ทำอย่างไรถึงจะเชื่อมต่อกับธรรมชาติได้

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย aonwit01, 31 พฤษภาคม 2010.

  1. aonwit01

    aonwit01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    681
    ค่าพลัง:
    +1,025
    พอดีผมเพิ่งได้ไปเรียนวิชาเรกิมานิดนึง

    เกี่ยวกับการส่งผ่านพลังจากธรรมชาติไปยังคนที่เราต้องการรักษา

    แต่ว่าอาจารย์บอกผมว่าผมไม่ยอมเชื่อมต่อกับธรรมชาติ ใช้พลังของตัวเองในการรักษา ซึ่งมันจะทำให้ผมเหนื่อย

    แล้วมันก็เหนื่อยจริงๆ (แต่รักษาได้ผลนะ มีภาพถ่ายออร่าเป็นเครื่องพิสูจน์ ^^)

    เลยอยากทราบว่าผมควรฝึกยังไงเพื่อให้เชื่อมต่อกับธรรมชาติได้ครับ

    ความจริงผมก็พยายามแล้วนะครับ แต่มันไม่มาเอง -*-

    อาจารย์บอกว่าให้ลดอีโก้ลง ก็ไม่รู้จะลดยังไง T^T
     
  2. guaregod

    guaregod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    962
    ค่าพลัง:
    +1,009
    ผมก็ชอบนะครับ เวลาเอามือสัมผัสมือนุ่มๆ ของผู้หญิงสวยๆ มันมีความสุขใจอย่างบอกไม่ถูก
     
  3. illanzer

    illanzer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +840
    ลองปล่อยวาง ดูสิครับ
     
  4. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    ค่อยๆ ลดการเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีไฮเทคลง ทำจิตให้ว่างมากขึ้น แล้วคลื่นธรรมชาติจะเข้ามาเองนะ

    [​IMG]
     
  5. kamoochi

    kamoochi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +326
    อย่าฝืน อย่าลังเล อย่าแยกแยะแบ่งออก ไม่มีใครแยกออกจากธรรมชาติ ปล่อยให้โล่งๆสบายๆ
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วิถีการเข้าถึงธรรมชาติคือการห่างไกลกิเลส ละวาง อัตตา ตัวตน และทิฏฐิของตนเอง
    อีโก้ คือ อัตตา ตัวตน ทิฏฐิ ความคิด ความเห็น
    ถ้ารู้จักทิฏฐิของตัวเอง ก็จะรู้วิธีปล่อยวางทิฏฐิลง
    แล้วธรรมชาติของเราจะแสดงตัวออกมาเอง
    ให้คุณสังเกตตัวเอง ว่าเวลาใช้พลังของตัวเองเป็นอย่างไร
    แล้วถ้าปล่อยวางตัวเองใช้พลังจากธรรมชาติของตัวเองแท้ๆโดยเราไม่เจตนาไปดึงมัน
    ออกมาจะทำได้ไหม ถ้าทำไม่ได้ ก็ต้องฝึกสังเกตตัวเองไปเรื่อยๆ สังเกตตอนที่เรา
    ใช้ชีวิตแบบเป็นธรรมชาติ มันต่างกับตอนที่เราดัดจริตไหม ถ้าสังเกตตัวเองไม่ออก
    ให้สังเกตคนอื่นๆเช่นเพื่อนๆ ญาติพี่น้อง หรือคนใกล้ชิด แล้วพิณาดูความแตกต่าง
    บางคนเขาแสดงออกเป็นธรรมชาติของตัวเอง บางคนมีฟอร์ม บางคนดัดจริตได้งาม
    บางคนดัดจริตแล้วไม่งาม แล้วดูข้อดีข้อเสียของการแสดงออกแบบธรรมชาติกับการ
    ดัดแปลงธรรมชาติ จะเห็นว่าคนที่แสดงออกเป็นธรรมชาติเขาจะแสดงพรสวรรค์ของ
    ตนเองได้เต็มที่ ไร้ขีดจำกัด พลังสร้างสรรค์ไร้ขีดจำกัด คาดหมายไม่ได้ แต่ถ้าใช้
    งานส่วนนี้บ่อยๆ ก็จะชำนาญและใช้ได้ดังใจนึกเอง พวกที่เป็นนักกีฬา ดารา หรือ
    จิตกร กวี ที่เก่งๆ เป็นอัจฉริยะ นั้น สังเกตพวกเขาดูสิ ถ้าเขายิ่งเป็นธรรมชาติมาก
    เท่าไร ผลงานของของก็ยิ่งสวยงามเป็นเลิศในแบบของตัวเอง ไม่เหมือนใคร และไม่มี
    ใครเหมือน แต่ถ้าเป็นพวกดัดแปลงเลียนแบบลอกแบบ ลอกวิธีการแต่ไม่เข้าใจเรื่องของ
    ความลับในธรรมชาติของตัวเองมันก็เรียนรู้และทำได้ระดับหนึ่งแล้วจะตัน ไม่สร้างสรรค์
    พรสวรรค์ไม่แสดงออกมา มันก็ต่างกันกับพวกที่เขาดึงธรรมชาติของตัวเองออกมาได้

    ลองพิณา ดูนะ
    ธรรมชาติของแต่ละคนก็มีกันอยู่แล้วทุกคน แต่จะรู้เคล็ดลับที่จะดึงมันออกมาได้ไหม
    ถ้าทำไม่ได้ก็เป็นได้แค่นี้แหละ ติดกับ ทิฏฐิ และอัตตาตัวตนจอมปลอม
    หลงลืมละทิ้งธรรมชาติของตนเองไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 พฤษภาคม 2010
  7. aonwit01

    aonwit01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    681
    ค่าพลัง:
    +1,025
    ผมเป็นพวกติดเทคโนโลยีหน่ะครับ

    อยู่กับโน๊ตบุ๊คทั้งวันทั้งคืน

    ติดเกมว่างั้นเหอะ -*-

    สงสัยต้องลดหน่อยละ

    ผมคงลดทิฏฐิยากหน่อยละครับเพราะแต่เดิมนั้นผมเป็นคนอยู่กับป่า นิสัยก็จะแปลกๆหน่อย แต่พอเข้ามาในเมืองอะไรๆก็บังคับให้ผมต้องเสแสร้งอยู่เสมอเพื่อให้ผมเหมือนกับคนอื่นๆ (จนติดเป็นนิสัย) ไม่งั้นก็จะไม่มีใครคบ -*-

    ตอนผมไปฝึกเรกินี่เหมือนจะมีผมเพียงคนเดียวที่เชื่อว่าพลังงานนี้มีจริง เพื่อนผมคนอื่นๆไม่มีใครเชื่อเลย (เรียนกันทั้งชั้นปี) บอกแค่ว่าเป็นผลจากจิตใจ ฝึกไปเสียเวลาเปล่าๆ มีภาพมายืนยันก็ไม่เชื่อ (ภาพถ่ายออร่า) ผมไปบอกอาจารย์ที่สอนว่า ผมศึกษาเรื่องนี้นะ พอจะดึงพลังจากธรรมชาติได้บ้าง แต่อาจารย์บอกว่า "เธอใช้พลังเธอเอง ไม่ได้ใช้จากธรรมชาติ ทำแบบนี้จะเหนื่อยง่าย ให้ลดอีโก้ลงแล้วจะฝึกได้เอง มีฐานอยู่บ้างแล้วแค่ปรับอีกนิดเดียวก็พอใช้ได้ละ" ผมก็หงายสิครับเพราะผมเหนื่อยจริง >_< เลยต้องมาฝึกลดอีโก้กันใหม่

    ขอบคุณทุกคำตอบนะครับ
     
  8. k0l2nl3aza

    k0l2nl3aza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2010
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +177
    ธรรมชาติรักเรามาตั้งแต่กำเนิด เราเชื่อมต่อกับ ธรรมชาติตั้งแต่กำเนิดนานแล้ว แค่เราไม่รู้เท่านั้นเองครับ ~ ใครที่อยู่กับธรรมชาติมาจะเข้าใจครับ
     
  9. pk010209

    pk010209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    973
    ค่าพลัง:
    +2,634
    คุณเข้าใจธรรมชาติรึยังละ ถ้าเข้าใจได้เมื่อไหรก็จะเข้าถึงเอง
     
  10. chura

    chura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,971
    การเข้าถึงธรรมชาติ ก็คือเข้าถึงจิตเดิมแท้ของตัวเอง..อาจารย์คุณบอกให้ลดอีโก้
    หรือให้ลดอัตตาของตัวคุณ คุณก็ต้องไปหาวิธีฝึกให้อัตตาหรือความรู้สึกเห็นแก่ตัวให้
    ลดน้อยลง ถ้าอัตตาเราใหญ่ใครว่าเรานิดหน่อยเราจะรู้สึกโกรธทันที โดยอาจพิจารณา
    กายนี้ไม่ใช่เรา จิตนี้ไม่ใช่เรา กายนี้เป็นเพียงก้อนธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นเพียงที่อาศัย
    ชั่วคราว เมื่อพิจารณาบ่อยๆมันจะทำให้เรายึดถือในกายนี้น้อยลงๆ อันทำให้อัตตาลด
    ลง.....การฝึกของคุณคงจะก้าวหน้าขึ้นไม่มากก็น้อย.
     
  11. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->k.kwan<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3361433", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    วิถีการเข้าถึงธรรมชาติคือการห่างไกลกิเลส ละวาง อัตตา ตัวตน และทิฏฐิของตนเอง
    อีโก้ คือ อัตตา ตัวตน ทิฏฐิ ความคิด ความเห็น
    ถ้ารู้จักทิฏฐิของตัวเอง ก็จะรู้วิธีปล่อยวางทิฏฐิลง
    แล้วธรรมชาติของเราจะแสดงตัวออกมาเอง
    ให้คุณสังเกตตัวเอง ว่าเวลาใช้พลังของตัวเองเป็นอย่างไร
    แล้วถ้าปล่อยวางตัวเองใช้พลังจากธรรมชาติของตัวเองแท้ๆโดยเราไม่เจตนาไปดึงมัน
    ออกมาจะทำได้ไหม ถ้าทำไม่ได้ ก็ต้องฝึกสังเกตตัวเองไปเรื่อยๆ สังเกตตอนที่เรา
    ใช้ชีวิตแบบเป็นธรรมชาติ มันต่างกับตอนที่เราดัดจริตไหม ถ้าสังเกตตัวเองไม่ออก
    ให้สังเกตคนอื่นๆเช่นเพื่อนๆ ญาติพี่น้อง หรือคนใกล้ชิด แล้วพิณาดูความแตกต่าง
    บางคนเขาแสดงออกเป็นธรรมชาติของตัวเอง บางคนมีฟอร์ม บางคนดัดจริตได้งาม
    บางคนดัดจริตแล้วไม่งาม แล้วดูข้อดีข้อเสียของการแสดงออกแบบธรรมชาติกับการ
    ดัดแปลงธรรมชาติ จะเห็นว่าคนที่แสดงออกเป็นธรรมชาติเขาจะแสดงพรสวรรค์ของ
    ตนเองได้เต็มที่ ไร้ขีดจำกัด พลังสร้างสรรค์ไร้ขีดจำกัด คาดหมายไม่ได้ แต่ถ้าใช้
    งานส่วนนี้บ่อยๆ ก็จะชำนาญและใช้ได้ดังใจนึกเอง พวกที่เป็นนักกีฬา ดารา หรือ
    จิตกร กวี ที่เก่งๆ เป็นอัจฉริยะ นั้น สังเกตพวกเขาดูสิ ถ้าเขายิ่งเป็นธรรมชาติมาก
    เท่าไร ผลงานของของก็ยิ่งสวยงามเป็นเลิศในแบบของตัวเอง ไม่เหมือนใคร และไม่มี
    ใครเหมือน แต่ถ้าเป็นพวกดัดแปลงเลียนแบบลอกแบบ ลอกวิธีการแต่ไม่เข้าใจเรื่องของ
    ความลับในธรรมชาติของตัวเองมันก็เรียนรู้และทำได้ระดับหนึ่งแล้วจะตัน ไม่สร้างสรรค์
    พรสวรรค์ไม่แสดงออกมา มันก็ต่างกันกับพวกที่เขาดึงธรรมชาติของตัวเองออกมาได้

    ลองพิณา ดูนะ
    ธรรมชาติของแต่ละคนก็มีกันอยู่แล้วทุกคน แต่จะรู้เคล็ดลับที่จะดึงมันออกมาได้ไหม
    ถ้าทำไม่ได้ก็เป็นได้แค่นี้แหละ ติดกับ ทิฏฐิ และอัตตาตัวตนจอมปลอม
    หลงลืมละทิ้งธรรมชาติของตนเองไป

    ถูกใจ... ใช่เลย



    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->aonwit01<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3361594", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    ผมคงลดทิฏฐิยากหน่อยละครับเพราะแต่เดิมนั้นผมเป็นคนอยู่กับป่า
    ยากหรือง่ายมันเป็นแค่ข้ออ้าง
    เรื่องของผู้ฝึกฝนขัดเกลามีแต่ทำกับไม่ทำ ถ้าทำก็เดินทางไปข้างหน้าและค่อยๆเข้าใกล้จุดหมายไปเรื่อยๆ
    ถ้านั่งวิเคราะห์ยากง่าย ก็ไม่ได้เดินทาง ไม่ผิดหรอก แค่เสียเวลา... ชอบเสียเวลาหรือเปล่าล่ะ

    นิสัยก็จะแปลกๆหน่อย แต่พอเข้ามาในเมืองอะไรๆก็บังคับให้ผมต้องเสแสร้งอยู่เสมอเพื่อให้ผมเหมือนกับคนอื่นๆ (จนติดเป็นนิสัย) ไม่งั้นก็จะไม่มีใครคบ -*-
    กลัวคนไม่นิยมชมชอบ... ว่างั้นเหอะ
    แล้วไม่คิดจะให้คนอื่นนิยมแบบที่เป็นตัวของตัวเองเหรอ

    ตอนผมไปฝึกเรกินี่เหมือนจะมีผมเพียงคนเดียวที่เชื่อว่าพลังงานนี้มีจริง เพื่อนผมคนอื่นๆไม่มีใครเชื่อเลย (เรียนกันทั้งชั้นปี) บอกแค่ว่าเป็นผลจากจิตใจ ฝึกไปเสียเวลาเปล่าๆ มีภาพมายืนยันก็ไม่เชื่อ (ภาพถ่ายออร่า) ผมไปบอกอาจารย์ที่สอนว่า ผมศึกษาเรื่องนี้นะ พอจะดึงพลังจากธรรมชาติได้บ้าง แต่อาจารย์บอกว่า "เธอใช้พลังเธอเอง ไม่ได้ใช้จากธรรมชาติ ทำแบบนี้จะเหนื่อยง่าย ให้ลดอีโก้ลงแล้วจะฝึกได้เอง มีฐานอยู่บ้างแล้วแค่ปรับอีกนิดเดียวก็พอใช้ได้ละ" ผมก็หงายสิครับเพราะผมเหนื่อยจริง >_< เลยต้องมาฝึกลดอีโก้กันใหม่
    รักษาเยียวยาตนเองให้ได้ก่อน... แล้วค่อยรักษาผู้อื่น
    รักษาเยียวยาทิฐิตนเองยังบอกยาก แล้วจะไปรักษาคนอื่นยังไง




    ธรรมชาติ เรียบง่ายที่สุดแล้ว
    เงื่อนไขของมนุษย์ที่สร้างขึ้นทั้งหมดนั่นแหละที่พรากมนุษย์ออกห่างไปจากวิถีธรรมชาติ
    ปลดเงื่อนไข กลับมาสู่ความเรียบง่ายได้มากเท่าไหร่... ก็ได้กลับมาใกล้ชิดและแนบแน่นกับธรรมชาติ(พระเจ้า)ได้มากเท่านั้น

    ขอบคุณทุกคำตอบนะครับ
    แวะมาเกรียนนะ ไม่ต้องขอบคุณ
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310

    คืองี้นะ พลังนั้นมีอยู่เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง
    แต่การเอาออกมาใช้มันมีหลายวิธีอยู่
    เช่น บังคับให้ธรรมชาติมันทำตามที่เราต้องการ เราก็จะเหนื่อย
    แต่ถ้าเรารู้วิธีสั่งให้มันทำเองแบบไม่ต้องบังคับ ไม่ต้องจงใจ มันก็มีอยู่
    มันต้องฝึกให้ธรรมชาตินั้นรู้ตัวเองว่ามีอยู่และสื่อสารกับเราได้ ถ้าเราคุยกับ
    ธรรมชาติของตัวเองได้ เราก็จะใช้ให้เขาทำได้โดยไม่ต้องออกแรงบังคับ
    แค่บอกให้มันรู้มันก็วิ่งของมันเอง ที่มันยากคือการสื่อสารกับตัวเองนี่แหละ
    บางคนไม่เชื่อตัวเอง บางคนไม่เชื่อว่ามันรู้ดีรู้ชั่วเองได้ มันทำบางอย่างเอง
    ได้ บางคนต้องคอยกำชับบังคับตัวเองให้มีสติตลอดเวลา
    บางคนไม่กล้าปล่อยวางตัวเองเพราะรู้สันดานตัวเองว่าปล่อยแล้วจะวุ่นวาย
    ทำผิดๆถูกๆให้ขายหน้าคนอื่น บางคนก็กลัวธรรมชาติของตัวเองเพราะเห็นว่า
    น่าเกลียดไม่งดงามก็เลยสร้างฟอร์มที่คิดว่าดีในสายตาของตนเองมาครอบไว้
    ก็เลยเป็นการสร้างอัตตาขึ้นมาครอบธรรมชาติของตน และใช้อัตตาเป็น
    ตัวเดินเครื่องมาควบคุมธรรมชาติของตัวเองอีกที ก็จะเป็นอย่างที่คุณเป็น
    และคนทั่วไปก็เป็นแบบนี้

    ในกรณีของคุณที่เหนื่อยเพราะ คุณต้องลงมือเองทุกอย่าง สั่งการ ลงมือ
    ควบคุม และทำเองทุกขั้นตอน และต้องออกแรงเอง ไม่ปล่อยวางให้ธรรมชาติ
    ทำงานอย่างอิสระ

    ถ้าคุณสามารถรู้วิธีทำเหลือแค่สั่งการอย่างเดียว ปล่อยให้ธรรมชาติต่างๆมัน
    ดำเนินการเองในแบบที่คุณต้องการ ไม่ต้องจูงเองหรือไปบังคับตัวเองให้ทำ
    อย่างนั้นอย่างนี้ คุณก็จะไม่เหนื่อย หรือเหนื่อยน้อยลง

    นี่ก็เป็นมุมมองหนึ่งนะ ก็ไม่รู้ว่าถูกไหม แต่เรารู้สึกแบบนี้สำหรับตัวเรานะ
    บังคับตัวเอง กับปล่อยให้ตัวเองเป็นอิสระแล้วเราแค่สั่งการนิดหน่อย ผลที่ได้
    มันต่างกันเยอะ

    เหมือนกับว่า ถ้าเราฝึกตัวเราเองให้ฟังคำสั่งและทำตามคำสั่งได้
    เราก็จะควบคุมพลังของตัวเองได้ดังใจนึก และไม่ต้องไปวิ่งออกแรงเอง
    เหลือแค่เรานั่งคุมบังเหียนธรรมชาติของเราอีกที เหมือนรถยนต์ถ้าเราสตาร์ท
    ไม่ติด เครื่องมันวิ่งเองไม่ได้ เราก็ต้องออกแรงเข็นให้มันเดิน เราก็เหนื่อย
    แต่ถ้าเราสตาร์ทเครื่องเป็นและเครื่องยนต์มันทำงานได้ เราก็ไม่ต้องเข็นรถ
    มันก็วิ่งไปได้ เราแค่คุมพวงมาลัยบังคับทิศทางไป ก็ได้งานโดยไม่เหนื่อยแรง
    ของตัวเอง

    ต้องสังเกตตัวเอง แล้วจะพบความลับของธรรมชาติที่เป็นตัวเราเอง
    ต้องปรับความเห็นก่อนว่าเชื่อว่าธรรมชาตินั้นมีอยู่ถึงจะสื่อสารกับมันได้
    แต่ถ้ามีความเชื่ออย่างอื่นอยู่แล้ว ก็พิณาแล้วลองทำเอง คนอื่นเขาไม่มีใคร
    รู้จักตัวเราดีเท่ากับตัวเราเอง วิธีของคนอื่นก็อาจจะไม่เหมาะกับเรา
    ก็ค่อยๆพิณาเอาวันหนึ่งก็จะเข้าใจเอง ถ้าหมั่นสังเกตตัวเองเนืองๆนะ
     
  13. aonwit01

    aonwit01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    681
    ค่าพลัง:
    +1,025
    คุณ k.kwan พูดถูกทุกประการครับ

    ความจริงผมก็ไม่ชอบหน้ากากของผมตอนนี้หรอกครับ แต่มันเหมือนโดนบังคับให้ทำ ไม่ใช่ว่าเพื่อนๆไม่นิยมชมชอบ แต่เพื่อนไม่คบเลยละครับ เพราะสังคมที่ผมอยู่ตอนนี้เป็นสังคมนักศึกษา ลูกผู้ดีมีกะตัง แล้วผมลูกชาวสวนก็หลุดขึ้นมาได้ไงไม่รู้ -*- เลยต้องบังคับตัวเองอยู่ตลอดเวลาไม่งั้นคงอยู่ในสังคมนี้ไม่ได้ ตอนมาใหม่ๆผมก้อยู่แบบของผม ปรากฎว่าทักใครเค้าก็เมิน ที่มหาลัยก็ใช่ว่าจะธรรมชาติอะไรมาก ผมเลยเริ่มสูญเสียตัวเองไปกลายเป็นใครก็ไม่รู้ในตอนนี้ T^T

    ยังดีที่จิตวิญญาณผมยังอยู่ ไม่งั้นคงหมดทางออกแน่ๆ
     
  14. โอ๊ตศ์

    โอ๊ตศ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    333
    ค่าพลัง:
    +1,107
    (เชื่อมมาตั้งแต่ก่อนเกิดแล้วนี่นา)

    ^^

    ไม่ได้มาป่วนน้า....
     
  15. deep listening

    deep listening เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +536
    ใช้ความคิดน้อยลง ใช้ใจมากขึ้น
     
  16. O๐.AnGle.๐O

    O๐.AnGle.๐O เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +861
    ดู Avatar มากไปป่าว

    เหอะๆ
     
  17. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    ใช่ทุกคำตอบค่ะ และคิดว่าเข้าใจความอึดอัดของเจ้าของกระทู้นะคะ
    แต่อย่างที่ใคร ๆ หลายคนกล่าวมาล้วนถูกต้องทั้งหมดค่ะ
    การบังคับตนเองไม่ให้เป็นไปตามธรรมชาติที่ตนเองเป็นอยู่นั้น
    เป็นการสร้างกำแพงขวางกั้นระหว่างตัวตนของท่านกับธรรมชาติ
    จริง ๆ แล้วธรรมชาติไม่ต้องการปรุงแต่งค่ะ เขาเป็นอย่างไรเขาก็เป็นของเขาอย่างนั้น
    เปรียบเทียบกับตัวตนแท้จริงดั้งเดิมของท่าน เขาเป็นอย่างไรเขาก็เป็นอย่างนั้น
    แต่พอมาอยู่ในสังคมสมมุติท่านก็ไปสมมุติตนเองเป็นตัวละครใหม่
    แต่จิตใจของท่านยังผูกพันกับธรรมชาติ จึงเชื่อมโยงท่านไปสู่การเรียนรู้นอกตำรา
    การเรียนรู้นอกตำราต้องทิ้งกรอบของตำราจึงจะเรียนรู้ธรรมชาติได้
    ธรรมชาติไม่มีขอบเขต ไม่มีขีดจำกัด ไม่มีกำแพง เขาเป็นได้ทุกสรรพสิ่ง
    ลองถามใจตนเองดูสิคะว่าธรรมชาติในตัวตนของท่านอยากเป็นอะรไร
    สมมุติคำตอบที่รู้คือเขาอยากเป็นน้ำแต่ท่านจะฝืนให้เป็นดินเพราะว่าตรงที่ท่านอยู่เขานิยมเป็นดินกัน มันจะถูกหรือ
    ธรรมชาติก็คือปล่อยใจให้ลื่นไหลไปโดยไม่ปิดกั้น เปิดใจรับรู้ทุกสรรพสิ่ง สรรพสำเนียง
    รู้แล้วก็ให้วาง เพราะมันไม่ใช่ตัวตนของเรา เราเพียงแต่ทำความรู้จักกับมันเท่านั้น
    ยกตัวอย่างเช่น ท่านส่องกระจก มองเห็นเงาตนเอง แล้วลองยิ้มให้เงาของตนเอง
    หรือจะทำหน้าบูด ทำหน้าหล่อ ทำหน้าตลก ทั้งหมดที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนเป็นการปรุงแต่ง เป็นสิ่งสมมุติทั้งสิ้น
    หน้าเดิมที่แท้จริงของท่านคือหน้าเฉย แต่พอวางหน้าเฉยก็กลัวคนจะไม่คบ
    เลยต้องปั้นหน้าอยู่ตลอดเวลา มันก็เลยเหมือนสวมหน้ากากหลอกทั้งตนเองและคนอื่น
    ลองฝึกไม่หลอกตนเองและคนอื่นดูสิคะ ท่านอาจจะพบตัวตนที่บริสุทธิ์ขึ้น
    โปร่งเบา ใส และสบาย ๆ อิริยาบทก็จะเป็นธรรมชาติมากขึ้น และอาจนำธรรมชาติกลับมาสู่ท่านได้ง่ายขึ้น
     
  18. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    การสื่อสารกับธรรมชาติ ก็ลองทำใจให้มันกลางๆ มองสรรพสิ่งเกิดจากเหตุ แล้วดำรงอยู่ตามกฏของไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) แล้วมองย้อนดูจิตของเราดูความคิดดูความรู้สึกของเรามันก็เกิดขึ้นมาจากเหตุ แล้วดำรงอยู่ตากฏของไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)เหมือนกันเป๊ะเลย ความเงียบของจิตก็จะค่อยเกิด ความละเอียดของจิตก็จะถูกมองเห็นชัดขึ้น คลื่นความถี่ของธรรมชาติเราก็จะเริ่มสัมผัสได้และจูนคลื่นจิตของเราให้ตรงกับคลื่นของธรรมชาติได้ แล้วอะไรๆต่างๆก็จะตามมาเอง อย่าคาดหวังสิ่งใดทั้งสิ้นเพราะนั่นคือตัวกิเลสที่แอบซ่อนอยู่ลึกๆในใจเรา ตัวเราใจเราต้องเป็นไปตามธรรมชาติก่อน ธรรมชาติถึงจะสื่อสารกับเรา แต่ถ้าเป็นไปตามกิเลสก่อน พญามารก็จะเป็นผู้สื่อสารกับเราแทน โชคดีทุกๆท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 มิถุนายน 2010
  19. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** สัจจะ ****

    ถอยหนีสังคม
    พิจารณาตนเอง
    พิจารณาธรรมชาติ
    พระพุทธเจ้าพระโคดม
    เข้าไปอยู่ในป่าคนเดียว
    สมณะสาวกธุดงค์อยู่ในป่า

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2010
  20. มังกรบูรพา

    มังกรบูรพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,539
    ค่าพลัง:
    +9,407
    พลังเรกิ/พลังจักรวาล/พลังคอสมิค/พลังยูเรอัส = พลังธรรมชาติ

    จากจักรวาลใหญ่ ที่สัมพันธ์กับจักรวาลน้อย ในตัว



    ถ้าได้รับการเปิดจักกระแล้ว ในเบื้องต้น ให้ทำสมาธิ นิ่งอยู่ที่กลางกระหม่อม

    สัก 10 นาทีก็พอ เพื่อให้พลังงานจากธรรมชาติ ไหลผ่านเข้ามา


    เวลารักษาตัวเองหรือผู้อื่น ให้ตั้งจิตไว้ที่จักร 7 (กระหม่อม) ตลอดเวลาที่รักษา

    ไม่เหนื่อย ไม่ต้องใช้พลังตัวเอง เพราะเรา เป็นเพียงตัวผ่านของพลังงาน

    ธรรมชาติ เท่านั้น


    เรื่องอีโก้ไม่ต้องกังวล รอให้ฝึกระดับสูง เอวัง!
     

แชร์หน้านี้

Loading...