ดีท็อกซ์ใจทางเลือกใหม่ด้วย "สมาธิเหวี่ยง"

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย DEEJAI243, 25 เมษายน 2015.

  1. DEEJAI243

    DEEJAI243 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2015
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,445
    สมาธิเหวี่ยง เป็นอย่างไรฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน โชคดีที่ครั้งนี้มีโอกาสได้เจอคุณล้วนชาย ว่องวานิช ซึ่งได้ช่วยอธิบายให้ฟังว่า
    “สมาธิเหวี่ยง (Active Meditation) เป็นองค์ความรู้ที่ผมได้รับการถ่ายทอดมาจากผู้รู้และครูบาอาจารย์ คือพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ และพ่อครูบัญชา ตั้งวงษ์ไชย ซึ่งท่านทั้งสองได้ฝึกวิธีนี้จนเห็นผลดี โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ การแก้ปัญหาของอารมณ์ที่ติดค้างอยู่ในใจ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรค ที่ผ่านมาเพื่อให้คนทั่วไปเข้าใจได้ง่าย ผมจึงร่วมกับท่านผู้รู้พัฒนาความรู้ในเรื่องนี้โดยใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายอย่างเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น

    “ปัจจุบัน จากข้อมูลต่างๆ ผมมั่นใจว่า โรคภัยไข้เจ็บของคนเรามีสาเหตุมาจากจิตใจ จากอารมณ์ด้านลบที่สะสมจนกลายเป็นความเครียด หลายคนเครียดแบบไม่รู้ตัว แต่จิตสำนึกของเรารู้ ดังนั้นตะกอนของความเครียดจึงสะสมอยู่ใต้จิตสำนึกของเรา ดังนั้นใครก็ตามที่ต้องการเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ หรือเยียวยาตัวเองจากโรคภัยไข้เจ็บก็ต้องมาตั้งต้นกันที่จิตของตัวเองก่อน”
    โดยสิ่งสำคัญที่คุณล้วนชายเน้นย้ำในการนำสมาธิเหวี่ยงมาปรับใช้ในการดูแลสุขภาพที่รีสอร์ทแห่งนี้ คือ สมาธิเหวี่ยงเป็นเรื่องของการล้างพิษทางอารมณ์ ไม่อิงและไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาแต่อย่างใด อีกทั้งยังเป็นเทคนิคสากล ซึ่งเป็นการออกกำลังกายทางจิต ชะล้างพิษที่อยู่ในจิตและอารมณ์เพื่อช่วยให้จิตใจสุขสงบ สบาย สุขภาพแข็งแรงขึ้นเท่านั้น ดังนั้นการดูแลตัวเองด้วยวิธีนี้จึงสามารถใช้ป้องกันและเยียวยาความเจ็บป่วยต่างๆได้ เพราะเป็นแนวทางที่ช่วยให้จิตใจผ่อนคลาย ช่วยให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายดีขึ้น รวมทั้งยังช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลักษณะนิสัยที่เป็นตัวก่อโรคทั้งหลายได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญถือเป็นวิธีการดูแลสุขภาพแบบพึ่งตนเองที่ดีอีกวิธีหนึ่งด้วยนั่นเอง

    ขั้นตอนการทำสมาธิเหวี่ยง

    สำหรับวิธีการในการทำสมาธิเหวี่ยงนั้น คุณล้วนชายเล่าให้ฟังจากประสบการณ์ของตัวเองว่า
    “วิธีการจะเริ่มจากการนั่งในท่าที่สบายที่สุด หลับตาเบาๆ หลังจากนั้นใช้เสียงเพลงเป็นสื่อ ทำความรู้สึกได้ยินที่หู มารู้ที่ใจ กลับไปที่หู แล้ววนกลับมารู้ที่ใจเป็นรอบๆ รอบละ 1 วินาที เมื่อนำจิตของเราไปสู่ความสงบนิ่งแล้วจะรู้ว่าข้างในตัวเรามีแรงเหวี่ยงมีแรงหมุนอยู่ ประกอบกับการที่เรามีเจตนาที่จะช่วย โดยใช้ร่างกายหมุนไปพร้อมๆกับการฟังเพลงเราก็จะรู้สึกถึงแรงเหวี่ยงที่อาจจะแรงขึ้นๆ จนกลายเป็นพลังลมปราณ พลังที่ว่านี้จะพาเราไปสู่จุดไหนนั้นขอให้เราตั้งสติแล้วดู ดูไปเรื่อยๆแล้วเราจะรู้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมาบอกกันล่วงหน้าว่าจะเจออะไร
    “แรกๆที่เราปฏิบัติอาจต้องใช้แรงช่วยเหมือนการเข็นรถ รถจอดไว้นานๆสตาร์ทไม่ติด เราต้องเข็นนิดหนึ่งพอรถเริ่มสตาร์ทติดแล้วก็ไปได้เลย ตอนแรกอาจจะวิ่งวนไปช้าๆ ร่างกายก็โยกตามไปเรื่อยๆ พออาการวนเริ่มคล่องตัวขึ้นเรื่อยๆตามลำดับเราก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ อย่าดึงมันไว้ ให้จิตมีส่วนร่วมทุกจุดของการวิ่งวน เมื่อทำเสร็จแล้วจะรู้สึกว่าตัวเบา โล่งสบายเหมือนได้ปลดปล่อยตะกอนในใจออกจากตัว ”
    อย่างไรก็ตาม ในครั้งแรกๆที่ทำสมาธิเหวี่ยงคุณล้วนชายบอกว่าควรมีโค้ชคอยให้ คำแนะนำ หลังจากนั้นเมื่อทำได้แล้วก็สามารถนำกลับไปทำที่บ้านได้ต่อไป

    สมาธิเหวี่ยง เปิดประสบการณ์ใหม่ในการดูแลสุขภาพ

    เมื่อได้รับความรู้เกี่ยวกับสมาธิเหวี่ยงมาพอสมควรแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็เป็นการลงมือปฏิบัติ คราวนี้ฉันและน้องสาวเริ่มต้นด้วยการทำใจให้เปิดกว้าง เหมือนเด็กน้อยที่กำลังจะเรียนรู้สิ่งแปลกใหม่ แม้จะมีความตื่นเต้นอยู่บ้าง แต่ก็คิดว่า “เอาน่า เขาให้ทำอะไรก็ทำตาม แค่นั้นเอง”
    เมื่อนั่งในท่าขัดสมาธิ หลับตา และปล่อยจิตใจให้ผ่อนคลายสบายๆไปกับเสียงเพลงที่พนักงานของที่นี่จัดเตรียมไว้ ประมาณ 20 นาทีหลังจากนั้น ฉันก็รับรู้ได้ถึงแรงเหวี่ยง ที่อยู่ในอก
    ตอนแรกแรงเหวี่ยงรัวเร็วเหมือนตีกลอง แต่หลังจากนั้นก็ประสานกันเป็นเนื้อเดียวจนกลายเป็นอาการเหวี่ยงที่นุ่มนวล และค่อยๆหมุนจากส่วนอกขึ้นไปยังส่วนบนของร่างกาย ขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงต่อมน้ำตา และตอนนี้นี่เองที่เหมือนมีแรงปะทะมากมายมหาศาลกระแทกเข้าไปที่ต่อมน้ำตา ทำให้น้ำตาไหลสะบัดจากหัวตาไปถึงหางตาเลยทีเดียว แล้วหลังจากนั้น ฉันก็เห็นตัวเองกำลังร้องไห้ในลักษณะอาการที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    ฉันร้องไห้เหมือนเด็กเล็กๆ เสียงโฮๆ ของฉันพร้อมกับน้ำตาที่เปียกชื้น มือที่เย็นเฉียบ และอาการชาที่มือ บอกให้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันไม่ใช่ “การคิดไปเอง” แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันจริงๆ หลังทำสมาธิเหวี่ยงเสร็จแล้ว ฉันรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกายในทันที รู้สึกสดชื่น เวลามองอะไรช่างสดใสไปหมด ต้นไม้ แสงแดด ดูจะสดชื่นมีชีวิตชีวาเหลือเกิน
    นี่กระมังที่เขาเรียกว่าเป็นการดีท็อกซ์ใจ เมื่อใจโล่งโปร่งสบาย กายก็พลอยรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าตามไปด้วย อาการทางกายที่เคยมีมาก่อนหน้านี้ก็หายราวปลิดทิ้ง ทั้งอาการปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดศีรษะโดยไม่ทราบสาเหตุ รวมทั้งจิตใจที่เคยขุ่นมัวก็กลับสว่างใส มีแต่ความรู้สึกเบาสบายๆเหลืออยู่เท่านั้น

    ฉันไม่ทราบว่าจะเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองว่าอะไรดี รู้แต่เพียงว่าฉันสัมผัสได้ถึงความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ช่วยเยียวยาร่างกายและจิตใจของฉันเกินกว่าจะอธิบายด้วยคำพูดใดๆได้


    โดย เสาวลักษณ์ ปราบปัญจะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...