ท่านรู้จัก"ทางสายกลาง"ดีแล้วหรือยัง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย กระเจียว, 22 กันยายน 2004.

  1. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,353
    ค่าพลัง:
    +2,011
    พุทธศาสนา เป็นศาสนาสอนให้เชื่อในกฏแห่งกรรมว่า
     
  2. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ความไม่ตึงไม่หย่อนคือ ทางสายกลาง
    ความไม่ใช่ความดี แต่ก็ไม่ใช่ความชั่วคือ ทางสายกลาง
    ข้อศีล มีไว้สำหรับฝึกตนเพื่อให้เกิดธรรมะ
    ศีลห้ามาจาก พรหมวิหาร 4
    ศีลแปด เพื่อให้เกิด พรหมวิหาร 4
    ศีลสิบ เป็นศีลสำหรับเด็กๆ ไว้ฝึกตนมิให้ทำตัวเกกมะเหรกเกเร เป็นพื้นฐานสำหรับเด็กๆอันนำไปสู่ พรหมวิหาร 4
     
  3. โอมพุทโธกิเตศวร

    โอมพุทโธกิเตศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +198
    เมื่อจิตไม่ติดนอก คืออายตนะทั้งห้า
    และไม่ติดใน คือ ธาตุรู้ มโนธาตุ
    ........ประคองจิตตรงนี้....แล้วจะเห็นทางสายกลาง.......
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • omm.jpg
      omm.jpg
      ขนาดไฟล์:
      45.6 KB
      เปิดดู:
      135
  4. ผู้เดินทาง

    ผู้เดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +407
    ใช่เลยครับ ตรงนั้นล่ะ ประตูนิพพาน

     
  5. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,802
    ค่าพลัง:
    +18,984
    โมทนา...

    ... ลักษณะทางสายกลางที่ผมเคยคาดเดา ไปๆ มาๆ ลองอ่านดูครับ

    1. ไม่เบียดเบียนใคร
    2. มีใจกุศล และเมตตา
     
  6. โอมพุทโธกิเตศวร

    โอมพุทโธกิเตศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +198
    ..............ธรรมจักร และ ทางสายกลาง..........

    .............................เมื่อไม่ติดนอก และไม่ติดใน ....จะเริ่มรู้ถึงการหมุนภายใน (จักรธรรม)
    มรรคมีองค์แปดรวมตัว ข้อสำคัญคือเมื่อทนรับการหมุนแห่งจักรธรรมไม่ไหวให้ปล่อยวางทุกอย่าง แม้ชีวิตตน ความอาลัยอาวรณ์ในสิ่งทั้งหลาย..........จักรที่หมุนเต็มที่ด้วยสติปล่อยวางอายตนะทั้งห้า และธาตุรู้ภายใน .....จนเต็มรอบ ..... จะสลัดจิตเข้าสู่สภาวะเหนือการปรุงแต่ง จะรู้เฉพาะตนว่าต่อไปนี้จะเดินทางต่อไปเช่นไร ในทางจิต และทางโลกสมมุติ เพื่อถึง่จุดหมายแห่งการล้างอาสวะให้สิ้น.........รู้มากหรือน้อยขึ้นกับความมากน้อยแห่งอาสวะ หรืออวิชชาที่เคลือบ และปิดบังจิต..
    ......................รู้นี้ไม่เนื่องด้วยความคิดปรุงแต่งใดๆจากสมอง หรือ สัญญาใดๆ..
    .. เป็นวิมุตติญาณทัสนะ....รู้จากจิตที่พ้นการปรุงแต่งขณะนั้น

    .....นี่คือรูปแบบหนึ่งแห่งธรรมจักร และทางสายกลางที่ท่านทรงทิ้งไว้ให้สัตว์โลก...
     

แชร์หน้านี้

Loading...