นองน้ำแลเลือดจะนอง 'ญาณ' ของพระพรหมวชิรญาณ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Delio, 11 ธันวาคม 2011.

  1. Delio

    Delio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +212
    ggg98f8cc65b5b5fj7ejk.jpg

    นองน้ำแลเลือดจะนอง'ญาณ'ของพระพรหมวชิรญาณ : เรื่อง ไตรเทพ ไกรงู / ภาพ ศูนย์ภาพเนชั่น



    โหราศาสตร์ เป็นวิชาที่ใช้ทายกาลล่วงหน้าหรือดูการล่วงหน้า ใช้สำหรับพยากรณ์ผลกรรมของมนุษย์โดยอาศัยดวงดาวเป็นเครื่องพยากรณ์ แสดงเหตุและผลของดวงดาว ทำให้สามารถทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าของวิถีทางของมนุษย์ และเหตุการณ์ของโลกทั่วๆ ไป ทั้งนี้ตามหลักพุทธศาสนา ตามที่แสดงไว้ในกัมมวิภังคสูตร ๑๔ ประการ คือ บางคนอายุยืน บางคนอายุสั้น บางคนมีโรคน้อย บางคนมีโรคมาก บางคนมีผิวพรรณดีบางคนมีผิวพรรณทราม บางคนมีศักดามาก บางคนมีศักดาน้อย บางคนมีทรัพย์สมบัติมาก บางคนมีทรัพย์สมบัติน้อย บางคนมีตระกูลสูง บางคนมีตระกูลต่ำ บางคนมีปัญญามาก บางคนมีปัญญาน้อย

    ในทางพระพุทธศาสนา ได้มีพุทธานุญาตให้พระภิกษุสงฆ์เรียนรู้วิชาโหราศาสตร์ในเรื่องฤกษ์ยาม เพื่อจะได้รู้เวลาทำอุโบสถสังฆกรรม อันเป็นกิจในพระพุทธศาสนา จึงได้มีชื่อ วัน เดือน ปี และฤกษ์แสดงไว้ท้ายบอกวัตรพระเป็นประเพณีสืบต่อมา

    ปัจจุบันมีพระสงฆ์ที่ขึ้นชื่อว่า “ดูหมอแม่น” หลายสิบรูป และหนึ่งในจำนวนนี้ คือ พระพรหมวชิรญาณ (ประสิทธิ์ เขมังกโร) หรือ เจ้าคุณพรหมฯ กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าอาวาสวัดยานนาวา ซึ่งที่ผ่านมามีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นักธุรกิจ นักการเมืองทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาล แวะเวียนไปหาไม่เคยขาด

    เจ้าคุณพรหม บอกว่า โหราศาสตร์ไม่ใช่ศาสตร์แห่งความหลุดพ้น พระพุทธเจ้าใช้คำว่า “เดรัจฉานวิชา” หรือ “โลกิยวิชา” ด้วยซ้ำ เพียงแต่สามารถเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์บรรเทาทุกข์ในระดับโลกิยชน ที่ยังอยู่ในโลกนี้ได้ เพียงแต่ไม่ควรเชื่ออย่างงมงายเท่านั้น สิ่งที่ประเสริฐที่สุดก็คือ การประพฤติธรรม ทุกศาสตร์มีประโยชน์ ผู้ที่ฉลาดหรือผู้ที่มีปัญญาต้องรู้จักนำความรู้จากโหราศาสตร์มาใช้ให้เป็นประโยชน์ เหมือนการพยากรณ์อากาศ เขาไม่ได้พยากรณ์ให้ฟังแค่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่นั่นที่นี่ แต่ต้องการให้คนฟังวางแผนล่วงหน้า

    โหราศาสตร์ดาราศาสตร์เป็นเรื่องของหลักสถิติที่มีการบันทึกกันมาอย่างต่อเนื่อง ในอดีตเราใช้ดวงดาวในการคำนวณเหตุที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทุกวันนี้แม้ว่าเราจะมีดาวเทียมในการพยากรณ์อากาศ แต่ดวงดาวบนท้องฟ้ายังคงใช้ได้อยู่ ไม่ว่าศาสตร์อะไร ถ้าเราใช้เป็นย่อมเกิดประโยชน์การที่เรารู้เรื่องโหราศาสตร์เรารู้เอาไว้เพื่อที่จะป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น แต่ถ้าใช้ไม่เป็นย่อมเกิดโทษ ถ้าบอกว่าดวงไม่ดี แล้วนอนอยู่บ้านเฉยๆ คงไม่ใช่ ยังต้องทำงานปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิม เพียงแต่ว่า ต้องทำด้วยความระมัดระวัง

    ทั้งนี้ เจ้าคุณพรหมจะเน้นย้ำเสมอๆ ว่า อย่ามงาย เชื่อสิ่งใดโดยไม่มีเหตุผล ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุปัจจัย คนหวังปกติสุขก็ต้องทำความดีเป็นปกติ โหราศาสตร์เป็นเพียงศาสตร์สื่อชี้ให้เห็นแนวทางกว้างๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วเตรียมตัวรับกับสถานการณ์นั้น ด้วยความไม่ประมาท เช่น มีการพยากรณ์ล่วงหน้าว่ากรุงเทพฯ น้ำจะท่วมมาตั้งแต่ต้นปี ๒๕๕๔ หากเราหาวิธีป้องกันแต่เนิ่นๆ ความเสียหายคงไม่มากอย่างที่เป็นอยู่ อย่างที่วัดได้หากระสอบทรายมาทำแนวป้องกันตั้งแต่น้ำเข้าอยุธยา รัฐบาลชุดนี้ในช่วงเข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆ สนใจแต่เรื่องอื่นไม่ได้สนใจเรื่องภัยธรรมชาติเท่าที่ควร คิดว่าการบริหารงานตามปกติจะเอาอยู่แต่สุดท้ายก็เอาไม่อยู่เพราะน้ำมามากกว่าปกติ

    อย่างไรก็ตามเท่าที่ได้ศึกษาด้านโหราศาสตร์ ในปี ๒๕๕๔ นี้ เป็นเพียงแค่การทดสอบ ความเสียหายที่ปรากฏยังถือว่าไม่มาก เมื่อเปรียบกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในปี ๒๕๕๕ ซึ่งจะหนักว่าปีนี้ทุกด้าน ไม่เฉพาะเรื่องธรรมชาติเพียงอย่างเดียว เรื่องเหตุบ้านการเมืองก็สาหัสไม่แพ้ พ.ศ.๒๕๕๔ โดยเฉพาะในช่วงรอยต่อระหว่าง พ.ศ.๒๕๕๔ กับ พ.ศ.๒๕๕๕ ก็ต้องระวังในเรื่องความแตกแยกทางความคิด

    "ตั้งแต่ต้นปี ๒๕๕๕ จะมีปัญญาหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคมความวุ่นวายของประเทศชาติจะไม่ธรรมดาหนักและร้ายแรงยิ่งกว่าเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กลางปีนองเลือดพอปลายปีน้ำก็นอง และจะอยู่ต่อเนื่องไปอีก ๒ ปี คือ พ.ศ. ๒๕๕๖ และ พ.ศ.๒๕๕๗ เมื่อขึ้น พ.ศ.๒๕๕๘ บ้านเมืองจะสงบสุข เศรษฐกิจจะรุ่งเรือง" เจ้าคุณพรหมกล่าว

    เมื่อถามถึง "รัฐบาลนี้จะอยู่ครบวาระหรือไม่?" เจ้าคุณพรหม ตอบว่า “ถ้าดวงอย่างนี้แล้ว บวกกับขาดความสามัคคี ไม่ประสานประโยชน์ต่อกันให้ดี ต่างคนต่างจะเอาปะโยชน์ใส่ตัว ไม่ตกลงกันให้ดี ถ้าจะเกิดอะไรขึ้นก็เกิดขึ้นง่าย อุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะเรารักชาติ รักศาสนา รวมทั้งรักสถาบันพระมหากษัตริย์แต่ปาก ไม่ได้รักเพราะจิตสำนึกของความเป็นคนไทย”


    ยุติทุกปัญหาด้วยธรรม


    “ความแม่นยำเป็นสิ่งที่หมอดูปรารถนามากที่สุด แต่คราวนี้อาตมาได้แต่สวดมนต์ภาวนาขออย่าให้เป็นตามที่ดูไว้เลย” นี้เป็นคำยืนยันของเจ้าคุณพรหม

    พร้อมกันนี้ เจ้าคุณพรหมแนะนำว่า เมื่อเรารู้ว่าในอนาคตอาจจะเกิดอะไรขึ้น เราสามารถป้องกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ สามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ และทุกอย่างที่พยากรณ์ไว้จะไม่เกิดขึ้นเลยหากเราตั้งตัวอยู่บนความไม่ประมาท เอาหลักของพระพุทธเจ้ามาใช้ มีหลักปฏิบัติเพื่อป้องกัน คือ ทาน ศีล และภาวนา

    ทาน แปลว่า การให้, การแบ่งปัน, การเสียสละ, การเอื้อเฟื้อ หมายถึงการให้ทานด้วยจิตใจที่ดี งาม การคลายความตระหนี่ ความเห็นแก่ตัว ความโลภในจิตใจมนุษย์ ส่งผลให้เกิดความ ใส สว่าง สะอาดของจิตใจขึ้นมา

    ศีล เป็นข้อปฏิบัติตนขั้นพื้นฐานในทางพระพุทธศาสนา คือทำให้กาย วาจา ใจ สงบไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เพื่อควบคุมความประพฤติทางกายและวาจาให้ตั้งอยู่ในความดีงามมีความปกติสุข เพื่อประโยชน์ขั้นพื้นฐานคือความสุขและไม่มีการเบียดเบียนกันในสังคม

    ภาวนา แปลว่า การเจริญ การอบรม การทำให้มีให้เป็นขึ้น หมายถึง การทำจิตใจให้สงบและทำปัญญาให้เกิดขึ้น ด้วยการฝึกฝนอบรมจิตไปตามแบบที่ท่านกำหนดไว้ ซึ่งเรียกชื่อไปต่างๆ เช่น การบำเพ็ญกรรมฐาน การทำสมาธิ การเจริญภาวนา การเจริญจิตภาวนา

    “ความไม่สงบไม่ว่าจะที่หนใดในโลกมีอยู่ตลอดเวลา ถ้าพวกเราลดความเห็นแก่ตัวลงมา มีความพอเพียง ไม่ให้แก่ตัวเกินไป นึกถึงประโยชน์ส่วนรวมของบ้านเมือง ยึดพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมานฉันท์ ประนีประนอม ปัญหาย่อมไม่เกิดขึ้น เรามีปัญญาชนจำนวนมาก แต่เป็นมิจฉาปัญญา ปัญญาดิบที่ขาดสติ ทุกวันนี้สถาบันการศึกษามุ่งเน้นแต่จะสอนวิชาชีพโดยละทิ้งวิชาชีวิต” เจ้าคุณพรหมกล่าวทิ้งท้าย
     
  2. Delio

    Delio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +212
    9bgkjh6ajhj6edged7dh9.jpg

    เส้นทางโหราศาสตร์ ของ...พระพรหมวชิรญาณ กรรมการ มส.

    ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๒ นี้ ที่ วัดยานนาวา มีงานสมโภชพระอารามหลวงวัดยานนาวา ครบ ๒๔๐ ปี พิธีทำบุญอุทิศอดีตเจ้าอาวาส และบุพการีวัดยานนาวา พิธีมอบทุนการศึกษาพระภิกษุ สามเณร นักเรียน นิสิต และนักศึกษา ประจำปี ๒๕๕๒ และงานทำบุญอายุวัฒนมงคล ๖ รอบ ๗๒ ปี พระพรหมวชิรญาณ (ประสิทธิ์ เขมังกโร) หรือ เจ้าคุณพรหมฯ กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าอาวาสวัดยานนาวา

    เจ้าคุณพรหมฯ นอกจากการศึกษาพระปริยัติธรรม และศึกษาอบรมวิปัสสนากรรมฐานแล้ว ท่านยังใส่ใจต่อการศึกษาค้นคว้าความรู้นอกระบบ ทั้งในด้านอักษรศาสตร์ การประพันธ์ร้อยแก้วร้อยกรอง สังคมวิทยา ปรัชญา จิตวิทยา รัฐศาสตร์ การปกครอง รวมทั้งยังสนใจศึกษาค้นคว้าหาความรู้ในด้าน ดาราศาสตร์ มาแต่สมัยเป็นสามเณร

    “ความจริงจะว่าไปแล้ว อาตมาไม่เชื่อในหลักการของไสยศาสตร์ ค่อนข้างจะต่อต้านวิชาโหราศาสตร์ด้วยซ้ำ เพราะถือว่า ตัวเองเป็นหัวสมัยใหม่ มีความคิดก้าวหน้ากว่าคนในยุค ๒๔๙๐ เพราะฉะนั้น ถ้าใครจะมาโอ้อวดว่าวิชาโหราศาสตร์ หรือวิชาหมอดู ดีอย่างนั้นอย่างนี้ อาตมาไม่ฟังเลย ไม่เชื่อ แถมยังพูดให้เขาได้ยินว่า หมอดูคู่หมอเดา ในความรู้สึกของอาตมาเวลานั้น ชื่นชมในหลักการทางวิทยาศาสตร์มากกว่า เพราะเป็นศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ และด้วยความที่เราเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ชอบศึกษาหาความรู้ จึงมีหูตากว้างไกล ก็ยิ่งไม่เชื่อในศาสตร์แห่งความลี้ลับ” เจ้าคุณพรหมฯ กล่าวถึงความรู้สึกที่มีต่อวิชาโหราศาสตร์ในขณะนั้น

    อย่างไรก็ตาม แม้จะต่อต้านวิชาโหราศาสตร์ แต่ก็ไม่เคยดูถูกดูแคลนคนที่มีความเชื่อในศาสตร์นี้ คือ คนอื่นจะเชื่อก็เชื่อไป ไม่ว่ากัน แต่อย่ามาชักจูง หรือโน้มน้าวให้ท่านเชื่อตาม
    ภายหลังได้หยิบหนังสือตำราพรหมชาติมาศึกษา ต่อมามีพระบวชใหม่เดินผ่านมาเห็นท่านศึกษาเรื่องนี้ คิดว่าดูดวงได้ จึงเดินเข้ามาหา บอกว่าช่วยดูดวงให้หน่อย โดยได้ตอบปฏิเสธไปว่า "เพิ่งหัดอ่าน ยังดูไม่เป็นหรอก” ในขณะที่พระบวชใหม่ต่อรองว่า “ไม่ต้องดูแบบละเอียดก็ได้ อยากรู้เรื่องคู่ชีวิตนิดหน่อยแค่นั้นเอง”

    เมื่อเอาวันเดือนปีเกิดมาตรวจตามหลักการดูดวง ปรากฏว่า ดวงของหลวงพี่ปีนั้นไม่ดีเลย จึงดูไปว่า “ปีนี้ชะตาหลวงพี่ไม่ดี จะเสียเงินทองของรัก”

    ขณะเดียวกัน หลวงพี่ถามกลับ “เสียได้ยังไง สึกออกไปก็จะแต่งงานแล้ว แฟนหลวงพี่เป็นครู เอาปิ่นโตมาถวายทุกวัน เณรเห็นหรือเปล่า ตอนนี้ทำการ์ดเรียบร้อยแล้ว จะแต่งในเดือนพฤศจิกายนนี้ ถ้าปีนี้ดวงไม่ดี แล้วเมื่อไหร่ดวงจะดี”

    จึงแนะนำไปว่า “เลยปีใหม่ไปแล้วค่อยแต่งจะดีกว่า” จากนั้นไม่นาน หลวงพี่ซึ่งสึกไปแล้วกลับมาหาอีก บอกว่า "เณรดูดวงแม่นมาก ผมไม่ได้แต่งงานจริงๆ เพราะแฟนตายแล้ว”

    นอกจากนี้แล้ว ยังมีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้นกับเขาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเขามีอาชีพเป็นทหาร ซึ่งในปีนั้นเป็นปีกบฏแมนฮัตตัน เครื่องบินทหารอากาศไปทิ้งระเบิดในเขตหวงห้าม เขาถูกตั้งข้อหาเป็นกบฏ ถูกเชิญตัวไปสอบสวนหลายครั้ง กระทั่งเลยเทศกาลปีใหม่ไปแล้วนั่นแหละ จึงมีประกาศให้ทหารมารายงานตัว เนื่องจากผลการสอบสวนพบว่า ไม่ได้กระทำความผิด

    จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้มีการพูดกันปากต่อปาก ญาติโยมจำนวนมากเดินทางไปหา สามเณรประสิทธิ์ เพื่อขอให้ดูดวง

    และในวันนั้นเอง ที่เส้นทางของหลวงพ่อพระพรหมฯ เดินเข้าสู่วงจรของโหราศาสตร์ จนกระทั่งเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ ก็ยังถูกนิมนต์ให้ไปดูดวงอยู่เป็นประจำ

    มีเรื่องเล่าขานกันว่า ครั้งหนึ่งท่านเคยได้รับการติดต่อจาก นายชิน โสภณพนิช ผู้ก่อตั้งธนาคารกรุงเทพ ให้เดินทางไปปัดรังควานภูตผีในต่างแดน ณ สำนักงานแบงก์กรุงเทพ ในประเทศอินโดนีเซีย

    และเหนือสิ่งอื่นใดก็คือ แม้แต่อดีตประธานาธิบดี ซูฮาร์โต แห่งอินโดนีเซีย ก็ยังให้ความเคารพนับถือในตัวท่าน ว่ากันว่า แม้กระทั่งก่อนจะเข้ารับการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจในโรงพยาบาล อดีตประธานาธิบดีซูฮาร์โตก็ยังต่อสายขอคำแนะนำจากท่าน

    นอกจากนี้ ช่วงลงจากอำนาจ ก็ยังมีการต่อสายถึงท่านเป็นกรณีพิเศษด้วย
    แม้จะมีความชำนาญในโหราศาสตร์มากเพียงใด แต่ท่านก็ไม่ยึดติด และไม่ชอบดูให้ใครง่ายๆ บางทีท่านจะถามคนที่มาให้ดูว่า ทำไมต้องให้อาตมาดูให้ ดูตัวเองก็ได้นี่ จนบางครั้งมีคนเข้าใจผิดนึกว่า ท่านชอบดูให้แต่คนรวย หรือคนใหญ่คนโต แต่ความจริงแล้ว ท่านมีใจเมตตาต่อคนทุกระดับชั้น
    ท่านทราบดีว่า ทุกคน ทุกระดับ ต่างก็มีทุกข์ มีปัญหาด้วยกันทั้งนั้น แต่ปัญหาอาจจะแตกต่างกัน เพียงแต่ท่านไม่ต้องการดูกันพร่ำเพรื่อสนุกๆ ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็ยินดีดู เพื่อชี้แนวปฏิบัติที่ดีงามให้

    อย่างมงาย
    เจ้าคุณพรหมฯ บอกว่า โดยส่วนตัวแล้ว ไม่อยากกล่าวถึงเรื่องโหราศาสตร์เท่าไหร่ แต่คนส่วนใหญ่ที่มาหาท่าน มักจะถามเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกๆ เพราะโหราศาสตร์ไม่ใช่ศาสตร์แห่งความหลุดพ้น พระพุทธเจ้าใช้คำว่า “เดรัจฉานวิชา” หรือ “โลกิยวิชา” ด้วยซ้ำ เพียงแต่สามารถเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์บรรเทาทุกข์ในระดับโลกิยชน ที่ยังอยู่ในโลกนี้ได้ เพียงแต่ไม่ควรเชื่ออย่างงมงายเท่านั้น

    สิ่งที่ประเสริฐที่สุดก็คือ การประพฤติธรรม แต่โหราศาสตร์ในวิถีทางของอาตมา ต้องการให้เป็นศาสตร์จริงๆ นำไปประยุกต์ใช้ได้กับพุทธศาสตร์ได้ เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตอย่างมีสติ ซึ่งอาตมาจะเน้นย้ำเสมอว่า อย่างมงาย เชื่อสิ่งใดโดยไม่มีเหตุผล ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุปัจจัย คนหวังปกติสุขก็ต้องทำความดีเป็นปกติ

    อย่าไปให้ความสำคัญกับโหราศาสตร์มากนัก สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญ คือ เรื่องหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา โหราศาสตร์เป็นเพียงศาสตร์สื่อชี้ให้เห็นแนวทางกว้างๆ ว่า จะเกิดอะไรขึ้น แล้วเตรียมตัวรับกับสถานการณ์นั้น ด้วยความไม่ประมาท

    เช่น ถ้าช่วงไหนดวงไม่ดี ก็เหมือนกับชีวิตในช่วงกลางคืน ที่ไม่มีแสงสว่าง ซึ่งไม่ควรทำภารกิจอันจะเกิดผลเสียหายได้ ไม่มีใครทำนาทำไร่ในตอนกลางคืน

    แต่ถ้าจำเป็นต้องทำจริงๆ ก็ทำได้ โดยการใช้ไฟฟ้าเป็นแสงสว่างนำทาง ซึ่งก็คือ การใช้ธรรมะแก้ไขปัญหา นั่นเอง ไม่ว่าศาสตร์อะไร ถ้าเราใช้เป็นย่อมเกิดประโยชน์ แต่ถ้าใช้ไม่เป็นย่อมเกิดโทษ ถ้าบอกว่าดวงไม่ดี แล้วนอนอยู่บ้านเฉยๆ คงไม่ใช่ ยังต้องทำงานปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิม เพียงแต่ว่า ต้องทำด้วยความระมัดระวัง

    พร้อมกันนี้ เจ้าคุณพรหมฯ ยังให้ข้อคิดอีกว่า ธรรมะถ้าทำให้เป็นเรื่องยากคนก็ไม่อยากเข้าหา ถ้าเอาโหราศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น เขามาปรึกษาเรื่องดวงชะตา แนะนำแผนผังชีวิตให้ แต่ย้ำว่าอย่างมงาย อย่าคิดว่า ดวงดีแล้วทำอะไรก็ได้ ดวงดีถ้าทำไม่ดี ก็กลายเป็นดวงเสียได้

    ในขณะที่คนดวงไม่ดี ถ้าทำความดี ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ก็จะกลายเป็นคนดวงดีได้
    เหมือนการพยากรณ์อากาศ เขาไม่ได้พยากรณ์ให้ฟังแค่รู้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นที่นั่นที่นี่ แต่ต้องการให้คนฟังวางแผนล่วงหน้า โดยเฉพาะในต่างประเทศ เรื่องเหล่านี้สำคัญมาก เช่น คนอังกฤษจะออกจากบ้าน ต้องเปิดวิทยุฟังก่อนว่า วันนี้ จะมีฝนตกแถวไหนบ้าง จะได้เตรียมอุปกรณ์เดินทางให้พร้อม

    เรื่อง / ภาพ... "ไตรเทพ ไกรงู"
     
  3. ภูติอาคเนย์

    ภูติอาคเนย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    724
    ค่าพลัง:
    +1,327
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ เคยได้ทราบจากพระท่านที่สอนกสิณที่วัดยานนาวาว่า ท่านเจ้าคุณท่านมีครูดี หนึ่งในนั้นเป็นระดับโหราจารย์ของโลกเลยทีเดียว อาจารย์ของท่านนั้นทำนายแม่นขนาดระบุเหตุการณ์ได้เป็นนาทีเลย ส่วนตัวท่านเจ้าคุณเองนั้นผมเชื่อโดยส่วนตัวว่า ในสายพระที่มีวิชาด้านโหราศาสตร์ นี่ท่านถือเป็นมือวางอันดับหนึ่งในประเทศแล้วครับ ท่านเองยังเป็นผู้ให้มีการอัญเชิญคำภีร์สุวรรณโคมคำ ซึ่งเป็นตำราด้านโหราศาสตร์ที่สืบทอดมาจากสมัยพุทธกาลตกทอดมาถึงเวียงจันทร์ มาให้ศึกษากันไว้ด้วย ใครที่เคยไปสมาคมนี้น่าจะทราบดีทุกท่าน

    ปล.ผมไม่ใช่ศิษย์สำนักนี้นะครับรู้เพราะความบังเอิญเคยไปปฏิบัติธรรมแถวนั้น :)
     
  4. hmg

    hmg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,504
    ค่าพลัง:
    +4,322
    คำสอนต่างๆ อยู่ที่เราใคร่ที่จะสนใจหรือไม่สนใจเท่านั้นเองครับ
    โมทนาสาธุด้วยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...