"พระพุทธเจ้าไม่ให้กะเทยหรือพวกลักเพศสองเพศบวชในศาสนา" : องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร

"พระพุทธเจ้าไม่ให้กะเทยหรือพวกลักเพศสองเพศบวชในศาสนา"

“...จิตตัวนั้นมันไม่รู้อิโหน่อิเหน่นะลูกต้องสอนมันให้ได้ สอนจิต พระพุทธเจ้าให้สอนจิตสอนใจของตัวเอง มันงี่เง่าขนาดขนาดไหนพอเกิดมามันไม่รู้บุญไม่รู้บาปเลยเห็นไหมล่ะ และเมื่อมันไม่รู้บุญไม่รู้บาปเลยแล้วใครเป็นผู้สอนล่ะนั่น เราก็ต้องเป็นผู้สอนเขาสิ เพราะเรารู้บุญรูปบาปรู้จากโครล่ะ ผู้เป็นพ่อผู้เป็นแม่ พ่อแม่สอนก่อนนะเรื่องบุญเรื่องบาป เรื่องเพศหญิงเพศชาย มันก็หากรู้ของมันเป็นอย่างงั้น เอ้ามึงเป็นผู้หญิงนะ มึงเป็นผู้ชายนะ พ่อแม่เป็นผู้บอกผู้สอนก่อนนั่น ความจดจำมันก็เริ่มที่จะเป็นสัญญาจำได้หมายรู้ในหญิงและชาย และมันก็เกิดขึ้นออกมาด้วยความรู้สึกนึกคิดที่เป็นเองแห่งกามราคะ ทั้งหญิงและชายมันก็มีความรู้สึกนึกคิดว่ามันเป็นเองตอนนี้ไม่ได้สอน ตอนแรกก็สอนว่าเป็นผู้หญิงนะแม่ก็พูดให้ฟังนี้เป็นผู้ชายนะลูกเป็นผู้หญิงนะลูกเป็นผู้ชายนะ แต่ตอนนี้เป็นเองล่ะหญิงที่สมบูรณ์หรือไม่สมบูรณ์ ชายที่สมบูรณ์หรือไม่สมบูรณ์เป็นเองด้วยธรรมชาติตัวนั้น นี่แหละและเราจะสอนจิตยังไงให้สมบูรณ์บริบูรณ์ได้ หลักคำสอนของพระพุทธเจ้า

ไม่งั้นพระพุทธเจ้าก็คงไม่ประกาศถึงไม่ให้พวกกะเทยหรือพวกลักเพศพวกสองเพศบวชในศาสนา ที่แท้พระพุทธเจ้าให้สอนตัวเองให้สอนจิตสอนใจของตัวเองให้เป็นมัชฌิมาปฏิปทาคือความพอดีให้รู้จักเพศหญิงเพศชายนั่น ที่แท้มีตัวนั้นเอง ทำไมพระพุทธเจ้าจึงห้ามพวกกะเทยบวชพวกลักเพศบวชคือพวกมีสองเพศบวช เพราะพวกนี้มีอยู่สองใจมีอยู่สองจิตมีอยู่หลายความคิดนั่น แต่ว่าสองจิตสองใจอันนี้ก็เป็นอุปมาอุปไมยนะ ก็จิตเดียวใจเดียวนั่นแหละแต่ความคิดนั่นมันหลายความคิดเป็นความคิดที่สองเพศอยู่ในร่างเดียวกันเป็นความคิดที่อันตราย เขายังไม่รู้จักตัวของเขาเองว่าเขาเป็นหญิงหรือเป็นชาย นั้นการที่จะทรงมรรคทรงผลเป็นไปได้ยากมากสุดเลย...นี่

พระพุทธเจ้าจึงทรงไม่ให้กลุ่มนี้บวชในพระพุทธศาสนา ตอนแรกพ่อก็ไม่ทราบว่าทำไมพระพุทธเจ้าจึงไม่ให้บวชในพุทธศาสนาพอปฏิบัติไปๆๆจึงทราบด้วยเหตุด้วยผล ทราบในภาคปฏิบัตินะ ไม่ได้ทราบในภาคปริยัติ เพราะภาคปริยัติไม่มีพอทราบในภาคปฏิบัติ อ๋อ...ตัวนี้เอง เพราะแม้แต่ตัวเองก็ยังไม่ทราบว่าตัวเองเป็นใครระหว่างหญิงระหว่างชายแล้วก็จะประพฤติปฏิบัติทำเพื่อมรรคผลหรือเพื่อเป็นบุญเป็นกุศลได้ยังไงนี่ก็ลงตรงนั้น ก็มาทราบทราบในภาคปฏิบัตินะลูกนะตัวนี้นะมิน่าพระพุทธเจ้าพระองค์จึงทรงห้ามพวกลักเพศหรือพวกสองเพศมีเพศหญิงเพศชายในคนคนเดียวกันและพวกกระทิงกะเทยพวกนี้ ผู้หญิงเป็นชาย ชายเป็นหญิง นี่ก็ห้ามบวชในพระพุทธศาสนานี่ก็เพราะว่าเขายังไม่รู้จักตัวเองการที่จะทรงมรรคทรงผลหรือการที่จะรู้บุญรู้บาปเป็นไปได้ยากมากที่สุดเพราะตัวเองก็ยังทราบว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน เป็นหญิงหรือเป็นชาย

พระพุทธเจ้าจึงให้สอนตัวเองก่อนเราสอนตัวเองให้สมบูรณ์บริบูรณ์หรือยัง สอนหญิงให้เป็นหญิงสมบูรณ์บริบูรณ์สอนชายให้เป็นชายที่สมบูรณ์บริบูรณ์นี่สอนอย่างงี้ สอนให้เต็มภูมิเต็มเม็ดเต็มหน่วยแห่งการเกิดเป็นหญิงและเป็นชายตอนนี้รู้ว่าเป็นหญิงเป็นชายสมบูรณ์บริบูรณ์แล้วนั่นก็รู้จักกาลเทศะแล้ว มีการรู้ตัวแล้วว่าเราเป็นหญิงเป็นชาย สอนตามหลักคำสอนและประพฤติปฏิบัติตามหลักคำสอนขอพระพุทธเจ้า เอาหลักคำสอนของพระพุทธเจ้ามาสอนตัวเองได้นี่เต็มภูมิแล้วนั่น อ๋อ...อยู่จุดนี้เอง ที่แท้ที่พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงห้ามไม่ให้พวกกระทิงกะเทยบวชให้พวกลักเพศบวชด้วยเหตุนี้นี่เองนี่ก็เพราะว่าสอนจิตสอนใจของตัวเองยังไม่ได้ นี่ก็พวกเราก็พอรู้ใช่ไหมล่ะ พวกเราก็รู้ว่าเป็นหญิงเป็นชายอยู่ เราเต็มภูมิกว่าพวกนั้นเยอะนะลูกนะ

บวชก็ได้ทั้งหญิงทั้งชายนี่เต็มภูมิแล้ว เราเป็นหญิงแท้ไม่ใช่ว่ามีความรู้สึกนึกคิดแบบเป็นผู้ชาย เราเป็นผู้ชายแท้ไม่มีความรู้สึกนึกคิดเป็นผู้หญิง แท้ต่อแท้จิตมันเริ่มแท้ แท้ด้วยสมมตินะ แท้ด้วยสมมติที่รู้ว่าตัวเองเป็นหญิงหรือเป็นชายตามสมมตินั้นๆ แท้ตามสมมติแล้วตอนนี้ก็หาหลักคำสอนของพระพุทธเจ้ามาประพฤติปฏิบัติ แท้ตามสมมุติปฏิบัติตามสมมุติก่อนที่จะสิ้นสมมุติเข้าสู่ปรินิพพานโน่น จากโลกียะเข้าสู่โลกุตระนี่ มันก็ไม่ยากนะลูกมันก็ง่ายๆถ้าไม่ปฏิบัติมันไม่ฉลาดนะลูกนะต้องปฏิบัติให้รู้ให้เห็นไม่มีนะในคัมภีร์ใบลานนี่ พอปฏิบัติไปๆ เอ...ทำไมพวกลักเพศจึงบวชไม่ได้ อือ...ทำไมล่ะพวกกะเทยจึงบวชไม่ได้คือผู้หญิงเป็นชาย ชายเป็นหญิงจึงบวชไม่ได้มันมีอยู่เพศ เพศที่ว่าลักเพศ ผู้หญิงผู้ชายอวัยวะเพศหญิงอวัยวะเพศชายมีอยู่ในคนคนเดียวกันเอาเมียก็ได้เอาผัวก็ได้ ผู้นี้ห้ามบวชในศาสนาเด็ดขาดเลยนะ
เพราะเขาไม่ทราบว่าเขาคือใคร แม้แต่พวกกะเทยนี่นะ พวกผู้หญิงเป็นผู้ชายพวกผู้ชายเป็นผู้หญิงพวกนี้ก็ห้ามบวชนะ พอประพฤติปฏิบัติไปๆ เอ๊ะ... ห้ามตัวนี้ห้ามบวชด้วยเหตุอันใดนา พระองค์ห้ามด้วยเหตุอันใด

พอปฏิบัติไปๆ นี่รู้กาลเทศะรู้ว่าสิ่งไหนใช่ไม่ใช่ อ๋อ...ที่แท้ไอ้ตัวนี้เอง เนี่ยก็เพราะว่าคนยังไม่รู้จักตัวเองใช่ไหมลูก ให้ศึกษาหาความรู้ตัวเองเสียก่อนว่าตัวเองเป็นใคร เป็นหญิงหรือเป็นชายนั่น ถ้ารู้จักตัวว่าเป็นหญิงเป็นชายนี่เข้าได้นะ ตอนนี้สอนได้แล้วนี่ ตอนนี้จิตมันงี่เง่า จิตมันงี่เง่าเราก็เพียรพยายามสอนจิตให้ได้ สอนให้มันรู้จักหญิงรู้จักชายให้ได้
ถ้ามันสอนไม่ได้ว่าให้มันรู้จักหญิงรู้จักชายนี่ คือสอนไม่ได้ ร่างกายเป็นชายใจเป็นหญิงนี่สอนไม่ได้ ร่างเป็นหญิงแต่ว่าใจเป็นชายนี่ก็สอนไม่ได้ ไม่สามารถที่จะทรงมรรคทรงผลได้หรอก ก็เพราะว่ายังไม่รู้จักตัวเองแล้วจะส่งมรรคทรงผลได้ยังไง จะฟังธรรมรู้เรื่องได้ยังไงก็ยังไม่รู้จักตัวเองนี่นานั่น...”

พระธรรมเทศนา : องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร
วัดป่าห้วยริน ต.หัวนาคำ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น
๙ เมษายน ๒๕๖๔