นตกลงไปในคลอง แต่รถของผมกลับจอดสงบนิ่ง ด้านหน้ารถพังยับเยินไม่มีชิ้นดี โดยที่ไม่ได้บาดเจ็บอะไรสักนิดเดียว ขณะที่เพื่อนกระเด็นได้รับบาดเจ็บ ขนาดลูกน้องมาดูแลที่เกิดเหตุไม่เห็นร่างผมก็ยังพูดว่า ต้องตายแล้วแน่ๆ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นคิดว่าเป็นดวงที่ถูกลิขิตไว้แล้ว

    เมื่อปี 2549 ก็ได้มีโอกาสพบกับ อ.รังสรรค์ อารยวรรณไชยา ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้และเชี่ยวชาญในเรื่องพระเครื่องเป็นอย่างดี ให้พระมาบูชา 3 องค์ องค์แรกเป็นพระสมเด็จหลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร พิมพ์ 8 ชั้น แขนหักศอก ซึ่งหลวงปู่ภูนั้นท่านเป็นเกจิอาจารย์ที่มีอายุยืนยาวถึง 100 กว่าปี เป็นลูกศิษย์ลำดับที่ 4 ของสมเด็จโต วัดระฆังฯ เป็นพระแบบแปลกตรงที่รูปลักษณ์สร้างด้วยความประณีต ลายเส้นที่ฐานตักเล็กยาวงดงามหายากมาก

    ต่อมาไม่นาน อ.รังสรรค์ให้พระปิดตาหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง พิมพ์นะหัวเข่า เนื้อชินตะกั่วอีกองค์ สำหรับพระปิดตานี้มีเรื่องเล่าว่า สมัยที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จฯ เยือนประเทศรัสเซีย ก็มีม้าพยศตัวหนึ่งที่ไม่มีใครสามารถปราบได้ หลวงปู่เอี่ยมจึงได้ให้คาถาแด่เสด็จรัชกาลที่ 5 ไป เมื่อพระองค์ทรงพบม้าก็ทรงหยิบหญ้าขึ้นมาพร้อมกับท่องคาถาที่หลวงปู่ให้มา ม้าที่พยศก็หมอบให้พระองค์ขึ้นทันที นับเป็นเกจิอาจารย์ที่อายุยืนกว่า 100 ปีเช่นกัน

    และพระเครื่ององค์สุดท้ายที่ได้รับจากอาจารย์และหวงมากก็คือ หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์นิยม เอ ไหล่จุด ปี 2497 เป็นพระยอดนิยมที่เป็นที่รู้จักกันดีทั้งชาวไทยและต่างประเทศ

    อย่างไรก็ดี การที่ได้พระดีมาห้อยคอแล้วไม่ทำความดีเลย ไม่ถูกต้อง ถึงอย่างไรคนเราก็ต้องทำความดีต่อไป

    การห้อยหรือบูชาพระเครื่องจะช่วยส่งเสริมทางด้านจิตใจมากกว่า

    http://www.matichon.co.th/khaosod/k...g=03bud05170350&day=2007/03/17&sectionid=0307
     

แชร์หน้านี้

Loading...