พุทธจริยาวัตร

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย evatranse, 17 กันยายน 2013.

  1. evatranse

    evatranse เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +571
    [​IMG]

    เรื่องพระอาพาธโรคท้องร่วง
    สมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งอาพาธเป็นโรคท้องร่วง
    นอนจมกองมูตรกองคูถของตนอยู่
    ครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคมีท่านพระอานนท์เป็นปัจฉาสมณะ
    เสด็จพระพุทธดำเนินไปตามเสนาสนะ
    ได้เสด็จเข้าไปทางที่อยู่ของภิกษุรูปนั้น
    ได้ทอดพระเนตรเห็นภิกษุรูปนั้นนอนจมกองมูตรกองคูถของตนอยู่
    ครั้นแล้วเสด็จเข้าไปใกล้ภิกษุรูปนั้น แล้วตรัสถามว่า
    เธออาพาธเป็นโรคอะไรภิกษุ?
    ข้าพระพุทธเจ้าอาพาธเป็นโรคท้องร่วง พระพุทธเจ้าข้า
    เธอมีผู้พยาบาลไหมเล่า ภิกษุ?
    ไม่มี พระพุทธเจ้า
    เพราะเหตุไร ภิกษุทั้งหลายจึงไม่พยาบาลเธอ?
    เพราะข้าพระพุทธเจ้ามิได้ทำอุปการะแก่ภิกษุทั้งหลาย
    ฉะนั้นภิกษุทั้งหลายจึงไม่พยาบาลข้าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าข้า
    จึงพระผู้มีพระภาครับสั่งกะท่านพระอานนท์ว่า
    อานนท์ เธอไปตักน้ำมา เราจักสรงน้ำภิกษุรูปนี้
    ท่านพระอานนท์ทูลรับสนองพระพุทธบัญชาว่า
    เป็นดังนั้น พระพุทธเจ้าข้า ดังนี้แล้ว
    ตักน้ำมาถวาย พระผู้มีพระภาคทรงรดน้ำ
    ท่านพระอานนท์ขัดสี พระผู้มีพระภาคทรงยกศีรษะ
    ท่านพระอานนท์ยกเท้าแล้ววางบนเตียง

    ...ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    พวกเธอไม่มีมารดาไม่มีบิดา
    ผู้ใดเล่าจะพึงพยาบาลพวกเธอ
    ถ้าพวกเธอจักไม่พยาบาลกันเอง ใครเล่าจักพยาบาล
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    ผู้ใดจะพึงอุปัฏฐากเรา ผู้นั้นจึงพยาบาลภิกษุอาพาธ...


    หนูมี ๔ ชนิด ในโลก เปรียบเหมือน คนรู้อริยสัจ ๔ จำพวก[​IMG]
    ภิกษุ ท.!
    หนูเหล่านี้มีสี่จำพวก คือ
    หนูที่ขุดรู แต่ไม่อยู่,
    หนูที่อยู่แต่ไม่ขุดรู,
    หนูที่ไม่ขุดรู และทั้งไม่อยู่,
    หนูที่ทั้งขุดรู และทั้งอยู่,

    บุคคลสี่จำพวก เปรีบบด้วยหนู ก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือ
    คนปลูกเรือน แต่ไม่อยู่,
    คนอยู่ แต่ไม่ปลูกเรือน,
    คนไม่ปลูกเรือน และทั้งไม่อยู่,
    คนทั้งปลูกเรือน และทั้งอยู่,
    สี่จำพวกเหล่านี้ มีอยู่พร้อมในโลก.

    ภิกษุ ท.!
    คนที่ปลูกเรือนแต่ไม่อยู่ เป็นอย่างไร?
    ภิกษุ ท.!คนบางคนเรียนปริยัติธรรม
    ที่เป็นสูตร เคยยะ เวยยากรณ์ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ
    ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ๑
    แต่เขา ไม่รู้ตามเป็นจริงว่า
    "นี้เป็นทุกข์.
    นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์,
    นี้เป็นความดับไม่เหลือของทุกข์,
    และนี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์;" ดังนี้
    เช่นนี้แล เรียกว่า ปลูกเรือนแต่ไม่อยู่;
    เรากล่าวว่า เปรียบได้กับหนูที่ขุดรูแล้วไม่อยู่.

    ภิกษุ ท.!
    คนอยู่แต่ไม่ปลูกเรือนนั้น เป็นอย่างไร
    ภิกษุ ท.! คนบางคน ไม่ได้เรียนปริยัติธรรม
    ที่เป็นสูตร ฯลฯ เวทัลละ
    แต่เขาเป็นผู้รู้ตามเป็นจริงว่า
    "นี้เป็นทุกข์,
    นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์,
    นี้เป็นความดับไม่เหลือของทุกข์,
    และนี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์:" ดังนี้
    เช่นนี้แลเรียกว่า อยู่แต่ไม่ปลูกเรือน;
    เรากล่าวว่า เปรียบกันได้กับหนูที่อยู่แต่ไม่ขุดรู.

    ภิกษุ ท.!
    คนไม่ปลูกเรือนและทั้งไม่อยู่นั้น เป็นอย่างไร ?
    ภิกษุ ท.!คนบางคน ไม่ได้เรียนทั้งปริยัติธรรม
    ที่เป็นสูตร ฯลฯ เวทัลละ
    และทั้ง ไม่รู้ตามเป็นจริงว่า
    "นี้เป็นทุกข์,
    นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์
    นี้เป็นความดับไม่เหลือของทุกข์,
    และนี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์;" ดังนี้
    เช่นนี้แลเรียกว่า ไม่ปลูกเรือน และทั้งไม่อยู่;
    เรากล่าวว่า เปรียบกันได้กับหนูที่ไม่ขุดรู และทั้งไม่อยู่.

    ภิกษุ ท.!
    คนที่ปลูกเรือนทั้งอยู่นั้น เป็นอย่างไร?
    ภิกษุ ท.!คนบางคนในโลกนี้ ทั้งเรียนปริยัติธรรม
    ที่เป็นสูตร ฯลฯ เวทัลละด้วย
    และ ทั้งรู้ตามเป็นจริงว่า
    "นี้เป็นทุกข์,
    นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์,
    นี้เป็นความดับไม่เหลือของทุกข์,
    และนี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์;" ดังนี้ด้วย
    เช่นนี้แล เรียกว่าทั้งปลูกเรือนและทั้งอยู่;
    เรากล่าวว่า เปรียบกันได้กับหนูมีทั้งขุดรูและทั้งอยู่.

    ภิกษุ ท.! คนสี่จำพวกเหล่านี้แล เปรียบกันได้กับหนูสี่จำพวก,
    อันมีอยู่พร้อมในโลกนี้

    จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๔๔/๑๐๗.



    พระศาสดาทรงห้ามไม่ให้โกรธหากมีผู้ติเตียน[​IMG]
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    คนพวกอื่นจะพึงกล่าวติเรา ติพระธรรม ติพระสงฆ์ ก็ตาม
    เธอทั้งหลายไม่ควรอาฆาต ไม่ควรโทมนัสน้อยใจ ไม่ควรแค้นใจในคนเหล่านั้น

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    คนพวกอื่นจะพึงกล่าวติเรา ติพระธรรม ติพระสงฆ์
    ถ้าเธอทั้งหลายจักขุ่นเคืองหรือจักโทมนัสน้อยใจในคนเหล่านั้น
    อันตรายจะพึงมีแก่เธอทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นเป็นแน่…

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    คนพวกอื่นจะพึงกล่าวติเรา ติพระธรรม ติพระสงฆ์
    ในคำที่เขากล่าวตินั้น คำที่ไม่จริง
    เธอทั้งหลายควรแก้ให้เห็นโดยความไม่เป็นจริงว่านั่นไม่จริง
    แม้เพราะเหตุนี้ นั่นไม่แท้ แม้เพราะเหตุนี้ แม้นั่นก็ไม่มีในเราทั้งหลาย
    และคำนั้นจะหาไม่ได้ในเราทั้งหลาย…
    พรหมชาลสูตร พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑ ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค
     

แชร์หน้านี้

Loading...