ตะลุยเมืองพระรถ เที่ยวงานบุญกลางบ้าน

ชมประเพณีเก่าแก่ของชาวพนัสนิคมสัมผัสมนต์เสน่ห์ชุมชนไทย-จีน-ลาว

ชลบุรี เป็นจังหวัดหนึ่งในเขตภาคตะวันออกของไทย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายหลายแห่ง โดยในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวจากทั้งในประเทศและต่างประเทศแวะเวียนมาเที่ยวชม อาทิ เมืองพัทยา, เมืองแสนสุข (บางแสน) และสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ อีกมากมายหลายแห่ง โดยในแต่ละปีสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศเรามากถึงปีละนับแสนล้านบาท สำหรับที่อำเภอพนัสนิคม ถือเป็นอีกอำเภอหนึ่งของจังหวัดชลบุรี ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวจังหวัด มาทางทิศตะวันออกระยะทางประมาณ 22 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากตัวเมือง จ.ฉะเชิงเทรา ระยะทางประมาณ 28 กม.

ความเป็นมาของอำเภอพนัสนิคม ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่เก่าแก่กว่าพันปี มีชุมชนที่อาศัยอยู่รวมกันหลายเชื้อชาติ ประกอบด้วยชุมชนชาวไทย, ชุมชนชาวลาว, ชุมชนชาวจีน

โดย ชุมชนชาวไทย ได้อพยพมาตั้งแต่คราวกรุงศรีอยุธยาแตก ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ตำบลวัดโบสถ์ ตำบลวัดหลวง เป็นส่วนมาก ต่อมาในสมัยทวารวดี บริเวณหน้าพระธาตุ ก็เป็นอีกที่หนึ่งที่ค้นพบว่าเป็นที่ตั้งของชุมชนไทย เนื่องจากบริเวณนี้มีการค้นพบซากกำแพงเมือง พระธาตุเจดีย์ คูเมืองโบราณ พระพุทธรูป เครื่องปั้นดินเผา เสาหิน ปรากฏอยู่ให้เห็น จึงเป็นที่น่าเชื่อว่าบรรพบุรุษของชาวไทยในพนัสนิคม มีจุดกำเนิดอยู่ในบริเวณนี้

สำหรับ ชุมชนชาวลาว ได้อพยพเข้ามาอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 3 โดย เจ้าอนุวงศ์ ได้นำชาวลาวจากเวียงจันทน์เข้ามา จึงให้ออกไปตั้งภูมิลำเนาอยู่ในระหว่างชายแดนเมืองชลบุรี ที่บ้านแดนป่าเมืองพระรถ ด้วยความขะมักเขม้น ทำมาหากิน ปลูกสร้างบ้านเรือนจนเป็นปึกแผ่นของชาวลาว พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงมีพระบรมราชโองการสถาปนาเมือง เรียกเมืองพระรถ และได้แต่งตั้ง พระอินทรอาษา (ต้นตระกูลทุมมานนท์) เป็นผู้สำเร็จราชการเมืองพนัสนิคมในสมัยนั้น เนื่องจากชาวลาวมีความรัก ความสามัคคีกัน ต่อมาในระยะหลัง จึงได้มีการชักชวนญาติพี่น้องจากจังหวัดนครพนม ให้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในเขตเทศบาล

ส่วน ชุมชนชาวจีน อพยพเข้ามาในประเทศไทยครั้งแรก โดยทางเรือเมื่อเดินทางมาถึงเมืองไทย จุดแรกที่คนจีนลงกัน คือ กรุงเทพมหานคร และเดินทางกันเรื่อยมา จนถึงปากน้ำ จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อเข้ามาอยู่ในเมืองไทย ต้องหาเงินเพื่อยังชีพ จึงรับจ้างทำงานทุกอย่าง โดยอาชีพที่มักทำกันในสมัยนั้น คือ การรับจ้างแบกข้าวสารตามโรงสีต่าง ๆ ทั้งในเมือง และนอกเมือง จนกระทั่งมีคนจีนเข้ามาอาศัยอยู่มากมาย ดังนั้นจึงได้จัดงาน