ประสบการณ์ธรรมตั้งแต่วัยเด็กจนวัยชรา

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย pong-sit, 17 พฤศจิกายน 2006.

  1. pong-sit

    pong-sit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,626
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,781
    ดิฉันกำหนดใจไปพระนิพพานทุกวัน เกือบตลอดเวลา ไปอยู่ที่วิมานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นกายทิพย์ตนเองนั่งสวดมนต์ กลับไปกลับมา จนเห็นพระพุทธองค์มองตรงลงมาที่ดิฉัน ท่านยิ้มด้วยความเมตตาเอ็นดู เหมือนกับว่าดิฉันเป็นลูกแมวที่น่ารักน่าเอ็นดู พระพุทธองค์ตรัสว่า อย่ามัวนั่งสวดมนต์อยู่นี่เลย จะไปเที่ยวที่ไหนก็ไปเถิด พอท่านอนุญาต ดิฉันก็ตรงไปหาคุณพ่อกมล คุณแม่บัวผัน วิ่งเข้ากอดกันด้วยความดีใจ มีความสุข คุยกันตามประสาพ่อแม่ลูก ประเดี๋ยวก็เห็นพระพุทธองค์เสด็จมาแต่ไกล เราทั้งสามพ่อแม่ลูกก็วิ่งเข้าไปกราบพระองค์ท่าน ดิฉันกราบทูลขอพรท่านหลายอย่าง จำได้ว่าเป็นทางโลกทั้งนั้น พระพุทธองค์ตรัสว่า เดี๋ยวก่อน พ่อจะให้พรลูก ท่านตรัสเรียกดิฉันว่าลูกทุกครั้ง ดิฉันจึงถือโอกาสเรียกท่านว่า สมเด็จพ่อพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า จะได้ใกล้ชิดกับพระองค์มากขึ้น พรที่พ่อจะให้มี 3 ข้อ แต่จะต้องขอให้ครบ 3 ข้อในเวลาครึ่งวินาที ดิฉันคิด โอ้โฮ แค่คิดจะขอแต่ละข้อก็หมดไป 1 วินาทีแล้ว สงสัยจะหมดหวังเสียแล้วที่จะขอพระพุทธองค์ประทานพร แต่จิตที่อยู่บนสวรรค์ นิพพาน เป็นจิตทิพย์ สามารถรู้คิดได้ รวดเร็ว ไม่ทันนึก ดิฉันกราบขอพร 3 ข้อทันทีทันใด ซึ่งไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าจะขอจากพระองค์ท่าน 3 ข้อ
    1) ขอให้ลูกปฏิบัติธรรมได้ผลเข้าถึงพระนิพพานในชาตินี้
    2) ขอให้ญาติมิตรที่ลูกได้พบปะแนะนำเขาให้เข้าใจธรรมะอย่างถูกต้องเข้าถึงพระนิพพานในชาตินี้
    3) ขอให้ลูกหลานของลูก และญาติมิตรที่เกิดมาแล้ว และที่ยังไม่ได้เกิด ให้ได้ธรรมะอันถูกต้อง ปฏิบัติตนเข้าถึงพระนิพพานในชาตินี้
    พระพุทธองค์ทรงยิ้ม และยกพระหัตถ์ขวา แล้วหายวับไปทันที ดิฉันกล่าวกับคุณพ่อคุณแม่เบื้องบนว่า ลืมขอพรให้ท่าน แต่ท่านตอบว่า พรที่ลูกขอพระองค์ท่านนั้นได้คลุมมาถึงท่านด้วย หลังจากนั้น 3 ปี คุณแม่ได้รับบุญกุศลจากที่ดิฉันได้ปฏิบัติธรรมอย่างไม่ท้อถอย และจิตอันใสสะอาดของคุณแม่ก็ได้ไปเสวยสุข แดนอมตะพระนิพพาน ยังเหลือแต่คุณพ่ออยู่บนสวรรค์ บุญน้อย ไม่ค่อยได้ทำบุญในพระพุทธศาสนา มีวิหารทาน ธรรมทาน สังฆทาน เป็นต้น เพราะเข้าใจว่านิพพานสูญ ตายแล้วสูญ เป็นความเข้าใจที่ผิดมาก มีโอกาสถอยหลังลงนรกเพราะ อวิชชา มิจฉาทิฏฐิ แต่ด้วยจิตเป็นกุศล ก่อนตายนึกถึงพระพุทธองค์ ภาวนาว่า นะโมพุทธายะ และดิฉันก็พยายามพูดให้ท่านเข้าใจก่อนตายว่า นิพพานัง ปรมัง สุญญัง คือ นิพพานว่างจากกิเลส ตัณหา ทุกขัง อนัตตา ว่างสูญจากโลกนี้ โลกหน้า ดิน น้ำ ลม ไฟ เวียนว่ายตายเกิด
    นิพพานัง ปรมัง สุขัง พระนิพพานเป็นแดนทิพย์ อมตะ มีความสุขอย่างยิ่ง เป็นอิสระเสรีแท้จริง จิตจะไปไหนก็ได้ รวดเร็ว ไม่ต้องตกอยู่ในกรงขังขันธ์ 5 คือ ร่างกายนี้ ขอให้ท่านนึกถึงพระนิพพาน พระพุทธเจ้า จิตจะได้ไปเกิดในที่ที่เป็นสุขกว่าโลกมนุษย์
    ปกติแล้วคุณพ่อจะโต้แย้งดิฉันเสมอ แต่คราวนี้ท่านป่วยหนัก จึงยอมรับฟังและยกมืออนุโมทนาสาธุกับพระธรรมที่ดิฉันพูดให้ฟัง ว่าการตายคือ ขันธ์ 5 ตาย จิตไม่ได้ตายไปตามร่างกาย ขันธ์ 5 ถ้า จิตคิดดีจะไปสถานที่ดี แต่ถ้าจิตคิดเศร้าหมองวิตกกังวล จะไปเกิดในแดนทุกข์ มีนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน หรือเกิดเป็นคน ก็จะเกิดในแดนทุกข์ยากลำบาก
    คุณแม่ปรารถนาพระนิพพาน เห็นโลกชีวิต คน สัตว์ เต็มไปด้วยทุกข์ยาก ลำบาก นานาประการ โรคภัยไข้เจ็บรบกวน ความหิว ความร้อน ความเหนื่อยกายเหนื่อยใจ ต้องหาเงินทองเลี้ยงชีวิต คุณแม่บัวผันชอบสวดมนต์เช้า เย็น เสียงดังเป็นประจำ คุณแม่บอกดิฉันว่า แม่ภาวนาไม่เก่ง จึงสวดมนต์ ดิฉันรับหนังสือ ธัมวิโมกข์ ให้แม่ แม่รู้ว่าตายง่าย ตายสบาย แม่สวดมนต์พระคาถาตายดีของท่านพระยายมราช มีว่า ปะโตเมตัง ปะชีวินัง สุขโตจุติ จิตตะเมตัง นิพพานัง สุคโตจุติ ท่านอ่านเป็นประจำ จนกระทั่งวันหนึ่งท่านสวดมนต์เสร็จก็ล้มนั่งท่ากราบพระตาย เมื่อคุณแม่สิ้นชีวิตไปแล้ว ท่านได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระพุทธองค์บนสวรรค์เข้าใจดี และบุญการปฏิบัติธรรมของลูก ๆ ส่งผลให้คุณพ่อคุณแม่ตรงสู่พระนิพพาน โดยไม่ต้องมาเกิดเป็นคนอีก ปฏิบัติธรรมเบื้องบนได้ง่ายสบาย เพราะดีกว่าคนมีบุญกว่าคนหลายล้านเท่า
    จากนี้ดิฉันจะขอนำเอาพระธรรมะย่อ ๆ สั้น ๆ ที่ได้จากการทำสมาธิวิปัสสนาของดิฉันเท่าที่พอนึกได้ แนวทางการปฏิบัติของดิฉัน ทำแบบสบาย ๆ คือทำตลอดเวลาที่มีลมหายใจ ทำทางจิต ทางกายก็ปฏิบัติหน้าที่แม่ ภรรยา พยาบาล ดูแลคนไข้ หาเงินพิเศษเพื่อทำบุญช่วยเหลือพี่น้องที่ยากจน ทำงานในบ้าน ขับรถซื้อของ ไม่ว่าจะทำอะไรในจิตจะมีพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันพร้อมพระอริยสาวกทุก ๆ พระองค์ มีพระอาจารย์หลวงพ่อพระราชพรหมยานที่ท่านสอนให้ดิฉันสัมผัสพระพุทธเจ้า อยู่ในอกตลอดเวลา ใช้จิตมองภาพพุทธนิมิต บนศีรษะก็อันเชิญองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์แรก คือ สมเด็จองค์พระปฐม มาประทับบนศีรษะของดิฉัน พร้อมกับกำหนดลมหายใจเข้านึกว่า นะมะพะธะ (แปลว่า นมัสการพระพุทธเจ้า ) ลมหายใจออก นึก นะโมพุทธายะ(เป็นพระนามของพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์) ทำอย่างนี้เกือบตลอดเวลาที่ตื่นอยู่ จากนั้นปัญญาทางธรรมก็จะเกิดขึ้น สว่างไสว รู้เท่าทันความเป็นจริง สัมผัสสิ่งที่เป็นทิพย์ คือนรก สวรรค์ เทพ เทวดา พรหมโลก แต่ดิฉันไม่ค่อยสนใจที่จะรู้จะเห็นอะไรมากนัก จิตนึกถึงแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระนิพพาน ธรรมะข้อไหน คิดไม่ออก พระพุทธองค์จะส่งเรด้าร์ เป็นความรู้ ให้ดิฉันทราบได้ถูกต้องโดยมิต้องสงสัย เมื่อกลับไปอ่านพระไตรปิฏก ก็ตรงตามความความเป็นจริงที่รับได้ทางจิต
    พระพุทธเจ้าตรัสสอนทางจิตว่า
    คำว่าอนิจจัง คือร่างกายเกิดมาแล้ว แก่ทุกวัน
    คำว่าทุกขัง คือไม่สบายกายใจ เจ็บป่วย เสียใจ ผิดหวัง
    คำว่าอนัตตา คือร่างกายไม่ใช่ตัวตนของเรา ควบคุมไม่ได้ ต้องสลายไปเป็นธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ
    การไม่ประมาททางโลก คือ ระมัดระวัง อันตรายรอบด้าน
    การไม่ประมาททางธรรม คือ จิตรู้ลมหายใจเข้าออกตลอดเวลา ว่าชีวิตทรงตัวอยู่ได้ด้วยลมหายใจ หมดลมหายใจเมื่อไร ร่างกายนี้ก็ต้องถูกนำไปเผาทิ้ง ไม่มีอะไรเป็นของเราจริง ๆ จิตมาอาศัยร่างกายนี้ชั่วคราวเท่านั้น
    ขันธ์ 5 ร่างกายนี้เป็นสมบัติของกิเลส ตัณหา อุปาทาน อกุศลกรรม (ผิดศีล 5 ) ร่างกายจึงทุกข์ทรมานอย่างนี้ ให้เอาจิตโยนขันธ์ 5 ทิ้งไปเสีย ไม่ต้องเสียใจ จิตก็จะเข้าถึงอรหัตตผลได้ง่าย
    ลมหายใจที่หมดไป ใกล้พระนิพพานมากยิ่งขึ้น ถ้าเรานึกพุทโธ จนชิน
    แม้จะอยู่อเมริกาถึง 30 ปี ห่างไกลแดนพระพุทธศาสนา แต่มีบุญวาสนาได้กราบ ทำบุญ กับพระสุปฏิปันโนที่เมืองไทยอยู่หลายองค์ เมื่อดิฉันกลับเมืองไทยก็นำลูกไปกราบไหว้พระอาจารย์หลายท่าน เช่น
    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ สอนให้ภาวนาพุทโธเสมอ
    หลวงปู่หล้า ตาทิพย์ สอนให้มีเมตตามาก ๆ
    หลวงปู่คำแสน คุณากโล ดิฉันได้แต่กราบพระศพท่าน
    หลวงปู่น้อย วัดบ้านปง แม่แตง สอนว่าร่างกายนี้สกปรกเป็นของตัณหาอุปาทานไม่ใช่ของเราจริง
    หลวงปู่คำแสน วัดสวนดอก แนะนำว่าสุขแท้อยู่ที่จิตใจ
    หลวงปู่ครูบาวงค์ เชียงใหม่ แนะนำให้ปฏิบัติพรหมวิหาร 4 เพิ่มต่อไป เป็น ธรรมะที่ตรงกับนิสัย
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน ไปอเมริกา โปรดลูกศิษย์ 4 ครั้ง ฝึกกรรมฐาน วัดท่าซุง มโนมยิทธิ (มีใจเป็นทิพย์)
    หลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง สอนว่า จิตคือผู้รู้ ให้หมั่นภาวนา
    หลวงปู่วัย จตุรโย ท่านไปโปรดญาติโยมที่อเมริกา
    พระอาจารย์บุญกู้ วัดอโศการาม ท่านพูดธรรมะหลายข้อ ที่ชิคาโก วัดป่า
    หลวงปู่ครูบาธรรมชัย อ.แม่แตง ท่านสอนให้ภาวนาและเมตตา ให้พระธาตุสีแดง 2 องค์
    พระอาจารย์ทองอินทร์ วัดสันติธรรม ท่านสอนให้ตัดร่างกาย
    หลวงพ่อพรหมจักรสังวร วัดพระบาทตากผ้า ลำพูน
    พระสังฆราชพระอาจารย์ญาณสังวร วัดบวรนิเวศวิหาร
    และพระอริยเจ้าอีกหลายองค์ที่ไม่ได้กล่าวไว้
    มาระยะหลัง ๆอายุมากขึ้น แก่ตัว ก็ไหว้พระสวดมนต์ที่บ้าน ส่งจิตไปกราบพระอริยสงฆ์ทุก ๆ พระองค์ ตั้งแต่พระนิพพาน ลงมายังพรหมโลกทุกชั้น สวรรค์ทุกชั้นที่มีพระอริยเจ้า จนมาถึงพระอริยเจ้าทุก ๆ พระองค์ในโลก ด้วยกรรมฐานแบบมโนมยิทธิ พระอริยเจ้าทุกพระองค์ที่ดิฉันไปกราบ ดิฉันขอให้ท่านโปรดเมตตาให้ธรรมะเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นข้อตักเตือนจิตใจเพื่อให้ตัดกิเลส ได้หมดไปชาตินี้ สรุปแล้วท่านก็ให้ตัดอาลัยในร่างกาย มุ่งพระนิพพานเป็นที่ไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...