จิตที่พ้นโลกพ้นสงสาร พลิกสัญญาแล้วเมื่อเข้าสู่โลกุตระแล้วจะมีคำพูดได้ยังไง : องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย Nana nora, 12 มิถุนายน 2023.

  1. Nana nora

    Nana nora สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    5
    ค่าพลัง:
    +68
    351319871_6624507400901811_3521933620700293653_n.jpg

    #จิตที่พ้นโลกพ้นสงสาร พลิกสัญญาแล้วเมื่อเข้าสู่โลกุตระแล้วจะมีคำพูดได้ยังไง

    “...ที่บอกว่า ครูบาอาจารย์รูปนั้นรูปนี้ยังครองธาตุขันธ์อยู่ บริขารแปรสภาพ ที่มหาถามวันนั้น เรามาพิจารณาไตร่ตรองเรื่องนี้ ในพระสูตรไม่มี เราไม่ได้ประมาทพ่อแม่ครูอาจารย์นะ ในพระสูตรนี่ไม่มีว่าพระรูปใดที่บอกว่าขี้ออกมาเยี่ยวออกมาเหงื่อออกมาเป็นพระธาตุ แม้แต่พระพุทธเจ้านี่ มหาบพิตรท้าวสักกะมาอุปัฏฐากช่วงที่พระพุทธเจ้าอาพาธ ก็เอาบังโคนหนักบังโคนเบาที่อยู่ในกระโถนเทินบนหัวเอาไปเท ก็ไม่เห็นว่าออกมาเป็นพระธาตุ แต่เราไม่ได้ประมาทพ่อแม่ครูอาจารย์นะพูดให้ฟังที่หมู่ถามวันนั้น นี่มันก็มีปัญญานะลูกนะ

    เราจะไปหลงสิ่งนั้นเหรอ ถ้าหลงสิ่งนั้นอยู่ก็แสดงว่าเราบวชมาศีลไม่สมบูรณ์ สมาธิไม่สมบูรณ์ ปัญญาไม่สมบูรณ์ที่เรียกว่าไม่ใช่ศีลวิทสุทธิ ไม่ใช่ปัญญาวิสุทธิ ไม่ใช่สมาธิวิสุทธิ เราต้องการแบบนี้ เราอยากจะให้เป็นอย่างงี้ยังมีความต้องการอยู่ หลวงปู่บวชมานี่ถึงจะมีความต้องการ หลวงปู่ต้องการเป็นพระอรหันต์เท่านั้น ไม่ได้คิดเรื่องนี้ไม่ได้สนใจกับเรื่องนี้ ไม่มีในความรู้สึก เราคิดว่าบารมีเราไม่ถึง เราคิดว่าสิ่งนี้มีเฉพาะพระพุทธเจ้าและคณะสงฆ์ หลวงปู่มั่น ที่เราเห็นในสมัยก่อนที่เราครองฆราวาสแค่นั้น เราไม่คิดว่าจะมี จนนี่หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ นั่นนะเวลาเผาเสร็จแล้วโน่น เวลาคนไปเปิดดูอยู่ในอะไรในเจดีย์เก่าๆ นั่นเจดีย์ที่เก็บพระธาตุไว้จึงทราบว่าอะไรเป็นอะไร เห็นไหม

    แต่ทุกวันนี้เป็นอะไรล่ะ เราก็ไม่เข้าไปก้าวก่ายนะนี่เราพูดให้ฟังเท่านั้น เราเคารพพระพุทธเจ้าแบบสุดโต่ง พระธรรมพระสงฆ์แบบสุดโต่ง เคารพพ่อแม่ครูอาจารย์ผู้ที่สละเป็นสละตายด้วยศีลวิสุทธิ สมาธิวิสุทธิ ปัญญาวิสุทธิ นี่เราจึงเชื่อในการสอดรู้สอดเห็นของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่โง่น โสรโย เราเชื่อศึกษาแล้วเชื่อปั๊บ เชื่อปั๊บ ลงใจในภาคปฏิบัติ ใช่ตัวนี้เป็นโลกียะแต่ผู้ที่สร้างบารมีมานี่ใช่ไหมล่ะ โลกุตระนั้นมันไม่มีสมมติพวกนี้เข้าไปยุ่ง จิตที่พ้นโลกพ้นสงสาร พลิกสัญญาแล้วเมื่อเข้าสู่โลกุตระแล้วเนี่ยมันจะมีคำพูดได้ยังไง จิตอรหันต์จะมีคำพูดได้ยังไง ถ้ามีคำพูดอยู่ก็แสดงว่าเป็นของปลอม เห็นไหมเราเลยติดเรื่องนี้ติดอยู่ตั้งแต่โน่น ตั้งแต่ที่ภูเมืองนะ ปี พ.ศ. ๒๕๔๓ ขณะนี้เราเป็นพระอรหันต์แล้ว บ้าไหม ขณะนี้ภพชาติเราสิ้นแล้ว เราก็บ้าตำรา ศึกษาดูสิพ่อแม่ครูอาจารย์เทศน์ไว้ เมื่อถึงที่สุดแห่งธรรมจะมีญาณหยั่งทราบว่าพ้น เราก็ไม่ทราบว่าฌานญาณแบบไหนใช่ไหมล่ะ มันมีเสียงกระซิบกระซาบไงว่าขณะนี้ภพชาติสิ้นแล้ว ขณะนี้เป็นพระอรหันต์แล้ว โฮ...โลกธาตุกระเทือนเลื่อนลั่น บ้าไหม (หัวเราะ) ที่ภูเมืองนะ พูดให้ฟังอย่าบ้าเหมือนพระรูปนี้นะ ปี ๔๓, ๔๔, ๔๕ โน่น..เพ็ญ ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ เราจึงหายบ้า

    แต่การสอดรู้สอดเห็นมันไม่ได้เกี่ยวกับตัวนั้น เข้าใจไหม มันยังคงเส้นคงวาของมัน แม้พระพุทธเจ้าและพระสงฆ์สาวกก็ใช้ส่วนนี้แห่งเป็นโลกียะ เพราะโลกุตระตัวนั้นใช้ไม่ได้ เพราะมันไม่มีคำพูดเพราะมันไม่มีสมมติ ๘๔,๐๐๐ กันฑ์ ก็เป็นสมมติเทศน์ให้พวกเราฟังแค่นั้น โสดา สกิทาคา อนาคาและอรหันต์ ในตำราก็เป็นการเทศน์ให้เราฟังเขียนให้เราศึกษาหาความรู้ แต่เมื่อพ้นแล้วจากนั้นมันไม่มีคำพูด นั่นแหละ เราก็เลยสิ้นสงสัยในคำว่า โสดา สกิทาคา อนาคาและอรหันต์ เราก็เลยหายบ้า พระอรหันต์ก็ไม่เป็นแล้ว นิพพานก็ไม่ไปแล้ว ไม่เอาอะไรแล้วไม่เกิดดีกว่า เห็นไหมมนุษย์ก็ไม่เป็น เทวดาก็ไม่เป็น พรหมก็ไม่เป็น อรูปพรหมก็ไม่เป็น ไม่เอาดีกว่าเพราะชาติปิทุกขา ชาติเกิดเป็นทุกข์ เกิดเป็นมนุษย์ก็ทุกข์ เกิดเป็นเทวดาก็ทุกข์ เกิดเป็นพรหมก็ทุกข์ เข้าสู่อรูปพรหมก็ทุกข์เพราะมันมีอายุ

    หมดบุญจากเทวโลก ส่วนมากไปตกนรก จะกลับสู่เทวโลกอีกและมาเป็นมนุษย์...ยาก เห็นไหมในตำรา ขึ้นสู่พรหมโลกเวลาหมดบุญในพรหมโลกส่วนมากก็ตกนรก การที่จะเข้าสู่พรหมโลกอีกเป็นสิ่งที่ยาก แม้เกิดเป็นมนุษย์ก็ยากอีกเห็นไหมล่ะ อรูปพหรมก็เฉกเช่นเดียวกัน เมื่อหมดบุญจากอรูปพรหมปั๊บ เห็นไหมล่ะจิตที่มันไม่มีที่จะเกาะเกี่ยวในทางที่ดี มันคิดถึงความชั่วมันก็ตกนรกปั๊บ เราคิดนึกตรึกตรองดีแล้ว เราจึงปรารถนาพระนิพพาน ใครอยากเกิดก็เอานะเราไม่เข้าไปก้าวก่าย ถ้าคนนั้นอยากเกิด คนนี้อยากเกิดหลวงปู่หลวงตารูปนี้ก็ไม่เข้าไปก้าวก่าย แต่เราไม่เกิด แต่ใครอยากเกิดก็เกิดไปใช่ไหมล่ะ คือความพึงพอใจของใครของมันนานาจิตตัง ความต้องการของสัตว์โลกในการเวียนว่ายตาย...”

    พระธรรมเทศนา : องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร
    วัดป่าห้วยริน ต.หัวนาคำ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น
    ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๖ (ตอนเย็น)
     

แชร์หน้านี้

Loading...