พุทธศาสนา ดีกว่า ศาสนาอื่นๆ จริงหรือ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย Saint Telwada, 11 กรกฎาคม 2008.

  1. Saint Telwada

    Saint Telwada สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2008
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +5
    อยากจะรู้ความคิดเห็นของทุกท่าน ว่าจะมีความคิดอย่างไร ในศาสนาพุทธกับศาสนาอื่นๆ
    คือ อยากรู้ว่า ศาสนาพุทธนั้นสอนให้ผู้ศรัทธา มองศาสนาอื่นๆอย่างไรบ้าง
    จึงได้เขียนเป็นคำถามว่า " พุทธศาสนา ดีกว่า ศาสนาอื่นๆ จริงหรือ"
    ที่เขียนถาม ไม่มีวัตถุประสงค์ ให้เกิดความแตกแยกในมวลมนุษย์ แต่ต้องการให้มนุษย์มีความเข้าใจที่ดีงามตามศาสนาที่ตัวเองศรัทธาอยู่
     
  2. เอก999

    เอก999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +143
    ส่วนตัวนะครับ ผมเป็นพุทธแต่ก็เห็นว่าศาสนาอื่นก็ดีทั้งนั้นแหล่ะครับ
    แต่แนวทางการสอนนั้นต่างกัน แต่ก็มีจุดมุ่งหมายอันเดียวกัน
    เพียงแต่พุทธเราอาจจะต่างกับเขาที่เรามีการสอนเรื่องของความหลุดพ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 กรกฎาคม 2008
  3. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,632
    ตั้งกระทู้ล่อแหลมจริงๆ ศาสนาอื่นสอนได้ไม่จบสูงสุดแค่สวรรค์หรือพรหมโลก แต่พระพุทธศาสนาสอนจบคือหมดกิเลสและไปนิพพาน และนิพพานในศาสนาพุทธไม่เหมือนกับไกลวัลย์หรือปรมาตมันของพราหมณ์หรือเซียนของเต๋าหรือเข้าถึงพระเจ้าในศาสนาต่างๆ มิฉะนั้นก็เถียงกันไม่จบสักที
     
  4. Aek9549

    Aek9549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +1,031
    " พุทธศาสนา ดีกว่า ศาสนาอื่นๆ จริงหรือ"

    ผมเองนับถือพุทธศาสนา...โดยความเห็นส่วนตัวและได้บวชเรียนศึกษาธรรมถึงสามปี..เรียนแบบเข้าให้ถึงแก่น...ศึกษาเองและอ่านหนังสือ..และพยายามวิเคราะห์แง่มุมของศาสนาต่างๆ เหมือนจะเป็นศาสนาเปรียบเทียบประมาณนั้น...พุทธศาสนาของเราก็ไม่ต่างจากศาสนาอื่นๆ หรอกครับ..แต่พุทธศาสนาของเราเป็นทางออกของชีวิต..เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติที่อยู่รอบตัวเรา...เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป...เปรียบเหมือนเราเรียนหนังสือ ตั้งใจเรียนและสอบผ่าน...พุทธศาสนาเป็นการดำเนินชีวิตให้ถูกต้องและถูกทางที่ควรจะเป็น..ไม่ใช่การอ้อนวอน บนบาน ศาลกล่าว..แต่ทุกอย่างต้องพิสูจน์ด้วยความจริงแห่งชีวิต เช่น เมื่อมีความทุกข์ใจเกิดขึ้น...ก็ให้เราลำดับความทุกข์ที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากอะไร..แล้วก็หาทางแก้ไขปัญหานั้นๆ ให้สำเร็จลุล่วงไป...ปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอ..ขึ้นอยู่กับว่าเรามีสติที่จะคิด ตรึกตรองถึงสาระแห่งชีวิตของเราหรือเปล่า...และทางออกของปัญหานั้นๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา.ท่านก็ทรงชี้ทางออกไว้ให้เสมอ..
     
  5. Saint Telwada

    Saint Telwada สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2008
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +5
    ไม่ล่อแหลมดอกขอรับ เพราะข้าพเจ้าได้อธิบายในกระทู้แล้ว
    คืออ่านกระทู้ของเขามา ก็เลยถามแบบเขา แต่ไม่เหมือนเขา เพียงอยากรู้ความคิดที่ถูกต้องของคนที่นับถือศาสนาพุทธจริงๆ ว่าเขามีความคิดในแง่เข้าข้างสิ่งที่ตัวเองมีหรือไม่
    จริงอยู่แม้ข้าพเจ้าจะบอกล่วงหน้า แต่ในส่วนลึกของจิตใจนั้น อาจแปรเปลี่ยนกันได้ จะได้ไม่เกิดความหลง จะได้รู้จักคำว่าคิดอย่างเป็นกลาง
     
  6. รสพระธรรม

    รสพระธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +88
    ทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดีเหมือนกันหมดค่ะ

    แต่พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาที่มีเหตุผล

    พระพุทธศาสนา คือ พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า<O:p</O:p
    เป็นเรื่องเหตุผล ไม่ใช่เรื่องงมงายไร้เหตุผล<O:p</O:p

    พระพุทธศาสนา คือ พระธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้<O:p</O:p
    คือ อริยสัจจ์ ๔ ความจริงแท้ ๔ ประการ<O:p</O:p
    คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค <O:p</O:p

    ทุกข์ กับ นิโรธ เป็นตัวผล (ทุกข์เกิด กับ ทุกข์ดับ)<O:p</O:p
    สมุทัย กับ มรรค เป็นตัวเหตุ (เหตุให้ทุกข์เกิด กับ เหตุให้ทุกข์ดับ)<O:p</O:p
    ย่อลงเป็น เหตุ-ผล<O:p</O:p

    หรืออีกสำนวนหนึ่ง คือ ฝ่ายติดในโลก กับ ฝ่ายหลุดพ้นจากโลก<O:p</O:p

    สมุทัย กับ ทุกข์ เป็น ฝ่ายติดในโลก
    คือ จิตติดอยู่ในโลก(วนเวียนอยู่ในวัฏฏะ ๓) เป็นโลกียะ<O:p</O:p

    มรรค กับ นิโรธ เป็น ฝ่ายหลุดพ้นจากโลก
    คือ จิตหลุดพ้นจากโลก (ไม่วนเวียนอยู่ในวัฏฏะ ๓) เป็นโลกุตตระหรือนิพพาน <O:p</O:p
     
  7. Saint Telwada

    Saint Telwada สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2008
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +5
    สาธุ ขอรับ แต่ขอแนะนำการคิดพิจารณาให้คุณสักนิดว่า
    ในทางศาสนาพุทธที่แท้จริงนั้น ไม่มีคำว่าทางโลก หรือทางธรรมนะขอรับ
    ศาสนาพุทธจะกล่าวเพียงว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นทุกข์ เป็นสมุทัย เป็นนิโรธ เป็นมรรค
    ไม่ใช่มาแยกว่า อันนั้นเป็นทางโลก อันนั้นเป็นทางธรรมไม่ถูกต้อง เพราะไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ครองเรือนเป็นอะไร มีบทบาทหน้าที่อย่างไร คุณก็ย่อมอยู่ในโลก เกี่ยวข้องกับทางโลกอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
    พวกที่แยกว่า ทางนั้นทางโลก ทางนั้น ทางธรรม เป็นพวกมีความคิดที่เบี่ยงเบนจากความเป็นจริงขอรับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กรกฎาคม 2008
  8. kittitpx

    kittitpx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    570
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +2,000
    คืออย่างนี้นะครับ ผมจะไม่บอกว่าดีกว่าหรือไม่ แต่จะบอกความแตกต่าง
    ศาสนาพุทธนั้นเป็นศาสนาแห่งปัญญาและเมตตาธรรม ของศริสต์จะเป็นศาสนา
    แห่งความรักและศรัทธา ของศาสนาอิสลามจะมุ่งเน้นด้านความเชื่อและศรัทธา
    เป้าหมายสุงสุดของศาสนาศริสต์และอิสลามเหมือนกัน คือการได้อยู่กับพระเจ้าบน
    สวรรค์ตลอดกาล และเชื่อว่ามีชาตินี้ ชาติเดียว พอตายไปถ้าทำดี และศรัทธาในพระเจ้า
    ก็ไปสู่สวรรค์ตลอดกาล ถ้าทำชั่วก็ตกนรกไปตลอดกาลเหมือนกัน แต่ของศาสนาพุทธ
    คือการได้ไปสุ่พระนิพพานอันเป็นบรมสุข ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดแม้ได้ไปอยู่สวรรค์กับพระเจ้า
    หมดบุญก็ต้องลงมาเกิดอีก เป็นต้น
    นี้เป็นความแตกต่างของศาสนาทั้งสาม
    ความศรัทธา หรือความเชื่อนั้นศาสนาพุทธบอกว่าอย่าเชื่อง่ายๆ
    ให้ใช้ปัญญาไตร่ตรองก่อน หาข้อพิสูจน์มาก่อน ซึ้งแนวทางดังกล่าว
    เป็นวิธีทางวิทยาศาสตร์ เป็นเหตุเป็นผล เพราะอย่างนี้ ไอส์ไตน์จึง
    บอกว่า ศาสนาพุทธสามารถรองรับความต้องการทางวิทยาศาสตร์ได้
    และไอส์ไตน์เองก็มีความสนใจพระพุทธศาสนาไม่ใช้น้อย
    คือพยายามหาวิธีพิสูจน์ความจริงให้ได้ก่อน แล้วค่อยมาดูกันว่าน่าเชื่อดีไหม
    แต่ศาสนาคริสต์และอิสลามนั้นต้องเชื่อ สงสัยไม่ได้ เหมือนออกแนว
    บังคับ เชื่อเถอะ! ประมาณนั้น
    แต่ถึงยังไง"ความเชื่อ" อาจไม่ใช้"ความจริง"ก็ได้
    เมื่อมีสองสิ่งที่ขัดแย้งกัน ไปคนละทาง ถ้าเราสามารถตรวจสอบ
    อันใดอันหนึ่ง แล้วพบว่าอันนั้นเป็นความจริง และถูกต้อง ก็ย่อมรู้
    ได้เลยว่าอีกอันไม่จริง!
    จะยังไงผมก็เชื่อว่า ความจริงสูงสุดมีเพียงสิ่งเดียวที่เหมือนกันหมด
    และเป็นสากล ทุกศาสนาก็สอนให้ทุกคนเป็นคนดี ถ้าปฎิบัติตามคำสอน
    ของศาสนานั้นๆ ก็มีความสุข ก็เป็นคนดีในสังคมเหมือนกัน
    แต่ในความรุ้สึกส่วนตัวของผม รู้สึกว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนา
    ที่ลุ่มลึก และซับซ้อนกว่าของคริสต์และอิสลาม
    ศาสนาพุทธนั้นบอกได้เลยว่า เป็นศาสนาที่มีเหตุผลมากที่สุดในโลก
    และมีคำสอนมากกว่าศาสนาใดๆ มากถึง 8,400 พระธรรมขันธ์
    สำหรับLink นี้คือหัวข้อ ศาสนาพุทธต่างจากศาสนาอื่นอย่างไร
    ลองโหลดไปดูนะครับ แล้วค่อยมาวิเคราะห์อีกที อาจได้อะไรดีๆบ้าง
    http://www.dmc.tv/forum/index.php?act=attach&type=post&id=17525
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2008
  9. ท้องฟ้าและแผ่นดิน

    ท้องฟ้าและแผ่นดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +127
    พุทธะ แปลว่า รู้ ตื่น และเบิกบาน
    พุทธภาวะย่อมมีอยู่ในทุกสรรพสัตว์
    ธรรมะ 84,000 พระธรรมขันธ์ ย่อมยังอยู่ในกายยาววา หนาคืบนี้เท่านั้น
    ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ คนดีหรือคนชั่ว คนฉลาดหรือคนโง่
    นับถือพุทธ คริสต์ อิสลาม เซน ยิว เชน หรือศาสนาและลัทธิใดใด
    ย่อมสามารถ รู้ ตื่น และเบิกบาน ได้เช่นกัน
    ด้วยธรรมะเป็นของทุกผู้คน

    เราแตกต่างแค่ความเชื่อ ความศรัทธา
    ดุจดั่งแม่น้ำเจ้าพระยายังความสุขแก่คนไทย
    แม่น้ำเทมส์อยู่ในอังกฤษ
    แม่น้ำไนล์ไหลผ่านอียิปต์
    น้ำที่ดีย่อมดื่มกินได้ ไม่มีพิษและไม่ทำอันตรายใดใดแ่ก่ผู้ที่ดื่ม
    ธรรมะก็เช่นกัน
    ธรรมะที่ดีย่อมไม่มีโทษ ไม่ทำอันตรายแก่บุคคลที่ปฏิบัติ

    เราขอยกย่องพระเยซูเจ้า
    เราขอยกย่องนบีมูฮัมหมัด
    หากเราเกิดภายใต้ศาสนาของทั้งสองพระองค์
    เราย่อมรักพระองค์เช่นกัน
    แม้เราเป็นพุทธ
    เราก็รักพระองค์เช่นกัน
    เพราะทั้งสองพระองค์ล้วนเป็นผู้ปลดปล่อยผู้ที่ทุกข์ยากไปสู่อิสรภาพเช่นกัน

    แค่ทุกคนเป็นสุขก็เพียงพอ
    ขอให้ผู้ที่ถือคริสต์ได้พบพระเจ้า
    ขอให้ผู้ที่นับถืออิสลามเ็ป็นสุขยิ่งทั้งโลกนี้และโลกเบื้องหน้า
    ขอให้ผู้นับถือเทพทั้งปวง ได้เข้าสู่ปรมาตมันอันเรืองรอง
    ขอให้ผู้ที่นับถือศาสนาใดจงบรรลุบรมสุขที่ปรารถนา
    ขอให้ผู้เป็นพุทธอันแท้จริง มีดวงตาเห็นธรรม
    ขอโลกนี้จงเป็นสุขด้วยน้ำใจ
    ขอโลกนี้จงเป็นสุขด้วยการอภัยให้กัน
    ขอโลกนี้จงเป็นสุขด้วยรอยยิ้ม
    ขอโลกนี้จงเป็นสุขด้วยเสียงหัวเราะ
     
  10. Saint Telwada

    Saint Telwada สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2008
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +5
    แล้วการปฏิบัติ ในศาสนาอื่นๆนอกเหนือจากศาสนาพุทธ ไม่ใช่เป็นวิธีการหลุดพ้นจากความทุกข์ ของการสังคมเป็นอยู่ร่วมกันของมนุษย์
     
  11. ท้องฟ้าและแผ่นดิน

    ท้องฟ้าและแผ่นดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +127
    ผู้ปฏิบัติธรรม
    ย่อมเฝ้ามองธรรม
    ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเสมอ
    หาได้เห็นเป็นบุคคล สัตว์ สิ่งของ ตัวตนไม่
    ทุกสิ่งเป็นเพียงสมมติบัญญัติ
    ชาตินี้เธอเกิดมาในประเทศไทย
    มีพ่อแม่ ญาติพี่น้องวงศ์วานนับถือพุทธ
    หลังจากเธอเรียนรู้ศาสนา
    เธออาจกล่าวว่าเธอโชคดี
    แลัวถ้าเพื่อเพื่อนที่เธอรักมากเกิดเป็นผู้นับถือคริสต์
    เธอจะว่าเขาโชคร้ายกว่าเธอนั้นหรือ

    ก่อนที่เธอจะรู้ความ
    ตอนที่เธอยังไร้เดียงสา
    ความคิดด้านศาสนายังไม่ลึกซึ้ง
    เธอเป็นพุทธหรือเปล่า
    ตอนนั้นเธอโชคร้ายกว่าตอนนี้นั้นหรือ

    ธรรมนั้นกว้างกว่ามหาสมุทร
    กว้างกว่าแผ่นดินทั้งปวง
    แผ่นดินยังโอบอุ้มผู้คนหลายเชื้อชาติทั้งฝรั่ง เอเชีย ทุกประเทศ
    ธรรมนั้นกว้างกว่าท้องฟ้า
    ท้องฟ้าที่ครอบคลุมได้ทั้งโลก ยังมีนกหลายเผ่าพันธ์รวมถึงเครื่องบิน
    เรามองเห็นขอบฟ้า และขอบแห่งแผ่นดิน
    แต่เราไม่รู้เลยว่าขอบเขตแห่งธรรมอยู่ ณ ที่ไหน

    เธอจะกล่าวถึงธรรมนี้อย่างไร
    ธรรมที่จะทำให้เธอเป็นคนใจกว้าง
    ธรรมที่จะทำให้เธอเข้าใจในทุกศาสนา ในทุกผู้คน ในทุกสรรพสิ่ง
    ธรรมที่ทำให้เธอเป็นหนึ่งเดียวกับทุกศาสนา
    เป็นหนึ่งเดียวกับทุกสรรพสิ่ง
    และเราเรียกธรรมนั้นว่าพุทธ
    หากเธอพบธรรมเช่นนั้น
    เธอยังสนใจในความแตกต่างอีกหรือ

    เธอเรียนรู้จากตำราพอหรือยัง
    เมื่อไหร่หนอจะเริ่มออกเดินทางเสียที

    จะพะวงไปใยว่าศาสนาไหนจะพาไปไหน
    ในเมื่อทั้งฉัน เธอและเขายังไปได้ไปถึงไหนกันเลย
    ฉัน และเธอก็ยังไม่ได้ไปถึงพระนิพพาน(ถ้านิพพาน ก็หมดเรื่องคุยกันแล้วเนาะ)
    เขาบางคนก็ยังไปไม่ถึงจุดมุ่งหมาย
    แต่เขาบางคนก็อาจเป็นผู้ยิ่งใหญ่
    มหาตมะคานธี นับถือพุทธงั้นหรือ
    แม่ชีเทเรซ่า ก็เป็นชาวคริสต์
    หากโลกนี้มีคนอย่างเขาอยู่ โลกนี้ก็น่าอยู่ไม่ใช่หรือ
    (ปู่เย็นของไทยก็น่ายกย่องเช่นกัน-เรื่องส่วนตัว)

    เราเองยังไม่รู้เลยว่า
    ตายไปแล้วจะลงนรกหรือเปล่า
    วินาทีข้างหน้า ก็อาจเพี้ยนเป็นคนบ้า
    ตอนนี้ยังหายใจดีอยู่ อยู่ดีๆอาจหัวใจวายตายก็ได้
    (คนข้างบ้านเราเมื่อ4-5ที่แล้วเพิ่งตายด้วยหัวใจวาย ก่อนหน้านั้นหนึ่งวันเรายังเห็นเขาอยู่เลย)

    การมองผู้อื่น เป็นการนำจิตนี้ออกนอกกาย
    ใจนี้ควรคงสภาพความว่าง
    เฝ้ามองธรรมที่ปรากฏภายในกายและใจนี้ด้วยสติ จนก่อเกิดปัญญา
    หากใจนี้ปรากฏเรื่องราวมากมาย
    ปล่อยให้เกิดความสงสัย ปรุงแต่งจนใจนี้สับสน
    จะพิจารณาธรรมเช่นไร
    และรู้แล้วจะได้อะไร
    นอกจากการเอาชนะทางความคิด และคำพูดอันไม่จบสิ้น

    เผลอจิตไปดูถูกศาสนาอื่นเข้า
    ก่อนตายไปจิตดันจำไว้เป็นสัญญาดวงสุดท้าย
    เลยไปเกิดในศาสนานั้นแทน จะทำไงหนอ

    เราไม่ได้อวดอุตริ เพราะเราขอบอกก่อนว่าเรายังไม่ได้บรรลุอะไร
    หากตอนนี้เป็นได้ก็เหมือนควายตัวหนึ่งเท่านั้น ที่ยังไม่ค่อยรู้อะไร
    (รู้สึกดีมากเลย ที่ได้ด่าตัวเองบ่อยๆก่อนจะโดนคนอื่นด่า)
    เราบอกตัวเองว่าหน้าที่เราคือศึกษาธรรม ก้าวไปทีละก้าวเท่านั้น
    หน้าที่ชี้ผิดชี้ถูกเป็นหน้าที่ของผู้ที่บรรลุแล้ว
    หากต้องการความผิดถูกทางด้านความคิด
    ก็ควรหาผู้ที่เป็นปราชญ์
    ส่วนเราเป็นแค่กบในกะลา
    (ชอบรายการกบนอกกะลาของทีวีบูรพา เผื่อจะได้ออกนอกกะลาบ้าง)
    เราเองก็อาศัยพวกพี่ๆน้องๆทั้งหลายที่อยู่ในเวปนี้
    ช่วยโพสสิ่งดีดี ที่มีคุณค่า ที่เป็นประโยชน์แก่เรา
    ขอขอบพระคุณทุกทุกท่านอย่างสูง ที่ให้เรา copy ข้อความเหล่านั้น
    เพิ่อนำไปปฏิบัติ ขอพวกท่านทั้งบรรลุธรรมตามที่ท่านปฏิบัติโดยพลัน
    และบุญกุศลใดที่เราได้จากการปฏิบัติจากทุกท่าน ขอทุกท่านจงได้รับและเป็นสุขในปัจจุบัน ทั้งชาตินี้และทุกชาติด้วยเทอญ
    เพราะการสนทนาธรรมตามกาลเป็นมงคลอย่างยิ่ง

    ขอโทษด้วยหากเราเขียนอะไรไม่ถูกต้องออกไป
    เราขออนุโมทนากับทุกคนที่บริจาคให้กับเวปนี้ อันเป็นบุญอันอุดมสมควรแก่กาล
    ขออภัยทุกทุกคน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • onion45.gif
      onion45.gif
      ขนาดไฟล์:
      11.8 KB
      เปิดดู:
      240

แชร์หน้านี้

Loading...