ปาฏิหาริย์แห่ง"เขี้ยวเสือ" "พ่อปาน"อดีตเกจิฯวัดบางเ**้ย

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย guawn, 19 สิงหาคม 2006.

  1. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    คอลัมน์ มุมพระเก่า

    สรพล โศภิตกุล



    [​IMG] วัดมงคลโคธาวาส มีนามแต่ดั้งเดิมว่า "วัดบางเ**้ย" ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งแต่เดิมตำบลคลองด่าน อันเป็นตำบลเก่าที่ตั้งขึ้นมากว่า 100 ปี เรียกกันว่า "ตำบลบางเ**้ย"

    เนื่องจากสภาพพื้นที่มีความชุ่มชื้น มีสัตว์น้ำและป่าไม้อยู่เป็นจำนวนมาก จึงเป็นแหล่งอาศัยของ "ตัวเงินตัวทอง"

    ต่อมาเกิดภาวะสงคราม ทางทหารจึงได้ตั้งด่านขึ้น และแปรเปลี่ยนเป็นด่านศุลกากร จนภายหลังได้ยกเลิกด่านไป ชาวบ้านจึงเรียกว่า "คลองด่าน"
    <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=1><TBODY><TR bgColor=#ffe9ff><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    วัดมงคลโคธาวาส หรือที่ชาวบ้านเรียก "วัดบางเ**้ย" มีอดีตเจ้าอาวาสวัดผู้โด่งดังจาก "เขี้ยวเสือ" ที่ก่อปาฏิหาริย์มาแล้ว

    กล่าวคือ ใบกำกับวัตถุมงคลที่ทางวัดมงคลโคธาวาส ได้จัดพิธีปลุกเสกเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ.2527 ได้บันทึกถึงหลวงพ่อปานไว้ว่า

    ครั้งหนึ่งประตูน้ำคลองบางเ**้ย(ประตูชลหารวิจิตร) ปิดน้ำไม่อยู่ แม้ช่างจะซ่อมอย่างไรก็ชำรุดทุกปี ข้าราชการใหญ่น้อยจึงนำความกราบทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงทราบและโปรดเกล้าฯ เสด็จเยี่ยม <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=2><TBODY><TR bgColor=#ffffe8><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    พระองค์ได้เสด็จฯ มาประทับแรมอยู่ที่ประตูน้ำคลองบางเ**้ย 3 วัน และได้ทรงพระกรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามวัดบางเ**้ยนอก เป็นวัดมงคลโคธาวาส นับเป็นสิริมงคล อีกทั้งได้ทรงโปรดฯให้หลวงพ่อปานเข้าเฝ้าฯ

    ขณะที่หลวงพ่อปานเดินทางไปนั้น ได้ให้เด็กชายป๊อดถือพานใส่เขี้ยวเสือตามไปด้วย ขณะที่ข้ามประตูน้ำ เสือในพานได้กระโดดน้ำหนีไปหมด

    เมื่อถึงที่ประทับแล้ว หลวงพ่อปานได้เรียกเอาพานใส่เขี้ยวเสือ ปรากฏว่าในพานไม่มีเสือสักตัวเดียว

    เด็กชายป๊อดบอกว่า *****ระโดดน้ำหนีหมด หลวงพ่อจึงเอาเนื้อหมูเสียบไม้แล้วแกว่งล่อเสือขึ้นจากน้ำ

    สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงจึงทรงรับสั่งว่า "พอแล้วหลวงตา" และทรงเลื่อมใสในหลวงพ่อปานมาก จึงพระราชทานสมณศักดิ์ให้เป็นที่พระครูพิพัฒน์นิโรธกิจ

    ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

    ที่มานสพ.ข่าวสด
     
  2. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    [​IMG]กระนั้นคุณวิเศษแห่ง "เขี้ยวเสือ" ของหลวงพ่อปาน ได้รับการบันทึกในพระราชหัตถเลขาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่องเสด็จประพาสมณฑลปราจีนบุรี เมื่อ ร.ศ.127 (พ.ศ.2451) มีกล่าวถึงหลวงพ่อปาน ดังที่ได้เรียบเรียงจัดย่อหน้าใหม่เพื่อง่ายในการอ่าน ดังนี้

    "เวลาที่ว่างอยู่นั้น พวกราษฎรพากันอยากจะเห็น จึงออกไปให้เห็นและแจกเสมา พระครูปานมาหาด้วยพระครูปานรูปนี้เปนที่นิยมกันในทางวิปัสสนาและธุดงควัตร มีพระสงฆ์วัดต่างๆ ได้เดินธุดงค์ด้วยสองร้อยสามร้อย
    <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=1><TBODY><TR bgColor=#ffe9ff><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    แรกลงไปประชุมที่วัดบางเ**้ยมีสัปบุรุษที่ศรัทธาเลื่อมใสช่วยกันเลี้ยง กินน้ำจืดที่มีไว้เกือบจะหมดแล้วก็ออกเดิน ทางที่เดินนั้นลงไปบางปลาสร้อย แล้วจึงเวียนกลับขึ้นมาปราจีน นครนายก ไปพระบาท แล้วเดินลงมาทางสระบุรี ว่ามาตามทางรถไฟ แต่ไม่ขึ้นรถไฟ เว้นแต่พระที่เมื่อยล้าเจ็บไข้ ผ่านกรุงเทพฯ กลับลงไปบางเ**้ย

    ออกเดินอยู่ในแรมเดือนยี่ กลับไปวัดอยู่ในเดือนห้าเดือนหก ประพฤติเปนอาจิณวัตรเช่นนี้มา 40 ปี แล้ว <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=2><TBODY><TR bgColor=#ffffe8><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    คุณวิเศษที่คนเลื่อมใส คือ ให้ลงตะกรุดด้ายผูกมือรดน้ำมนต์ ที่นิยมกันมากนั้นคือรูปเสือแกะด้วยเขี้ยวเสือเล็กบ้างใหญ่บ้างฝีมือหยาบๆ ข่าวที่ล่ำรือกันว่า เสือนั้นเวลาจะปลุกเศกต้องใช้เนื้อหมูเศกเป่าไปยังไรเสือนั้นกระโดลงไปในเนื้อหมูได้

    ตัวพระครูเองเห็นจะได้ความลำบากเหน็ดเหนื่อยในการที่ใครๆ กวนให้ลงโน่นลงนี่ เขาว่าบางทีก็หนีไปอยู่ในป่าช้า ที่พระบาทก็หนีขึ้นไปอยู่เสียบนเขาโพธิ์ลังกา คนก็ยังตามขึ้นไปกวนไม่เปนอันหลับอันนอน แต่บริวารเห็นจะได้ผลประโยชน์ในการที่ทำอะไรๆ ขาย

    มีแกะรูปเสือเปนต้น ถ้าปกติราคาตัวละบาท เวลาแย่งชิงกันก็ขึ้นไปถึง 3 บาท ว่า 6 บาท ก็มี ได้เสือรูปนั้นแล้วจึงไปให้พระครูปลุกเศก สังเกตดูอัชฌาสัยก็เปนอย่างคนแก่ใจดีกิริยาเรียบร้อย อายุ 70 แล้วยังไม่แก่มาก รูปร่างล่ำสัน ใหญ่โต เปนคนพูดน้อย มีคนอื่นมาช่วยพูด"
     

แชร์หน้านี้

Loading...