ท่านขุนช้างเล่าเรื่องทรัพยากรให้หลวงพ่อฟัง

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 3 กันยายน 2007.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    [​IMG]
    (ท่านขุนช้างเล่าให้หลวงพ่อฟัง ประมาณ 5 เมษายน 2521)
    น้ำมันนี่กว่าจะเจาะลงไปถึงมันกี่พันกี่หมื่นฟุต หรือว่ากี่พันกี่หมื่นเมตร เจาะลงไปแล้วก็ได้น้ำมันขึ้นมาไอ้น้ำมันนี่มันก็มีเหตุอยู่ 2 ประการที่จะได้น้ำมัน คือ
    1. ฟางเน่า หญ้าเน่า สัตว์เน่า หอยเน่า คนเน่า สะสมกัน ไอ้ความเน่ามันเกิดเป็นแกส กระแสที่ไหลไปจาก น้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำหนองพวกนั้น สะสมกับน้ำธรรมชาติ เพาะตัวขึ้นมาอาศัยแกสผสมขึ้นมา ก็เกิดเป็น น้ำมันจุดไฟติด นี่อย่างหนึ่ง
    2. อาศัยแร่ธาตุที่มันเป็นหิน หินที่มีความชื้นที่เขาเรียกว่า หินน้ำมัน คือ มันไม่ใช่หินจริง ๆ มันเป็นสิ่งเนื้อหนังผสมกันกับธาตุดิน มีความเน่าของบางจุด เข้าผสมกันมีความชื้น เป็นน้ำมันอีกอย่างหนึ่ง
    น้ำมันที่ว่าจะเจาะลงไปพบนี่ เป็นน้ำมันผิวต้น ถ้าเจาะลงไปๆ ดึงดูดเอาความชื้นขึ้นมา แล้วมีปัญญาเจาะลงไปอีก มันก็จะไปเจาะน้ำมันอีก ชั้นของน้ำมันมีตั้งหลายชั้นสมมติว่า จะสูบน้ำมันขึ้นมาจริง ๆ โอ้โฮ มัน มีตั้งเยอะแยะ นี่ความจริง ดินแดนแผ่นนี้ ที่เรียกกันว่า แหลมทอง และเป็นเมืองทองก็เพราะ มีทรัพยากรมาก นอกจากน้ำมัน ก็ยังมีแร่มีหิน มีเพชรนิลจินดา มีเงินมีทอง มีแร่ธาตุต่าง ๆ ที่มีค่า คนที่มีปัญญา ยังจะใช้ได้อีกนาน แต่ว่า ถ้าคนมีกำลังใจเป็นพาล คือ ความโง่
    ชอบเห็นคนอื่นดีกว่าพวกของตน และขนของ อกไปเป็นส่วนของตนมาก เมืองของตนรวยไม่ชอบ ชอบไปให้เมืองชาวบ้านอื่นเขารวย ขนทรัพย์ขนสินไปให้ชาวบ้านอื่นเขารวย
    ถ้ายังมีน้ำใจอยู่อย่างนี้ละ ของที่มีค่า มีราคาดี มันก็ยังปรากฏน้อย
    ถ้าคนทุกคนในเขตนี้ ที่เรียกกันว่า คนไทย มีใจรักชาติ มีความซื่อสัตย์สุจริต หวังความเจริญของบ้านเมือง ต้องการให้บ้านเมือง เจริญจริงๆ ทรัพยากรจะได้มากยิ่งกว่านี้ ไอ้ที่เขาว่ายังไม่ขึ้นมาๆ นี่
    ไม่ใช่เทวดากันไว้ ไม่ใช่ผีกันไว้ ไม่ใช่อย่างงั้น มันเป็นไอ้มนุษย์ ที่ยังมีชีวิตอยู่นั่นแหละที่กันอยู่
    เช่น อย่างว่า มีทุนมีงบประมาณเท่านี้ เขาให้ไปทำเท่านี้ มันก็กันเสีย ไปทำเท่าโน้น ไม่พอดิบพอดีกับเงินที่จ่ายไปแล้ว ผลประโยชน์นั้น จะได้สมบูรณยังไง ที่ท่านได้ฟังมาจากคนก่อนว่า ถ้าคนไทยดีขึ้นมาเมื่อไร ทรัพยากรทั้งหลายมันก็จะปรากฏมากเท่านั้น
    ถ้ามีดีเต็มที่มันก็เกิดขึ้นมาเต็มที่ ดีน้อยมันก็เกิดน้อย
    ไอ้คำว่า "ดี" ในที่นี้ ที่ว่าทรัพย์มันจะขึ้นมามากนั้น ไม่ใช่มันลอยขึ้นมาเอง แต่เป็นด้วยการใช้ปัญญาของตนเอง หรือปัญญาที่ศึกษามาจากในต่างประเทศ ใช้ปัญญานั้นให้มันครบถ้วน ไม่ใช่ว่าไปเรียนกันมาแล้ว อยากจะได้เงินเดือน อยากจะได้เงินพิเศษ เงินกินบ้าง เงินโกงบ้าง เงินยักบ้าง เงินยอกบ้าง เงินแป๊ะเจี๊ยะ บ้าง เงินเก๊าเจี๊ยะบ้าง เป็นต้น อย่างนี้ ของดีมันก็ผุดขึ้นมาไม่ได้
    ถ้ากำลังใจของคนมันดีจริงๆ ซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ามีปัญญามาก เงินก็ใช้น้อย จะได้ผลเป็นของดีขึ้นมามาก คนที่มีปัญญามากนี่ เขาใช้เงินน้อย คือ ใช้ปัญญาช่วยด้วย ใช้แรงงานของ คนช่วยด้วย ใช้อย่างอื่นแทนเงิน
    อย่างคนโบราณนี่ เขาก็รู้จัก เอาทองหยอง ขึ้นมาใช้ รู้จักเอาน้ำมัน ขึ้นมาใช้ เขามีตะเกียงใช้เหมือนกัน แล้ว ก็เป็นตะเกียงน้ำมัน จะว่าใช้น้ำมันหมู ก็เอาหมูที่ไหน มาฆ่าตั้งเยอะแยะ จะว่าใช้น้ำมันมะพร้าว โรงกลั่นน้ำมันมะพร้าวก็ยังไม่มี น้ำมันตั้งแต่โยนกนคร หรือ สุโขทัย หรือกรุงศรีอยุธยานี่ เขายังไม่ได้ใช้น้ำมันต่างประเทศ
    ทองในประเทศนี่ เขายังส่งไปขายนอกประเทศด้วยซ้ำ เงินก็เหมือนกันเขาใช้ เงินในประเทศ ไม่ได้ซื้อ เงินนอกประเทศ แล้วเขาจะเอาเงินนี้ไปต่างประเทศ แลกเอาสิ่งของที่เราไม่มีเข้ามา ของทั้งหลายเหล่า นี้มันมีมาแล้วแต่อดีตกาล เขาใช้มาแล้วแต่อดีตกาล แต่คนสมัยนี้ไม่ได้ใช้ปัญญาอย่างคนในสมัยนั้น อะไรๆ ก็ต้องให้เป็นชาวต่างประเทศมาค้นคว้าหาทั้งหมด
    จึงปรากฏว่า มันขึ้นมาไม่ได้ ถึงขึ้นมาได้ เขาก็ต้องหากำไร ยกเอาไปบ้านเขามากกว่า ที่เราจะพึงได้ สมัยผม (ขุนช้าง-ขุนแผน) เขาก็หาน้ำมันกันได้ จะบอกวิธีก็ได้
    น้ำมันนี่ เขาหากันตามเชิงเขา วิธีการหาน้ำมันก็เป็นของไม่ยาก เขาไปดูแหล่งเฉพาะวัตถุที่จุดไฟได้ดี หรือต้นไม้ที่มีการไวไฟเป็นต้น
    คนเขามีปัญญา เมื่อเจอะเหตุทั้งสองประการอย่างนี้ เขาก็หาแหล่งน้ำมันกัน น้ำมันที่จะพึงได้มาก็เป็นน้ำมันข้น บางจุดก็เป็นน้ำมันสีดำ บางจุดก็เป็นน้ำมันสีแดง แล้วเขาก็ใช้วิธี เกรอะ ตามวิทยาการ
    การหาแหล่งน้ำมันก็ดี แหล่งทองก็ดี เวลานั้นเขาใช้ผีช่วยบ้าง ใช้คนทิพย์ช่วยบ้างชี้บอกจุด ชี้บอกทางการ เจาะ การสกัดมันก็เป็นของไม่ยากนัก การใช้น้ำมันสมัยนั้น มันไม่มาก เหมือนสมัยนี้ ไม่มีรถยนต์ แต่ปีหนึ่งก็ใช้เป็นหมื่นๆ ถังเหมือนกัน การที่จะใช้แรงงานคน โดยเฉพาะใช้ปัญญา มากกว่าทรัพย์ ก็สามารถหาน้ำมัน ได้ขนาดนั้น เวลานี้ เราใช้ทั้งปัญญาด้วย ทั้งแรงเครื่องจักรด้วย ถ้าหาแบบนั้น มันจะได้มากกว่านี้มาก
    (เพิ่มเติม เมื่อ 24 มีนาคม 2522)
    น้ำมันในประเทศไทยนี้เกิดจากสามแหล่งใหญ่ ๆ คือ
    1. สายจากพม่า เป็นน้ำมันใสเกรดดี วกมาจากด้านมะริด
    2. สายจากประเทศจีน เป็นน้ำมันขุ่นหยาบ น้ำมันสายนี้ ไหลผ่านแร่ชนิดหนึ่งเรียกว่า ยูเรเซียม ซึ่งเป็น แร่ ที่นักวิทยาศาสตร์ไม่รู้จัก มีลักษณะดำเป็นมันเลื่อม และมีความร้อนสูง แร่นี้เป็นเชื้อทำให้ เกิดภูเขาไฟ เมื่อน้ำมันข้นนี้ ไหลผ่านแร่ ก็จะถูกความร้อน ทำให้น้ำมันมีคุณภาพดีขึ้น คือ ใสมากกว่าเดิม
    3. สายในประเทศเอง คือ เกิดเองในประเทศ เช่นที่ นครสวรรค์ และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ น้ำมันจากประเทศจีนไหลมารวมกับสายพม่า ที่บริเวณนครสวรรค์ ทำให้เป็นน้ำมันคุณภาพดี แล้วเผยกว้าง เป็นอ่าวไหลผ่านลงมาทางใต้ ออกไปยังอ่าวไทย บ่อน้ำมันบนดินที่ตื้นมากที่สุดอยู่ทางทิศเหนือ
    ที่มา http://www.firstbuddha.com/Real/resource.html
     
  2. รัก_D

    รัก_D เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2008
    โพสต์:
    290
    ค่าพลัง:
    +1,096
    เรื่องโกงกิน มันแก้กันไม่ได้ ที่แก้ได้ก็เฉพาะตัวเองในตอนนี้ ทำตัวเองให้ดีที่สุด อย่าให้เขาตำหนิติเตรียนได้ สำหรับผมขอเพียงแค่นี้ก่อน การแก้คนอื่นมันยากซะนี่กระไร..
     

แชร์หน้านี้

Loading...