ปิดจองเหรียญ รุ่น ๑ พระอาจารย์ซิง ธมฺมทินโน วัดไตรมิตร อ.ท่าอุเทน จ. นครพนม

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย lynn@nice, 17 พฤษภาคม 2014.

  1. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,294
    ค่าพลัง:
    +19,459
    ประวัติ พระอาจารย์ซิง ธมฺมทินโน วัดไตรมิตร อ.ท่าอุเทน จ. นครพนม
    ชาติกำเนิด สู่การอุปสมบท พื้นฐานต้นกำเนิดเกิดอาตมาเป็นคนญวน ชื่อเดิมนายซิง เทพนาวิน เกิดวันอังคาร เดือนสิงหาคม ปีพุทธศักราช 2494 ปีขาล ฐานะทางบ้านพ่อแม่ยากจนเลี้ยงตามมีตามเกิด ทำงานหนัก การศึกษาก็ไม่มี พ่อแม่ไม่มีเงินส่งเสียให้เรียน เพราะเป็นคนญวน แต่มาเกิดที่เมืองไทย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ทำงานหนักมาก เป็นคนที่พ่อแม่ก็บังคับให้อยู่ในกรอบ เข้มงวดมากขนาดหนังกลางแปลงยังไม่ได้ไปดูกับเขา ไปดูซิมึงตาย...พ่อขู่ไว้อย่างนี้ คือกินแล้วก็ทำงานอย่างเดียว พ่อเป็นคนใจร้อนแต่ทำงานเก่ง เราอยู่กับพ่อแม่มาตลอด มีพี่น้องทั้งหมด 9 คน เป็นคนที่ 4 มีผู้ชาย 3 คน พี่สาวคนโต พี่สาวคนที่สอง แล้วก็พี่ชาย แล้วก็มาอาตมาเป็นคนที่ 4 แล้วก็น้องสาวอีก 4 คน แล้วก็มาน้องชายอีกคน น้องชายคนสุดท้องเสียแล้ว อาตมาเคยหนีออกจากบ้าน คิดอยู่อย่างเดียวขืนอยู่ต่อไปก็ดักดานขุดดินปลูกมันปลูกแห้ว ลากอวนหาปลา อาชีพของพ่อแม่ก็คือค้าขาย ตอนหลังดีขึ้น ทำปลาร้าปลาส้มส่ง แต่ตัวเองรู้สึกไม่ไหวแล้ว เราก็โตแล้ว ตัดสินใจหนีออกจากบ้าน หนีไปก็ไม่มีบัตร ตำรวจก็ตามจับตลอด เพราะเป็นญวนอพยพไม่ใช่ญวนต่างด้าว หนีไปฝึกวิชาช่างที่กรุงเทพฯ พ่อสั่งไว้อย่างเดียวว่า มึงตายเท่านั้น ถ้ามึงไม่ได้มีวิชากลับมา มึงอย่าหนีมามือเปล่า กลับมามึงตายแน่นอน... มาอยู่ที่กรุงเทพฝึกงานที่อู่ซ่อมรถถึงแต่เขาจะว่าเขาจะตีจะด่ายังไงก็ทน บางวันก็ร้องไห้ อยู่ได้ 2-3 ปีก็รู้สึกตัวเองเป็นช่าง มันมีคุณค่ากับตัวเอง พอทำไปมีความเชี่ยวชาญขึ้นมาก็กลายเป็นคนที่มีฝีมือ จากความโชคดีที่เป็นคนเรียนรู้ง่าย เข้าใจในคำพูดง่าย เข้าใจในงาน พูดออกมาไม่ต้องอธิบายอาตมาฟังปุ๊บก็เข้าใจได้โดยทันทีและทำเสร็จเรียบร้อยทุกครั้ง ก็กลายเป็นช่างที่เก่ง ความผยองพองตัวเหมือนอึ่งอ่าง เริ่มออกลาย เริ่มกินเหล้า เริ่มคบเพื่อนฝูง ตัวหนังสือไทยตัวหนึ่งก็อ่านไม่ออก ใฝ่ฝันอยากเป็นดาราหนัง หลงในรูปตัวเอง อาตมาหล่อนะ หน้าตาคมสัน ที่คิ้วนี่เหล้าทั้งนั้น ดั้งหัก ปากแตก เป็นคนหน้าตาดีในจำนวนพี่น้อง ขาว ทำงานขยัน แต่เสียอย่างเดียวจะทำอะไรแล้วใครขวางไม่ได้ เป็นคนรั้น ไร้การศึกษา ติดเหล้า เมื่อปี 2526-2527 ติดเหล้างอมแงมเลย ตั้งแต่สมัยทำรถบัส ต่อรถบัสสมัยโน้น เชิดชัยทัวร์เคยไปช่วยงานเขาอยู่ 2-3 ปี ไป ๆ มา ๆ ก็ติดเหล้า คุณค่าก็ไม่มี จนทำอะไรไม่ได้ จากคนเงินเดือน 2-3 หมื่นแลกเหล้าวันละ 3 ครึ่ง...เช้าครึ่งหนึ่ง เที่ยงครึ่งหนึ่ง เย็นครึ่งหนึ่ง อยู่อย่างนั้น แล้วเงินก็ไม่มี... จนกระทั่งปี 2538 มาคิดได้ในห้วงที่ทุกข์นักหนทางมืดมิกลับคิดว่าชีวิตนี้ต้องบวช ถ้าไม่บวชตายแน่นอน หมดแล้วที่พึ่งไม่มีเลย หันหน้าไปไหนมืดหมด ไปไหนเขาก็ผลักไสไล่ส่ง เพื่อนฝูงพอหนักเข้าเขาก็ไม่คบด้วย เกิดความท้อแท้เบื่อแล้วก็นั่งร้องไห้ สุดท้ายก็ไปขอน้องสาวบวช น้องสาวยังไม่ให้บวชเลย เขาบอกคนอย่างนี้เหรอจะเข้าบวช เดี๋ยวก็เอาเหล้าไปกินในวัด ด่าสารพัด... เอาสิ ถ้ามึงไม่ให้บวชวันนี้จะกระชากสร้อยคนที่เดินไปเดินมาแถวนี้ จะให้มึงขายหน้าเลย คิดขนาดนั้นนะ คือไม่มีอะไรแล้ว ไม่มีที่พึ่งแล้ว ตัดสินใจ มีพระองค์หนึ่งเป็นญาติทางสามีเขาเข้ามาเที่ยว อ้าว อากู่มาเที่ยวเหรอ... จะมาบวช... อ้าว ดีสิ... ทีนี้เราก็ไม่รู้ไปบวชแล้วจะต้องขานนาคด้วย ฉิบหาย... อ่านหนังสือออกแค่งู ๆ ปลา ๆ ไม่ได้คล่องเลย ยิ่งอ่านหนังสือพระด้วย แล้วไปบวชธรรมยุติขานนาคไม่เป็นเขาไม่ให้บวช เข้าไปวัดดวงแข 18 วันแล้วยังขานนาคยังไม่ได้ เอสาหัง ๆ ...อยู่นั่นแหละ ความจำมันไม่มีเลย มันเป็นสุราลิสซึ่มไปแล้ว เดินไปบิณฑบาตกลับมาเหงื่อแตก กินข้าวก็กินไม่ได้ อยากจะสักก๊งหนึ่งก่อนถึงจะกินได้ มันถึงขนาดนั้น แล้วเหงื่อนี่แตกโซกเลย ส่าเหล้ามันออก ร้อน... เดินไปหน้าร้านวันละเกือบ 20 เที่ยว กะจะซื้อสัก 10 บาทเข้าไป แต่ถ้ากินเหล้าอาจารย์ก็ต้องได้กลิ่นเหล้า คิดไปต่าง ๆ นานา มันวุ่นวายไปหมดตลอดระยะเวลา 18 วันไปขานนาคกับพระพี่เลี้ยง ขึ้นไปนี่นะเข่าฟาดกับพื้นดังปั๊บ ๆ มันสั่น... น้องสาวร้องไห้เลย มันเดินลงจากกุฏิ อาจารย์บอกไม่ไหวนะโยมถ้าแบบนี้ นาคล้มแน่นอนทำไงดี จึงได้ลงมานั่งใต้ต้นโพธิ์นั่งอยู่คนเดียว ไม่มีใครเข้าในความรู้สึกเราตอนนั้น เห็นพระเณรท่านลงไปทำวัตรสวดมนต์เย็น พระอาจารย์ผมขอเข้าไปในโบสถ์ได้ไหม... ได้สิ มานาคมา จะบวชไม่ใช่เหรอ ขานได้หรือยัง... ยังเลยครับ... ขานให้ได้นะ ไม่เป็นไร ใจเย็น ๆ บวชเดือนนี้ไม่ได้เดือนหน้าก็บวชได้ ขานให้ได้... เออ ชื้นใจหน่อย เขาพูดดีกับเรา พระท่านก็ไม่ได้ดุนี่ พอเข้าไปแล้วก็พนมมือหลับตา มือไม้ที่สั่นมันนิ่ง พอตัวนิ่งใจมันนิ่งนึกมองไปถึงหน้าพระประธานเลย นึกในใจว่า “ชีวิตของตัวผมนี้ไม่เคยทำเลวถึงขนาดหนักสักครั้ง ถ้าลักเล็กขโมยน้อยก็แค่ลักลำไย ลักไก่เขานี่เคยลักของชาวบ้านอยู่ แต่เรื่องปล้นจี้ ชิงปล้นฆ่า ยาเสพติดผมไม่เคยเกี่ยวข้องเลย ผมมาเป็นช่างซ่อมรถยนต์ผมก็ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ไม่รู้เท่าไร ๆ ก่อนชีวิตผมจะตกต่ำขนาดนี้ ผมกินเหล้าแค่นี้จะให้ความจำผมหายไปหมดเลยเหรอ ผมเชื่อว่าพระพุทธเจ้าที่ผมพูดด้วยนี้ก็คงได้ยินผมพูด หากยังพอมีบุญที่จะบวชขอให้ผมได้บวชด้วยเถอะ ผมอยากบวชมากในตอนนี้ ชีวิตนี้ผมขอฝากเป็นครั้งสุดท้าย” ลงมาเชื่อไหมว่า คืนนั้นเอาหนังสือออกมา เอสาหัง ภันเต...เอสาหัง ภันเต ...เอสาหัง ภันเต...มันไม่ไปเลย ตื่นเช้าไปบิณฑบาตอีก เดินตามหลังอาจารย์องค์ที่ไปอยู่ด้วย เอสาหัง ภันเต...มันขึ้นมาเองเลย.เอสาหัง ภันเต, สุจิระปะรินิพพุตัมปิ, ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามิ, ธัมมัญจะ… มันขึ้นมาได้ยังไงวะ ฉิบหาย สงสัยเลย เก็บข้าวใส่บาตรอยู่ดีใจใหญ่เลย เฮ้ย เราท่องได้เหมือนอยู่ในหนังสือหรือเปล่า พอกลับมาปุ๊บ อุ้ย...เมื่อกี้ผมเดินไปบิณฑบาตไม่รู้ใครสวดมนต์ ข้างในผมนี้ พระอาจารย์ถามผมขานนาคได้แล้วเหรอ ได้แล้วครับ ลองเอาผ้าไตรไปบวชกับพระองค์ข้าง ๆ ห้องนั่น ไปเลย หิ้วบาตรไป อาจารย์ครับผมขอขานนาค... เออ มา... ทำเหมือนบวชนะนาค คุกเข่า กราบ 3 ครั้ง ขึ้นดัง ๆ เลย... เอสาหัง ภันเต, สุจิระปะรินิพพุตัมปิ, ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามิ, ธัมมัญจะ... ไปเลย มาขัดตรงที่ท่อนหลังนิดหน่อย ท่านบอกใช้ได้แล้ว อ้าว องค์ใหม่อีก วันนั้นขานเกือบ 10 องค์ ดีใจ... แล้วก็ไปบอก เดินจากวัดดวงแขไปปทุมวัน ไปบอกน้องสาว น้องสาวยังไม่เชื่อเลย มันบอกสองวันก่อนยังขานแบบนั้นแล้วหนูไม่เชื่อหรอกพอท่องให้เขาฟังแล้วก็ดีใจ เขาพาไปกินสุกี้ มีเบียร์ มีเหล้า โอ้ยโยมเอ้ยไม่อยากจะบอก น้ำลายนี่ไหลเลย... มันทรมานจริง ๆ กินไปมือไม้สั่นตลอด จนไอ้น้องเขยมันบอก มา...ไหน ๆ ก็บวชแล้ว เขาก็ตักให้กิน แล้วขนาดใส่ปากยังทิ่มปากทิ่มฟันตัวเอง คิดในใจชีวิตกูทำไมเป็นขนาดนี้วะ น้ำตาตกในเลย ไหลออกมาเลย... มันน้อยเนื้อต่ำใจ กูต้องทำให้ได้ บวชเลย เครื่องบวชซื้อมาเป็นเดือนแล้ววางไว้ ฝึกห่มจีวรจนสวยแล้ว เขาบอกพระบวชใหม่อะไรห่มจีวรได้เรียบร้อยขนาดนี้ มันอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ อยากจะลองดู เห็นเขาห่มจีวรก็เอามั่ง ไม่ต้องให้อาจารย์บอกหรอก ขอจีวรเก่า ๆ มา ท่านก็บอก เออ...ดีเหมือนกัน หัดห่มซะ หลังจากบวชที่วัดดวงแข 2 ปีเที่ยวเลย เริ่มแรกก็ขึ้นแม่ฮ่องสอนเลย รู้จักกับพระที่แม่ฮ่องสอนถ้ำลอด อาจารย์ทองปาน ไปก็ไม่รู้ว่ากรรมฐานคืออะไร ไปถึงเห็นพระท่านฉันข้าวก็เกิดถือมานะว่า...วัดกูกินดีกว่านี้ ยังไม่รู้กรรมฐานคืออะไรบวชมาได้ 2 ปี พอพักหลังกลับมา หาเงินได้ 4-5 พันก็นั่งรถทัวร์ไปเที่ยว ส่วนมากจะไปแม่ฮ่องสอน แล้วก็มาเชียงใหม่ พักหลังก็กว้างขึ้น ๆ รู้สึกว่าชีวิตเราทำไมเป็นอย่างนี้ ก็ไปศึกษามานะ 3 คืออะไร ถือตนเสมอเพื่อน ถือตนเหนือกว่าเพื่อน ถือตนด้อยกว่าเพื่อน เอ้อ...นี่กู 3 ข้อนี้เลย เรียบร้อยเลย เลยไปอ่านตัวขยาย ศึกษาในหนังสือเลย อ๋อ...กูนี่มันแสนเลวเลย ก็เริ่มออกมา เดี๋ยวนี้ไปเห็นพระกรรมฐานจริง ๆ แล้วเมื่อเขาเห็นนิสัยเราแล้วเขาเดินหนี หาว่าเขาดูถูกเรา ที่แท้เขาไม่อยากสนทนาด้วย มาศึกษาตัวนี้แล้วเกิดขึ้นกับใจเลย เกิดขึ้นกับใจก็เริ่มศรัทธาแสวงหาศึกษา เจออาจารย์ไพโรจน์ ภูพิงค์ เชียงใหม่ หลวงปู่สิม พุทธาจาโร วัดถ้ำผาปล่อง ช่วงเดินธุดงค์ไปเรื่อยศึกษาธรรมะ เจอพระที่มีปฏิปทาน่าเลื่อมใสเริ่มศรัทธาก็ตรงกราบพระครูบาอาจารย์ กราบน้อมลงมาเหมือนกับสิงโตที่หมอบ กราบลงกับพื้นเลยแล้วให้หัวนี้ติดกับพื้น เกิดปีติ ไปถ้ำลอด กราบศึกษาธรรมะกับอาจารย์ทองปานแม่ฮ่องสอน หลวงปู่แว่น วัดถ้ำพระสบาย จังหวัดลำปาง อาจารย์กฤษณะ ที่โคราช อาจารย์นก วัดเขาบางเหย จังหวัดชัยภูมิ ไปจำพรรษาวัดถ้ำหาดนิมิต ไปกราบศึกษาธรรมะพระดังไปมาก็หลายองค์หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง หลวงพ่อบุดดา ถาวโร วัดถ้ำกลางชูศรีหลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่หลวง กตปุญฺโญ วัดสำราญนิวาส จังหวัดลำปาง ข้ามไปพม่า กับครูบาบุญชุ่ม พบอาจารย์สำลัก เป็นอาจารย์กรรมฐานเร่ร่อนนี่แหละ เจอกันท่านก็สอนให้ หลัก ๆ จริง ๆ อาจารย์ฝึกกรรมฐานแบบจริงจังไม่มีหรอก อาตมาลักจำเอา คือถามแล้วก็ไปลองหัดทำอ่านในหนังสือบ้างติดขัดก็ถามครูบาอาจารย์ อ่านหนังสือหลวงปู่ชา หลวงปู่ดุล หลวงปู่หลุยส์ หนังสือกรรมฐานจริง ๆ ของหลวงปู่เทศน์นี่ศึกษาอย่างละเอียด หลวงตามหาบัว แล้วก็พระพุทธทาส เมื่อก่อนหลวงพ่อปัญญาอาตมาก็ศรัทธาเหมือนกัน ชอบเลย ชอบจริง ๆ แต่ตอนหลังท่านด่ามั่วเลย ด่าเรื่องสร้างพระสร้างอะไรก็เลยเริ่มคลายออก ศึกษาหาครูบาอาจารย์ พักหลังเริ่มมาอยู่ที่วัดไตรมิตรนี่ ก็เราตามหาอาจารย์ สมัยก่อนแกเป็นเณรแกเก่ง อาจารย์สีแพร ตอนนี้เป็นฆราวาส ยังมีชีวิตอยู่ เก่ง อายุประมาณ 50 ยอมรับว่าแกเก่ง พระไตรปิฎกเคลื่อนที่ แกรุ่นพุทธะอิสระ แต่ก่อนอาตมาก็สายนี้ เคารพแกเหมือนกันนะ ศรัทธาในความรู้ของแก แกเก่ง... ไปทราบข่าวจากอาจารย์นก วัดเขาบางเหย เพราะตอนนั้นอาตมามาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ ก็ยังไม่ได้มีวิชาอะไร ออกจากวัดดวงแขมาอยู่ที่นี่ เจอญาติโยมแถวนี้เขาจะข่มเหงพระ อาตมาก็ไม่ไหวเหมือนกัน มันด่าถึงโคตรตระกูลอาตมาเลย มันบอกไอ้พวกญวน พวกแกว พออาตมาทำศาลาหลังเก่าเสร็จว่าจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว หนีไปอยู่จังหวัดเลย ไปถ้ำหาดนิมิต ไปเจออาจารย์ท่านบอกเข้าไปในถ้ำ อาตมาก็เข้าไปวันแรก พอวันที่สองมาเจ้าที่อยู่ที่นั่นเดินมาเลย คือเขามาไล่ (พูดกันอยู่ในสมาธิ) อ้าว...มานี่ก็มาขออาศัย จะมาปฏิบัติธรรม ไม่ได้มาแย่ง ไอ้ฉิบหาย มึงเป็นเจ้าที่ประเภทไหน มึงเป็นเปรตหรือเป็นเทวดา มึงมาไล่กูได้ยังไง นรกจะแดกหัวกบาลมึงนะ หายวับไปเลย... สักพักหนึ่งถือพานมา ดอกไม้อีก กราบขอขมาผมถูกเขาใช้มา ไอ้เราก็บอกเขามึงเป็นเจ้าที่ประสาอะไรทำไมโง่ขนาดนี้ ที่แท้เจ้าที่ที่นี่(วัดไตรมิตร)โดนใช้ให้ไปตามอาตมากลับวัด นุ่งโจงกระเบนแดงไปเลย บอกว่านิมนต์ท่านกลับเถอะ กูไม่กลับหรอก ทำแทบตายมาด่ากู แล้วก็บอกว่าไม่กลับ คุยกันกับเจ้าที่เสร็จแล้วก็คลายสมาธิออกมา แล้วทำไมเวลากูอยู่ที่วัดไม่ให้กูเห็นวะ มาโผล่หน้านุ่งโจงกระแบนสีแดงเสื้อไม่ใส่ แบบคนโบราณ ตื่นเช้ามา อาจารย์รู้อีก เมื่อคืนนี้เจอศึกใหญ่เหรอ พอท่านพูดอย่างนี้ไม่ต้องถามแล้วว่าท่านเก่งไหม บอกท่านว่าเจอศึกใหญ่ก็เจออยู่ในสมาธิ มาชวนกลับ ก็แล้วแต่นะ จะอยู่ให้สบายใจก่อน กลับจากบิณฑบาตนั่งฉันข้าวเสร็จเดินไปล้างบาตร กลับมานั่งแล้วจะไปชงกาแฟดำ เดินไปหยิบหนังสือ เปิดออกมา... หนังสือหลวงพ่อพุทธทาสนี่แหละ เกิดมาทำไม... ฉิบหาย เหมือนกับกูเมื่อคืนเลย อารมณ์ไปละ พุ่งออกปื๊ดอยากกลับมาวัดเลย ไม่อยู่แล้วอาจารย์ ท่านบอกกลับซะ สะสางให้มันเสร็จ กลับมาก็คุยกับชาวบ้าน เริ่มแรกก็คุย แต่ก่อนก็มีหลวงพ่อแก่ๆมาอยู่ด้วยพอได้คุยกันบ้าง ช่วยกันทำและอยู่ด้วยกันสักพักหนึ่ง พอฝึกได้ที่หน่อยผ่านไปหลายปีผ่านการปฏิบัติก็คืบหน้ามาก ไปมาระหว่างนครพนม กับจันทบุรี และ สระแก้ว จนอาจารย์ท่านลาสิกขาไปแต่ก็ยังยึดถือเป็นอาจารย์อยู่ตราบทุกวันนี้ อาจารย์ไล่ไปปฏิบัติบนยอดเขาคิชฌกูฏตอนปิดเขาอยู่บนยอดเขาห้ามยุ่งกับใครอยู่เป็นเดือนอาหารก็ให้จำกัดแทบจะไม่ได้ฉันในแต่ละวันอะไรเลย ไปคราวนี้ถ้าไม่ได้อะไรเลยนะ โดดเขาตายไปซะ แล้วไม่ต้องลงมา และไม่ขึ้นไปรับอีกด้วย คราวนี้เกิดความลังเลสงสัยจะเอายังไงดีถอยหรือเดินหน้าต่อไปดี เอ้า เป็นไงก็เป็นกันละ วันแรกกำลังนั่งทำความสะอาดตรงที่นั่งปฏิบัติสวดมนต์อยู่ มีงูลายเหลืองแทรกดำตัวยาวเท่าแขนขู่ฟ่อ ๆ ใส่ อาตมาก็ตกใจ โอ้ ทำไมมาทักทายกันไวขนาดนี้ ไปไหนก็ไป... เสร็จแล้วก็ไปที่จูเอี๊ยะ มีเทพเจ้าสามองค์ สีขาวหรือสีอะไรนี่แหละถือไม้เท้า... คิดในใจว่าดวงตาเรายังไม่เห็นธรรมะของพระพุทธเจ้ายอมซูฮกเซียนนี่แหละ ก็เลยจุดธูปไหว้แล้วก็ชงน้ำชาถวาย นั่งไปแป๊บเดียว...เวลาผ่านไป ตกใจเป็นเวลาตี 4 ได้ยังไง นั่งทบทวน ช่วงนั้นเรานั่งสมาธิกำหนดจิตลงไปสักพักก็เงียบหายไปเลย คล้าย ๆ หลับสนิทไปเลย พอรู้สึกก็พิจารณาว่านี่หรือที่ท่านบอกจิตเป็นสมาธิแล้วการเวลาเหมือนแป๊บเดียวเป็นอย่างนี้นี่เอง รู้สึกดีใจเกิดยินดีปีติในสมาธิ ....นั่งไปนั่งมาเห็นเลยยืนอยู่ข้างหน้า ก็เลยว่า เฮ้ย มาแล้วก็ช่วยกันหน่อย ผมกำลังตามืดตามัวอยู่เนี่ย... สององค์ข้างๆหายไปเหลือแต่องค์ขาว ๆ เดินไป จับธูปมา 32 ดอก เล่นของละทีนี้ อยากรู้ว่าบนเขานี้มีอะไรดี ตอนกลางวันนั่งไปเลยเกือบตลอดทั้งวันพลัดเดินจงกรมและนั่งสลับกันไป พอจิตนิ่งมองเห็นภาพเทือกเขายาวไปสองข้างทาง ข้างหนึ่งเหมือนนักรบคนจีน-อู่หนาน มีเสื้อหนัง อีกฝั่งหนึ่งคนไทยเรานี่แหละ นุ่งโจงกระเบน ตำข้าว คนโบราณ... มันใช่เหรอ มันหายวับในทันที เมื่อเกิดสงสัย อาจารย์ขับรถโฟร์วิลขึ้นมาเลยพอมาถึงเห็นหน้าอาจารย์ก็ด่าใส่เลย ทันทีที่มาถึง อาจารย์.....ผมให้หลวงพี่มานั่งปฏิบัติธรรมเฉย ๆ ทำไมถึงอยากรู้โน่นรู้นี่ สงสัยไปหมด ก็บอกแล้ว...กรรมฐานน่ะอย่าไปสงสัยมัน ทำไปเรื่อย ๆ เห็นก็คือไม่เห็น จริงคือเท็จ เท็จคือจริง อยู่ในสามก๊กเขาก็บอกแล้ว ถ้านิ่งก็เหมือนกัน แค่นิมิตผ่าน ๆ แค่นี้เอง ถ้านั่งไปบ่อย ๆ เดี๋ยวติดก็ออกไปคุยโอ้อวด กูนี่กรรมฐานสุดยอดเลย กูเห็นโน่นเห็นนี่ นั่นละอรหัน หันซ้ายหันขวา โดดเขาตายไปเถอะ ไอ้พวกกรรมฐานขี้เมี่ยง ผมคบกับหลวงพี่นี่ ผมไม่ได้ขึ้นสวรรค์ผมลงนรกมากกว่านะครับเพราะด่าพระ อาจารย์ทำไมหลวงพี่ถึงอยากรู้ขนาดนั้นอยากรู้ไปทำไมว่าที่โน่นที่นี่มีอะไรกันนักหนา ไอ้เราก็เงียบ มันผิดอะไรว้า... มันผิดตรงที่เราน้อมจิตเข้าไปหา จิตที่เป็นสมาธิก็หาย สมาธิเราไม่แข็ง ใจเราก็คิดแค่เปิดโครงการนี่โดนซะ ประมาณ 8 ชั่วโมง สารพัดเลย ขนธรรมะออกมา พระไตรปิฎกล้วน ๆ แล้วท่านก็ถามว่า อาจารย์......... หลวงพี่รู้จักเจตสิกไหม อ.ซิง ไม่รู้...ไม่รู้อะไรแล้ว เจตสิกมันอยู่ในอภิธรรมหรือเปล่า พอบอกไม่รู้เท่านั้นแหละโดนอีกชุดใหญ่เลย ไอ้ตัวฟุ้งซ่านนั่นแหละคือเจตสิก หลวงพี่ก็บอกจิตฟุ้งซ่าน ไม่ใช่... จิตออกทำงาน เจตสิกมันมีเป็นหมื่น ๆ แสน ๆ ดวง มันแล้วแต่จิตของใคร ๆ แล้วแต่ใครจะบอกว่าร้อยแปด หรือสี่หมื่นแปดพันดวงก็แล้วแต่ เวลานาทีหนึ่งวินาทีหนึ่งมันคิดไปกี่ครั้ง นั่นแหละเจตสิก ไม่ให้จิตฟุ้งซ่าน ถ้าเราปฏิบัติแล้วเราเรียนอภิธรรมเราจะรู้ว่าเจตสิกคืออะไร หลวงพี่รู้ไหมหลวงพี่คืออะไร... เป็นประธาน ประธานต้องนั่งอยู่ที่ไหน แล้วให้หลวงพี่เข้าใจในคำพูดแบบง่ายๆว่า ประธานนี่อย่าไปยุ่งกับพวกข้างนอก ประธานรอคำสั่งอยู่ในนั้น ไม่ใช่มีอะไรปุ๊บหลวงพี่จะวิ่งออกไป...นั่นเรียกเสือก ปกครองคนไม่ได้หรอกถ้าจะไปรู้ทุกเรื่องทุกคน คนงานเป็นพัน จิตก็เหมือนกันเริ่มธรรมะล้วน ๆ เลย... พูดแล้วขำเราก็สงสัยได้เห็นแล้วตามไปเพราะไม่กลัวอะไรนี่... พออาจารย์ท่านบ่นเสร็จแล้วก็เดินทางลงเขากลับ พอมานึกคิดอีกทีว่าทำไมอาจารย์ขึ้นมาดุ ท่านดุอาจารย์เพราะรู้ถึงจิตคิดสงสัยการปฏิบัติจะไม่คืบหน้าและจะไม่ได้อะไรเลยจากการปฏิบัติ พอหลวงพี่รู้แนวทางที่อาจารย์บอก ตกกลางคืนปุ๊บนั่งเลย กูไม่สนใจอะไรกับมึงหรอก นั่งสวดมนต์ไปประมาณสองชั่วโมง เสร็จแล้วลงกรรมฐาน ไปเลย... เงียบสงบมากเขาคิชฌกูฏในตอนกลางคืน ขนาดเสียงลูกยางมันหล่นอยู่ข้างนอกแล้วมันแตกนะ โอ้โห เหมือนกับระฆังอยู่ในหูเลยทีนี้ เวลามันแตกเปรี๊ยะ ๆ ถ้าเรานั่งอยู่เฉย ๆ ก็ไม่ได้ยิน หรือเสียงจากแป๊บน้ำที่เขาต่อมันดังอยู่ข้างล่างแม้กระทั่งเสียงนาฬิกานี่อย่างเลยดังมากเลยเวลาเรานั่งสมาธิเพราะจิตเราสอดส่ายรับเสียงภายนอกเข้ามา มันประดังเข้ามา ทีนี้กำหนดรู้มันเลย มึงดังยังไงกูกำหนดมึง...ดังยังไงก็สักแต่ว่าดัง กูไม่สนใจ ดังมาเลย กูสู้กับมึง สักพักมันตัดออกไปเลย มันหายไปเลย มันไม่เข้ามาหาตัวเรา เราไม่รับมันแล้วนี่ มันก็เลย แต่เสียงมันดังอยู่แต่เราไม่รับ มันเริ่มเข้ามาเจาะข้างใน มีเสียงอีกตัว คล้าย ๆ โรงสีมันดัง อือ ๆ ๆ... ก็เล่นตัวนี้เหมือนกัน กูไม่สนใจกับมึง สักแต่ว่ามึงมาแล้ว กูก็จะพองจิตของกูอารมณ์ของกู มันตัดคืนนั้น โอ้โห อารมณ์กรรมฐานมันได้มหาศาล มันมาตกใจตรงที่จิตมันลง...ดิ่งลงแล้วพองม้วนวือๆๆๆ เงียบหายสนิทไปเราตายหรือเปล่านี่ มันสงสัยไปหมดตลอดระยะเวลาที่ฝึกหนักแรมเดือน หลวงพี่มาเสียตรงที่อยากรู้อยากเห็น กรรมฐานขี้เมี่ยงเหมือนอาจารย์ว่า น้อมรับเลย พอน้อมปุ๊บโดนขึ้นมาด่าอีก ขึ้นมาอีก โอ้โห้ เป็นอย่างนี้สักสองสามเที่ยวอาจารย์ท่านก็รู้ทุกครั้งที่หลวงพี่จิตสอดส่ายอยากรู้อยากเห็นหรือว่าทุกครั้งที่เหนื่อยท้อแท้ ... พักหลังมีหลวงพ่อเจ้าสำนักนั่นแหละมานั่งฝึกด้วย แกเรียกอาจารย์หมอ แกก็อยากเรียนด้วย แกบอกเปิดสอนเลยเราก็อยู่กับแกมานานเห็นความคุ้นเคยและความดีที่แกให้พักอาศัยด้วยมีอะไรแกก็เอื้อเฟื้อเจือจุนไม่ให้ลำบากอัตคัดขัดสนเกินไปใจหนึ่งก็กลัวอาจารย์ด่า เปิดก็เปิด ก็โดนอีกขึ้นมาทันทีเลย... อยากเป็นมากใช่ไหมอาจารย์ กลับไปเป็นเลยอาจารย์เดี๋ยวผมเปิดให้ โดนด่าเละทั้งคู่ กลับไป- เทียวมาอยู่กับแก 14-15 ปี หมดเงินไปเรียนเยอะมากและอีกแต่ละอย่างที่แกทดสอบอีก บางครั้งก็ใช้ไปเอาผ้าขาวที่เขาชักศพลงหลุม ให้มาหาอยู่กรุงเทพฯ หลวงพี่ก็ไปขอเขากับมูลนิธิ ไอ้พวกนั้นมันก็เอามาให้ผ้าดิบนี่แหละ เอาผ้าดิบไปเย็บจีวร ลองคิดดู 22 ผืน 9 ขัน ขนแทบตาย แล้วผ้ามันยุ่ยเปื้อนเลือดเปื้อนหนอง ผ้าดิบนี่นะโยม มันก็บิด ๆ เบี้ยว ๆ นั่งเย็บทั้งวันทั้งคืน ครั้งหนึ่งอาจารย์ให้หลวงพี่ไปหาพระธาตุสีวลีเป็นเม็ด ทีแรกก็ให้เราหาให้สักถุงหนึ่งได้มาแล้วก็ ให้หาเป็นบาตร หาให้เป็นบาตรยังไม่พอหาทีเป็น 20 บาตรพระบอกมาเก็บเอาไว้จะพาทำพระ ดีไปเจออาจารย์หนุ่มรูปหนึ่งพาเข้าไปเอาทางฝั่งลาว เอามาให้แกจนได้ บางครั้งอาจารย์ก็พาเข้าไปแดนลับแลไปท่องเที่ยวแล้วกลับออกมาไปมาอย่างนี้หลายครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งอาจารย์ก็พาไปเอาประตูบ้านไม้สักที่เขาทำบ้านอยู่อาศัยได้ประมาณ 20 ปี รื้อมาทั้งวงกบเลย ไปขอซื้อเขาเท่าไหร่รู้ไหม ห้าหมื่น... พอรื้อออกมาได้สักสองเดือนค่อยเอามาคืนให้เขา ให้เงินเขาอีกห้าหมื่น นี่ก็ต้องไปหาเงินมาให้อาจารย์ ไม่มีหลวงพี่ก็ไปยืม ไปขอพี่สาว แล้วเงินตอนนั้นไปไหนต้องทำใจ สมัยก่อนนั่งเครื่องบินจากนครพนมเข้ากรุงเทพฯแค่ 830 บาทเอง นั่งจากนี่เข้าไปดอนเมือง ตีแท็กซี่จากแท็กซี่ลงไปจันทบุรี 1,200 บาท เล่นแบบนั้นเลย แต่ไม่มีเงินนะ ไป ทิ้งวัดไว้กับหมาอีก 10 ตัว สั่งโยมไว้ว่าอย่าบอกนะว่าหลวงพี่ออกไปข้างนอก ให้โยมมาจังหันเหมือนเดิม สวดมนต์เหมือนเดิม ก็เปิดศาลาเก่า เขาก็พากันมาถวายข้าวพระพุทธ กินข้าวกันเสร็จแล้วก็กลับ แล้วก็มีคนมาเฝ้าวัด ไปอยู่แบบนี้ 14 ปี มันเหมือนความผูกพันอะไรสักอย่างหลวงพี่มีความตั้งใจมุ่งมั่นจะเรียนอะไร จะทำอะไรต้องเอาได้ตราบที่มีลมหายใจ พอเรียนวิชาจากอาจารย์ได้สำเร็จตลอดระยะเวลา 14 ปีที่เรียนได้แล้วทุกวันนี้อาตมาก็น้อมเคารพอาจารย์แม้จะห่างกัน เรียนกับอาจารย์ตั้งแต่ท่านเป็นพระ จนสิกขาลาเพศ เรียนที่เดียวอาจารย์เดียว ใช้วิชาที่เรียนมาทำพระ เคยทำพระสมเด็จสองหน้าใช้พระธาตุสิวลีที่อาจารย์ให้สะสมไว้พร้อมกับผงว่าน 108 พอพุทธาภิเษกเสร็จเรียบร้อยก็เก็บไว้ข้างในนี้ก็ปรากฏขึ้นพระธาตุโด่งดังมีรายการพระมาทำข่าว ออกหนังสือพิมพ์ข่าวสด ได้เงินจากพระสมเด็จนี้แหละประมาณห้าหกล้านมาสร้างศาลาที่พักหลังนี้ (ดูรูปไปด้วยสัมภาษณ์ไปด้วย) อันนี้บนดอยภูพิง อาจารย์ไพโรจน์ เลยดอยภูพิงอีก 17 กิโลฯเลยวัง ถ้าหลวงพี่ไม่มาติดตรงที่ก่อสร้างนี้นะ ป่านนี้ก็ขึ้นนรก-สวรรค์ไปแล้ว จริง ๆ... แล้วเป็นคนไม่กลัวด้วย อยากทำอะไรก็ให้มันสุด ๆอาจจะเป็นเพราะเรามีกรรมสัมพันธ์กันก็ได้นะถึงได้มาอยู่ตรงนี้ ที่พักสงฆ์วัดไตรมิตร เดิมทีอาตมาบวชที่วัดดวงแข เพราะวัดนี้ไม่มีอะไร เป็นวัดของหลวงปู่ หลวงปู่บอกว่าสมัยก่อนวัดไตรภูมิ (วัดหลวงพระบางเก่า) ตลิ่งมันพังเข้ามา เขายังไม่ทำเขื่อน ก็เลยบอกว่าพวกมึงไม่หาที่ดินไว้วัดนี้ต่อไปไม่เหลือแล้ว ตลิ่งมันพัง จึงพากันมาซื้อที่ดินตรงนี้ 3 หมื่นกว่าบาทเอง เมื่อก่อนเป็นป่า ซื้อปี พ.ศ. 2509 ซื้อทิ้งไว้ เป็นที่นาด้วยป่าด้วย ต่อมาก็เป็นที่พำนัก มีศาลา ชาวบ้านก็มาเผาศพ มีแค่นั้น... ต่อมาตั้งเป็นวัดไตรภูมิและไตรมิตร ทิ้งไว้อย่างนั้น อาตมาก็เคยมาพัก มีศาลา มีพระมาอยู่ด้วย กำแพงอะไรก็ไม่มีหรอก ต้นไม้ที่มีก็มาปลูกใหม่หมด ต้นไม้นี่ปลูกเอง เริ่มทำมาเรื่อย ๆตั้งแต่ปี 2535-32538 เริ่มจริงๆจังๆ แต่ก่อนทำวัตร สวดมนต์ นั่งกรรมฐานกัน ปฏิบัติที่ไหนก็ทำไปมีศาลาเก่าๆหลังหนึ่ง ตกตอนเย็นสวดมนต์ทำวัตรแผ่เมตตาเสร็จก็เดินรอบบริเวณวัด บ่นให้ผีสางเทวดา ไอ้กูนี่ก็ทำวัดสวดมนต์กรวดน้ำอุทิศให้น้ำจะท่วมตายแล้วไม่ช่วยกันสร้างวัดสร้างวาเอาบุญเพิ่มหน่อยดอกหรือจะนอนกินบุญที่อุทิศอย่างเดียวบ้อพวกนี่ พอบ่นสักสองสามวันมามีเสี่ยถมดินมาถาม หลวงพี่เอาดินไหมผมขายถูกๆให้บ่อดินอยู่ใกล้ ไอ้ที่ถูกก็รถละสามร้อยแล้วสมัยนั้น หลวงพี่เลยตอบว่าเอา ถ้าเป็นเงินติดได้เพราะตอนนี้ยังไม่มีเงิน พอตก ลงได้ก็ถมเลยทีนี้ แต่ก่อนต่ำกว่าถนนมากมันเหมือนทุ่งนา เทเดินไปเกือบล้าน ขนาดตอนนั้นดินรถละ 300 ถมสูงเลย เจ้าที่เขาก็เก่งนะบอกหวยสามงวดติดได้เงินค่าถมดินจ่ายเขาหมด วัดนี้อาตมาเป็นคนสร้างเองกับมือจากผ้าป่า-กฐิน ผ้าป่า-กฐินหาเอง สมัยก่อนใช้โวหารเฉย ๆ พักหลังเรียนวิชากับอาจารย์กลับมาก็เริ่มเลยร้อนวิชากล่าวกับลูกศิษย์ มึงทำไหมวะ กูจะทำให้ กูเรียนวิชาตัวนี้...สุดยอด แบบนี้เลยนะ ไม่ใช่นั่งอยู่เฉย ๆ แล้วให้เขาโปรโมท ไม่...ลุยเลย ลุยทีนี้ช่วงนั้นมันได้สึนามิไง ก็ลงไปดูเลย ผีตามโรงแรมอะไรเยอะแยะ มีโรงแรมอยู่หาดสุรินทร์เขาให้ทำพิธีให้กิจการเริ่มดีขึ้นเขาถวายอาตมาสองล้าน แต่ว่าอาตมาเข้ากรุงเทพฯนี่นะอาบน้ำมนต์ ปลุกเสกเลขยันต์ ถอดถอนคุณไสยเก่ง... หรือว่าดวงเราก็ไม่รู้นะ หายกันเป็นแถบ ๆ มาติดตรงคณะสงฆ์วัดดวงแขเขาหาว่าอาตมาใช้เดรัจฉานวิชาหากินอยู่ในเขาไล่ขึ้นป้ายขึ้นบอร์ดว่า...พระซิง ธัมมทินโน เป็นพระจรจัด ไม่มีสถานที่เป็นหลักแหล่งแน่นอน ใช้เดรัจฉานวิชาอาบน้ำมนต์ ปลุกเสก โปรโมทตัวเองขึ้นมาหากิน อาตมาอยู่นี่มีพระอีกองค์ที่สนิทกันแจ้งว่า อาจารย์ที่วัดดวงแขขึ้นบอร์ดวันนี้เขียนว่าอาจารย์เป็นพระเร่ร่อน จรจัด เป็นพระไม่มีหลักแหล่ง ใช้เดรัจฉานวิชา... ขึ้นบอร์ดขนาดนี้เชียวหรือ อาตมานั่งเครื่องบินไปเลย พอไปถึงนั่งรอหน้ากุฏิเจ้าอาวาส ตี 5 พอเจอหน้าท่านก็คุมผ้าเข้ามาเลย บอกท่านครับว่าผมมานี่ผมมาด้วยธุระรีบร้อนมาก ขอถามอาจารย์หน่อยว่า ตัวหนังสือแผ่นนั้นใครเป็นคนเขียน พูดได้ยังไงว่าผมไม่มีหลักแหล่ง ใครเป็นคนเขียน ผมถาม... ผมอยู่วัดดวงแขนี่ 6 ปี ผมเคยทำอะไรวัดดวงแข ห้องส้วมเสียหายไหม มุ้งลวดเสียสักบานไหม ผมอยู่มา 6 ปี ผมสร้างไว้หมด ผมพาพระทาสีทั้งวัด วัดไม่มีเงินจ้างช่างมา ผมก็ขึ้นปีนป่ายพระสององค์ทาสีทั้งวัด ศาลาตั้ง 10 หลังผมทำไปเท่าไหร่ ได้เงินเป็นล้าน ๆ มีเงินจ่ายไหม ผมตากแดดตากอะไรทำให้ทุกอย่าง แล้ววัดอาจารย์อยู่ราชบุรีใครเป็นคนไปทาสีให้ ประตูหน้าต่าง แล้วทำไม... บุญเก่าที่ผมทำไว้ผมมาขอพึ่งใบบุญแค่นี้ไม่ได้เหรอ ทำไมต้องไล่ผมด้วย ผมสร้างอะไรให้ความเสียหายกับวัดนี้ เช้านั้นท่านไม่ออกไปบิณฑบาตเลย อาตมานั่งซัดแกอยู่อย่างนั้นเจ้าอาวาสเลยสรุปว่าวันนี้จะนัดประชุมแล้วกันนะท่านซิง เมื่อได้เวลานัดหมาย พอกราบพระเสร็จ...ผมขอนมัสการอาจารย์ทั้ง 5 ...มีอะไรก็ว่ามา ท่านซิงนะ เราก็บวชมาพร้อมกัน ตอนนี้ท่านซิงก็ต้องเข้าใจนะ ท่านซิงก็เป็นอาคันตุกะแล้วไม่เหมือนแต่ก่อน จะทำอะไรหรือพูดจาก็ให้เสียงค่อย ๆ หน่อย... แล้วเรื่องน้ำมนต์ ถ้าอาบน้ำมนต์ให้โยมมาเยอะ ๆ ก็มีข้างหลัง หลบมุมบ้างนะ ธรรมยุติเขาไม่ถือปฏิบัติกัน อาตมาก็บอกว่า อาจารย์ที่ผมมาทำนี่วัดดวงแขก็เริ่มมีแขกเข้ามา ตอนที่ผมมาอยู่ที่นี่ 4-5 เดือนวัดดวงแขก็เริ่มเป็นที่รู้จักต่อคนทั่วไป และที่กล่าวหาว่าผมใช้เดรัจฉานวิชานั้น วิชาที่ผมเรียนไม่ใช่เดรัจฉานวิชา มนต์ของผมผมขึ้นพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ แล้วมันมีหัวใจของมัน อาจารย์ทั้ง 5 นั่นละเรียนแต่มนต์พิธี แต่ผมเรียนในตำรา แล้วผมมีอาจารย์ อาจารย์หลักก็คือพระพุทธเจ้า แต่อาจารย์ลงมือที่ถ่ายทอดวิชานี้ ที่เรียกว่าธรรมให้กับผมก็อีกชั้นหนึ่ง เหมือนกับอาจารย์ไม่รู้จักสมาธิคืออะไร แล้วมนต์ของผมนั้น ผมจะสวดให้ฟังก็ได้ เวลาผมทำผมจะขึ้นพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ แล้วผมเปิดธรณีศาลเท่านั้นเอง ธรณีศาลนี้ก็คือล้างพวกเสนียดจัญไร ถ้าธรณีสารไม่ได้ผมจะเอาพระเวทย์ หัวใจพระเวทย์อีกที มันก็มีแค่นั้น แต่จิตสมาธิตรงที่เราพรมน้ำมนต์เรามีตัวเปิดอีกตัวหนึ่ง คือเปิดตัวให้เขาสว่าง ไล่เสนียดจัญไรออก แล้วค่อย ๆ เป่าให้เขา ผมเขียนยันต์ก็เหมือนกัน ของอาจารย์ก็ทำเป็นเหมือนกันแม้ไม่ได้เรียนมาเลย มีแต่แป้ง 1 2 3 4... ไม่รู้อะไร นั่นละตัวเองหลอกตัวเองยังไม่พอ ยังหลอกโยมเอาเงินเขาอีก เห็นเขาเจิมก็เจิม 1 2 3 4 ... แต่ผมของมีนะครับ แม้แต่แป้งก็ทำด้วยครู มีอักขระกี่ตัว ทุกอย่างผมทำได้หมด... ท่านก็บอกเอาละท่านซิงผมเข้าใจ แต่ขออย่าเสียงดังอยู่ในวัด แล้วก็อาบน้ำมนต์หลบหน่อย ไม่ได้ห้ามอะไรมากมาย เข้าใจว่าพระซิงเคยเป็นพระลูกวัดที่นี่ ถ้างั้นขอบพระคุณอาจารย์มากครับผมขอใช้บุญเก่าที่ผมเคยทำไว้ที่นี่ ผมมาขอพึ่งบารมีหาเงินไปสร้างโบสถ์ครับ ว่าง ๆ นิมนต์ไปดูไปเที่ยวครับที่วัดไตรมิตร อ.ท่าอุเทน นครพนมครับ อาตมาก็อาศัยตัวนี้แหละหาเงินสร้างโบสถ์สร้างวัด ช่วงนั้นก็ได้เงินเยอะ สร้างโบสถ์เอกลักษณ์หนึ่งเดียวหลวงปู่คำพันธ์เมตตาวางศิลาฤกษ์เมื่อปี 2538 หลังจากหลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ เมตตามาเป็นประธานวางศิลาฤกษ์ให้ปี 2538 ก็เริ่มทำมา เทรากฐานตอนสร้างโบสถ์หลังนี้ให้ มีเงินอยู่ 2 แสนเท่านั้นเอง อุปสรรคเยอะแต่ช่วงนั้นก็ได้เงินเยอะ หาคนเป็นงานมาทำให้ พอโครงสร้างเสร็จแล้วก็อยากทำโบสถ์ไม้ เมื่อ 4-5 ปีตอนหาซื้อไม้ ขับรถตระเวน เคยโดนหลอกไป 4 แสนบาทไม่ได้ไม้สักแผ่น ตัดสินใจไปเอง ทำหนังสือยื่นถึงผู้ว่าขอไปซื้อไม้ฝั่งโน้น ไปฝั่งโน้นมีเงินอยู่แสนเดียว ไปตัดไม้มะค่า ใหญ่... เสร็จเรียบร้อยตกกลางคืนก็นั่งกรรมฐานใส่ แผ่เมตตาให้ จะตัดแล้วเป็นยังไงถ้าไม่มีที่อยู่ก็ไปอยู่กับกู... มันบอกมันไม่ไปหรอก ให้ลูกสาวสองคน ไอ้บ้าเอ๊ยให้ลูกสาวได้ยังไง มึงให้ลูกชายกูเอา กูเป็นพระนะเว้ย กูอยากสร้างโบสถ์ให้เสร็จไปอยู่ด้วยกันก่อนตอนนี้กูไม่มีเงินนะ มันว่าไงรู้ไหม 548 ลอยมาให้เห็นเลย... ตื่นเช้ามานั่งคุยกับลูกศิษย์ที่ไปด้วย มันจะให้ลูกสาวกู กูไม่เอา มันเลยให้เลขกูเมื่อคืนนี้ เลขอะไรอาจารย์ 548.. ปรากฏหวยออก 348 ผิดแต่ตัวหน้า... แล้วก็มีงวด 2-3 ตามมาอีก 3 งวดได้เงินมา 3 ล้านกว่า โบสถ์หลังนี้โครงสร้างด้านนอกเป็นปูน ขนาดกว้างวัดรอบใน 6.5 เมตร คูณ 16 เมตร ด้านในจะเป็นไม้ผสมกันหลายชนิด เดิมตั้งใจใช้ไม้ชนิดเดียว มาคิดอีกที ใช้แต่ละจุดลดปริมาณในการหาไม้ชนิดเดียวได้และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่นไม้ประดู่ สัก ตะเคียน ไม้ตาลนี่จะหมดเป็นป่าแล้วหายากทำยากเนื้อแกร่ง ปูไม้เสร็จหมดแล้วก็จะติดไฟตรงกลางดวงหนึ่ง ก็คงหลายแสน ข้างนอกจะเป็นบัวของ ลูกผสมไทยเขมรกับอีสานล้านนา แล้วแต่ช่างจะวาดออกมาดูแต่ต้องบึกๆ ใหญ่ดิ้นพริ้ว ข้างนอกจะเป็นกำแพง ไม่สูงมาก สูงกว่ากำแพงแก้ว แล้วปูพื้นข้างนอก วางหินศาลาแลง วางเป็นแผ่น คิดว่างบประมาณต่ำสุดน่าจะ 5 ล้าน สูงสุดไม่เกิน 7 ล้าน ตอนนี้ให้ช่างเขาทำลายหน้าบรรณหน้า-หลังเขาตีให้ล้านหก ปูนปั้น ประตูหน้าเขาคิด 3 แสน เฉพาะบัว แล้วซุ้มประตูช่องละ 7 หมื่น แล้วพวกคันทวย บัวเสาก็จะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ประวัติหลวงพ่อน้ำของ พอไปเรียนจบอาจารย์ก็บอกว่าให้อาตมาไปหล่อพระพิมพ์ทางลาว เพราะทางอีสานไม่เคยเอาพระพื้นฐานของทางอีสานเลย มีแต่สุโขทัย อยุธยา พระพุทธชินราช อะไรอย่างนี้ ก็ถามว่าจะเอาแบบที่ไหน ท่านก็เลยบอกว่า...รัตนสุวารีโลกนาถเจ้า พอเสร็จเรียบร้อยก็ถามว่าให้ไปเอาที่ไหน ท่านบอกไปเอาที่วัดสาวเวียงทอง อยู่ที่เวียงจันทร์ ไป ๆ มา ๆ แกบอกว่าวัดสุคโตมีองค์ดำอยู่องค์หนึ่ง มีติดอยู่ที่ตู้ ไปถ่ายรูปองค์นี้ อันนี้พระองค์นี้แกไปถอดพิมพ์ แต่พระองค์นี้ของกรมศิลป์เขาไปเห็นแบบแล้วเขาอธิษฐานว่าเขาจะปั้นพระองค์นี้ถวาย ก็ไปถ่ายรูป ไปกันสองวันไปวัดดวงแข เหมารถไป ได้ช่างจากเมืองชลเขารับปาก เขาพาไป ไปสองวัน แต่ก็ไม่เจอก็เลยจะกลับ พอจะกลับก็แวะเข้าปั๊มเติมน้ำมันก็ไปเจอโยม โยมถามว่าอาจารย์มาจากไหนครับอาจารย์... อาตมามาจากท่าอุเทน จ.นครพนม จะไปหาวัดสุคโตไม่รู้อยู่ตรงไหน... อ้าว จะไปทำไม... ว่าจะไปขอถ่ายรูป เห็นว่ามีพระองค์หนึ่งอาจารย์อยู่กรมศิลป์แกปั้นไว้แล้วถวายไว้อยู่กลางป่า... เขาบอกก็พวกผมนี่ไงเป็นลูกศิษย์วัดสุคตโต อาจารย์ไปกับพวกผม เหมือนโชคเข้าข้างเทวดาดลใจ ขึ้นไปไปถ่ายรูปทำอะไรเสร็จเรียบร้อยกลับมา ยังไม่ทันไรช่างอยากได้เงินแล้ว แบบก็ยังไม่ได้ปั้นให้เลยจะเอาเงินแล้ว กลัวเป็นแบบหาไม้ก็เลยยกเลิกช่างนี้ อาตมาก็เลยเดินเข้าไปในวิมานเมฆเห็นเขาปั้นพระพิฆเณศ และมีคนบอกไปดูสิช่างปั้นอยู่ในนั้นเยอะแยะเลย ถามเขาดูว่าเขาจะปั้นให้หรือเปล่า อาตมาก็เข้าไป เขาบอกอาจารย์มาดูช่างปั้นเหรอ... อยากดูด้วย... อาจารย์จะปั้นอะไร... จะเททองพระ 92 นิ้ว พระพุทธรูป... อาจารย์มีเงินเท่าไหร่... อย่าเพิ่งคุยกันเลยเรื่องเงิน ไม่มี เดี๋ยวดูก่อน... คุยไปคุยมาเขาบอกว่าพวกผมไม่เคยปั้นมาก่อนนะพระใหญ่ขนาดนี้ แต่เคยปั้นพิฆเณศถวายพระเทพฯ ปั้นขนาดนี้ก็สวยแล้ว ชอบ... พอกลับมาที่วัดดวงแขเขาก็ตามมา เขาถามตอนนี้อาจารย์มีเงินอยู่เท่าไหร่... มีอยู่แสนกว่าบาท... อาจารย์เฉพาะทองนี่ก็ล่อไป 4-5 ตันแล้ว... อาจารย์กล้าให้เงินผมไหม ผมจะขึ้นแบบให้ก่อน... ตกลงราคากันก็เริ่มทำ ช่วงนั้นก็มีเงินเข้ามาเรื่อย ๆ ตอนหลังช่างเริ่มมีปัญหา แบบก็ไม่เสร็จสักที ทะเลาะกัน สุดท้ายพอได้ฤกษ์ยาม อาตมาก็ไปนิมนต์พระเพื่อนมาไม่มีเงินถวายก็ไม่มีปัญหา ทำอยู่ 7 วันเคลียร์กันอยู่ตรงโบสถ์นั้น โยมก็มาเต็ม ฉลองกัน แม่พิมพ์ก็มาตั้ง ทีมงานเขามาประมาณ 10 คน เขาให้หาไม้มาสองคันรถสิบล้อ เงินก็ไม่มี ยืมลูกหลานพี่น้องคนรู้จักทุกคนใครไม่ยืมขู่เลยชาตินี้ไม่ต้องคบกัน เอาขนาดนั้น เมื่อตั้งใจแล้วใครขวางหน้าไม่ได้เด็ดขาด พี่น้องก็พี่น้องเถอะ ถ้าไม่ช่วยแล้วอย่าหวังว่าจะได้เมตตา ประกาศเลย ก็มีลูกศิษย์มาช่วย วันนั้นเขาบอกว่า หลวงพี่เตรียมได้เลยได้ฤกษ์ละ พรุ่งนี้แน่นอน เพราะควันเริ่มขาวแล้ว พอควันขาวสายสิญจน์ก็เสร็จเรียบร้อย ธงก็โบกสะบัด ที่ผู้ว่าฯ ที่รองผู้ว่าฯ นายอำเภอ ท่านเจ้าคุณฯเรียบร้อยเลย เตรียมงานอย่างดีลมมันมาได้ยังไงก็ไม่รู้ เป็นพายุเลย มันมาจากเวียดนามแดงก่ำโผล่มาทางนี้ขึ้นฝั่งโขงมาก็ซัดเลย เขาบอกจุดธูปขอสิอาจารย์ซิง เราบอกไม่ต้องจุดแล้ว ตัวใครตัวมันเลยมันมาขนาดนี้ มาเริ่มแรกธงสายสิญจน์ล้มระเนระนาดไปหมด ธงชาติธงธรรมจักร ทีนี้มันยกเต้นท์ลอยข้ามต้นไม้เลยเลย ตัวใครตัวมันวิ่งกันอุตลุด อาตมาก็เข้าไปในห้องเลย หมดแล้วชีวิตกู... ถ้าเบ้าล้มอีก ตั้งสติได้ทีนี้ยืนพูดเลย มึงเล่นกับกูมึงเล่นให้พอนะ กูไม่มีอะไรแล้วในชีวิตกู ไม่มีอะไรเหลือแล้ว กูตั้งใจขนาดนี้พวกมึงยังเล่นกูขนาดนี้ เอาสิถ้ามึงยังไม่หยุดก่อนตี 3 กูจะไม่ให้มึงพวกมึงเห็นหน้าแล้วก็จะไม่มาเหยียบที่นี่อีกเลยตลอดชีวิตกูนี้ ประมาณ 5.20 นาที เงียบกริบ... อาตมาเปิดประตูออกมา มันหายไปไหนหมด เงียบ... โยมก็ไม่มี ได้ยินแต่เสียงซุบซิบ ๆไม่มีใครกล้าเรียก อาตมาก็เดินย่องเข้าไปในศาลา เปิดไฟ เปิดเครื่องเสียง พอเครื่องเสียงติดเสียบไมค์ประกาศเลย...พระที่นิมนต์มาจากต่างจังหวัด 20 กว่าองค์นั้นลงมาเดี๋ยวนี้เลย... แล้วก็จัดการซะองค์ไหนที่เป็นสายสิญจน์ก็ดูสายสิญจน์ องค์ไหนทำธงได้ก็ทำ องค์ไหนทำอะไรได้...ห้ามถามกูเป็นเด็ดขาด ทำให้เหมือนเดิมให้กูหน่อย ห้ามเรียกกูเด็ดขาด ใครทำให้กูไม่เสร็จในระหว่าง 2 ชั่วโมงนี้นะ... แล้วอย่าให้กูเห็นตื่นเช้ามา กูขอร้องเถอะ ตอนนี้กูกราบตีนทางไมค์ไว้ก่อน ช่วยกูหน่อย... โอ้โห 2 ชั่วโมงไฟฟ้าสว่างจ้าทั่ววัด... คนเก็บก็เก็บ พวกชาวบ้านที่อยู่ก็ช่วยกัน ธงโบกสะบัด 6 โมงเช้าเครื่องบวงสรวงออก พญานาคขนาดยังไม่ตั้งนะ ถ้าตั้งแล้วหลวงพี่ยิ่งเจ๊งใหญ่เลย เครื่องบายศรีทำกัน 7 วัน 7 คืน 20 กว่าคนทำ ถ้าจ้างเขา 3 แสนไม่อยู่ นี่ขึ้นอย่างอลังการเลยชุด 9 พญานาค 9 หัว พญานาค 9 ตัวยังไม่พอ พญานาคนอนพานอีกตัว ต้นกล้วยที่ไหนตัดเป็นป่าเลย คือช่วงนั้นที่ทำมันมาแบบใครขวางไม่ได้ ทุกวันนี้ก็ยังเสร็จก็เสร็จ ไม่เสร็จกูก็เสร็จ คือมันหมดแรงเลย อาตมาเดินไม่ได้เป็นเดือน ๆ นะ จู่ ๆ มันก็ขึ้นมานั่งภาวนาอยู่...สงสัยมันจะให้กูตายละมัง กูไม่ยอมหรอก ภาระกูยังมี ขอให้กูสร้างให้เสร็จก่อน... แล้วอยู่ ๆ ก็เดินได้ มีหลายอย่างที่กรรมฐานช่วยได้เวลาไม่สบาย มีลูกศิษย์อยู่โคราชที่เคยป่วยก็หายไปคนหนึ่ง เวลาจะไปรักษาทำหรืออะไร หลวงพี่ก็เอาพระพุทธเจ้านั่นรักษา นั่งกรรมฐาน 3 วัน ดูให้ตามตำราที่ครูบาอาจารย์สอนแล้วแผ่เมตตาให้ จนทุกวันนี้เขาหายจากอาการป่วยเป็นปกติ ปวารณาถวายปัจจัยมาให้เดือนละ 3 พัน ๆ ค่าน้ำค่าไฟ ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ เจ้าแม่ตะเคียนทอง ตะเคียนผุดที่ใหญ่ที่ใหญ่สุดในประเทศไทยเมื่อก่อนออกพรรษาปี 2552 อาตมาได้นอนฝันไปว่ามีช้างตัวใหญ่มาวิ่งเล่นในวัดแล้วก็นอนลงหน้าโบสถ์ ตื่นมาก็ไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจอะไรมากนัก สักพักก็มีชาวประมงมาบอกว่าลากอวนเจอไม้ตะเคียนลอยน้ำมาอยากได้ไหม เลยลองไปดูโอ้โฮ้ เจ้าพ่อเจ้าแม่ไม้ วัดเส้นรอบได้ 6.80 เมตร วัดความยาวได้ 16 เมตร จึงขอซื้อเขาในราคา 70,000 บาท ชักลากขึ้นมาไว้หน้าโบสถ์ตามฝัน ตอนนั้นไม่คิดอะไรมากตัดเป็นท่อนจะสร้างโบสถ์อย่างเดียว เหลือไว้ท่อนเดียวที่เห็นจะเอาไว้ทำแม่ตะเคียนตามที่สัญญากับเขาไว้ ตั้งเเต่มีคนมาได้มามีคนมาขอหวยถูกกันเยอะ จนได้ออกข่าว “ วันที่ 25 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลที่อุโบสถวัดไตรมิตร อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ประชาชนกว่า 200 คนที่มาร่วมงาน แห่รุมขอเลขเด็ดจากต้นตะเคียนยักษ์ 6 คนโอบ อายุ 2,000 ปี สูง 2 ม. เส้นรอบวง 6.8 ม. ซึ่งไหลตามน้ำโขงมาถึงหน้าวัดตั้งแต่ปีที่แล้ว ที่ผ่านมามีญาติโยมมาเล่าให้ฟังว่าถูกหวยหลายงวดติดกัน ส่วนที่ร่ำลือกันระหว่างทำพิธีมีเลขเด็ดปรากฏออกมา อยากเตือนสติญาติโยมว่าอย่างมงายมากจนเกินไป” สหธรรมิก อาจารย์สอน หรือพระสอนนี่เป็นสหายธรรมที่รู้จักกันองค์นี้เก่ง แต่ต้องตามใจถ้าไม่ตามใจก็จะหนีไปแบกกลดขึ้นบ่าไปเลยห้ามถามห้ามเรียกด้วย เดินธุดงค์ค่อนประเทศเก่งสารพัดศึกษามากอายุไม่มาก ก็อยู่กันแบบสบายใจ คือพูดกันไม่มีคำโต้แย้ง แล้วเขาก็ไม่เอาอะไรเลยชีวิต แต่เก่งนะ รักษาคนเรื่องยาถ้าพูดถูกคอก็ทำให้ ถ้าไม่ถูกคอก็อยู่อย่างนั้นแหละ องค์นี่ถ้าเชื่อนะถ้าพูดอะไรจะทำอะไรก็ทำแบบง่าย ๆ หลวงพี่เจ็บท้องมา 10 กว่าปี พอถึงบ่าย 3 โมงปุ๊บเอาละ... ต้องกลั้นลมหายใจ เขาบอกผมทำยาให้แล้วท่านซิงจะกินไหม ท่านก็เห็นว่าผมทรมานขนาดไหน ยาทุกอย่างกินมาหมดแล้ว ถ้ากินต้องมีพิธีทำพิธีกราบดินกราบหญ้ากราบรากไม้อยู่นั่นแหละ ทำให้จนหายมาทุกวันนี้ มาคิดอีกทีเขาลดมานะลดทิฐิ และให้มีความเชื่อมั่นในครูเพราะเป็นเพื่อนกันมันเชื่อยาก แล้วท่านมียากินข้าวไม่ได้ ก็ทำขึ้น ปลุกเสก ยามีครู ท่านเก่ง ยันต์ต่างๆหลวงพี่เขียนไม่สวย พักหลังนี่ได้องค์นี้แหละเขียน ทำทีไม่ใช่น้อย ๆ ท่านจัดการหมด ทำออกมาขายดิบขายดี เรื่องพิธีกรรมต่าง ๆ มาเถอะ งานใหญ่แค่ไหน เจ้าพิธีกรรม ถ้าบอกว่าทำแล้วต้องทำให้สุด ๆ เต็มที่ ทำครึ่ง ๆ กลาง ๆ เราเรียนมาก็คาใจ ได้ไม่ได้ช่างหัวมัน ศึกษาเพิ่มเติมฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ วัดพระธาตุมหาชัย นครพนม หลวงปู่สวน ฉันทโร วัดนาอุดม จังหวัดอุบลราชธานี หลวงปู่คำบุ คุตฺตจิตฺโต วัดกุดชมพู หลวงปู่อ่อง ฐิตธัมโม วัดสิงหาญ จังหวัดอุบลราชธานี หลวงพ่อหนุน สุวิชฺชโย วัดพุทธโมกข์ สกลนครราวปี 2538- 2540 ได้ติดตามหลวงพ่อหนุนเข้ามาที่โลกทิพย์โลกลี้ลับก็หลายครั้ง ตอนเริ่มต้นหาเงินสร้างโบสถ์ช่วงนั้นก็ใช้วิชาที่อาจารย์ท่านพร่ำสอนมาเท่าไหร่ก็งัดออกมาใช้ประกาศตัวไปไปรักษาโยม โยมก็เหมือนกัน พอใกล้ตายเขาก็มาหาเรา เราก็วิ่งรอก จากภูเก็ต เชียงใหม่ กรุงเทพฯ 3 งานวันเดียว เที่ยงคืนเสร็จเลยได้มาเท่าไหร่ปรับที่ถมดิน ทำกำแพงรอบวัด เทคานรากฐานสร้างโบสถ์ ฝากดวงแก้วกับแม่ธรณี. ลูกแก้วนี้หมายถึงเราไปเปิดแม่ธรณี ใจของเราก็เปรียบเหมือนลูกแก้วเอาลงไปให้พระแม่ธรณีรักษา เราก็ไม่มีอะไร ไม่ต้องคิดอะไร เว้นอยู่อย่างเดียว ไปขอหวยไม่ได้ แล้วก็สองผัวเมียทะเลาะกันไม่ได้ วิธีทำ... ลงพานบายศรี ลูกแก้วใส แล้วก็มียันต์ผ้าขาวผ้าแดง มีแก้วน้ำมีฝา ธูป แล้วก็สวดแม่ธรณี ลูกแก้วนี้อยู่ที่เราจะเอาลูกใหญ่แค่ไหนก็ได้การจะปลูกบ้านใหม่ ขึ้นบ้านใหม่อย่างนี้หรือบ้านที่อยู่แล้ว อย่างโยมมานิมนต์บอกว่ารู้สึกบ้านจะมีเจ้าที่ดุร้ายหรืออย่างไรอยู่แล้วร้อนครอบครัวทะเลาะกันมีปัญหาเรื่องเงินทองติดๆขัดๆลูกน้องทะเลาะกันขัดแย้งในองค์กรหน่วยงาน ก็จะใช้ลูกแก้วลงไปให้แม่ธรณีดูแลเรา เมื่อพิจารณาดูแล้วหลวงพี่จะถามว่าโยมกล้าขุดกลางบ้านไหมล่ะ วัดเป็นกากบาท เสร็จแล้วก็ขุดให้ 30x30 แต่ข้างล่างให้ได้ 60 จะมีลูกแก้วอยู่ลูกหนึ่ง แล้วแต่... จะมีพานรัตนโกสินทร์ พานเทียนแพ น้ำ 2 แก้ว พวงมาลัย ใต้ก้นหลุมก็จะมียันต์เจ้าที่ ยันต์ธรณีแล้วก็มีลิ่มเงินลิ่มทอง วางลง เสร็จแล้วก็นั่งสวด อธิษฐานให้ท่านดูแล บางคนก็วันเดียว ถ้าคนไหนนั่งปฏิบัติจะเห็นรัศมีลูกแก้วขึ้นมา ตอนนั้นอาตมาเปิดให้เขาหมดเลย วิชานี้สุดยอดเลย เรียนมาจากอาจารย์ที่ท่านสอน (พาเดินดูห้องพระ) ตำราเยอะที่ห้อง นี่สิวลึงค์เขี้ยวแก้ว มีพระที่ทำเก็บเยอะ มีทั้งพระปิดตา สมเด็จสองหน้า ขึ้นมาเป็นพระธาตุองค์ละหลายพันจะเอาไว้บรรจุโบสถ์ อย่างพระใบลานองค์นี้ แสนหนึ่งก็หาไม่ได้แล้ว ตอนนั้นมีอยู่ 200 กว่าองค์อาตมาทำ ใช้มวลสารเยอะ พระปิดตาหนุนดวง ตำราเป็นของอาจารย์ที่ท่านสอนมาสำหรับทำค้ำดวงชะตาหนุนดวงชะตาทำยากมาเพราะต้องใช้วิธีกรรมและขั้นตอนแต่ละบุคคลเพราะดวงใครดวงมัน ใช้ผ้า 5 ผืน ลงยันต์เป็นตัวเลข พุทธคุณทั้ง 9 เราก็ลงเลข 9 ลงฐานค้ำชีวิต ใช้ไม้คูณไม้ยอ ที่มีอยู่ในตำรา อันหนึ่งตกหมื่นกว่าบาท นพเก้าอยู่ข้างใน ตอนนั้นอาตมาทำได้เพราะรู้จักโยมคนหนึ่งพ่อเขา มีนพเก้าเยอะ ไม่งั้นเราซื้อนพเก้าชุดหนึ่ง 6-7 พัน แต่ก็ได้มาเยอะอยู่ ทำให้สำหรับผู้ที่อยากจะทำจริงๆเท่านั้น ธรรมะส่งท้าย อาตมาเกิดที่นี่แม้จะไปเติบใหญ่มาจากที่อื่นแต่ไม่เคยลืมแผ่นดินที่บรรพบุรุษได้อยู่อาศัยไม่เคยลืมแผ่นดินเกิดพัฒนาเพื่อบ้านเกิด และ ความนอบน้อมความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ที่ให้ความรู้ที่ให้วิชามาเปรียบเสมือนรวงข้าวที่ดูดดื่มอาหารจากดินจนเติบใหญ่เมื่อรวงข้าวอุดมสมบูรณ์ก็ก้มมองดินที่ให้ถิ่นที่เราให้เติบใหญ่ ข้อคิดจากอาจารย์ซิง ธัมมะทินโน หากทำอะไรด้วยความตั้งใจแล้ว ชีวิตย่อมมีวันสำเร็จ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2014
  2. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,294
    ค่าพลัง:
    +19,459
    เปิดจองเหรียญ รุ่น ๑ พระอาจารย์ซิง ธมฺมทินโน วัดไตรมิตร อ.ท่าอุเทน จ. นครพนม

    รายการที่เปิดจอง

    1. พระสังกัยจายน์ล้มลุก เนื้อสำริค สร้าง 1,999 องค์
    บูชา 100 บ. ค่าส่ง 50บ.

    2. เหรียญ รุ่น ๑ เนื้อทองคำ สร้างตามจองไม่เกิน 9 เหรียญ
    บูชา 35,000 บ.
    จัดส่งอีเอ็มเอสประกันวงเงิน 35,000บ. ค่าส่ง 400 บ.

    3.
    เหรียญ รุ่น ๑ เนื้อเงินหน้าทองคำ สร้าง 63 เหรียญ
    บูชา 3,500 บ. ค่าส่ง 50บ.


    4. เหรียญ รุ่น ๑ เนื้อเงิน สร้าง 163 เหรียญ
    บูชา 1,500 บ. ค่าส่ง 50บ.


    5. เหรียญ รุ่น ๑ เนื้อนวะโลหะหน้าทองคำ สร้าง 63 เหรียญ
    บูชา 2,500 บ. ค่าส่ง 50บ.

    6. เหรียญ รุ่น ๑ เนื้อนวะโลหะ สร้าง 599 เหรียญ
    บูชา 600 บ. ค่าส่ง 50บ.


    7. เหรียญ รุ่น ๑ เนื้อสำริคขันลงหิน สร้าง 1,999 เหรียญ
    บูชา 300 บ. ค่าส่ง 50บ.

    8. เหรียญ รุ่น ๑ เนื้อทองทิพย์ สร้าง 2,990 เหรียญ
    บูชา 200 บ. ค่าส่ง 50บ.


    9. เหรียญ รุ่น ๑ เนื้อทองแดงรมดำ สร้าง 2,990 เหรียญ
    บูชา 200 บ. ค่าส่ง 50บ.


    10 เหรียญ รุ่น ๑ ชุดกรรมการอุปถัมภ์ สร้าง 63 ชุด 1 ชุดมี 6 รายการ 5 เหรียญ 5 องค์ คือ
    เนื้อเงินหลังเรียบหน้าทองคำ 1 เหรียญ , เนื้อนวะโลหะหลังเรียบหน้าทองคำ 1 เหรียญ , เนื้อสำริคขันลงหินหลังเรียบหน้าเงิน 1 เหรียญ ,เนื้อทองทิพย์หลังเรียบหน้าเงิน 1 เหรียญ ,เนื้อทองแดงรมดำหลังเรียบหน้าเงิน 1 เหรียญ, พระสังกัยจายน์ล้มลุก เนื้อสำริค 5 องค์ (ตอกโค๊ดกรรมการ)
    บูชา 6,000 บ. ค่าส่ง 100บ.

    เปิดจอง 17 พฤษภาคม 2557 ถึงปิดจองและชำระเงินครั้งสุดท้าย วันที่ 28 พฤษภาคม 2557 รับวัตถุมงคล ได้ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นไป

    * วัตถุมงคลตอกโค๊ดตอกหมายเลขทุกองค์ทุกเหรียญ*

    **พิธีพุทธภิเษก
    วันที่ 29 พฤษภาคม 2557**

    ครูบาอาจารย์ร่วมปลุกเสก มีดังนี้...
    1.หลวงปู่อ่อง ฐิตธัมโม วัดสิงหาญ จ. อุบลฯ
    2.หลวงปู่คำพันธ์ วัดหนองสร้าง จ. สกลนคร
    3.หลวงพ่อหนุน วัดพุทธโมกข์
    จ. สกลนคร
    4.พระอาจารย์บุญอุ้ม วัดป่าโพนแพง จ. นครพนม
    5.
    พระอาจารย์กันหา วัดถ้ำคิ้ว จ. นครพนม
    6.พระอาจารย์ซิง วัดไตรมิตร จ. นครพนม
    7.พระอาจารย์รุ่งอนันต์ จ. ยโสธร
    8.พระอาจารย์รอด จ. ลพบุรี
    9.
    พระอาจารย์น้อย วัดภูผาม่าน จ. เลย

    บัญชี
    น.ส. ณปภัช นิธิบารมี
    ธ. กสิกรไทย 3612263387 สาขา พิบูลมังสาหาร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤษภาคม 2014
  3. lynn@nice

    lynn@nice เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    21,294
    ค่าพลัง:
    +19,459
    พิธีพุทธาภิเษกเหรียญรุ่นแรกพระอาจารย์ซิง วัดไตรมิตร อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ๒๙ พ.ค.๒๕๕๗
    เวลา ๐๖.๓๐ น. บรวงสร้างเทวดา โดยหลวงพ่อหนุน วัดพุทธโมกข์ จ.สกลนคร ตามสายวิชาหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
    เวลา ๐๙.๓๐ น. พระสงเจริญพุทธมนต์ ๙ รูป คือ
    ๑.พระบวรปริยัติกิจ รองเจ้าคณะจังหวัดนครพนม
    ๒.พระครูวิชิตพัฒนคุณ เจ้าคณะอำเภอเมือง จังหวัดนครพนม
    ๔.พระมหาสมัย เจ้าคณะอำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม
    ๕.พระครูสิริปุญญโสภณ รองเจ้าคณะอำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม
    ๖.พระครูพิพัฒน์สิริโพธิ วัดป่าโพธอ์ศรี จังหวัดนครพนม
    ๗.พระครูศรีปริยัติการ วัดโอกาศ จังหวัดนครพนม
    ๘.พระครูกิตติสุตานุยุต วัดมหาธาตุ จังหวัดนครพนม
    ๙.พระครูประทุมสิริวัฒน์ จังหวัดนครพนม
    เวลา ๑๑.๐๐ น. พระสงฆ์สวดบทตามกำลังวัน
    เวลา ๑๒.๓๐ น. พุทธาภิเษก ใช้เวลา เกือบ ๓ ชั่วโมง โดยสวดคาถาพุทธาภิเษก และคาถาอินทรวิเชียร
    พระสงฆ์สวดคาถาพุทธาภิเษก ๔ รูป คือ พระครูอุทัยปทุมาภรณ์ พระมหาพนม พระครูพุทธิสุตาภรณ์ พระครูสรธรรมวิจิตร
    พระเกจินั่งปรก คือ
    ๑.หลวงปู่อ่อง วัดสิงหาญ จ.อุบลฯ
    ๒.หลวงพ่อหนุน วัดพุทธโมกข์ จ.สกลนคร (ดับเทียนชัย)
    ๓.หลวงพ่อซิง ที่พักสงฆ์วัดไตรมิตร จ.นครพนม (จุดเทียนชัย)
    ๔.หลวงลุงกัณหา วัดถ้ำคิ้ว จ.นครพนม
    ๕.หลวงพ่อบุญอุ้ม วัดป่าโนนแพง จ.นครพนม
    ๖.หลวงพ่อไพบูรณ์ วัดชอรเชนเดช จ.ลพบุรี
    ๗.หลวงพ่อนัน วัดบึงพระโต จ.ยโสธร
    ๘.หลวงปู่คำพันธ์ วัดหนองบัวสร้าง จ.สกลนคร
    ๙.หลวงพ่อน้อย วัดถ้าเทพนิมิต จ.ขอนแก่น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...