ปลายฝนต้นหนาว เที่ยวผาชะนะได ละลานตากับธรรมชาติ ชมพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยาม

ในห้อง 'วัดและศาสนสถาน' ตั้งกระทู้โดย Wat Pa Gothenburg, 3 ธันวาคม 2008.

  1. Wat Pa Gothenburg

    Wat Pa Gothenburg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    920
    ค่าพลัง:
    +260
    ปลายฝนต้นหนาว เที่ยวผาชะนะได ละลานตากับธรรมชาติ ชมพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยาม
    <table width="100%"><tbody><tr><td>
    <table align="left" border="0" width="19%"> <tbody> <tr> <td>
    [​IMG]
    </td></tr></tbody></table> การเดินทางไปเยือนผาชนะได อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ซึ่งตั้งอยู่ในป่าดงนาทามภายในพื้นที่อุทยานแห่งชาติผาแต้มที่จะนำมาเล่าสู่ ท่านผู้อ่านในครั้งนี้ นับเป็นความประทับใจที่เกิดขึ้นจากการจัดทำโครงการ “เยาวชนพิทักษ์สิ่งแวดล้อม” ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี หรือ อบจ. ซึ่งมี นายพรชัย โควสุรัตน์ นายก อบจ. เป็นผู้นำทีมซึ่งประกอบด้วย นายสุทัศน์ เรืองศรี เลขานุการนายก อบจ.อุบลฯ เจ้าหน้าที่กองทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อบจ.อุบลฯ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม และเยาวชนจากโรงเรียนพิบูลมังสาหาร, ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนอำเภอโขงเจียม และศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนอำเภอศรีเมืองใหม่รวมกว่า 100 คน

    โดยทำการบุกตะลุยป่าดงนาทามเพื่อพิชิตยอดผาชนะได แหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อว่ามีพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยาม ซึ่งระหว่างทางนอกจากจะได้สัมผัสและดื่มด่ำกับธรรมชาติ แมกไม้ ป่าเขา ต้นน้ำลำธารที่สวยงามอย่างใกล้ชิดแล้ว ยังได้ใกล้ชิดกับดอกไม้ป่าที่หาดูได้ยากหลากชนิด น่าตื่นตาตื่นใจ แถมด้วยน้ำตก และจุดชมวิวอีกหลายแห่ง โขดหินที่สวยงาม อลังการ ปนความน่าเกรงขามตามแบบฉบับของภูผา
    ขณะที่การมุ่งหน้าสู่ผาชนะได สถานที่ชมพระอาทิตย์ก่อนใครในสยามครั้งนี้ นายพรชัย โควสุรัตน์ นายก อบจ.อุบลฯ ซึ่งเป็นผู้นำทีม กล่าวว่า การเดินทางครั้งนี้ถือเป็นการเดินทางเข้าป่าเพื่อศึกษาธรรมชาติ พิชิตยอดผาชนะได พักแรมเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยาม ตามโครงการ“เยาวชนพิทักษ์สิ่งแวดล้อม” ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานีหวังที่จะถ่ายทอดความรู้ด้านการ บริหารจัดการสิ่งแวดล้อมให้แก่เยาวชนได้รับรู้และเข้าใจ โดยเน้นให้เห็นถึงความสำคัญของปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เกิดขึ้นกับ บุคลากรที่จะเป็นอนาคตที่สำคัญของชาติในภายภาคหน้า
    <table border="0" width="100%"> <tbody> <tr> <td>[​IMG]</td> <td>
    [​IMG]
    </td></tr></tbody></table>

    ทั้งนี้จากการเดินทางแม้ระยะทางจากจุดเริ่มต้นที่ทุกคนมารวมกัน ณ บริเวณวัดถ้ำปาฏิหาริย์ก่อนเดินเท้าขึ้นสู่ยอดผาชนะได และบางส่วนที่ต้องขนสัมภาระต้องใช้รถโฟร์วิลขนขึ้น แม้การเดินทางจะต้องอาศัยความอดทนสูง และความเหน็ดเหนื่อยด้วยระยะทางราว 14 ก.ม. แต่ระหว่างทางก็นับว่าทุกคนได้รับความคุ้มค่า ที่ชีวิตนี้หลายคนอาจไม่มีโอกาสได้สัมผัสถึงความเหน็ดเหนื่อยแต่เปี่ยมล้น ด้วยความสุขทางใจที่ได้ชื่นชมกับธรรมชาติที่สวยสดงดงาม โดยเฉพาะช่วงการเดินทางที่เรียกได้ว่าเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว ซึ่งจะมีทั้งดอกไม้ป่า แมกไม้ และต้นไม้ พืชพรรณธรรมชาติที่หาดูได้ยาก ทำให้เกิดความรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจได้ตลอดการเดินทาง และที่น่าจะทับใจอีกอย่างก็คือการเชยชมน้ำตกใสและเย็นสบาย ที่ทำให้ทุกคนที่เหนื่อยจากการเดินทางหายจากอาการเหน็ดเหนื่อยได้ทันทีที่ ได้จุ่มเท้าลงแช่
    ส่วนการเดินทางครั้งนี้นอกจากคณะเดินทางซึ่งนำโดยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ ผาแต้มจะได้ให้ความรู้แก่เยาวชนเกี่ยวกับพันธุ์ไม้ป่าชนิดต่างๆ แล้ว ยังได้ทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น การปลูกป่าและสร้างฝายต้นน้ำลำธาร หรือฝายแม้ว เพื่อเป็นการกักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งและเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญ ให้กับประชากรที่อยู่ตลอดสายน้ำอีกด้วย
    <table border="0" width="100%"> <tbody> <tr> <td>[​IMG]</td> <td>
    [​IMG]
    </td></tr></tbody></table>

    <table align="right" border="0" width="19%"> <tbody> <tr> <td>[​IMG]</td></tr></tbody></table> ด้าน น.ส. อุบลวรรณ เนตรสง่า อายุ 24 ปี หนึ่งในผู้ร่วมเดินทางในครั้งนี้ กล่าวว่า ตนเพิ่งเคยขึ้นผาชนะได และศึกษาธรรมชาติในป่าดงนาทามเป็นครั้งแรก ยอมรับว่าการเดินทางเหนื่อยก็จริง แต่รู้สึกประทับใจในความสวยงามของธรรมชาติตลอดเส้นทาง กระทั่งถึงผาชนะได ซึ่งหากจะไล่จากจุดเริ่มต้นได้แก่ วัดถ้ำปาฏิหาริย์ ทั้งคณะได้ทำการไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคล ขณะที่วัดแห่งนี้มีถ้ำปาฏิหาริย์ ซึ่งมีตำนานเก่าแก่ที่ล่ำลือกันมาช้านาน มีความลึกลับฟังแล้วน่าสนใจ ที่สำคัญว่ากันว่าบริเวณถ้ำที่วัดแห่งนี้มีเส้นที่สามารถเดินลัดไปยังประเทศ ลาวได้เพียงแต่นักท่องเที่ยวทั่วไปไม่มีใครกล้าพิสูจน์ ส่วนพอออกจากวัดระหว่างทางก็ได้พบกับธรรมชาติ ป่าไม้ โขดหิน น้ำตก และดอกไม้ทั้งเล็กและใหญ่ กระจุ๋มกระจิ๋ม รวมทั้งกล้วยไม้ป่า และพืชพรรณธรรมชาติที่หลากหลาย บอกได้ถึงความละลานตา และช่วงปลายฝนต้นหนาวเป็นช่วงที่สามารถดื่มด่ำธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด
    อย่างไรก็ตามจากข้อมูลของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ระบุว่า ระยะทางขึ้นประมาณ 14 ก.ม. การเดินเท้ากับการใช้รถระยะเวลาการเดินทางลัดแทบไม่หนีกัน โดยหากนักท่องเที่ยวที่ไม่แข็งแรงนักก็สามารถเดินทางโดยรถโฟร์วิลได้ เพียงแต่โอกาสจะได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติก็อาจจะน้อยกว่าผู้ที่เดินเท้าไปหน่อย เท่านั้นเอง น.ส.อุบลวรรณ เล่าว่า ชอบใจที่สุดคือน้ำตกและตอนพระอาทิตย์ขึ้นในช่วงเช้าตรู่ เพราะบ่งบอกถึงความเป็นธรรมชาติผิดกับชีวิตที่อยู่ในตัวเมืองอย่างลิบลับ บรรยากาศเย็นๆ จากหมอกในตอนเช้าทำให้เย็นสบายค่อนไปทางอากาศเย็น ระหว่างที่รอชมพระอาทิตย์ซึ่งจะขึ้นในทางประเทศลาวซึ่งมีทะเลหมอกคั่น ระหว่างลำน้ำโขง ทำให้ผู้ที่นั่งอยู่บนยอดผามีความรู้สึกเหมือนอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้า กระทั่งพระอาทิตย์โผล่พ้นภูเขาและเริ่มสาดแสงออกมาทะเลหมอกที่เป็นชั้นหนา จึงค่อยๆ กระจายตัวออกให้เห็นแม่น้ำซึ่งกั้นอยู่ระหว่างสองประเทศ นับเป็นบรรยากาศที่ติดตาตรึงใจและเป็นการดื่มด่ำกับธรรมชาติที่คุ้มค่าที่ สุดเท่าที่เคยสัมผัสมา
    นอกจากนี้น้ำตกในบริเวณผาชนะได ที่ประกอบด้วยเถาวัลย์จากพืชหายาก เช่น ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง ยังทำให้เกิดความประทับใจอย่างยิ่ง ดังนั้นแม้การเดินทางขึ้นสู่ผาชนะไดจะเหนื่อยยาก แต่สำหรับตัวเองแล้วรู้สึกถึงความคุ้มค่า และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้ไม่เคยสัมผัสน่าจะลองพิสูจน์ดู โดยเฉพาะหากมีโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะเดินทางไปสู่ผาชนะไดแล้ว ก็ไม่อยากให้ท่านพลาดเพราะคุณจะได้พบกับความหัศจรรย์ของธรรมชาติที่จะสร้าง ความประทับใจคุณอย่างไม่รู้ลืมเหมือนที่พวกเราได้ไปสัมผัสมาแล้ว
    <table border="0" width="100%"> <tbody> <tr> <td>[​IMG]</td> <td>
    [​IMG]
    </td></tr></tbody></table>
    นายมิตรชัย สายงาม เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ อุทยานแห่งชาติผาแต้ม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า ช่วงที่การท่องเที่ยวผาชนะไดสวยงามที่สุดคือช่วงปลายฝนต้นหนาว หรือประมาณปลายเดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ เนื่องจากเป็นฤดูกาลที่หมดฝนและอากาศเริ่มเย็นทำให้มีดอกไม้นานาชนิดออกดอก บานสะพรั่ง และมีน้ำตกที่สวยงามจากน้ำฝนที่ตกเต็มที่ โดยการเดินทางเพื่อมุ่งสู่ผาชนะไดสามารถเดินทางได้สะดวกใน 3 เส้นทางคือ
    เส้นทางแรก เริ่มจากวัดถ้ำปาฏิหาริย์ เส้นทางนี้จะผ่านน้ำตกกรีช ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดเล็ก ผ่านหินเต่าชมจันทร์ ซึ่งเป็นลานหินประติมากรรมหินทรายที่เกิดตามธรรมชาติ มีลักษณะคล้ายเต่าหันไปทางทิศตะวันออก และหลังจากเดินทางไปอีกสักระยะจะผ่านตาน้ำ ซึ่งเป็นจุดที่น้ำใต้ดินผุดขึ้นจากแผ่นดิน ต่อจากนั้นจะพบกับทุ่งหญ้า ลานดอกไม้ และพะลานหินถ้ำไฮตามลำดับ ซึ่งระหว่างนี้นักท่องเที่ยวจะเพลิดเพลินตา เพลิดเพลินใจกับดอกหญ้านานาชนิด ทั้งสร้อยสุวรรณา ดุสิตา จากนั้นเดินทางต่อไปจะพบกับเสาเฉลียงคู่ ซึ่งเป็นจุดชมวิวสามารถดูพระอาทิตย์ตกได้อย่างสวยงามอีกแห่งหนึ่ง ต่อจากนั้นจะพบกับโง่นแต้ม ซึ่งเป็นก้อนหินที่มีภาพเขียนยุคเดียวกับภาพเขียนสีที่ปรากฏบนผาแต้ม ถัดไปจึงเป็นจุดชมวิวซึ่งเรียกว่าเนินสนสองใบ ซึ่งเป็นจุดที่มีความพิเศษเนื่องจากโดยปกติสนภูเขามักจะเกิดขึ้นในจุดที่สูง กว่าระดับน้ำทะเล 700 เมตรขึ้นไป แต่เนินสนสองใบที่นี่สามารถเกิดขึ้นได้เพียงระดับความสูงเหนือระดับน้ำทะเล ประมาณ 400 เมตรเท่านั้น และเมื่อผ่านไปนี้ไปอีกไม่นานก็จะถึงน้ำตกห้วยพอก ซึ่งเท่ากับถึงจุดหมายปลายทางผาชนะไดเป็นที่เรียบร้อย โดยเส้นทางนี้จะระยะการเดินทางประมาณ 9 ก.ม.
    ส่วนเส้นทางที่ 2 ระยะทางประมาณ 18 ก.ม. จะเริ่มจากบริเวณจุดชมเถาวัลย์ยักษ์ ในเขตพื้นที่ ต.นาโพธิ์กลาง โดยหากนักท่องเที่ยวเลือกเส้นทางนี้ตลอดระยะการเดินทางก็จะเห็นทิวทัศน์ของ ลำน้ำโขงและแมกไม้ป่าตลอดการเดินทาง นอกจากนี้จะพบภูจ้อมก้อม หินโยกมหัศจรรย์ซึ่งเป็นหินขนาด 50 ตันที่สามารถโยกได้ จากนั้นจะไปบรรจบกับเส้นทางที่หนึ่งที่บริเวณเนินสนสองใบเพื่อชมธรรมชาติต้น สนภูเขาที่สวยงามหาชมยาก
    ขณะที่เส้นทางที่ 3 เริ่มจากบ้านปากลา ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางเส้นนี้จะพบกับความท้าทายในการเดินป่าและขึ้น เขาที่ต้องผ่านช่องเขาและผาสูง จากนั้นจะพบจุดท่องเที่ยวที่สำคัญ ได้แก่ น้ำตกกวางโตน ถัดจากนี้จะเป็นพะลานหินแตก ซึ่งจุดนี้จะมีทะเลหมอก สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นได้สวยงามอีกจุดหนึ่ง จากนั้นจะพบกับผากำปั่น ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับผาชนะได และเมื่อเดินต่อไปก็จะถึงลานที่พักน้ำตกห้วยพอกซึ่งก็คือบริเวณผาชนะไดนั่น เอง โดยระยะทางในการใช้เส้นทางนี้ประมาณ 6-7 ก.ม.เท่านั้น
    <table border="0" width="100%"> <tbody> <tr> <td>[​IMG]</td> <td>
    [​IMG]
    </td></tr></tbody></table>
    นายมิตรชัย กล่าวว่า กรณีที่นักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นสู่ผาชนะไดหากไม่เดินชมธรรมชาติก็สามารถ ขึ้นโดยใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อหรือโฟร์วิล แต่ตนเห็นว่าน่าจะเดินเท้ามากกว่าเนื่องจากจะมีโอกาสชมและใกล้ชิดกับ ธรรมชาติมากกว่าและเป็นการให้กำไรชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งเป็นลักษณะการ ผจญภัยในธรรมชาติ โดยหากถึงผาชนะไดแล้วก็สามารถกางเต้นพักแรมโดยเต้นที่นักท่องเที่ยวเตรียมมา เอง ขณะที่บนผาชนะไดจะมีอาคารจำนวน 1 อาคาร ขนาดกว้าง 24 เมตรx 12 เมตร ยกพื้นสูงประมาณ 1 เมตร ซึ่งเป็นอาคารที่เจ้าหน้าที่อุทยานใช้เป็นสถานที่ให้ข้อมูลและบริการนักท่อง เที่ยวแต่ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวพักค้างแรมบนอาคาร นอกจากนี้ห้องน้ำเพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวอีก 8 ห้อง ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวสะดวกมากยิ่งขึ้น ส่วนสถานที่ตั้งแคมป์ของนักท่องเที่ยวบนผาชนะไดจะสามารถจุได้เต็มที่ราว 500 คน
    ซึ่งบริเวณผาชนะไดที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 440 เมตร นอกจากจะสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยามได้อย่างสวยงามแล้ว ยังมีทะเลหมอกที่อยู่ระหว่างกลางลำน้ำโขงที่สวยงามอันจะสร้างความประทับใจ ให้แก่นักท่องเที่ยวก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 05.00 น. เป็นต้นไป ดังนั้นจึงเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้มาเยือนผาชนะไดซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว ตะวันออกสุดของไทยที่เป็นดินแดนอันมหัศจรรย์อีกแห่งหนึ่งของประเทศ
    <table border="0" cellspacing="10" width="100%"> <tbody> <tr> <td>
    [​IMG]
    </td> <td>
    [​IMG]
    </td></tr> <tr> <td>
    [​IMG]
    </td> <td>
    [​IMG]
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr> <tr><td align="right"> [​IMG]</td></tr></tbody></table>
     

แชร์หน้านี้

Loading...