ท่านพ่อลี ธัมมธโร วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ อิมานิ มยํ ภนฺเต

ในห้อง 'ทวีป อเมริกา' ตั้งกระทู้โดย Wat Pa Gothenburg, 1 ธันวาคม 2008.

  1. Wat Pa Gothenburg

    Wat Pa Gothenburg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    920
    ค่าพลัง:
    +260
    <table border="0" cellpadding="7" cellspacing="7" width="500"><tbody><tr><td colspan="3" align="center">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td colspan="3" align="center">[SIZE=+2]ท่านพ่อลี ธัมมธโร[/SIZE]</td> </tr> <tr> <td colspan="3" align="center">[SIZE=+1]วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ[/SIZE]</td> </tr> </tbody></table> <center> อิมานิ มยํ ภนฺเต </center> การปฏิบัติธรรม ต้องปฏิบัติให้ถูกตัวจริงของธรรม เช่นเราอยากขี่วัว ขี่รถ อย่าไปขี่เงาวัว ขี่เงารถ ต้องขี่ตัวจริงของมันจึงจะสบาย และไปถึงจุดหมายได้ บุญภายนอกเปรียบเหมือนเงาวัวหรือเงารถ ถ้าเรายังไม่ฝึกใจตนเอง ก็ยังไม่ถึงบุญจริง ถูกแต่หัวมันบ้าง หางมันบ้าง บางทีอาจถูกวัวเตะเอาบ้าง ขวิดเอาบ้าง ดังจะได้เล่านิทานมาสู่กันฟังว่า
    วันหนึ่งสองคนสามีภรรยา เมื่อถึงฤดูกาลเข้าพรรษาแล้ว ก็อยากถวายสังฆทาน เพราะเขาเห็นว่าได้บุญมาก ตกเวลากลางคืนจึงได้เตรียมข้าวของเพื่อถวายสังฆทาน ได้มีจิตเบิกบานพร้อมใจกันทั้งสองผัวเมีย พอรุ่งเช้าพระผู้เป็นเจ้าก็ได้ไปรับสังฆทานที่บ้านสองผัวเมียนั้น ผัวชื่อนายแมว เมียชื่อนางมา ทั้งสองคนผัวเมียได้นำภาชนะหวานคาวไปตั้งไว้ตรงหน้าพระสงฆ์ ๒ รูปแก่ๆ ให้ศีลก็ไม่ได้ ขยิกกันไปขยิกกันมา เลยให้ศีลข้อสุราฯขึ้นต้น เพราะเคยฟังเขาเล่ากันว่า ศีลข้อสุรามันเป็นบาปมาก ของมากมันต้องใหญ่ เหมือนต้นไม้มันต้องโตที่โคนต้น เหตุนั้นเราจึงเอาข้อสุราฯนี้แหละขึ้นก่อน เพราะมันเป็นใหญ่ นึกแล้วก็ว่าไป พอจบลงองค์ที่ ๒ ก็ว่า “ท่านให้ศีลไม่ถูก” แล้วก็ตอบกันไปว่า “ถูก” องค์หนึ่งก็ว่า “ผิด” เถียงกันไปเถียงกันมา จนเกิดความโกรธ แล้วก็เลยถามกันว่า เรือมันมีกี่หัว? ไม้คานที่เขาหาบมันมีกี่หัว? คนมีกี่หัว? ลองให้ท่านคิดดู มันก็หัวทั้งสองข้างเหมือนกัน เช่น คนเดินเอาหัวแม่เท้าไปก่อน คนคลานต้องเอาหัวเข่าหัวแม่มือไปก่อน ไม้คานหรือเรือก็เหมือนกัน มันมีหัวสองข้าง เมื่อหาบหรือแจวไป หันหน้าทางไหน มีหัวทางนั้น ฉะนั้นศีลก็ต้องมีหัวสองข้างเหมือนกัน ฉะนั้นขึ้น “สุราฯ” ก่อนก็ไม่ผิด ในที่สุดก็ตกลงกันว่า “ถูกๆ” แต่ที่จริงผิดจากบัญญัติทั้งเรื่องธรรมดาเขาต้องขึ้น “ปาณาฯ” ก่อนทุกคราวไป อันนี้ก็คือขาดการศึกษาอบรม จึงเป็นมาเช่นนั้น
    ต่อจากนั้นพระท่านก็บอกคำถวายสังฆทานให้แก่สามีจนจำได้บ้าง สามีก็ได้นำภรรยาของตัวว่า นโม ๓ จบ แล้วก็ได้สั่งกับนางว่า “ให้ว่าตามฉันนะ” ต่อนั้นสามีก็กล่าวคำนำถวายสังฆทานว่า “อิมานิ” จบลงเป็นบทแรก แต่นางมาก็ไม่ได้ว่าตาม นั่งนิ่งเฉยอยู่ แล้วขึ้นใหม่อีกว่า “อิมานิ” นางมาก็นึกฉิวขึ้นในใจว่า วันนี้เป็นวันทำทาน มันยังมาขึ้น อีๆไอ้ๆกับกู รู้สึกโกรธขึ้นในใจ สามีก็นำว่าอีก “อิมานิ” นางภรรยาก็ทนไม่ไหว จึงพูดขึ้นเพื่อเป็นการตอบแทนสามีของตนว่า ไอ้แมวนิ สามีก็โกรธให้ภรรยา ทำหน้าตึงเครียดใส่กัน ในที่สุดก็เกิดมีปากเสียงกันขึ้น ผัวจึงด่าเมียว่า “อีตวักตักข้าวสุก มันรู้จักแต่กิน” เมียก็ด่าผัวว่า “ไอ้ช้อนตักแกง มันคอยระแวงแต่กู มันจึงขึ้น “อีมาอีมี” แก่กู”
    ในที่สุดเมียคว้าได้ช้อน ผัวคว้าได้ตวัก เลยตักกันทั้งปากทั้งมือว่า “มึงไปเรียนมาแต่ไหน? คำพูดอย่างนี้ แต่ก่อนกูไม่เคยได้ฟัง อีมาอีมี อย่างนี้” สามีบอกว่าพระท่านสอน นางก็เลยลุกลามไปถึงหลวงตา หาว่าเสี้ยมสอนสามีของตนพูดคำหยาบ พระนี้มีแต่หากิน ให้ศีลก็ไม่ถูก ไม่เอาละวะ ให้ลงไปเดี๋ยวนี้
    หลวงตาทั้ง ๒ ก็ลำบาก พูดไปก็ยาก กลัวเขาฉิว ตัวเองก็หิวจึงรีบตะพายบาตรลงจากบ้านไป ถึงวัดต้องหุงข้าวกินเอง
    นี่แหละบุคคลบำเพ็ญกุศลที่ไม่ถูกตัวจริง จึงก่อความเสียหายขึ้นหลายด้านหลายทาง ฉะนั้นในการบำเพ็ญกุศล จึงสมควรอบรมจิตใจของตนไว้บ้าง เพื่อจะได้ประกอบกับการทำบุญทั่วๆไป ทำจิตทำใจให้

    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"> <tbody><tr> <td align="center">*********</td> </tr> </tbody></table>
     

แชร์หน้านี้

Loading...