พุทธศาสนา >> วิทยาศาสตร์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย นายเบทร์, 21 พฤษภาคม 2011.

  1. นายเบทร์

    นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    882
    ค่าพลัง:
    +91
    [​IMG]
    ความหมายของพระรัตนตรัย -
    พุทธัง สระนัง คฉามิ – ขอจำใส่ใจ จะอยู่ใน ความรู้
    ธัมมัง สระนัง คฉามิ – ขอจำใส่ใจ จะอยู่ใน ความจริง
    สังฆัง สระนัง คฉามิ – ขอจำใส่ใจ จะอยู่ใน สังคม

    นั่นคือ ขอจำใส่ใจ จะอยู่ใน สังคมที่ตั้งอยู่บนความรู้ แท้จริง

    (คำเตือนใจ จากบทความ -- พุทธองค์อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้? สร, vcharkarn.com, ๒๕๔๘)

    แสดงว่า ศาสนาพุทธ ให้ความสรุป ของการเรียนรู้ และดำรงค์ชีวิตไว้ ง่ายๆ และชัดเจน
    การวิเคราะห์ กฏแห่งกรรม ตามพุทธศาสนา -
    เราเข้าใจกันง่ายๆว่า ให้ทุกข์ แก่ท่าน ทุกข์นั้น ถึงตัว
    ซึ่งเป็นความหมายที่ Newton เข้าใจ และตั้งเป็น ข้อสมมติฐาน ในผลงานกลศาสตร์ที่มีเรารู้จัก
    แต่ความหมายเช่นนั้น ดูแล้ว กฏแห่งกรรม ไม่สมจริง ทุกสถานที่ ทุกเวลา ทุกกรณี - กฏแห่งกรรม ไม่ถูกต้อง?
    ความเข้าใจของเรา อยู่ในวงแคบ แค่ สอง สิ่ง (เหมือนความคิดของ นิวตัน)
    พุทธคติ เน้นที่ สังคม (ตามที่แสดงไว้ ข้างบน) นั่นคือ กลุ่มของสิ่งต่างๆ จะมี 0 หรือมากกว่านั้น ก็ได้ ไม่จำกัด
    สิ่งในกลุ่ม มีความสัมพันธ์ (สังสารา จึงเป็น สังคม) หลายอย่าง หลายที่ หลายเวลา
    อะไร ที่เกิดขึ้น กับสิ่งหนึ่งในกลุ่ม มีผลโดยตรง ที่สิ่งนั้น มีผลที่ผ่านตามความสัมพันธ์ ไปถึงสิ่งอื่นๆ
    เราจะเห็นได้ว่า การกระจายของ ผลส่ง และ ผลสะท้อน ในกลุ่ม เหมือน ปฏิกริยาลูกโซ่
    ในเวลานานพอ ทุกสิ่ง จะได้รับผล และส่งผล ให้ทุกสิ่ง จนกว่าจะมีสิ่ง หยุด (รับผล แล้วไม่ส่งผลต่อ)

    ฉะนั้น ความเข้าใจ กฏแห่งกรรม ของเราแบบง่ายๆ ไม่สามารถอธิบาย ความจริง ที่เห็นอยู่ทุกวันได้
    เราต้องเข้าใจ กฏแห่งกรรมในสังคม กฏของหลายสิ่ง หลายความสัมพันธ์ หลายชั้น หลายเวลา
    กฏนี้ บอกเราว่า เราคิดเพียง สิ่ง สองสิ่ง ไม่ได้ คิดเพียงความสัมพันธ์ตรง ชั้นเดียวไม่ได้ ต้องคำนึงถึง ความซับซ้อน หลายชั้น
    เราคิดเพียง เวลาสั้นๆ ไม่ได้ ต้องให้เวลา ความซับซ้อน ส่งผลกระจาย และผลสะท้อน ทางอ้อม


    เราจะสร้างถนน ขุดอุโมงค์ ... เพื่อแก้ปัญหาจราจร โดยไม่คำนึงถึง การขนส่งสินค้าและมวลชน และสิ่งแวดล้อม?
    เราจะสร้างโรงพยาบาล ผลิตหมอ ... โดยไม่คำนึงถึง สุขภาพของมวลชน และสุขภาพของสิ่งแวดล้อม?
    เราจะใช้ วิถี ที่มุ่ง ผ่อนเบาอาการ - แก้ผลปลายทาง ไม่แก้เหตุ ไม่แก้ความสัมพันธ์ ไม่คำนึงถึง ผลส่งต่อ ผลสะท้อน ความซับซ้อน ...?
    เราอาจจะ ปัดเศษ ยอมรับว่า ผลหนึ่งน้อย ไม่สำคัญ แต่เราจะสาดน้ำและทรายทิ้ง โดยไม่ร่อน ดู หา เศษทอง ก่อน?

    นักวิทยาศาสตร์ ยังเรียนรู้ ได้อีกมาก จากพุทธศาสนา
    นอกจาก ตัวอย่างข้างต้น ลองมองดู ปัญหา Optimization ซึ่ง มีคำตอบ general solution คือ ทางสายกลาง (ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ)
    ปัญหาการควบคุม system behaviours มีคำตอบทั่วไป ในรูปของ ศีลห้า และ ธรรมห้า (general constraining conditions)
    ปัญหาการเรียนรู้ สร้างความเข้าใจ มีคำตอบในรูป ปุจฉา และ วิสัชนา (การเรียน+การสอน=การเชื่อมต่อ สร้างความสัมพันธ์) ฯลฯ

    ศาสนาพุทธ ยังมีคำตอบรากฐาน ให้ปัญหาวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ และการเมือง

    การวิเคราะห์ สร้างความเข้าใจศาสนาพุทธ ให้ความหมายในสังคมปัจจุบัน ควรเป็นส่วนหนึ่ง ของการวิจัยทางวิทยาศาตร์(ตะวันตก)


    ข้อมูลจาก
    - ::
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 4590_5.jpg
      4590_5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      19.1 KB
      เปิดดู:
      220
  2. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    เคยได้ยินแต่เค้าแปลว่า
    ข้าพเจ้าขอเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ ที่พึ่ง
    เจตนาบิดเบือนคำสอนรึเปล่า...
     
  3. obs2553

    obs2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +176
    ป้ารู้แต่ว่า ความรู้ต้องคู่กับคุณธรรม โลกจึงจะสงบสุข และมีการพัฒนาที่อยู่ในร่องในรอย
    แต่ดาวเคราะห์สีฟ้าใบนี้ (blue planet) จะเป็นแบบนั้นได้รึเปล่าก็ไม่รู้...

    ยูโทเปียจริงๆเลย

    ยูโทเปีย มาจากภาษากรีก หมายถึงเมืองที่ดี หรือ เมืองที่ไม่มี ณ แห่งหนใด (eu-topia = good place และพ้องเสียงกับความหมายที่ว่า no place เช่นกัน)


     
  4. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    คนเขียนบทความเขาตีความของเขาเอง หมายถึง เขาอาจจะเก็บไว้เป็นความคิดส่วนตัวของเขา แต่มันผิดความหมายที่แท้จริง (คือเขารู้คำแปลแบบที่เรารู้แต่เขาอยากจำแบบของเขา) พุทธัง สระนัง คัจฉามิ เขาบอกว่าเขาจะอยู่ในความรู้ แจ้งคือพุทธะ ธรรมัง สรณัง คัจฉามิ เขาจะอยู่ในความจริงแห่งธรรม หรือ การปฎิบัติตามธรรม สังฆัง สรณังคัจฉามิ เขาจะอยู่กับสังคมที่เป็นรูปธรรมคือ คน มีกิจกรรมร่วมกัน แต่ถ้าไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติมจะมีคนทักท้วงที่แปล ผิด
     
  5. KelG

    KelG สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +5
    จับแพะชนแกะ
     
  6. นายเบทร์

    นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    882
    ค่าพลัง:
    +91
    เอาพระพุทธเป็นที่พึ่ง ก็เพราะท่านสอนให้เราได้รับความรู้ความจริง สอนให้หลุดจากกิเลส

    เอาพระธรรมเป็นที่พึ่ง ก็เพราะมันคือความจริง มันคือสิ่งที่พระพุทธเจ้าได้สอนเรามา เป็นแนวทางในการปราบมาร(กิเลส)

    เอาพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง ก็เพราะพระสงฆ์สามารถช่วยเหลือสังคมให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น สอนให้เราเป็นคนดี สอนให้เราปฏิบัติธรรม และเข้าสู่นิพพาน
     

แชร์หน้านี้

Loading...