... พุทธวิทยศาสนา ...

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย amu, 7 มิถุนายน 2006.

  1. amu

    amu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +149
    จะรุมด่า ผมก็เชิญนะครับ หาก นักฟิสิกส์บางท่าน/พระอาจารย์ บางท่าน

    เข้ามาอ่านพบที่ผมโพสท์นี่

    พี่ครับ/พระท่านครับ

    - - - - - - - - - - - -

    ทุกสิ่งใดใดในโลกล้วนมีจุดจบ / ผมไม่รู้ภาษาบาลีพูดยังไงนะฮะ
    อนิจจัง วัดตะ สัง ขารา ไรเนี่ย (ผมจำไม่ได้)

    ใช่ใหมครับ? เพราะฉะนั้น วิทยาศาสตร์ กับ ศาสนา เป็นอะไรที่สอดคล้องกัน โดยเฉพาะ " พุทธศาสนา"

    ในขณะที่ ศาสนาอื่นเช่น "คริสต์" และ "มุสลิม"

    เขามีความเชื่อมั่นใน "ศาสดา" ของแต่ละศาสนามากกว่า พุทธ

    หมายถึงเขา มี "ความศรัทธา" (Faith & Believe) ใน ศาสดามากกว่า "หลักความจริง" (The Truth) ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติ

    พุทธศาสนามีศาสดา เป็น Representation แต่ไม่ใช่ Majority หรือ Sign สักนิด

    และผลของพุทธศาสนาคือ ความจริงที่มนุษย์ทุกคนได้พบทางจิตใจ เช่น บาป-กรรม และ บ่วงโซ่ชีวิต การกระทำก่อน-หลัง ที่ ต้องมีการชดใช้ ในรูปแบบ "วงกลม" << ซึ่งไม่ต่างจากการแกว่งของลูกตุ้มโมเมนตั้มในหลักฟิสิกส์สักนิด

    การทดลอง การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ก็เช่นกันมี สมมติฐานเป้นที่ตั้ง

    และผลออกมา ก็เป็นความจริง ซึ่งได้จากการทดลองเช่น การสมมติฐานว่า น่าจะสร้างแอนตี้ไวรัส ของ ไวรัสตับอักเสบบี โดยการห่อหุ้มโปรตีนเข้าไปในตัวไวรัส และ สังเคราะห์รูปแบบให้เป็น Antigen-New type และ สมมติฐานนั้น ก็ สามารถทำให้สร้างยารักษาโรคไวรัสตับอักเสบ-บี ได้ในที่สุด

    * * * * *
    ต่างกันตรงใหนหรือครับ?

    พินาศสิ้น / อาบัติ / จุดจบ

    ตรงใหนหรือครับ?

    นักคิด ที่มีชื่อ เท่านั้นหรือครับ ถึงจะ Insult และ Conclude มันออกมาว่า "ห้ามนะ" "ไม่ดีนะ" "ไม่ได้นะ"

    เพราะอะไรครับ?

    ผมว่า การเชื่อมโยงระหว่าง พุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์ เป็นอะไรที่เหมือน น้ำพึ่งเรือ เสื้อพึ่งป่าด้วยซ้ำไป ไม่มีข้อเสียสักเพียงนิด

    การรวมกันระหว่าง คริสต์กับวิทยาศาสตร์นี่สิ ยิ่งแปลกที่สุดในหลักความเป็นจริง

    ถ้าหากผมมีเวลาสักครั้ง ได้พบกับ พระพุทธเจ้า

    ผมอยากถามพระพุทธเจ้าว่า

    "หากผม นำหลักความจริงจากการทดลองของ โลกมนุษย์นั้น ได้ ไปสัมพันธ์กับคำสอนของท่าน และหลักแห่งพุทธศาสนาแล้ว ท่านจะว่าอย่างไรครับ พระพุทธเจ้า?"

    พี่ๆครับ พี่ๆว่า พระพุทธเจ้าจะมีคำตอบว่าอย่างไรครับ?

    ทั้งๆที่ความจริง มันเป็นเหมือน สิ่งที่ สัมพันธฺกัน แต่พวกเรา กำลัง กีดกันอยู่

    เหมือนกับ คนรักกัน แต่ ถูกพ่อแม่กีดกันน่ะครับ

    . . . . .
     
  2. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    เรียนคุณ AMU

    ถ้าคุณได้พบได้ถามพระพุทธองค์จริง ท่านก็คงตอบว่าความเป็นไปทางโลกวัตถุ ทฤษฎีกฏเกณฑ์ต่างๆในวิชาการทางโลกวัตถุมันเป็นแค่เพียงส่วนเล็กๆที่มีอยู่แล้วในโลกแห่งจิต แล้วท่านจะยังยอมเสียเวลาทดลองในทางโลกอยู่อีกหรือ ทำไมไม่เอาเวลาที่มีอยู่น้อยนิดในทางโลกไปพัฒนาทดลองในทางจิตมิดีกว่าหรือ ให้ได้ผลที่เป็นรูปธรรมที่ชัดๆกันไปเลย

    ที่ผมใช้คำว่ารูปธรรมเพราะมันพิสูจน์ได้ครับมีหลายคนมากมายที่พิสูจน์ได้เช่นอาจารย์ตาที่สาม หรือ พระเกจิอาจารย์หลายๆท่านก็เคยพิสูจน์ให้เห็นแล้ว

    ขอให้โชคดีประสบผลสำเร็จนะครับ
    ทศพร
     
  3. amu

    amu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +149
    ผมไม่อาจ แยกออกระหว่าง จิต(พุทธศาสนา) กับ วัตถุ(วิทยาศาสตร์) ได้ครับ

    เนื่องจาก ยังมี สิ่งมีชีวิต ประชากร(ที่ไม่ใช่แค่มนุษย์) อีก มากกว่า แสนล้านชีวิต

    และยังมี "วิวัฒนาการของพันธะ" ซึ่งเป็นสิ่งที่

    "โลก" กับ "ระบบสุริยะ" และ "จักรวาล" ยังเกี่ยวเนื่องกัน

    ยังมี สิ่งมีชีวิต/ไม่มีชีวิต อีกมาก ที่ยังต้องมีการ "มีอยู่,คงเป็น,ต่อไป"

    Is , Am , Are (เป็น อยู่ คือ) นะครับผม

    การรวมกันเพื่อเป็นหนึ่งของ วิทย์+พุทธศาสนา มันอาจจะขัดแย้งกันในเรื่องของ "จิตใจ" และ "วัตถุ" ก็ใช่ครับ เพราะ การนิพพาน คือ การบรรลุแจ้งในทางพุทธศาสนา

    แต่ "วิวัฒนาการ" ของมนุษย์ ยังคงต้องมีควบคู่ กับ "นิพพาน" เช่นกันนะครับ

    "ทฤษฎีสัมพันธภาพ" ของคุณลุง ไอนสไตน์ จะไม่สามารถสมบูรณ์ได้เลย 100% ถ้าไม่พึ่งหลักแห่งพุทธศาสนา

    ผมไม่สนับสนุนคนที่เข้ามาตอบเรื่องนี้ให้ตอบว่า "ทฤษฎีสัมพันธภาพของไอน์สไตน์น่ะ สมบูรณ์ที่สุดแล้วนี่?"

    เพราะอะไรรู้มั๊ยครับ เพราะ ไอน์สไตน์เองยังมีความแคลงใจอีก มากกว่า แสนล้านคำถามของ วิวัฒนาการ และ นิพพาน ครับ คำตอบและ ผลสรุป และ "การวิวัฒนาการ" อาจจะไม่เกิด ถ้า คำตอบยังหาไม่ได้

    การอธิษฐานจิต เพื่อ เดินทางแบบไร้แรงดึงดูด (แรง G)
    มีความเป็นไปได้สูงครับ (ต่อให้สร้างยานอวกาศไฮโซ แพง หรู เริด ไฮเทค ขนาดใหน หาก ขาด "จิต" ก็ไม่สามารถทำการ วิ่งผ่าน WormHole หรือ Blackhole ได้หรอกครับ)

    และการที่นักบินอวกาศของนาซ่า ใช้หลักในการฝึกจิตอธิษฐานของพุทธศาสนา ในการใช้ชีวิตบนยานอวกาศแล้ว
    มันก็เหมือน วิทยาศาสตร์ "แอบ" มีสัมพันธ์กับพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งสินะครับ? (ทำไมไม่จับมาคู่กันเลยล่ะ?)

    Meditation (การทำสมาธิ,ฝึกจิต) = เป็นพื้นฐานที่นักบินอวกาศและ นักวิทยาศาสตร์ปัจจุบันจำเป็นต้องกระทำนะครับ
     
  4. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    เรียนคุณ AMU ครับ

    ไอสไตน์ไม่ใช่ที่สุดของการไปข้างหน้าในโลกอนาคตเพราะไอสไตน์ยังได้กล่าวก่อนจะเสียชีวิตว่าตัวเขารู้สึกเสียดายที่ได้รู้จักพุทธศาสนาช้าเกินไปมากทำให้ตัวเขาเองไม่มีโอกาสที่จะเรียนวิทยาการที่สูงกว่าสิ่งที่เขาคิดค้นขึ้น

    คุณจะได้เห็นในอีกไม่ถึงยี่สิบปีนับจากนี้ไปว่าวิชาการของพระพุทธองค์จะเป็นการตั้งต้นของการพัฒนาการสร้างแรงโน้มถ่วงเทียมที่จะทำให้ยานทั้งลำลอยได้โดยการเปลี่ยนทิศของ Gravity Forcec เพราะใน Fields Thoery ของไอสไตน์มี Parameter อยู่ตัวหนึ่งที่ไอสไตน์ไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่คนทางเอเซียโดยเฉพาะคนไทยจะรู้ดีกันอยู่แล้ว พารามิเตอร์ตัวนั้นก็คือพลังงานทางจิตนั่นเอง ผมถึงได้บอกว่าพวกการเคลื่อนย้ายวัตถุจากที่หนึ่งไปที่หนึ่งอย่างรวดเร็ว หรือการเดินทางข้ามกาลเวลามันเป็นเรื่องเด็กๆไปเลยถ้าคุณได้เข้าไปเรียนวิชาการของพระพุทธองค์

    ถ้าคุณสามารถผสมพลัง 3 ชนิด 1 Magnetic Field Vibration, 2 Electric Field Vibration , 3 Mind Power from Subconcious คุณจะพบว่าทิศทางของ G-Force จะเปลี่ยนไป คุณจะต้องควบคุมทิทศทางแหละค่าของ G-Force ได้อย่างไรก็ขึ้นอยู่กับความสามารถทางพลังจิตล้วนๆของคุณเอง

    ทศพร
     
  5. รักแก้ว

    รักแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +179
    พระพุทธศาสนา คือ วิทยาศาสตร์ที่สมบูรณ์ที่สุด

    วิทยาการ วิทยาศาสตร์ปัจจุบัน ยังล้าหลังมาก

    เข้าถึงเพียงโลกแห่งวัตถุ หรือ รูปธรรมเท่านั้น

    อย่างมากแค่รูปละเอียดของพลังงานแสงเช่น ภาพถ่ายออร่า , พลังคลื่นบางชนิด


    ไอน์สไตน์ เป็น บุคคลหนึ่งที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่สามารถคิดเข้าไปถึงมิติแห่งนามธรรม ด้วยทฤษฎีสัมพัทธภาพ



    ความรู้แห่งพุทธะ ครอบงำทั้ง รูปหยาบที่สัมผัสได้ รูปละเอียดของพลังงานต่างๆ , อีกทั้ง นามธรรมทั้งมวล


    สูงสุดคือ สามารถพ้นโดยสมบูรณ์จาก รูป และนาม เหล่านั้น


    เป็น " ความว่าง ที่สมบูรณ์อย่างยิ่ง "

    ไม่ใช่ไม่มีอะไร ไม่ใช่มีอะไร




    0000000000000000000000


    เพราะ วิทยาการปัจจุบัน ยากนักที่จะหาผู้เข้าถึงความรู้แห่งโลกนามธรรม

    กายนามธรรม สามารถปรากฎ โดยใช้ใจเป็นสื่อให้เห็น เช่น

    กายเทวะ กายพรหม กายอาตมัน,ปรมาตมัน( พระเป็นเจ้า) ฯลฯ

    แล้วจะเห็นกระบวนการทั้งหมดของจักรวาลอย่างสมบูรณ์ จริงๆ
     
  6. รักแก้ว

    รักแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +179
    ปัจจุบัน

    แม้เชื้อสายชาวต่างดาว ที่ส่งผ่านความรู้ในการสร้างปิรามิด , และสิ่งมหัศจรรย์ทั้งหลายบนโลก ยังยอมมาเกิดเป็นมนุษย์ บวชอยู่ในพระศาสนา

    เพื่อมรรค ผล นิพพาน


    เขาเคยใช้วิทยาการ ยืดอายุกายละเอียดของเขาให้อยู่นานแสนนานในจักรวาลนี้ ชอบช่วยเหลือโลกอื่นๆ แต่สุดท้ายก็พบว่า การได้อาศัยธรรมที่พระพุทธองค์แจกแจงไว้ดีแล้วนั้น คือ หนทางสุดท้ายของเขา
     
  7. amu

    amu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +149
    [ ถ้าคุณสามารถผสมพลัง 3 ชนิด 1 Magnetic Field Vibration, 2 Electric Field Vibration , 3 Mind Power from Subconcious คุณจะพบว่าทิศทางของ G-Force จะเปลี่ยนไป คุณจะต้องควบคุมทิทศทางแหละค่าของ G-Force ได้อย่างไรก็ขึ้นอยู่กับความสามารถทางพลังจิตล้วนๆของคุณเอง

    ทศพร ]

    - - - * * * *

    กรี้ด กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดด ผมอยากได้ยินแบบนี้ล่ะ
    กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด<!-- / message -->
     
  8. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    เรียนคุณอามุ

    เรื่องการควบคุมทิศทางและค่าของ G-Force ต้องมาจากพลังของจิตที่รวมตัวกันจากจิต 4 ชนิด 1)จิตบริสุทธิ์หรืออย่างน้อยต้องเป็นกุศลจิตล้วนๆ 2)จิตกล้าหาญเป็นจิตที่ไม่กลัวแม้แต่ความตาย 3)จิตทีตื่นตัวตลอดเวลา(สติและสัมปชัญญะแห่งจิต) 4)จิตอ่อนโยนสุขุมและมั่นคง(เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) หากรวมจิตทั้ง 4 นี้ได้เมื่อไหร่คุณอามุก็จะควบคุม G-Force ได้อย่างแน่นอน แต่ก่อนจะรวม การสร้างจิตทั้ง 4 ชนิดก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากครับแต่ถ้าคุณอามุมีความมุ่งมั่นแน่วแน่ก็สามารถสร้างได้โดยการเข้าไปเรียนในห้องปฏิบัติการทางจิตของตัวคุณอามุเองซึ่งผมเคยกล่าวไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่ว่าคุณจะรวมมันได้นะครับเพราะแค่สร้างได้เป็นแค่เพียงขั้นมัธยมเท่านั้นเอง ส่วนการรวมจิตจะต้องเรียนในระดับมหาวิทยาลัยซึ่งในอีกไม่เกิน 10 ปีข้างหน้าจะมีผู้มีบุญญาธิการมาสอนให้ ขอให้คุณอามุรักษาชีวิตตัวเองให้ดีเพื่อจะได้เรียนวิชาการของพระพุทธองค์ที่สุดยอดในอนาคตนี้ เพราะคาดว่าปี 2549 - 2550 จะเป็นปีที่ทั้งโลกจะต้องพบกับภัยพิบัติครั้งใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อน ขอให้คุณอามุโชคดีครับ

    ทศพร
     
  9. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    (b-ng) -*- โทษทีนะครับ ผมไม่เข้าใจว่าคุยกันเรื่องอะไรหรอ


    เรื่องการควบคุมทิศทางและค่าของ G-Force ต้องมาจากพลังของจิตที่รวมตัวกันจากจิต 4 ชนิด 1)จิตบริสุทธิ์หรืออย่างน้อยต้องเป็นกุศลจิตล้วนๆ 2)จิตกล้าหาญเป็นจิตที่ไม่กลัวแม้แต่ความตาย 3)จิตทีตื่นตัวตลอดเวลา(สติและสัมปชัญญะแห่งจิต) 4)จิตอ่อนโยนสุขุมและมั่นคง(เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) หากรวมจิตทั้ง 4 นี้ได้เมื่อไหร่

    เอาเป็นจิตที่ชั่วบริสุทแบบเบจิต้าได้ไหมครับ ชั่วจนเปนซุปเปอไซย่าได้เลย555
    ล้อเล่นนะครับ - - ไม่ขำหรอ โทดค๊าบ


    นิดนึงครับ ผมเคยได้ยินคำว่า ''ทุกอย่างที่มนุษย์จิตนาการไปถึง เป็นไปได้ ''จำไม่ได้ไครพูด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2006
  10. เจ้าโก้

    เจ้าโก้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,221
    ค่าพลัง:
    +939
    ที่เราสังเกตเห็นสิ่งรอบตัวดำรงอยู่ ก็เพราะเราดำรงอยู่
     
  11. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    *__*'' ๐__๐'' -__- ''(b-ng) (b-ng) (b-smile)
     

แชร์หน้านี้

Loading...