ถามผู้รู้

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย smdcth, 29 สิงหาคม 2010.

  1. smdcth

    smdcth สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +9
    ตัวผมนะครับนานๆๆจะฝันที ก็จะฝันถึงพระสงฆ์ พระพุทธรูป กับพญานาคบ่อยๆ ใครรู้ว่าผมต้อมำเช่นไรบอกกระผมด้วย
     
  2. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    ก็ฝันดีนี่ครับ
    วิทยาศาสตร์
    ฝันเกิดจากธาตุกําเริบ ส่วนมากคนมักจะฝันเห็นสิ่งที่ตัวเองยึดติดมากๆ เล่นเกมส์มากก็เก็บไปฝันเป็นเกมส์คุณฝันเห็นพระ กับ สัตว์ที่เชื่อว่าคุ้มครองพระศาสนาก็อสดงว่าคุณยังใฝ่ทางนี้อยู่
    เหนือธรรมชาติ
    อาจจะเป็นสัญญาเก่า ของตัวคุณเองนั่นหล่ะ พูดแบบเหนือโลกก็ประมาณว่า สิ่งเหล่านี้กําลังมองคุณอยู่ คุณอยู่ในพระญาณ และถ้าออกบวชก็จะได้เป็นที่พึ่งของพระศาสนาสืบต่อไป

    นิมิตรดีครับ
     
  3. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ก็พยายามแล ธรรมคู่ ลงให้เป็น ธรรมหนึ่ง

    ธรรมคู่คืออะไร คือ การปรากฏของ กลุ่มนามกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมี สองสมาชิก
    หรือสองลักษณะนามขึ้นไป ในที่นี้คือ "พระสงฆ์ พระพุทธรูป กับพญานาค"

    กลุ่มนามที่ปรากฏคือ ธรรมะ หรือไม่ ก็ต้องบอกว่า ไม่ใช่ เป็นเพียงแค่การ
    ปรากฏของ กลุ่มบุคคล

    ทำไมกล่างว่า ไม่ใช่การปรากฏของกลุ่มธรรม ก็เพราะว่า มี พยานาค เป็น
    เครื่องบ่งชี้ ว่าเป็นเรื่องความสนใจในสภาพบุคคล หากความฝันไม่มี พยานาค
    เสียได้ ก็อาจจะเป็นการเห็น กลุ่มธรรม

    แต่ก็ใช่ว่า ฝันเห็น พยานารค แล้วโยนท่านทิ้ง ไม่สนใจเสีย ไม่ใส่ใจเสีย ก็
    ไม่ใช่

    สิ่งที่..ให้ทำ....คือ

    ให้แลเห็น สงฆ์ก็ดี พระพุทธก็ดี พยานาคก็ดี แลลงไปให้เห็นถึง ความเป็น
    กลุ่มคน ให้มันลงไปที่ธรรมที่เสมอกัน เป็นนามธรรมเดียวกันเสียก่อน อย่าให้
    เห็นแล้วเกิดความเห็นว่า มีสภาพธรรมต่าง ให้แยบคายใคร่ครวญเฉพาะที่เป็น
    องค์ธรรมที่เหมือนกัน เมื่อเห็นลงเป็นนามธรรมเดียวกันแล้ว ก็ให้แลเห็นความแปร
    ปรวนในการเห็น การควบคุมการเห็นว่าทำไม่ได้ ทุกอย่างปรากฏแล้วก็ผ่านไป
    ดับไป ไม่ค้างคาไว้ หากค้างคาไว้นั่นเพราะเราตั้งใจจดจำ เผลอนึกเผลอคิด
    ไปจับขันธ์5มาเป็นตัวเป็นตน แทนที่จะแลเห็นเพื่ออาศัยระลึกการเห็นธรรม

    แลไปแบบนี้เรื่อยๆ จนใจละคลายการยึดมั่นถือมั่น แลเห็นสิ่งใด ก็ล้วนเสมอ
    กัน แม้แต่ตนก็เสมอกันกับสภาพธรรมบุคคลที่แลเห็น ไม่ต่างกัน เสมอกัน
    ก็จะมีจิตจางคลายกำหนัด คลายตัณหา หลอมรวมเป็น หนึ่ง

    เห็นธรรมหนึ่ง
     

แชร์หน้านี้

Loading...