จิต...กับสภาวะ...ศูนย์องศาสัมบูรณ์

ต้องกล่าวไว้ก่อน ว่าผมไม่ได้ตั้งกระทู้เพื่อให้เป็นการถกเถียงกัน ในด้านความสมควรหรือไม่สมควรนะครับ แค่อยากได้ความคิดเห็นในเชิงการเปรียบเทียบ พุทธศาสนา กับวิทยาศาสตร์ ซึ่งปัจจุบันก็มีความโน้มเอียงไปในทิศทางเดียวกันมากขึ้นกว่าในสมัยก่อน

ตามความคิดเห็นของผม
ความร้อนก่อให้เกิดพลังงาน หรือถ้าที่ใดมีพลังงานก็ย่อมที่จะต้องมีความร้อนแฝงอยู่ (จิตเป็นพลังงานรูปหนึ่ง ซึ่งเท่ากับว่าจิตต้องมีความร้อนแฝงอยู่บ้าง)

พลังงานสามารถเปลี่ยนรูปไปได้เรื่อยๆ(จิตสามารถแปรเปลี่ยนไปตามสภาพการปรุงแต่งต่างๆ)

ถ้าลดการปรุงแต่งของจิตลงไปเข้าสู่ความสงบมากขึ้น จะเท่ากับเป็นการลดพลังงานของจิตที่ทำหน้าที่ในการสั่งสมสิ่งที่ได้กระทำลงไป

 

เอาอะไรมาวัดว่าจิตร้อนครับ

 

มันต้องมีหลายธาตุประสมกัน ดิน น้ำ ลม ไฟ และอื่นๆ

 

ดังนั้นในสภาวะที่ปราศจากการปรุงแต่งของจิต(พระอรหันต์) จะเหมือนเป็นการหยุดการใช้พลังงานของจิตใน(เรื่องของการสั่งสมการกระทำ ) ทำให้ไม่เกิดการเปลี่ยนรูปอีกต่อไป (สสารยังอยู่แต่ไม่เกิดพลังงาน) ซึ่งนำไปสู่การนิพพานหรือเปล่าครับ

และถ้าจะหยุดการเกิดพลังงานของสสารจริงๆ(ปราศจากความร้อน) ก็ต้องไม่ให้เกิดการเคลื่อนไหวในระดับอิเล็กตรอน ซึ่งต้องเป็นสภาวะ ศูนย์องศาสัมบูรณ์

ผมไม่ได้หมายความว่าสภาวะ ศูนย์องศาสัมบูรณ์ จะนำไปสู่การนิพพาน แต่มีคำถามว่า การนิพพานคือการทำให้จิตหยุดนิ่งจนไม่เกิดสภาวะการปรุงแต่งใดๆเลย(จนไม่มีการสั่งสมพลังงาน-จิตไม่สั่งสมผลของการกระทำอีกต่อไป) จนทำให้จิตในส่วนที่ทำหน้าที่ในการบันทึกผลของการกระทำ อยู่ในสภาวะที่ไม่มีพลังงานอีกต่อไปหรือเปล่าครับ ซึ่งเป็นสภาวะที่วิทยาศาสตร์ปัจจุบันกล่าวว่า "สภาวะที่จะหยุดการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนในสสารต่างๆไม่ให้คายพลังงานออกมาอีกย่อมต้องอยู่ในสภาวะศูนย์องศาสัมบูรณ์ คือไม่มีความร้อนหลงเหลืออยู่เลย.."

ยังไงรบกวนผู้ที่รู้หรือสนใจ เสนอความเห็นกันนะครับ คือผมไม่ได้บอกว่าสิ่งที่ผมคิดมันถูก แต่ผมอยากจะรู้ว่าท่านอื่นๆคิดอย่างไรกันบ้าง เพราะผมเองก็สนใจในศาสนาพุทธ ซึ่งยังต้องศึกษา และ ปฏิบัติอีกมากมาย

ขอขอบคุณในทุกความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์นะครับ

 

เป็นกระทู้ที่น่าสนใจ แต่ผมไม่สามารถจะตอบได้นะครับ ใคพอรู้ช่วยหน่อย อยากจะฟังความเห็นจากท่านอื่น ๆ เหมือนกัน

 

ไม่มีคำไหนมาระบุได้ครับ ไม่สามารถระบุได้ว่า เป็นหรือไม่เป็น มีหรือไม่มี หยุดหรือไม่หยุด

นิ่งหรือไม่นิ่ง เมื่อระบุไม่ได้จึงไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้


ถ้ายังระบุได้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่วิเศษ ที่สุดนะสิ

 

กระทู้น่าสนใจ แต่เรื่องของจิตละเอียดกว่านี้อีกเยอะ พยายามศึกษาและปฏิบัติต่อไปนะ แล้วจะรู้เรื่องจิตและสภาวะของจิตได้อย่างถูกต้อง ขออนุโมทนา

 

งั้นผม มีข้อคิดเห็นว่า ให้คุณจิตการุณหาคำตอบต่อไปโดย
1. ศึกษาอภิธรรม (ธรรมชาติของจิต) ล้วน ๆ ลองเข้าไปดูที่ http://www.buddhism-online.org
หรือติดต่อทาง e-mail : maillmcu@hotmail.com
ซึ่งเป็นบทเรียนเนื้อหาแก่นหลัก ๆ ที่จัดทำขึ้นโดย อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรราชวิทยาลัย ซึ่งแบ่งเป็น 10 บท ตั้งแต่ชีวิตคืออะไร จิตคืออะไร จนกระทั่งวิธีการปฏิบัติตามแนวสติปักฐาน4

2. ลงมือปฏิบัติ

ถ้าบุญบารมีเต็มเปี่ยมสักวันคงได้คำตอบ
ให้บรรลุธรรมถึงที่สุดแล้วจะได้คำตอบ แล้วก็มาบอกกันบ้างว่าคำตอบของคำถามคุณคืออะไร ผมอยากรู้เหมือนกัน

 

ขอขอบคุณ คุณหาธรรมนะครับ สำหรับข้อมูลดีๆ

 

U]มาแสดง ความเห็น เพิ่มครับ[/U]

พลังงานของจิต เกิดจากการกระทำครับ ซึ่งสามารถทำให้อยู่ตัวได้(โลกุตตระ)จึงดูเหมือนไม่มี

แต่ที่จริงมี อธิบายคือ เป็นการรวมพลังที่กระจัดกระจายให้มารวมกัน เมื่อรวมกันได้จึงมีพลัง

แล้วก็สามารถใช้พลังนี้ได้ และเมื่อรวมกันได้ก็จะ็ไม่ฟุ้งเหมือนอย่างที่เคยฟุ้ง(สงบ)

การกระทำการใดๆก็ต้องใช้พลังงาน เรื่องของจิตก็ต้องใช้เหมือนกัน

ใช้ แต่อย่ายึดติด

ส่วน จิตอรหันต์นั้น ไม่อยู่ในสมมุติ คือไม่มีคำไหนตรง เพื่อให้เป็นอิสระจากทุกสิ่งทุกอย่าง


ปฏิบัติเองรู้เอง

 

ผมชอบการเปรียบเทียบของคุณจิตการุณครับ

ทางวิทยาศาสตร์เราสามารถจับตัวตนเพื่อพิสูจน์สมมติฐานได้

แต่ทางจิตยังเป็นเรื่องที่รู้ได้เฉพาะตน

การนำภาษาเพื่อมาเปรียบเทียบกับสภาวะธรรมิเป็นสิ่งที่ทำให้ถูกต้องแท้จริงได้ยาก

เพราะการนำเสนอโดยภาษาจะเกิด ERROR ขึ้นได้หลายขั้นตอน

ตั้งแต่การเรียบเรียงกระบวนการคิด การประมวลผลเป็นคำ การถ่ายทอดเป็นภาษา การรับข้อมูล การตีความข้อมูล

แต่ก็ถือว่ายังโชคดี ที่มีท่านผู้รู้บางท่าน ได้พยายามบอกเล่าสิ่งที่เห็นให้ได้พบเห็นกับแบบท่านบ้าง ทั้งๆ ที่ท่านก็รู้ว่ามันช่างยากเย็นนักกับการพยายาอธิบายให้เข้าใจ

ผมมิได้หมายความให้เข้าใจว่าผมหรือคุณจิตการุณเป็นผู้รู้ผู้เห็นนครับ ไม่ได้สื่อแบบนั้นครับ

แตชื่นชมที่คุณจิตการุณเข้าใจหาคำมาอธิบายมาเปรียบเทียบให้เห็นภาพแบบวิทยาศาสตร์ได้น่ะครับ

 

พลังงานในร่างกายมนุษย์ ไม่ได้มีแต่ความร้อน ที่จะก่อให้เกิด พลังงาน
อื่นๆ ก็สามารถก่อให้เกิดพลังงานได้
พลังงานที่ก่อเกิดขึ้นนั้น สามารถเปลี่ยนเป็น พลังงานความร้อน พลังงาน ความเย็น พลังงานลม พลังงานแสง พลังงานเสียง ฯลฯ
พลังงาน ต่างๆ ที่ได้กล่าวไป มิใช่เกิดจากพลังงานความร้อน แต่เกิดจากวัสดุอุปกรณ์ หรือชิ้นส่วน อวัยวะต่างๆ ของร่างกาย อีกทั้งยังหมายรวมไปถึง อะตอม และนิวเคลียส ภายในเซลล์อวัยวะต่างๆด้วย
นิวเคลียส ในร่างกายมนุษย์ ไม่เหมือนนิวเคลียสทั่วๆไป (จากการศึกษา ค้นคว้า และวิจัยของข้าพเจ้า) หมายความว่า องค์ประกอบของนิวเคลี่ยส ในร่างกายมนุษย์ มีรูปร่าง และตำแหน่ง ของ โปรตอน นิวตรอน และอิเลคตรอน แตกต่างไปจากนิวเคลียสอื่นๆ
นิพพาน ไม่ใช่การหยุด แต่
นิพพาน คือการมีพลังงานมากเพิ่มมากขึ้น จนสามารถหลุดออกจากกฏเกณฑ์ แห่งจักรวาล

และพลังงานที่เพิ่มขึ้นนั้น ก็เกิดจากพลังงานของนิวเคลียส ภายในร่างกายของเรานี้เอง
(สามารถพิสูจน์ได้ว่า มีจริง เป็นจริง)
อันนี้ไม่อธิบาย เอาเพียงแค่ได้รู้ได้ทราบ ก็คงพอแล้วขอรับ

 

ตายแล้วก็รู้เอง