ประสบการณ์ การทดลองปลุกเศกเครื่องราง ภาค 2/2

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย solardust, 19 เมษายน 2014.

  1. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,771
    มาต่อเรื่องการปลุกเศกพระด้วยตัวเองภาค 2 นะครับ

    ภาค 1 เล่าให้ฟังเรื่องการปลุกเศกไปแล้วว่า สกิลที่ต้องมีคือ
    1.ตั้งอารมณ์ลอยๆขึ้นมาได้
    2.แผ่กระแสอารมณ์นั้นให้พุ่งตรงเข้าไปที่เครื่องรางที่ต้องการปลุกเศกได้
    3.มีสติจดจ่ออยู่กับเครื่องรางนั้นๆตลอดเวลาไม่วอกแว่ก ไปมาจนจบได้

    ทีนี้ภาค 2 เป็นเรื่องของการเช็คพลังในเครื่องรางของขลังต่างๆ ซึ่งสกิลที่ต้องมีก็คือ
    1.เปิดจักระที่มือได้
    2.ควบคุมระดับของสมาธิให้นิ่งๆเบาๆได้ ช่วงระยะเวลาหนึ่ง
    3. รู้ pattern ของพลังแต่ละแบบ

    ภาค 2 นี่จะง่ายกว่าภาคแรกประมาณ 50 เท่าได้ ใช้กำลังแค่อุปจารสมาธิเบาๆ แค่นั้น

    --------------------------------------------------------------------------------

    ก่อนจะเริ่ม ต้องบอกกันก่อนนะครับว่า ความรู้นี่ไม่ได้รู้มาเอง แต่ท่านพ่อสอนมา
    จริงหรือไม่จริง เชื่อได้หรือไม่ได้ ก็ให้อ่านดู แล้วเอาไปลองทำกันเองนะครับ

    ผมเองได้ทดลองสอนเพื่อนๆ ที่พอมีพื้นทางด้านสมาธิอยู่บ้างไป 3 คน ปรากฏว่าได้ผลเหมือนกันหมด
    ส่วนท่านพ่อนั้นหนักกว่า คือเปิดโรงเรียนสอนกันเลยทีเดียว (แต่ตอนนี้เลิกสอน ออกบวชไปแล้ว)
     
  2. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,771
    มาเข้าเรื่องเปิดจักระ
    อันดับแรก...จักระคืออะไร...
    อันนี้บ่องตงนะครับ คงต้องให้ไปเสิร์ช google เอา เพราะไม่รู้จะบอกยังไง
    รู้แต่ว่ามันเป็นจุดต่างๆตามร่างกาย ที่เมื่อมันทำงานแล้ว มันจะปล่อยไอร้อนออกมา
    ร้อนขนาดไหน... ก็ขนาดที่ว่าผมใส่เสื้อยืดแขนยาว กางเกงผ้าร่ม กวาดหิมะอยู่นอกบ้านที่อุณหภูมิ ติดลบ 20 องศา C
    แล้วรู้สึกเหมือน มีคนเปิดไดเป่าผม กรอกลมร้อนอยู่ใต้ผ้าน่ะครับ ถ้าไม่มีลมพัดเอาไอร้อนนี้ออกไป ไอร้อนนี้จะหุ้มตัวไว้ตลอดเวลาไม่รู้สึกหนาวเลย

    ทีนี้ ขอรวบรัดตัดความกลับมาเข้าเรื่อง เพราะว่าจักระที่จะใช้ในเรื่องตรวจสอบพลังจากเครื่องรางของขลังเนี่ย ใช้แค่ที่มือเท่านั้น ตามจุดอื่นๆจะไม่พูดที่นี่นะครับ

    ----------------------------------------------------------------------------------

    เข้าเรื่องเลย มาเปิดจักรที่ฝ่ามือกันดีกว่า...
    ขอย้อนกลับไปภาค 1 นะครับ ตรงที่ผมเล่าเรื่องการฝึกสติให้รู้อยู่ตลอดเวลาที่องค์พระที่ถือไว้ในมือตอนสวดมนต์ได้หรือเปล่าครับ
    ให้ทำแบบนั้นแหละครับ แต่เอามาไว้ที่ฝ่ามือทั้งสองข้างแทน
    โดยให้ยกฝ่าขึ้นทำเหมือนกำลังจะไหว้พระ ทำเหมือนจะประกบฝ่ามือเข้าหากัน แต่เว้นระยะไว้ซัก 2 - 3 นิ้ว ตามสะดวก
    จัดแขนให้อยู่ในท่าสบายๆด้วย ไม่ชิดตัวมากไป ไม่ห่างตัวมากไป
    เข้าสมาธิเบาๆ ถ้าหนักไปนิด เลยเข้าฌานไปก็จบเห่เลยนะครับ หรือเบาไปหน่อย ไม่ถึงอุปจารสมาธิ ก็จบเหมือนกัน
    เอาเบาๆ สบายๆ จดจ่อที่ฝ่ามือทั้งสองข้าง ไม่คลาดไปไหน แค่นั้น

    ทีนี้ ทำถึงเมื่อไร
    ก็ทำจนจักระที่มือมันเปิดนั่นแหละ

    แล้วจะรู้ได้ไงว่าจักระเปิดแล้ว
    สังเกตุที่ไอร้อนครับ ถ้าสมาธิดี ไอร้อนจะออกมาก่อน ตามด้วยความรู้สึกว่ามีแรงมาดันมือให้เคลื่อนที่ไปมา
    ถ้าสมาธิเบาไปนิด แต่ยังอยู่ในระดับใช้งาน จะไม่รู้สึกถึงไอร้อนที่รั่วออกมาตามมือ แต่ก็จะยังรู้สึกถึงแรงที่มาดันมือไปมาได้
    คือจักระมันเปิดแล้ว แต่กำลังสมาธิมันน้อยไป ไอร้อนมันเลยไม่ทะลักออกมาเหมือนพวกที่เปิดได้เยอะ แต่ก็ยังใช้งานได้ ไม่ใช่ปัญหาอะไร

    ทีนี้กลับมาเรื่องการเคลื่อนไปมาของฝ่ามือ
    การเคลื่อนไปมาของมือจะเคลื่อนได้ 2 แบบนะครับ
    1.แรงผลัก หรือดันจากจักระที่มือ
    2.แรงตกค้างที่แขนเนื่องจากเกร็งน้อยๆค้างไว้นานเกิน

    ต้องแยกการเคลื่อนไหว 2 ตัวนี้ออกจากกันด้วย เพราะอันแรกจะบอกเราว่าพระเครื่องในมือปลุกเศกมาแบบไหน แต่อันหลังหยิบกระดาษทิชชู่มาถือไว้มันยังบอกเราว่าปลุกเศกมาดีแล้ว

    พอเปิดจักระได้แล้ว ก็กลับไปฝึกที่บ้าน เอาสติจดจ่อไว้ที่ฝ่ามือทั้งสองข้าง จนจักระเปิด แล้วสังเกตุแรงกระทำบนฝ่ามือ
    มันจะพาเราไปทางไหนก็ปล่อยแขนเบาๆ ช่วยประคองส่งมันไปทางนั้น
    ตรงนี้มีประโยชน์ 2 เรื่องนะครับ
    1.เรื่องสุขภาพ มันจะปรับธาตุให้ แต่ต้องไปทำในที่ที่อากาศดีๆหน่อยนะครับ การเคลื่อนของมือจะออกแนวคล้ายๆมวยจีน ใครเป็นแฟนหนังจีนก็จัดท่าเลียนแบบส่งไปทั้งตัวเลย จะได้ออกกำลังกายส่วนอื่นไปด้วย
    2.ฝึกเราเรื่องสมาธิ ให้เราหัดประคองตัวเองไว้ในสมาธิใช้งานเบาๆได้ด้วย คือการเอากำลังสมาธิไปใช้งานเนี่ย ถ้าไม่ใช่ฌาน 4 ก็ต้อง อุปจารสมาธินี่แหละ

    ทีนี้ต้องประคองไว้นานแค่ไหน
    ถ้าขี้เกียจมาก ซัก 5-10 นาทีต่อวันก็พอครับ จับเวลาไปเลย เอาแบบระดับสมาธิไม่เคลื่อน สติไม่หลุดจากฝ่ามือเลย ครบตามเวลาปั๊บ เลิกเลยในวันนั้น ก็ได้
     
  3. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,771
    สมมุติ ทำได้คล่องละ เรามาเริ่มกันเลย
    หยิบเครื่องรางมาหนึ่งชิ้น ถ้าเอาพระเครื่องมาเช็คก็ขอขามลาโทษพระท่านซะก่อนนะครับ ว่าเราทำไปเพื่อฝึกฝนกำลังสมาธิไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ดูหมิ่นแต่อย่าง
    ใช้แขนข้างเดียวนะครับ เอาข้างที่ถนัด ปล่อยแขนช่วงหัวไหล่ถึงข้อศอกลงข้างลำตัวแบบ สบายๆ ไม่เกร็ง ช่วงข้อศอกถึงมืองอขึ้นมา 90 องศา ไม่เกร็ง
    เข้าสมาธิเบาๆ จนจักระเปิด ถึงตอนนี้ มันควรจะเปิดทันทีตามสั่งนะครับ ถ้าตั้งท่านาน จะเกิดแรงตกค้างในกล้ามเนื้อลายที่แขน แล้วจะพาเจ๊งไปเลย โดยเฉพาะถ้าเราไม่ได้เปิดจนไอร้อนมันทะลักออกมา

    ต่อเลยนะครับ ให้เราประคองเครื่องรางไว้เบาๆ แต่ให้เอาสติไปจับไว้เบาๆที่เครื่องรางแทน
    ถ้ารู้สึกว่าเครื่องรางนั้นเริ่มเคลื่อน ก็ให้ส่งมือตามไปเหมือนตอนหัดเปิดจักระที่มือ แต่ให้แน่ใจนะครับว่า แรงที่พาเคลื่อนนั้นมาจากเครื่องรางไม่ใช่จากแขนที่เกร็งค้างไว้นาน

    ---------------------------------------------------------------------------------------

    ที่นี้ มาดู pattern การเคลื่อนที่กัน
    1.เมตตามหานิยม เครื่องรางจะวิ่งจากจุดตั้งต้น ออกไปทางด้านข้างตัวเรา วนเป็นวงวกเข้ามาหาตัวขึ้นไปที่หัวใจ แล้วกลับมาตั้งต้นใหม่
    2.แคล้วคลาด เครื่องรางจะวิ่งออกไปทางด้านหน้าเล็กน้อย แล้วตีวงออกด้านข้างไปจนสุดแขนแล้ว กลับมาตั้งต้นใหม่
    3.สาริกาลิ้นทอง เครื่องรางจะวิ่งจากจุดตั้งต้น ออกไปทางด้านข้างตัวเรา วนเป็นวงวกเข้ามาหาตัวขึ้นไปที่ปาก แล้วกลับมาตั้งต้นใหม่
    4.คงกระพัน เครื่องรางจะวิ่งเข้าหาตัวตรงๆ แล้ววิ่งออกจากตัวตรงๆ สลับกันไปมา
    5.ครอบจักรวาล (ลงไว้ทุกอย่าง) เครื่องรางจะวิ่งขึ้นไปเหนือหัวเราตรงๆ แล้ว กลับมาจุดเริ่มต้น
    6.มหาลาภ เครื่องรางจะวิ่งจากจุดตั้งต้น ออกไปทางด้านข้างตัวเรา วนเป็นวงวกเข้ามาหาตัวที่กลางลำตัว แล้วกลับมาตั้งต้นใหม่
    7.อธิษฐาน จะวิ่งวนเป็นรูปวงกลมไปเรื่อยๆ

    พระที่ปลุกเศกกันในเมืองไทย จะมี pattern ประมาณนี้ แต่ก็ยังมีอีกหลาย pattern ที่ท่านพ่อไม่ได้สอนไว้
    ซึ่งไม่ขอเล่าเพิ่มเติม ไปหาเช็คกันเอาเอง โดยเฉพาะของที่มาจากทางเขมร มีแปลกๆเยอะ

    นอกจากนี้ยังมีประเภทที่ ไม่รู้สึกอะไรเลย จนกระทั่งอยู่ในเงื่อนไขที่เครื่องรางนั้นจะทำงาน ถึงจะรู้สึกได้ถึงพลังในเครื่องราง
    แล้วก็ยังมีประเภท รู้สึกว่ามีพลังอยู่ แต่ไม่มี pattern อะไรเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2014
  4. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,771
    สุดท้ายนะครับ
    ต้องฝากไว้อีกเรื่องนึง
    คือ เครื่องรางต่างๆจะขลังแค่ไหน ก็ตามที่พระท่านบอกไว้นะครับ คือขึ้นกับกำลังใจคนใส่
    บางอย่างหนักเลยนะครับ ขึ้นกับบุญเก่าทำมาเท่าไรด้วย

    ยังไงก็ตามวัตถุประสงค์ของเรื่องนี้ก็คือ
    1.เราได้ฝึกควบคุมระดับของสมาธิเองที่บ้าน โดยมีการวัดผลที่ค่อนข้างเป็นรูปธรรมได้
    2.ได้ความรู้รอบตัวเพิ่มขึ้นหนึ่งเรื่อง เกี่ยวกับการตรวจสอบพลังในเครื่องรางของขลังต่างๆ

    ส่วนเรื่องพระเครื่องนะครับ ถ้าเราเจอที่ชอบใจซักองค์ ที่ทำให้ใจเราเกาะพระไว้ได้ ถือว่าคุ้มครับ
    ถ้ามีเหตุให้ต้องตายปุ๊บปั๊บไป แล้วใจยังเกาะติดอยู่กับพระที่คอละก็ ผมคิดว่าน่าจะปิดอบายได้ 1 ชาติแน่ๆ (ชาติหน้าก็ค่อยว่ากันใหม่นะครับ)

    -----------------------------------------------------------------------------------------

    ส่วนใครที่ชอบพวกหินสีนะครับ ว่ามีพลังแบบโน้นแบบนี้
    ผมลองไปที่ร้านขายหินมาแล้วนะครับ ทำฟอร์มว่าอยากได้ แต่ไปจับพลังดู
    ปรากฏว่า พวกหินสีๆตามร้านขายหิน มันมีพลังอยู่จริงๆ แต่อ่อนมากเมื่อเทียบกับพระเครื่อง
    ใครชอบแบบไหนก็จัดกันไปเองนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...