พระพุทธไตรรัตนนายก วัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา

ในห้อง 'วัดและศาสนสถาน' ตั้งกระทู้โดย เฮียปอ ตำมะลัง, 4 พฤษภาคม 2008.

  1. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    วันที่ 04 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6366 ข่าวสดรายวัน


    พระพุทธไตรรัตนนายก วัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา

    คอลัมน์ ไหว้พระประธาน 76 จังหวัด



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>"วัดพนัญเชิงวรวิหาร" เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสัก ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นวัดที่สร้างมาก่อนสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง ก่อนการสร้างกรุงศรีอยุธยาไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง

    ตามหนังสือพงศาวดารเหนือ ระบุว่า พระเจ้าสายน้ำผึ้งเป็นผู้สร้าง ณ บริเวณที่พระราชทานเพลิงศพพระนางสร้อยดอกหมาก ส่วนที่มาของคำว่า พนัญเชิงนั้น ตามตำนานมูลศาสนา กล่าวว่า เป็นคำที่เพี้ยนมาจากคำว่า พะแนงเชิง ซึ่งแปลว่า การนั่งพับเพียบ ซึ่งเป็นอาการที่พระเจ้าสายน้ำผึ้ง และพระนางสร้อยดอกหมากใช้ในวาระสุดท้ายของเรื่อง

    นอกจากนี้ จากการวิเคราะห์ศัพท์ที่ใกล้เคียงพบว่า คำว่าพะแนงเชิง ทางภาษาปักษ์ใต้ หมายถึงอาการนั่งแบบขัดสมาธิ

    พระประธานในพระอุโบสถ เรียกกันว่า "พระโต" หรือ "หลวงพ่อโต" หรือ "หลวงพ่อพนัญเชิง" ชาวจีนเรียกว่า "ซัำปอกง" โดยมีชื่ออย่างเป็นทางการ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า "พระพุทธไตรรัตนนายก"

    เป็นศิลปะอู่ทองตอนปลาย ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ มีพัดยศขนาดใหญ่ตั้งอยู่เบื้องหน้า องค์พระปั้นด้วยปูน ลงรักปิดทอง หน้าตักกว้าง 14.20 เมตร สูง 19.20 เมตร ในพงศาวดารระบุว่า พระเจ้าสายน้ำผึ้ง กษัตริย์แห่งอโยธยาเป็นผู้สร้างไว้ และพระราชทานนามว่า วัดพระเจ้าพระนางเชิง เข้าใจว่าพระพุทธรูปองค์นี้สร้างขึ้นพร้อมกับวัด และสร้างไว้กลางแจ้ง

    ในจดหมายเหตุของแคมเฟอร์เขียนครั้งกรุงศรีอยุธยาว่า พระพุทธรูปองค์นี้เป็นของมอญ ในหนังสือภูมิสถานอยุธยา ว่าเป็นของพระเจ้าสามโปเตียน ซึ่งน่าจะเพี้ยนมาจากภาษาจีนว่า ซำปอกง แปลว่า รัตนตรัย

    พระพุทธรูปองค์นี้ คนไทยเรียกทั่วไปว่า หลวงพ่อโตหรือหลวงพ่อพนัญเชิง ในสมัยกรุงศรีอยุธยาปรากฏว่าสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงซ่อมครั้งหนึ่ง และต่อมาพระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีอยุธยาคงจะซ่อมแซมกันต่อมาอีกหลายพระองค์

    ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ สมเด็จพระปฐมบรมราชจักรีวงศ์ ได้ทรงปฏิสังขรณ์และได้รับการบูรณะต่อมาหลายพระองค์ โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้บูรณะใหม่ทั้งองค์ เมื่อปลาย พ.ศ.2397 แล้วถวายพระนามพระพุทธรูปว่า "พระไตรรัตนายก"

    พ.ศ.2444 เกิดเพลิงไหม้ผ้าห่มพระเจ้าพนัญเชิง ทำให้องค์พระชำรุดร้าวแตกรานหลายแห่ง โปรดฯ ให้ซ่อมแซมกลับคืนดังเดิม เสด็จพระราชดำเนินทรงปิดทองแล้วมีสมโภช

    ต่อมาในรัชกาลที่ 7 องค์พระส่วนพระหนุ (คาง) พังทลายลงมาจนถึงพระปรางค์ทั้งสองข้าง ได้ซ่อมแซมจนเรียบร้อยภายในเวลา 1 ปี ครั้งนั้นได้เปลี่ยนพระอุณาโลมจากทองแดงเป็นทองคำด้วย

    ในรัชกาลปัจจุบันมีการปฏิสังขรณ์ ลงรักปิดทองใหม่ทั้งองค์ 2 ครั้งแล้ว คือ ในปี 2491 กับปี 2534-2536

    ในพระราชพงศาวดารกล่าวว่า เมื่อกรุงศรีอยุธยาจะเสียแก่พม่าครั้งที่สองนั้นพระพุทธรูปองค์นี้มีน้ำพระเนตรไหลออกมาทั้งสองข้าง

    หลวงพ่อโต เป็นที่นับถือของชาวไทยและชาวจีน มักจะมากราบไหว้โดยเชื่อว่าจะทำให้ชีวิตดีขึ้น การค้าขายเจริญก้าวหน้า พุทธศาสนิกชนส่วนมากจะนำผ้ามาห่มองค์พระ มักนิยมนำผลไม้ เครื่องเซ่นไหว้ อาหารคาวหวานมาสักการะ

    งานประจำปีใหญ่ๆ 4 งาน ก็เป็นงานที่เนื่องด้วยประเพณีจีน 2 งาน คือ งานสงกรานต์ 13 เมษายน เป็นงานใหญ่มีการนมัสการและเวียนเทียนประทักษิณรอบองค์พระติดต่อกันถึง 5 วัน

    งานสรงน้ำและห่มผ้าถวาย วันแรม 8 ค่ำ เดือนเมษายน มีการสรงน้ำและเปลี่ยนผ้าห่มผืนใหม่ ส่วนผืนเก่าที่ใช้มาตลอด 1 ปี จะฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ แจกจ่ายให้ผู้คนนำไปบูชา

    งานทิ้งกระจาดหรืองานงิ้ว เดือน 9 จะมีงิ้วและมหรสพอื่นๆ เล่นประชันกันอย่างครึกโครม จะมีผู้คนนับหมื่น หลั่งไหลกันมานมัสการนับเป็นงานทิ้งกระจาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยทีเดียว

    งานตรุษจีนเป็นงานใหญ่อีกงานหนึ่ง จะมีการเปิดประตูพระวิหารหลวงไว้ทั้งวันทั้งคืนตลอด 5 วันที่จัดงาน

    คาถาบูชาพระพุทธไตรรัตนนายก (หลวงพ่อโต) วัดพนัญเชิง มีดังนี้ "ตั้งนะโม 3 จบ อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อะภิปูชะยามิ, ทุติยัมปิ อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อะภิปูชะยามิ, ตะติยัมปิ อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อะภิปูชะยามิ"

    วัดแห่งนี้มีผู้เดินทางมาสักการะตลอดทั้งปี ทางกรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุ และโบราณสถานแห่งชาติ

    ปัจจุบันมีพระราชรัตนวราภรณ์ เป็นเจ้าอาวาส พัฒนาวัดเป็นศูนย์รวมทางการศึกษาของพระสงฆ์และสามเณร เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ผู้มาชมและกราบไหว้พระพุทธรูปมากที่สุดแห่งหนึ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา

    [FONT=Tahoma,]หน้า 32[/FONT]


    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNd053PT0=&day=TWpBd09DMHdOUzB3TkE9PQ==
     
  2. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,794
    สวยงามมากจริงๆ มีโอกาสต้องไปกราบท่านแน่ๆ
     
  3. น้ำใสไหลเย็น

    น้ำใสไหลเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +4,452
    ขออนุโมทนา
    เมื่อปลายปีที่แล้ว ได้มีโอกาสไปกราบท่าน
    ตอนนั้นกำลังบูรณะซ่อมแซม องค์สีดำ ใหญ่โตมากค่ะ
     
  4. kriengkripob

    kriengkripob เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,326
    ค่าพลัง:
    +2,048
    อนุโมทนาบุญ ไปกราบนมัสการอย่าลืมห่มผ้าเหลืองให้ท่านด้วย กุศลแรง สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...