นัดรวมตัว

นัดเลยเเล้วกัน ​

วันที่ 17 / 9 /2008 หรือ เดือนหน้านั้นเอง​

จะเปิดงาน Grand Opening ​

ที่โรงเรียนสันโดษ​

เเล้ว สันโดษจะรอที่ จามจุรี สแควร์ (สามย่าน)​

จัดอีเว้นท์ หน้า ลานน้ำพุ​

เวลา เดี๋ยว มาบอกกันอีกที ละกันคะ​

;k07ช่วยอวยพรให้ ประสบความสำเร็จด้วยนะคะ​

ช่วงนี้ โปรโมชั่น พิเศษ เเลกกับ ​

ช่วยสวดมนต์ให้ โรงเรียนสันโดษ​

สอนเด็กออกมาเป็น คนดีของสังคม​

สันโดษ จะ ดูกรรม ​

เเล้วจะ บอกกรรมให้รายบุคคลคะ​

เอาเบอร์ไปเลยคะ 089-499-3028 ​

(ยอมทำเพื่อโรงเรียนเลยนะเนี๊ย)​

ไม่ต้องห่วงเดี๋ยว ต้องการพัก จะ ปิดเครื่องเองคะ​

***แต่ถ้าเรื่องอื่น ไม่คุยนะคะ ขอคนที่มี ปัญหาจริงๆคะ​

 

เข้ามาเป็นสมาชิกของเวบนี้สักพัก ตอนนี้เริ่มมองเห็นแล้วว่า จะมีสักกี่คนที่รู้จริง ปฏิบัติจริง หรือมีพลังจิตพิเศษจริงอย่างที่บอก บอกตรง ๆ เปิดดูเวบนี้น้อยลง แต่ละครั้ง ใชเวลา 5-10 นาที ไม่มีอะไรเลยจริง ๆ ภัยพิบัติก็มีแต่เรื่องบอกข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ พอมากขึ้น คนอ่านก็ยิ่งกลัว คำทำนายที่ให้ไว้ก็ไม่เห็นแม่น ความน่าเชื่อถือก็น้อยลง สมาชิกหลายท่าน ก็คงจะรู้สึกเหมือนเรา
ส่วนมากคงไม่กล้ามาเจอกันหรอก แต่เราก็อยากจะเจอนะ จะได้รู้ว่าใครตอบอะไรเป็นจริงแค่ไหน หรือ คำตอบมันเป็นเพียงแค่เรื่องคำพูดสวยงาม ที่คัดลอกมาจากหนังสือ
ของจริงไม่อวด ของอวดไม่จริง หรือว่า
ไม่มีจริงในเวบนี้ กันแน่

 

เมื่อถึงเวลา ที่จะได้พบ ก็ ย่อมได้พบ โดยไม่ต้องตามหาคะ

 

สาธุ อนุโมทนาให้ล้านครั้ง
ถูกใจค่ะถูกใจ

 

ดีเลยจะได้เอาน้องสาวไปสองคน อิๆ(อายุ 12 หนึ่งคน อายุ 9 ขวบหนึ่งคน) เผื่อจะได้ไปฟังนโยบายโรงเรียน มีส่วนลดปะ เดี๋ยวต้องไปฝึกให้เรียกเจ้ก่อนนะ ม่ายงั้นมันตะโกนเรียกแม่ละเขินแย่เลย หุๆ

 

ไปดูโรงเรียน ได้เลย คะ นัดกันเป็น เดือนเลยอ่ะนะ

ที่สำคัญ เจ๊ ทำ มาร์เก็ตติ้ง ย่อม ทำได้อยู่เเล้น นะเอย นะเอย

เรียน จบ กลายเป็น แฮรี่ พอร์ตเเตอร์ กันไปเลย ทีเดียว อิ อิ อิ

 

คุณคะ แล้วคุณจะรู้ไม้ละว่าใครเป็นของจริง คุณเอาอะไรมาวัดล่ะคะ;14

 

Grand Opening ...คืองานอะไรอะค่ะคุณสันโดษอยากทราบรายละเอียดจัง

 

เจ้านาย เปิดโรงเรียน สอนภาษาใหม่ นะคะ สันโดษ ดูเเล เรื่องการตลาด

พอดี อยากเจอ เพื่อนๆ ก็ เลย นัด ให้มาเจอกันในงาน เพราะว่า มาสะดวก

เชื่อม จาก MRT สามย่าน เข้ามาในห้างได้เลยคะ คุยมาจาก อีกกระทู้ นึง


http://palungjit.org/showthread.php?t=143791&page=5

 

ถ้าเป็นวันหยุด ก็ไปได้ง่ะ

 

เลขมงคล วันอังคาร เเต่ เค จะมา เมื่อไรก็ได้ ไม่ว่ากัน

 

ลองถามตัวคุณเองซิค่ะ ว่ารู้จริง หรือไม่จริง เวลาตอบกระทู้ ตอบจากความรู้ หรือ จากประสบการณ์ ของตัวเองหรือเปล่า ถึงแม้ว่า ตอนที่รู้ที่เห็นยังมีอุปทานเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ยังดีกว่าพวกที่ไม่รู้จริง ได้คำตอบจากหนังสือ หรือวาดภาพเอาเอง

 

ไม่ได้เข้าข้างใคร นะคะ เพียงแต่ สิ่งที่รู้ มันก็จะรู้ของมันเอง

ที่อยากรู้เขาไม่ค่อยให้เห็นหรอกคะ

อย่างคุณ Strongblack เป็น คน จิตอ่อนมาก ไม่ใช่ไม่ดี

เเต่ จะ ถูกวิญญาณ สวมร่างได้ง่าย จึงไม่ควรที่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้

จนกว่าตนเองจะนิ่ง การนิ่ง คือ ความสงสัยหยุดไป เหลือ เเต่ การรู้ ไม่ใช่ ความอยากรู้

เมื่อมีความอยากรู้มากกว่าความรู้ ตนเอง จะหลงไปกับความอยากรู้ไม่จบ

นั้นจะเป็น ปัญหาเกี่ยวกับ จิตเเละ เกิด เป็นคน ประสาทหลอนต่อไป

หากไม่เลิก สงสัยอยากรู้อยากเห็น จะยิ่งเเย่ เพราะ ถูกจิต หลอกอยู่

เเต่ ถ้าเมื่อไร จิตนิ่งความอยากรู้จะหายไป เเละเมื่อนั้น ค่อย เริ่มปฏิบัตินะคะ

 

อืม ความรู้ ต่างๆที่ผ่านมาจากผู้รู้ที่เค้าปฏิบัติกันมาแล้วเค้ามาเขียนบอกเราแล้วมีคนที่เค้าศรัทธาคัดลอกมาเผื่อๆคนที่ไม่รู้นั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าคนคัดลอกเค้าไม่รู้เรื่อง การที่เค้าเอามาโพสนั้น ก็ต้องผ่านการกลั่นกรองจากตัวเค้ามาแล้วชั้นนึง แล้วที่เหลือก็เป็นหน้าที่เราที่จะกรองเอาเองอีกที ไม่ได้หมายความว่าเค้าไม่รู้จริงหรือไม่ใช่ของจริง แล้วจึงถามว่าเอาอะไรมาวัดแล้วบรรทัดฐานแค่ไหนจึงจะสอบผ่านในความเป็นผู้รู้ ในสายตาคุณ

 

ไปแล้วเลี้ยงข้าวด้วยป่าว...หุหุ

 

สัจจะหรือความจริง ในโลกนี้มีความจริงอยู่ 2 ระดับ คือ

ความจริงระดับสมมุติ และความจริงระดับปรมัตถ์ ​

มนุษย์ส่วนใหญ่จะเข้าใจเพียงความจริงระดับสมมุติจากภาษาเท่านั้น ได้แก่ บัญญัติชื่อต่าง ๆ เช่น คน สัตว์ วัตถุ และความเป็นเจ้าของสิ่งเหล่านั้นทั้งโดยชื่อและโดยความรู้สึก เช่น นายดำ แมว เงินของฉัน ลูกของฉัน เป็นต้น เป็นความจริงที่ต้องขึ้นกับการอ้างอิงและเปรียบเทียบ ซึ่งรู้จักกันเฉพาะในกลุ่มชนบางกลุ่มที่ใช้ภาษาเดียวกัน วัฒนธรรมเดียวกันเท่านั้น จะใช้กับต่างกลุ่ม ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรมไม่ได้

ส่วนความจริงอีกระดับหนึ่ง คือ ความจริงระดับปรมัตถ์ ปรมัตถ์นี้จะไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกลุ่มชน สถานที่ หรือยุคสมัย อดีตนับตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ไฟเคยให้ความร้อนและเผาไหม้อย่างไร ในอนาคตจนถึงโลกถูกทำลาย ไฟก็ยังคงให้ความร้อนและเผาไหม้ตลอดไป
​

คำว่าไฟเป็นจริงเฉพาะในหมู่คนไทย ต่างชาติจะเรียกอีกอย่างหนึ่ง แต่ความรู้สึกร้อนจะเป็นสากลสำหรับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดทั้งคนและสัตว์ เมื่อถูกไฟจะรู้สึกว่าร้อน ความร้อนเป็นความจริงระดับปรมัตถ์ของไฟ

เนื่องจากมนุษย์มีความเข้าใจติดอยู่แค่ระดับสมมุติ ซึ่งสื่อกันด้วยภาษา และจำเป็นต้องมีคน สัตว์ วัตถุขึ้นอ้างอิงด้วย ดังนั้น คนส่วนใหญ่จึงยึดมั่นโดยไม่รู้ตัวว่าภาษาเป็นความจริง คิดว่าคน สัตว์ วัตถุ มีจริง จนกระทั่งไม่มีใครนึกถึงความจริงระดับปรมัตถ์ที่แฝงอยู่

ในระดับปรมัตถ์แล้ว สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นและตั้งอยู่ได้ด้วยการรวมกลุ่มของเหตุปัจจัยเพียงขณะหนึ่งเท่านั้น แล้วก็สลายตัวไป ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากปัจจัยไม่มีอะไรสลายไปนอกจากการสลายไปของปัจจัย ที่เรียกว่า นายดำ ก็เพราะโครงสร้างโดยรวมของลักษณะหน้าตา แขนขา จำได้ว่าชื่อดำ
ถ้าตัดแขนมาส่วนเดียวก็จะเรียกว่าแขน ไม่เรียกแขนว่าเป็นนายดำ ถ้าตัดนิ้วมาหนึ่งก็จะเรียกนิ้วแทน ไม่เรียกนิ้วว่าเป็นแขน เป็นต้น ดังนั้น จึงไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งที่เรียกว่าคนเลย โครงสร้างโดยรวมจึงเป็นที่มาของความจริงระดับสมมุติมากมายนับไม่ถ้วนแต่การกระจายโครงสร้างดังกล่าวออกเป็นส่วนประกอบแต่ละส่วนแล้ว จะเหลือความจริงระดับปรมัตถ์เพียง 2 อย่าง คือ ไม่เป็นรูปธรรม ก็เป็นนามธรรม
รูปเป็นสิ่งที่ถูกรู้เท่านั้น จะรับรู้อะไรไม่ได้ ส่วนนามเป็นทั้งตัวรู้และถูกรู้ได้ด้วย

ปรมัตถ์ธรรม เป็นธรรมชาติที่ทรงสภาพของตนไม่มีการวิปริตผันแปรด้วยอำนาจอื่น (ขุนสรรพกิจโกศล 2510 : 7) ในพระพุทธศาสนาแบ่งปรมัตถธรรมออกเป็น 4 อย่าง คือ จิตปรมัตถ์ (ธรรมชาติที่รู้อารมณ์) เจตสิกปรมัตถ์ (ธรรมชาติที่ประกอบกับจิต) รูปปรมัตถ์ (ธรรมชาติที่เสื่อมเป็นนิจ) และนิพพานปรมัตถ์ (ธรรมชาติที่พ้นจากกิเลสและขันธ์ 5) สภาวะของปรมัตถ์รวมอยู่ในธรรมชาติทั้งหลายทั้งสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต มีลักษณะประจำตัวอยู่ 3 อย่าง คือ ความไม่เที่ยง ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ และบังคับบัญชาไม่ได้ แต่มนุษย์ทั้งหลายเข้าใจผิดกันไปเองว่าโลกและชีวิตมีอยู่จริง (เที่ยงแท้ถาวร) เป็นสุข และมีตัวตนบงการได้ ความเข้าใจผิดดังกล่าวถูกยึดมั่นเป็นความคิดสำคัญของมวลมนุษยชาติ ถ้าเป็นชาวพุทธที่แท้แล้ว จะเห็นว่าความเข้าใจผิดนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้มนุษย์ยินดีในภพชาติ มองไม่เห็นว่าภัยแห่งวัฏฏะสงสารเป็นอย่างไร

ในปรมัตถ์ธรรมทั้ง 4 ไม่มีรูปพรรณสัณฐานแน่นอนของตนเอง มีทั้งส่วนที่เป็นนามธรรมและส่วนที่เป็นรูปธรรม รูปปรมัตถ์ในที่นี้ก็เป็นรูปปรมาณูซึ่งเล็กมากเกินกำลังสายตาหรือเครื่องมือพิเศษใด ๆ จะจับถึง เราไม่อาจเห็นรูปร่างหน้าตาของปรมัตถ์ธรรมได้ เช่น ความโลภ ความโกรธ ความหลง หรือธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ เป็นต้น เราสัมผัสได้เพียงการแสดงอานุภาพของสิ่งเหล่านี้ และรับรู้ได้ตามขีดความสามารถของประสาทสัมผัส แต่ไม่สามารถเข้าถึงตัวปรมัตถ์โดยตรง

ปรมัตถธรรมมีประโยชน์กับมนุษย์อย่างไร
ปรมัตถธรรมจะเป็นประโยชน์แท้ สำหรับมนุษย์ผู้มีปัญญา มีความเห็นถูกตรงกับสภาวะธรรมเท่านั้น ปรมัตถธรรมไม่ขึ้นกับภาษา หรือเนื้อความใด ๆ

มนุษย์ผู้มีปัญญาจะเข้าใจถูกตรงว่า สรรพสิ่งท้งหลายจะมีอยู่ได้ก็ในฐานะของการเป็นส่วนประกอบของกันและกันเท่านั้น
ในทุก ๆ อณูของส่วนประกอบมีความสำคัญเท่าเทียมกัน ตั้งแต่ระดับธาตุที่เล็กมากมองไม่เห็น จนถึงระดับจักรวาลอันกว้างใหญ่

ธรรมจักษุที่เห็นความต่อเนื่องของส่วนที่ประกอบกัน(อย่างมีเงื่อนไข)จากสถานะหนึ่ง เปลี่ยนไปสู่อีกสถานะหนึ่งในเวลาต่อมานี้
ช่วยให้ผู้เห็นธรรมนั้น รู้ถึงความเห็นผิดของตน อันเนื่องมาจากการใช้ความหมายของภาษา และเนื้อความที่เคยประกอบกันขึ้นมาเป็นตัวตน

ผลพลอยได้คือ การหยั่งรู่ถึงการหาต้วตนที่แท้ไม่ได้เลยจริง ๆ ไม่ใช่จำเขามาพูดให้ฟัง

ใช่ว่ามนุษย์ทุกคน จะรู้จักประโยชน์แท้เหล่านี้ ปรมัตถธรรมจึงอาจจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยสำหรับมนุษย์ผู้ไม่มีปัญญา และมนุษย์ที่ยอมรับความจริงไม่ได้

ในการศึกษาสภาวธรรมที่เป็นปรมัตถ์ ผู้ศึกษาจะสามารถจินตนาการเป็นรูปร่างอย่างไรก็ได้ แล้วแต่ความเข้าใจของตน แต่ไม่ควรสับสนไปยึดจินตนาการนั้นว่าเป็นความจริงหรือเป็นตัวปรมัตถ์ เช่น คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า จิตมีลักษณะเป็นดวงกลม ๆ ใสบ้าง ขุ่นบ้าง
เป็นต้น แนวคิดทางสภาวะของรูป จิต เจตสิก ที่จะกล่าวต่อไป ก็อาศัยเครื่องหมายบางอย่าง ซึ่งท่านอาจารย์ กวิสิฎฐะ (ชาวพม่า) เป็นผู้กำหนดขึ้น เพื่อใช้อธิบายโครงสร้างทางสภาวพื้นฐานของรูป ของจิต ของเจตสิก พอสังเขป ทั้งนี้เป็นเพียงระบบการศึกษาตัวอย่างระบบหนึ่งเท่านั้น มิใช่ว่ารูป จิต และเจตสิก จะมีลักษณะเป็นดวง ๆ หรือเป็นขีด ๆ ดังกล่าวจริง ๆ

ที่มา http://www.abhidhamonline.org/rupa.files/paramath.htm

จริงที่เป็นปรมัตถ์ คือ รูป จิต เจตสิก นิพพาน ครบ ในเว็ปพลังจิต ก็มีเป็นสิบละครับ
อีกอย่างไม่เห็นต้องไปสนเลยว่าใครจริง ใครไม่จริง ธรรมชาติ รูป จิต เจตสิก มันมีอยู่แล้วในเรา เพียงเราทำ นิพพาน เพิ่มอีกอย่าง ก็จะเห็นเอง ว่าใครจริง ใครไม่จริง

 

หลงเข้ามา<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1422640", true); </SCRIPT>
สมาชิก



ประกาศจับ​

 

ไม่เคยคัดลอกใครมาเลยค่ะ เพราะว่ายังรู้ตัวว่าไม่ใช่ผู้รู้ แต่ก็ไม่สู่รู้แส่ส่ายว่าใครรู้ใครไม่รู้นะเอย นะเอย

 

เพื่อนๆในนี้พูดไปหมดแล้ว..
พอจะประเมินสถานการณ์ คุณสันโดษได้นะ
ก็ให้ทำไปตามหน้าที่ ทำเพราะใจรัก เสียสละเพื่อองค์กร
คนที่มีความสามารถพิเศษไปจากคนอื่น ย่อมวางตัวเหนือความหวั่นไหว
ทนต่อการยั่วยุได้ดีกว่าปุถุชนผู้เสพกิเลส

ปล. เสียงเป็นหัวใจของงานอีเวนท์
ลำโพงเสียงยังไม่ดีนะ เข้าใกล้ยังฟังไม่รู้เรื่องเลย หุหุ

 

ไปแอบมองเครื่องบินเหรอ.....

จะไปดูมั่ง แต่ติดที่ว่า จตุรัสอะไรนั่นมันอยู่ตรงไหนอะ