"ฅน"...จอมขมังเวทย์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย paang, 2 มิถุนายน 2009.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    ลังจาก ภาพยนตร์เรื่อง "มหาอุตม์" ออกฉายเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๔๖ และเรื่อง "จอมขมังเวทย์" ออกฉายเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๔๘ เป็นต้นมานั้น ปรากฏการณ์หนึ่งในวงการผู้นิยมเครื่องรางของขลังและลายสักยันต์ ที่ตามมาคือ ฆราวาสจอมขมังเวท ซึ่งถูกเชิญให้ไปร่วมพิธีปลุกเสกวัตถุมงคล รวมทั้งประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ไม่ต่างจากพระ ขณะเดียวกัน สำนักสักยันต์ต่างๆ ก็เกิดขึ้นราวกับดอกเห็นหน้าฝน ที่สำคัญคือแต่ละสำนักต่างมีผู้สนใจไปลงลายยันต์กันมากขึ้น


    [​IMG]


    "คม ชัด ลึก" ได้รวบรวมข้อมูลฆราวาสจอมขมังเวท ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พบว่าสมัยโบราณผู้ที่สร้างวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังไม่มีเฉพาะพระเกจิอาจารย์เท่านั้น ในตำนานจารึกจารเงินจารทองจะพบคำว่า ฤๅษี นักบวช และ ผู้ทรงพรต ในกรณีของการสร้าง พระผงสุพรรณ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พระถ้ำเสือ กรุวัดเขาดีสลัก จ.สุพรรณบุรี รวมทั้ง พระพุทธชินราช วัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร จ.พิษณุโลก ที่มีหลักฐานว่าใช้เวลาหล่อหลายวันก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งมี ชีปะขาว ตนหนึ่ง (ซึ่งน่าจะมาจากรากศัพท์ตาปะขาว หรือผู้ชายที่นุ่งผ้าขาว) มาช่วยหล่อจนสำเร็จ

    นอกจากนี้แล้วยังมีฆราวาสที่สร้างเครื่องรางและวัตถุมงคลในอดีต ซึ่งเป็นที่ยอมรับ มีอยู่หลายท่าน เช่น พล.ร.อ.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ อาจารย์เฮง ไพรวัลย์ อาจารย์ชุม ไชยคีรี สำนักเขาอ้อ อาจารย์นำ แก้วจันทร์ สำนักเขาอ้อ จ.พัทลุง อาจารย์แปลก วัดสะพานสูง อาจารย์เจ็ก มีนบุรี (ศิษย์หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา) หมอน้อย และหมอปลู่ ซึ่งเป็นชาวอ่างทอง

    ช่วง จตุคามรามเทพ ได้รับความนิยมสุดขีด พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ถูกยกให้เป็น "ตำนาน...จอมขมังเวทแห่งทะเลใต้"


    [​IMG]

    หลายคนที่ศึกษาเกี่ยวกับจตุคามรามเทพ จะพบว่าในประวัติต้นกำเนิด มักปรากฏเรื่องราวของขุนพันธฯ ร่วมอยู่ด้วย ซึ่งขุนพันธฯ เป็นเจ้าพิธี อ่านโองการอัญเชิญเทวดาในการลงเสาหลักเมืองนครศรีธรรมราช ที่ได้อัญเชิญองค์พ่อจตุคามรามเทพ มาประดิษฐานภายในศาลหลักเมือง เมื่อพ.ศ.๒๕๓๐

    และที่ดังไม่แพ้กันคือ "ตำนานแห่งศิษย์สายเขาอ้อ จ.พัทลุง" เป็นของ ดร.ไมตรี บุญสูง ถือว่าเป็นผู้เลื่อมใสคาถาอาคม จนได้รับการยกย่องเป็นระดับอาจารย์สืบสานวิชาไสยศาสตร์สายเขาอ้อ จ.พัทลุง ต่อมาท่านได้ถึงแก่กรรมด้วยโรคถุงลมโป่ง เมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๐

    ในขณะที่ อ.ประจวบ คงเหลือ ถูกยกให้เป็น "ทายาทผู้สืบทอดวิชาชั้นสูงเขาอ้อ สายฆราวาสรุ่นปัจจุบัน" ท่านมีหน้าที่เป็นผู้ประกอบพิธีกรรมร่วมกับผู้สืบทอดวิชาเขาอ้อสายบรรพชิต คือ พระอาจารย์ศรีเงิน อาภาธโร รองเจ้าอาวาสวัดดอนศาลา จ.พัทลุง ปัจจุบันมีผู้กล่าวถึงว่ามีฐานะเสมือนเป็นเจ้าสำนักเขาอ้อตัวจริง

    และที่ดังมีชื่อเสียง และลูกศิษย์ทั้งชาวไทยและต่างประเทศมากที่สุดสุดๆ คือ อ.หนู กันภัย อาจารย์สักยันต์แห่ง จ.ปทุมธานี ดังขนาดนางเอกสาวขวัญใจแบรด พิตต์ แองเจลินา โจลี ต้องบินข้ามน้ำทะเลด้วยแรงศรัทธาจนกระหึ่มไปทั่วโลก ขนาดที่ว่าในแต่ละวันต้องเปิดสำนักให้นักข่าวค่อนโลกสัมภาษณ์ ๒๐-๓๐ ช่องต่อวันเลยทีเดียว


    [​IMG]

    สำหรับฆราวาสที่วางมือไปแล้ว คือ อ.วรา ปราการาจารย์ ซึ่งเป็น "เจ้าตำรับ...น้ำมันพรายและยาเสน่ห์"

    อ.วรา เริ่มทำน้ำมันพรายและยาเสน่ห์ต่างๆ มาตั้งแต่อายุ ๑๔ ปี ทำให้เป็นคนเจ้าชู้ เนื่องจากไปเรียนวิชาเหล่านี้จากเพื่อนของพ่อที่เป็นชาวเขมร โดยเขาสอนให้ทำน้ำมันพรายและยาเสน่ห์

    ครั้งแรกที่ทำก็คือ น้ำมันและสีผึ้ง โดยไปหามวลสารที่ จ.นครราชสีมา มาทำน้ำมันครั้งแรก และลองใช้น้ำมันพรายมาอย่างต่อเนื่อง จนตัวเองมีภรรยาถึง ๓๒ คน

    นอกจากที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีสำนักสักย์ยันต์อีกหลายสิบสำนักที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกัน ลัทธิผู้นิยมนับถือฤๅษีก็เกิดขึ้นอีกหลายสิบตน


    [​IMG]

    และหากรวมไปถึงเจ้าสำนักร่างทรงที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ที่มีอยู่ในหลักหลายร้อยสำนัก ประเทศไทยถือว่าเป็นดินแดนแห่ง "ฅน...จอมขมังเวท" โดยแท้จริง แม้จะเป็นเมืองพุทธก็ตาม


    [​IMG]


    ไม่ใช่เรื่องแปลก

    อ.ราม วัชรประดิษฐ์ อาจารย์สาขาวิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก บอกว่า การที่ฆราวาสมีบทบาทในการปลุกเสกเครื่องรางของขลัง ประเภทเป็นเจ้าพิธีนั้น มีมาตั้งแต่โบราณแล้ว เนื่องจากสังคมไทยมีความเชื่อเกี่ยวกับศาสนาพราหมณ์ ตลอดจนวิถีชีวิตที่ผูกพันอยู่กับอำนาจเหนือธรรมชาติ อำนาจตามธรรมชาติ เช่น ฝนตก ฟ้าร้อง น้ำท่วม การเพาะปลูก การประมง การทำมาค้าขาย หรือแม้กระทั่งการทำศึกสงคราม

    บางคนอาจจะเข้าใจว่าการทำพิธีปลุกเสกเครื่องรางของขลังนั้น จะต้องเป็นพระภิกษุเท่านั้น แต่ความจริงไม่ใช่ ในอดีตก็จะใช้ผู้ที่เป็นนักบวช เช่น พราหมณ์ ภิกษุ หรือฤๅษี (เช่น กรณีปลุกเสก พระผงสุพรรณ มีฤาษีเป็นผู้กดนิ้วมือลงบนหลังองค์พระ)

    [​IMG]


    ส่วนในงานวรรณคดีสมัยก่อน ก็กล่าวถึงฆราวาสที่สามารถทำพิธีปลุกเสกเครื่องรางของขลัง หรือวัตถุอาถรรพณ์ ตลอดจนสักเลขยันต์ต่างๆ เอง อย่างกรณี ขุนแผน เป็นต้น

    สาเหตุที่ฆราวาสสามารถปลุกเสกเครื่องรางของขลัง หรือเป็นเจ้าพิธีได้ด้วยตนเองนั้น เข้าใจว่า สืบเนื่องมาจากสมัยโบราณ เพราะฆราวาสเหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะไปร่ำเรียนวิชาอาคมจากสำนักสงฆ์ต่างๆ และตัวเองไม่ได้บวชเป็นพระ หรือนักบวช แต่ยังคงสืบทอดความรู้จากครูบาอาจารย์ และถ่ายทอดสืบต่อกันมา รวมทั้งเป็นกลุ่มที่สามารถอ่านอักขระโบราณ เช่น ขอม บาลี สันสกฤต หรืออื่นๆ ซึ่งมักจะสะสมอยู่ในวัด

    ดังนั้นเมื่อพบศิษย์ฆราวาสที่มีแวว ก็ไม่ต้องการให้วิชาสาบสูญ จึงถ่ายทอดสืบต่อกันมา ส่งผลให้มีลัทธิบูชา หรือสำนักทางเวทศาสตร์ ที่ตั้งตนโดยฆราวาสเกิดขึ้นมากมาย

    "ในปัจจุบันการที่ฆราวาสเป็นเจ้าพิธีมากยิ่งไปกว่าพระภิกษุ หรือนักบวช นั้น ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะถ้าเป็นนักบวชก็มีข้อจำกัด ไม่สามารถทำอะไรได้มากอย่างฆราวาส และฆราวาสที่เรียนรู้วิชา ก็อาจสามารถปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบแห่งความรู้ที่กำหนด เช่น ถือศีล นุ่งขาวห่มขาว ปฏิบัติวิปัสสนาสมาธิ จนมีความบริสุทธิ์ที่จะกระทำพิธีได้ จะเห็นได้ว่าปัจจุบันผู้คนก็นิยมไปหาเจ้าพิธีที่เป็นฆราวาสมากขึ้น อันเนื่องมาจากว่าเจ้าพิธีฆราวาสเป็นผู้ที่ยังเวียนว่ายอยู่ในวัฏสงสาร จึงอาจจะเข้าถึงความรู้สึก ความทุกข์ ความสุข ความต้องการของประชาชนได้ดีกว่า นอกจากนี้ เจ้าพิธีฆราวาสบางรายยังสามารถประกอบวัตถุอาถรรพณ์ทางไสยศาสตร์ได้โดยไม่อยู่ภายใต้กรอบบังคับของนักบวช" อ.รามกล่าว


    ที่มา คมชัดลึก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. yaba150

    yaba150 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    983
    ค่าพลัง:
    +636
    สุดยอดครับ
     
  3. มรรค

    มรรค Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +44
    อ่าฮะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...