บรรลุธรรมธรรมแบบละเอียด

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Maaseepuscharin, 10 ตุลาคม 2012.

  1. Maaseepuscharin

    Maaseepuscharin Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +34
    [​IMG] พุทธภูมิจะบรรลุธรรมตอนเป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้น หรือลาพุทธภูมิแล้ว

    [​IMG]พระโสดาปฏิมรรค คือ เชื่อในอริยสัจจ์ ๔ ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนแบบเต็มร้อยไม่มีความสงสัย ไม่แม้แต่จะคิดวิจารณ์พระพุทธดำรัสใดๆทั้งสิ้น ยังไม่รู้ตัวว่าบรรลุธรรม แค่เทียบเคียงได้บ้าง

    [​IMG]พระโสดาปฏิผลเริ่ม ถือศีล ๔ ข้อ คือ ปานา อทินา กาเม มุสาในสัมมาวาจา ละวิจิกิจฉาลงได้ คือ ไม่สงสัยในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ละสังโยชน์สักกายะทิฏฐิได้บางส่วน หรือเทียบที่มรณานุสสติดี มีพระนิพพานเป็นที่ไปเบื้องหน้า ยังไม่รู้ตัวว่าบรรลุธรรม แค่เทียบเคียงได้บ้าง

    [​IMG]พระสกิทาคามี เหมือนพระโสดาบันที่ต้องเกิดอีก ๑ ชาติ แต่เหมือนว่าจะละกามราคะ และปฏิฆะได้ ด้วยศีลอพรหมจาริยา ยังไม่ถึงขนาดใช้พรหมวิหาร ๔ กับอสุภะกรรมฐานเป็นตัวนำ คือก่ำกึ่งๆ ครึ่งๆกลางๆ ยังไม่รู้ตัวว่าบรรลุธรรม แค่เทียบเคียงได้บ้าง

    [​IMG]พระอานาคามีชั้นต่ำสุด คือ พรหมโลกชั้นที่ ๑๒ ข่มกามราคะ กับ ปฏิฆะ ด้วยพรหมวิหาร ๔ กับ อสุภะกรรมฐาน คือเปลี่ยนจากความโกรธเป็นความไม่โกรธได้ทันท่วงที กามราคะก็เหมือนกัน ยังไม่รู้ตัวว่าบรรลุธรรม แค่เทียบเคียงได้บ้าง

    [​IMG]พระอานาคามี พรหมโลกชั้นที่ ๑๓ ใช้ความเพียรกล้ามาก มักชอบนั่งสมาธิครั้งละนาน ทั้งวัน เคร่งในศีลพระวินัยมาก เรียบร้อย ยังคงใช้ พรหมวิหาร ๔ กับ อสุภะกรรมฐานอยู่ ยังไม่รู้ตัวว่าบรรลุธรรม แค่เทียบเคียงได้บ้าง

    [​IMG]พระอานาคามี พรหมโลกชั้นที่ ๑๔ เริ่มใช้สติปัฏฐาน ๔ นำแล้ว ตอนนี้เรื่มคลาย พรหมวิหาร ๔ กับ อสุภะลง คือ เหมือนไม่ได้ทำเพราะเคยชินไปแล้ว แต่ความจริงมีอยู่ตามปกติ แต่ใช้สตินำหน้าเท่านั้นเอง ยังไม่รู้ตัวว่าบรรลุธรรม แค่เทียบเคียงได้บ้าง

    [​IMG]พระอานาคามี พรหมโลกชั้นที่ ๑๕ ท่านใช้สมาธิฌาน ๔ นำหน้า เวลาเจริญสติปัฏฐาน ๔ จิตสามารถแยกออกจาก กาย เวทนา จิต ธรรม ด้วยสติในสมาธิฌานที่ ๔ ได้แล้ว ยังไม่รู้ตัวว่าบรรลุธรรม แค่เทียบเคียงได้บ้าง

    [​IMG]พระอานาคามี พรหมโลกชั้นที่ ๑๖ ชั้นสุดท้ายสูงสุดนี้ ท่านใช้ปัญญานำหน้า เพราะ สติผู้รู้ในองค์ฌานที่ ๔ ชำนาญดีแล้ว เริ่มพิจารณาไตรลักษณะได้เด็ดขาดขึ้นมากเกือบเทียบเท่าพระอรหันต์เลยทีเดียว คือสามารถเข้านิโรธสมาบัติเหมือนกับพระอรหันต์ได้ แต่ยังติดสติตัวรู้ในองค์ฌานที่ ๔ อยู่ ชั้นนี้ท่านไม่ใช้พรหมวิหาร ๔ ข่มกดความโกรธนำแล้ว แต่จะใช้สติระลึกรู้ในองค์ฌานที่ ๔ และปัญญาพิจารณาไตรลักษณ์ ละขันธ์ ๕ ส่วนอื่นๆได้หมดยกเว้น สติระลึกรู้ในองค์ฌานที่ ๔ และปัญญาพิจารณาไตรลักษณ์ คือไม่ข่มความโกรธ กับ กามราคะนำ แต่ท่านจะพิจารณาทั้ง ความโกรธ ไม่โกรธ ลงไปที่ไตรลักษณ์เลย กามราคะก็เหมือนกัน ส่วนใหญ่จะคิดว่าบรรลุอรหัตผลแล้ว

    [​IMG]พระอรหันต์สุขวิปัสสโก เหมือนพระอานาคามีชั้นที่ ๑๖ แต่จะละสติระลึกรู้ในองค์ฌานที่ ๔ และปัญญาพิจารณาไตรลักษณ์ลงได้ เป็นจิตหลุดพ้น พอจิตหลุดพ้นแล้วก็จบกิจ รู้ตัวว่าจบกิจแล้วไม่มีสิ่งใดจะต้องทำอีก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย

    [​IMG]พระอรหันต์เตวิชโช วิชาสาม ก็เหมือนพระอรหันต์สุขวิปัสสโก แต่จะได้จุตูปปาตญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ และอาสวะขยญาณ รู้ตัวว่าจบกิจแล้วไม่มีสิ่งใดจะต้องทำอีก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย

    [​IMG]พระอรหันต์ฉฬภิญโญ ก็เหมือนพระอรหันต์สุขวิปัสสโก แต่จะได้อภิญญา ๖ ด้วย รู้ตัวว่าจบกิจแล้วไม่มีสิ่งใดจะต้องทำอีก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย

    [​IMG]พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ ก็เหมือนพระอรหันต์สุขวิปัสสโก แต่ต้องได้สมาบัติ ๘ ด้วย รู้ตัวว่าจบกิจแล้วไม่มีสิ่งใดจะต้องทำอีก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย

    [​IMG]พระพุทธเจ้า กับพระปัจเจกพระพุทธเจ้า ต้องได้วิชาสาม เตวิชโช ทุกพระองค์ รู้ตัวว่าจบกิจแล้วไม่มีสิ่งใดจะต้องทำอีก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย

    พุทธดำรัส:-ดูก่อนวัจฉะ ชนที่กล่าวอย่างนี้ว่า พระสมณโคดมเป็นสัพพัญญู มีปกติเห็นธรรมทั้งปวง ทรงปฏิญาณญาณทัสสนะไม่มีส่วนเหลือว่า เมื่อเราเดินไปก็ดี หยุดอยู่ก็ดี หลับก็ดี ตื่นก็ดี ญาณทัสสนะปรากฏแล้วเสมอติดต่อกันไปดังนี้ ไม่เป็นอันกล่าวตามคำที่เรากล่าวแล้วและชื่อว่ากล่าวตู่เราด้วยคำที่ไม่มี ไม่เป็นจริง

    “ดูก่อนวัจฉะ เมื่อบุคคลพยากรณ์ว่า พระสมณโคดมเป็นเตวิชชะ (ผู้ได้วิชชา ๓ ) ดังนี้แล เป็นอันกล่าวตามคำที่เรากล่าวแล้ว ชื่อว่าไม่กล่าวตู่เราด้วยคำไม่เป็นจริง ชื่อว่าพยากรณ์ถูกสมควรแก่ธรรม....

    “ดูก่อนวัจฉะ ก็เราเพียงต้องการเท่านั้น ย่อมจะระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือระลึกได้ชาติหนึ่งบ้าง สองชาติบ้าง..... ตลอดสังวัฎวิวัฎกัปเป็นอันมาก ในภพโน้นเรามีชื่อย่างนั้น มีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น ครั้นจุติจากภพนั้นแล้วได้ไปเกิดในภพโน้น... เราย่อมระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก พร้อมทั้งอาการ พร้อมทั้งอุเทศด้วยประการฉะนี้

    “ดูก่อนวัจฉะ ก็เราเพียงต้องการเท่านั้น ย่อมจะเห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติกำลังอุบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดีตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ซึ่งเป็นไปตามกรรมว่าสัตว์เหล่านี้ประกอบด้วยกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ติเตียน พระอริยเจ้า เป็นมิจฉาทิฐิ ยึดถือการกระทำด้วยอำนาจมิฉาทิฐิ เขาเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ส่วนสัตว์เหล่านี้ ประกอบด้วยกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ไม่ติเตียนพระอริยเจ้า เป็นสัมมทิฐิ..... เบื้องหน้า แต่ตายเพราะกายแตก เข้าถึงสุคติ โลกสวรรค์

    “ดูก่อนวัจฉะ เมื่อบุคคลพยากรณ์ว่า พระสมณโคดมเป็นเตวิชชะ เป็นอันกล่าวตามคำที่เรากล่าวแล้ว ชื่อว่าไม่กล่าวตู่เราด้วยคำไม่เป็นจริง...”

    จูฬวัจฉโคคตสูตร
    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...