พล.ท.เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ "สวดมนต์ระหว่างออกรบตลอดเวลา"

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>พล.ท.เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ "สวดมนต์ระหว่างออกรบตลอดเวลา"</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- ภายหลังได้กลับมานั่งเก้าอี้ ผอ.ททบ.๕ ของ พล.ท.เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง ๕ (ททบ.๕) ในฐานะ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก หลังจากเคยถูกปลดกลางอากาศแบบสายฟ้าแลบ ด้วยเหตุที่ว่าไม่รับลูก พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เข็นช่อง ๕ เข้าตลาดหลักทรัพย์ ในการถอดสลักระเบิดเวลาก็ว่าได้ ที่รับโอนหนี้ก้อนใหญ่ ๑,๕๐๐ ล้านบาท กับสัมปทาน อาร์ทีเอฯ วันนี้ถือเป็นงานนี้ท้าทายกับ ผอ.คนใหม่หัวใจธรรมะคนนี้อีกครั้ง


พล.ท.เลิศฤทธิ์ บอกว่า ทุกวันนี้พยายามให้พนักงาน ทำกิจกรรมเกี่ยวกับ พระพุทธศาสนาเป็นประจำ โดยที่ผ่านมาได้ร่วมกับ บริษัท โน้ต พับลิชชิ่ง (นิตยสารทีวีพูล) จัดงาน "ครอบครัวรักษ์ธรรม" เพื่อรณรงค์ให้ศิลปิน ดารา นักร้อง และประชาชน แต่งกายชุดขาว ร่วมทำบุญและปฏิบัติธรรม พร้อม ร่วมกัน เวียนเทียนเนื่องในวันวิสาขบูชา ณ วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ
โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อ ส่งเสริมให้ครอบครัวคนไทย ใส่ใจวันสำคัญทางพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วันวิสาขบูชา ซึ่งเป็นวันพุทธบูชาที่ยิ่งใหญ่ เนื่องจากตรงกับวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพุทธศาสนิกชนทุกคนควรร่วมกันปฏิบัติธรรม เพื่อให้มีจิตใจที่สงบ สะอาด บริสุทธิ์ อันจะนำไปสู่แสงสว่างทางปัญญา เข้าถึงความเป็นจริงในโลก สามารถพิจารณาแก้ไขปัญหาและประพฤติปฏิบัติตนได้อย่างเหมาะสม ในทุกสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม พล.ท.เลิศฤทธิ์ ได้เปรียบเทียบให้ฟังว่า ชีวิตนักบริหาร ไม่ลำบากเท่ากับอยู่ในสนามรบ ที่ชีวิตมีเหตุการณ์ เฉียดตาย มาแล้วก็หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นสงครามเวียดนาม เรื่อยมาจนได้มาดำรงตำแหน่งผู้ช่วย นายทหารฝ่ายการข่าว กรมทหารราบที่ ๒ กองพลอาสาสมัคร(เวียดนาม) ผลัดที่ ๒
ในช่วงนั้นก็มีพระเครื่องติดตัวไปเต็มกระเป๋าก็ว่าได้ เชื่อไหมว่า ทหารทุกนาย ในสมัยนั้น กระเป๋าก็จะตุง ไปด้วยพระเครื่องทั้งนั้น ยิ่งใกล้ถึงวันเดินทางไปในสมรภูมิรบ ต่างคนต่างจะตระเวนไปกราบนมัสการหลวงพ่อตามวัดต่างๆ พล.ท.เลิศฤทธิ์ เล่าว่า ระหว่างฝึกทหารอยู่ที่ จ.กาญจนบุรี และจ.เพชรบุรี จำไม่ได้ว่าไปวัดไหนมาบ้าง โดยได้ไปตระเวนกราบหลวงพ่อต่างๆ แล้ว ท่านจะมอบพระเครื่องให้มาติดตัวกันคนละองค์ทุกคน
ขณะออกไปรบนั้น ทหารทุกนาย รวมทั้งตนเองจะมีพระเครื่องติดตัว กันไปเป็น จำนวนนับร้อยองค์ แต่ความตายไม่มีใคร หลีกหนีพ้น เพราะคนเราถึงคราวตาย จะมีพระเครื่องเป็น ร้อยองค์ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตความตายไปได้

ความจริงสัจธรรมชีวิตที่ได้จากการ ออกสนามรบในครั้งนั้น ไม่ได้คิดถึง ความตายเท่าไหร่ ก็คิดถึง แต่การปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด ทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จตามแผนงาน ที่วางเอาไว้ ความตายจึงเก็บเอาไว้ข้างหลัง
จังหวะนั้นก็นึกถึงคำพระที่สอนไว้ก่อนเดินทางไปออกรบ คือ ไม่ให้ประมาท เพราะถ้าเรา ประมาทเราก็มองไม่เห็นศัตรูที่กำลัง รอทำร้ายเราอยู่ ทำให้เราต้องระวังไว้ตลอดเวลา จึงต้องท่องคาถาว่า อย่าประมาท "เวลาที่หยุดพักการรบ เพื่อดูท่าที่ ผมไม่ได้อยู่เฉยๆ เวลาว่างผมจะพยายามสวดมนต์ ระลึกนึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือบทสวดหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ รวมทั้งหลวงพ่ออีกหลายๆ ท่าน สวดมนต์เท่าที่จะจำได้ เพราะว่าผมสวดมนต์แล้ว ทำให้จิตใจสบาย จิตที่ว้าวุ่นก็จะนิ่งขึ้น เรียกสติกลับคืนมาได้" พล.ท.เลิศฤทธิ์ กล่าว พร้อมกับบอกด้วยว่า
พระเครื่องที่แขวนติดตัวประจำ ประกอบด้วย หลวงปู่ทวด พระพิฆเนศ เหล็กไหล ติดตัวตลอดเวลา ด้วยความศรัทธาเลื่อมใส โดยมีความเชื่อว่า ใครทำกรรมก็ย่อม ได้รับผลกรรมดี ใครทำกรรมชั่วก็จะต้องได้รับผลชั่ว แต่จะตอบแทน เดี๋ยวนี้หรือ ต้องไปถึงอนาคต เราก็จะเห็นว่าคนทำดีเมื่อตกอยู่ในเวลาคับขันเขาก็จะรอดจากความดี

นับว่าโชคดีที่อยู่กับเพื่อนๆ ที่ชอบทำบุญเหมือนกัน ทำให้ตลอดทั้งปีได้เดินทางไปทำบุญ ๑๐๐ วัด ประกอบกับการรับราชการทหารที่ผ่านมา ได้เดินทาง ไปกราบหลวงพ่อ ตามวัดต่างๆ มากมาย อาทิ ครูบาเทือง วัดบ้านเด่น อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ หลวงปู่สุภา กันตสีโล อายุ ๑๐๙ ปี จ.ภูเก็ต ไปไหว้พระธาตุพนม ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระธาตุ พนมวรวิหาร จ.นครพนม และไหว้หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี เป็นต้น ทำให้จิตใจ สงบสบายใจ
"ผมคิดว่า คนเราจะโชคดี หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับตัวเรา บุญเท่านั้นที่จะส่งผลทำให้เราโชคดี ดังนั้น การทำงานก็ควรตั้งใจทำงาน ไม่ให้ผิดพลาดได้ อย่าทำอะไรที่นอกลู่นอกทางเด็ดขาด ผมขอให้ทุกคนเชื่อเถอะว่า บาปบุญคุณโทษมันมีจริง วันนี้เรามีชีวิตอยู่ที่ดีแล้ว ก็จงเลือกทำในสิ่งที่ดีที่สุด" พล.ท.เลิศฤทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย
เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง

-->
ภายหลังได้กลับมานั่งเก้าอี้ ผอ.ททบ.๕ ของ พล.ท.เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง ๕ (ททบ.๕) ในฐานะ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก หลังจากเคยถูกปลดกลางอากาศแบบสายฟ้าแลบ ด้วยเหตุที่ว่าไม่รับลูก พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เข็นช่อง ๕ เข้าตลาดหลักทรัพย์ ในการถอดสลักระเบิดเวลาก็ว่าได้ ที่รับโอนหนี้ก้อนใหญ่ ๑,๕๐๐ ล้านบาท กับสัมปทาน อาร์ทีเอฯ วันนี้ถือเป็นงานนี้ท้าทายกับ ผอ.คนใหม่หัวใจธรรมะคนนี้อีกครั้ง
พล.ท.เลิศฤทธิ์ บอกว่า ทุกวันนี้พยายามให้พนักงาน ทำกิจกรรมเกี่ยวกับ พระพุทธศาสนาเป็นประจำ โดยที่ผ่านมาได้ร่วมกับ บริษัท โน้ต พับลิชชิ่ง (นิตยสารทีวีพูล) จัดงาน "ครอบครัวรักษ์ธรรม" เพื่อรณรงค์ให้ศิลปิน ดารา นักร้อง และประชาชน แต่งกายชุดขาว ร่วมทำบุญและปฏิบัติธรรม พร้อม ร่วมกัน เวียนเทียนเนื่องในวันวิสาขบูชา ณ วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ
โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อ ส่งเสริมให้ครอบครัวคนไทย ใส่ใจวันสำคัญทางพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วันวิสาขบูชา ซึ่งเป็นวันพุทธบูชาที่ยิ่งใหญ่ เนื่องจากตรงกับวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพุทธศาสนิกชนทุกคนควรร่วมกันปฏิบัติธรรม เพื่อให้มีจิตใจที่สงบ สะอาด บริสุทธิ์ อันจะนำไปสู่แสงสว่างทางปัญญา เข้าถึงความเป็นจริงในโลก สามารถพิจารณาแก้ไขปัญหาและประพฤติปฏิบัติตนได้อย่างเหมาะสม ในทุกสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม พล.ท.เลิศฤทธิ์ ได้เปรียบเทียบให้ฟังว่า ชีวิตนักบริหาร ไม่ลำบากเท่ากับอยู่ในสนามรบ ที่ชีวิตมีเหตุการณ์ เฉียดตาย มาแล้วก็หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นสงครามเวียดนาม เรื่อยมาจนได้มาดำรงตำแหน่งผู้ช่วย นายทหารฝ่ายการข่าว กรมทหารราบที่ ๒ กองพลอาสาสมัคร(เวียดนาม) ผลัดที่ ๒
ในช่วงนั้นก็มีพระเครื่องติดตัวไปเต็มกระเป๋าก็ว่าได้ เชื่อไหมว่า ทหารทุกนาย ในสมัยนั้น กระเป๋าก็จะตุง ไปด้วยพระเครื่องทั้งนั้น ยิ่งใกล้ถึงวันเดินทางไปในสมรภูมิรบ ต่างคนต่างจะตระเวนไปกราบนมัสการหลวงพ่อตามวัดต่างๆ
พล.ท.เลิศฤทธิ์ เล่าว่า ระหว่างฝึกทหารอยู่ที่ จ.กาญจนบุรี และจ.เพชรบุรี จำไม่ได้ว่าไปวัดไหนมาบ้าง โดยได้ไปตระเวนกราบหลวงพ่อต่างๆ แล้ว ท่านจะมอบพระเครื่องให้มาติดตัวกันคนละองค์ทุกคน
ขณะออกไปรบนั้น ทหารทุกนาย รวมทั้งตนเองจะมีพระเครื่องติดตัว กันไปเป็น จำนวนนับร้อยองค์ แต่ความตายไม่มีใคร หลีกหนีพ้น เพราะคนเราถึงคราวตาย จะมีพระเครื่องเป็น ร้อยองค์ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตความตายไปได้
ความจริงสัจธรรมชีวิตที่ได้จากการ ออกสนามรบในครั้งนั้น ไม่ได้คิดถึง ความตายเท่าไหร่ ก็คิดถึง แต่การปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด ทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จตามแผนงาน ที่วางเอาไว้ ความตายจึงเก็บเอาไว้ข้างหลัง
จังหวะนั้นก็นึกถึงคำพระที่สอนไว้ก่อนเดินทางไปออกรบ คือ ไม่ให้ประมาท เพราะถ้าเรา ประมาทเราก็มองไม่เห็นศัตรูที่กำลัง รอทำร้ายเราอยู่ ทำให้เราต้องระวังไว้ตลอดเวลา จึงต้องท่องคาถาว่า อย่าประมาท
"เวลาที่หยุดพักการรบ เพื่อดูท่าที่ ผมไม่ได้อยู่เฉยๆ เวลาว่างผมจะพยายามสวดมนต์ ระลึกนึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือบทสวดหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ รวมทั้งหลวงพ่ออีกหลายๆ ท่าน สวดมนต์เท่าที่จะจำได้ เพราะว่าผมสวดมนต์แล้ว ทำให้จิตใจสบาย จิตที่ว้าวุ่นก็จะนิ่งขึ้น เรียกสติกลับคืนมาได้" พล.ท.เลิศฤทธิ์ กล่าว พร้อมกับบอกด้วยว่า
พระเครื่องที่แขวนติดตัวประจำ ประกอบด้วย หลวงปู่ทวด พระพิฆเนศ เหล็กไหล ติดตัวตลอดเวลา ด้วยความศรัทธาเลื่อมใส โดยมีความเชื่อว่า ใครทำกรรมก็ย่อม ได้รับผลกรรมดี ใครทำกรรมชั่วก็จะต้องได้รับผลชั่ว แต่จะตอบแทน เดี๋ยวนี้หรือ ต้องไปถึงอนาคต เราก็จะเห็นว่าคนทำดีเมื่อตกอยู่ในเวลาคับขันเขาก็จะรอดจากความดี
นับว่าโชคดีที่อยู่กับเพื่อนๆ ที่ชอบทำบุญเหมือนกัน ทำให้ตลอดทั้งปีได้เดินทางไปทำบุญ ๑๐๐ วัด ประกอบกับการรับราชการทหารที่ผ่านมา ได้เดินทาง ไปกราบหลวงพ่อ ตามวัดต่างๆ มากมาย อาทิ ครูบาเทือง วัดบ้านเด่น อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ หลวงปู่สุภา กันตสีโล อายุ ๑๐๙ ปี จ.ภูเก็ต ไปไหว้พระธาตุพนม ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระธาตุ พนมวรวิหาร จ.นครพนม และไหว้หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี เป็นต้น ทำให้จิตใจ สงบสบายใจ
"ผมคิดว่า คนเราจะโชคดี หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับตัวเรา บุญเท่านั้นที่จะส่งผลทำให้เราโชคดี ดังนั้น การทำงานก็ควรตั้งใจทำงาน ไม่ให้ผิดพลาดได้ อย่าทำอะไรที่นอกลู่นอกทางเด็ดขาด ผมขอให้ทุกคนเชื่อเถอะว่า บาปบุญคุณโทษมันมีจริง วันนี้เรามีชีวิตอยู่ที่ดีแล้ว ก็จงเลือกทำในสิ่งที่ดีที่สุด" พล.ท.เลิศฤทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย
เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง
</TD></TR></TBODY></TABLE>