ปริศนา "ZERO POINT"... แหล่งพลังงานแห่งการดำรงอยู่ของสรรพสิ่ง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย kindred, 4 มกราคม 2010.

  1. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    กระทู้นี้ ตั้งขึ้นเพื่อ เป็นกระทู้แนวร่วมต่อเนื่องจาก กระทู้ดังต่อไปนี้

    http://palungjit.org/posts/2788906

    ซึ่งจะพยายามรวบรวมข้อมูล ของพลังงาน ZERO POINT
    จะเห็นว่าแนวทางของกระทู้ดังกล่าว มีวัตถุประสงค์ ที่เกี่ยวข้องกับ
    การยกระดับ(ascension)เข้าสู่ยุค พลังงานใหม่

    อันที่จริงแล้ว พลังงานที่ว่า มีอยู่แล้ว ในจักรวาล และในตัวมนุษย์
    การรวบรวมข้อมูลดังต่อไปนี้ จึงเป็นการนำข้อมูลมาพิจารณาและทำความเข้าใจร่วมกัน
    ถึงพลังงานจริงๆที่ใช้ในการยกระดับ หรือ รู้ถึงที่มาของพลังงานนี้

    กระทู้แนวร่วมลักษณะนี้ จะมีขึ้น อีกหลายกระทู้
    ที่มีข้อมูลสนับสนุนและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และทะยอยออกมาเป็นระยะ

    ผู้โพสต์ มิได้มีความรู้ หรือเชี่ยวชาญแตกฉาน ในเรื่องวิทยาศาสตร์เหล่านี้ แต่อย่างใด
    เพียงนำสิ่งที่คิดว่า น่าจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ มาสื่อสารต่อเท่านั้น

    เพราะฉะนั้น คงไม่สามารถ ไขข้อข้องใจใดๆ จากข้อมูลเหล่านี้ ได้ทั้งหมด
    โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยค่ะ

    แหล่งที่มา หลัก...Zero Point Crystalinks
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2010
  2. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    Zero Point
    ที่มา...Zero Point Crystalinks

    <v:shapetype class="inlineimg" id="_x0000_t75" title="Tongue out" alt="" border="0" src="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" smilieid="24" v:shapetype="" o=""><>[​IMG]</v:shapetype>

    ภาพจาก...Zero Point Crystalinks

    อนุภาคในกล่อง หรือ ตัวแกว่งกวัดฮาร์มอนิกเชิงควอนตัม(the quantum harmonic oscillator)
    ในระบบกลศาสตร์ควอนตัม ตามหลักของฟิสิกส์ดั้งเดิม
    พลังงานในระดับต่ำสุดเท่าที่สามารถจะเป็นไปได้ เรียกว่า พลังงานในจุดศูนย์( zero-point)

    พลังงานจลน์ของอนุภาค หรือพลังงานจลน์ของตัวกวัดแกว่งฮาร์มอนิก (harmonic oscillator)
    อาจจะเท่ากับ 0 ได้ ถ้าความเร็วของมันเป็น 0

    หลักความไม่แน่นอนของกลศาสตร์ควอนตัม บอกเป็นนัยให้เราทราบว่า
    หากเราวัดความเร็วของมันได้ค่าที่แน่นอนเท่ากับศูนย์พอดี
    ความไม่แน่นอนของตำแหน่งของมันจะมีค่าเป็นอนันต์
    ซึ่งกรณีนี้ จะไปละเมิดเงื่อนไขที่ว่า อนุภาคจะต้องยังคงอยู่ในกล่องนั้น
    หรือในกรณีของตัวกวัดแกว่งฮาร์มอน ก็จะเป็นการทำให้เกิดพลังงานศักย์ใหม่ขึ้น
    เพื่อหลีกเลี่ยงข้อขัดแย้งนี้ กลศาสตร์ควอนตัมจึงกำหนดว่าความเร็วต่ำสุด
    จะไม่สามารถเท่ากับศูนย์ได้ และ เพราะด้วยเหตุนี้ พลังงานต่ำสุด จึงไม่สามารถเท่ากับศูนย์ได้

    พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า zero-point มีอยู่จริงหรือไม่? และถ้ามีอยู่จริง ,
    จะมีการใช้งานในทางปฏิบัติได้หรือไม่ และ จะมีความสัมพันธ์กับพลังงานมืด อื่นๆ หรือเปล่า?
    พื้นฐานของทฤษฎีพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า zero-point นั้นชัดเจน


    Sciama (1991) ระบุว่า:

    แม้แต่ในสภาวะที่มีพลังงานต่ำสุด หรือในสถานะพื้น (ground state) ของมัน
    ระบบควอนตัมใดๆก็ยังมีความผันผวน และพลังงานที่จุดศูนย์ (zero-point energy) ที่เกี่ยวข้องอยู่
    เพราะว่าถ้าไม่เช่นนั้นแล้ว หลักความไม่แน่นอนของมันก็จะถูกละเมิด
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสภาวะสุญญากาศของสนามควอนตัมก็ยิ่งพบคุณสมบัตินี้
    ตัวอย่างเช่น ในสุญญากาศของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า
    สนามไฟฟ้าและสนามแม่เหล็ก จะมีปริมาณที่ผันผวนมาก

    ปรากฏการณ์คาซิเมียร์(Casimir Effect

    เป็นปรากฏการณ์ที่ทำนายไว้โดย เฮนริก คาร์ซิเมียร์ (H.B.G. Casimir)
    และได้ถูกนำมาใช้ ในการศึกษาเกี่ยวกับสุญญากาศ ในควอนตัมฟิสิกส์

    ความว่างเปล่าอย่างสุญญากาศ ทำให้เกิดพลังงานได้
    โดยเมื่อนำแผ่นตัวนำ ที่ไม่มีประจุขนาดใหญ่ 2 แผ่นมาวางไว้ใกล้กันในสุญญากาศ
    จะพบว่ามีแรงดึงดูดแผ่นทั้งสอง ให้เคลื่อนเข้าหากันได้ ทั้งๆ ที่ไม่มีประจุไฟฟ้าหรืออนุภาคใดอยู่เลย
    โดยแรงดึงดูดที่เกิดขึ้น ระหว่างแผ่นทั้งสองขึ้น มีสาเหตุมาจากสถานะสุญญากาศ ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
    ซึ่งอยู่รอบๆ แผ่นตัวนำทั้งสอง เนื่องจากว่าแผ่นทั้งสองอยู่ชิดกันมาก

    จนทำให้ช่องว่างระหว่างแผ่น มีแต่คลื่นสุญญากาศ ที่เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
    ความถี่สั้นๆ เท่านั้น ในขณะที่ ด้านนอกแผ่นตัวนำทั้งสอง มีสถานะสุญญากาศ
    ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ทุกความยาวคลื่น ทำให้ด้านนอกแผ่นตัวนำ
    มีแรงดันมากกว่าแรงดัน ที่อยู่ระหว่างแผ่น จึงทำให้เกิดการบีบแผ่นตัวนำ ทั้งสองเข้าหากัน

    โดยเรียกปรากฏการณ์นี้ ว่าการสั่นทางควอนตัม(quantum fluctuation)
    เป็นตัวอย่างของ one-loop effect
    ในพลศาสตร์ไฟฟ้าเชิงควอนตัม( electrodynamics)—
    การศึกษาว่าด้วยปฏิกิริยาสัมพันธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้าและพลังแม่เหล็กไฟฟ้า

    ปรากฏการณ์คาซิเมียร์ สร้างความตื่นเต้น ให้กับวงการฟิสิกส์ยุคใหม่เป็นอย่างมาก
    เพราะอาจนำไปสู่การค้นพบคำตอบ เกี่ยวกับการขยายตัวของจักรวาล และการมีอยู่ของพลังงานมืด (dark energy)

    ยิ่งไปกว่านั้น ยังพบด้วยว่า อสมมาตรในสนามพลังจุดศูนย์ที่ปรากฏขึ้นด้วยความเร่ง
    อาจเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติที่แน่นอนของความเฉื่อย ความโน้มถ่วง และ หลักแห่งความสมมูลของ
    Haisch , Rueda and Puthoff (1994); Rueda and Haisch (1998); Rueda and Haisch (2005)
    <o></o>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2010
  3. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    คุณสมบัติ
    ในท้ายที่สุดนี้ ความเข้าใจที่ลึกซึ้ง อาจเกิดขึ้นจากความชัดเจนในคุณสมบัติพิเศษของ ควอนตั้ม
    (การทดลองเรื่องทวิภาพของคลื่นและอนุภาค=Compton wavelength ค่าความยาวคลื่นของคลื่นสสาร (matter wave)
    คำนวณได้จาก = h/p โดยที่ คือความยาวคลื่น h คือค่าคงตัวของพลังและ p โมเมนตัมของสสาร=de Broglie wavelength, การปั่น=spin)

    และ ทฤษฎีสัมพันธภาพ (E=mc2) ถ้ามันพิสูจน์ได้ถึง กรณีความผันแปร ของ zero-point
    ที่เกิดปฎิกิริยา กับ สารเฉพาะอย่าง ซึ่งปรากฏขึ้น ในเหตุการณ์ที่เหนือธรรมชาติ
    โดยErwin Schrödinger ซึ่งรู้จักกันในชื่อ ทฤษฎี zitterbewegung
    (Haisch และ Rueda 2000; Haisch, Rueda
    และ Dobyns 2001; Nickisch และ Mollere 2002)

    ความเป็นไปได้ที่น่าสนใจ ถัดมา คือ งานแรกที่จะต้องทำ
    เพื่อจะสืบค้นให้เกิดความชัดเจน และวัดค่าพลังงาน zero-point ให้ได้
    เหมือนเช่น ในการทดลองของ Casimir ที่ Forward (1984) สามารถทำได้
    ในกฎการวัดค่าพลังงาน ที่อาจจะบอกลักษณะจำเพาะที่มีอยู่จริงของพลังงาน zero-point

    มีคำอธิบายที่เป็นทางเลือก แหล่งที่มาเกี่ยวข้อง กับ การทำปฎิริยากันของแหล่งควอนตั้ม
    ในสถานที่ๆมี พลังงานจริงๆของ zero-point

    เพื่อไม่ให้คำอธิบายนี้เกิดความคลุมเครือ
    ดังนั้น ต้องทำการทดสอบ คิดค้นวิธีที่จะสามารถ วัดค่าพลังงานของ zero-point ได้จริงๆ <o></o>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2010
  4. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    Zero Point
    [​IMG]

    การตระหนักรู้ คงอยู่ ในการทดลองทางโลกที่เสมือนจริง
    ในที่ๆ จิตวิญญาณ เข้าสู่การมีประสบการณ์บนเวลาที่เป็นเส้นตรง
    พร้อมกับ อารมณ์ ความรู้สึก ความเป็นจริง นั้นเป็นเรื่องโกหก เป็นค่าตัวเลข

    และเป็น ฉากของการอุปมาอุปไมย ที่จัดทำขึ้นในการเคลื่อนไหว
    พื่อให้จิตวิญญาณ ได้มีประสบการณ์ บนเวลาที่เป็นเส้นตรง
    จงตระหนักว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง เสมือน การอุปมา เพื่อ ความจริงที่ยิ่งใหญ่กว่า
    <o>
    กลุ่มดาวคู่, การรวมกันของ Zero Point (Zero Point Merge)

    การบิดเกลียวของ DNA

    การตั้งโปรแกรมพันธุกรรม ใน DNA ของพวกเรา
    เพื่อให้จำได้ถึงการทดลองทั้งหมดของซีโร่พอยน์( Zero Point EXperiment = ZPE )

    เรามีชีวิตอยู่เพื่อ การค้นหา/สืบหา ความจริงของพวกเราว่า เราคือใคร และ ทำไมเราจึงมาอยู่ ณ ที่นี่

    --------------------------------------------------------------------------------------
    [​IMG]

    การผสานรวมกันของ พลังงานใน Zero Point เป็นการเข้ามารวมตัวกันของ
    สสารและปฏิสสาร (matter and antimatter)
    (การกลับขั้วPole Shiftของการตระหนักรู้ ในมนุษยชาติ ผ่านทะลุเวลาทีหมุนวนเป็นเกลียว)
    ที่ตำแหน่งของจิตวิญญาณ ซึ่งประกอบไปด้วยคลื่นพลังงานในระดับเดียวกัน

    การกลับขั้ว ของการตระหนักรู้ เกิดขึ้น เมื่อ ความตรงกันข้ามของสนามพลังงานของพวกเราผสานรวมกัน
    และเคลื่อนย้ายไป ทฤษฎ๊ การกลับขั้วแม่เหล็ก Pole Shift Theoriesและอภิปรัชญา<o></o>

    จุดศูนย์ , 'O'ทรงกลมของการสร้างสรรค์

    911 อ้างอิงถึง – กราวน์ซีโร่ด้วย !!
    (Ground 0!...ตำแหน่งที่ถูกระเบิดทำลาย
    ในที่นี่ อ้างอิงถึง การก่อวินาศกรรมที่ตึกเวิร์ดเทรด และอื่นๆ ในช่วงนั้นๆ...ผู้แปล)
    9=จุดจบ,
    11=ตึกแฝด

    มีบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวข้องกับ เมืองนิวยอร์ก และจุดตะแกรง นั่นคือ สะพานเวอร์ราซาโน่(Verrazano Bridge)
    ไปถึง ภูเขาแคทสกิล( Catskill Mountains) อยู่ที่รัฐทางเหนือของ นิวยอร์ก

    สิ่งเหล่านี้เป็นกุญแจไขปริศนา ซึ่งเชื่อมต่อไปยังโปรแกรม มาโซนิก
    ( Masonic Program ...เกี่ยวกับองค์กรลับระหว่างประเทศที่ช่วยเหลือกัน..ผู้แปล )
    เป็นประสบการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น [Ma= แม่,เกี่ยวกับเพศหญิง และ 'Sonic'= ถูกสร้าง จากโทน หรือ เสียง]

    กราวน์ ซีโร่ คือ จิตสำนึกรู้ของ Zero Point โปรแกรม นั้นจบลง ในระยะเวลาอันสั้น ที่ นิวยอร์ก<o></o>

    เสียงของจิตวิญญาณที่ออกจากร่างกาย คือ'thuup'
    (จะมีเสียงดังในอากาศเกิดขึ้น เมื่อฉนวน ที่หุ้มลวดไฟฟ้า
    ถูกลอกออกอย่างรวดเร็วมันมีเสียงเหมือน “เสียงดีดนิ้ว” )<o></o>

    เสียง ที่ได้ยิน เมื่อ เปิดผนึกสูญญกาศ ขึ้น ผนึกที่ถูกบัดกรี Zero Point
    ผนึกต้องถูกเปิด เพื่อปลดปล่อยจิตวิญญาณ<o></o>

    ผนึกที่ถูกบัดกรี ผนึกที่ถูกปิดมิดชิดสมบูรณ์ จนอากาศเข้าไปไม่ได้
    ไม่ถูกกระทบกระเทือนจากการแทรกแซงจากอิทธิพลภายนอก<o></o>
    <o>
    </o>
    </o>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2010
  5. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    Terence McKenna

    [​IMG]

    ภาพจาก...welcome to MIQEL.com - Your Favorite Source of Random Informationmckenna.jpg

    Terence McKenna (16 พฤศจิกายน 1964 - 3 เมษายน 2000)
    นักเขียน,นักปรัชญา และ นักพฤกษศาสตร์พื้นบ้าน(ethnobotanist)
    เขาได้ทำการจดบันทึก และวิเคราะห์ เรื่องการใช้ยาหลอนประสาท(ยาเสพติด)
    เป็นสารซึ่งสกัดมาจากพืชที่มีผลหลอนประสาท (plant-based hallucinogens)
    และประเด็นความผันผวน จากความเชื่อในเกี่ยวกับเรื่องหมอผีหรือคนทรงเจ้า
    การพัฒนาจิตสำนึกของมนุษย์ และ ทฤษฎี โนเวลตี้ - คลื่นพลังงานเทียบกับเวลา
    : ซีโร่พอยน์(Time Wave: Zero Point)<o></o>

    ทฤษฏีสภาพความใหม่ (Novelty Theory) เป็นคาดคะเน การไหลกลับ และการไหลไป ของ “สภาพความใหม่”
    (Novelty…ซึ่งมีนิยามว่าเป็นการเพิ่มขึ้นของความเชื่อมโยงระหว่างกันและกันของสิ่ง ต่างๆ ในเอกภพ...ผู้แปล)
    ที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติ McKenna ได้พัฒนาทฤษฎีนี้ ขึ้นกลางปี 1970

    หลังจากการทดลอง ที่ La Chorrera ในอเมซอน
    ชักนำให้เขาเข้ามาศึกษาเรื่องราวการจัดลำดับเหตุการณ์ของ King Wen ในคัมภีร์อี้จิงอย่างใกล้ชิด



    ทฤษฎีโนเวลตี้ ครอบคลุม ในเรื่องของ การศึกษาเกี่ยวกับการดำรงอยู่ ความไร้กรอบ(extropy)

    และการศึกษาพฤกษศาสตร์พื้นบ้าน ทฤษฎีเสนอข้อคิดเห็น
    ว่าจักรวาลเป็นเครื่องจักรสำหรับออกแบบ ผลผลิต
    และการมีอยู่ของ“สภาพความใหม่” ในข้อความบางตอน ของทฤษฎีโนเวลตี้
    ให้แนวความคิดเรื่อง“สภาพความใหม่” หรือ สภาพที่ไร้กรอบ
    (เงื่อนไขของเหรียญที่มีสองด้าน โดย MaxMore :extropy
    มีความหมายถึง ด้านที่ตรงกันข้าม ของ ความมีกรอบ...entropy)

    ตามคำกล่าวอ้างของ McKenna, เมือ นำเอาค่าสภาพความใหม่ (Novelty)
    มาพล็อตเป็นกราฟเทียบกับเวลา, รูปร่างของคลื่นที่กระจัดกระจายไร้ระเบียบ
    ซึ่งรู้จักกันดีในนามว่า คลื่นพลังงานที่สัมพันธ์กับเวลาจุด0("timewave zero")
    หรือเรียกง่ายๆว่าผลของ พลังงานที่สัมพันธ์กับเวลา("timewave")
    กราฟแสดงให้เห็นถึงช่วงเวลา แต่ไม่เคยแสดงตำแหน่ง ค่าสภาพความใหม่ ให้ผลในทางเพิ่มขึ้น หรือ ลดลง

    การพิจารณาบางอย่าง โดย การจำลองเหตุการณ์สำคัญที่สุดทางประวัติศาสตร์
    ระบบการวิเคราะห์แยกแยะการทำงานเป็นขั้นเป็นตอน เรียงกันไปตามลำดับ ของจักรวาล(universal algorithm)
    ได้ถูกขยายผลให้เป็น แบบจำลองสำหรับเหตุการณ์ในอนาคตด้วย

    McKenna ยอมรับถึงสิ่งที่คาดหมายไว้ กับ " สภาวะเอกฐาน ของสภาพความใหม่ " (singularity of novelty)
    และนั่นทำให้เขาและผู้ร่วมงาน จัดทำโครงการ เวลาที่พุ่งเข้าหาอนาคตจำนวนหลายร้อยปี
    เพื่อที่จะค้นหาว่า เมื่อไหร่ที่ สภาวะเอกฐาน นี้ (จะหลีกหนี "ความใหม่" หรือ extropy) จะเกิดขึ้น.
    กราฟของ extropy มีความผันแปรขึ้นๆลงๆ อย่างมโหฬาร ภายใน 25000 ปี,
    แต่ที่มหัศจรรย์คือ, มันมีจุดตัดเป็นเส้นตรงที่พุ่งสูงสุดเป็นอนันต์ ในวันที่ 21 ธันวาคม 2012 จริงๆ

    (หมายความว่า ค่าที่เห็นเป็นอนันต์นี้ ไม่สามรถหาจุดที่สูงสุดได้และ
    ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึง ประมาณการณ์ ได้ว่า อาจจะเกิดเหตุการณ์ แปลกประหลาด
    มหัศจรรย์ อย่างคาดไม่ถึง ซึ่ง ตรงกับเวลา ในวันที่ 21/12/2012...ผู้แปล)

    กล่าวได้อีกอย่างหนึ่ง ว่าเอนโทรปี นี้
    (หรือ habituation…พฤติกรรมที่ไม่แสดงอาการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่กระตุ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก.)
    ไม่เหลืออยู่อีกต่อไปหลังจากวันนั้น มันเป็นไปได้ในการอธิบายสถานการณ์นี้ แนวคิดทางเทคโนโลยี่

    สภาวะเอกฐาน ได้เปรียบเทียบสิ่งนี้ให้เห็น, เพียงวันที่อย่างคร่าวๆ 3 ทศวรรษหลังจากนี้
    ส่วนแนวคิดอื่น ของผู้ชำนาญระดับแนวหน้า เช่น Ray Kurzweil
    เรียกสภาวะนี้ว่า สภาวะเอกฐานทางวัฒนธรรม
    (การสลายตัวทางวัฒนธรรมที่จำเป็น, หรือ ภาษาที่สลายไป
    ...อาจหมายถึง การสิ้นสุดยุค...ผู้แปล),
    เป็นการเปรียบเทียบสิ่งนี้ได้อย่างดี

    McKenna อ้างว่า ไม่มีแหล่งความรู้ใดที่เกี่ยวข้องกับการสิ้นสุดลงในวันเดียวกัน
    กับใน ปฏิทินมายัน เหมือนอย่างกับกราฟของ Timewave วันที่ 21/12/2012<o></o>


    <o>
    </o>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2010
  6. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    Terence McKenna -Timewave Zero



    [​IMG]



    กราฟแสดงให้เห็น ถึงช่วงเวลา แต่ไม่สามารถระบุตำแหน่ง ว่าสภาพความใหม่ กำลังเพิ่มขึ้น หรือ ลดลง


    “ทฤษฎีสภาพความใหม่” (Novelty Theory )เป็นแนวคิด ที่มาจาก การถกเถียงกันในเรื่องความยาวของเส้น

    ทฤษฎีโนเวลที'เกี่ยวข้องกับ การศึกษาเกี่ยวกับการดำรงอยู่,การเปลี่ยนแปลงเป็นขั้นๆ
    ในระยะที่มีการเจริญเติบโต และ คำสอนในศาสนาที่เกี่ยวกับวิญญาณของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับความตาย
    การพิพากษานรกสวรรค์ ที่พยายาม คาดการณ์การไหลไปมา ของสภาพความใหม่ ในจักรวาล
    ที่เป็น คุณลักษณะทางธรรมชาติของเวลาสภาพความใหม่

    ในเนื้อหาแต่ละตอนให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับ สภาพความใหม่, สภาวะที่เกิดความซับซ้อน
    และ การเปลี่ยนแปลงของอำนาจหรือแรงเคลื่อนที่ ซึ่ง คัดค้านการหยุดนิ่งของความเคยชินที่เป็นนิสัย(การที่ไม่มีอะไร ที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ การยึดมั่นและถือมั่น จึงเป็นไปไม่ได้...ผู้แปล)<o></o>

    เมื่อ สภาพความใหม่ ถูกบันทึกเป็นกราฟเทียบลงบนเวลา
    รูปร่างของคลื่น เป็นเศษส่วนแตกกระจายไม่รู้จบซึ่งรู้จักกันในนามว่า คลื่นพลังงานที่สัมพันธ์กับเวลาณ จุด0(Timewave Zero) หรือที่เรียกกันง่ายๆว่า ผลกระทบของคลื่นพลังงาน(Timewave Result)

    ถึงตอนนี้เขาก็ได้ค้นพบ สิ่งที่เชื่อมต่อไปยัง ปฏิทินมายัน และวันที่ 21/12/2012

    คณิตศาสตร์ การจัดลำดับของเหตุการณ์ ถูกบันทึกเป็นกราฟ
    ตามหลักการจัดอัตราส่วนทางคณิตศาสตร์ และ การแตกขยายเศษส่วนของธรรมชาติ
    เช่นเดียวกับ การเรโซแนนท์

    (resonances...คือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อใส่พลังงานให้กับวัตถุ
    จะทำให้วัตถุสั่นด้วยความถี่ธรรมชาติ ถ้าความถี่ของพลังงานที่ให้แก่วัตถุมีความถี่
    เท่ากับความถี่ของการสั่นตามธรรมชาติของวัตถุนั้น เป็นผลทำให้วัตถุนั้น
    รับพลังงานรับพลังงานเข้าไปได้ดีที่สุด
    จึงทำให้วัตถุนั้นสั่นด้วยแอมปลิจูดที่มากขึ้น การสั่นจะรุนแรงมากขึ้น)

    แม้ว่า มันจะไม่มีสูตรจริงๆให้ยึดจับ ก่อนที่จะมีบทความวิจารณ์ของนักคณิตศาสตร์ ชื่อ Mathew Watkins
    McKenna แปลความหมาย การแตกขยายเศษส่วนของธรรมชาติ และการเรโซแนท์ ของคลื่น

    เช่นเดียวกับ ประวัติศาสตร์ การรังสรรค์แผนการของคัมภีร์อี้จิง
    ที่แสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์ หนึ่งๆ ในหลายๆเหตุการณ์
    มีเวลาและเรื่องราวที่ซ้ำๆ เกี่ยวโยงถึงเหตุการณ์ในเวลาอื่น<o></o>

    ขณะที่ ทฤษฎี ของ McKenna แหล่งที่มาและเหตุผลดั้งเดิม ของเขา
    ไม่เคยได้รับการตีพิมพ์ประกาศ ลงในวารสารทางวิชาการใดๆ
    ที่มีบทวิจารณ์ของบุคคลในระดับเดียวกันศาสตราจารย์ทางคณิตศาสตร์ และนักวิทยาศาสตร์

    ได้พิจารณาว่า มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอิทธิพลจำนวนตัวเลขมากกว่าและเป็นคณิตศาสตร์
    ทฤษฎีนี้จึงไม่ได้รับการรับรองและยอมรับมากนักในทางวิทยาศาสตร์

    แม้ว่า McKenna จะได้รับการวิจารณ์ที่รุนแรง
    แต่ในสิ่งซึ่งเขาเห็นว่าเป็นจุดบกพร่อง จากการติดแน่นกับข้อมูลต่างๆที่เป็นแบบอย่างที่ครอบงำ
    และไม่พยายามที่จะสร้างทฤษฎีที่พอที่จะยอมรับได้
    สำหรับ ชุมชนสังคมแห่งคณิตศาสตร์ของชาวตะวันตก<o></o>
    <o>
    </o>​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2010
  7. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    Gregg Braden, Zero Point


    โลกกำลังเข้าสู่ จุดแรกเริ่มในการรวบรวมความรู้
    ในขณะที่ ระดับความถี่ของดาวเคราะห์เพิ่มขึ้น และพลังงานแม่เหล็ก กำลังช้าลง
    สนามแม่เหล็กโลก จะหยุด หมุน 13 รอบต่อวินาที
    สนามพลังงานแม่เหล็กของ zero point ในปี 2012
    เราจะเข้าถึง 13 รอบ ต่อ วินาที = zero point <o></o>

    ในเวลานั้น แกนโลก จะหยุดหมุน ขั้วโลกจะมีการเปลี่ยนแปลง
    จิตวิญญาณ จะเข้าสู่การหลับใหล 3 วัน,
    จากนั้น ดาวเคราะห์ก็ จะปั่นกลับไปในทิศทางตรงกันข้าม<o></o>

    ยุคสมัยโดยทั่วไป, จุดแรกเริ่มของ อารยธรรมโบราณ ทั้งหมดบนโลก
    ได้ถูกจัดวางไว้ในห้องที่สามารถจะนำเข้าสู่ สถานที่ที่เรียกว่า พลังงานแม่เหล็ก Zero Point
    อยู่ในที่ที่พวกเขาจะสามารถสร้างประสบการณ์ และเตรียมพร้อม
    สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในบนโลก ปี 2012

    สิ่งนี้เชื่อมต่อไปยังทฤษฎีจุดจบของโลก และ ปฏิทินมายัน ก็สิ้นสุด ในวันที่ 21 ธันวาคม 2012<o></o>

    การให้ความรู้เบื้องต้น ของสิ่งเหล่านี้ ยังคงมีอยู่เสมอ
    มันถูกเขียนขึ้นในตำราโบราณ รวมทั้งใน Dead Sea Scrolls
    (ต้นฉบับ ภาษาฮิบรู โบราณที่ถูกค้นพบที่ ทะเลเดดซี)

    บัดนี้ ได้ถูกนำออกมาให้สำหรับ ผู้ที่ตื่นขึ้น และเข้าถึงความเข้าใจที่ยิ่งใหญ่
    ของการเปลี่ยนผลกระทบ ในทุกๆระดับของเรา

    ในสมัยโบราณ ผู้คนไปที่โครงข่ายหลัก บนดาวโลก เพื่อ รับความรู้ในแรกเริ่มนี้
    ทุกวันนี้ หลายๆคน ก็ยังคงพบสิ่งที่จำเป็น สำหรับการเดินทาง เช่นนี้อยู่

    มีห้องทำพิธีนำเข้าอันศักดิ์สิทธิ์ มากมายที่ถูกเชื่อมโยงไปยัง เทพเจ้าต่างๆ อยู่หลายแห่ง
    ตลอดความยาวของลุ่มแม่น้ำไนล์ ในแต่ละพิธีการ
    ทีซึ่งอาจจะเป็น วัน เดือน หรือ ปี สุดท้าย ของผู้หนึ่งผู้ใดที่จะต้องมีชัยอยู่เหนืออารมณ์ความรู้สึก

    เพื่อที่จะเชื่อมโยงให้ถึงพระเจ้า ดั่งเช่น เทพเจ้าเซกเมท(Sekhmet)
    พระองค์ทรงเป็นนักรบแห่งพระเจ้า พิธีเริ่มแรก ในวิหารของเทพเจ้าเซกเมท
    คือ การมีชัยอยู่เหนือนักรบที่มีอยู่ภายในตัวคุณ หรือ เป็นการค้นหาสำหรับสิ่งนั้น

    ผู้ริเริ่ม ได้ทำงานบนเส้นทางของพวกเขา ตลอดระยะทางตามลุ่มแม่น้ำไนล์
    ไปจนถึง ปิระมิดที่ยิ่งใหญ่ ห้องเก็บพระศพของกษัตริย์
    ที่ถูกเปรียบให้มีค่าเทียบเท่ากับพลังงานที่จุด ศูนย์(Zero Point)


    [​IMG]

    The Hourglass of Time - The X Box - Cones<o></o>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2010
  8. sarissa

    sarissa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +631
    ยิ่งอ่านก็ยิ่งตระหนักถึงการเชื่อมโยงในทุกส่วน แต่เชื่อไหมว่าอ่านแล้วนึกถึงโลกของแบบที่เพลโตเคยพูดถึง เพลโตพูดถึงวงกลมของโลกของแบบที่กลมแบบสมบูรณ์แบบที่มนุษย์ไมอาจเรียนรู้แล้วทำกลมได้เท่า ยกตัวอย่างพระอาทิตย์ในโลกของแบบของเพลโตเช่นกัน

    แล้วมีอยู่ตอนหนึ่งที่พูดถึงจุดที่เป็นศูนย์ เพลโตว่าเป็นจุดที่สมบูรณ์แบบที่มนุษย์ไม่อาจเข้าถึงจุดนั้นได้ จุดพระเจ้าทุกอย่างสมดุล เครื่องมือและค่าต่างๆที่วัดนั้นไม่อาจถึงจุดที่เป็นศูนย์จริงๆ ศูนย์ที่เป็นศูนย์นั้นจะสมดุล หยุดนิ่ง ว่างเปล่า ทรงพลัง สรรพสิ่ง นี่กล่าวไว้เป็นพันปีได้ไหม แล้วนี่พออ่านมาถึงจุดนี้ยิ่งทำให้คิดว่าที่สุดแล้วเรากำลังจะเข้าสู่โลกของแบบจริงๆหรือไม่
     
  9. com16

    com16 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2005
    โพสต์:
    454
    ค่าพลัง:
    +1,182
    งงๆ กับแนวคิดแฮะ
    <iframe src="http://writer.dek-d.com/robokobo/writer/view.php?id=579675" style="display: none;">
    </iframe>
     
  10. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    <link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} @font-face {font-family:"\@Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:Arial; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Arial Unicode MS"; color:darkblue;} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> If quantum mechanics hasn't profoundly shocked you,
    you haven't understood it yet.- Niels Bohr


    ถ้ากลศาสตร์ควอนตัม ไม่ทำให้คุณช็อกอย่างสุดๆหละก็

    นั่นแสดงว่า คุณยังไม่เข้าใจมัน - นีลส์ บอร์


    โอ..ประโยคนี้ได้มาจากอินเตอร์เน็ตอีกทีหนึ่ง
    แต่มันรับประทานใจผมมากๆเลย..

    ..........................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2010
  11. ratercracker

    ratercracker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +729
    ขอแสงความคิดเห็นนะครับ นานๆทีว่าง คิดไปพิมไปข้อความอาจมั่วนะคับ
    ขออภัยไว้ล่วงหน้า


    ไม่มีพื้นที่ใดในจักรวาลนี้ที่มีพลังงานเป็น 0 หรือไม่มีพลังงานหรือคลื่นใดๆเลย

    รอบๆตัวเราที่เหมือนจะไม่มีอะไร ก็มีคลื่นต่างๆมากมาย การปรับเปลี่ยนรูปของพลังงานตามธรรมชาติ ที่สั่นสะเทือน เกิดดับ อยู่ภายใต้แรงโน้มถ่วงของโลก

    รอบๆโลกที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร ก็มีคลื่นโน้มถ่วงจากดวงจันทร์เข้ามากระทำกับแรงโน้มถ่วงของโลก และดาวเคราะทุกดวงในระบบสุริยะ รวมทั้งโลก ก็โคจรอยู่ภายใต้แรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์

    รอบๆระบบสุริยะที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร ก็มีแรงโน้มถ่วงจากกลุ่มดาวอื่นๆที่โคจรมาใกล้ และระบบสุริยะของเราก็ดำเนินไปตามแรงการคลื่อนที่ของกาแลกซี่ทางช้างเผือกเป็นรูปเกียวคลื่นก้นหอย

    รอบๆทางช้างเผือกที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร ก็มีแรงจากการขยายตัวของกาแลกซี่ใกล้เคียงมาเกี่ยวข้อง กาแลกซี่ที่ใหญ่กว่าจะดูดกลืนกาแลกซี่แคระที่เล็กกว่าเข้ามาโคจรร่วมด้วย

    รอบๆกาแลกซี่นับล้านระบบที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร ก็มีแรงของการขยายตัวของจักรวาลกระทำให้มันเคลื่อนที่ตลอดเวลาอย่างอินฟินิตี้ ก็มันไม่มีขอบจักรวาลนิ ซึ่งนักวิทยาศาส (เดา) ว่าเกิดมากจากการระเบิดที่เราเรียกว่า บิ๊กแบง


    สรุปว่าไม่มีพื้นที่ใดในจักรวาลที่อยู่นิ่ง (เป็น 0) อย่างแท้จริง มีการเคลื่อนที่ เกิดและดับตลอดเวลา หรือจะพูดว่าไม่มีจุดคงที่ของจักรวาล เหมือนที่ไอสไต พยายามหาตลอดชีวิต

    คิดเล่นๆนะ

    ถ้าเปรียบจักรวาลนี้ดังพายุหมุน (ที่ไม่มีจุดศูนกลางของพายุเนื่องจากไม่ได้เกิดขึ้นภายใต้แรงโน้มถ่วงเหมือนพายุบนโลก) ที่มีการเกิด ขยายใหญ่ขึ้น อ่อนแรงลง และดับไปในที่สุด แล้วๆ เล่าๆ ภายในพายุหมุน เกิดกลุ่มละอองฝุ่นต่างๆ (กาแลกซี่)ใจกลางของกาแล๊กซี่มีความหนาแน่นมากและมีความถี่ของคลื่นละเอียดมากกว่าแสง (เกิดเป็นหลุมดำ) เคลื่อนที่ไปตามแรงของพายุหมุน

    แรงเหวี่ยงของกาแลกซี่ทำให้เกิดกลุ่มฝุ่นย่อยๆขึ้น (กลุ่มดาวต่างๆ) ใจกลางของกลุ่มดาวย่อยๆมีความหนาแน่นและละเอียดน้อยลงมาหน่อย เกิดเป็นดาวฤกดิ์ และดาวเคราะเกิดตามมาทีหลัง

    จะเห็นได้ว่าสรรพสิ่งที่ย่อยๆลงมาจะหยาบขึ้นเรื่อย คือมีความถี่ของคลื่นต่ำลง

    และนี่ก็เป็นเหตุที่อนุภาคโฟตอนของแสงถูกหลุมดำดูดกลืน (สิ่งที่ละเอียดกว่าจะกระทำสิ่งที่หยาบกว่าได้เสมอ)

    จากมุมมองของผม

    จากหัวข้อ ไม่มีพื้นที่ใดในจักรวาลนี้ที่มีพลังงานเป็น 0 (ว่าง)
    ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีสิ่งใดที่ว่างอย่างแท้จริง มีแต่มันอยู่นอกจักรวาลยังไงละ มันจึงไม่ได้อยู่ภายใต้การเกิด และดับของจักรวาล แบบว่าเป็นผู้มองดูจากนอกจักรวาล แบบ.... พระพุทธเจ้า (ว่าจะไม่เอาศาสนามาเอี่ยวแล้วนะเนี่ย)

    แค่นี้ก่อนนะ
     
  12. ratercracker

    ratercracker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +729
    ขอโทดที ลืมหัวข้อหลักไปเลย เด็วเจ้าของกระทู้จะเคืองเอา

    จากหัวข้อ จขกท. "ZERO POINT"... พลังงานแห่งสรรพสิ่ง

    ผมขอเดาว่า..

    ZERO POINTพลังงานแห่งสรรพสิ่งหรืออนุภาคมูลฐานของสรรพสิ่ง คือพลังงานของการขยายออกของจักรวาลครับ ที่แม้จะเอาเครื่องมือใดมาวัดในพื้นที่ใดๆ บนโลก ดวงจันทร์ ห้วงอวกาศ มันก็ได้ 0 แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็น 0 อย่างแท้จริงเพราะอยู่อยู่ภายใต้แรงของการขยายของจักรวาล นั่นเองคัฟ

    ที่วัดไม่ได้เพราะเรากำลังขยายออกไปแบบขนาน พร้อมกับพลังงานที่เรากำลังวัดอยู่ เพราะมันไม่มีจุดคงที่ของจักวาลให้เราใช้เป็นจุดอ้างอิง ก็อีกตามเคยถ้าเราต้องการรู้จริงๆ เราต้องเป็นผู้มองดูจากนอกจักวาล สิ่งถ้าจะหลุดออกจากการ เกิด-ดับ ของจักรวาล
    มันต้องละเอียดกว่า แสง หลุมดำ หรือแม้กระทั้ง การเกิดบิ๊กแบง

    อะไรหละที่ละเอียด นิ่งได้ขนาดนั้น สิ่งที่คุณรู้สึกอยู่ตอนนี้งัย แต่ตอนนี้มันหยาบไปนะ มันหยาบเพราะอะไรหรือ พระพุทธเจ้าบอกไว้แล้วไปหาเอาเอง<!-- google_ad_section_end -->
     
  13. ratercracker

    ratercracker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +729
    ขยายความนิดนึง อิอิ จาก...ถ้าเปรียบจักรวาลนี้ดังพายุหมุน (ที่ไม่มีจุดศูนกลางของพายุเนื่องจากไม่ได้เกิดขึ้นภายใต้แรงโน้มถ่วงเหมือนพายุบนโลก)

    อุปมาอุปมัย

    ที่พายุหมุนที่เกิดบนโลกมีลักษณะเล็กที่ต้นพายุและกว้างขึ้นเรื่อยๆที่ด้านบน เพราะแรงดึงจากแรงโน้มถ่วงของโลก ถ้าพายุเกิดขึ้นที่สุญญากาศ มันจะขยายตัวแบบ 360 องศา แบบบิ๊กแบงหงะ มันขยายตัว อ่อนแรงลง และดับไปในที่สุด แน่นอนว่าระหว่างนั้นโลกของเรา เกิด-ดับ แล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ละช่วงจะมีระยะเวลาไม่เท่ากัน เพราะพายุมันมีขาขึ้นขาลงอะ แล้วมันก็มีความสัมพันธ์มายังสิ่งมีชีวิตบนโลกอย่างเราๆ

    ในแต่ละยุคที่มีอายุขัยไม่เท่ากัน อย่าเอาแค่ 1-2 ยุคมาวัดนะ เพราะมนุษย์เกิดมาแล้วนับแสน นับล้านยุค สมมุติแต่ละยุค 10000 ปี ก็คูณเอาเองละกัน และได้ทิ้งร่องรอยของอารยธรรมไว้ให้มนุษย์ยุคหลังขุดค้นเสมอ เราก็กำลังจะทิ้งร่องรอยให้มนุษย์ยุคหลังขุดค้นเช่นกัน อาจเป้นตัวเราเองที่กลับชาติมาเกิด ที่ขุดพบซากตัวเอง 55+ เป้นอย่างนี้ แล้วๆ เล่าๆ จบ...
     
  14. ratercracker

    ratercracker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +729
    ขอแสดงความคิดเห็นอีกนิดนึง

    กลศาสตร์ควอนตัม คือการเข้าใจในทุกสรรพสิ่งอย่างละเอียด จะเรียกว่าวิทยาศาสตร์ขึ้นสูงก็คงได้ ถ้าเราเข้าใจมันอย่างละเอียดละก็ เราจะเข้าใจถึง zero point เข้าใจถึงการเกิดดับของกาแลกซี่และดวงดาวต่างๆ และพลังงาน สสาร คลื่น อนุภาค ...ในโลกทั้งหมด เช่นวิญญาน การกลับชาติมาเกิด มิติ เวลา พลังงานต่างๆ พลังจิต อื่นๆ จะกลายเป็นวิทยาศาสตร์ขั้นสูง หรือเรียกว่ากลศาสตร์ควอนตัมนั่นเอง

    เวทมนต์ สิ่งลี้ลับ ไสยศาสตร์ เหลือเชื่ออื่นๆ เราจะเรียกมัน กลศาสตร์ควอนตัม เพราะคำเหล่านี้เกิดขึ้นจากความไม่เข้าใจของมนุษย์เองทั้งสิ้น

    เมื่อเรารู้และเข้าใจเช่นนี้แล้ว กลศาสตร์ควอนตัม จะทำให้คุณ อึ้ง ทึ่ง และช็อกอย่างสุดๆได้หรือยัง อิอิ
     
  15. LadyOfLight

    LadyOfLight เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    755
    ค่าพลัง:
    +2,472
    มีเกิด มีดับ มีหยาบ มีละเอียด มีเล็ก มีใหญ่ มีขยาย มีหด มีเร่ง มีเฉื่อย

    จิตมนุษย์นี่ ทรงพลังจริงๆนะคะ ว่าไหม รับรู้ได้ทุกสรรพสิ่ง ขอเพียงเข้าถึงได้

    ถ้า zero-point อยู่นอกจักรวาลจริงๆล่ะก็ แสดงว่า จักรวาลและทุกๆสิ่งในจักรวาล

    เกิดมาจาก zero-point แล้วก็ดับไปกลับไป zero-point ใหม่ แล้วเกิดออกมาใหม่เรื่อยไป ใช่มะ

    แล้วผู้สังเกตุการณ์อย่างเราๆนี่ ทำให้มันเกิด-ดับๆๆๆ ได้เรื่อยๆอีกด้วย

    ไม่สังเกตุ ก็ไม่เกิด ใช่ม้า...*0* นี่คิดแบบหยาบๆเลยนะคะ ยังไม่ละเอียดเจาะลึก คิคิ

    แล้ว อารมณ์อ่ะ เกิด-ดับ ใช่มะ ร่างกายมนุษย์ในจักรวาลนี้ล่ะ เกิด-ดับ ใช่มะ

    2 อย่างนี่ก็คงพอละม้างง แล้วมันเกิด- ดับจากอะไรล่ะจ๊ะ จากจิตหรือเปล่าอ่ะ โอ้ววว...

    โป๊ะเชะ..ใช่เลย อ้าวววว งั้นจิตเราก็เปรียบได้กับ zero-point เลยล่ะซิเนี่ยะ

    แล้วไหน...ไหนๆๆๆ ใครบอกว่า ในจักรวาลเราไม่มี zero-point ... *0*

    มีอยู่กะตัวแท้ๆ ใช้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ใช้ให้มาตอบกระทู้ได้ด้วย เออ แหน่ะ

    อยู่ทั้งใน ทั้งนอก ทั้งใกล้ ทั้งไกล เออ แหน่ะ zero-point ทรงพลังสุดริดดดดด *0*
     
  16. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    จริงๆแล้ว เจ้าของกระทู้เอง มิได้เป็นผู้แตกฉาน
    หรือเชี่ยวชาญเรื่องกลศาสตร์ควอนตัม แต่อย่างใดเลยงูๆปลาๆ ด้วยซ้ำ<o></o>
    <o>
    การเข้าไปศึกษาเรื่องนี้ก็เพื่อขยายหูตาให้กว้างไปอีกนิดส์นึงเท่านั้น ไม่มีอะไรมากเลยค่ะ<o></o>
    <o>
    <o></o>
    เราก็รู้ๆกันอยู่ว่า จักรวาลเต็มไปด้วยพลังงาน พลังงานและพลังงาน<o></o>
    ทีวิ่งเข้าๆออกๆ อยู่ตลอดเวลา ด้วยความถี่ และความเร็วที่ต่างกัน<o></o>
    <o></o>
    ไม่ขอพูดเรื่อง ศัพท์แสงทางฟิสิกส์นะคะมันค่อนข้างซับซ้อน<o></o>
    และ อธิบายกันยาวๆๆๆ เดี๋ยวไปใหญ่โต<o></o>
    สมมติฐานต่างๆทางวิทยาศาสตร์ เกิดจากการสังเกต ตั้งข้อสงสัยตั้งทฤษฎี<o></o>
    และมาสู่การทดลอง ซึ่งทั้งหมดนั้นคือรูปแบบจำลองเสมือนจริง<o></o>
    ยังไม่มีอะไรแน่นอน 100 เปอร์เซนต์จึงต้องวิเคราะห์กันไป<o></o>
    <o>
    ที่เห็นๆกันอยู่ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 เป็นนั่นเป็นนี้<o></o>
    ก็เกิดจากพลังงานเหล่านี้ เข้ามารวมตัวกันต่างคลื่น ต่างความถี่ ต่างความเร็ว<o></o>
    แต่มันเกินขอบเขตความสามารถทางประสาทสัมผัสของมนุษย์ คือเราเห็นมันไม่ทัน<o></o>

    สิ่งที่ปรากฏอยู่ในโลกทางกายภาพ ก็เป็นการรวมกลุ่มของพลังงานเหล่านี้ ด้วยรหัสต่างๆกัน
    ถูกตีค่า ออกมาจาการสังเกต ของจิตวิญญาณ <o></o>
    จากการประมวลชุดข้อมูลความจำ ของความรู้สึกและอารมณ์<o></o>
    เข้าชุดคำสั่งความคิดแล้วออกมาเป็นค่าความหมาย<o></o>
    สิ่งเหล่านี้เป็นอดีตแน่นอน <o></o>

    เพราะ...ถ้าเจออะไรที่ไม่เคยรู้จักเลย ไม่มีความทรงจำ ไม่มีข้อมูล ก็.....???<o></o>
    จากนั้น สมองจะประมวลคำสั่งหาที่มันใกล้เคียงเพื่อตีค่าให้ได้ <o></o>
    ซึ่งก็ต้องผ่านกระบวนการของความคิด และการสังเกตทั้งสิ้น<o></o>
    <o>
    จุดที่เกิดตอนไม่รู้นี่แหล่ะค่ะ แบบมันจะว่างไปแว่บ แว่บจริงๆ ไม่ทันสังเกตุด้วย
    หรือเวลา ตกใจ ประหลาดใจ หรืออะไรก็ตามที่ ไม่มีข้อมูล
    สมองยังประมวลไม่ทัน อันนี้แหล่ะค่ะที่คิดว่า...เป็นจุด 0<o></o>
    <o>

    ที่นี้ ตามความเข้าใจ ส่วนตัวเอง ซึ่งอาจจะผิดก็ได้ ถูกก็ได้
    พลังงาน ณ จุด0 ถ้าจะเปรียบ เข้าใจว่าคือจุดที่สมดุลย์ เกิดสมมาตร
    ลองนึกถึง สภาพความเป็นกลางของสสารที่ไม่มีความเป็นกรดด่าง<o></o>
    ตรงนั้นมีอยู่หรือไม่
    หรือ จุดกลางตาชั่ง เมื่อ น้ำหนัก ของสองข้างเท่ากัน นิ่งสนิท ใช่หรือไม่?
    <o>

    การสมดุลย์ แบบไม่มีลบ หรือบวก มันยากมาก...<o></o>
    <o>
    ที่เราไม่เคยเป็นกลางและว่างจริง เพราะเราถูกกระบวนการทางความคิด<o></o>
    เข้าเล่นงานตลอดเวลา เราไม่เคยว่างจากการตีความหมาย การให้ค่า<o></o>
    จุดที่ว่างจากความคิดนี่แหล่ะค่ะ ที่เข้าใจว่าน่าจะเป็นจุด 0

    จุดประสงค์ของกระทู้มีแค่นี้ และจริงๆยังมีเนื้อหาต่ออีก
    เกี่ยวกับ รูปแบบ และสัญลักษณ์ต่างๆ ทีกระตุ้นให้เกิดพลังงานนี้
    และ เชื่อมต่อกับมนุษย์ แบบไหน อย่างไร?

    ลองมา ทำความเข้าใจไปพร้อมๆกันค่ะ ว่าข้อมูลเหล่านี้
    จะให้ประโยชน์อะไรกับเรา บ้างได้หรือไม่?<o></o></o></o></o></o></o></o></o>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2010
  17. ^ ^

    ^ ^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +1,279
    ขอบคุณ จขกท ครับ อ่านเรื่อง Zero Point แล้วทำให้นึกถึงอมตะวาจา

    "เราหยุดแล้ว ท่านล่ะหยุดหรือยัง?"

    ผมพยายามทำความเข้าใจกับเรื่อง Zero Point นี้ แล้วสรุปได้ออกมา 2 แบบคือ



    Zero Point แบบฟิสิกส์

    เท่าที่ผมพยายามจะทำความเข้าใจได้นะ เนื่องจากพรรพสิ่งอยู่ภายใต้ อนิจจัง
    ดังนั้นมันจึงไม่เที่ยง ไม่นิ่ง เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่า
    มันมีแรงที่มากระทำกับมัน ดังนั้นจึงไม่มีวัตถุใดที่มีความเร็ว = 0 เลย ทีนี้ถ้าเรา
    สามารถทำให้วัตถุหนึ่งวัตถุใดหยุดนิ่งอยู่กับที่ได้ มันก็จะสะท้อนแรงที่มากระทำ
    กับมันออกไป เลยทำให้อะไรก็ตามที่มีความเร็ว = 0 จะมีพลังงานแผ่ออกมา
    แบบไม่รู้จบ


    Zero Point ทางจิต

    ปรกติ จิต เรารู้รูป ที่อยู่ภายใต้ อนิจจัง แต่ถ้าจิต ได้ไปรู้นิพพาน ที่อยู่เหนืออนิจจัง
    นั่นจะเป็นการทำให้จิตเราได้เข้าถึง Zero Point ส่งผลให้จิตเรามีพลังมากขึ้น
    ดังนั้นการพยายามทำให้จิตนิ่งด้วยสมาธิ มันคือการทำให้เกิดปรากฎการณ์
    Zero Point ในตัวเรานั่นเอง


    ปล.วันที่ 21-12-2012 หลับยาว 3 วันตื่นขึ้นมาจะเป็นยังไงหว่า?
     
  18. ratercracker

    ratercracker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +729
    ต้องขอโทษเจ้าของกระทู้ด้วย ที่แสดงความคิดเห็นไปคนละทาง ไม่ได้อ่านเนื้อหาให้ดีก่อน อิอิ สวัสดีปีใหม่จ้า
     
  19. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    โอ...ไม่ต้องรู้สึกไม่ดีนะคะ สิ่งที่คุณโพสต์ ก็มีประโยชน์มาก
    เห็นได้ชัดเจนว่า มีความสนใจในเรื่องนี้ อาจเป็นการแตกขยายมุมมองอีกด้านหนึ่ง
    ยอมรับว่า พออ่านความเห็นของคุณแล้ว เจ้าของกระทู้เอง
    ต้องกลับมาพิจารณาว่า เราได้ส่งสาส์น ถูกต้องตามจุดประสงค์หรือไม่
    การตั้งกระทู้ก็เหมือนเป็นการสื่อสารสองทาง เมื่อส่งสาส์นออกไปแล้ว
    ถ้าไม่มีผู้รับ การสื่อสารก็ไม่เกิดขึ้น จริงไหมค่ะ
    และการนำเสนอ เราได้แสดงอะไรชัดเจนไหม ถ้าไม่ ต้องมาเคลียร์

    รู้สึกยินดีนะคะ ที่มีปฎิกิริยาตอบกลับ ถือว่าการสื่อสารครบวงจรแล้ว
    ถ้ามีความเห็นอะไรมาแลกเปลี่ยนกันต่อนะคะ สวัสดีปีใหม่เช่นกันค่ะ

    มันน่าตื่นเต้นใช่ไหมคะ อะไรจะเกิดขึ้น??? ...ซึ่งก็ยังไม่มีใครรู้
    แต่ที่รู้ๆ ความรู้สึกต่อปี 2012 มันไม่ได้เลวร้ายเลย จริงไหมคะ
     
  20. เทพบุตรชาวดิน

    เทพบุตรชาวดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,188
    ค่าพลัง:
    +1,901
    มาติดตามรออ่านเรื่องราวอยู่ครับคุณ kindred :cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...