พลัง "ปราณทิพย์นิพพานธาตุ" เป็นน้ำอำมฤต ชุบชีวิตปีศาจได้?

ในห้อง 'ร้องเรียนและปัญหา' ตั้งกระทู้โดย โปเย, 16 มีนาคม 2012.

  1. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    ฆราวาสที่บำเพ็ญธรรมยิ่งยวด สามารถละสังขาร
    ไปก่อนเวลาได้ (นิพพานไปเลย) ถ้าไม่ได้บวชพระ
    ภายใน 7 วัน จะมีลักษณะคล้าย อ. เสถียร โพธินันทะ
    แต่ถ้าได้สร้างบุญบารมีบางอย่างไว้ก่อนถึงเวลานั้น เช่น ได้
    ถวายร่างกายแก่พระพุทธเจ้า และถวายจิตวิญญาณแก่พระพุทธเจ้า









    ผลที่ได้จะแตกต่างกันเล็กน้อย กล่าวคือ จิตวิญญาณจะนิพพานไปโดยละ
    สังขารไว้ให้ "จิตวิญญาณ" ดวงอื่น ประสานเข้ามาอาศัยแทนได้ และ
    ด้วย "นิพพานธาตุ" ที่อยู่ในสังขารนั้นๆ (สังขารอุปมาได้เหมือน
    ภาชนะใส่น้ำสะอาด น้ำสะอาดเปรียบเหมือนนิพพานธาตุ)
    จิตวิญญาณมืดจะได้รับพลังนิพพานธาตุ สำเร็จเป็น
    "เซียน" ในสังขารนั้น เกิดใหม่เป็นมนุษย์ได้
    สมบูรณ์ ซึ่งกรณีนี้เป็นกรณีพิเศษ


    ...
     
  2. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    "นิพพานธาตุ" เป็นธรรมะ ธรรมชาติ อย่างหนึ่งที่ไม่เกิดไม่ดับอีก


    ปกติ ไม่นิยมเรียกว่า "นิพพานธาตุ" เพราะคำว่า "ธาตุ" หมายถึง ธาตุแท้
    ของสิ่งหนึ่งๆ เช่น ธาตุน้ำ คือ ธาตุแท้ของน้ำคืออะไรกันแน่ หมายถึง ภาวะ
    ธรรมชาติแห่งการลื่นไหล, ใส, ปรับตัวไปตามธรรมชาติ เป็นต้น เช่น น้ำ
    ก็มีลักษณะของธาตุน้ำ ที่สังเกตได้ง่าย ทว่า ไม่ใช่เพียงน้ำที่มีลักษณะนี้
    สิ่งอื่นๆ หรือแม้แต่จิตใจ ก็มีลักษณะเช่นนี้ได้ จึงเรียกว่า "ธาตุน้ำ" มีอยู่ใน
    ทุกสิ่ง (สรรพสิ่ง มีธาตุทั้ง 5 ประกอบกันขึ้นมาคือ ธาตุสี่ + อากาสธาตุ)
    ทว่า จำเป็นต้องใช้ศัพท์ว่า "นิพพานธาตุ" สำหรับการกล่าวถึงธรรมชาติ
    ของนิพพานที่เจาะจงใน สถานการณ์ใด สถานการณ์หนึ่ง ขณะศึกษานั้นๆ
    (อันที่จริงแล้ว นิพพานก็ไม่เหลือแม้แต่ภาวะแห่งความเป็นธาตุใดๆ เลย)
    ในกรณี ร่างสังขารตายลงแล้วจิตวิญญาณ นิพพานหมด ร่างสังขารนั้นก็
    จะไม่อาจรองรับ "นิพพานธาตุ" เก็บไว้ได้ แต่ถ้า "จิตวิญญาณนิพพาน"
    ไปก่อนวาระ เช่น จิตวิญญาณได้อธิษฐานจิตถวายบุญให้แก่ผู้อื่นจนหมด
    จิตวิญญาณไม่อาจดำรงอยู่ต่อในสังขารนั้นได้ แต่สังขารยังไม่หมดอายุ
    ขัย จิตวิญญาณจึงต้องจากไป แต่สังขารจึงยังอยู่ต่อไปได้ ในกรณีนี้ จึง
    ใช้สังขารเป็นดั่ง "ภาชนะรองรับนิพพานธาตุ" ไว้ได้ เมื่อจิตวิญญาณมืด
    ประสานมาอยู่แทนจิตวิญญาณดวงเดิม ก็จะได้รับพลังนิพพานธาตุ จนมี
    จิตตรงต่อนิพพาน วิญญาณปีศาจจะดับสลายสิ้น เกิดใหม่เป็นเซียนด้วย
    (เพราะเป็นการเข้าถึงด้วยตนเองมิได้ต่อสายธรรมจากบุคคลอื่น) นั่นเอง


    ดังนั้น "นิพพานธาตุ" ในสังขารนั้น จึงเป็นดั่งน้ำอำมฤต ชุบชีวิตปีศาจให้
    สำเร็จเป็นเซียน เกิดใหม่เป็นมนุษย์ได้สมบูรณ์ โดยการเกิดแบบโอปปาติกะ
     
  3. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    ปีศาจที่สำเร็จเซียนได้เป็นมนุษย์ จะมีบุญน้อยและนิพพานจากไป


    เมื่อปีศาจได้สำเร็จเซียนแล้ว จะได้เป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ได้ แต่ด้วยเหตุ
    ที่มีบุญได้เป็นมนุษย์น้อย ก็จะดำรงอยู่ในสภาพนั้นได้ไม่นาน อาจจะต้อง
    จรจากไปจากสังขาร หรือไม่ก็ต้องนิพพานตามๆ กันไป เหมือนจิตวิญญาณ
    ดวงก่อนที่ได้นิพพานไปแล้ว ในกรณีนี้ ร่างสังขารนั้นจึงต้องทำบุญต่อเนื่อง
    เมื่อสิ้นกำลังบุญแล้ว จิตวิญญาณจะทรงอยู่ไม่ได้ นิพพานจากไปอีก และจะ
    ต้องอาศัย "จิตวิญญาณปีศาจ" ประสานเข้าสู่ร่างสังขารเพื่อเกิดใหม่อีกครั้ง
    ซ้ำๆ อย่างนี้ ดังนั้น ร่างสังขารที่มีภาวะเช่นนี้ จึงต้องทำบุญอยู่เรื่อยๆ เพื่อให้
    ดำรงคงความเป็นมนุษย์อยู่ในร่างสังขารนั้นได้ต่อไป แต่ถ้าหมดบุญแล้ว ก็จะ
    มีอาการดังกล่าว ทว่า บางครั้ง หากสังขารไม่สามารถทำบุญต่ออายุขัยตนได้
    ก็จะต้อง "หาจิตวิญญาณปีศาจ" เข้ามาประสานในร่างกายเพื่อต่ออายุสังขาร
    ต่อไป ซึ่งผลจะกระทบต่อ "ชะตาชีวิต" ของร่างสังขารนั้นทันที คือ เหมือนคน
    ที่เกิดใหม่อยู่เรื่อยๆ ต้อง "กลับเป็นเด็ก" อยู่เรื่อยๆ ซ้ำๆ มีพ่อแม่คอยเลี้ยงดูแล
    ไม่สิ้นสุด ไม่อาจพ้นความเป็นเด็กยืนหยัดอยู่ได้ด้วยตนเอง (เป็นโชคชะตาของ
    การเป็นเด็ก) เซียนผู้นั้น จึงมีสภาพร่างกายที่เดี๋ยวเป็นเด็ก เดี๋ยวก็โตเป็นผู้ใหญ่
    (สังขารคงเดิม แต่จะเปลี่ยนแปลงที่จิตใจ และบางส่วนของร่างกายเล็กน้อยได้)


    ด้วยเหตุนี้ ทำให้ธรรมะภายในไม่คงที่ และแปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จึงทำกิจได้ไม่
    เต็มที่ บางครั้งก็มีฤทธิ์ มีบารมี ทำกิจได้ บางครั้งก็ทำได้เพียงเทียบเท่าเด็กเท่านั้น
     
  4. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    พลัง "นิพพานธาตุ" มีลักษณะที่แท้ไร้ลักษณะ เป็นไปได้คล้ายทุกลักษณะ


    บางครั้ง พลังนิพพานธาตุ คล้ายธาตุไฟสว่างไสวและเผาผลาญกิเลสให้สิ้นไปได้
    แต่บางครั้งกลับคล้ายธาตุน้ำ ดุจน้ำอำมฤติ ชำระล้างจิตวิญญาณให้ใสบริสุทธิ์ได้
    บางครั้ง ก็คล้ายธาตุลม ฟุ้งกระจาย ไร้ตัวตน ไม่ยึดมั่น ทั้งสลายตัวตนทุกตัวตนได้
    บางครั้ง ก็คล้ายธาตุดิน หนักแน่นมั่นคง แน่วแน่ ไม่แปรเป็นอื่น จนสิ่งอื่นน้อมตาม
    "นิพพานธาตุ" มีลักษณะที่แท้ ไร้ลักษณะ ไร้ลักษณ์ คล้ายแปรเปลี่ยนไปได้หลาก
    หลายรูปลักษณ์ (เพราะความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง จึงเห็นเป็นรูปลักษณ์เช่นนั้นเช่นนี้
    แต่แท้แล้ว ไม่ใช่แม้แต่ลักษณะใดลักษณะหนึ่ง) บางครั้ง พลังนิพพานธาตุ ก็แผ่ไป
    สู่สังขารร่างกายของผู้อื่นได้ บางครั้งก็ไหลออกไปชำระล้างจิตวิญญาณบาปได้ดุจ
    น้ำ แปรเปลี่ยนได้สารพัดสาระพัน ไม่อาจหยั่ง ไม่อาจประมาณ เพียง "ผู้รับเปิดใจ
    รับ" เท่านั้น พลังนิพานธาตุก็สามารถสืบทอดต่อไปยังสังขารอื่น ได้ทันที และจะทำ
    ให้เกิด "การเหนี่ยวนำ" ของธาตุอื่นๆ ให้ตรงต่อนิพพานธาตุ ทั้งวิญญาณธาตุและ
    มโนธาตุ ก็ไม่เหลือสภาพ ตรงต่อนิพพานธาตุอย่างเดียว ไม่เป็นอื่น ก็จะหลุดพ้นจาก
    ภาวะการเกิด, การดำรงคงอยู่อย่างไม่เที่ยงนั้น กลับสู่นิพพานธาตุอย่างเดียวเท่านั้น


    แท้แล้ว "นิพพานธาตุ" ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นพลัง เพราะแท้แล้วก็ไม่ใช่พลัง แต่คล้าย
    พลังเพราะความเข้าใจเพียงตื้นๆ เท่านั้น เมื่อเข้าใจในระดับตื้นจึงคิดว่าเป็นพลังงานแต่
    เมื่อพิจารณาชัดแจ้งแล้ว แม้แต่พลังก็เหมือนไม่มี ซึ่งในความไม่มีพลังนั้น ก็คือ พลัง
    อย่างหนึ่ง ดังนั้น จึงต้องหยิบยืมสมมุติคำว่า "พลังนิพพานธาตุ" มาอธิบายให้เข้าใจตื้น
    แต่ไม่ถูกต้องนัก เพื่อให้สามารถเข้าใจได้ในระดับต้นก่อนที่จะเข้าถึงด้วยปัญญาแท้จริง
     
  5. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    และนี้แหละที่เรียกว่า "นิพพานจิต"
    .....................................




    พระพุทธเจ้าตรัสว่า " ดูกรกัสสปะ
    ท่านมีธรรมจักษุครรถ์อันถูกต้อง เพราะ
    นิพพานจิต ลักษณะที่แท้จริงย่อมไม่มีลักษณะ"
     
  6. tee666

    tee666 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +14
    ทุกหัวข้อที่อ้างมา...........ขอที่มาที่ไปด้วย....เล่มไหน....อ้างอิงจากใคร....หรือคิดเอง.........ชัดๆๆหน่อย
     
  7. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ศาสนาโปเยและพ้องเพื่อน พระจิด พระเจ้า ผลแอปเปิล มาร์คไรเดอร์ และอุลตร้าแมน
     
  8. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    14-03-2012, 04:15 PM #102
    โปเย
    สมาชิก



    วันที่สมัคร: Mar 2012
    ข้อความ: 124
    พลังการให้คะแนน: 13

    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ อุรุเวลา
    ในพระศาสนาไม่ได้สอนเรื่อง พระจิต พระเจ้า ผลแอปเปิล

    มันก็แค่สมมุติอย่างหนึ่งเท่านั้น
    ไม่ต่างกับ "พระพุทธรูป" หรอกครับ


    เพียงแต่คนจะเห็นทะลุในสมมุตินั้นได้หรือไม่?
    ถ้าไม่อาจทะลุสมมุติได้ ก็ไม่ต่างจากการกราบไหว้อิฐปูน
     
  9. น้ำใหลนิ่ง

    น้ำใหลนิ่ง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +79
    "โปเย" ผู้บรรลุแล้ว ยังต้องอ้างอิงกับคัมภีร์ใหนอีกหรือ?

    แต่ถ้าจะให้อ้างอิง ขอบอกว่ามาจาก

    "โปเย"
    ได้อวตารมาในร่าง "ตงฟางปุ๊ป้าย"

    มาแสดงในคัมภีร์ "เดชคัมภีร์เทวดา"

    [​IMG]

    นี้คือตงฟางปุ๊ป้าย ปาง ดื่มน้ำอำมฤต
     
  10. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    14-03-2012, 04:20 PM #104
    อุรุเวลา
    สมาชิก



    วันที่สมัคร: Dec 2011
    ข้อความ: 1,033
    พลังการให้คะแนน: 107

    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ โปเย
    มันก็แค่สมมุติอย่างหนึ่งเท่านั้น
    ไม่ต่างกับ "พระพุทธรูป" หรอกครับ


    เพียงแต่คนจะเห็นทะลุในสมมุตินั้นได้หรือไม่?
    ถ้าไม่อาจทะลุสมมุติได้ ก็ไม่ต่างจากการกราบไหว้อิฐปูน

    ----
    อย่าพยายามบิดเบือนเลยครับ สิ่งสมมติในพระศาสนาไม่มี พระจิต พระเจ้า และผลแอปเปิล แต่ถ้ามองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสมมติก็ถูกครับ
     
  11. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ----
    ในพระศาสนาขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีสอน โปเยถ้าจะกล่าวอ้างพระธรรมช่วยหาข้อมูลมาอ้างอิงด้วย อย่ากล่าวตู่บิดเบือนพระสัทธรรม
     
  12. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    นิพพานเป็นที่ไม่ปรากฏการเกิด ไม่ปรากฏการเสื่อม เมื่อตั้งอยู่ไม่ปรากฏความแปรปรวน นิพพานหาได้เป็นน้ำอำมฤตชุบชีวิตปีศาจตนใด
     
  13. panyaparamee

    panyaparamee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +30
    สรรพสิ่งทุกสรรพสิ่งกำเนิดมาจากแหล่งกำเนิดใด
    ก็ในเมื่อทุกสิ่งล้วนมีเหตุปัจจัยให้เิกิด แล้วถ้า นิพพาน คือ
    การจบ การดับ การสิ้นสุด จุดเริ่มต้นมันเป็นที่เดียวกันไหมกับจุดจบ
    สูงสุดคืนสู่สามัญ ไปไกลแค่ไหน ก็ต้องกลับมาดับ ใช่หรือไม่
     
  14. เมขต์

    เมขต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,537
    ค่าพลัง:
    +119
    นิกายนี้ถือว่าสัจภาวะ ย่อมอยู่เหนือการพูด การคิด เราจะค้นสัจธรรมในหนังสือพระไตรปิฎกย่อมไม่พบ นอกจากเราจะต้องหันมาบำเพ็ญดูจิตใจของตนเอง เพราะความจริงเราจะหาได้ภายในตัวเรานี้เอง จะไปค้นหาภายนอกไม่ได้ นิกายนี้จึงว่า ปุกลิบบุ้นยี่ แปลว่า ไม่ต้องอาศัยตัวหนังสือเป็นรากฐานหรอก ติกจี้นั้งซิม แปลว่า แต่ชี้ตรงไปยังใจของคน นิกายนี้มีปรัชญาว่า

    สรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนมีอมตจิตเป็นมูลการณะ สิ่งทั้งหลายเป็นปรากฎการณ์ของอมตภาวะนี้เท่านั้น อมตภาวะนี้มีอยู่ทั่วไปในสรรพชีวะทั้งหลาย อมตภาวะนี้แผ่ครอบคลุมทั่วทุกหนแห่งไม่มีขีดจำกัด และสรรพสิ่งจึงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเรียกว่าชีวิตเป็นหนึ่ง คือ มีมูลภาวะอันเดียวกัน อมตภาวะนี้ก็คือ จิตของเรานั้นเอง แต่เป็นแก่นอันแท้จริงของจิตของเราจิตนั้นไม่เกิดดับ ที่เกิดดับเป็นเพียงปรากฎการณ์ซึ่งเป็นมายาหาใช่ภาวะจิตที่แท้จริงไม่ ลักษณะของจิตนี้เป็นอย่างไร ดังคำอธิบายของท่านอาจารย์เซนองค์หนึ่งของญี่ปุนว่า มหึมาจริงหนอ เจ้าจิต ฟ้าที่สูงไม่อาจประมาณถึงสุดได้แล้ว แต่จิตก็อยู่พ้นฟ้านั้นขึ้นไปอีก แผ่นดินที่หนาไม่อาจวัดได้ แต่จิตก็อยู่พ้นแผ่นดินนั้นลงไป แสงสว่างของดวงอาทิตย์ดวงจันทร์ไม่อาจข้ามได้ แต่จิตก็อยู่พ้นแสงสว่างของดวงอาทิตย์ดวงจันทร์นั้นไปอีก โลกธาตุทั้งปวงอันมีปริมาณดุจเม็ดทรายไม่มีที่สิ้นสุด แต่จิตก็อยู่นอกเหนือจักรวาลทั้งหลายนั้นไปอีก จะว่าเป็นอวกาศหรือจะเป็นภาวะธาตุหรือจิตนี้ครอบงำอวกาศทรงไว้ซึ่งภาวะธาตุเดิม อาศัยตัวของเรา ฟ้าจึงครอบจักรวาลแลดินจึงรองรับ (จักรวาล) อาศัยตัวเรา ดวงอาทิตย์แลดวงจันทร์จึงหมุนเวียนไป อาศัยตัวเรา ฤดูทั้ง ๔ จึงมีการเปลี่ยนแปลง และอาสัยตัวเรา สรพสิ่งจึงอุบัติขึ้น มหึมาจริงนะ เจ้าจิตนี่ข้าจำเป็นต้องให้นามบัญญัติเจ้าละว่า เอกปรมัตถสัจจะ หรือปรัชญาสัจลักษณ์ หรือเอกสัตยธรรมธาตุ หรืออนุตตรสัมโพธิ หรือศูรางคมสมาธิ หรือสัมมาธรรมจักษุครรภ์ หรือนิพพานจิต

    นิกายเซนถือว่าพระพุทธองค์กับสรรพสัตว์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพราะจิตธาตุอันนี้ ดังภาษิตของคณาจารย์เซนอึ้งเพก กล่าวว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลายกับสรรพสัตว์ ต่างมีจิตเดียวกัน ไม่มีสิ่งอะไรต่างหาก จิตนี้นับตั้งแต่กาลเบื้องต้นอันไม่ปรากฏ ก็ไม่เคยเกิด ไม่เคยดับ ไม่เป็นสีเขียวสีเหลือง ไม่มีรูป ไม่มีลักษณะ ไม่อยู่ในวงว่ามีหรือไม่มี ไม่เป็นของใหม่หรือของเก่า ไม่ยาวไม่สั้น ไม่ใหญ่ไม่เล็ก อยู่พ้นการประมาณวัดทุกอย่าง พ้นชื่อเสียงเรียงนาม พ้นร่องรอย และความเป็นคู่ คือ สภาพในเดี๋ยวนี้ ถ้าเกิดมีอารมณ์หวั่นไหวขึ้นก็ต้องไป (น้ำทะเลเกิดคลื่น) จิตนี้เหมือนอากาศ ไม่มีขอบเขต ไม่อาจวัดได้ จิตดวงเดียวนี้แหละ คือ พุทธะ

    credit: เซน
     
  15. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๗ จุลวรรค ภาค ๒ หน้าที่ ๒๕๑/๒๗๙
    ท่านทั้งหลาย ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า สิกขาบทของพวกเราที่ ปรากฏแก่คฤหัสถ์มีอยู่
    แม้พวกคฤหัสถ์ก็รู้ว่า สิ่งนี้ควรแก่พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตร สิ่งนี้ไม่ควร
    ถ้าพวกเราจักถอนสิกขาบทเล็กน้อย เสีย จักมีผู้กล่าวว่า พระสมณโคดมบัญญัติสิกขาบท
    แก่สาวกทั้งหลาย เป็นกาลชั่วคราว พระศาสดาของพระสมณะเหล่านี้ยังดำรงอยู่ตราบใด
    สาวกเหล่านี้ยังศึกษาในสิกขาบททั้งหลายตราบนั้น เพราะเหตุที่พระศาสดาของพระ
    สมณะเหล่านี้ปรินิพพานแล้ว พระสมณะเหล่านี้จึงไม่ศึกษาในสิกขาบททั้งหลายในบัดนี้
    ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้ว สงฆ์ไม่พึงบัญญัติสิ่งที่ไม่ทรงบัญญัติ ไม่พึงถอนพระบัญญัติที่ทรงบัญญัติไว้แล้ว
    พึงสมาทานประพฤติ ในสิกขาบททั้งหลายตามที่ทรงบัญญัติแล้วนี้เป็นญัตติ

    ญัตติ น. คําประกาศให้สงฆ์ทราบเพื่อทํากิจของสงฆ์ร่วมกัน เช่น ญัตติทุติยกรรมวาจา ญัตติจตุตถกรรมวาจา, คําเผดียงสงฆ์ ก็ว่า ข้อเสนอเพื่อลงมติ เช่น ผู้แทนราษฎรเสนอญัตติเข้าสู่สภาเพื่อขอให้ ที่ประชุมลงมติว่าจะเห็นชอบด้วยหรือไม่; หัวข้อโต้วาที เช่น โต้วาทีในญัตติว่า ขุนช้างดีกว่าขุนแผน. (ป.).

    ----
    พระพุทธเจ้าห้ามสงฆ์บัญญัติสิ่งที่ไม่ทรงบัญญัติ สมัยนี้เขาก็บัญญัติกันเยอะแล้ว จะมีนิกายโปเยอีกสักนิกายก็ดี นับถือพระจิด พระเจ้า ผลแอปเปิล มาร์คไรเดอรื อุลตร้าแมน เชิญพวกโมฆะบุรุษบริโภคกันให้อิ่มหนำ
     
  16. เมขต์

    เมขต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,537
    ค่าพลัง:
    +119
    ขอบคุณครับ ที่อวยพรให้เราบริโภคกันอย่างอิ่มหนำ โชคดีครับ (smile)
     
  17. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    [๕๓๓] ดูกรกัสสป ธาตุดินยังพระสัทธรรมให้เลือนหายไปไม่ได้ ธาตุน้ำ ธาตุไฟ
    ธาตุลม ก็ยังพระสัทธรรมให้เลือนหายไปไม่ได้ ที่แท้โมฆบุรุษในโลกนี้ต่างหาก เกิดขึ้นมาก็ทำให้
    พระสัทธรรมเลือนหายไป เปรียบเหมือนเรือจะอัปปาง ก็เพราะต้นหนเท่านั้น พระสัทธรรมยัง
    ไม่เลือนหายไปด้วยประการฉะนี้ ฯ
    [๕๓๔] ดูกรกัสสป เหตุฝ่ายต่ำ ๕ ประการเหล่านี้ ย่อมเป็นไปพร้อม เพื่อความฟั่นเฟือน
    เพื่อความเลือนหายแห่งพระสัทธรรม เหตุฝ่ายต่ำ ๕ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก
    อุบาสิกา ในธรรมวินัยนี้ ไม่เคารพยำเกรงในพระศาสดา ๑ ในพระธรรม ๑ ในพระสงฆ์ ๑
    ในสิกขา ๑ ในสมาธิ๑ เหตุฝ่ายต่ำ ๕ ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อความฟั่นเฟือน
    เพื่อความเลือนหายแห่งพระสัทธรรม ฯ

    ----
    เมื่อบริโภคจนอิ่มหนำแล้ว พวกโมฆะบุรุษทั้งหลายจงอย่าเที่ยวร้องถามหาว่า "ใครทำลายพระสัทธรรม ๑ ใครทำลายพระสัทธรรม ๒ ใครทำลายพระสัทธรรม ๓"
     
  18. เมขต์

    เมขต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,537
    ค่าพลัง:
    +119
    ครับ ขอบคุณครับ อย่างน้อยเราก็ไม่เคยลากใครให้มาหลงทางด้วย และำไม่ทำให้ศรัทธาในตถาคตของใครเสื่อมลงเพราะการกระทำของเราครับ
     
  19. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    ถ้าสิ่งที่แต่งขึ้นตามนิสัยชอบเขียนเรื่องราวมันดีจริง พี่คงบรรลุอรหันไปแล้วสินะครับ
     
  20. เมขต์

    เมขต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,537
    ค่าพลัง:
    +119
    ผมไปก่อนนะ โชคดีครับทุกท่าน สิ่งใดที่เป็นประโยชน์แก่ความเจริญในธรรมของท่านขอให้เจริญยิ่งๆขึ้นไปครับ (smile)
     

แชร์หน้านี้

Loading...