เรื่องเด่น พระใหญ่ อุโมงค์ยักษ์ มหัศจรรย์ภูเขาหินเมืองอู่ทอง

“เมื่อมาเห็นภูเขาแหว่งบนดินแดนประวัติศาสตร์แห่งอาณาจักรสุวรรณภูมิ หรือเมืองโบราณอู่ทองแห่งนี้ ซึ่งมีลักษณะที่สวยงามเสมือนมังกรบิน…”

ด้วยทิวเขาที่ลากเลื้อยยาวสลับโค้งเคี้ยวจากภูเขาทำเทียมที่ทอดยาวไปจดเขาถ้ำเสือเมื่อดูมุมสูงจะเห็นว่าตรงภูเขาแหว่งเป็นหัวมังกรที่กำลังทะยานแหวกฝ่าอากาศด้วยลักษณะทะยานบินที่สง่างามยิ่งนัก จึงทำให้มองเห็นพระพุทธรูปบนหน้าผาแห่งนี้

เริ่มจากปี 2553 สำรวจพื้นที่ที่ถูกทอดทิ้ง มีทั้งหน้าผา โถงใหญ่ มีหนองน้ำที่เต็มไปด้วยต้นกกธูป และยังพบว่าหน้าผาที่มองเห็นนั้นเป็นเนื้อหินที่ตกผลึกหนาแน่นไปด้วยโมเลกุลที่ไร้ร่องรอยแตกร้าว เป็นหินที่แข็งแกร่ง สามารถแกะสลักองค์พระได้อย่างดีเยี่ยมแน่นอน

ในปีถัดมา…จึงได้มีการปรับปรุงสถานที่จากกองขยะให้เป็นสถานที่ปราศจากขยะมูลฝอยให้ป่ากลายเป็นที่เตียนโล่งโปร่งสะอาดตา

บันทึกไว้ว่า…วันที่ 14 มีนาคม 2554 สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเห็นชอบให้สำนักงานพุทธ– ศาสนาจังหวัดสุพรรณบุรี จัดสร้างพุทธมณฑลจังหวัดสุพรรณบุรี



29 เมษายน 2554 ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีในสมัยนั้น อนุญาตให้ใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาตะโกปิดทองและป่าเขาเพชรน้อย จัดสร้างพุทธมณฑลฯ จนกระทั่งได้รับรองและมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติจากผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากร-ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสุพรรณบุรี ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2556

และ…วันที่ 1 มีนาคม 2557 เริ่มดำเนินการแกะสลักพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ “หนึ่งเดียวในไทย ยิ่งใหญ่ในโลก มรดกคู่ฟ้าดิน” การแกะสลักดำเนินมาด้วยดีจนมาเสร็จเรียบร้อยเมื่อ 1 พฤษภาคม 2561 และมีแผนจะดำเนินการแกะสลักเพิ่มในปางต่างๆอีกต่อไป

“พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ” หรือที่เรียกว่า “หลวงพ่ออู่ทอง” เป็นพระพุทธรูปแกะสลัก องค์นูนขนาดใหญ่ พระพุทธรูปลักษณะปางโปรดพุทธมารดา ประทับนั่งเหนือพระแท่นดอกบัวตูม



พระปฤษฎางค์พิงหน้าผา พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา ยกพระหัตถ์ขวาจีบพระดรรชนีบรรจบกับพระอังคุฐ บนหน้าผาหุบเขาทำเทียม มีขนาดส่วนสูง 35 เมตร ซึ่งอยู่ใกล้กับเจดีย์หมายเลขที่ 11

บริเวณเชิงเขาทำเทียมด้านทิศเหนือ ได้ขุดพบเสาศิลาธรรมจักร สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช บริเวณเมืองโบราณอู่ทองในปี พ.ศ. 2519 โดยนายธนิต อยู่โพธิ์ อธิบดีกรมศิลปากร ในสมัยนั้นเป็นผู้ดำเนินการดูแลและนำไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ

…ไม่เพียงแต่งานสร้างแกะสลักหลวงพ่ออู่ทอง ที่ต้องดำเนินการไปอย่างต่อเนื่อง การปรับภูมิทัศน์บริเวณโดยรอบก็มีการสร้างเพื่อรองรับคณะผู้มีจิตศรัทธาได้มาชมการก่อสร้าง

รวมถึงอัญเชิญ 4 เทพเจ้าประจำพุทธมณฑล …ตามความเชื่อมาตั้งแต่อดีตโบราณ ทั่วพิภพจวบจบปฐพีย่อมมีเทพเจ้าปกปักรักษาคุ้มครอง ได้แก่ ท้าวเวสสุวรรณ ที่มีบริวารอันประกอบด้วยบรรดาเจ้าที่ เจ้าทุ่ง เจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าท่าเจ้าทาง



อัญเชิญมาประดิษฐานเชิงผาสูงด้านในสุดของหุบผาทำเทียม

ความน่าสนใจมีอีกว่า หลวงพ่อพระธรรมพุทธิมงคล ยังได้สถานที่ประกอบศาสนกิจ โดยทำการเจาะถ้ำด้านหลังพระพุทธปุษยคีรีสุวรรณภูมิ ….เจาะครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2559 ให้มีความกว้างเพียงพอต่อการปฏิบัติกิจในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา กว้าง 8.5 เมตร ยาว 50 เมตร

เพื่อต้อนรับสาธุชนเวียนเทียน

ทุกวันนี้นอกจากสาธุชนที่มาชมความยิ่งใหญ่ของหลวงพ่ออู่ทอง ยังได้แวะเข้าชมความสงบร่มเย็นภายในถ้ำแห่งนี้ แต่สิ่งที่ถูกบอกเล่าต่อๆกันมาที่เป็นอีกศรัทธาความเชื่อที่สำคัญก็คือ…

“องค์พระแม่ธรณีบีบมวยผม” ภายในถ้ำแห่งนี้ ซึ่งขึ้นชื่อถึงเรื่องโชคลาภขอให้ประสบความ สำเร็จเรื่องการงาน ค้าขายทำธุรกิจ รวมถึงวันใกล้หวยออก ก็จะมีผู้คนมายืนส่องตัวเลขกันอยู่เป็นประจำ

ลุงสำราญ เจ้าหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยภายในถ้ำ เล่าให้ฟังว่า นักท่องเที่ยวจะมาสักการะพระพุทธรูป มาหลบร้อน นั่งสมาธิ และมาขอกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้สมหวัง โดยเฉพาะที่องค์พระแม่ธรณีบีบมวยผม จะให้โชคให้ลาภจนมีของมาแก้บนเป็นชุดไทยแขวนกันเต็มราวหลังหวยออก…

ของที่เอามาแก้บนมากขนาดที่ว่าต้องขนไปให้นักเรียนในโรงเรียนต่างๆของจังหวัดสุพรรณฯกันเลยทีเดียว



แต่…จะได้ผลประการใดต้องแล้วแต่บุญวาสนาของการไปเยือน สิ่งที่ชัดที่สุดแม้อากาศด้านนอกจะร้อนแรงเพียงใด แต่ทันทีที่ก้าวเข้ามายังถ้ำหินเจาะหลังองค์หลวงพ่ออู่ทอง บังเกิดความเย็นสงบ ร้อนมาก็ได้คลาย ทุกข์มาก็ได้ผ่อนหนักเป็นเบา…ความฉ่ำเย็นที่บังเกิดขึ้นมานี้ ควรค่าแก่การมาเยือนสักครั้งที่ไม่ควรพลาด

“พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ” หนึ่งเดียวในไทย ยิ่งใหญ่ในโลก มรดกคู่ฟ้าดิน

“ศรัทธา” นำมาซึ่ง “ปาฏิหาริย์” เชื่อไม่เชื่ออย่างไรโปรดอย่าได้ “ลบหลู่”.

รัก-ยม

ขอขอบคุณที่มา
https://www.thairath.co.th/news/local/1634723