ทุกที่ในโลกคือปาชา

ในห้อง 'พระไตรปิฎก' ตั้งกระทู้โดย KK1234, 25 เมษายน 2009.

  1. KK1234

    KK1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    2,401
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,515
    <nobr>๖.ทุกที่ในโลกคือปาชา(อุปสาฬหกชาตกํ)
    </nobr>
    <nobr>[๑๘๑] อุปสาฬฺหกนามานํ... </nobr>
    <nobr>นตฺถิ โลเก อนามตํฯ </nobr>
    <nobr>
    [๑๘๒] ยมฺหิ สจฺจฺจ ธมฺโม จ
    </nobr>
    <nobr>อหึสา สฺญโม ทโม </nobr>
    <nobr>เอตทริยา เสวนฺติ </nobr>
    <nobr>เอตํ โลเก อนามตนฺติฯ </nobr>
    <nobr>
    ความนํา
    </nobr>
    <nobr>พระพุทธเจา เมื่อประทับอยู ณ วัดชื่อวาเชตวัน ทรงปรารภพราหมณคนหนึ่งชื่อ </nobr><nobr>วาอุปสาฬหกะที่ตองการใหเผาตนเองในปาชาที่บริสุทธิ์ไมปะปนกับคนอื่น ไดตรัสพระธรรม </nobr>
    <nobr>เทศนาคือคาถาที่ปรากฏ ณ เบื้องตน</nobr>
    <nobr>
    ปจจุบันชาติ
    </nobr>
    <nobr>มีเรื่องเลากันมาวา พราหมณคนนั้นเปนผูมั่งคั่งมีทรัพยมากแตเพราะความที่ตนเอง </nobr>
    <nobr>เปนคนมีทิฎฐิเชื่อมั่นในความคิดเห็นของตนเอง เขาไมไดทําการถวายทานแดพระพุทธเจา </nobr>
    <nobr>ผูประทับอยูในวิหารใกล ๆเลยสวนบุตรของเขาเปนคนฉลาดมีความรู </nobr>
    <nobr>ในเวลาที่ตนเองแกเฒาวันหนึ่งพราหมณไดบอกแกบุตรชายวา“ลูกเอย ในเวลาที่ </nobr>
    <nobr>พอตายลงไปพอขอรองเจาอยาไดเผาพอปะปนกับคนชั่ว ๆ เลย แตขอใหเผาศพพอในที่ที่ไม </nobr>
    <nobr>ปะปนกับใครอื่น” </nobr>
    <nobr>

    ลูกชายจึงบอกวา“คุณพอครับลูกไมรูวาจะเผาคุณพอที่ไหนดี เอาอยางนี้ก็แลวกัน </nobr> <nobr>ขอใหคุณพอพาลูกไปดูก็แลวกันวาจะใหเผาคุณพอที่ไหน” </nobr>
    <nobr>สองพอลูกจึงพากันออกจากเมืองมุงหนาไปบนยอดเขาคิชฌกูฎ เมื่อไปถึง ผูเปน </nobr>
    <nobr>พอไดสั่งใหลูกเผาศพตนเองตรงนี้ จากนั้น ทั้งคูก็ลงจากภูเขาเตรียมจะกลับบาน </nobr>
    <nobr>วันนั้นในเวลาใกลรุง พระพุทธเจาทรงแผขายพระญาณ ไดทอดพระเนตรเห็นวา </nobr>
    <nobr>สองพอลูกจะไดบรรลุโสดาบัน จึงเสด็จไปดักรอสองพอลูกอยูที่เชิงเขา เมื่อพอลูกไดพบ </nobr>
    <nobr>พระพุทธเจาพระพุทธองคไดทรงทําปฎิสันถารตรัสทักทายและสอบถามถึงการมาที่ภูเขาแหงนี้ </nobr>
    <nobr>ผูเปนบิดาจึงกราบทูลใหทราบตามความเปนจริง พระพุทธองคเมื่อทรงทราบ </nobr>
    <nobr>เหตุผลที่มาของสองพอลูกจึงชวนทั้งคูกลับไปยังบนภูเขาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อไปถึงผูเปนลูกชายจึง </nobr>
    <nobr>กราบทูลใหทราบวา“คุณพอสั่งใหขาพระองคเผาทานในระหวางภูเขา๓ลูกนี่พระเจาขา” </nobr>
    <nobr>พระพุทธเจาไดฟงดังนั้นจึงตรัสวา“ดูกรมาณพ พอของเธอตองการใหที่เผาศพของ </nobr>
    <nobr>ตนเองบริสุทธิ์ไมปะปนกับใครไมใชเฉพาะแตในบัดนี้เทานั้น แมเมื่อกอนก็เหมือนกัน </nobr>
    <nobr>อีกประการหนึ่ง ตัวเขาสั่งเธอมิใชเฉพาะชาตินี้เทานั้น ในอดีตชาติ เขาก็เคยสั่งเธอแบบนี้มาแลว </nobr>
    <nobr>เหมือนกัน” </nobr>
    <nobr>
    เมื่อเขากราบทูลอาราธนาแลว จึงทรงนําเรื่องอดีตชาดกมาสาธกยกอธิบายใหฟง </nobr><nobr>ดังตอไปนี้</nobr>
    <nobr>
    อดีตชาติเนื้อหาชาดก
    </nobr>
    <nobr>
    ในอดีตกาล ที่กรุงราชคฤหนี้เอง ไดมีพราหมณคนหนึ่งในเมืองมคธ เมื่อเขาเรียน </nobr><nobr>จบแลวเกิดความเบื่อหนายในชีวิตฆราวาส จึงออกบวชเปนฤาษีทําฌานและอภิญญาใหบังเกิด </nobr>
    <nobr>อาศัยอยูในหิมวันตประเทศ ตอมา ไดเขาไปพักอาศัยอยูในบรรณศาลาใกลภูเขาคิชฌกูฎ </nobr>
    <nobr>ในสมัยนั้นเอง พราหมณอุปสาฬหกะและบุตรคนเดียวกันนี้เองก็คือสองพอลูกใน </nobr>
    <nobr>บัดนั้นผูเปนพอไดพาลูกไปบอกที่เผาศพตนเองบนภูเขา เมื่อลงมาจากภูเขาไดพบกับพระฤาษี </nobr>
    <nobr>ทานนั้นทานจึงบอกความจริงใหทราบดวยบุพเพนิวาสานุสสติญาณ คือญาณระลึกชาติไดถึง </nobr>
    <nobr>ภพที่อยูของบุคคลอื่นในชาติแลวกลาวความจริงใหทราบวา </nobr>
    <nobr>
    “ดูกอนมาณพเอย เราจะบอกความจริงใหเธอไดทราบวา ตรงที่นี้นี่เองไมสามารถ </nobr><nobr>จะคํานวณนับไดเลยวาคนที่ถูกเผามีประมาณเทาใดพอของเธอเองไดเกิดเปนพราหมณในเมือง </nobr>
    <nobr>ราชคฤหนี้เองมีชื่อวาอุปสาฬหกะเหมือนกันและถูกเผาในระหวางภูเขานี้ถึงหนึ่งหมื่นสี่พันชาติ </nobr>
    <nobr>มาแลว ตามความเปนจริง สถานที่ที่ไมเคยเผาคนก็ดี สถานที่ที่ไมเคยเปนปาชามากอนก็ดี </nobr> <nobr>สถานที่ที่สัตวไมเคยนอนตายทอดรางไมอาจจะหาไดเลยในโลกนี้” จากนั้น จึงไดกลาวสอง </nobr>
    <nobr>คาถาวา

    </nobr> <nobr>พราหมณที่มีชื่อเดียวกันวาอุปสาฬหกะทั้งหลาย </nobr>
    <nobr>ถูกบรรดาเหลาญาติทั้งหลายเผาเสียแลวในที่นี้ </nobr>
    <nobr>มีมากมายประมาณถึงหนึ่งหมื่นสี่พันชาติมาแลว </nobr>
    <nobr>สถานที่อันใคร ๆ ไมเคยตายแลว ยอมไมมีในโลก </nobr>
    <nobr>สัจจะ ธรรม อหิงสา สัญญมะและทมะมีอยูในบุคคลใด </nobr>
    <nobr>พระอริยะทั้งหลายยอมคบหาบุคคลนั้น คุณชาตินี้แลชื่อวาไมตายในโลก </nobr>
    <nobr>
    ความหมายของคาถา
    </nobr>
    <nobr>พระฤาษีตองการสอนใหทราบวาสถานที่ที่ไมมีใครตายเลยนั้น เรียกกันวา อมตะ </nobr>
    <nobr>แตสถานที่นั้นหาไมไดเลยในโลกนี้ แตถาบุคคลใดตองการจะหาที่แบบนั้นก็ตองปฏิบัติธรรมใน </nobr>
    <nobr>สัจจะ คือ อริยสัจ ๔ จนบรรลุถึงธรรม คือ โลกุตตรธรรม คือ โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี และ </nobr>
    <nobr>อรหันต

    </nobr> <nobr>เมื่อเขาถึงภาวะแหงธรรมชั้นสูงนั้นแลวก็จะเขาถึงภาวะแหงอหิงสา คือการดํารง </nobr>
    <nobr>อยูอยางไมเบียดเบียนใคร เปนผูมีธรรมคือ สัญญมะ ไดแกการสํารวมอยูในศีล และการเปนผูฝก </nobr>
    <nobr>สํารวมระวังในอินทรียทั้งหลาย คือการระวัง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ไมใหเกิดความพอใจและ </nobr>
    <nobr>ไมพอใจในเมื่อสัมผัสกับอารมณที่ทําใหเกิดความพอใจและความไมพอใจ</nobr>

    <nobr></nobr><nobr>พระอริยเจาทั้งหลายมีพระพุทธเจา พระปจเจกพุทธเจาและสาวกของพระปจเจก </nobr>
    <nobr>พุทธเจายอมคบหาบุคคลผูมีคุณธรรมเหลานี้ คนที่มีคุณธรรมเหลานี้ชื่อวาทําใหตนเองเปนอมตะ </nobr>
    <nobr>เพราะทําใหตนเองไดประสบความสําเร็จคือการไมตายอีกตอไป </nobr>
    <nobr>พระฤาษีครั้นแสดงธรรมแกสองพอลูกอยางนี้แลว เจริญพรหมวิหาร ๔ เมื่อตาย </nobr>
    <nobr>แลวไดไปเกิดในพรหมโลก </nobr>
    <nobr>
    พระศาสดาครั้นทรงนําพระธรรมเทศนานี้มาแลว ทรงประกาศสัจจธรรม ในเวลา </nobr><nobr>ทรงจบสัจธรรม สองพอลูกตั้งอยูในโสดาปตติผลจากนั้นทรงประชุมชาดกวา “สองพอลูกในครั้ง </nobr>
    <nobr>นั้นไดเปนสองพอลูกในบัดนี้ สวนดาบสในครั้งนั้นคือเราตถาคตในบัดนี้”</nobr>
    <nobr>
    สรุปสุภาษิตจากชาดกนี้
    </nobr><nobr>
    รูปโฉมโนมพรรณเหมือนดอกไม้


    </nobr>
     

แชร์หน้านี้

Loading...