"จักรวาลของจิตอรหันต์" : องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย Nana nora, 17 พฤษภาคม 2023.

  1. Nana nora

    Nana nora สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    5
    ค่าพลัง:
    +68
    347019000_578616411079320_4805959887669015616_n.jpg

    "จักรวาลของจิตอรหันต์"

    “...เหมือนกับคนแก่ง่อมไป พระแก่ๆ แก่ง่อมไปเลยความรู้สึกอย่างงั้นนะเนี่ย กัณฑ์เทศน์ระยะหลังๆเหมือนกับคนแก่เทศน์เราเช็คดู เอ้า....ทำไมมันเหมือนคนแก่ก็ระลึกไปเมื่อ ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ ที่ผ่านมานี่ ตั้งแต่ที่ขันธ์มันกระเพื่อม ที่ว่ามันสะบัดหรือว่ามันสะดุดหรือว่ามันกระเทือนเลื่อนลั่นก็แล้วแต่ที่จะพูดนะ เช้าตรู่วันที่ ๒๒ ก็ไม่ได้จำเวลาว่าเท่าไหร่นั่นมันก็เป็นมาเลยๆๆ ฝืนให้มันดูนั่นดูนี่ดูอะไรให้มันมีความกระตือรือร้น แต่มันเหมือนกับง่อมไป แก่ง่อมไปเนี่ยดูก็สักแต่ว่าลูกเข้าใจไหม มันเหมือนต่างอันต่างจริงต่างอันต่างอยู่ ตัวที่ไม่สนใจใยดีมันก็โดดเด่นของมันอยู่อย่างงั้น ดูทำไมดูไปไม่มีประโยชน์มันก็โดดเด่นของมันอยู่อย่างงั้น ดูไปสิใครจะดูก็ดูแต่กูไม่ดูกับมึงทำนองนี้

    มันต่างอันต่างจริงต่างอันต่างอยู่ด้วยจักรวาลของจิตจักรวาลของใจ ระหว่างจักรวาลของจิตที่บริสุทธิ์จักรวาลของใจที่บริสุทธิ์ กับจักรวาลของจิตของใจที่ไม่บริสุทธิ์นะ มันเหมือนกับอยู่คนละจักรวาลเลยแต่สัญญาจำได้หมายรู้มันเชื่อมต่อกันได้ยังไงนี่ สัญญาจำได้หมายรู้ตั้งแต่อดีตชาติหลายล้านชาติที่ผ่านมานี่มันเชื่อมต่อกันได้ยังไงเชื่อมต่อแบบไหน เชื่อมต่อไปหยุดที่ขอบจักรวาลไม่ใช่เชื่อมต่อเข้าไปในจักรวาลที่บริสุทธิ์นะ มันเชื่อมต่อเข้าไปหยุดอยู่ในขอบจักรวาลที่บริสุทธิ์ มันเชื่อมต่อกันได้ยังไงเหมือนกับมันยึดกันอยู่ยังไม่พรากจากกัน แต่มันไม่สามารถเข้าไปสู่จักรวาลของบริสุทธิ์ได้นี่แหละที่ว่ามันมหัศจรรย์นั่นมันดูไปก็เหมือนกับแก่ง่อมไปๆแห่งจักรวาลที่ไม่บริสุทธิ์ จักรวาลที่บริสุทธิ์ไม่มีแก่ ไม่มีเจ็บ ไม่มีตาย ไม่มีเกิด ไม่มีจุติเคลื่อนย้ายไปไหนนี่ แต่หากหมุนไปเหมือนกับดวงอาทิตย์กับโลกกับดาวทั้ง 9 ดวง อัศจรรย์ไหมล่ะ ถ้าว่าดวงอาทิตย์มันสว่างไสวมันก็ไม่ได้หยุดอยู่กับที่

    แต่มันก็หยุดอยู่กับที่จะว่าไปก็ไม่ใช่ จะว่าหยุดก็ไม่ใช่ จะว่าไปทำไมมันขึ้นมีดวงอาทิตย์ขึ้น มีดวงอาทิตย์เที่ยง มีดวงอาทิตย์คล้อยบ่าย แล้วก็มีมืดล่ะ เธอจะบอกว่าอะไรเป็นตัวหมุนและอะไรเป็นตัวเคลื่อน พอระลึกถึงพระพุทธเจ้าที่ตรัสถึงเมืองพระนิพพานว่า ไม่ใช่ที่ไปไม่ใช่ที่มาไม่ใช่ที่หยุด จะว่าไปก็ไม่ใช่จะว่าหยุดก็ไม่ใช่จะว่าขึ้นก็ไม่ใช่จะว่าลงก็ไม่ใช่เนี่ย จะว่าไม่ขึ้นก็ไม่ใช่จะว่าไม่ลงก็ไม่ใช่ เราก็เลยระลึกถึงจักรวาลแห่งความบริสุทธิ์ จักรวาลแห่งสว่างเหมือนพระอาทิตย์อย่างงี้ จะว่ามันหยุดก็ไม่ใช่จะว่ามันไปก็ไม่ใช่ไงลูกมันอยู่ของมันอยู่อย่างงี้ นี่แหละที่พระพุทธเจ้าค้นพบจักรวาลใจที่บริสุทธิ์ผุดผ่องที่เรียกว่าจักรวาลจิตอรหันต์

    จักรวาลจิตอรหันต์จักรวาลเมืองพระนิพพานนี่ถ้าจะพูดถึงเป็นสมมตินะ มันเป็นไปได้ยังไงถ้าว่าไม่มีมืดไม่มีสว่างมันก็ไม่ใช่ ไม่มีแจ้งมันก็ไม่ใช่อีก มันก็มีมืดมันก็มีสว่างพูดถึงเมื่อขันธ์ยังอยู่ไงมันจะรู้มืดรู้สว่าง แต่ดวงอาทิตย์มันรู้ว่ามันเป็นดวงอาทิตย์ไหมล่ะ ดวงอาทิตย์มันว่ามันเคลื่อนย้ายไปนู่นไปนี่ไหมล่ะมันพูดได้ไหมล่ะลักษณะอุปมาอุปไมยแห่งจิตอรหันต์นี่อุปมาอุปไมยนะเพียงแต่อุปมาอุปไมยนะ นั่นแหละดวงอาทิตย์มันรู้ว่ามันเป็นดวงอาทิตย์ไหม จิตอรหันต์ก็เฉกเช่นเดียวกันนั่น จิตอรหันต์เขาก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นจิตอรหันต์เพราะอันนั้นเหนือสมมุติ เอ้า... แล้วดวงอาทิตย์ล่ะเหนือสมมุติไหมล่ะ ดวงอาทิตย์เป็นของหยาบหรือของที่ละเอียด ถ้าว่าเป็นของ

    ละเอียดทำไมเราเห็น ถ้าว่าเป็นของหยาบทำไมเราจึงจับต้องไม่ได้อัศจรรย์ไหมลูกนั่นนะ ถ้าว่าจะไปก็ไม่ใช่ จะหยุดก็ไม่ใช่ จะว่าหยาบก็ไม่ใช่ จะว่าละเอียดก็ไม่ใช่ นี้รู้ได้เฉพาะตนตรงนั้นอันนี้พูดถึงสมมตินะ ถึงหากไม่มีบัญญัติพูดถึงสมมุติคือฟังง่ายนั่น

    แล้วใครจะมาแย้ง แย้งก็แย้งกันไม่ได้อีก ก็ดวงอาทิตย์ก็รู้ว่ามีดวงอาทิตย์แต่ไม่มีใครเลยที่เข้าไปอยู่ในดวงอาทิตย์เห็นแต่แสงสว่างก็บอกว่าดวงอาทิตย์มันมีรูปร่างอย่างนี้สันนิษฐานสมมติฐานมันต้องกลมมันต้องอยู่อย่างงี้ มันต้องมีแสงสว่างแบบนี้ก็เห็นมันอยู่อย่างงี้ แต่ไม่มีใครเลยที่เข้าไปใกล้เข้าใกล้ไม่ได้เพราะว่ามันร้อน ถ้าจะพูดถึงอุปมาอุปไมยก็เฉกเช่นเดียวกัน ผู้มีกิเลสเข้าใกล้ไม่ได้นั่น จิตผู้ที่มีกิเลสไม่สามารถเข้าไปเคลือบกับจิตอรหันต์ได้คือเป็นคนละจักรวาล

    พ่อยกให้ฟังเมื่อกี้ไงนี่ก็จักรวาลของจิตที่บริสุทธิ์ก็เปรียบเสมือนดวงพระอาทิตย์นั่น พวกโลกหรือพวกดาวต่างๆไม่สามารถเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ได้แต่หากอยู่จักรวาลรอบกันไป ขั้วต่อของจักรวาลนี่เข้าใจหรือยังตอนนี้ นี้อุปมาอุปไมยมันมันง่ายขึ้น มันเป็นบริษัทบริวารกันแต่ทำไมมันเข้าหากันไม่ได้ล่ะ นี่แหละบริษัทบริวารของดวงอาทิตย์ทำไมจึงไม่สามารถเข้าไปสู่บริษัทบริหารของดวงอาทิตย์ได้ จักรวาลของจิตที่บริสุทธิ์กับจักรวาลของจิตที่ไม่บริสุทธิ์แตกต่างกันมากแต่ว่าทำไมสัญญาจำได้หมายรู้มันดึงรั้งกันอยู่แต่หากอยู่แค่ขอบจักรวาล นี่แหละอย่างงั้นการระลึกชาติของพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์สาวกจึงไม่มีประมาณ ก็ไม่มีประมาณสิ ดวงอาทิตย์นี้ไม่มีประมาณแห่งแสงสว่างว่ามันไปอยู่ที่จุดใดใช่ไหมล่ะ พอเราเกิดมาเราก็เห็นแสงสว่างอยู่อย่างนี้นั่น พระพุทธเจ้าจึงทรงบัญญัติถึงว่าจักรวาลนี้เป็นที่สิ้นสุดของจักรวาล…”

    พระธรรมเทศนา : องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร
    วัดป่าห้วยริน ต.หัวนาคำ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น
    ๒๖ เมษายน ๒๕๖๔
     

แชร์หน้านี้

Loading...