ผมจะบาปมากไหมครับ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย เก็งจู, 29 เมษายน 2012.

  1. เก็งจู

    เก็งจู สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +0
    เรื่องมีอย่างนี้ครับ
    ปีที่แล้ว ผมไปไหว้เจ้าที่ศาลเจ้ามือกำลังกำธูปอยู่
    ว่าจะขอพรให้แม่ แต่จิตคิดเรื่องร้ายขึ้นมา(ทำนองสาปแช่ง)
    แต่ผมรู้ทัน และไม่ได้มีเจตนาที่จะสาปแช่งใดๆทั้งสิ้น
    ผมไม่ได้มีความอาฆาตใดๆด้วย
    ผมกลัวครับ กลัวมันจะมีผล และจะบาปหนัก
    ผมจึงขอใหม่ ให้มีแต่เรื่องดีๆ อย่างนี้
    การสาปแช่งยังจะมีผลอยู่ไไหมครับ
     
  2. panuwatff

    panuwatff สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +14
    อย่าไปคิดมากครับ ขอขมาต่อท่าน จิตเราอุปทาน ผมก็เคยเป็น
     
  3. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    มีสติ คิดพูดทำดีให้เป็นนิจ ทำบ่อยๆเดี๋ยวความคิดไม่ดีมันก็จะจางไปเอง
     
  4. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,572
    ค่าพลัง:
    +4,560
    คุณน่าจะอยู่สายมหายาน....หรือ ขงจื้อ...เซ็น...เต๋า....ผมไม่แน่ใจ....
    ...อันบาปบุญคุณโทษ...เป็นอจินไตย....ไม่มีใครรู้จริง....
    ..ยกเว้นพระอรหันต์และพระพุทธเจ้า....
    ...ถ้าผมตอบคุณ....นั่นก็คือ เอาตำรามาตอบ...เรียกเป็นหนอนตำรา...ซึ่งเหลวไหลทั้งเพ......
    ...ชีวิตจริงในแต่ละวินาที นาที ชั่วโมง วัน เดือนปีฯลฯ...มันมีเกิดดับตลอดเวลา....ตัวนี้เราต้องรู้และเข้าใจมัน...
    ...จิตของทุกคน..ในแต่ละเวลาดังกล่าว...มันผันแปรว่องไว...คุมไม่อยู่...เหมือนคุ้มดีคุ้มร้ายตลอดเวลา.....
    ....จิตคุณคิดดีมันก็ดี คิดร้ายมันก็ร้าย มันเกิดดับๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    ..ก็พยายามฝึกจิต กายวาจา ให้หมั่นทำดี คิดดีไปให้มากกว่าคิดร้าย ในแต่ละวัน พยายามไปเรื่อยๆก็พอ...โดยไม่ต้องไปดูผลของมัน
     
  5. gaiou419

    gaiou419 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    331
    ค่าพลัง:
    +716
    เรียกว่า "ปรามาศ"ค่ะ เป็นกันทุกคน กิเลสมารที่ขัดขวางเมื่อเราทำดี มันจะมาเป็นคำพูด
    หรือภาพ แบบที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยเลย คือเราไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นมาก่อนเสียด้วยซ้ำ เมื่อเกิดแล้ว
    เราจะรู้สึกผิด หรือบางที ถ้าเราเผลอ เราก็ไปขบคิดต่อไปเรื่อยๆ (ปรุงแต่ง) ร่วมด้วยช่วยเติมเสริมมัน ทีนี้แหล่ะ กลายเป็นเจตนาเลย เมื่อนั้นแหล่ะ เราบาปแล้วค่ะ แต่ถ้ามาแล้วเรารู้ทัน ดักมันเสียก่อน คือ รู้ตัวปุ๊บ มีสติ และคิดสิ่งตรงกันข้ามเลย เช่น อาจจะคิดว่า ไม่จริงหรอก นี่ไม่ใช่ความคิดเราเพราะเราเคารพรักใน.... หรือมีกรณีนึง ที่น้องผู้หญิงคนหนึ่งมา
    ปรึกษาเรื่อง ปรามาศในหลวง ดิฉันแนะนำว่า ทุกครั้งที่รู้ตัวว่ากำลังปรามาศ ให้ถวายพระพร
    ไปเลย "ทรงพระเจริญ" ถ้าไม่หาย ให้ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีในใจ ไม่ต้องรอให้กิเลสมันแหย่ก่อนก็ได้ คิดเป็นองค์ภาวนาทั้งวันเลยก็ได้ "ทรงพระเจริญ"ไปเลยทั้งวัน
    ส่วนใหญ่ เราจะตามรู้มันไม่ทันว่าโดนมันเล่นซะแล้ว เพราะคนไม่เข้าใจว่า"กิเลสมาร"
    มันมีจริงๆ ไม่ใช่แค่คำเปรียบเทียบ มีจริงๆแต่ไม่ใช่เรา มันแนบมากับจิตเรา อยู่กับเราเสมอ จนทำให้เราคิดว่า เป็นอันเดียวกัน วิธีสังเกตุง่ายๆ คือ ดูว่าปรกติเมื่อเรามีสติ เราได้มีจิตคิดแช่งคิดปรามาศอย่างนี้หรือไม่ หากตอบว่าไม่ แถมหนักไปทางเคารพพระรัตนตรัยอย่างสูง
    แล้วไอ้ความคิดนี้ มันชอบมาตอนเราเผลอๆ(สติ) หรือตอนที่กำลังอิ่มเอิบทำสิ่งดีๆ นั่นแหล่ะค่ะ มันนั้นเอง คนส่วนใหญ่ก็รู้สึกประดักประเดิด โกรธตัวเองบ้าง รู้สึกผิดหรือสับสนบ้าง หรือยิ่งไปห้ามไม่ให้คิด มันก็ยิ่งไหลพลั่งพลูออกมาใหญ่ แล้วไอ้ตัวอารมณ์อิ่มบุญของเราก็ถูกแทนที่ด้วยอารมณ์ประดักประเดิดแทน เป็นอันว่า เสร็จมัน เพราะงานมันสำเร็จแล้ว ลองดูนะคะ ทำไปให้ชิน ปรามาศเมื่อไหร่ ให้สรรเสริญใส่เมื่อนั้น อย่าไปปรุงแต่งตามมัน เมื่อนั้นแหล่ะค่ะ บาปแน่ๆ ลอง google post ความรู้เรื่องปรามาศต่อได้นะคะ มีพระอริยเจ้าท่านว่าไว้มากมายเรื่องนี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...