ถ้าอุทิศบุญให้แล้ว.... แต่เขากลับชาติไปเกิดใหม่แล้ว

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย chaokhun, 10 กันยายน 2013.

  1. chaokhun

    chaokhun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +5,701
    เรื่องนี้เป็นข้อสงสัยของผมมานานแล้ว ขอความอนุเคราะห์จากผู้รู้ กูรู และพระอาจารย์ทุกท่านว่า เมื่อเราได้ทำบุญและกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับ คุณบิดามารดา ครูอาจารย์ ปู่ย่าตายาย ญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว

    แต่ท่านเหล่านั้นได้กลับชาติไปเกิดใหม่แล้ว ท่านเหล่านั้นจะยังได้รับส่วนกุศลบุญจากเราไหมครับ

    บุญที่เราอุทิศให้ไปแล้ว จะมีสภาพแปรเปลี่ยนไปอย่างไร ถ้าหากเราถวายเครืองอุปโภคเครื่องใช้ จำพวก ยาสีฟัน แปรงสีฟัน สบู่ ไฟฉาย และปัจจัย (เงิน) พระพุทธรูป แด่พระสงฆ์ เมื่อญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว ได้รับ จะได้รับบุญในรูปแบบอย่างไรบ้างครับ
     
  2. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    ถามแปลก น่าสนใจดีนะ
    อยากรู้อยู่เหมือนกัน
     
  3. therd2499

    therd2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +3,209
    รอคำตอบคำถามน่าสนใจมากครับ
     
  4. ชีวอน

    ชีวอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +763
    ของทุกอย่างที่เราทำบุญให้ผู้ตายนั้น ได้แค่30%ครับ เราทำบุญบุญนั้นเป็นของเรา100%ไม่ใช่ว่าเป็นของญาติครับ ถ้าผู้ตายอยู่ในภพที่สามารถอนุโมทนาบุญได้ ก้อได้บุญครับ ในกรณีนี้คงหมายถึงไปเกิดเป็นมนุษย์ใหม่แล้ว ไม่สามารถรับบุญได้ครับ บุญก้อเป็นของคุณอยู่ดีครับ กรณีเราทำบุญให้คนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเรา เราได้บุญ2ต่อครับ คือบุญที่เกิดจากการทำ และบุญที่เกิดจากการให้ส่วนบุญครับ ส่วนกรณีญาติตกนรก หรือเป็นเปรต หรืออยู่ในภพภูมิที่รับบุญยังไม่ได้ บุญก้อจะไปค่อยอยู่ในส่วนที่รับบุญได้ครับ เช่นในนรก ถ้าอยู่ขุมลึกกว่ายมโลก บุญก้อจะไปค่อยอยู่ที่ยมโลกครับ แต่ถ้าอยู่ที่ยมโลกบุญก้อจะลดโทษให้ครับ ส่วนในสวรรค์ ก้อรับบุณได้โดยตรงเลยถ้าเราอุทิศส่วนบุญครับ พอแค่นี้ก่อนคราวๆครับ รอผู้รู้ท่านต่อไป ขอบคุณครับ
     
  5. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    มาช่วยแสดงความเห็นครับ...คำถามของท่านเจ้าคุณแตกได้เป็น ๒ ประเด็นคือ..

    1.


    ตอบ ...บางพวกก็ได้รับส่วนบุญ..บางพวกก็ไม่ได้รับครับ..เพราะไม่รู้ และไม่ได้อนุโมทนา..

    ถ้าว่า ท่านใดย้ายภพไปเกิดเป็นคนหรือสัตว์ หรืออื่นๆที่วิบากห้ามไว้ แม้จะส่งบุญไปเท่าใดเขาก็ไม่ได้รับ ..

    แต่หากท่านใดไปเกิดเป็นเวมานิกเปรต หรือเทวดาบางเหล่า เขามีโอกาสรับทราบการอุทิศบุญให้และนึกอนุโมทนาได้ก็รับเอาได้...การที่เราทำบุญอุทิศท่านเหล่านี้ก็เพื่อเกื้อกูลท่านหากท่านต้องได้อัตภาพเปรต ซึ่งทุกข์มากด้วยความขาดแคลนแลหิวโหย เพราะเราไม่ทราบได้แน่ว่าท่านเหล่านี้จะไปเกิดที่ใด การเกื้อกูลด้วยการอุทิศบุญจึง เป็นได้แต่เรื่องดี ไม่มีความเสียหายอะไรเลยครับ...แม้ไม่มีใครมารับ เราเองก็รับเองเต็มที่ทุกคราวไป..




    2.


    รับในรูปแบบที่สอดคล้องกับตัณหาของเขาครับ อธิบายว่า ก่อนอื่นเขาผู้รับต้องทำบุญให้เกิดมีขึ้น" ในใจ"ตนด้วยการอนุโมทนาเป็นเบื้องต้น...บุญนั้นเป็นนามธรรมหาใช่วัตถุที่จับต้องได้ไม่...มีพลังอานุภาพเหนี่ยวนำให้เจ้าของได้รับ สิ่งดีๆน่าใคร่น่าปรารถนาได้..ถ้าเราอุทิศไป แต่เขาไม่รู้ ไม่อนุโมทนา แม้เขาจะอยู่ข้างๆเรา เขาก็ไม่อาจได้รับบุญอะไรๆได้เลย..

    ต่อเมื่อเขาทำบุญให้เกิดมีในตนได้ด้วยการอนุโมทนาบุญนั้นจึงปรากฏเกิดบุญในใจตนได้.. ก็ย่อมได้ปัจจัยที่จะสมปรารถนาในสิ่งประสงค์ด้วยอาการต่างๆได้..เช่น เขาปรารถนาวัตถุบริโภคใดก็นึกน้อมให้เกิดมีขึ้นได้ตามตัณหาที่ตนมีในเวลานั้น..หรือตนทุกข์มากในภูมินั้น หากบุญมีกำลังมาก นึกอยากเปลี่ยนภพก็แว๊บไปได้ดังใจนั่นแหละ..



    เราท่านทั้งหลาย ก็ใช้บุญในทางสนองตัณหากันทั้งนั้นเช่น เราจะเลือกกินอาหารตามที่ตัณหาบงการ หรือจะซื้อหาสิ่งบริโภคต่างๆก็ด้วยความติดใจต้องใจชอบใจในสิ่งทั้งหลาย หรือด้วยอำนาจตัณหาทั้งสิ้นไม่พ้นไปได้..และการมีการได้ทั้งหมดเหล่านี้ ก็มาจากเหตุคือบุญเก่าที่เคยทำมานั่นเอง ไม่ได้ได้มาเพราะฟลุคอะไรๆเลย ....ดังนั้นถึงจะถวายข้าว,น้ำ,แกง,ขนมอย่างนั้นอย่างนี้แด่ภิกษุหรือนักบวชผู้มีศีลมาในสมัยล้านโกฏิกัปป์ที่แล้วมา หากตนไปเกิดในแถบถิ่นกินขนมปังและครัวซองในอัตภาพมนุษย์ ก็ไม่ได้ต้องหาข้าว แกงหรือขนมอะไรๆอย่างที่เคยถวายพระมากินหรอก เพราะได้สัญญาใหม่ตัณหาย่อมสอดคล้องไปกับสัญญาใหม่ให้นึกชอบใจกินขนมปังกะึครัวซองตามพ่อแม่นั่นเอง..

    แม้วัตถุทานอื่นๆ ก็เช่นกัน ไม่ได้ตามไปเป็นก้อนแท่งให้ได้รับได้ใช้เหมือนกับที่ตนถวายหรือให้ทานไป..แต่ตนจะได้ความบริบูรณ์ในโภคะที่ตนปรารถนาตามโอกาสหรือกำลังของความขวนขวายดิ้นรนแสวงหา..นั่นเอง ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2013
  6. นาคธันดร

    นาคธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2010
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +157
    ตอบ สำหรับการอุทิศส่วนบุญให้ญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว และญาติผู้นั้นได้กลับชาติไปเกิดใหม่แล้ว และจะได้หรือไม่ได้บุญในส่วนที่อุทิศนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับ

    1.'สภาวะ' ของญาติผู้นั้น เช่นหากญาติผู้นั้นได้ไปเกิดใหม่ในภูมินรกขุมโทษหนัก เช่นในมหานรก ก็จะได้รับการลงทัณฑ์ทรมาณแทบไม่หยุด สภาวะจิตเศร้าหมองตลอดเวลา ไม่สามารถที่จะอนุโมทนาได้ เมื่ออนุโมทนาด้วยจิตที่สุขไม่ได้ต่อให้เราอุทิศส่วนกุศลกรวดน้ำไปให้เขาก็ไม่ได้รับครับ จะรับได้ก็ต่อเมื่อได้ให้อนุโมทนาเราด้วยใจจริง ส่วนถ้าญาติได้ไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดีกว่าเช่น นรกขุมที่ไม่หนักมาก สวรรค์ หรือโลกมนุษย์ ภพหล่านี้พอทำให้จิตเป็นสุขได้ ญาติผู้นั้นก็จะอนุโมทนาให้เราได้โดยง่าย แล้วเขาก็จะได้รับบุญไปครับ (ปล.ถ้ารับกรรมขณะอยู่ในนรก บุญที่ถูกอุทิศให้จะไปรอที่ยมโลกก่อน พอถึงกำหนดเวลาแล้ว สัตว์นรกจะถูกเรียกให้มาเอาส่วนบุญที่มีคนอุทิศให้ตนเองครับ)


    2. 'กรรมบางประเภท' นอกจากสภาวะของจิตจะมีผลถึงการได้รับบุญแล้ว สำหรับกรรมบางประเภทที่ญาติผู้นั้นได้ก่อก่อนตายก็จะส่งผลเกี่ยวข้องด้วยครับ เช่น ถ้าญาติผู้นั้นก่อนตายได้ก่อกรรมดูถูก ไม่เชื่อ หรือไม่เคารพพระสงฆ์จนเป็นนิสัย กรรมประเภทนี้จะไปบดบังไม่ให้บุญที่เราอุทิศส่งไปถึงได้ เพราะพระสงฆ์เปรียบเสมือนตัวแทนของพระพุทธเจ้า เป็นตัวแทนของศาสนา ถ้าไม่เชื่อหรือไม่เคารพก็เหมือนกับไม่เคารพพระศาสนาแล้ว ผลแทบทุกอย่างที่มีคนทำให้ทางศาสนาจะไม่ได้รับครับ หรือได้รับบุญยากมากนี่เอง


    ตอบ จากการที่ผู้เขียน (นาคธันดร) ได้ฟังประสบการณ์การบอกเล่าของคนตายแล้วฟื้นแล้วได้มีโอกาสเห็นส่วนบุญที่ญาติอุทิศให้ตนเองซึ่งเป็นประสบการณ์จริงของคุณ 'พัชรินทร์ บูรีจิตตินันท์'
    และเรียบเรียงจากผู้มีอำนาจพิเศษท่านหนึ่งที่สามารถถอดจิตไปเที่ยวนรกและอุทิศส่วนกุศลให้สัตว์นรกนั้น จะค่อย ๆ ยกตัวอย่างไปตามนี้ครับ


    - หากเป็นการอุทิศส่วนกุศลผ่านคำภาวนาทางจิต ญาติที่ถูกอุทิศส่วนกุศลให้ จะได้รับบุญในลักษณะเป็นดวงทิพย์ขาวสวยสุกงดงามมาก ปรากฎอยู่ตรงหน้าของตนครับ (ดวงทิพย์นั้นจะมีขนาดเท่าใดก็ขึ้นอยู่กับขนาดของผลบุญที่อุทิศไปให้ครับ)

    - หากเป็นการอุทิศส่วนกุศลด้วยอาหาร อาหารนั้นก็จะปรากฎเป็นทิพย์ส่งตรงไปถึงผู้รับทันทีครับ ก็เหมือนการทำบุญใส่บาตร พอตายไป เราก็จะได้กินอาหารที่เราใส่บาตรเองนั่นล่ะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2013
  7. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,850
    ทำไมกระทู้ ท่านเจ้าคุณน้อยลงไป เมื่อก่อนเห็นมีเยอะ ทำงานหนักหรือเปล่าครับ
    มีปัญหาอะไรก็คุยกันได้น่ะครับ (ปัญหาบางอย่างแก้ไขไม่ได้ แต่ให้กำลังใจได้)
     
  8. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    ได้รับชัวร์
    แต่ต้องรอวาระที่รับได้
    จะได้รับเป็นอะไรก็ขึ้นอยู่กับตอนที่ได้รับอยู่ภูมิไหน
     
  9. chaokhun

    chaokhun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +5,701

    ยังมีเรื่องราวประสบการณ์อีกหลายเรื่อง จะทยอยมาเล่าให้ฟัง
     
  10. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    บุญที่ทำการอุทิศแผ่ไปให้นั้น หากผู้ที่จะรับบุญ เหล่านั้น ไม่ทราบ ไม่รู้ ไม่ได้อนุโมทนา ก็ไม่สามารถรับบุญเหล่านั้นได้ สาระสำคัญจึงอยู่ตรงนี้ครับ
    แม้เขาไปเกิดเป็นอะไรก็ตาม หากเขารู้ว่า เราแผ่อุทิศให้ หากเขาทราบและอนุโมทนาเขาก็ได้รับ

    แม้กระทั้งเขามาเกิดเป็นลูกของเรา หรือใคร อะไรที่ไหนก็ตาม หากเราบอกบุญให้เขาทราบ เขายินดี อนุโมทนา เขาก็ได้รับ เช่นกัน
    บุญจึงสำเร็จได้เพราะจิต อนุโมทนาครับ
    จะอยู่ในสภาวะไหนไม่เกี่ยว เกี่ยวที่ว่า ผู้ที่จะรับบุญ รู้หรือไม่ ทราบหรือไม่ หากรู้แล้ว อนุโมทนา บุญเหล่านั้นเขาก็จะได้รับอานิสงค์ของบุญนั้นไปด้วยเสมอครับ

    สิ่งสำคัญเมื่อเราอุทิศบุญหรือบอกบุญ ให้ใครก็ตาม พึงต้องให้ความสำคัญว่า ต้องทำอย่างไรให้เขาผู้อื่นนั้น รู้และทราบในบุญที่เราให้ หรือบอกให้ไปครับ
    จุดนี้สำคัญมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ครับ เพื่อให้เขารู้ เมื่อรู้แล้วก็จะได้ อนุโมทนาได้นั่นเอง ครับ
    ถ้าไม่สามารถทำให้เขารู้ได้ ทราบได้ เขาก็ไม่สามารถอนุโมทนาได้ เมื่อเขาไม่สามารถอนุโมทนาได้ ก็จบกัน บุญย่อมไม่เกิดประโยชน์สำเร็จแก่เขาครับ สาธุ
     
  11. นาคธันดร

    นาคธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2010
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +157
    ขอหน่อยนึงนะครับว่า

    ตามสภาวะจิตของวิญญาณแล้ว ย่อมอยู่ในระดับเป็น 'กายละเอียด' เสมอ ดังนั้น สภาวะจิตและกระบวนการรับรู้ของกายละเอียดจะไม่เหมือนกับกายหยาบหรือกายมนุษย์ครับ เพราะเนื่องจากกายละเอียดจะอยู่ในลักษณะเป็น 'ทิพย์' และหลุดจากการผูกมัดของกายหยาบ ทำให้ได้สถานะจิตที่ 'ไร้ขีดจำกัด' กายละเอียดจึงมีความสามารถด้านการรับรู้มากมายครับ เช่น

    - สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้
    - สามารถเข้าใจและสื่อสารได้ทุกภาษา
    - สามารถไปที่ไหนก็ได้ในทันทีที่คิด (ถ้าไม่ติดสัญญากรรมหรือห่วง)
    - และแน่นอนครับว่า สามารถรู้ได้ว่ามีคนอุทิศส่วนกุศลมาให้ตนโดยอัตโนมัติ

    ฉะนั้น ปัญหาในการรับส่วนบุญจึงไม่น่าจะใช่เรื่องที่กายละเอียดจะรับรู้ได้หรือไม่หรอกนะครับ เพราะยังไงด้วยความสามารถพิเศษของวิญญาณยังไงเขาก็ต้องรู้อยู่ดี แต่ปัญหาน่าจะอยู่ที่ว่า ตอนนั้นสภาวะจิตของเขาเป็นเช่นไร เศร้าหมองจนไม่สามารถอนุโมทนาให้ได้หรือไม่ สรุป ปัญหานี้อยู่ที่ว่า "เขาจะรับได้ไหม ไม่ใช่ เขาจะรู้ไหม" ครับ ^^
     
  12. srisansuk

    srisansuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +201
    สิ่งสำคัญเมื่อเราอุทิศบุญหรือบอกบุญ ให้ใครก็ตาม พึงต้องให้ความสำคัญว่า ต้องทำอย่างไรให้เขาผู้อื่นนั้น รู้และทราบในบุญที่เราให้ หรือบอกให้ไปครับ
    จุดนี้สำคัญมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ครับ เพื่อให้เขารู้ เมื่อรู้แล้วก็จะได้ อนุโมทนาได้นั่นเอง ครับ
    ถ้าไม่สามารถทำให้เขารู้ได้ ทราบได้ เขาก็ไม่สามารถอนุโมทนาได้ เมื่อเขาไม่สามารถอนุโมทนาได้ ก็จบกัน บุญย่อมไม่เกิดประโยชน์สำเร็จแก่เขาครับ สาธุ

    ต้องทำอย่างไรครับ
    1 การทำบุญกรวดนำ้ อุทิศผลบุญโดยการเอ่ยชื่อ
    2 การทำสมาธิภาวนา แล้วอุทิศผลบุญโดยการเอ่ยชื่อ
    ไม่ทราบว่าวิธีปฏิบัติ 2 แนวทางนี้ผู้รับผลบุญจะทราบไหมครับ
    ถ้าจิตของผู้รับผลบุญยังเสวยทุกขเวทนาอยู่ สาธุครับ
     
  13. นาคธันดร

    นาคธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2010
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +157
    ขออนุญาติตอบอีกครั้งนะครับ (คงจะไม่รบกวนนะฮะ)

    การส่งบุญทำได้ 2 แบบอย่างที่คุณกล่าวมาถูกต้องแล้วครับคือ
    1. การอุทิศบุญโดยการกรวดน้ำ = ผลบุญนั้นส่งไปถึงแน่นอน
    2. การอุทิศบุญโดยภาวนาอย่างเดียวไม่กรวดน้ำ = ผลบุญนั้นส่งไปถึงแน่นอน แถมยังจะเร็วกว่าวิธีการกรวดน้ำอีกด้วย


    แล้ว 2 วิธีนี้ผู้รับบุญจะทราบไหม ถ้ายังรับทุกขเวทนาอยู่ ?
    ตอบ ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญกรวดน้ำ อุทิศผลบุญโดยการเอ่ยชื่อ หรือการทำสมาธิภาวนา แล้วอุทิศผลบุญโดยการเอ่ยชื่อ ทั้ง 2 วิธีนี้ดวงวิญญาณรับรู้แน่นอนเหมือนกันครับ แต่จะต่างกันตรงสิทธิการรับบุญครับ คือ
    ถ้าเป็นการอุทิศผลบุญโดยการเอ่ยชื่อ จะเป็นการเจตนาส่งบุญให้เฉพาะบุคคลไปเลย คือ ถ้าเราอธิษฐานว่า ขอให้ นาย ก. ได้บุญในส่วนนี้ บุญในครั้งนี้ก็จะมีแต่นาย ก. ดวงเดียวเท่านั้นที่จะได้รับ ดวงอื่นไม่มีสิทธิเลย แต่ถ้าหากเราอธิษฐานรวม ๆ ว่า "ขอให้ญาติผู้ล่วงลับไปแล้วของข้าพเจ้าได้รับ" ทีนี้บุญนั้นจะถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วนครับ แต่จะได้ครบทุกดวงหรือไม่ขึ้นอยู่กับขนาดบุญที่อุทิศไปให้ครับ แต่ถ้าถามว่า วิธีนี้ผู้รับจะรับบุญได้หรือไม่ ขอตอบว่า จะได้หรือไม่ได้ก็ขึ้นอยู่กับสภาวะจิตของผู้นั้นครับว่าเคยก่อบาปดูถูกพระสงฆ์มาหรือเปล่า หรือพอจะอนุโมทนาให้เราด้วยใจจริงได้ไหม (รายละเอียดกล่าวไปแล้วข้างต้น) ถ้าได้ก็จะได้รับครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2013
  14. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ขอกล่าวเสริมที่ละเอียดขึ้นดังนี้ว่า

    การที่เรากล่าวชื่อลง เอ่ยไปนั้น กระแสจิตของเราส่งไปยังจิตของเขา เพื่อให้เขารับรู้นั้น
    โดยปกติ หากผู้กล่าวมีกำลังจิตหรือสมาธิแน่วแน่ กระแสจิตย่อมส่งไปถึงแน่นอนและจิตผู้อื่น ย่อมรับรู้ทันที แม้เขาเหล่านั้นจะมีทุกขเวทนาอยู่ก็ตาม แต่ถ้าหาก จิตผู้รับเหล่านั้น มีทุกขเวทนามากๆ คือมีความทุกขทรมานมากๆ จิตจะไม่สามารถรับรู้ได้เพราะทุกขเวทนาที่มีกำลังมากเป็นเครื่องครอบงำจิตไว้ กรณีนี้เกิดได้เช่นกัน ยิ่งจิตบางดวงตกอยู่ในรกภูมิ ที่ลึกลงไปมาก มีทุกขเวทนามาก เพราะทำบาปกรรมหนักหรืออนันตริยะกรรมไว้นั่นเอง จุดนี้จึงควรทราบและไม่ประมาท

    กรณีการอุทิศบุญสองวิธีที่ กล่าวมานั้น มีความถูกต้องเกือบทั้งหมดตามที่คุณ นาคธันดร กล่าวมาแล้ว แต่มีส่วนที่ลึกลงไปหรือปลีกย่อยอีกคือ

    1 การกรวดน้ำอาศัยเจตนาและขอบารมีแห่งพระแม่ธรณีพระแม่คงคาท่านช่วยอนุเคราะห์ กระแสบุญจึงสำเร็จแก่จิตทั้งหลายที่เราปราถนาอุทิศให้ได้ คืออาศัยท่านช่วยเหลือ นำกระแสบุญไปบอกกล่าวให้รับรู้และอนุโมทนา แต่สำหรับท่านที่ทำกรรมหนักมากคืออนันตริยะกรรม นั้นหมดสิทธิ์ครับเพราะเกินกำลังที่เทพหรือใครจะช่วยเหลือได้ ย่อมเป็นไปตามวาระแห่งกรรมหนักมากเหล่านั้นให้ผล

    2 กรณีการแผ่อุทิศด้วยกำลังสมาธิ คืออาศัยจิตตั้งมั่นกล่าวอุทิศเฉพาะเจาะจงลงไป เป็นวิธีการที่รวดเร็ว แต่อย่างที่กล่าวไปแล้ว กรณีที่ผู้รับทั้งหลายมีทุกขเวทนามากก็จะไม่สามารถรับรู้ได้เช่นเดียวกัน แต่ในกรณีนี้ ผู้แผ่อุทิศให้ ต้องมีกำลังสมาธิ กำลังจิตที่ตั้งมั่นดีพร้อม เป็นพื้นฐานสำคัญ สำหรับบุคลที่ชำนาญแล้วย่อมกล่าวเฉพาะเจาะจงได้ครั้งละหลายๆท่านได้เช่นกัน แต่ถ้าหากกำลังสมาธิยังไม่มั่นคงดีพอ กระแสจิตส่งไปไม่ถึง เขาไม่รับรู้ เขาเหล่านั้นก็ไม่สามารถทราบและอนุโมทนาได้

    ดังนั้นเริ่มต้นคือควรกรวดน้ำและฝึกสมาธิในการแผ่อุทิศไปด้วยเมื่อทำบ่อยๆจนชำนาญ จิตมีกำลังมาก สมาธิตั้งมั่นดีแล้ว ต่อไปก็ ไม่ต้องกรวดน้ำแต่ให้ ใช้กำลังจิตแผ่ออกไปได้เลยครับ

    อีกนิดครับเรื่องกำลังของบุญ
    เจ้าของบุญนั้นได้เต็มร้อย ส่วนบุคคลที่เราแผ่อุทิศให้ไปจะได้รับบุญมากหรือน้อย นั้นขึ้นอยู่กับผู้รับว่า มีสภาพจิตเป็นอย่างไร หากมีสภาพจิตดีงามบริบูรณ์ ก็จะได้รับบุญไป90ถึงเกือบเต็มร้อย แต่ถ้าหากสภาพจิตไม่สุขสบายไม่ปกติ การอนุโมทนายังมีทุกขเวทนาปะปน ก็จะได้รับกำลังบุญน้อยลง หรือหากจิตเคร้าหมอง ก็เช่นกัน

    การอนุโมทนานั้นจิตต้องพร้อมและอนุโมทนาในบุญนั้นโดยสุจริตใจแบบหมดสิ้น ไม่มีข้อระแวงสงสัยหรือเครื่องเศร้าหมองใดๆรบกวน ย่อมได้รับบุญนั้นมาก จนเกือบเต็มกำลังของบุญนั้น ไม่เกี่ยวด้วยจำนวนคนที่เราจะให้ บุญเรามี100 เราก็ให้ทุกคน 100เท่ากันหมดครับ เราจะให้ล้านคน เราก็ให้ได้ทุกคน คนละ100เท่ากันหมด แต่ว่าใน1ล้านคนนั้นใครพร้อมมากกว่ากัน มีสภาพจิตที่ดีเยี่ยม การอนุโมทนาอย่างเต็มใจหมดสิ้นไม่มีเครื่องเศร้าหมอง ก็ได้รับไปเกือบเต็ม100ครับ
    ปัญหาใหญ่จึงอยู่ที่ผู้ให้หรือผู้ส่งกระแสบุญ กับผู้รับนี่แหละเป็นเรื่องสำคัญครับ
    จากที่กระผมกล่าวมา นั้นอาศัยการปฏิบัติมากมายนับครั้งไม่ถ้วน แม้กำลังใจจะมั่นคงตั้งมั่นดีแล้วก็ตาม แต่ก็จะไม่ทิ้งวิธีการกรวดน้ำเพราะมีข้อดีหลายอย่างที่เป็นแบบแผนที่ดีงามที่ควรปฏิบัติ สำหรับความเห็นของกระผมจึงควรทำทั้งสองวิธีให้สลับกันไปครับเพราะการกรวดน้ำนั้นเป็นวิธีการที่แน่นอนมั่นใจได้ครับ จะได้กันพลาดด้วยครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2013
  15. นาคธันดร

    นาคธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2010
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +157
    ขอเสริมนิดนึงนะครับว่า

    การทำบุญอุทิศส่วนกุศลนั้น ผู้อุทิศบุญนั้นได้บุญเต็ม 100% ถูกครับ แต่ใช่ว่าผู้รับบุญจะต้องได้รับบุญเต็ม 100% ทุกคนเสมอไปแม้ว่าจิตจะบริสุทธิ์และอนุโมทนาแล้วก็ตาม ดังคำเทศนาของหลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง (หรือพระราชพรหมยาน) ดังนี้

    "การทำบุญนั้นจะได้ผลมาก ต้องอุทิศให้เขาเป็นขอบเขต เช่น อธิษฐานว่า กายทิพย์ทุกกายที่อยู่รอบบริเวณ 1 ตารางกิโลเมตร รอบ ๆ ที่ข้าพเจ้านั่งแผ่บุญนี้ จงได้รับผลบุญที่ข้าพเจ้าอุทิศให้ด้วยเถิดฯ" แต่ถ้าเป็นการแผ่ส่วนกุศลล้อมรอบจักรวาลเขาจะได้รับยาก เพราะไม่มีอานิสงส์แรงเท่าเราแผ่เจาะจง"


    ทั้งนี้ตามที่คุณบอกมาว่าจะเจาะจงกี่คนก็ได้แต่ต้องดูกำลังบุญด้วยนะครับ เพราะกำลังบุญที่ผู้รับได้จากการแผ่ส่วนกุศลจากเรานั้นไม่เหมือนกับกำลังบุญที่เราสร้างกันปกติ กล่าวคือ

    - ถ้าเรามีเงิน 1 บาทแล้วไปบริจาคทำบุญ ตรงนี้กำลังบุญจะขึ้นอยู่กับความศรัทธาของผู้ทำบุญต่อบุญนั้น ถ้าเราศรัทธามากแม้ทำ 1 บาทก็อาจได้บุญเป็นล้านได้ เรียกว่ากำลังบุญทั่วไป (ชื่อแบบไม่เป็นทางการครับ เรียกกันตามเข้าใจก็พอ)

    - แต่ถ้าเราทำบุญโดยการให้อาหารสัตว์แล้วอุทิศส่วนกุศลให้ผู้รับแบบครอบจักรวาลไม่เจาะจง แม้จะทำด้วยจิตที่ผ่องใส แต่กำลังบุญนั้นจาก 1 จะถูกแบ่งออกไปอีกหลาย ๆ ส่วนให้สำหรับผู้รับที่อนุโมทนาด้วยจิตสุขได้จนกว่าบุญจะหมดครับ คนท้าย ๆ ก็คงอด แต่ถ้าหากเราเลือกทำบุญที่ได้กุศลมากเช่น สวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก ฯลฯ แล้วอธิษฐานอุทิศส่วนบุญไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตามถึงญาติที่ล่วงลับไปแล้วแบบครอบจักรวาล ตรงนี้ยังพอมีโอกาสจะได้ครบทุกคนครับ

    (ขยายความจากคำเทศนาของ หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง (พระราชพรหมยาน) และผู้หยั่งรู้อีกท่านหนึ่งซึ่งได้กล่าวตรงกันแต่ผมได้ลืมชื่อแล้ว จึงขออภัยครับที่ไม่อาจเอ่ยชื่อท่านได้เพราะลืมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2013
  16. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    กระผมทราบล่วงหน้าแล้วว่า ท่านทั้งหลายส่วนหนึ่งที่ยังไม่ชำนาญในการปฏิบัติจะไม่สามารถเข้าใจในสิ่งที่กระผมกล่าวไป ได้

    จึงขออธิบายเสริมว่า
    การที่เราใช้กำลังจิตแผ่อุทิศให้ไป สำหรับผู้ที่ฝึกสมาธิจิตมาดีเยี่ยมแล้วสามารถกระทำได้ เพราะอำนาจของกำลังจิตที่ฝึกมาดีมากแล้วจะกำหนดและส่งกระแสจิต ได้รวดเร็วมาก ตามที่กระผมทำวิธีนี้มานานแล้วคือ การกำหนดระลึกหรือส่งกระแสจิตไปยังบุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว เช่น มารดา ปู่ยา ตายาย ป้า ผู้มีพระคุณ ครูอาจารย์ เทพพรหม ท้าวจาตุมหาราชทั้ง4 ท่านพระยายมราช ท่านยมบาล ท่านยมทูต ท่านสุวรรณ นายนิริยบาล จิตที่เสวยทุกขเวทนาในนรกภูมิ
    ในเวลาไม่เกิน3นาทีเมื่อสมาธิอันดีเยี่ยมของเราตั้งมั่นเกิดแล้ว ทิพยจักษุเราเปิดแล้ว กระแสจิตเราวิ่งไปแล้ว สามารถรู้และเห็นแล้วถึงกระแสจิตตนที่ส่งกระแสไปยังจิตเขาเหล่านั้น ทั้งหลาย ตลอดจนสามารถเห็นว่าจิตเหล่านั้นทั้งหลายมีสภาพอย่างไร ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว อันเมื่อเราแผ่อุทิศบุญกุศลให้เขาทั้งหลายนั้น นอกจากกระแสจิตของตนที่วิ่งไปหรือส่งกระแสจิตไปถึงเขาแล้วนั้น ยังมีกระแสบุญหรือกำลังบุญของตนเคลื่อนไปพร้อมกันกับกระแสจิตด้วยเสมอ เป็นปกติเพราะกำลังบุญย่อมเคลื่อนไปตามกำลังหรือกระแสของจิตที่วิ่งไปส่งไปด้วย ตามเจตนาเป็นตัวกำหนด
    อันเป็นแสงสว่างที่เป็นทิพย์เคลื่อนไปพร้อมกับกระแสจิตนั่นเอง

    นี่เป็นผลจากการฝึกสมาธิ เป็นผลจากการปฏิบัติภาวนาทางจิตอย่างหนึ่ง แม้พระอริยะหลายท่านก็ใช้วิธีนี้กระผมเองก็ได้รับการสั่งสอนให้ทำอย่างนี้ และทำมานานแล้วครับ จึงกล่าวแสดงความเห็นออกไปอย่างนี้ครับ

    ดังนั้นสิ่งที่กระผมกล่าวไปจึงไม่มีในตำรา ครับ เพราะนอกเหนือจากวิธีการปฏิบัติ
    อย่างที่กระผมบอกคือ ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยจิต จิตต้องมีกำลังมากพอที่จะใช้ประโยชน์ในการที่จะทำภาระกิจต่างๆ หากเราฝึกจิตมาดี และรู้วิธี ก็ย่อมสามารถกระทำได้ครับ
    กระผมยินดีแนะนำแนวทางทุกอย่างหากท่านทั้งหลายสนใจ ครับ เพราะไม่ได้มีอะไรเป็นความลับหรือ ต้องหวงแหนครับ เป็นการดีที่เราทั้งหลายจะได้รู้วิธีช่วยเหลืออุทิศบุญให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้เขาเป็นสุข หลุดพ้นจากทุกขเวทนาได้ครับ สาธุ
     
  17. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    เรื่องของกำลังบุญ ที่เราได้ที่เรามีหรือที่เกิดจากการทำความดีของเรา จะมากหรือน้อยก็ตาม เมื่อเราทำความดีหนึ่งๆแล้วนั้น ย่อมมีกำลังบุญเกิดขึ้น สมมุติว่า มีกำลังบุญเกิดขึ้น 100คะแนน เป็นต้น อันกำลังบุญของเรา 100คะแนน นี้นั้น เราจะให้ใครก็ได้ ตามเจตนาของเรา แต่ทุกคนที่เราให้ คือเราให้ได้ 100คะแนน ทั่วกันทุกคน จะกี่คนก็จะเห็นกำลังบุญที่เราให้เขาไป100คะแนนเท่ากันหมด แต่เขาจะอนุโมทนาแล้วได้รับกำลังบุญไปกี่คะแนนก็แล้วแต่สภาพความพร้อมตามกำลังจิตของเขา

    ปัญหาคือ เรามีความสามารถทางจิตมากน้อยแค่ไหน รู้วิธีที่จะแผ่อุทิศกำลังบุญให้ผู้อื่นได้มากน้อยแค่ไหน และจิตเขาเหล่านั้นมีความพร้อมมากน้อยแค่ไหนนั่นเองครับ
    กระผมพูดย้ำๆเรื่องนี้เพราะปฏิบัติมาแบบนี้ และก็ไม่ขอนำตำรามากล่าวเพราะเมื่อหลายปีมาแล้วก่อนที่กระผมจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้ดีมากนั้น กระผมก็ศึกษาอ่านตำรามามาก ไม่ว่าจะในพระสุตันตปิฏก ตำราสมเด็จโต ตำราหลวงพ่อฤาษี ตำราหลวงพ่อปาน ตำราหลวงปู่มั่น ตำราพระอรหันต์หลายๆท่าน แม้กระทั่งคำสอนของหลวงพ่อเกษม เพชรบูรณ์ ท่านสอนเรื่องการเบิกบุญอุทิศบุญหลายๆอย่างได้ดีเยี่ยมทีเดียวแต่อาจจะมีบางเรื่องที่ไม่ถูกต้องนักเป็นมิจฉาทิกฐิ จึงเลือกเอาแต่คำสอนที่ถูกต้องดีงามนำมาปฏิบัติเท่านั้น

    ตลอดจนครูอาจารย์เทพพรหมหลายท่านมาสอนในสมาธิ มากมาย จนทำให้ทราบว่า ยังมีวิธีการอีกหลากหลายวิธีครับ ซึ่งกระผมได้พิสูจน์ด้วยสมาธิปฏิบัติที่อบรมจิตตนมามากมายนับครั้งไม่ถ้วนแล้วนี่เองครับ

    ลองปฏฺิบัติดูนะครับ เวลาแผ่ให้ทำด้วยสมาธิอันสงบนิ่ง กำหนดจิตเฉพาะเจาะจงลงไป ด้วยบุญอะไร ส่งไปให้ใคร ให้ฝึกฝนทำให้ชำนาญ จนจิตสามารถรับรู้ถึงกระแสบุญที่เกิดและกระแสจิตของตนที่เคลื่อนไปให้เขานะครับ สาธุ
     
  18. นาคธันดร

    นาคธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2010
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +157
    เปรียบเสมือนท่านเป็นผู้ค้นพบในด้านนี้นะครับ อนุโมทนา ขอให้เจริญในธรรมครับ

    แม้ว่าผู้ทรงศีลซึ่งหยั่งรู้จากการปฏิบัติอย่างหมั่นเพียร และใช้ญานช่วยคนมามากแล้วท่านหนึ่งจะกล่าวตรงกับผม แต่ก็นะครับ อาจจะมีผู้หยั่งรู้ท่านอื่นที่เห็นต่างก็ได้ แล้วแต่ทฤษฎีครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2013
  19. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ==========================

    ขออนุโมทนาครับ ด้วยจิตคุณที่เปิดกว้างดุจผู้มีปัญญา ประหนึ่งน้ำไม่เต็มตุ๋ม มีฝาอันเปิดออกรอน้ำเติมเต็มได้โดยเป็นปรกตินั้น
    อัน ปัญญาและความรู้ทั้งหลายจะบังเกิดมีแก่คุณเสมอครับ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ สาธุ
     
  20. นาคธันดร

    นาคธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2010
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +157
    ขอบคุณครับ แต่ขออนุญาติเพิ่มเติมนิดหนึ่งนะครับว่า

    ถ้าหากจะเอ่ยถึงทฤษฎีของท่านอื่นที่เห็นต่างไปจากเราล่ะก็ ไม่จำเป็นต้องเอ่ยชื่อก็ได้นะครับ (เพราะคนผู้นั้นอาจจะมีเจตนาดีก็ได้) ดังนั้นอาจใช้แค่คำใบ้ก็เพียงพอที่จะให้ผู้อ่านทราบแล้วครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...