"จัดงานหาเงินเข้าวัด" : องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย Nana nora, 9 พฤษภาคม 2023.

  1. Nana nora

    Nana nora สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    5
    ค่าพลัง:
    +68
    184135527_4240224985996743_6462894542453944325_n.jpg

    "จัดงานหาเงินเข้าวัด"

    “...ถ้าตัดสินปัญหาได้มันก็จะดีอยู่ในวัดวาอาราม แล้วก็บอกว่าหาเงินเป็นการหาเงินมันไม่ใช่ว่าเป็นการหาบุญ มันคนละอย่างนะลูกนะอีกอย่างหาเงิน ไม่มีคนแสวงหาบุญนะ หาเงินอย่างเดียวมันก็เลยเป็นการทำลายศาสนาไปในตัว ทั้งที่พวกเขาก็ไม่ทราบนะลูก อันนี้เราก็ทราบอยู่ก็รู้อยู่เห็นอยู่ อันนี้มันเป็นไงมันสลดสังเวช ถ้าเราพอที่จะเข้าไปช่วยให้เขาเข้าใจเรื่องศาสนาสักนิดก็ยังดีทำนองนี้แหละ ก่อนที่จะเข้าไปเป็นอามิสทานเสียก่อน ก่อนที่จะเป็นธรรมทาน จะไปเป็นธรรมทานเลยเขาก็คงไม่รับใช่ไหมล่ะลูกเพราะว่าไม่รู้ ไม่ว่าพระไม่ว่าทางญาติโยมเขาเคยทำมากันอย่างงั้น คือจัดงานในวัดวาอารามก็เพื่อหาเงิน หาเงินเข้าวัดหาเงินเข้าบ้านเขาก็มีกันแค่นั้น ก็ไม่ได้คิดถึงบุญกุศลที่เขาได้รับซึ่งเต็มเม็ดเต็มหน่วยในหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าเลยมันก็ไม่มีตัวนั้นใช่ไหมล่ะลูก

    อันนี้เราก็หาวิธีการเอายังไงจึงจะสามารถที่จะสอนเขาเป็นตามลำดับได้ ก็ต้องเอาอามิสทานเข้าไปก่อน เขาขอเราก็ให้แม้เขาไม่ขอเราก็ให้ ให้แล้วก็หาเวลาหรือหาวิธีการที่จะให้ธรรมทานในบั้นปลายต่อไปในช่วงต่อไป ก็จะรู้จักธรรมะรู้จักพระพุทธศาสนามากขึ้น แต่ยังไงประเพณีมันก็กินหัวใจของพวกชาวพุทธเราทั่วโลกกันอยู่แล้ว ก็หาเงินเข้าวัดวาอารามก็ไม่ได้มีสติกำลังปัญญาใดๆนี่ใช่ไหมล่ะ ก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องบุญเรื่องบาปก็คิดว่าเป็นบุญแล้ว คือบุญบาปที่ตามหลักคำสอนคือไม่รู้ไง รู้แต่ว่าเป็นบุญแล้วมีเงินเข้าวัดวาอาราม พวกพระอยู่ในวัดก็ได้บุญแล้วเพราะว่ามีเงินเข้าวัดวาอารามเราเราก็จะเอาเงินนั้นมาดูแลซ่อมแซมปฏิสังขรณ์พวกถาวรวัตถุในวัดวาอารามก็ทำนองนั้น

    แต่ก็หารู้ไม่ว่าที่เขาทำนั้นมันเหมือนเป็นการทำลายศาสนาในตัว บุญกุศลส่วนได้มันก็หากมีเพราะใจตัวนั้นเป็นบุญกุศลอยู่แต่มันเป็นส่วนน้อยมากเพราะการกระทำเป็นการทำลาย ก็เหมือนปลูกต้นไม้ตัดต้นไม้ก็ปลูกเพิ่มตัดต้นไม้ก็ปลูกเพิ่มทำนองนี้แหละ แต่ต้นไม้มันโตแล้วมันเป็นร้อยปีแล้วเราตัด เราปลูกเพิ่มใหม่เนี่ยเราไม่มีโอกาสที่จะมาตัดแล้วก็ทำประโยชน์ได้เลยนี่เรื่องของเรื่องมัน ต้นไม้ที่มันตระหง่านสูงใหญ่เราก็ไปตัดเอามาทำบ้านทำอะไรสมบูรณ์บริบูรณ์อยู่ได้แต่ก็ปลูกเพิ่มอยู่ก็ปลูกไว้ข้างๆนั่นแหละ และมีอะไรดีขึ้นมาไหมสมมุติว่าเราตัดต้นไม้ที่ต้นใหญ่ทั่วโลกแล้วก็ปลูกต้นไม้เสริมปลูกต้นไม้เล็กๆเพิ่มขึ้นมันได้อะไรไหม จนเราตายแล้วตายอีก ตายแล้วตายอีก ต้นไม้จึงโต หรือมันอาจจะตายก่อนก็ได้ใครจะทราบได้

    การทำบุญก็เฉกเช่นเดียวกัน ลองนึกตรึกตรองดู เป็นแบบนั้นจริง ทั้งทำบุญแล้วก็ทำบาปด้วย ทำบุญทำบาปด้วย ทำบาปมากกว่าบุญสิเรื่องของเรื่องมัน บุญก็เหมือนกับปลูกต้นไม้ใหม่ ทำบาปก็เหมือนกับโค่นต้นไม้เก่าที่เป็นบุญเป็นกุศลในพระพุทธศาสนาให้ล้มคืนจมหายไป แล้วก็ปลูกต้นไม้ใหม่ที่เป็นต้นเล็กๆขึ้นใหม่ แล้วก็ปลูกต้นบุญมันก็ยังดีดีกว่าไม่ได้ปลูกแต่ว่าเมื่อไหร่ล่ะจะได้กินบุญกินกุศลตัวนั้น ก็ทำลายบุญเก่าแล้วก็ทำลายบุญที่มากมายก่ายกองในพระพุทธศาสนาแล้วเราจะมาปลูกใหม่มันก็จะได้อะไรล่ะนั่น เราก็น้อมมาๆเราก็นึกตรึกตรองดูนี่แหละเขาเรียกว่าคนมีปัญญาเวลาทำอะไรขึ้นก็สมบูรณ์บริบูรณ์นะลูก ที่เราไม่ได้คิดอย่างงั้นคิดว่าจะทำยังไงประเพณีทำบุญทำกุศลเราทำยังไงเนี่ย ประเพณีเราทำนี่ก็เพื่อต้องการเอาบุญเอาเงินเอาทองเข้าวัดนี้ก็ได้บุญได้กุศล ถวายครูบาอาจารย์บ้างอยู่ในวัดวาอารามนั่นก็ไปแล้วนั่น ส่วนที่เหลือนั้นก็เอาไว้ใช้จ่ายในวัดวาอารามปฏิสังขรณ์บูรณะซ่อมแซมพวกถาวรวัตถุ โบสถ์ ศาลา เป็นต้น ในวัดวาอารามนั้นๆ

    มันก็หากเป็นสิ่งดีแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของเรื่องมัน มันเป็นสิ่งดีแต่มันไม่ใช่ เพราะมันไม่ใช่หลักคำสอนที่แท้ที่เป็นบุญกุศลที่เพิ่มพูนพอกพูนเต็มเม็ดเต็มหน่วย ปลูกต้นไม้ต้นไม้มันโตแล้วสมควรที่จะพรวนดินใส่ปุ๋ยดูแลรักษาปกป้องอย่างดีนะมีต้นทุนแล้วก็สมควรที่จะดูแลต้นทุนของตัวเอง ดูแลปกป้องรักษา เอ้า...มันไม่โตนี่ มันไม่โตแล้วก็พรวนดินสิ แล้วก็ใส่ปุ๋ยดูแลก็รดน้ำอย่างสมบูรณ์บริบูรณ์นี่แหละเขาเรียกว่าปลูกต้นบุญ ต้นบุญที่มันมีแล้วสมบูรณ์บริบูรณ์มันมีบุญมีกุศลแล้วก็สมควรที่จะดูแลรักษาปกป้องไม่ใช่ว่าไปโค่นลง ถ้าไปโค่นลงก็เปรียบเสมือนที่พ่อพูดให้ฟังเมื่อกี้ก็ต้นไม้ที่มันโตแล้วก็โค่นแล้วก็ปลูกใหม่ พอต้นไม้ต้นนี้โตขึ้นอีกก็โค่นแล้วก็ปลูกใหม่อยู่ อย่างเงียะ บุญกับบาปเอาไปเอามาบาปมันมากกว่าบุญสินั่น

    การจุติเคลื่อนย้ายภพภูมิก็ทราบว่าจะไปไหน ทุคติไหนบ้างนรกเปรตอสุรกายสัตว์เดรัจฉาน มันก็หมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่มีที่สิ้นสุดกันอยู่งั้น นั่นก็เพราะว่าต้นบุญนี้พอปลูกมันโตหน่อยก็โค่นทิ้ง แล้วก็ปลูกใหม่โตขึ้นหน่อยก็โค่นทิ้งแล้วก็ปลูกใหม่มันก็อยู่เงียะ นี่คือลักษณะเปรียบเปรยอุปมาอุปไมยไง มันก็เป็นเหมือนหลวงปู่พูดจริงไหมล่ะก็พิจารณาเอานะมันก็เป็นอย่างงั้น เพราะว่าพระพุทธศาสนาไม่ได้สอนให้พวกเราไปทำลายศาสนากันอย่างงั้น โดยที่เอาสิ่งปฏิกูลเน่าเหม็นเข้าไปทับถมในวัดวาอาราม เป็นเอาขยะไปทิ้งในวัดวาอารามนั่น สอนด้วยการกระทำด้วยกายด้วยวาจาด้วยใจที่สมบูรณ์บริบูรณ์ด้วย ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ข้อ...”

    พระธรรมเทศนา : องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร
    วัดป่าห้วยริน ต.หัวนาคำ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น
    ๙ เมษายน ๒๕๖๔
     

แชร์หน้านี้

Loading...