ทำบุ_แล้วต้องกรวดน้ำมั๊ย!? หาคำตอบได้ที่นี่ค่ะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย เสาวนีย์, 10 พฤศจิกายน 2004.

  1. เสาวนีย์

    เสาวนีย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +251
    หลวงพ่อตอบปั_หา
    พระภาวนาวิริยคุณ

    ถาม:
    หลวงพ่อครับ ทำไมเวลาทำบุ_ต้องกรวดน้ำด้วย ไม่ทราบว่าธรรมเนียมการกรวดน้ำมีที่มาที่ไปอย่างไร แล้วถ้าลืมกรวดน้ำจะมีผลอย่างไรบ้างครับ

    ตอบ:
    คุณโยม ประเพณีการกรวดน้ำนั้น เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นสมัยพุทธกาลเลยทีเดียว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงสอนให้พระเจ้าพิมพิสารผู้สร้างวัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา ให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับ_าติของพระองค์ในอดีต ซึ่งได้ทำกรรมไม่ดีไว้ ครั้นเมื่อละโลกไปแล้ว _าติเหล่านั้นได้ไปเกิดเป็นเปรต แล้วมารอรับส่วนบุ_อยู่เป็นพุทธันดรเลย

    เนื่องจากพระเจ้าพิมพิสารทรงระลึกชาติไม่ได้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า _าติของพระองค์เองในอดีตชาติมาเกิดเป็นเปรต แล้วก็ไม่รู้ว่าเขามารอรับส่วนบุ_ส่วนกุศลมาเป็นพุทธันดรเลย เพราะฉะนั้น พระองค์เมื่อทรงทำบุ_แล้ว เลยไม่ได้ทรงอุทิศส่วนกุศลให้กับ_าติที่เป็นเปรต _าติก็ยังเป็นเปรตต่อไป และมีความทุกข์หนัก ก็เลยปรากฏตัวให้เห็นว่า ตัวเองเป็นเปรต ส่งเสียงร้องโหยหวนอยู่ในวัง พระเจ้าพิมพิสารทรงเห็นเข้า ก็รีบไปกราบทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า นี่อะไรกัน

    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลยทรงเล่าเรื่องหนหลังให้ฟังว่า เปรตเหล่านี้คือ_าติในอดีตของพระองค์เอง ในอดีตชาติพระองค์ทรงทำบุ_ทำทาน ตั้งโรงทานเลี้ยงพระเลี้ยงมหาชน แต่_าติเหล่านี้ไม่มีกุศลศรัทธา เลยมายักยอกของที่จะถวายสงฆ์ไปใช้เป็นของตัวเอง เมื่อละโลกไปแล้ว เลยต้องมาเกิดเป็นเปรต

    แล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงแนะนำให้พระเจ้าพิมพิสารทำบุ_เลี้ยงพระ จากนั้นก็กรวดน้ำอุทิศส่วนบุ_ส่วนกุศลให้กับเปรตเหล่านั้น พวกเปรตเหล่านั้นพอได้รับอุทิศส่วนบุ_ส่วนกุศลเท่านั้น ด้วยอำนาจบุ_ก็กลายสภาพไปเป็นเทวดานางฟ้าเลย

    ทีนี้คุณโยมถามว่า ทำบุ_แล้วไม่อุทิศ ส่วนกุศลแล้วตัวเองจะได้บุ_หรือเปล่า ก็ต้องบอกว่า จะกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลหรือไม่อย่างไร เราก็ได้บุ_ของเราอยู่แล้ว สิ่งนี้ต้องชัดเจน

    แต่ว่าทำบุ_แล้วกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลจะดีตรงที่ว่า เราอุทิศให้ใครก็จะทำให้ผู้นั้นพลอยได้รับส่วนบุ_ส่วนกุศลนี้แล้วเป็นสุขไปด้วย เช่นเดียวกับเปรต _าติของพระเจ้าพิมพิสารนั้น

    ปั_หาคือเวลาเราอุทิศส่วนกุศลด้วยการกรวดน้ำ เลยทำอุปมาในใจว่า สายน้ำที่เรารินลงไปนั้นเหมือนกับสายบุ_ แล้วบุ_เราไม่พร่องไม่หกไปหมดหรือ ยุคนี้เศรษฐกิจรัดตัว กว่าจะได้เงินมาทำบุ_ก็ยาก แล้วเที่ยวอุทิศให้ใครต่อใครไปหมดแล้ว เดี๋ยวเราไม่หมดบุ_หรือ

    ก็บอกว่าไม่หมดหรอก ลองฟังอุปมาดู คุณโยมลองถามตัวเองดูก็ได้ว่า ถ้าเราปลูกกล้วยไม้มากระถางหนึ่ง พอถึงเวลากล้วยไม้ก็ออกดอกสวย ครั้นเราจะเอาไว้ดูคนเดียวสวยๆ เอาไว้ในห้องนอนของเราเพียงลำพัง กับการที่เอาไปตั้งไว้กลางห้องรับแขก แล้วชักชวนพรรคพวกเพื่อนฝูง_าติสนิทมิตรสหายมาดูกล้วยไม้สวยๆ ของเรา ถามว่า พอมาแล้วเขาเห็นความสวยของกล้วยไม้ เขาชื่นใจไหม ชื่นใจ ถามว่า_าติพี่น้องทั้งหลายที่มาชมดอกกล้วยไม้ของเราแล้ว ทำให้ความสวยของกล้วยไม้ลดลงไปไหม ไม่ลด

    เช่นกันบุ_ที่เราอุทิศให้ใครต่อใครจะเป็น_าติกี่โกฏิ กี่กัลป์ ของเราเท่าไรก็ตาม แปลกดี บุ_กลับไม่พร่องไป พอได้รับบุ_ที่เราอุทิศ ส่วนกุศลให้เท่านั้น ก็ชื่นใจขึ้นมา ความทุกข์ก็คลาย เลยนึกถึงความดีในอดีตที่เคยสร้างไว้ได้ พอ นึกได้เท่านั้น บุ_เก่ามาบรรจบกับบุ_ใหม่ที่ได้รับอุทิศส่วนกุศลให้เท่านั้น สภาพเปรตหลุด เลยเกิดใหม่เป็นเทวดานางฟ้าไป

    การกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลเป็นเรื่องของคนใจให_่ มีจิตเมตตากรุณา เพราะฉะนั้น ปู่ ย่า ตา ทวด จึงไม่ยอมพลาดเลย ไหนๆ ก็ได้บุ_ให_่แล้ว ทำไมไม่ทำใจให้ให_่เพิ่มไปอีก ว่าแล้วก็คว้าขันน้ำเบ้อเริ่มกรวดน้ำกันไป คุณโยมทำบุ_ทุกครั้ง กรวดน้ำให้ได้ทุกครั้งด้วย แต่ถ้าบางทีหาน้ำไม่ได้ ก็ทำใจให้นิ่ง ให้ใส ให้สว่าง จนกระทั่งเห็นสายบุ_ ถ้าเห็นอย่างนั้น ไม่ต้องใช้น้ำ ให้สายบุ_นี้ตรงดิ่งไปหาผู้ที่เราต้องการอุทิศให้เลย น้ำใจงามๆ ส่งบุ_ถึงเลย อย่างนี้ก็ใช้ได้อีกเหมือนกัน เหมือนอย่างกับต่อเทียนต่อไฟถึงเลย คุณเอ๋ย มันดีจริงๆ ทำไปเถอะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...