พระธาตุพนม

ในห้อง 'วัดและศาสนสถาน' ตั้งกระทู้โดย โสภา จาเรือน, 26 เมษายน 2008.

  1. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    พระธาตุพนม


    พระธาตุพนม ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระธาตุพนมวรวิหาร ริมฝั่งแม่น้ำโขง ถนนชยางกูร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม เป็นเจดีย์รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสก่อด้วยอิฐ กว้างด้านละ 10 เมตรเศษ สูงประมาณ 50 เมตร มีกำแพงล้อมองค์พระธาตุ 4 ชั้น องค์พระธาตุตั้งอยู่บนภูกำพร้า (เนินดินสูงจากพื้นประมาณ 3 เมตร)

    ตำนานเล่าว่าพระธาตุพนมสร้างมานานไม่น้อยกว่า 2,300 ปี โดยพระมหากัสสปะพร้อมด้วยพระอรหันต์ 500 รูป ได้นำพระอุรังคธาตุหรือกระดูกหน้าอกของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเพื่อบรรจุไว้ในพระธาตุ มี พญานันทเสน เมืองศรีโคตรบูรณ์ พญาจุลนีพรหมทัต พระยาอินทปัตถนคร และพญาดำแดง เมืองหนองหารน้อย พญาสุวรรณพิงคาระ แห่งเมืองหนองหารหลวง ยกโยธามาช่วยสร้างพระธาตุและบรรจุอุรังคธาตุพร้อมของมีค่าไว้ภายในเป็นจำนวนมาก

    เป็นไปตามรับสั่งพระพุทธองค์ครั้งเสด็จมาทางทิศตะวันออก ทรงพยากรณ์ที่ตั้งเมืองมรุกขนคร (นครพนม) และได้ประทับพักแรมที่ภูกำพร้า ตรัสว่า เป็นประเพณีของพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์ ในภัททกัลป์ที่นิพพานไปแล้ว บรรดาสาวกจะนำพระบรมสารีริกธาตุ มาบรรจุไว้ที่ภูกำพร้า พระพุทธองค์เมื่อนิพพานแล้ว พระมหากัสสปะ ผู้เป็นสาวก ก็จะนำเอาพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ ณ ที่นี้เช่นกัน

    พระมหากัสสปะอัญเชิญพระอุรังคธาตุมาแล้วให้พญาทั้ง 5 ปั้นดินดิบก่อเผาไฟ แบบพิมพ์ดินกว้างยาวเท่ากับฝ่ามือพระมหากัสสปะ ขุดหลุม 4 ด้าน กว้าง 2 วา ลึก 2 ศอก ก่อดินขึ้นเป็นรูปเตารวมยอดเข้าเป็นรูปฝาปารมีสูง ความสูงทั้งสิ้น 2 วา แล้วทำประตูเตาไฟทั้ง 4 ด้าน เอาไม้จวง จันทน์ กฤษณา กระลำพัก คันธรส ชมพู นิโครธ และไม้รัง มาเป็นพื้น เผา 3 วัน 3 คืน เมื่อสุกจึงเอาหินหมากคอยกลางโคกมาถมหลุม

    สร้างอุโมงค์เสร็จแล้วพระมหากัสสปะอัญเชิญพระอุรังคธาตุเข้าบรรจุภายในที่อันสมควร แล้วให้ใส่ดาลปิดประตูอุโมงค์สร้างประตูด้วยไม้ประดู่ทั้ง 4 ด้าน นำเอาเสาศิลาจากเมืองกุสินารา 1 ต้น มาฝังไว้ที่มุมเหนือตะวันออก แปลงรูปอัศมุขี (ยักษิณีหน้าเป็นม้า) ไว้โคนต้นเพื่อเป็นหลักชัยมงคลแก่บ้านเมือง นำเอาเสาศิลาจากเมืองพาราณสี 1 ต้น ฝังไว้มุมใต้ตะวันออก แปลงรูปอัศมุขีไว้โคนต้น เพื่อหมายมงคลแก่โลก นำเอาเสาศิลาจากเมืองตักศิลา 1 ต้น ฝังไว้มุมเหนือตะวันตก

    พญาสุวรรณพิงคาระให้สร้างรูปม้าอาชาไนยไว้ตัวหนึ่ง หันหน้าไปทางทิศเหนือ เพื่อแสดงว่าพระบรมธาตุเสด็จออกมาทางทิศทางนั้น และพระพุทธศาสนาจักเจริญรุ่งเรืองจากเหนือเจือมาใต้ พระมหากัสสปะให้สร้างม้าพลาหกไว้ตัวหนึ่งคู่กัน หันหน้าไปทางทิศเหนือ เพื่อเป็นปริศนาว่า พญาศรีโคตรบูรณ์จักได้สถาปนาพระอุรังคธาตุไว้ตราบเท่า 5,000 พระวัสสา เกิดทางใต้และขึ้นไปทางเหนือ

    พระธาตุพนมได้รับการบูรณะและอุปถัมภ์โดยกษัตริย์แห่งล้านช้าง การบูรณะครั้งแรกและครั้งที่สองไม่ได้บันทึกปีไว้ การบูรณะครั้งที่สาม พ.ศ.2157 ครั้งที่สี่ พ.ศ.2233 ครั้งที่ห้า พ.ศ.2349 ครั้งที่หก พ.ศ.2444 เป็นการบูรณะครั้งใหญ่ และต่อจากนั้นมาก็มีการบูรณะทั่วไป กระทั่ง พ.ศ.2518 องค์พระธาตุพนมชำรุดล้มลง ทางราชการได้ดำเนินการก่อสร้างขึ้นใหม่ให้คงสภาพเดิมภายในปีเดียวกัน และได้ยืนยงคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้

    ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

    : bat: : bat: : bat: : bat: : bat: : bat: : bat: : bat:
     
  2. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,150
    ค่าพลัง:
    +18,072
    เรณูนคร
    [​IMG] ที่มา http://travel.sanook.com/northeast/nakornpanom/user02866034.php

    พระธาตุพนมค่าล้ำ วัฒนธรรมหลากหลาย เรณูผู้ไท เรือไฟโสภา งามตาฝั่งโขง

    <TABLE width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=300>
    [​IMG]เพลงหนาวลมที่เรณู
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=300>ขับร้อง - ศรคีรี ศรีประจวบ

    เรณูนคร ถิ่นนี้ช่างมีมนต์ขลัง
    ได้พบนวลนาง ดั่งเหมือนต้องมนต์แน่นิ่ง
    น้องนุ่งซิ่นไหม ไว้ผมมวยสวยเพริดพริ้ง
    พี่รักเจ้าแล้วแท้จริง สาวเวียงพิงค์แห่งแดนอีสาน

    เราเคยสัมพันธ์ พรอดรักเมื่อคราหน้าหนาว
    คืนฟ้าสกาว เหน็บหนาวน้ำค้างคืนฤานั่น
    เพราะได้เคียงน้อง ถึงต้องหนาวตายไม่หวาดหวั่น
    รุ่งรางต้องร้างไกลกัน สุดหวันไหว อ่อนล้า

    ผ้าผวยร้อยผืน ไม่ชื่นเหมือนน้องอยู่ใกล้
    ดูดผุร้อยไห ไม่คลายหนาวได้หรอกหนา
    ห่างน้อง พี่ต้องหนาวหนักอุรา
    คอยนับวันเวลา จะกลับมาอบไอรักกัน

    เย็นลมเหมันต์ ผ่านผันยิ่งพาสะท้อน
    โธ่น้องบังอร ก่อนนั้นเคยคลอเคียงเจ้า
    ครั้นเที่ยวชมงาน พระธาตุพนมยามหน้าหนาว
    พี่ยังไม่ลืมนงค์เยาว์ โอ้แม่สาว...เรณู
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...