พุทธศาสนาในการ์ตูนย่อยธรรมะเพื่อเยาวชน

' พุทธศาสนา'ใน'การ์ตูน'ย่อยธรรมะเพื่อเยาวชน

​

การปลูกฝังให้เด็กๆ สนใจในพระพุทธศาสนา คงมิใช่แค่เรื่องว่า วันสำคัญทางศาสนามีวันอะไรบ้าง มีความสำคัญอย่างไร และเป็นวันที่เด็กๆ จะได้หยุดเรียนหรือไม่
เพราะความเป็นจริงแล้ว ที่ควรปลูกฝังให้เด็กๆ ก็คือ ทำอย่างไรที่จะสอนแก่นแท้ของพระธรรมคำสอนให้เด็กๆ เข้าใจได้ ทำอย่างไรให้พระธรรมคำสอนที่ละเอียดลึกซึ้งนั้นอยู่ในรูปแบบที่เหมาะกับวัยของหนูน้อยทั้งหลาย
และด้วยต้องการตอบโจทย์ดังกล่าว เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักพิมพ์อมรินทร์คอมมิกส์ จึงได้จัดเปิดตัวหนังสือการ์ตูนอัตชีวประวัติบุคคลสำคัญในพระพุทธศาสนา 3 เล่มรวด ได้แก่ "องคุลิมาล" "พระเจ้าอโศกมหาราช" และ "พระอานนท์"
การ์ตูนทั้งสามเล่มนี้สร้างสรรค์ภาพขึ้นโดย โอม รัชเวทย์ หนึ่งในทีมงานผู้วาดลายเส้น "พระมหาชนก" และ "คุณทองแดง" ฉบับการ์ตูน บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สำหรับแรงบันดาลใจในการบอกเล่าถึงแง่มุมธรรมะฉบับการ์ตูนนั้น โอม กล่าวว่า ต้องย้อนหลังไปถึง 10 ปี แรกเริ่มคือเขาวาดฝันถึงการ์ตูนหรือคอมมิกส์เมืองไทยไว้ว่า แนวการ์ตูนที่ดีก็ควรจะมีเนื้อหาที่ดีด้วย จึงอยากนำเนื้อเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธศาสนามาทำเป็นการ์ตูน เนื่องจากจะเป็นการตีความภาษาอ่านยากให้เข้าใจง่ายขึ้น และยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน ซึ่งกลุ่มเป้าหมายมิใช่เพียงแต่เด็กๆ แต่ยังข้ามรุ่นไปถึงวัยผู้ใหญ่ด้วย เมื่อได้คุยกับผู้บริหารเครืออมรินทร์อย่าง เมตตา อุทกะพันธุ์ แนวคิดนี้จึงได้เกิดขึ้นเป็นรูปเป็นร่างในที่สุด ส่วนเหตุผลที่เลือกประเดิมด้วยอัตชีวประวัติ 3 บุคคลสำคัญนี้
นักเขียนการ์ตูนแจกแจงต่อไปว่า "องคุลิมาล" นั้น เป็นเรื่องที่ทุกคนเคยรับรู้มาว่า แรกเริ่มเป็นคนไม่ดีเมื่อพบพระพุทธเจ้าก็บรรลุธรรมจนเป็นพระอรหันต์ ที่สำคัญเนื้อเรื่องมีบทของการต่อสู้ สามารถเขียนออกมาเป็นการ์ตูนที่มีสีสัน เป็นแนวแอ็คชั่นที่เด็กผู้ชายชอบ จึงเลือกองคุลิมาลมาเขียนเป็นเรื่องแรก ตามด้วย "พระเจ้าอโศกมหาราช" และ "พระอานนท์" ซึ่งการเขียนการ์ตูนชุดนี้ต้องใช้เวลานาน ต้องสร้างบทก่อนแล้วร่างภาพทั้งหมดเหมือนสตอรี่บอร์ดภาพยนตร์ หลังจากนั้นก็มาตรวจความเหมาะสมแล้วค่อยลงมือร่างจริง ขั้นตอนสุดท้ายก็คือลงหมึกและมีการติดสกรีนโทนเหมือนการ์ตูนญี่ปุ่นหรือการ์ตูนฝรั่ง เรียกได้ว่าไม่ใช่งานง่าย เพราะต้องสร้างจินตนาการให้เป็นภาพนับร้อยๆ หน้า และที่สำคัญคือต้องดำเนินเรื่องเป็นช่องๆ ไม่มีคำบรรยายภาพอีกด้วย
"องคุลิมาล พระเจ้าอโศกมหาราช มีการเคลื่อนไหวค่อนข้างมาก พอมาเล่มที่ 3 พระอานนท์ จึงไม่เอาแบบเคลื่อนไหวมาก จะได้ไม่ซ้ำไม่มีบทต่อสู้ เป็นเรื่องชีวิต ชีวประวัติของท่านทำให้เกิดความแตกต่างจะได้ไม่เกิดความน่าเบื่อ พระอานนท์ทำยากที่สุด เพราะเนื้อหาทั้งนั้นเลย จะทำอย่างไรให้เนื้อหาไม่น่าเบื่อ ตัดบางตอนออก เพิ่มเข้าไปบ้าง ผมพอใจพระเจ้าอโศกมหาราชค่อนข้างมาก เพราะดูตัวละครมีหลากหลายมาก และฉากใหญ่ของการรบเป็นไปตามที่คาดหวังไว้ วางเป้าหนังสือ 3 เล่มนี้ เพื่อให้ทั้งผู้ใหญ่และเด็กสามารถอ่านได้ ทำให้รู้จักพระพุทธเจ้าชัดขึ้น" นักเขียนการ์ตูนมากฝีมือ กล่าว
โอม บอกด้วยว่า ทั้งสามเรื่องจะมี พระพุทธเจ้า เป็นแก่นแห่งการเขียนทั้งหมด นอกจากนี้ยังต้องมีการตีคาแรคเตอร์บุคคลที่นำมาเขียน ไม่เพียงแค่ภาพสวยแต่ยังต้องสนุก และยังย้ำว่าภาพการ์ตูนก็ไม่เขียนให้ดูรุนแรง เพราะเป็นการเสนอให้เยาวชน ตามเนื้อหาก็ต้องมีบ้าง แต่จะใช้คำพูดที่ลดความรุนแรงลง
"พ่อแม่ผู้ปกครองควรส่งเสริมให้ลูกอ่านหนังสือธรรมะ พ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างให้ลูก ลูกจะเป็นคนดี คิดเป็น ก็ขึ้นอยู่กับค่านิยมของพ่อแม่ปลูกฝังให้ลูกตั้งแต่เด็กๆ หนังสือการ์ตูนแฝงธรรมะดีอยู่แล้ว แต่อยู่ที่การนำเสนอ ธรรมะสำหรับเยาวชนต้องปรุงแต่ง เพราะธรรมะเป็นสิ่งสำคัญกับชีวิต แต่ไม่ควรยัดเยียดมากเกินไป" โอม กล่าว
ขณะที่ "ดร.ป๊อป" ฐาวรา สิริพิพัฒน์ นักเขียนเยาวชนชื่อดัง ที่มาร่วมพูดคุยด้วยบอกว่า อ่านหนังสือหลากหลายแนว รวมทั้งการ์ตูนด้วย สำหรับเนื้อหาการ์ตูนธรรมะ ถ้าเรียกเป็นภาษาวัยรุ่นคงต้องใช้คำว่า "แนวดี" ซึ่งนักเขียนวัยรุ่น บอกว่า ธรรมดาคนอาจจะไม่สนใจเท่าไร ส่วนใหญ่จะเห็นเรื่องเหล่านี้จากตำราเรียน ซึ่งเหมือนบังคับให้อ่าน แต่พอมาเป็นภาพแบบนี้ก็น่าจะเข้าใจมากขึ้น เพราะมีการดำเนินเรื่องอย่างไม่ยืดเยื้อ ได้เห็นเหตุการณ์สำคัญอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนตัวเขาชอบองคุลิมาล เพราะเป็นตัวละครที่ได้ยินมาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับการตัดนิ้วคน จึงรู้สึกว่าน่าสนใจ พอลองอ่านแล้วรู้สึกว่าเนื้อเรื่องสนุก ภาพไม่น่าเบื่อ ได้คติสอนใจหลายอย่าง
"อยากให้ผู้ใหญ่ให้ความสำคัญในด้านหนังสือเยาวชน ไม่ใช่หนังสือที่อ่านยาก เพราะเด็กๆ เขาต้องการจินตนาการมากกว่าไปยัดเยียดทุกอย่างให้เขาเกลียดหนังสือ อยากฝากไว้ว่าเมื่อทำหนังสือเด็กให้ใส่จิตใจความเป็นเด็กลงไป เอาความเป็นเด็กนั้นสร้างจินตนาการให้เด็กอ่าน" ดร.ป๊อป ให้ความเห็น
ด้าน พระภาสกร ภูริวฑฺฒโน (ภาวิไล) ผู้อำนวยการธรรมสถาน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้มุมมองว่า ธรรมะเป็นเรื่องใกล้ตัว เป็นความเข้าใจของมนุษย์เกี่ยวกับเรื่องธรรมชาติ โลก และชีวิต ถ้าเราเข้าใจถูกต้อง ก็จะสามารถปรับตัวให้สอดคล้องธรรมชาติ เหมือนกับสมัยนี้ที่เราต้องเข้าใจธรรมชาติของเด็ก เด็กที่อ่านหนังสือที่มีตัวหนังสืออย่างเดียว เขาจะนึกภาพไม่ออก การ์ตูนจะเป็นภาพเบื้องต้นให้เด็กเข้าใจ ที่จะต่อยอดจินตนาการของเขาต่อไป

ส่วนโครงการต่อไปของหนังสือชุดนี้ จะออกมาทั้งสิ้น 12 เล่ม โดยสามเล่มต่อไปจะเป็นเรื่องราวของ "พระโมคลานะ" "พระสารีบุตร" และ "พระสังฆจาย" "ธรรมะ" คือทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวเรานับตั้งแต่เกิดกระทั่งสิ้นลมหายใจ เหตุนี้การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาให้เด็กๆ จึงนับเป็นเรื่องที่สมควรอย่างยิ่ง

ที่มา..

 

อนุโมทนาด้วยจ๊ะ

โถ..อุตส่าห์ทำตัวอักษร ให้อ่านง่ายด้วย

ดูเวลาแล้ว หนูตาตั้งกระทู้เรื่องนี้ก่อน
เมื่อวานพี่มองไม่เห็นกระทู้นี้จ๊ะ รีบไปหน่อย