ทำไม!...แม่ชีธนพรถึงล่วงรู้เรื่องกรรม

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย paang, 7 พฤศจิกายน 2005.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    [​IMG]

    แม่ชีธนพร ชัยประคอง หรือ แม่ชีใหญ่ เดิมเป็นฆราวาสธรรมดา คนหนึ่ง มีชื่อและนามสกุลเดิม คือ นางมาลินี ชัยปกรณ์ เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๐๑ ได้ใช้ชีวิตทางโลกจนมีบุตรทั้งหมด ๕ คน

    ทางด้านการเงินถือว่ามีฐานะพอสมควร ประกอบกับมีอาชีพค้าขายได้กำไรดี
    สำหรับเหตุของการบวชนั้น แม่ชีธนพร บอกว่า เกิดจากเบื่อหน่าย ชีวิตทางโลก เพราะมีความวุ่นวาย โดยเฉพาะปัญหาทางครอบครัว ปัญหาที่สามีไม่สามารถเข้ากันได้กับ ผู้เป็นพ่อ ในที่สุดก็ต้องเลิกรากันไป เกิดความทุกข์ใจ จึงได้หัดสวดมนต์ไหว้พระ เอาคุณพระเป็น ที่พึ่งมาโดยตลอด กระทั่งได้มีโอกาสรู้จักกับ หลวงพ่อปรีชา วัดเขาอิติสุคโต แล้วก็ได้บวชชีพราหมณ์ เริ่มแรกคิดว่าจะบวชเป็นระยะเวลาประมาณ ๑๐ วันเท่านั้น

    ส่วนการเปลี่ยนชื่อจาก มาลินี มาเป็น ธนพร นั้น แม่ชีธนพร ให้เหตุผลว่า ครั้งหนึ่งได้ไปกราบ หลวงพ่อเฮง วัดเขาน้อย จ.ระยอง โดยท่านทักว่าให้เปลี่ยนชื่อจากมาลินีเป็นธนพร ชื่อนี้จะทำให้มีคนรู้จักทั่วประเทศ ครั้งแรกไม่เชื่อเนื่องจากไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้อย่างไร แต่ก็เลยลองเปลี่ยนดู เพราะถือว่าเป็นมงคล เป็นชื่อที่พระท่านตั้งให้ และก็เป็นจริงดังคำทำนายของหลวงพ่อเฮงจริงๆ

    ภายหลังได้เข้าสมาธิ ที่วัดเขาอิติสุคโตเพียงวันแรก ได้รับคำแนะนำ จากหลวงพ่อปรีชาให้แม่ชีธนพรและแม่ชีอีก ๕ ท่าน ขึ้นไปบำเพ็ญภาวนาบนเขา ระหว่างแม่ชีธนพรสามารถเข้าสมาธิ ต่อเนื่องยาวนานถึง ๒ ชั่วโมง จิตรวมลงเป็นหนึ่งเกือบได้จตุถฌาณ จากนั้นบังเกิดภาพนิมิตขึ้นมาเป็นฉากๆ

    แม่ชีธนพรเล่าว่า เหมือนกับการฉายสไลด์ภาพเข้ามาแล้วถูกเลื่อนออกไปทีละภาพๆ ภาพที่ปรากฏขึ้นในขณะนั้นเป็นเรื่องราวของตัวเองทั้งสิ้น

    จังหวะที่เห็นภาพ จิตตัวรู้ ก็อธิบายเรื่องราวของกรรม ให้เข้าใจตามไปด้วยว่า กรรมที่ทำลงไปเป็นผลให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ตามมา เรื่องราวทั้งหมดย้อนไปตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน


    [​IMG]

    ภาพหนึ่งที่เห็นอยู่นั้น ในใจได้ถามตัวเองว่า นี่เรากำลังทำอะไรอยู่ ตัวรู้ก็บอกออกมาให้เข้าใจว่า กำลังขโมยเงินคนอื่น แล้วภาพเก่าก็เลื่อนออกไป กลายเป็นภาพใหม่เข้ามาฉายแทน พอภาพใหม่เข้ามาก็ถามอีกว่า นี่อะไร ในใจก็บอกออกมาว่า กำลังพูดให้คนอื่นทะเลาะกัน คำตอบจากในใจสามารถอธิบาย สิ่งที่เห็นได้หมด แสดงว่า ตัวเองนี้แหละที่บันทึกการกระทำต่างๆ นั้นไว้

    แม่ชีธนพร เล่าต่อว่า ทุกภาพที่เห็นได้เรียงลำดับแต่เล็กมาอย่างเป็นระเบียบ เริ่มมีสติคิดได้ว่า หากตายลงวันนี้คงมิต้องไปอยู่ในนรกหรอกหรือ
    การนั่งสมาธิครั้งแรกนี้มีประโยชน์มาก เพราะทำให้รู้เรื่องกรรมและผลของกรรมเป็นอย่างดี ทำให้รู้สึกกลัวในการทำชั่วขึ้นมาอย่างจับใจ จิตน้อมนำไปทางธรรมอย่างลึกซึ้ง เห็นภัยในทางโลกชัดเจนมากขึ้น ขณะที่จิตตรึกในธรรมอยู่นั้น เพื่อนๆ แม่ชีที่นั่งกรรมฐานด้วยกันได้ถอนจากสมาธิออกมาหมดแล้ว คงเหลือแต่แม่ชีธนพรเพียงท่านเดียวที่คงเข้าสมาธิอยู่

    แม้การบวชชีพราหมณ์ครั้งนี้จะทำให้แม่ชีธนพรได้ความรู้พิเศษจากการนั่งกรรมฐาน แต่ยังมีกรรมบางส่วนที่เข้ามาขวางทำให้ใจคิดอยากสึก ตอนนั้นได้เปลี่ยนชุด เป็นฆราวาสธรรมดาแล้ว หลวงพ่อปรีชาได้ถามว่า สึกแล้วจะไปทำอะไร แม่ชีก็กราบเรียนท่านว่า จะไปทำร้านอาหาร ระหว่างที่ยืนยันจะสึกนั้น มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น

    ภายหลังที่ได้กลิ่นคาวประหลาด ไม่มีใครรู้ว่ามาจากไหน ทันใดนั้นเองร่างกาย ของท่านก็ไม่สามารถควบคุมได้ ประหนึ่งว่ามีพลังงานบางอย่างที่เป็นอำนาจจิต อันมีพลานุภาพมหาศาลเข้ามาควบคุมร่างกายท่าน ครั้งแรกไม่เข้าใจ พยายามที่จะหันหน้าตรงๆ แต่คอและหน้ากลับบิดไปทางซ้ายที ขวาที จนบิดไปครบสี่ทิศ จากนั้นประกาศตนเองออกมาว่า เป็นพรหม

    หลังจากที่องค์พรหมเข้ามาผ่านร่างแล้ว เพียงครู่เดียวก็ปรากฏเป็นดวงจิตพลังงานอื่นๆ ที่ผ่านร่างกายท่านเข้ามาอีกหลายอย่าง ทั้งพญาช้าง พญานาค พญายักษ์ และเทพพรหม อีกหลายองค์ จนกระทั่งองค์สุดท้ายเป็น พระแม่ธรณี
    เมื่อองค์พระแม่ธรณีลงมาแล้วรู้สึกด้วยว่า เหมือนมีน้ำไหลออกมาจากบริเวณหน้าผาก จึงเป็นที่มาของการไม่สึกจากแม่ชี ของแม่ชีธนพร ตราบจนปัจจุบัน


    [​IMG]

    สำหรับการตรวจกรรมในอดีตชาตินั้น แม่ชีธนพร บอกว่า ครั้งแรกได้ตรวจดูอดีตกรรมของญาติโยม โดยเริ่มจากการส่องญาณดูหลวงพ่อปรีชาก่อน ดูว่าที่หลวงพ่อปรีชารู้เรื่องราวต่างๆ ของญาติโยมที่มานั้น ท่านรู้ได้อย่างไร นั่งสมาธิครั้งแรกจิตสงบนิ่ง จนเห็นอดีตกรรมของตัวเอง ระหว่างใช้วาระจิตตรวจดูกรรมของหลวงพ่อปรีชานั้น หาได้รอดพ้นข่ายญาณของหลวงพ่อปรีชาไม่ เพราะหลังจากทำวัตรสวดมนต์เสร็จ หลวงพ่อปรีชาก็ตำหนิใส่แม่ชีธนพรว่า มึงแอบดูกูทำไม

    หลวงพ่อปรีชาได้เข้ามาสอนแม่ชีธนพรว่า เอ็งดูแบบนี้ไม่ได้ เรียกว่าเป็นตัณหา คือความอยากดูแบบนี้ไม่บริสุทธิ์ เป็นการอยากไปรู้เรื่องของเขา เมื่อหลวงพ่อห้ามไว้ แม่ชีธนพรก็ยังสงสัยว่า เมื่อเป็นแบบนี้ ทำไมท่านจึงเห็นสิ่งต่างๆ ได้ในเมื่อมันไม่ดี

    แต่ถึงอย่างนั้นท่านก็ไม่ได้ซักถามหลวงพ่อปรีชาต่อ ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ ซึ่งหลวงพ่อปรีชาสอนเอาไว้ว่า การรู้ให้เป็นไปโดยการปล่อยวาง ให้รู้เองเห็นเองโดยไม่มีเจตนาความอยากเข้าไปพัวพัน การรู้แบบนี้เป็นการรู้โดยที่จิตเป็นอุเบกขากรรม ตัวรู้รู้โดยบริสุทธิ์เพราะไม่มีตัณหาเข้ามายุ่งเกี่ยว และไม่มีอุปทานใดๆ แอบแฝง

    "แม้กรรมจะเป็นสิ่งลี้ลับ เพราะกรรมบางอย่างให้ผลข้ามภพข้ามชาติ เป็นสิ่งที่มนุษย์โดยทั่วไปไม่สามารถพิสูจน์ทราบได้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ แต่กฎแห่งกรรมก็ยังเป็นสัจธรรมที่พระพุทธองค์ทรงยืนยัน แม้ว่าการให้ผลของกรรม บางครั้งบางกรณีจะอยู่นอกเหนือความเข้าใจของคนทั่วไปก็ตาม" แม่ชีธนพรกล่าวยืนยัน พร้อมกับอธิบายให้ฟังว่า

    ผลแห่งกรรมที่เราทุกคนต้องประสบหากประมาทและไม่เชื่อในเรื่องกรรม
    ๑.ลูกเถียงพ่อเถียงแม่ จัดว่าทำกรรมชั่วที่หนักหนาสาหัส เมื่อลูกผู้นั้นเริ่มเข้าสังคมจะโดนผู้อื่นว่าร้าย ถกเถียงชนิดคำต่อคำ อาจส่งผลต่อร่างกายทำให้ลิ้นสั้นจุกปาก พูดจาไม่ถนัด พูดลิ้นพันกัน ลิ้นแข็ง เป็นกรรมที่แสดงออกมาทางร่างกาย

    ๒.ลูกที่ทำร้ายบิดามารดาตนเอง เป็นกรรมหนักว่าข้อแรกหลายเท่า ในศาสนาพุทธท่านว่า ตายไปแล้วย่อมไปเกิดในขุมนรกชื่อตปะนรก มีลักษณะเป็นบัวกรดเผาทำลายอยู่เป็นนิจ และมียมบาลคอยเอาฆ้อนทุบหัวอยู่ร่ำไป

    ๓.การทำแท้ง เป็นกรรมในหมวดข้อเบียการเบียดน ผู้ที่ทำกรรมนี้จะหากินไม่ขึ้น หาความสุขใจในชีวิตนี้ไม่ได้ เพราะโดนวิญญาณที่จะมาเกิดเป็นลูกของตนจองเวรอยู่ด้วยความอาฆาต

    แม่ชีธนพร ยังกล่าวถึงการแก้ไขวิบากกรรมจากการทำแท้งด้วยการทำบุญกุศล ถือศีลกินเจ สวนมนต์ภาวนา อธิษฐานจิตอุทิศบุญจากการเจริญทาน ศีล ภาวนาให้แก่เจ้ากรรมนายเวร พร้อมทั้งขอให้เขาอโหสิกรรมก็จะสามารถแก้ไขได้ และใครก็ตามที่ต้องการเปิดกรรม อย่างไรก็ตาม ความเป็นมาของแม่ชีธนพรทั้งหมดอ่านได้จากหนังสือ "เกิดแต่กรรม" แม่ชีธนพรจะเปิดกรรมในวันเสาร์-วันอาทิตย์ และงดวันโกนกับวันพระ สอบถามรายละเอียดได้ที่วัดพิชยญาติการามวรวิหาร คลองสาน กทม. โทร.๐-๒๘๖๑-๔๕๓๐-๑

    ที่มา http://www.komchadluek.net
     
  2. สุวรรณา รัตนกิจเกษม

    สุวรรณา รัตนกิจเกษม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +772
    หนูอยากให้แม่ชีทศพร ...ช่วยเปิดกรรมให้หนูหน่อยค่ะ...
    หนูไปพบแม่ชีหลายครั้งแล้ว..แต่หนูยังไม่มีโอกาสที่จะได้เปิดกรรมเลย...มันคงยังไม่ถึงเวลา หรือไม่มีวาสนาพอ
    แต่ตอนนี้หนูรู้สึกทรมานมาก...มาก แล้ว....หนูยินดีเผยแพร่เป็นธรรมทานทุกอย่าง....หนูไม่อยากทรมานใจแล้ว...ในอดีตหนูเข้าใจว่าทำคนอื่นไว้มาก ตอนนี้เลยต้องเป็นเอง ทุกข์ระทมขมขื่น ....มานานแสนนานเลย..หนูอยากทราบวิธีแก้ไข...และหนทางที่ทำให้ชีวิตมีความสุขกาย สบายใจ และหนูก็ไม่อยากทำให้พ่อแม่ต้องทุกข์ใจไปกับความโง่เง่าของหนูแล้ว
    หนูรู้ว่าแม่ชีรู้ว่าหนูคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา....แม่ชีช่วยหนูด้วย ...หนูอยากหลุดพ้น...ไม่อยากทรมาน...อยากให้ชีวิต มีความสุข สบายใจและดีขึ้น..มากกว่าเดิม
     
  3. สุวรรณา รัตนกิจเกษม

    สุวรรณา รัตนกิจเกษม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +772
  4. สุวรรณา รัตนกิจเกษม

    สุวรรณา รัตนกิจเกษม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +772
    หนูไม่อยากทรมานแล้ว...แม่ชี
     
  5. สุวรรณา รัตนกิจเกษม

    สุวรรณา รัตนกิจเกษม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +772
    หนูไม่อยากทรมานแล้ว...แม่ชี ช่วยหนูด้วย น
     
  6. สุวรรณา รัตนกิจเกษม

    สุวรรณา รัตนกิจเกษม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +772
    หนูไม่อยากทรมานแล้ว...แม่ชี ช่วยหนูด้วย นะคะ....
    หนูไม่อยากให้พ่อแม่ตัวเอง
     
  7. สุวรรณา รัตนกิจเกษม

    สุวรรณา รัตนกิจเกษม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +772
    หนูไม่อยากให้พ่อแม่ตัวเองเดือดร้อนแล้ว...หนูอยาก
     
  8. สุวรรณา รัตนกิจเกษม

    สุวรรณา รัตนกิจเกษม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +772
    หนูไม่อยากให้พ่อแม่ตัวเองเดือดร้อนแล้ว...หนูอยาก สบายใจ
     
  9. สุวรรณา รัตนกิจเกษม

    สุวรรณา รัตนกิจเกษม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +772
    หนูไม่อยากให้พ่อแม่ตัวเองเดือดร้อนแล้ว...หนูอยาก สบายใจ หนูอยากทราบวิธีแก้ไข....
     
  10. ปราณยาม

    ปราณยาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +2,638
    เป็นกำลังใจครับ สู้ครับ
     
  11. สุวรรณา รัตนกิจเกษม

    สุวรรณา รัตนกิจเกษม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +772
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=5 width=600 border=0><TBODY><TR><TD align=middle>ธรรมะของพระผู้บำเพ็ญตนอยู่ในศีลวัตรอันงดงาม</TD></TR><TR><TD><TABLE width=590 align=center border=0><TBODY><TR><TD>ธรรมะของหลวงปู่หลุยส์ จันทสาโร

    วิเวก
    เวลานั่งสมาธิ ให้วิเวก ๓อย่าง
    กายวิเวก.....นึกว่าเราเกิดในโลกคนเดียว
    แม้แก่เจ็บตายคนเดียว.....ใครช่วยไม่ได้
    วจีวิเวก.....ไม่พูดจา
    มโนวิเวก....คือจิตเปลี่ยว จิตหว้าเหว่
    ไล่นิวรณ์ได้ (ละเอียดที่สุด)
    ให้นั่งคนเดียวอยู่ ณ ที่นี้
    ตัดสินใจลงไปว่า......
    เราตายคนเดียว เราเกิดคนเดียว
    ใครช่วยไม่ได้ ให้ตัดสินใจถึงขนาดนั้นเทียว
    ถึงได้ชื่อว่า...... กายวิเวก......มโนวิเวก......
    นั่นคือหัวใจเปลี่ยว หว้าเหว่เปลี่ยว


    นิมิต
    ถ้ามีแต่สมาธิอย่างเดียว
    ต้องมีนิมิตต่างๆหลอกอยู่เรื่อยๆ
    ......ทำให้เป็นบ้าได้
    ถ้าภาวนาเอาวิปัสสนาผสมสมาธิแล้ว
    ......ย่อมไม่เกิดนิมิตเพราะไตรลักษณ์ล้างอยู่เสมอ
    และไม่สำคัญตน ไม่เป็นบ้า เกิดนิมิตทั้งหลายก็รู้เท่าทัน
    เมื่อนิมิตเกิด....เราไม่ต้อนรับหนึ่ง นิมิตก็หายไป
    เพ่งไตรลักษณ์ล้างอีกที นิมิตก็หายไป
    เพราะมันไม่เที่ยง วางเจตนา ก็หายวิตกวิจาร
    ถือของนั้นเป็นของดี ทวนกลับเข้าจิตเดิมก็หาย
    อย่าอธิษฐานนิมิตนั้นว่าเป็นของดี



    ธรรมะของสมเด็จพระญาณสังวร

    เมตตาธรรม
    ธรรมะสำคัญประการหนึ่ง ที่พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญ คือเมตตาธรรม
    ใครทั้งหลายก็สรรเสริญบรรดาผู้มีเมตตาธรรม
    ในขณะเดียวกันก็มีผู้ต้องเป็นทุกข์เพราะมีเมตตา
    ด้วยหลงเข้าใจว่า.....เมื่อมีเมตตา มีความสงสาร
    ก็ต้องมีใจไม่เป็นสุข ซึ่งที่จริง....หาถูกต้องไม่
    มีเมตตาต่อผู้เป็นทุกข์นั้น....ดีนัก
    แต่.....อย่าลืมเมตตาตัวเอง
    จนปล่อยให้ใจตัวเองเป็นทุกข์ เพราะเมตตา
    เขาไม่มีอำนาจใดจะไปสู้กับอำนาจกรรมของใครได้
    เมื่อเชื่อในเรื่องอำนาจกรรมเช่นนี้.....
    ใจที่มีเมตตาก็จะเป็นการมีเมตตาอย่างถูกต้อง มีปัญญา
    ไม่พาใจตนเองไปสู่ความเร่าร้อน ด้วยเมตตาที่ไม่ถูกต้อง


    เหตุแห่งทุกข์
    ทุกคนมีความทุกข์
    ทุกคนพยายามแก้ไขเพื่อจะให้พ้นทุกข์
    แต่น้อยคนที่เริ่มการแก้ไขให้ถูกวิธี
    คือ.....เริ่มด้วยการทำตนให้เชื่อเสียก่อน
    ว่าความทุกข์นั้นเกิดจากความคิดของตนเอง
    .....ไม่ได้เกิดจากอะไรอื่นภายนอก
    ขอให้เริ่มเชื่อเสียก่อน ยอมรับเสียก่อน
    ว่าความทุกข์ของตนเกิดจาก....
    “ความคิด” ของตนเอง
    พยายามเตือนตนเองให้เชื่อเช่นนี้ไว้ให้เสมอ
    พยายามอย่าลืม....
    พยายามอย่าปล่อยใจ.....ให้คิดโทษนั่น โทษนี่
    ......ว่าเป็นเหตุแห่งความทุกข์ของตน


    ทางพ้นทุกข์
    เมื่อต้องการจะพ้นจากทางแห่งทุกข์
    ฉะนั้น....ต้องยอมรับวิธีที่พระพุทธองค์ทรงรับรองแล้ว
    นั่นก็คือต้องยอมรับว่า....
    วิธีแก้ทุกข์ที่จะได้ผลจริงนั้น
    ต้องแก้ที่ใจตนเองเท่านั้น
    ถ้าแก้ทุกข์ที่ใจตนเองสำเร็จแล้ว
    จะไม่มีทุกข์อื่นเกิดแก่ตนได้เลย
    ......ความจริงเป็นเช่นนี้แน่นอน
    เมื่อต้องการไม่มีทุกข์.......
    ก็ต้องพยายามข่มใจ ข่มความคิด
    ข่มใจ....ข่มความคิด ที่ต้องแย้งความจริงนี้ให้สำเร็จ



    ธรรมะของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล

    วิมุตติ
    การเริ่มต้นปฏิบัติวิปัสสนาภาวนานั้น
    จะเริ่มต้นด้วยวิธีไหนก็ได้
    เพราะผลมันเป็นอันเดียวกันอยู่แล้ว
    ที่ท่านสอนแนวปฏิบัติไว้หลายแนวนั้น
    เพราะจริตของคนไม่เหมือนกัน
    จึงต้องมีวัตถุ สี แสง และคำสำหรับบริกรรม
    เช่นพุทโธ อรหัง เป็นต้น
    เพื่อหาจุดใดจุดหนึ่งให้จิตรวมอยู่ก่อน
    เมื่อจิตรวม สงบแล้ว คำบริกรรมนั้นก็หลุดหายไปเอง
    แล้วก็ถึงรอยเดียวกัน รสเดียวกัน
    มีวิมุตติ (ความหลุดพ้น) เป็นแก่น มีปัญญา เป็นยิ่ง


    อริยสัจแห่งชีวิต
    ๑.จิตที่ส่งออกนอกเพื่อรับสนองอารมณ์ทั้งสิ้นเป็นสมุทัย
    ๒.ผลที่เกิดจากจิตส่งออกนอกแล้วหวั่นไหวเป็นทุกข์
    ๓.จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้งเป็นมรรค
    ๔.ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้งเป็นนิโรธ


    หลักธรรมที่แท้จริง
    หลักธรรมที่แท้จริงนั้นคือ “จิต”
    ให้กำหนดดูจิตให้เข้าใจจิตตัวเองให้ลึกซึ้ง
    เมื่อเข้าใจจิตตัวเองได้ลึกซึ้งแล้ว
    นั่นแหละได้แล้วซึ่งหลักธรรม
    กิเลสทั้งหมดเกิดรวมอยู่ที่จิต
    ให้เพ่งมองดูที่จิต อันไหนเกิดก่อน ให้ละอันนั้นก่อน
    ถ้ามีเวลาสำหรับหายใจ.....ก็ต้องมีเวลาสำหรับภาวนา
    ความโกรธ ไม่มีใครตัดให้ขาดได้หรอก
    มีแต่รู้ทัน....เมื่อรู้ทันมันก็ดับไปเอง
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>http://www.watkoh.com/too/note/view.php?No=276
     

แชร์หน้านี้

Loading...