จิตสำนึกที่ฝึกดี ไม่มีชั่วร้ายใดแฝงได้

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 17 พฤษภาคม 2006.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>จิตสำนึกที่ฝึกดี ไม่มีชั่วร้ายใดแฝงได้</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย นาคราช แผลงฤทธิ์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>17 พฤษภาคม 2549 09:56 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> เป็นเพราะมนุษย์รู้จุดอ่อนอันซ่อนเร้นความเป็นมนุษย์ด้วยกันเหนือกว่าพันธุ์สัตว์อื่นบนผืนแผ่นดิน จึงปรากฏความโหดหินจากคนกระทำต่อคนจนอาจกล่าวได้ว่า ทารุณกรรมทั้งมวลล้วนอยู่ใต้อุ้งมือสัตว์ที่ชื่อ "มนุษย์" ทั้งสิ้น



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ชาร์ลส์ ดาร์วิน พูดถึงสูตรการมีชีวิต ณ สัตว์ทุกชนิดข้อหนึ่งว่า ตัวซึ่งแข็งแรงกว่า ย่อมอยู่รอดปลอดภัย (แม้จะแตกแยกออกไปจากข้อเดิมเพิ่มมา อาทิ ตัวที่ฉลาดเฉลียว-ตัวที่ปราดเปรียวหรือว่าปรับรับสภาพดีกว่า มักเติบใหญ่ได้ยืนนาน) คือเดรัจฉานวิถีที่ธรรมชาติกำหนดดังบทบาทหลัก

    ในมนุษยมรรคก็เช่นกัน ความสำคัญเบื้องต้นของคนทุกผู้อยู่ตรงความแข็งแกร่ง เมื่อถือกำเนิดหลังจากเปิดตาเห็นโลก คนโชคร้ายซึ่งเวียนว่ายตามวงจรคือผู้อ่อนแอกว่า และเป็นแถวหน้าแห่งการตกเป็นเหยื่ออันโอชะ

    การพัฒนาตนทำให้คนรู้จักปกปักปกป้องจุดอ่อนของตนได้บ้าง แต่การสร้างอาวุธโดยมนุษย์จำพวกพรานกลับมีวิวัฒนาการล้ำไกลกว่ามากจากการสั่งสมความแหลมคม การได้เปรียบถึงการตราบทกฎระเบียบขึ้นล้อมคุมและเหมือนภูมิคุ้มกัน

    มหันตรายอย่างหนึ่งซึ่งมิจฉามนุษย์นำมาเป็นอาวุธฆ่าคน หรือฉลฉ้อต่อสัตว์พันธุ์เดียวกัน ด้วยความโหดเหี้ยมผิดธรรมเนียมการสอนสั่งคือใช้ พลังจิต คร่าชีวิตเพื่อดำรงอยู่เหนือสถานะ (ผู้ที่กระทำต้องอำมหิต-ที่แน่ๆ คนอ่อนแอมิมีทางสร้างพลังจิตสำเร็จ) หลายประเทศเคยคร่ำเคร่งศึกเพลงยุทธ์สุดยอดนี้ เช่น อเมริกา รัสเซีย ยิ่งกว่าพัฒนานิวเคลียร์ซะอีก เพราะหวังสยายปีกครองโลกเหมือนนักบวชสกปรก 'รัสปูติน' ใช้วิธีหินชาติบวกอำนาจพลังจิตของเขากรุยเข้าคุมราชสำนักรัสเซียเสียอยู่หมัด แต่รัสปูตินก็ต้องสิ้นชีพ (ราว 90 ปีมาแล้ว โดยถูกแนวต่อต้านยิงสังหารหลังวางยา)

    พุทธศาสนานั้นเล็งเห็น "จิต" เป็นตัวพิชิตความทุกข์ จิตจึงถูกผูดติดอยู่กับ ใจ (เป็นที่อาศัยด้วย) จิตซึ่งสวยสะอาดย่อมปราศจาก อายตนะ (เครื่องติดต่อใจก็เป็น 1 ใน 6 แห่งอายตนะภายใน) จิตผ่องใสงดงามต้องเข้าถึงความสงบสุดซึ้ง ไร้ซึ่งกิเลสทั้งปวง หากเข้าถึงช่วงนี้โดยมิปรารถนาใดอื่น พลังจิตจะมีขึ้นมหาศาล (ว่าตามหลักการในหลักธรรม) ขณะผู้มีอำนาจจิต ณ โลกิยบถนั้นพลังขั้นสูงไม่มี มีแต่มุ่งมั่น รู้ขั้นรู้ตอนของคนอ่อนแอกว่า มักฉวยใช้ปัญญา-วาจา-ท่วงท่า-สายตา-เวลา-ฯลฯ อย่างเหมาะเจาะเหมาะสม ยิ่งสังคมมีรูรั่วให้คนชั่วถ่างลอด ความมืดบอดเลยสมทบแทรกซ้อน

    สัตว์อ่อนแอ (ถูกรังแกตอนเยาว์วัยในกลุ่มสัตว์ที่มีการจัดลำดับตำแหน่งหัวหน้า ดังสุนัขป่า เป็นต้น) เจ้าตัวคุมกลไกการนำ แค่ส่งเสียงคำรามหรือใช้ตาวามวาวมองลูกน้อง ก็จะสยบให้สงบราบคาบ เป็นอานุภาพแห่งแรงกระแสจิต (สุนัข)

    นักล่าเสือมือฉมังเคยเล่าให้ฟังว่า เสือสามารถสกัดเหยื่อ (ม้า) จนขาอ่อนทรุด หยุดวิ่งเอาดื้อๆ...หรือหากเจอมันซึ่งๆ หน้าอย่าวิ่ง แต่จงยืนนิ่งจ้องตาแน่วแน่ด้วยกระแสจิตของคนมีอิทธิพลเหนือเสือ...จะเชื่อหรือมิเชื่อก็ตาม (เขาย้ำความชัดเจน) แต่การเป็นคนเข้มแข็งแกร่งไกรมักได้เปรียบเสมอ การเจอคนชั่วจำต้องมีหัวใจแกร่งกร้านทนทานเป็นพิเศษ รู้สังเกตสังกา รู้หยั่งสติพิจารณาถึงความเป็นไปได้หรือไม่เป็นเลย วางเฉยสิ่งที่ควรวางย่อมปิดหนทางถูกบุกรุกโจมตี โดยไม่มีวันพ่ายแพ้ แม้คนจำพวกหินชาติ จะถืออำนาจข่มขู่ จะหารูหาฉากเลื้อยลากเล่นงาน หากหวังผ่านขณะพลังภายในอ่อนแอ แม้แต่เศษฝุ่นผงก็อาจบงการเรา ยิ่งกว่าขุนเขาบดบัง

    การสร้างพลังจิต อยู่ที่การคิดค้นหาต้นธารเข้าถึงจึงจักสัมผัสแก่นแท้นั้นได้ ทำไมภิกษุผู้บรรลุญาณสูงส่ง ร้อยองค์ร้อยรูปล้วนแผ่กระแสจิต สร้างอิทธิปาฏิหาริย์ปรากฏตามคำร่ำลือ ยิ่งเคร่งถือยึดนิ่งยิ่งเป็นที่นับถือลือร่ำ สมณะอาริยะเหล่านี้จะมีตำนานจดจารพิเศษ อาทิ สมเด็จโตวัดระฆัง สมเด็จสังฆราชสุก วัดพลับ และนานัปมหาสงฆ์ รวมทั้งองค์พระผู้ปฏิบัติสายตรงมีเจตจำนงมุ่งทิพยนิพพาน เช่น หลวงปู่มั่น-ครูบาศรีวิชัย หัวใจท่านพุทธทาส ฯลฯ

    ทุกองค์ล้วนมีอำนาจจิต อาจผิดกันที่นำกรรมวิธีดึงชาวบ้านชาวช่องให้เป็นครรลองพุทธสาวก...โลกยุคไอที-ดิจิตอลถูกป้อนให้เห็นความจำเป็นทางวิทยาศาสตร์ ทว่าความสามารถซึ่งกำกับบังคับมวลมนุษย์ได้อยู่ที่กระแสสายพลังจิตเท่านั้น ปัญหามีอยู่ว่า "ทุกคนย่อมพร้อมจะใฝ่ดี แต่ยากที่จะสร้างพลังจิตลิดรอนทิ้งสิ่งซึ่งนำความใฝ่ต่ำมาให้"

    อายตนะภายใน-ภายนอกจึงถูกหลอกล่อจากทรชนจนถึงผู้บริหารบ้านเมืองให้หมกมุ่นอยู่กับเรื่องความอยาก-ความไม่อยาก กระทั่งเป็นรากเหง้าแห่งความโง่เขลาเบาปัญญา เป็นปัญหาซ้อนทับซับซ้อน หรือวงจรอุบาทว์ของชาติด้อยพัฒนามาทุกวันนี้...บางทีถ้าพิจารณาระบบที่สมคบระบอบ แล้วครอบคลุมประเทศชาติ ระบาดราวเชื้อโรครุมเร้าหนักกว่าย้ายภูเขาทั้งเทือกเคลื่อนทิศ การปลูกกำลังใจให้กำลังจิต ด้วยการเติมเพิ่มความคิดสู่ยุวชนตั้งแต่ต้นมือ คือสิ่งเร่งด่วน ควรกระทำควบคู่กับการต่อสู้ทางด้านการเมืองอย่างต่อเนื่อง สำหรับต่อแนวทัพทางปัญญา

    เหนื่อยล้าแค่ไหนก็ต้องทน
    เพราะการฝึกฝนพลังจิต เพียงคิดก้าวถอย
    ใจจักเลื่อนลอยมิได้เลย!
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...